Home Theater Guide webboard > มุมอื่นๆ (นอกเรื่อง) :
สัจจะแห่งชีวิต
xthaix:
เป็นเรื่องที่เพื่อนส่งมาให้น่ะครับ เห็นว่ามีสาระดีมาก ก็เลยคิดถึงเพื่อนๆ ใน Htg2 จะได้ร่วมอ่านกัน
ที่จริงเป็น ...ก้อนหิน ...กรวด ...ทราย...น้ำ...น่าจะลงตัวกว่า... :)
ดาวเหนือ:
--- อ้างถึง ---"ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทสนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว
คู่ชีวิต
การเรียน สุขภาพ ลูก และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริง
สูญเสียไปไม่ได้...."
"...เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่น
ๆ ที่เหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ
แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้....
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน
คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตเต็มแล้ว...เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด
ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน..."
"...ชีวิตของคนเราทุกคน..ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็ก
ๆ
น้อย ๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า...
--- End quote ---
เป็นข้อคิดที่ดีมากๆครับคุณไท....
(งวดนี้มาแปลก...กว่าที่เคยนะครับ ;D)
Golf:
--- อ้างจาก: AnalogLism ที่ 20 พฤษภาคม, 2005, 04:30:19 pm ---แต่ที่ผมได้ยินมา อาจารย์เค้าเทเบียร์ลงไปอ่ะครับ คือไม่ว่าชีวิตนะยุ่งยากแค่ไหน ก็ยังมีที่ว่าสำหรับเบียร์อยู่ ;D อ้าว Cheers
--- End quote ---
ได้อ่านอันเดียวกันแน่เลยครับ
เริ่มแรก มีก้อนหิน ก้อนกรวด ทราย ... และก็ เบียร์ ... เ้อ้า Cheerrrrrrrrrrrrrrr ;D
AnalogLism:
แต่ที่ผมได้ยินมา อาจารย์เค้าเทเบียร์ลงไปอ่ะครับ คือไม่ว่าชีวิตนะยุ่งยากแค่ไหน ก็ยังมีที่ว่าสำหรับเบียร์อยู่ ;D อ้าว Cheers
redbook:
เยี่ยมครับ มีเรื่องมาแจกบ้างครับ ไม่ว่ากันนะ �:)
"ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นผู้ทำงานหนักอุทิศเวลาให้กับครอบครับ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และช่วยเหลือเพื่อนฝูงอยู่ตลอด เขาเริ่มที่สนใจในเรื่องการใช้ชีวิตที่มีความสุข โดยได้ศึกษาคำสอนทางศาสนา เขามีแรงศรัทธามากว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และอยากให้คนอื่นๆมีความสุขอย่างที่เขาเข้าใจ �เขาจึงเริ่มถ่ายทอดความรู้ให้กับเพื่อนๆที่ทำงาน พยายามพูดคุยโน้มน้าวให้มาสนใจและปฏิบัติกัน �พยายามทำเวลาผ่านไปหลายเดือน เลยปี ก็รู้สึกว่าเพื่อนๆไม่ค่อยสนใจในเรื่องที่เขาพยายามจะบอกให้ เขาจึงเลิกแนะนำเพื่อนๆ
เนื่องจากเขาได้พบปะกับญาติพี่น้องเป็นประจำมา จึงได้แนะนำญาติพีน้องเมื่อมีโอกาส เป็นแรมเดือน ได้พยายามลองอย่างเต็มที่เช่นเดิม มีคนที่สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง ทำไปทำมารู้สึกว่าไม่ง่ายที่จะชักชวนจึงเปลี่ยนกลุ่มมาเป็นพ่อแม่ของตนเพราะอยู่บ้านเดียวกัน เขาพยายามชักจูงโน้มน้าวในพ่อและแม่ของเขา ช่วยเหลือให้ไปทำกิจกรรมต่างๆ พ่อและแม่ก็พยายามทำตามและเริ่มมาปฏิบัติมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างที่ชายหนุ่มได้แนะนำทั้งหมด จนกระทั่งพ่อและแม่ตายจากไป
เขาจึงคิดว่ายากไปอีก หลังจากที่เขาแต่งงาน ทีนี้ก็เป็นคนใกล้ชิดที่สุดที่น่าจะเป็นผลสำเร็จ คือภรรยาแสนรักนั่นเอง เจอกันทุกวัน กินข้าวด้วยกัน นอนเตียงเดียว แถมพูดภาษา (ใจ) เดียวกันด้วย เขาก็พยายามโน้มน้าวโดยใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งเป็นผลสำเร็จมาหลายปี แต่ตอนหลังๆภรรยาเขาเริ่มไม่สนใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะมีกิจกรรมต่างๆมากขึ้น ต้องเลี้ยงลูก ดูแลบ้านเรือน งานก็เยอะแยะไปหมด
ชายหนุ่มตอนนี้กลายเป็นชายเริ่มแก่ ก็เริ่มมาคิดต่อว่าจะไปชักชวนใครอีกดี คนรอบข้างที่เขาพยายามชักชวนช่วยเหลือ หมดแล้ว แม้กระทั่งคนที่ใกล้ชิดที่สุดที่เขามีเวลาให้เต็มที่แล้ว ทีนี้จะเหลือใครอีก ? �เขาเริ่มเห็นว่าถ้าไม่มีใครฟังเขา เขาก็สอนตัวเองก็แล้วกัน ได้เริ่มปฏิบัติตามคำสอนให้เป็นผลสำเร็จกับตัวเขาเอง เขาไม่พยายามกลับไปโน้มน้าวคนอืนอีกเพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่ �เขาลองทบทวนเวลาที่เขาใช้ไปในความพยามยามของเขาทั้งหมดกับผู้อื่น เวลาช่างผ่านไปเร็วมากตั้งเกือบ 20 ปี !"
เรื่องนี้เตือนใจได้ดีเหมือนกัน น้ำใจซึมไปกับเม็ดทราย ไม่ใช่น้ำใจที่เริ่มต้นจากนักเรียนที่เราสอนหรือคนอื่นที่เราอยากให้เขาเป็น แต่เริ่มต้นที่ตัวเราก่อนได้ เวลาผ่านไปไม่หวนกลับ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเราละเลยตัวเองนะครับ �
สังคมน่าอยู่เริ่มที่เราก่อนครับ :)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version