HTG2.club

ถามเรื่อง Output Impedance ของ Preamp หน่อยครับ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ yoss

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,175

ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
R grid มีมากๆ ก็มี capacitance แฝงมากเหมือนกันครับ ไปรวมกับ miller effect ที่อยู่ในหลอดยิ่งมากเข้าไปอีก

miller effect เกิดจากค่า capacitance ที่มีค่ามากขึ้นตาม gain ของหลอดครับ ค่า input capacitance รวมของหลอดคือ

Cin = Cgk + Cgp*(A+1)

Cgk คือ ค่า capacitance ระหว่าง grid กับ cathode
Cgp คือ ค่า capacitance ระหว่าง grid กับ anode
A คือ gain ของหลอดณ.ขณะนั้น

ยกตัวอย่าง 845 มี Cgp 13.5pF และ Cgk 6pF

ค่า capacitance รวมคือ 6pF + 13.5*(5.3+1) = 91.05pF

คิด 91.05pF ที่ 20KHz จากสูตร R = 1/(2piFC) จะได้ Rin ประมาณ 87K

โดยสรุปแล้ว ตัว 845 เองที่ 20KHz มี input imp ประมาณ 87K เอาไปขนานกับ 100K Rgrid จะได้ประมาณ 47K ถ้า R grid มี capacitance แฝงเข้ามาจนควรจะเอามารวมด้วยจะทำให้ input imp ลดลงไปอีก (ค่า R ยิ่งสูง capacitance แฝงยิ่งมาก) ลองคำนวนดูกับหลอดเบอร์อื่นๆสิครับ อาจจะตกใจเลยก็ได้ โดยเฉพาะพวกหลอด hi-mu ทั้งหลาย

จากการคำนวนด้านบน จะเห็นว่าควรใช้ driver ที่มี Input imp ต่ำกว่าซัก 5 เท่าในการ drive ถ้ามี imp สูงเกินไป gain จะตกลงครับ

แต่หลอดบางหลอดสามารถใช้ Rgrid ในการ bias หลอดก็มี เรียกว่า contact bias ซึ่งทำให้ไม่ต้องใช้ R cathode ก็ยังได้ ในขณะที่หลอดบางเบอร์อย่าง 50 ไม่แนะนำให้ใช้ R grid เกิน 10K เพราะอาจจะ develop gas ในหลอดได้ ตรงนี้คงต้องดู datasheet ของมันครับ


ออฟไลน์ yoss

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,175
ต่ออีกนิดนึงว่าทำไม output imp ควรจะมีค่าต่ำๆ

จากรูป
Rin = Output imp ของ preamp
Rload = input imp ของ poweramp
V = Vin + Vload

ให้ i คือกระแส
V = i (Rin + Rload)
i = V / (Rin + Rload)
ถ้า Rin หรือ output imp มีค่าครึ่งหนึ่งของ input imp
จะได้ Rin = 0.5Rload
และ i = V/1.5Rload

เพราะฉนั้น Vin หรือ voltage ที่ตกคร่อม Rin คือ
Vin = i x Rin
Vin = (V/1.5Rload) x 0.5Rload
Vin = 0.33V
ส่วน Vload เท่ากับ 0.67V

จะเห็นว่าถ้า output imp ของ preamp เท่ากับ input imp ของ poweramp จะได้ voltage เหลือครึ่งเดียว หมายถึง gain ลดลงครึ่งนึง เพราะอีกครึ่งนึงอยู่ในตัว preamp เอง เพราะฉนั้น output impedance ควรจะต่ำว่า input impedance ของภาคถัดไปอย่างน้อย 3-4 เท่าตัวครับ ไม่งั้น gain ของ preamp หายหมด



 Y] มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นทางที่ดีผมก็ไปเพิ่ม Rg ของภาค Input ของ power amp น่าจะง่ายที่สุดไช่ไหมครับที่จะทำให้เราหา Preamp มาขับได้ง่ายๆ ถ้าเพิ่มมันดื้อๆจาก 100k เป็นสัก 150k-200k จะได้ไหมครับ ผมเห็นแอมป์หลอดวงจรโบราณๆบางตัวใช้ตั้ง 1M แต่ผมเคยอ่านหนังสือ (จากไหนจำไม่ได้แล้ว) เขาว่า input imp ต่ำๆมีข้อดีเรื่องสัญญาณรบกวนที่ต่ำกว่าด้วยไม่รู้จริงไหม รบกวนคุณ Karin จ่วยเปรียบข้อดีข้อเสียเรื่องการใช้ Rg ของภาค Input ของ power amp (หลอด)  ระหว่างค่าต่ำๆกับค่าสูงๆให้หน่อยสิครับ ม่าเป็นอย่างไร อะไรได้ อะไรเสีย ขอบคุณครับ


