HTG2.club

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Puppet

  • ****
    • กระทู้: 356
    • เพศ:ชาย
มีรูปตัวอย่างของวงจร Loundness มาให้ดูเพิ่มเติมครับ รูปทางซ้ายกับรูปกลาง ก็คล้ายๆ กับที่ Mr.Q โพสท์ไว้ครับ ส่วนรูปทางขวานั้น มี VR เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตัว เอาไว้ปรับอัตราการเพิ่ม-ลด ความถี่เสียงเพิ่มมาอีกตัวหนึ่ง (ผมเคยเห็นวงจรลักษณะนี้ใน Integrated Amp ของ Denon ครับ)
ข้อมูลส่วนตัวครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=23364.0


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
ขอบคุณ Mr.Q ครับ ถึงแม้ไม่ได้สูตร ชัดเจน แต่ข้อมูล การเพิ่มลด R-C ก็สามารถเอาไปทดลองต่ออย่างมีหลักได้เลยครับ  O0


ออฟไลน์ Mr.Q

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,935
เทคนิคส์ของวงจร Londness คือ cut ที่ความถี่ช่วงเสียงกลางให้เกนลดลงแล้วชดเชยความถี่สูงที่สูญเสียขึ้นมา ฉะนั้นเราจึงรู้สึกว่ามีเสียงทุ้มกับแหลมเพิ่มขึ้นมาไงครับ ดูจากวงจรนี้ครับ C2 กับ R1 จะทำหน้า cut ความถี่ตั้งแต่ย่านกลางต่ำ เช่น 200 Hz แล้วทำการชดเชยความถี่สูงที่สูญเสียไปกับวงจร R1,C2 ด้วย C1 ผ่าน CT ของ VR1 รวม ๆ กันแล้วคือ Boost นั่นแหละครับเพราะว่าถ้าเรากด SW ไว้ที่ตำแหน่ง off ส.ณ.ทุกความถี่จะถูก droup ลง ทีนี้ลองมาดูกับครับว่าเราสามารถเลื่อนการ Boost Cut ได้ ดูจากวงจร C1 ถ้าค่ามากขึ้นจะทำให้ ส.ณ.ผ่านมากขึ้นย่านความถี่ก็จะเลื่อนมาไกล้เสียงกลาวมากขึ้ (1kHz) ถ้าค่านอ้ยก็จะเลื่อนออกไปที่ปลาย ๆ ที่สูงขึ้น ทีนีมาที่ความถี่ต่ำคือ C2,R1 C2 ถ้าค่ามากขึ้นย่านการ Boost Cut ก็จะเลื่อนมาทางที่ 20 Hz ส่วน R1 เป็นตัวกำหนดเกนและย่านความถี่ด้วย ถ้า R1 มีค่ามาก อัตราการ Boost Cut ก็จะต่ำลง เช่นจากค่าเดิม 5.6 k Boost Cut ที่ 6 db แต่ถ้าเพิ่มเป็น 6.8 k อัตราการ Boost Cut ก้จะต่ำลงมา เช่นที่ 4 dbเป็นต้น แค่นี้ก่อนครับ


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
คือผมสังเกต ว่า Pre บางเครื่องพอเปิด Loundness เสียงมันจะจัดจ้านเกินไป แต่บางตัว เปิดแล้วเสียงอิ่มพอดี เลยอยากลองทำดูและคิดว่ามันต้องมีสูตรคำนวน เผื่อๆ ท่านสมาชิกจะทราบบ้างครับ  :secret


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ยังหาไม่เจอเลยครับ มีแต่พวกที่ออกแบบมาแล้ว ที่ใช้กับ vol 100 k 50k 250k 1M ทำนองนี้ครับ ถ้าจะออกแบบเองคงเจอการอ่านตั้งแต่หลักพื้นฐานทาง matchematic ก่อนเรื่อง volume level หลายหน้า กว่าจะเข้ามาสู่ การออกแบบที่เป็นวงจรครับ แต่ก็ไม่ยากสำหรับพี่ Mr. One ที่จะออกแบบเองหรอกครับ ส่วนผมชอบที่จะเอาของที่เขาออกแบบเองมาต่อยอดครับ รวดเร็วทันใจดี  ;D

 ใช่ครับ ของผมที่ใช้ก็หามาจากวงจรที่ออกแบบมาแล้ว
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ แซม

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,185
    • เพศ:ชาย
  • 'จอมยุทธกินบะหมี่'
ยังหาไม่เจอเลยครับ มีแต่พวกที่ออกแบบมาแล้ว ที่ใช้กับ vol 100 k 50k 250k 1M ทำนองนี้ครับ ถ้าจะออกแบบเองคงเจอการอ่านตั้งแต่หลักพื้นฐานทาง matchematic ก่อนเรื่อง volume level หลายหน้า กว่าจะเข้ามาสู่ การออกแบบที่เป็นวงจรครับ แต่ก็ไม่ยากสำหรับพี่ Mr. One ที่จะออกแบบเองหรอกครับ ส่วนผมชอบที่จะเอาของที่เขาออกแบบเองมาต่อยอดครับ รวดเร็วทันใจดี  ;D
http://www.htg2.net/index.php?topic=16726.0

ชนใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
ขอบคุณ Mr.Q ล่วงหน้าครับ

ว่าแต่มันมีอยู่ในหลักสูตรพวกใหน นี่  ??? แนวช่างน่าจะมีใหมครับ เผื่อเดินผ่านร้านหนังสือจะได้เปิดๆดู  ;)


ออฟไลน์ Mr.Q

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,935
ผมลืมไปหมดแล้วครับ เดี๋ยวจะหาสูตรมาให้ครับ แต่ขอบอกว่า Londness ผมขอบายครับ เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว รวมถึง tone control มันมีข้อเสียมากกว่าข้อดีครับ เอาไว้ว่าง ๆ ผมจะออกแบบวงจร(ออกแบบไว้แล้ว)แล้วเอามาให้ทดลองกัน จริง ๆ tone control  ถ้าหากเราออกแบบและเลือกจุดตัดที่เหมาะสมแล้วคือเอาแบบที่เป็นกลาง คุณภาพของเสียงก็ไม่เสียไปมากครับ


ออฟไลน์ Winchester

  • **
    • กระทู้: 52
ผมก้อไม่ได้ไปครับ ผมก้อตอบบ่ได้ครับ 555 ว่าแต่เมื่อไหร่มาเอาแผ่นคอมโพสิทครับผมฝากพี่อู๋ไว้นานแล้วเด้อ


ออฟไลน์ Kayhack

  • *****
    • กระทู้: 505
    • เพศ:ชาย
ผมไม่ได้ไปเที่ยวครับคุณ Mr.Q แต่ตอบไม่ได้  :shutup


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
อ้าว ไปเที่ยว ปีใหม่กันหมด หรือไงนี่ ม่ายมีใครตอบ เยย  :cry2


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
มีใคร ทราบวิธีการคำนวน R,C ในวงจร Londness ทีติด Volume บ้างครับ  ;)