ขออนุญาตนำเอาบทความของคุณนิวัต พุทธประสาท
คัดมาจาก : อิเล็กทรอนิกส์แฮนด์บุ๊ค Vol.122 No.15 ตุลาคม 2549
เพื่อสลับฉากกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆทีมีอยู่ทุกวี่ทุกวัน หันเข้าหาความสุขในการฟังดีกว่าครับ ทิ้งเรื่องซีเรียสๆกันบ้างครับ
กลับมาเล่นแผ่นเสียงกันเถอะ
ในยุคดิจิตอลครองเมือง กลับมีกระแสใหม่เกิดขึ้น คือ มีนักฟังเพลงกลุ่มหนึ่งกลับไปหายุคเก่า ที่คุณพ่อ คุณแม่ยังสาว นั่นคือ กลับ ไปหาเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซึ่งเป็นระบบเสียงแบบอะนาล็อก เพราะเหตุผลกลใด ที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่สนับสนุนระบบเสียงระบบดิจิตอล ทั้ง ๆ ที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาถูกกว่าเครื่องเล่นในแบบดิจิตอลมากมายนัก ฤๅ...เสียงแบบอะนาล็อกจะดีกว่า ?
ปี 1980 ข่าวคราวของแผ่นคอมแพ็คดิสก์หรือ CD ทำ ให้คนชอบฟังเพลงมีความหวังว่า จะมีฟอร์แมตใหม่มารองรับเทปคลาสเซ็ตที่เก็บได้ไม่นาน คุณภาพต่ำ ขณะที่แผ่นเสียงก็ไม่มีความสะดวก เพราะควาใหญ่โตของมัน แถมยังมีต้นทุนสูงอีกด้วย การมาถึงของแผ่น CD ทำให้นักวิเคราะห์ทางด้าน IT หรือผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าทำนายว่า แผ่นเสียงน่าจะถึงเวลา "ตาย" แล้วหรือภาษาฝรั่งเรียกว่า "Time of death" และคนที่สะสมแผ่นเสียงหรือเล่นเครื่องเสียงก็เชื่อเช่นนั้น เพราะข่าวการโปรโมตของ CD นั้นมันถึงระดับ "เปลี่ยนแปลงโลก" จากยุคอะนาล็อก (Analog) สู่ยุคดิจิตอล (Digital age) อย่างแท้จริง การ ปฎิวัติวงการอุตสาหกรรมวงการเพลงนี้มีผลต่อสายการผลิตเครื่องเสียงรุ่นใหม่ ๆ นับตั้งแต่เครื่องเสียงซีด โรงงานผลิตแผ่นซีดี รวมถึงวิธีการบันทึกเสียงทั้งหมด โรงงานผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงเลิกสายการผลิต รวมถึงโรงงานผลิตแผ่นเสียงก็ปิดตัวลงไปเรื่อย ๆ ร้านขายแผ่นเสียงโละแผ่นเสียงออกมาขายในราคาถูก ขณะที่นักเล่นก็เปลี่ยนแปลงชุดเครื่องเสียงของตนอีกครั้ง
ยุคดิจิตอลซาวด์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาสองทศวรรษเต็ม ๆ นับจากปี 80 ถึง 90 จนกระทั่งปลายยุค 90 เริ่มมีคนสะกิดใจว่าจริงๆ แล้ว เสียงจากแผ่นดิจิตอลที่เป็นที่นิยมกันในแผ่นซีดีนั้น แท้จริงแล้วมันให้เสียงในอุดมคติหรือยังเพราะในทางเทคนิค เป็นที่ทราบกันดีว่าการอ่านข้อมูลนับล้านในระบบดิจิตอลมีข้อมูลบางส่วนสูญ เสียไป เพราะแผ่นซีดีที่เอาผลงานเก่า ๆ มาผลิตใหม่ในยุคแรก ๆ เสียงมักจะอุดอู้หรือแผ่นก๊อปปี้จากแผ่นต้นฉบับ เสียงที่ได้ด้อยกว่าเสียงจากต้นฉบับมากและในทางเทคนิคเราก็ทราบอยู่แล้ว่า ไม่มีทางที่หัวอ่านจะอ่านทุกรหัสสัญญาณโดยไม่ตกหล่น อันเป็นต้นเหตุให้เสียงเพลงจากเครื่องเล่นซีดีราคาถูกไม่สามารถตอบสนองความ ถี่ได้ครบถ้วน
