HTG2.club

สอบถามความรู้เรื่องสายสัญญาณครับ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ KJ

  • สมาชิกอาวุโส
  • *****
    • กระทู้: 793
ถูกต้องแล้วครับสายที่เป็น75โอห์มแท้จะมีโครงสร้างที่ทำสายภาพก็ได้ สายดิจิตอลก็ได้  เรื่องของอิมพิเดนซ์ที่มีความสำคัญก็คือหากไม่แมทช์กันจะมีผลต่อการส่งผ่านสัญญาณทำให้การส่งผ่านคลืนความถี่แคบลง  อธิบายง่ายๆก็คือผลก็คือ ช่วงปลายเสียงบนล่างที่ขาดไป  แบบว่าเสียงไปได้ไม่สุด  และทำให้คุณภาพเสียงด้อยลง คุณภาพเสียงด้อยลงกว่าที่ควร กรณีของภาพซึ่งต้องการการส่งผ่านสัญญาณความถี่สูงก็จะทำให้คุณภาพของภาพด้อยลงด้วย  อ้อลืมกล่าวถึงโลหะที่ใช้ครับ  โลหะที่ใช้ในเรื่องสัญญาณดิจิตอล  โลหะเงินได้เปรียบที่สุดครับ  นอกจากนี้ฉนวนก็มีส่วนประกอบที่สำคัญ ตรงจุดนี้ ปราศจากฉนวนดีที่สุดเพราะฉนวนจะมีการดูดซับพลังงานที่ผ่านและสะสมไว้แล้วปล่อยออกคล้ายกับตัวคาร์ปาซิเตอร์ด้วย    แต่หากจำเป็นต้องมี ........ในท้องตลาดทั่วไปฉนวนที่ทำด้วยเทฟล่อนได้เปรียบที่สุดเพราะดูดซับน้อยกว่าเพื่อนเมื่อปล่อยออกจึงน้อยกว่าเพื่อนครับ ดังนั้นการเลือกสายสัญญาณนอกจากจะต้องใช้การฟังเป็นลำดับสุดท้าย  ในเบื้องต้นควรใช้ข้อพิจารณาเหล่านี้เป็นส่วนประกอบด้วยครับ 8)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 ธันวาคม, 2006, 07:28:48 am โดย KJ »


ออฟไลน์ Martra

  • www.vonorfivestars.com
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,390
    • เพศ:ชาย
  • "One Stop Solution for Bed and Bedding Products"
    • http://www.vonorfivestars.com
สายภาพแบบcomposit กับสายดิจิตัล
คืออันเดียวกันเพียงแต่ผู้ผลิตไม่ได้ระบุไว้ครับ
มีบางรายทำการสกรีนบนเส้นว่าเป็น Video/Digital Cable.

ค่าความต้านทานคือค่าเฉลี่ยที่ทางอุตสาหกรรมตั้งมา
จริงๆแล้วความต้านทานมันจะแกว่งตลอด
ดังนั้นสายที่ดีก็คือสายที่คุมค่าความต้านทาน 75 Ohm ได้ดีที่สุดโดยไม่แกว่งขึ้นลงมากมาก...
เราจึงเห็นขั้ว RCA บางเจ้าที่โฆษณาว่า ออกแบบมาที่ความต้านทานนี้โดยเฉพาะเพื่อใช้กับสาย
ดิจิตัล หรือสายภาพ

ยังมีส่วนประกอบอีกสองตัวที่ควรดูในสายสัณญาณ คือค่า Capacitance กับ Inductance
ซึ้งเป็นตัวแปรต่อคุณภาพเสียงของสายเสียง....สายที่ดีควรมีค่า C ต่ำๆ
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยหรือหาเพิ่มเติม ข้อมูลทาง Internet จะอธิบายได้ดีกว่าผมครับ
มีมาฝากเว็ปนึง..น่าจะตอบได้ครบครับ เป็นเว็ปที่ขายด้วย ให้ความรู้ไปด้วย
http://www.bluejeanscable.com/articles/index.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 ธันวาคม, 2006, 11:00:37 am โดย Martra »
Vinyl Sound = Toe Tapping and Heaven on Earth...:dj


ออฟไลน์ nutsaint

  • ****
    • กระทู้: 337
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณมากนะครับ สำหรับคำตอบ แต่ขออนุญาตเป็นเจ้าหนูจำไมอีกทีนะครับ

หากสายภาพมีความต้านทาน 75 Ohm เท่ากัน แถมมีการชิลด์ที่ดีอีกด้วย
แสดงว่า สายภาพดี ๆ สามารถนำไปใช้แทนสาย Digital Coaxial ได้ใช่หรือเปล่าครับ
ในทางกลับกัน สาย Digital Coaxial ก็สามารถนำไปใช้เป็นสายภาพเช่นกัน หรือเปล่าครับ


