หัวข้อ: มาเข้าใจ watts , dB จะได้เข้าใจว่า ต้องเลือก ลำโพง เครื่องขยายขนาดไหน

[hormonics]

ขอบคุณครับ สำหรับกระทู้ดีๆ

ผมอยากให้ช่วยแนะนำหน่อยครับ

 1 ว่าลำโพงความไวสูงนอกจาก FOSTEX แล้วอย่างอื่นมีมั่ยครับ เช่น แปดเหลี่ยม นี่ความไวประมาณเท่าไรครับ
   หรือ 30 บาท ของอมร เป็นยังไงครับ

 2  ช่วยแนะนำลำโพงที่ความไวพอรับได้แต่ราคาไมาแพงมากด้วยครับ

เพราะเป็นทางออกสำหรับการที่จะไม่ใช้แอมป์วัตต์สูง  เป็นความรู้ให้ท่านอื่นๆด้วยครับ

[PINIJ]

ได้อ่านแล้วรู้สึกถึงความตั้งใจที่เจ้าของกระทู้ยอมสละเวลาอันมีค่า มาเขียนให้พวกเราได้อ่าน และเข้าใจกันได้อย่างง่ายๆ  ก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมากครับ (ถึงเคยอ่านมาแล้ว ก็ลืมหมดแล้วเหมือนกันครับ)

ชอบใจตรงนี้มั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นที่สุดครับ

มีเครื่องเยอะไม่แท่หรอกรกบ้าน

ยุคนี้คงต้องช่วยกันประหยัดเพื่อชาติละครับ กระทู้นี้ถือว่าเยี่ยมมากๆ ละครับ ที่ช่วยชี้แนะ ให้พวกเรา คิดก่อนทำ จะได้ไม่ต้องหลงทางทำกันหลายเครื่อง หรือเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้จบ แย่งเงินค่าขนมของลูกๆ และของครอบครัวกันละครับ (บางคนอาจจ่าย มากกว่าพวกที่เล่นเครื่อง Commercial กันซะอีก ลองกับไปคิดกันดูให้ดีๆ นะครับ บางทีแฟนเขาก็เกรงใจไม่กล้าบ่น เพราะเราเป็นคนหาเงิน) เมื่อได้เสียงพอใจแล้วก็ควรหยุด นอนฟังเพลงอยู่กับบ้านก็จะไม่พบปัญหาตามข้อความข้างล่างนี้ละครับ

แต่แฟนผมเขาปล่อยให้เพราะว่า งานอดิเรกนี้ ดีกว่าสนุกนอกบ้านเพราะ อาจมีของฝากที่มีและไม่มีชีวิตกลับบ้าน

แต่...เอ! ข้อความข้างล่าง ดูมันค้านกับข้อความข้างบนนะครับ ผมว่าเอาเงินไปหาเพลงดีๆ แบบชื้อจากต้นฉบับจาก Studio 24/192 กันมาฟังจะดีกว่าไหมครับ? เพื่อนผมลองฟังมาแล้ว เขาบอกว่าเหมือนนั่งอยู่ในห้องอัดกันเลยละครับ

ถ้ากำลังทรัพย์ พอเพียง เวลาเหลือเฟือ มีความสุขในงานอดิเรกนี้ ลุยไปเลย แล้วอย่าลืม post มาให้เพื่อนๆอ่านด้วยครับ  ขอให้มีความสุขในการฟังดนตรี

ผมจึงอนุญาตขอเสนอแนะอีกหนทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้เราหลงทางในการหาเสียงที่ถูกใจเราจริงๆ เราควรเลือกลำโพงที่ถูกใจเราให้ได้ก่อนอื่นใดทั้งหมด คือเมื่อเรารู้ว่าเราชอบเพลงแบบไหน? เราต้องเลือกลำโพงที่ถูกใจเราที่สุดเป็นสิ่งแรกนะครับ เช่นผมชอบคลาสสิก ตอนนี้ลำโพงที่เล่นกับเพลงพวกนี้แล้วถูกใจที่สุดคือ QUAD ESL 63 (ผมคิดว่าความไวของมันคง 80dB ขึ้นมานิดหน่อยเองละครับ) แล้วเพลงคลาสิกมีเครื่องดนตรีหลายๆ  ประดังขึ้นมาพร้อมๆ และมีเสียงจากกลองใบใหญ่ๆ ออกมาบ่อยๆ