แผ่น เสียงที่เหมือนจะตายวันหนึ่งได้ถูกหยิบขึ้นมาฟังอีกครั้ง และผู้เล่นพบว่าเสียงที่ได้จากแผ่นเสียงซึ่งมีความเป็นอะนาล็อกกลับให้ คุณภาพเสียงที่ดีมาก บรรยากาศในการรับฟังที่ยอดเยี่ยมมาก (แผ่นซีดีไม่สามารถให้ได้) โดยเฉพาะเพลงเก่า ๆ ที่ผลิตในยุคห้าสิบจนถึงกลางยุคหกสิบ โดยเฉพาะการบันทึกเสียงซึ่งยอดเยี่ยม เครื่องไม้เครื่องมือยังเป็นแบบอะนาล็อกและฝีมือของคนบันทึกเสียงนั้นไม่ใช่ แค่ช่างเทคนิค แต่เป็นช่างเทคนิคที่มีความรู้เรื่องดนตรีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมและไม่แปลกว่า เหล่าไฮเอนด์ที่ยังจงรักภักดีกับแผ่นเสียงยังคงเก็บเครื่องเล่นแผ่นเสียงและ แผ่นเสียงของตนเอาไว้ในคอลเลคชั่น จนกระทั่งทุกวันนี้ แผ่นเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้เวลากลับมาอีกครั้ง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเหมือนมันจะตายไปไม่มีโอกาสฟื้น
มาเล่นแผ่นเสียงกันเถอะ หลังจากที่ผมชักแม่น้ำทั้งห้า กล่าวถึงข้อดีของแผ่นเสียงไปแล้ว ถึงเวลาของข้อเสียของมันบ้าง ผมไม่อยากให้ท่านตัดสินด้วยข้อมูลไม่รอบด้านก่อนตัดสินใจ ข้อเสียประการแรกแผ่นเสียงยังหายากในบ้านเรา ส่วนเพลงไทยนั้นเลิกผลิตไปแล้วโดยเพลงไทยแผ่นสุดท้ายที่ผลิตเป็นแผ่นเสียง คือ ทาทา ยัง ชุดแรก ประการต่อมาแผ่นเสียงพกพายาก เพราะขนาดใหญ่แผ่นเก่า ๆ ถ้ารักษาไม่ดีจะมีเสียงกรอบแกรบดังน่ารำคาญ คนที่เล่นแผ่นเสียงจะต้องพิถีพิถันมากกว่าคนเล่นซีดีมาก ดังนั้นก่อนตัดสินใจเล่น คุณต้องแน่ใจก่อนว่าคุณรับข้อเสียได้และชอบมันจริง ๆ ไม่ใช่แค่ต้องการเล่นเท่ ๆ ตามคนอื่น
แต่สำหรับคนรักแผ่นเสียงแล้ว ข้อเสียข้างจ้นเป็นแค่เรื่องจิ๊บ ๆ เท่านั้น ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะห้ามให้เขาเล่น หรือหยุดเล่นได้ สำหรับคนที่เริ่มต้นเล่นใหม่ ๆ จะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
1. หาเครื่องเล่นแผ่นเสียง (Turntable) สัก ตัว คุณจะหาเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้อย่างไร เป็นที่โชคดีที่จำนวนคนเล่นแผ่นเสียงเพิ่มขึ้น จนทำให้ผู้ผลิตเครื่องเสียงกลับมาผลิตอีกครั้ง ในราคาใกล้เคียงเครื่องเล่นซีดี ยี่ห้อที่ผลิตใหม่ที่น่าสนใจเช่น Rega, Thorens, Music Hall, Pro-Ject มี หลายรุ่นหลายราคา แต่ถ้าคุณไม่อยากลงทุนระดับหมื่น ลองหาเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่า ๆ ของคุณพ่อหรือคุณปู่ที่ถูกเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง ถ้าเครื่องใช้งานไม่ได้ เช่น มอเตอร์ไม่หมุน สายพานขาดไม่มีหัวเข็ม ไม่ต้องตกใจครับเพราะในเมืองไทยมีร้านซ่อมอยู่หลายร้านในราคาซ่อมที่ไม่แพง นัก
2. หัวเข็ม (Cartridge) เมื่อ ได้เครื่องเล่นแผ่นเสียงแล้วปกติถ้าซื้อเครื่องทางตัวแทนจำหน่ายจะติดตั้ง หัวเข็มมาให้แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงมีข้อที่เหนือกว่าซีดีตรงที่ว่า คนเล่นสามารถหาซื้อหัวเข็มที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นมาติดตั้งด้วยตนเองได้ คงมีคำถามว่าทำไมไม่ใช้หัวเข็มที่ติดมาจากโรงงานเลย ใช้ได้ครับ และเสียงดีด้วย แต่สำหรับเหล่า Audiophile หรือนัก เล่นที่แสวงหาคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น การหาหัวเข็มที่มีคุณภาพมากกว่ามาใช้ทำให้เสียงที่ได้เยี่ยมขึ้นไปด้วย สำหรับหัวเข็มมีอยู่สองชนิดคือ