ออฟไลน์ KJ

  • สมาชิกอาวุโส
  • *****
    • กระทู้: 793
ปกติแล้วสายภาพจะมีการออกแบบพิเศษมีโครงสร้างต่างจากสายเสียง  เพราะสายภาพที่ดีจะต้องจะมีอิมพิเดนซ์ 75 โอห์มมีการชิลด์ที่ดี  ส่วนสายเสียงไม่จำกัดว่าอิมพิเดนซ์จะเป็นเท่าไรดังนั้นจะเป็นเท่าไหร่ก็ได้ ชิลด์ก็ได้ไม่ชิลด์ก็ได้ ดังนั้นสายเสียงมักจะมีอิมพิเดนซ์ไม่แน่นอนว่าจะเป็นเท่าไหร่เพราะการออกแบบไม่จำต้องคำนึงว่าจะมีอิมพิเดนซ์เท่าใด สายเสียงดีๆหากเป็นสายที่มีอิมพิเดนซ์ 75 โอห์ม มีการชิลด์ที่ดี(กล่าวง่ายๆว่าเผอิญออกแบบมามีคุณสมบัติทำนองเดียวกับสายภาพ)ย่อมจะดีกว่าสายภาพธรรมดาทั่วไป  สายดิจิตอลหากเอามาทำสายสัญญาณอนาล็อคก็ทำได้เช่นกันแต่เนื่องจากไม่ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะมักจะสู้สายอนาล็อคยี่ห้อเดียวกันที่ออกแบบมาโดยเฉพาะไม่ได้ครับ
     ส่วนสายซับโดยทั่วไปจะใช้สายอนาล็อกครับเพราะสัญญาณที่มาตรงนี้เป็นสัญญาณอนาล็อค  แต่อย่างไรก็ตามสายซับที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ  เรียกได้ว่าเน้นให้ส่งสัญญาณด้านนี้ได้ดีก็จะให้เสียงย่านนี้ดีกว่าสายทั่วไป....สำหรับทิศทางของสายนั้น   ผมขอให้ความเห็นที่แตกต่างจากคุณ Batman ครับ  หากเป็นสายดิจิตอลการเข้าหัวเท่าที่เคยพบหากเป็นสาย75 ohmแท้มักจะต่อเชื่อมเหมือนกันทั้งสองด้านเพราะถูกจำกัดด้านอิมพิเดนซ์  ส่วนสายเสียงที่มีการชิลด์โดยใช้สายถักเป็นสายชิลด์และไม่ใช้สายกราวด์ร่วมกับสายชิลด์  จะมีการต่อเชื่อมต้นทางและปลายทางไม่เหมือนกันดังนั้นเสียงที่ได้จึงแตกต่างกัน  สายมอนสเตอร์400หากจำไม่ผิดมีสายสีเงินเล็กๆแยกต่างหากแต่มาร่วมกันกับสายสัญญาณและสายที่ทำหน้าที่เป็นสายกราวด์หรือสายที่นำสัญญาณลบ  ต้นทางจะเชื่อมสายสีเงินๆที่เป็นสายเปลือยร่วมกันกับสายกราวด์ส่วนปลายทางไม่เชื่อม  หากสายเส้นใดเชื่อมเหมือนกันทั้งสองด้านนการรับฟังทิศทางของสายเป็นเรื่องของโครงสร้างของผลึก  การผลิตสายเมื่อมีการนำโลหะมายืดออกผลึกโลหะจะมีการเรียงตัวที่แตกต่างกันคล้ายๆกับรูปหางธนู(บางทีพวก Zero Crystal  อาจไม่เป็นแบบนี้เนื่องจากมีการยืดผลึกออกยาวมาก แบบว่าผลึกเดียวยืดออกเป็นร้อยเมตร)ดังนั้น  เมือมีรูปทรงของผลึกที่แตกต่างการเดินผ่านของสัญญาณจึงให้เสียงที่แตกต่างกัน    สายที่ไม่ระบุทิศทางมาเรามักเชื่อมต่อตามตัวหนังสือแต่หากลองสลับด้านดูแล้วด้านไหนเราฟังดีกว่าก็ใช้ด้านนั้นแต่ยังไงก็ใช้ให้เหมือนกันทั้งสองด้านทั้งซ้ายขวาก็แล้วกัน  แต่พึงทราบว่าหากเป็นสายสัญญาณที่มีการเข้าสายที่แตกต่างกันทั้งสองด้านการที่เราเอาด้านที่เขาเชื่อมโดยที่ตั้งใจให้เป็นต้นทางมาเป็นปลายทางความแตกต่างของเสียงไม่ใช่ผลโดยตรงจากลักษณะของผลึกของโลหะและเสียงที่เราได้ไม่ใช่เสียงที่ผู้ผลิตตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น  ส่วนเรื่องการเคลือบเงินคงแล้วแต่เทคนิคของผู้ผลิต  กรณีของยี่ห้อ ออดิโอเควสจะไม่ยอมใช้การเคลือบเงินกับสายเสียงโดยให้เหตุผลว่าเสียงที่ได้ไม่พึงประสงค์ควรใช้สายแบบไม่เคลือบเงินตัวนำควรจะเป็นทองแดงหรือเงินก็ได้ไปในทางเดียวไม่ทางใดก็ทางหนึ่งการเคลือบเงินยี่ห้อนี้จะใช้เฉพาะกับสายภาพหรือสายดิจิตอลโดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นำสัญญาณความถี่สูงได้ดีอันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสายภาพหรือสายดิจิตอลครับ 8)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 ธันวาคม, 2006, 05:02:51 am โดย KJ »