แล้วเสียงจากหลอดเป็นสิ่งที่ผมชอบ ก็ต้องศึกษากันไปว่า  SE Amp ไม่เหมาะเพราะมีความเพี้ยนมาก ตอนเพลงโหมโรงกันออกมามันก็จะมั่วกันไปหมด มันจึงหนีไม่พ้น  PP Amp ที่มีกำลังวัตต์สูงๆ สักประมาณ 100Wrms (มากกว่านี้ก็ไม่ดี มันจะเกิดการอาร์ค ข้างในแผ่นลำโพงครับ เรื่องพวกนี้เราก็ต้องศึกษาลำโพงที่เราเลือกให้ดีเสียก่อนด้วยละครับ) กว่าผมจะสรุปออกมาตรงนี้ก็เสียเวลาและเงินไปพอสมควร กว่าจะรู้บทสรุปในเรื่องนี้ได้ถูกต้อง เลยเขียนขึ้นมาให้เป็นแนวทางการเล่นเครื่องเสียงกันนะครับ

แต่ในบางครั้งเราต้องการฟังเพียงเบาๆ แอมป์อีกตัวที่กินไฟน้อยๆ เปิดฟังได้ทั้งวันก็ควรมีไว้นะครับ อันนี้เพื่อการประหยัดพลังงานครับ

ถ้า Compromise เอาแบบ พอรับได้ เอาที่  Volume 50% แล้วได้จุดที่เราพอใจ  Distortion แม้  3% หูเราก็จับไม่ได้หรอก กำลังของเครื่องขยาย (วัตถ์) อาจจะเล็กลง  6 ถึง 10 เท่า จาก  845 อาจเหลือ  เป็น แค่ 1 ถึง 2 วัตถ์ ก็ได้ ทั้งหมดนี้เป็นคร่าวๆในห้องขนาดปกติขนาดกว้างยาว สามถึงห้าเมตร  ตอนนี้พูดถึงความดังและเสียงที่พอรับได้

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ผมเคยใช้ 2A3 ขับลำโพง 85 dB (FOCUS FS68 ที่เขาว่ากันว่ามันขับอยาก)  ผมก็พอใจมันอยู่หลายปีเลยทีเดียว เสียงของมันก็ออกมาครบในระดับความดังที่พอใจพอสมควรละครับ แต่สุดยอดมันต้อง Solid State 250Wrms ต่อข้าง (เปิดความดังโดยรวมก็เท่าเดิม) แค่เสียงเบสมันดีเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง เสียงส่วนอื่นก็ยังแย่กว่า  2A3 ซะอีก (เพราะมันเป็นเสียง  SS ที่ผมไม่ชอบละครับ)

แอมป์ 5W กับ 10W เปิดที่ความดังสูงสุดทั้งคู่ เกือบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย

แต่บางครั้งเราต้องการกำลังวัตต์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า ไม่ใช่ต้องการเสียงที่ดังเพิ่มขึ้น ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเสียงมันเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเท่า เราเพียงแค่ต้องการให้เบสมันควบคุมได้ดีขึ้นอีกเล็กน้อยก็จะอยู่ในจุดที่เราพอใจแล้ว (ในระดับความดังโดยรวมเท่าเดิมนะครับ) ผมคิดว่าส่วนมากเราต้องการกำลังวัตต์เพิ่ม ไม่ใช่เพื่อความดังโดยรวมเพิ่ม จริงๆ แล้วแอมป์ 2-3 W ก็ให้เสียงดังโดยรวมออกมาจนเราพอแล้ว แต่คุณภาพของเสียงเบส เสียงกลางของเปียโน ฯ ที่การการกำลังวัตต์เพิ่มขึ้น ตามการขับยาก ง่าย  ของลำโพงแต่ละคู่เท่านั้น

