
..อนาคตของเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นอย่างไรนะถ้าขาดพี่ติ๋ว
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กๆ ที่ติดเชื้อ HIV ที่นี่ หลายคนมีชีวิตอยู่รอดมาได้เพราะได้รับกำลังใจและความรักจากพี่ติ๋ว
ถ้าพี่ติ๋วจากไป ย่อมส่งผลกระทบถึงจิตใจของเด็กๆ ที่บ้านโฮมฮักทั้งหมด..
ถึงแม้บ้านโฮมฮักหรือมูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ จะยังคงอยู่และมีคนมาสานต่องานของพี่ติ๋ว...
แต่ผมคิดว่า..เด็กๆ ที่นี่คงไม่สนใจในสิ่งเหล่านั้น บ้านโฮมฮักจะยังคงอยู่หรือไม่คงไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ ...
ขอเพียงมีแม่ติ๋วอยู่ด้วย จะอยู่ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้...
บางที....การจากไปของพี่ติ๋วอาจเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเด็กๆ เลยทีเดียว...
ผมไม่อยากจะนึกถึงวันนั้นเลย... ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงคิดเช่นกัน
....วันที่บ้านโฮมฮักมีแต่เสียงสะอื้นไห้ของเด็กๆ คงเป็นสถานที่ที่โศกเศร้าที่สุดในโลก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องราวของพี่ติ๋ว และเด็กๆ ที่บ้านโฮมฮัก..
และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือพี่ติ๋วและเด็กๆ...
ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคสิ่งของ... บริจาคเงิน หรือแม้กระทั่งกำลังใจ
อย่าอายกับการที่เราจะบอกว่าเราไม่มีสิ่งใดจะให้นอกจากกำลังใจ..
"กำลังใจที่ได้รับจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า สิ่งที่เราได้ทำลงไปมันถูกต้อง"...
พี่ติ๋วเคยพูดกับผมว่าอย่างนั้น ………………………………………
ที่มาของข้อมูล
http://board.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&forum=19&No=96725ขอขอบคุณทุกท่าน ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายจากเรื่องราวของ บ้านโฮมฮัก ผมเพียงแค่นำเสนอสาระข้อมูล เล็กๆน้อยๆ กับชีวิตที่เลือกไม่ได้ของพวกเขาเหล่านี้ มาให้เพื่อนๆทุกท่านได้รับทราบกัน ในส่วนของท่านที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดนึง ผมพอจะสรุปพอสังเขปได้ดังนี้ครับผม
บ้านโฮมฮัก ' เป็นบ้านแห่งความรักของเด็ก ๆ นับร้อยชีวิตที่มาอาศัยพักพิงในยามที่ไม่เหลือใคร
เด็กๆ ที่นี่มีทั้งเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอดส์จากพ่อแม่ เด็กกำพร้าไม่ติดเชื้อแต่ถูกชุมชนผลักไสด้วยความรัง
เกียจ เด็กที่พ่อแม่มีปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เด็กที่มีปัญหายาเสพติด เด็กบางคนมาด้วยหัวใจที่แตก
สลายพร้อมกับร่างกายที่บอบช้ำจากการกระทำทารุณกรรมของผู้ใหญ่ เรื่องราวของเด็กบางคนดั่งนิยายที่
กรีดกระชากใจผู้ที่ได้รับรู้
เด็กที่นี่มีทั้งหมด 104 ชีวิต ตั้งแต่อายุ 4 วันไปจนถึง 20 ปี บางรายถูกพ่อแม่เร่ขายให้ไปเป็นขอทาน
บางรายกำลังถูกขายไปเป็นหญิงขายบริการ และอีกหลายกรณีที่สะเทือนใจ อาทิ กรณีของน้องส้ม
(นามสมมติ) เด็กหญิงวัย 3 ขวบ แววตาสดใสน่ารัก แต่โดนผู้ใหญ่ใจโหดร้ายป้ายบาดแผลทั้งร่ายกาย
และจิตใจให้เธอด้วยการข่มขืน เธอมาในสภาพอวัยวะเพศฉีกขาด จิตใจบอบช้ำ ซ้ำร้ายเธอติดเชื้อเอดส์
หรือกรณีของน้องโฟร์ (นาม สมมุติ) พ่อแม่เสียชีวิตเพราะเอดส์ เธอเองก็ได้รับเชื้อเช่นกัน บ้านเธอ
ยากจน ยามหิวโหยก็เคี้ยวข้าวสารประทังชีวิต เพราะไม่มีใครดูแล มีวัดใกล้บ้านเธอจึงไปขอเศษข้าว
เศษแกงประทังชีวิต แต่ซ้ำร้ายโดนพระใจโฉดข่มขืน ทุกวันนี้ร่างกายเธอแคระแกรนเพราะขาดสาร
อาหาร และเอดส์ทำให้เธอมีอาการชักหลายครั้ง จนมีผลทางสมองทำให้เธอพัฒนาการช้ากว่าเพื่อน ๆ
ในวัยเดียวกัน
' แม่ติ๋ว ' ของเด็ก ๆ หรือ สุธาสินี น้อยอินทร์ หญิงเหล็กหัวใจแกร่งที่มีความตั้งใจงานเพื่อสังคมมา