ออฟไลน์ WIM

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,396
    • เพศ:ชาย
แต่ในหลอดค่าRเพลตและมิวมันไม่คงที่ เปลี่ยนตามสัญญาณ(กระแสเพลต)จึงใช้หลักการนี้ไม่ได้ เลยต้องเผื่อไว้  ผมเคยดูสัญญาณออกจากDACตอนเปิดเพลงจะอยู่โดยเฉลี่ย0.5-1.0โวลท์ แต่ช่วงหัวโน๊ตเช่นจากกลองหรือเบสอาจพีคไปถึง4โวลท์ ถ้าไม่เผื่อไว้หมดแรงเสียงป้อแป้แน่นอน
อารมณ์สร้างดนตรี......ดนตรีสร้างอารมณ์... :)
http://www.htg2.net/index.php?topic=54247.msg647885


ออฟไลน์ WIM

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,396
    • เพศ:ชาย
น่าจะคล้ายกับวงจรข้างบน vจะจ่ายกำลังมายังRloadได้มากที่สุดเมื่อRload=Rin ถ้าRLน้อยกว่าRiกำลังจะไปอยู่กับRiมากกว่า(P=I^2R) ถ้าRLมากกว่าRiกระแสทั้งวงจรจะน้อยทำให้กำลังน้อย ตามmaximum power transfer theorem ประมาณดิฟ dPRL/dRL=0 จะได้ RL=Ri
อารมณ์สร้างดนตรี......ดนตรีสร้างอารมณ์... :)
http://www.htg2.net/index.php?topic=54247.msg647885


ออฟไลน์ ลำน้ำ

  • >> Voodo SilverMica Cable <<
  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,211
    • เพศ:ชาย
ต่ออีกนิดนึงว่าทำไม output imp ควรจะมีค่าต่ำๆ

จากรูป
Rin = Output imp ของ preamp
Rload = input imp ของ poweramp
V = Vin + Vload

ให้ i คือกระแส
V = i (Rin + Rload)
i = V / (Rin + Rload)
ถ้า Rin หรือ output imp มีค่าครึ่งหนึ่งของ input imp
จะได้ Rin = 0.5Rload
และ i = V/1.5Rload

เพราะฉนั้น Vin หรือ voltage ที่ตกคร่อม Rin คือ
Vin = i x Rin
Vin = (V/1.5Rload) x 0.5Rload
Vin = 0.33V
ส่วน Vload เท่ากับ 0.67V

จะเห็นว่าถ้า output imp ของ preamp เท่ากับ input imp ของ poweramp จะได้ voltage เหลือครึ่งเดียว หมายถึง gain ลดลงครึ่งนึง เพราะอีกครึ่งนึงอยู่ในตัว preamp เอง เพราะฉนั้น output impedance ควรจะต่ำว่า input impedance ของภาคถัดไปอย่างน้อย 3-4 เท่าตัวครับ ไม่งั้น gain ของ preamp หายหมด


ขอบคุณครับ สุดยอดของความเข้าใจเลย

ขอรบกวนเพิ่มอีกนิดครับ
ถามว่าว่าทำไม imp ของขา plate หลอด power และ ขด primary ของ opt
ควรจะเท่ากัน เพื่อให้ watt สูดสุดด้วยครับ
โปรดดู ข้อมูลส่วนตัวผมครับ.... ของที่มีอยู่แล้วไม่มีปัญญาทำให้เสียงถูกใจได้ ไม่ต้องหวังจะซื้อมาเพิ่ม ต่อให้ของชั้นเทพ ... มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ถ้าไร้ความพยายาม...ว่าแล้ว htg2 ไม่ได้ดั่งใจ เป็น ebay เลยดีกว่าหมดตัวเร็วดี


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
ต่ออีกนิดนึงว่าทำไม output imp ควรจะมีค่าต่ำๆ

จากรูป
Rin = Output imp ของ preamp
Rload = input imp ของ poweramp
V = Vin + Vload

ให้ i คือกระแส
V = i (Rin + Rload)
i = V / (Rin + Rload)
ถ้า Rin หรือ output imp มีค่าครึ่งหนึ่งของ input imp
จะได้ Rin = 0.5Rload
และ i = V/1.5Rload

เพราะฉนั้น Vin หรือ voltage ที่ตกคร่อม Rin คือ
Vin = i x Rin
Vin = (V/1.5Rload) x 0.5Rload
Vin = 0.33V
ส่วน Vload เท่ากับ 0.67V