สรุปคือผมขอให้เลือกลำโพงที่ชอบเสียงก่อนแล้วค่อยทำแอมป์ให้เหมาะกับมันครับ ถ้าคนนั้นต้องการฟังเพลงกันจริงๆ  (ที่ไม่ใช่นักทดลอง นักศึกษา เสียงจากหลอดเบอร์ต่างๆ หรือก็คือนักฟังเครื่องครับ)

[jirawut]

  ผมก็พลาดอ่าน  ปีที่แล้วตกหล่น ไปตอนไหน กระทู้นี้มีประโยชน์ ครับ  

[มุมคนรักหลอด]

นานแล้วครับ ผมเคยทำ SE 12AX7 ใช้กับลำโพงวิทยุธานินทร์ ที่แกะมาจากวิทยุ AM-FM เสียงดังดีมาก ๆ ฝังในห้องขนาด 2.5x2.5 เมตร 

[san]

ขอบคุณท่านผู้เขียน
ขอบคุณท่านผู้ขุด
ขอบคุณครับ

[Amadeus]

พลาดกระทู้นี้ไปได้ไงเนี่ย....ขอขุดขึ้นมาอีกทีแล้วกันนะครับ เผื่อพี่ๆ น้องๆยังไม่เคยอ่าน

[Tube Collector]

คำถามคุณ LEXS

สิ่งแรกที่น่าจะทำคือไปหา คนที่มีSystem ที่เป็นหลอดอยู่แล้วขอฟังหน่อย  อาจเอา CD เพลงโปรดเราไปด้วย  ถ้าเราเจอะเพลงที่เราคิดว่าเสียงแบบนี้ ดังเท่านี้เราชอบ สิ่งที่ต้องบันทึกมีดังนี้
1. ลำโพงที่เราฟังและชอบนี้ Gain กี่ dB. สายลำโพงยาวแค่ไหน
2. เครื่องเสียงที่ฟังและชอบใช้หลอดแบบไหน เป็น SE หรือ Paralell ขนาดกี่วัตถ์  Volume เป็นแบบ Linear ( KB ) หรือ Log Scale (KA)  Volume หมุนไปกี่ %
3. Source ของเสียงเป็น CD  หรือ Phono Source  , Source Max เป็น 2Vpp  หรือ 1Vpp หรือ ตำกว่านั้น
จากนี้เราจะสามารถหาวัตถ์ ที่ต้องการฟังได้  แล้วคิดกลับ  อ่านกระทู้ทีเขียนไปแล้วหลายครั้งแล้วคิดตมจะเข้าใจ

เครื่องขยายที่เปิด Volume (แบบ LinearKB )=10%  Log Scale (Ka) 5%  หรือเสียงพอใจ
 จะมีDistortion ตำ น้อยกว่า 1%  มือโปรชอบ แต่ต้องใช้เครื่องขยายวัตถ์สูงอาจต้องใช้เงินเยอะ เผลอด้องเล่นกับไฟสูง

ถ้า compromise เอาแบบ พอรับได้ เอาที่ volume 50% แล้วได้จุดที่เราพอใจ Distortion แม้ 3% หูเราก็จับไม่ได้หรอก
กำลังของเครื่องขยาย (วัตถ์) อาจจะเล็กลง 6 ถึง 10 เท่า จาก 845 อาจเหลือ  เป้น แค่ 1 ถึง 2 วัตถ์ ก็ได้
ทั้งหมดนี้เป็นคร่าวๆในห้องขนาดปกติขนาดกว้างยาว สามถึงห้าเมตร  ตอนนี้พูดถึงความดังและเสียงที่พอรับได้