โดยตลอดนับตั้งแต่เรียนจบ จากจุดเริ่มต้นที่ได้ทำงานเกี่ยวกับการดูแลเด็ก โดยไม่รับเงินเดือน จน
กระทั่งมาตั้ง ' มูลนิธิ สุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน ' อยู่ที่เลขที่ 3 หมู่ 12 บ้านประชา
สรรค์ ต.ตาดทอง อ.เมือง ยโสธร โทร 0-4572-2241
แม่ติ๋วก่อตั้งบ้านโฮมฮักมา 20 กว่าปีแล้ว แต่จดทะเบียนเป็นมูลนิธิเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นพินัยกรรมเพื่อ
ความอยู่รอดของเด็กๆเมื่อเธอต้องจากไป ทรัพย์สินทั้งหมด บ้าน รถ ที่ดิน มรดก ของพ่อแม่ก็ขายหมดมา
เป็นค่ายา ค่าอาหาร ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ของเด็ก ๆ ที่สูงถึงเดือนละ 4-5 แสนบาท สุดท้ายแม้
กระทั่งสร้อยที่ใส่ติดคอยังต้องขาย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้เด็กๆ ซึ่งเปรียบเสมือนลูกๆ ของเธอก่อนเมื่อ
เปิดเทอม
แม่ติ๋ว เล่าว่า บ้านโฮมฮักเป็นบ้านหลังที่อบอุ่นเพื่อเด็ก ๆ ที่ยากไร้ ขาดที่พึ่งพิง เราอยู่กันด้วยความรัก
แต่แร้นแค้น ปัจจุบันขายสมบัติจนหมดเกลี้ยงตัว แม้จะมีเงินบริจาคเข้ามาแต่ก็ไม่พอ เด็ก ๆ ที่บ้านโฮมฮัก
ต้องช่วยเหลือกัน แบบพี่ดูแลน้อง ปลูกผัก หาแมลงกินประทังชีวิต แต่ด้วยความแห้งแล้งก็ยากลำบากเหลือ
เกิน แค่น้ำใช้อาบทั้งบ้านก็ไม่พอ จะเอาน้ำที่ไหนไปรดผัก แมลงที่หาได้ต้องเอาไปคั่วแล้วป่น โรยข้าว
เพื่อให้พอกินกันทั้งบ้าน เด็กก็มีแต่ตัวเล็ก ๆ บางส่วนก็ป่วย บางส่วนไปโรงเรียน ที่โตขึ้นมาหน่อยก็ต้องดู
แลน้องตัวเล็ก ๆ ที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และบางคนก็ต้องพยาบาลน้องๆ ที่เจ็บป่วย
' ที่น่าเศร้าใจคือสังคมยังมีการเลือกปฏิบัติและอคติต่อผู้ติดเชื้อเอดส์ เมื่อส่งเด็กไปโรงเรียนต้องหา
โรงเรียนที่ไกลออกไป บางครั้งเมื่อรู้ว่าเด็กมาจากที่นี่ พ่อแม่ ผู้ปกครองก็ประท้วงให้ไล่เด็กออก เพราะ
สังคมยังขาดความเข้าใจว่าไม่สามารถติดเชื้อจากการอยู่ร่วมกัน แต่ติดทางเลือดและการมีเพศสัมพันธ์
เท่านั้น ทำให้ไม่เข้าใจเด็กเหล่านี้ว่าป่วยแค่ร่างกายแต่ยังมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกนึกคิด ร้องไห้ได้
เหมือนกับเรา เด็กเหล่านี้โดนมองเหมือนเป็นตัวประหลาดที่ไม่มีใครอยากเฉียดกรายเข้าใกล้ ขนาด
เหลือแต่ร่างไร้ลมหายใจจะเผาในวัดยังไม่ได้ ชาวบ้านกลัวขี้เถ้าฟุ้งไปในอากาศตกหลังคาบ้านแล้วจะติด
เอดส์กันทั้งหมู่บ้าน ' แม่ติ๋ว เล่าทั้งน้ำตา
มีเด็กระยะสุดท้ายที่แพทย์พิพากษาว่า อยู่ได้อีกไม่ถึงเดือน หรือ 2 เดือน กับเด็กที่แพทย์หยุดยา เพราะ
ดื้อยาแล้ว ส่งมาอยู่รอความตายที่นี่ แต่ด้วยความรัก ความอบอุ่น และบรรยากาศที่ดูแลกันเหมือนพี่น้อง
เด็ก ๆ หลายคนกลับมีชีวิตอยู่ได้เกินกำหนดที่แพทย์บอก เช่น น้องก้อง (นามสมมุติ) มาตอนอายุ 8
เดือน ซึ่งหมอไม่รักษาแล้ว เพราะเชื่อว่าอยู่ได้อีก 2 เดือน แต่ตอนนี้น้องก้องสุขภาพแข็งแรงดี อายุ 12
ขวบแล้ว ช่วยพี่ๆ รดน้ำผักทุกวัน
แต่ตอนนี้ผักปลูกได้น้อย แมลงหาจนไม่มีให้หาแล้ว ข้าวกินได้ครึ่งท้องเพื่อแบ่งอีกครึ่งให้น้อง ๆ ซ้ำร้ายแม่
ติ๋วของเด็กกำลังป่วยด้วย ' มะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ' ซึ่งหมอบอกว่าเธอจะอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน
แต่หัวใจแม่เกินร้อยที่เธอมอบให้เด็กๆ ทำให้เธอสู้ บางคืนเธอถูกรุมเร้าด้วยอาการปวดที่ไม่ได้พักผ่อน
จากการทำงานหนัก พอช่วงกลางคืนถึงกับนอนไม่ได้ ต้องลุกออกมาเดิน หากใครไปบ้านโฮมฮักไม่รู้คน
ไหนแม่ติ๋วละก็ ให้สังเกตที่ข้อเท้าจะมีกระดิ่งเป็นลูกกระพรวนห้อยไว้ เพราะยามเธอออกมาเดิน เด็ก ๆ
ได้ยินเสียงกระดิ่งจะได้ไม่กลัวคิดว่าเป็นผี ... แต่จะมีวันไหนที่แม่ติ๋วไม่ลุกออกมาเดินอีกแล้วก็ไม่รู้ !
