อยากทราบวิธีคำนวณหม้อแปลง power ครับ บอกผมหน่อยนะ เคยใช้แต่โปรแกรมสำเร็จรูปครับ 
ยินดีครับ
เอาหลักการก่อนนะครับ - แกนเหล็กแต่ละชนิดมีความสามารถในการรับเส้นแรงแม่เหล็กไม่เท่ากัน เปรียบเหมือนกับเส้นลวดทองแดงที่มีความสามารถในการรับกระแสได้ไม่เท่ากัน ความสามารถในการรับเส้นแรงแม่เหล็กจะเทียบกับพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก ผมชอบใช้หน่วยที่เป็น เส้นต่อตารางนิ้ว (lines/square inch) เพราะมันให้ความรู้สึกดีกว่าว่ามีเส้นแรงแม่เหล็กกี่เส้นต่อพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กที่มีหน่วยเป็นตารางนิ้ว
- ในการออกแบบหม้อแปลงจะต้องไม่ให้เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากกว่าที่แกนเหล็กนั้นจะรับได้ ถ้าเส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากกว่าที่มันจะรับได้จะเกิดการอิ่มตัวของแกนเหล็กครับจะทำให้ไม่มีการเหนี่ยวนำเกิดขึ้น หม้อแปลงจะเกิดการถ่ายเทพลังงานหรือทำให้เกิดแรงดันจากขด prim ไป sec ได้ด้วยอาศัยการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ถ้าแกนเหล็กอิ่มตัวก็จะกลายเป็นหม้อไม่แปลง ณ ขณะนั้น

- เหล็ก S14 ใช้ค่า 64500 เส้นต่อตารางนิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ต่ำกว่าแกนเหล็กจะอิ่มตัว
- การสูญเสียในการแกนเหล็กส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าจะให้เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้าออกแบบให้เส้นแรงแม่เหล็กมากที่พื้นที่หน้าตัดแกนเหล็กเท่ากันจะทำให้การสูญเสียในแกนเหล็กมากกว่าออกแบบให้เส้นแรงแม่เหล็กที่น้อยกว่า
มาดูความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ จาก V x 100,000,000 = 4.44 x B x F x N x A
V คือ แรงดันไฟที่เราต่อเข้าไปที่ขด prim ปกติไฟบ้านเราเดี๋ยวนี้เป็น 230 V.
B คือ ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กที่แกนนั้นจะรับได้ เช่น S14 ใช้ 64500 เส้นต่อตารางนิ้วหรืออาจจะใช้ค่าต่ำกว่านี้ก็ได้ถ้าอยากให้เส้นแรงแม่เหล็กเกิดขึ้นน้อย
F คือ ความถี่ 50 Hz
N คือ จำนวนรอบที่พันที่ขด prim
A คือ พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก คิดที่พื้นที่แกนตรงกลางของเหล็ก EI คำนวณออกมาให้เป็นหน่วยตารางนิ้ว แล้วให้หักส่วนที่เป็นฉนวนที่หุ้มแผ่นเหล็กแต่ละแผ่นนำมารวมกัน ถือว่าประมาณ 5% ของพื้นที่แกนเหล็กที่คำนวณได้
ใส่ตัวเลขลงไปในความสัมพันธ์ก็จะได้ 230 x 100,000,000 = 4.44 x 64500 (หรือที่ต้องการ) x 50 x N x (0.95 XA)
ก็จะได้จำนวนรอบที่จะต้องพันที่ขด 230 V หรือขด prim นั่นเองครับ