ถ้าจะเอาแบบหยดหย้อย ต้องว่ากันอีกยาวครับ

[Tube Collector]

คำถาม : รบกวนถามผู้รู้หน่อยครับ ผมมีลำโพง JBL L100 Century (sensivity=91dB) ถ้าทำamp 2A3 SE มาขับจะไหวไหมครับ

ทั้งหมดขึ้นกับว่าขนาดของห้องใหณ่ขนาดไหน  ฟังดนตรีชนิดไหน (Bass เยอะหรือเปล่าว)ชอบเสียงสูง มาก
โดยปกติ ลำโพง 91dB ค่อนข้างไว  ดังน้อยกว่า 97dB (แบบทีพรรค Fostex)ใช้ เพียง 4เท่า ถ้าห้องไม่ใหญ่ กับ 2A3
น่าจะพอ พวก 2A3 หรือถ้าทุนน้อย  ลองพวกแอมป์มด พวก 1 ถึง 1.5 วัตถ์ ลองตามดูกระทู้ คุณพ่อน้องเปรียว หัวหน้าพรรค ANATA
และคุณอู๋ (Papaone ) ผู้คุมกฏ พรรค ผมว่า สองท่านนี้ดี กระตุ้นให้ใช้ทรัพยากรที่มีได้อย่างคุ้มค่า  ผมเห็นด้วยไม่แพงก็เสียวได้
(เสียวไส้ไฟดูด แค่  200กว่าโวลต์เอง)

[LEXS]

แอมป์ w สูงก็จะยิ่งจะเพิ่ม Distortion ตามไปด้วย   

ผมเข้าใจว่าคุณ Tube Collector หมายถึงว่าเมื่อแอมป์ต้องทำงานที่กำลังสูงๆ distortion จะสูงตามขึ้นไปโดยไม่เป็น linear ครับ ไม่ใช่แอมป์ที่มีกำลังมากๆ จะมี distortion มากขึ้น

แอมป์กำลังสูงหน่อย ส่วนมากจะมี distortion ต่ำกว่าแอมป์กำลังต่ำณ.การทำงานที่ได้กำลังออกมาเท่ากัน เช่น แอมป์ 10W กับแอมป์ 30W  ถ้าให้กำลังขับออกมา ที่ 10W ถ้าเป็นแอมป์หลอด ค่า distortion จะประมาณ 5-10% ซึ่งถือว่ายอมรับได้ ส่วนตัวหลังที่ 1/3 ของ power ที่มันสามารถทำได้ (ส่วนมาก)จะมี distortion ต่ำว่าตัวแรกครับ

งั้นถ้าเราฟังเพลง แล้วพอใจความดังที่ w เท่าไรแล้ว     เราควรออกแบบแอมป์ที่มี power สูงกี่เท่าดีครับ เพื่อความคุ้มค่าที่สุด

[DIY Bebop]

รบกวนถามผู้รู้หน่อยครับ ผมมีลำโพง JBL L100 Century (sensivity=91dB) ถ้าทำamp 2A3 SE มาขับจะไหวไหมครับ

[Tube Collector]

ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับน้องๆที่เริ่มเป็น DIY ที่เพือนๆช่วยตอบมาแม่นแล้ว และขออนุญาติ อธิบายเพิ่มเติม กรุณาพิจารณาหลังอ่าน อย่าเชื่อผม ทุกอย่างเสมอไป  ทุกอย่างในชีวิต รับฟังมากๆ หาอ่านมากๆ( ในแหล่งที่เชื่อถือได้ไม่ใช่ เขา โปรโมทสินค้า ) แล้วไตร่ตรอง สุดท้ายมั่นใจ85%ในการตัดสินใจ
1. ความสามารถในการแยกเสียงที่มาจากจุดเดียวกันแต่กำลัง ต่างกัน เนื่องจาก Ear Drum ในหู เป็น lOG sCALE  เป็นตามที่ คุณ LN Audio ได้กรุณาอธิบายไว้
2. Amp วัตถ์สูง 845 ที่ 50 วัตถ์ เปิด 5% ออกมา 2.5W มี THD(Total Harmanic Distortion )น้อยกว่า  2A3 เปิดที่ 100% (Max Volume ) เราพูดถึง
   ความดังและ THD ไม่พูดถึงคุณภาพของเสียง  และชนิดและขนาดของลำโพงที่ใช้ (dB) ทั้งนี้บนข้อจำกัดว่า ภาคจ่ายไฟทั้งหมดต้องจ่ายได้เกินความต้องการ
3. Bandwidth นั้นไม่ขึ้นกับขนาดกำลังของเครื่องขยายเสียงแต่ขึ้นอยู่กับ การจัดวงจร ( R/C), Frequency response ของ Capacitor แต่ละชนิด(Pollyester
   Malar(ชื่อการค้าของ Dupont Polyester),Polystyrene ,Ply proplene, Polestester Film/ Foil ,PIO (Paper in oil) Ceramic ,Electrolytic ,Tantalum
   แม้ค่าเดียวกัน แต่ผลตอบสนองต่อความ   ถี่ไม่เท่ากันถ้าเข้าใจ Capacitor จะสามารถ จูนเสียงเครื่องขยายได้   ยี่ห้อและความเชื่อว่าแพงต้องดี ไม่แน่เสมอไป
   R/C Circuit ไม่ว่าเป็น C+R(Low Pass Filter)R+C(High Pass Filter),R//C(Time constant)C เปลี่ยนไปมีผลต่อ-3dB Corner roll off ที่ความถี่ตำ/ความถี่สูง
   เท็คนิคการพันหม้อแปลงเสียง (ไม่พูดถึงขนาด เพราะเกี่ยวกับ ชนิดของเหล็ก และ Mu) เพราะ หม้อแปลงเสียงมีค่า Stray Capacitance (C)มาสัมพันธ์กับ L
   มีผลอย่างมากกับ Band-width ของ เครืองขยาย  1oK แย่กว่า 5K แย่กว่า 2.5K( 2A3 จีนเลยเกิด) ไม่เชื่อไปเปิด Spec Output ของTango,Hammond ดู
4 ยี่งไฟสูงยี่งทำยากเพราะว่าเพราะว่าอุปกรณ์ ที่ทน 1000V และมีคุณภาพดีแพงกว่า 300-500V  3-4 เท่าตามที่ คุณแม็ก บอก หลอดไฟสูงใช้ OPT ค่าสูง
   ไฟสูงไม่มีผลกับ Distortion ถ้าออกแบบวงจรมาดี มีผลบ้างกับ Push Pull Amplifier เนื่องจากจุดต่อสัญญาณ ข้างบน/ล่างอาจขลิบง่ายขึ้น ไม่ใช่ว่า Push Pull
   ไม่ดี แต่บางจุดประสงค์ จำเป็นต้องการกำลังที่สูงขึ้น ถ้าใช้ SE จะแพงมหาศาล (SE 500W ก็ทำได้แต่แพงกว่า Push-pull 500W อย่างน้อย 20 เท่า)

ข้อแนะนำส่วนตัวของ dIy รุ่นใหม่  1-4W แต่ใช้ของดีตามกำลังกระเป๋า ลำโพง dBสูงตามกระเป๋า เครื่องเดียวก็เสียวได้ มีความสุขในการฟัง สุขภาพจิต+เงิน สมบูรณ์
มีเครื่องเยอะไม่แท่หรอกรกบ้าน (รวมทั้งผมด้วย) แตแฟนผมเขาปล่อยให้เพราะว่า งานอดิเรกนี้ ดีกว่าสนุกนอกบ้านเพราะ อาจมีของฝากที่มีและไม่มีชีวิตกลับ บ้าน
ถ้ากำลังทรัพย์ พอเพียง เวลาเหลือเพือ มีความสุขในงานอดิเรกนี้ ลุยไปเลย แล้วอย่าลืม postมาให้เพื่อนๆอ่านด้วยครับ  ขอให้มีความสุขในการฟังดนตรี