?! แล้วเด็ก ๆ จะอยู่กันได้อย่างไร ต้องกำพร้าครั้งที่สองในชีวิตกันอีกแล้วหรือ ?
ปัจจุบันบ้านโฮมฮักกำลังประสบภาวะขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างหนัก และยังขาดครูพี่เลี้ยง ขาดเจ้าหน้าที่
อาสาสมัครที่ทยอยถอนตัวออกไป เราลองมาช่วยกันสร้างปาฏิหาริย์ให้บ้านโฮมฮักเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่
ถูกทอดทิ้ง ใครที่เคยคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นส่วนเกิน เป็นส่วนที่ต้องกันไว้ให้อยู่อีกโลก เป็นอีกชนชั้น
ของสังคม ก็น่าจะมองกันใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเพียงเด็ก เป็นชีวิตที่ไร้เดียงสา แววตาบริสุทธิ์ไม่ได้
รับรู้ถึงเรื่องราวที่ผู้ใหญ่ยัดเยียดให้ เด็กน้อยเหล่านี้เกิดมาจากปัญหาที่พวกผู้ใหญ่สร้างขึ้นทั้งนั้น
ถ้าหากใครได้ไปสัมผัสเยี่ยมเยือน เด็กๆ ที่บ้านโฮมฮัก จะเห็นแววตาที่สดใส ร่าเริง ทุกคนจะดีใจที่มีพี่ๆ
ไปเยี่ยม ยิ่งถ้าไปเล่นไปสัมผัสเด็ก ๆ เหล่านั้นด้วยจิตกุศล ด้วยความรักก็เหมือนได้ต่อเติมชีวิตอันสดใส
จากเด็กที่ไม่ลุกเดิน ซึมเศร้าเหม่อลอย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม เมื่อเห็นผู้มาเยี่ยมเยือนจะดีใจ ลุกขึ้นมาต้อน
รับ มีรอยยิ้ม เพราะนานมากแล้วที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ค่อยมีใครไปเยี่ยมเยือน
' พี่ ๆ จะกลับมาหาพวกหนูกันอีกมั๊ยคะ ' ' พี่หนูอยากได้เสื้อสีแดงไว้ใส่ หนูจะได้ใส่ก่อนตายมั๊ยคะ '
และอีกมากมายคำพูดอันเสียดแทงหัวใจพี่ๆ ทุกคน อยากให้สังคมได้รับรู้ ก่อนจากกันโบกมือลาด้วยน้ำตา
และแววตาของเด็ก ๆ ที่มองรถจนลับตาพร้อมกับความหวังว่า จะมีใครมาเยี่ยมเยือนและนึกถึงพวกเขา
เหล่านั้นกันอีกบ้าง …
สำหรับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคช่วยเหลือเด็ก ๆ โอนเงินไปได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขายโสธร ชื่อบัญชี มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน
เลขที่ 561-2-21187-7 โทร. 0-4572-2241และถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือเรื่องของใช้จำเป็น หรือเป็นอาสาสมัคร สามารถสอบถามได้
ที่
โทร. 0-4572-2241, 08-1075-4953, 08-1067-1626
หรือจะบริจาคเสื้อผ้า หนังสือการ์ตูน หนังสือเรียน ของเล่น และสิ่งจำเป็นได้ตามจิตศรัทธาเป็นของใหม่
หรือของใช้แล้วก็ได้ เพราะของที่ท่านไม่ใช้แล้วยังมีค่ากับเด็ก ๆ เหล่านี้อย่าง มาก