ออฟไลน์ nutsaint

  • ****
    • กระทู้: 337
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ และรบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ

ไม่ทราบว่าสายภาพ กับสายเสียงที่เป็น Analog เป็นสายชนิดเดียวกันหรือไม่
หากมีสายสัญญาณเสียงดี ๆ เหลือ เรานำมาต่อเป็นสายภาพ น่าจะดีกว่าสายภาพทั่ว ๆ ไปหรือไม่ครับ

และหากสาย Digital มีความต้านทาน 75 Ohm สาย Analog มีความต้านทานเท่าไรครับ
แล้วถ้าเราใช้สาย Digital แทนสาย Analog บ้าง จะมีผลอย่างไรครับ


ออฟไลน์ batman

  • ***
    • กระทู้: 102
ต่ออีกนิดครับ ผมชักไม่แน่ใจเรื่องสายซับวูฟเฟอร์ว่าควรใช้สาย analog หรือ digital   อยากให้ผู้รู้หลาย ๆ ท่านมาให้ความเห็นเพิ่มเติมดีกว่าครับ ผมจะได้เช็คความรู้ของผมด้วยว่าผิดพลาดหรือขาดตรงไหน   ส่วนการผลิตสายสัญญาณทองแดงนั้น ใช้ทองแดงเป็นหลัก และเคลือบด้วยเงินครับ


ออฟไลน์ batman

  • ***
    • กระทู้: 102
ชื่อของมันจะบอกความหมายครับ

component = ส่วนประกอบ   สายชนิดนี้เป็นสายภาพ (video) ครับ จะมีสามเส้นย่อย เพื่อแยกสีออกตามแม่สี 3 สี คือ แดง-เขียว-น้ำเงิน (RGB = red/green/blue)

composite = รวมเข้าด้วยกัน   สายชนิดนี้ก็เป็นสายภาพเหมือนกัน แต่รวมเป็นแกนเดียวกัน (โคแอกเชียล) ไม่แยกออกตามแม่สีอย่างสายคอมโปเนนท์

(Co-axial ความหมายคือ Co=together และ axial=axis แกน ดังนั้น โคแอกเชียล = ร่วมแกนเดียวกัน เป็นลักษณะทางกายภาพของสาย ไม่ใช่ชนิดของสายประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ เพียงแต่สายคอมโปสิตกับสายดิจิตอลมันเป็นสายแบบร่วมแกน เราก็เลยมักจะเรียกสายสองอย่างนี้ว่าโคแอกเชียล)

ตามทฤษฏี การแยกสัญญาณออกจากกันควรจะมีคุณภาพดีกว่าการรวมสัญญาณ ดังนั้นสายคอมโปเนนท์ควรมีคุณภาพดีกว่าสายคอมโปสิต ทั้งนี้มีข้อแม้ว่า วัสดุและเทคนิคที่ใช้ในการผลิตเป็นแบบเดียวกันด้วยครับ   นั่นคือสายคอมโปสิตที่ใช้วัสดุที่ดีกว่า อาจให้คุณภาพที่ดีกว่าสายคอมโปเนนท์ที่ใช้วัสดุด้อยกว่า

analog = เป็นสัญญาณไฟฟ้า/คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/คลื่นวิทยุ
digital ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณในลักษณะรหัสเลขฐานสอง 0-1

สายสัญญาณอนาลอกกับสายสัญญาณซับวูฟเฟอร์จึงน่าจะมีลักษณะเดียวกันและใช้ร่วมกันได้ ส่วนสายสัญญาณดิจิตอลซึ่งมีลักษณะเป็นโคแอกเชียล จะมีค่าความต้านทาน 75 ohm   สายที่ระบุว่าเป็นสายอนาลอกจึงไม่ควรใช้เป็นสายดิจิตอล เนื่องจากความต้านทานต่างกัน   แต่สายอนาลอกบางรุ่นบางยี่ห้อ ผู้ผลิตตั้งใจให้เป็นสายอนาลอก แต่ก็ใช้เป็นสายดิจิตอลได้ ตัวอย่างเช่นสาย Supra EFF-i และสาย Wyrewizard Dreamcatcher พวกนี้ใช้เป็นสายสัญญาณเสียงอนาลอกเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำมาใช้เป็นสายภาพ และสายเสียงดิจิตอลได้