[Mr.Q]

Amp Watt สูง ความความเพี้ยนต่ำกว่า Amp Watt ต่ำในทุกกรณีครับ อย่าลืมว่าความเพี้ยนไม่ใช่มีเพียงแค่รอยต่ออย่างเดียวครับ แถม Amp Watt สูงยังมี Band Wide กว้างกว่า Waat ต่ำอีกครับ

[ISOPHON]

แฟนท่าน Decibel หูไม่ค่อยดี ท่านเลยค้นพบ สมการ

[Karin Preeda]

แอมป์ w สูงก็จะยิ่งจะเพิ่ม Distortion ตามไปด้วย   

ผมเข้าใจว่าคุณ Tube Collector หมายถึงว่าเมื่อแอมป์ต้องทำงานที่กำลังสูงๆ distortion จะสูงตามขึ้นไปโดยไม่เป็น linear ครับ ไม่ใช่แอมป์ที่มีกำลังมากๆ จะมี distortion มากขึ้น

แอมป์กำลังสูงหน่อย ส่วนมากจะมี distortion ต่ำกว่าแอมป์กำลังต่ำณ.การทำงานที่ได้กำลังออกมาเท่ากัน เช่น แอมป์ 10W กับแอมป์ 30W  ถ้าให้กำลังขับออกมา ที่ 10W ถ้าเป็นแอมป์หลอด ค่า distortion จะประมาณ 5-10% ซึ่งถือว่ายอมรับได้ ส่วนตัวหลังที่ 1/3 ของ power ที่มันสามารถทำได้ (ส่วนมาก)จะมี distortion ต่ำว่าตัวแรกครับ

[Mc]

สรุปแล้ว เราควรทำแอมป์ W น้อยๆ เสียงดีๆ จะได้ลดต้นทุนลงอีกมาก และไปหาลำโพงดีๆ dB เยอะๆ มาใช้จะดีกว่าใช่หรือไม่ครับ
เพราะ แอมป์ w สูงก็จะยิ่งจะเพิ่ม Distortion ตามไปด้วย   

ใช่ครับ ในวงจรที่ใช้ไฟเลี้ยงสูง ๆ ค่า หม้อแปลง และ เรคติไฟร์ แพงพอ ๆ กับหลอด NOS  ดี ๆบางเบอร์ เลยครับ C ภาคจ่ายไฟ แรงดัน 350-450 โวลท์หาง่ายกว่า ราคา ถูกกว่า 600 โวลท์ขึ้นไปมาก สำหรับผม ประมาณ 2-4 วัตต์ก็พอแล้วครับ

[LEXS]

สรุปแล้ว เราควรทำแอมป์ W น้อยๆ เสียงดีๆ จะได้ลดต้นทุนลงอีกมาก และไปหาลำโพงดีๆ dB เยอะๆ มาใช้จะดีกว่าใช่หรือไม่ครับ
เพราะ แอมป์ w สูงก็จะยิ่งจะเพิ่ม Distortion ตามไปด้วย   

[Karin Preeda]

เท่าที่ผมอ่านมา ปกติหูคนเราจะได้ยินเสียงดังเป็นเท่าตัวทุกๆความดังที่เพิ่มขึ้น 10dB ครับ

หมายความว่า

แอมป์ 1 W ขับลำโพงที่ประสิทธิภาพ 95dB /W ที่ 1W ได้ยินเสียง 95dB
แอมป์ 10W ขับลำโพงที่ประสิทธิภาพ 95dB /W ที่ 1W ได้ยินเสียง 105dB ได้ยินดังกว่าแอมป์ 1W ประมาณเท่าตัว
แอมป์ 100W ขับลำโพงที่ประสิทธิภาพ 95dB /W ที่ 1W ได้ยินเสียง 115dB ได้ยินดังกว่าแอมป์ 1W ประมาณสี่เท่าตัว หรือสองเท่าตัวของ 10W