จะเห็นว่าถ้า output imp ของ preamp เท่ากับ input imp ของ poweramp จะได้ voltage เหลือครึ่งเดียว หมายถึง gain ลดลงครึ่งนึง เพราะอีกครึ่งนึงอยู่ในตัว preamp เอง เพราะฉนั้น output impedance ควรจะต่ำว่า input impedance ของภาคถัดไปอย่างน้อย 3-4 เท่าตัวครับ ไม่งั้น gain ของ preamp หายหมด


ออฟไลน์ ธีรพัชร์ TJAM

  • *****
    • กระทู้: 745
ถามหน่อยครับ ถ้า Output Impedance ของ Preamp ของเราสัก 50K พอจะขับ Power amp หลอดที่มี Input Impedance สัก 100 K ได้ไหมครับ
  ลองบอกวงจร จะขัดเจนขื้นครับ

อย่างย่อๆนะครับ

Preamp หลอด E80F/EF86 Anode resister 47-68k Cathode resister 1k ไม่มี cathode bypass capacitor B+ ประมาณ 200-250V

Power amp หลอดแรกเป็นวงจร Plate load ธรรมดา หลอด 12AU7 Rg=100k ครับ
   ตอนนี้ผมก็ลองเ่ล่น Pre.แบบ Anode Follower อยู่ ดูจาก DATAหลอดเขาจะแนะนำให้ Rgภาคถัดไปค่าเป็น 3เท่าขึ้นไปของRp หลอด
  Input Impedance 100 K ค่า Rpหลอดควรจะราวๆ 33K ซึ่งจะเหมาะกับพวก ECC88 ECC84ซึ่มี rp ภายในต่ำ มากกว่า
แต่จากการลอง Rp47K กับ 12AU7 12AT7 12BH7 6FQ7 6SN7 เสียงก็ดีครับ แต่กับ12AX7ซึงมี rp สูง เสียงไม่มีแรงครับ
  ส่วน EF86ยังไม่ได้ลองครับ คุณ yossลองดูได้ไม่เสียหายอะไรครับ
    Output Impedance = rp//Rp  ถ้ามี Rgด้วย  Zo = rp//Rp//Rg ครับ
      แก้ไข   Zo = rp//Rp//Rg ผิดครับ   ถ้ามี Rg (หลังC คลัปปลิ้ง)    Input Impedanceของ Amp. = Rg//Rin  ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 เมษายน, 2008, 09:55:08 am โดย ธีรพัชร์ TJAM »


ออฟไลน์ Withaya

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,390
ก็เปลี่ยน R grid ของพาวเวอร์แอมป์เป็น 200K สิครับ  จะลด R load เป็น 47K ก็ยังได้ น่าจะสวยกว่า  แต่กระแสแค่นิดเดียว อย่าลากสายยาวแล้วกันครับ


ออฟไลน์ yoss

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,175
ประมาณว่าพอไปเจอวงจรนี้เข้าเขาแนะนำว่า Input impedance ของภาคถัดไป 200K up ทั้งทั้งที่มี Cathode bypass ทำให้ Output impedande ต่ำแล้วเลยไม่ค่อยมั่นใจน่ะครับผม


ออฟไลน์ yoss

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,175
ถามหน่อยครับ ถ้า Output Impedance ของ Preamp ของเราสัก 50K พอจะขับ Power amp หลอดที่มี Input Impedance สัก 100 K ได้ไหมครับ
  ลองบอกวงจร จะขัดเจนขื้นครับ

อย่างย่อๆนะครับ

Preamp หลอด E80F/EF86 Anode resister 47-68k Cathode resister 1k ไม่มี cathode bypass capacitor B+ ประมาณ 200-250V

Power amp หลอดแรกเป็นวงจร Plate load ธรรมดา หลอด 12AU7 Rg=100k ครับ


ออฟไลน์ ธีรพัชร์ TJAM

  • *****
    • กระทู้: 745
ถามหน่อยครับ ถ้า Output Impedance ของ Preamp ของเราสัก 50K พอจะขับ Power amp หลอดที่มี Input Impedance สัก 100 K ได้ไหมครับ
  ลองบอกวงจร จะชัดเจนขื้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 เมษายน, 2008, 03:11:25 pm โดย ธีรพัชร์ TJAM »


ออฟไลน์ yoss

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,175
ถามหน่อยครับ ถ้า Output Impedance ของ Preamp ของเราสัก 50K พอจะขับ Power amp หลอดที่มี Input Impedance สัก 100 K ได้ไหมครับ