วัสดุหลัก ๆ ที่ใช้ทำสายสัญญาณก็มีสองอย่างครับ คือ เงิน และทองแดง ถ้ารวยจริง ๆ จะสั่งใช้ทองคำก็ได้ครับ แหะ แหะ แต่มันเกินเหตุน่ะครับ จะเห็นได้ว่าพวกนี้นำกระแสไฟฟ้าได้ดีทั้งนั้น   เงินนำกระแสได้ดีกว่าทองแดง แต่ราคาแพงกว่ามาก และสายที่ทำด้วยเงินนั้นให้เสียงที่สดใส แต่เบสบางกว่าทองแดง ซึ่งบางท่านอาจไม่ชอบ   ที่ใช้กันมากที่สุดตอนนี้คือใช้ทองแดงบริสุทธิ์ (ยิ่งบริสุทธิ์มากเท่าใดก็ยิ่งแพง) และใช้เทคนิคทำทองแดงให้ปลอดออกซิเจน (OFC = oxygen-free copper) เพื่อลดตัวขวางกระแสไฟฟ้า แล้วเอาทองแดงบริสุทธิ์นั้นมาเคลือบเงินอีกชั้นหนึ่ง จะได้เสียงที่มีลักษณะลูกผสม คือเบสของทองแดงกับกลางแหลมของเงิน

ส่วนเรื่องทิศทางของสายนั้น ผู้ผลิตเขามีการเรียงทิศทางของโมเลกุลของโลหะที่ใช้ทำสาย เพื่อให้สัญญาณไปได้รวดเร็วที่สุด  จึงต้องทำทิศทางของสายไว้ ปกติแล้วก็จะเรียงจากต้นทาง (source) เข้าสู่ปลายทาง (destination) เช่นจากซีดีไปแอมป์ ส่วนสายลำโพงก็เรียงจากแอมป์ไปลำโพง   ถ้าไม่มีลูกศรก็ดูตามที่ผู้ผลิตระบุ อย่างสายซูปราไม่มีลูกศร ก็เรียงโดยดูตัวอักษรจากซ้ายไปขวา เช่น ตรงที่มีระบุยี่ห้อว่า Supra ก็ตรง S นั้นล่ะครับที่เป็นต้นทาง

แต่เรื่องทิศนี้ไม่แน่นะครับ ต้องลองฟังดูว่าทิศไหนเสียงดีกว่ากัน   บางยี่ห้อบางรุ่นต้องกลับทิศ อย่างสาย Monster Interlink 400 (ถ้าจำไม่ผิด) ต้องย้อนทิศครับ แต่ถ้าติดตั้งผิดตั้งแต่แรกก็คงไม่เป็นไรครับ เนื่องจากการเรียงโมเลกุลเป็นไปตามนั้นตั้งแต่แรกแล้วก็ใช้ได้ต่อไปครับ ผมยังเคยต่อสายลำโพง Van Del Hul รุ่น Clearwater ผิดด้วยความที่ไม่รู้เรื่องทิศทางของสายมาก่อน เสียงก็ออกมาดีครับ

เรื่องโครงสร้างของสายสัญญาณ ดูใน google มีให้อ่านเยอะมากครับ หรือจะดูในเว็บของผู้ผลิตก็มีกล่าวไว้ ผมเคยอ่านในเว็บของ Audioquest, Nordost, Supra ได้ความรู้มากขึ้นครับว่าเขาผลิตสายกันอย่างไร   ถ้าชอบภาษาฝรั่งก็น่าจะลองอ่านประกอบดูครับ


ออฟไลน์ nutsaint

  • ****
    • กระทู้: 337
    • เพศ:ชาย
เข้าใจว่าสายสัญญาณที่ใช้ขั้ว RCA มีอยู่ 5 ชนิดดังนี้
สายภาพ Composite และ Component
สายเสียง Analog, Digital Coaxial และ Subwoofer

อยากทราบว่าแต่ละชนิด วัสดุที่ใช้ทำมันต่างกันอย่างไรครับ
สายประเภทใดที่ใช้แทนกันได้ ประเภทใดที่ไม่ควรใช้แทนกัน

คำถามที่ 2 คือ ทำไมทิศทางของสายสัญญาณจึงมีผลกับภาพและเสียงครับ
และสายที่ไม่มีลูกศรมาให้มา จะมีวิธีต่อให้ถูกทิศได้อย่างไรครับ