เพราะฉนั้นแอมป์ 5W กับ 50W ดังกว่ากันประมาณเท่าตัวสำหรับหูคนเรา
แอมป์ 5W กับ 10W เปิดที่ความดังสูงสุดทั้งคู่ เกือบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย

[nim]

ขออนุญาต Copy เก็บไว้อ่านครับพี่ ความรู้ดีๆเช่นนี้

[Tube Collector]

ขอแก้ไขนิดนึง  สำหรับวัตถ์  6dB = 4 เท่า ผมพิมพ์ สลับ

[Tube Collector]

ต้องขอโทษที่ยกกระทู้นี้ ที่เหมือนกับง่าย ๆกับเพื่อนๆ ที่เข้าใจเรื่องนี้แล้วแต่คิดว่าน้องๆ หลายคนที่ไม่มีความรู้เรื่องช่างอาจจะไม่เข้าใจ ผมพยายามพูดอย่างง่ายที่สุด

วัตถ์   :(watt หรือ ย่อว่า W.) วัตถ์เป็นกำลัง  ไม่ว่าเป็น ความถี่เสียง  ความถี่วิทยุ  หรือ กำลังส่งของสายนำแสง (Fiber -optic) การกำหนดค่า 1 วัตถทางไฟฟ้า
dB    : (Decibel) เป็นหน่วยวัด การเปรียบเทียบ ทางไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น  ระดับไฟฟ้า (Volt "V.") dB V หรือ ระดับกำลังไฟฟ้า ( dBW)
การเปรียบเทียบ กำลังวัตถ์   มีสูตรว่า  = 10 log  (Power 1/ Power 2) การเปรียบเทียบระดับไฟ Volt มีสูตรว่า 20 log (volt 1/Volt 2 ) เริ่มยากแล้ว
อธิบายง่ายๆ  : 1. สำหรับวัตถ์ (Watt) 3dB = 2เท่า ( 10log3) , 4dB=6เท่า(10 log6)         ,10dB = 10 เท่า ( 10 log10 )
                   2 เมื่อเทียบลำโพงขนาด 85 dB กับ  95 dB  หมายความว่า เมื่อให้ กำลังจากเครื่องขยายเสียงเท่ากันเช่น 1 วัตถ์ แก่ลำโพง สองอันนี้
                     สมมุติว่าอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน สภาพห้องเดียวกัน เครื่องเสียงเดียวกัน  ลำโพง 95 dB ดังลั่นเลย แต่ ลำโพง 85 dB จะดังค่อยกว่า 95 dB 10เท่า
                     อาจจะไม่ได้ยินเลยก็ได้
                  3. เรามีเครื่องขยาย  2A3 ขนาด 2.5W (Volume 10%linear) กับลำโพง 87 dB  เกิดไม่ชอบใจจะเปลี่ยนมา เป็น 300B ประมาณ 5W [บน Input
                     เท่ากัน)เสียงที่ท่านได้ยินจะดังขึ้นอีก 1 เท่า  และเท่ากับเครื่อง 2A3  ปรับ Volume จาก 10% มาเป็น 20%
                  4 ถ้าเรามีห้องขนาดใหญ่ หรือโรงหนัง หรือชอบฟังเพลงหนักๆ Bass มากๆ  ปัจจุบันท่านมี่เครื่องขยาย 2.5W ลำโพง 87 dB
                     และจากการคำนวณทางการนำเสียง(Accoustic Testing )ต้องการ 97 dB level.
                     มีทางเลือก 3 ทาง , 1  เพิ่ม Volume ของAmp จาก 10% ไป 100% แต่เสียงที่ท่านได้ยังค่อยไปประมาณ 26%(Log 1)ไม่พูดถึงคุณภาพเสียง
                                              2  ใช้ลำโพงตัวเดิม 87dB แต่เปลี่ยนเครื่องขยายที่ดังขึ้นอีก 10 เท่าเป็น  25W เช่น    SE 845
                                              3  ใช้ เครื่องขยายเดิม 2A3 2.5W แต่ไปซื้อลำโพงที่ไว้ขึ้น 10 เท่าเช่น Fostex  ขนาด 97 dB
                 5 ความเพียนของเสียง (Audio Distortion ) ผกผันไม่เป็นเส้นตรงกับ ความแรงของกำลังที่ออกมา(W) เครื่องขยายที่ 10% มี Distortion น้อย
                   มากกว่าเครื่องขยายที่ Volume 90%(ขยายมาก Distortมาก) และ Distortionที่เพิ่ม  ที่ลำโพง น้อยกว่า Distortion ที่เพิ่มขึ้นที่ เครื่องขยายเสียง