ต่อไปก็คำนวณหาจำนวนรอบที่ต้องพันแล้วทำให้เกิดแรงดันขึ้น 1 V. หรือที่เค้าเรียกว่า turn per volt (TPV) นั่นแหละครับ
ดังนั้น TPV = N ที่คำนวณได้ หารด้วย แรงดัน 230 V .................***
TPV ที่ได้จะเอาไปคำนวณหาว่าที่แรงดัน sec ที่ต้องการจะต้องพันกี่รอบ โดยการเอา TPV ไปคูณกับแรงดันที่ต้องการก็จะได้จำนวนรอบที่จะต้องพัน
ต่อไปก็มาดูว่าจะต้องเลือก *****ลวดทองแดงเบอร์ไหนมาใช้ที่ขด SEC **** ก็ดูจากตารางลวดครับ เช่น ลวดเบอร์ 19 swg ทนได้ 2.5 A เบอร์ 18 swg ทนได้ 3.5 A ก็เลือกให้เหมาะกับที่เราจะเอาไปใช้งานนะครับ เช่น สมมติว่าไส้หลอดกินกระแส 2 A. อาจเลือกเบอร์ 19 swg ก็เหลือๆ แล้วครับ อย่างนี้เป็นต้นนะครับ
*** วิธีเลือกขนาดลวดที่จะใช้พันที่ขด prim *****
- ให้คำนวน แรงดัน x กระแส แต่ละขดด้าน SEC เช่น ขดไฟจุดไส้หลอด 5 V กินกระแส 5 A. จำนวน 1 ขด ก็จะได้ 5x5 = 25 VA ถ้าเป็นขด เช่น 250-0-250 จ่ายให้วงจรทั้งหมด 100 mA และถ้าเราใช้หลอด Rectify แบบ Full wave ก็จะได้ 250 x 0.1 = 25 VA (ไม่ใช่ 500 x 0.1 นะครับเนื่องจากแต่ละขดทำงานคนละทีหรือเรียกว่าคนละครึ่งไซเคิ้ล)
- รวม VA ของแต่ละขดที่คำนวณได้มารวมกัน
- VA ของขด 230 V ควรจะเท่ากับ VA ที่คำนวณได้จากขด SEC ทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงจะมีการสูญเสียไม่ว่าจะที่แกนเหล็กหรือที่ความต้านทานของลวด prim ถือว่ามีการสูญเสียสัก 20% ดังนั้นเราก็ต้องเพิ่ม VA ให้ขด prim เพื่อชดเชยความสูญเสียเหล่านั้นซะอีก 20% นั่นก็คือ คูณ VA ที่คำนวนได้จากขด SEC ทั้งหมดด้วย 1.2 ก็จะได้ VA ของขด prim
- นำค่า VA ที่คำนวณได้มาหารด้วย 230 V ก็จะได้กระแสที่เกิดขึ้นในขด prim เอาตัวเลขนี้แหละครับไปเลือกเบอร์ลวดที่จะเอามาพันขด prim.
ต่อไปก็ต้องมาคำนวณละครับว่าจะลงลวดในแกนเหล็กได้หรือเปล่าอันนี้ก็สำคัญครับ ว่าที่คำนวณมาทั้งหมดจะเอาไปใช้ได้จริงหรือเปล่า ถ้าลงลวดได้โดยไม่ล้นแกนก็ถือว่าประสบความสำเร็จถ้าล้นแกนก็ต้องมาปรับเปลี่ยนกันใหม่ เช่น เปลี่ยนแกนเหล็กให้เบอร์ใหญ่ขึ้นแต่ยังมีพื้นที่หน้าตัดที่คำนวณแล้วเท่าเดิม เนื่องจากพอเบอร์แกนเหล็กใหญ่ขึ้นก็จะได้ช่องที่จะใส่ลวดที่กว้างขึ้น หรืออาจจะใช้แกนเบอร์เดิมแต่เพิ่มจำนวนแผ่นเหล็กมากขึ้นเป็นการเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก แล้วเราก็มาคำนวณใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้จำนวนรอบที่พันแต่ละขดน้อยลง ก็แล้วแต่ว่าจะเลือกใช้แบบไหนนะครับ

วิธีการคำนวณว่าจะลงลวดได้พอดีหรือเปล่าคงจะทราบแล้วนะครับ