 สรุป ถ้าไม่พูดถึงความเนียน ความอิ๋ม ความหวานของเสียงที่หาคำจำกัดความยากมาก ตามแต่หูและ รสนิยม ความเคยชิน และเพลงที่ฟัง อารมณ์ของหลอด (อันนี้
       ชอบถาม)และอื่นๆตอนนี้พูดแต่ความคัง   ถ้าเราเปิดเครื่องขยายของเราในที่เราพังที่ Violume 10-20% แล้วเพลงที่เราชอบ ดังค่อยไป ถ้าเปิดVolumeมากขึ้น
       แล้วจะเพี้ยน  คุณอาจจะต้องการลำโพงที่ ไวขึ้น 3-6 dB อาจจะต้องเปลี่ยนลำโพงจาก 87 dB เป็น 90-93 dB หรือ ซื้อเครื่องขยายตัวใม่เป็น 300B(ดังขึ้น 1
       เท่า) หรือ 845 แล้วแต่ว่าตรงไหนเสียเงินมากกว่า  อันนี้ เปรียบเทียบที่ Audio Distortion ที่วัดที่จุดเดียวกันมีค่าคงเดิม

       นักเล่นคนหนึ่ง มี่ 300B  (6W) ใช้ลำโพง 95dB Volume =5% พอใจในเสียงที่พังมากเกิดถูกหวยงวดใหญ่ มีเงินเยอะ ไปถอย 833 ( 50W สมมุติ 60W) มา
       ใช้กับลำโพงตัวเดิมที่ เดิม 95 dB แค่ขยับVolume นิดเดียวก็ดังจนหนวกหู  ยังงี้อาจเสียเงินเปล่าว ต้องยกเครื่องขยาย หรือ ลำโพงอย่างใดอย่างนึงให้ผมใช้
       แล้วซื้ออะไรที่ขาดที่ มีdB ลดลง  การเปลี่ยนเครื่องขยาย 60W เป็น 6W ลดลง 10 dB

หวังว่าข้อมูลอันนี้จะช่วยประกอบการ คิดในการวางแพนจัดหาอุปกรณ์ DIY ของเรา ทั้งหมดนี้พูดถึง ความดัง ไม่เปรียบเทียบ ความอิ่ม ความนุ่ม ความหวาน
ความใหญ่ความหนัก  ความสะใจ  ความพอใจ  ความอยากได้  และอื่นๆ ขอให้ เล่น DIY อย่างมีความสุข อะไรก็ตามที่เรามีความสุข ตามทางที่ชอบ และและความพอใจ ไม่ว่าSystem เล็ก หรือใหญ่ ก็ดีทั้งนั้นครับ   เพราะพวกเราทุกคนเป็นคนฟังเอง แบกเอง จ่ายเงินเอง เครื่องเสียงที่ทุกท่านมีอยู่เวลานี้ดีที่สุดแล้วครับ 
ขอให้มีความสุขในการพังดนตรีต่อไปครับ

สวัดดี