2.1 หัวเข็มแบบ MM (Moving magantic) หัวเข็มชนิดมีแม่เหล็กเป็นตัวเคลื่อน หัวเข็มชนิดนี้จะได้สัญญาณเสียงที่แรงเป็นที่นิยมเพราะมีราคาถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและหา Phono มาขับง่าย
2.2 หัวเข็มแบบ MC (Moving coil) หัว เข็มชนิดที่มีขดลวดเป็นตัวเคลื่อนที่ หัวเข็มชนิดนี้จะให้ความแรงของสัญญาณที่ต่ำกว่า เสียงที่ได้จะเนียนนุ่มกว่า ทว่ามีราคาแพงกว่า (มาก) เป็นเงาตามตัว ปัจจุบันมีเทคนิคในการพันขดลวดที่พัฒนามากขึ้น ทำให้หัวเข็มแบบ MC มีราคาไม่แพงแถมยังให้สัญญาณที่แรงพอจะใช้โฟโนสเตจแบบ MM ได้ด้วย ซึ่งเรียกหัวเข็มแบบนี้ว่า หัวเข็มแบบ MC High-Output ออกมาจำหน่ายด้วย
3. ภาคขยายหัวเข็ม (Phono stage) สำหรับ คนเล่นแผ่นเสียงแล้ว นี่คืออุปกรณ์ขยายสัญญาณที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ท่านต้องมี สมัยก่อนอินติเกรตแอมป์ทุกตัวจะต้องมีภาคขยายหัวเข็มติดเอาไว้ทุกเครื่อง ท่านสังเกตง่าย ๆ ว่าข้างหลังช่องเสียบสายสัญญาณ RCA ของแอมป์เครื่องใด ถ้ามีเขียนว่า Phono และมีสายดิน อันนั้นแหละครับคือช่องสำหรับต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียงบางยี่ห้อมีให้เลือกทั้ง MM และ MC แต่ถ้าไม่มีให้เลือก อนุมานได้ว่าเป็นตัวขยายสัญญาณแบบ MM เมื่อ แผ่นเสียงไม่ได้เป็นซอร์สที่นิยม เพื่อตัดต้นทุนการผลิตแอมป์ออกไปภาคขยายหัวเข็มจึงถูกตัดไปโดยปริยาย ดังนั้นคนเล่นแผ่นเสียงถ้าต้องการเล่นจำเป็นต้องซื้อ Phono Stage แบบ แยกชิ้นมาใช้ซึ่งมีราคาไม่ถูกโชคดีที่เมืองไทยมีผู้ผลิตภาคขยายหัวเข็มออกมา ให้เล่นพอประมาณ และยังมียี่ห้อต่างประเทศในราคาไม่แพงสองสามยี่ห้อให้ได้เลือกใช้ จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนคักเสียงอะนาล็อกที่จะขวนขวายหาภาคขยายหัวเข็มมา ใช้
หากท่านได้ฟังเพลงจากแผ่นเสียงแล้วท่านจะทราบว่า ทำไมแผ่นเสียงยังไม่ตาย ทั้งที่ดิจิตอลบุกตลาดราวกับพายุบุแคมทั้งเครื่องเล่น MP3, MP4 โหลดเพลงจากเน็ต แต่สุดท้ายไฟล์เสียงดิจิตอลยังมีข้อจำกัดในเรื่องความเป็นธรรมชาติอยู่นั่นเอง สิ่ง ที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือ แผ่นเสียงเพลงไทยเก่าๆ หลายแผ่นที่ทรงคุณค่า และไม่มีการเอามาผลิตใหม่เป็นแผ่นซีดีบางเพลงต้นฉบับที่เป็นเทปรีลก็สูญหาย ไป เหลือเฉพาะแผ่นเสียงเท่านั้น ทำให้เพลงดี ๆ หลายร้อยเพลงต้องสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย การเล่นแผ่นเสียงยังคงช่วยพยุงให้เพลงเหล่านั้นยังคงอยู่ และถ้าท่านยังเก็บแผ่นเสียงสมบัติของปู่ของย่าเอาไว้ก็อย่าได้เอามาปะผนัง หรือโยนเล่นนะครับเพราะบางทีมันอาจจะเป็นแผ่นเสียงที่กำลังจะหายไปพร้อมกับ เสียงเพลงที่ไม่มีวันกลับมาก็เป็นได้.
ท่านสมาชิกกรุณาช่วยหาบทความหรือเขียนบทความเกี่ยวกับการเล่นแผ่นเสียงลงในกระทู้นี้ได้เต็มที่ครับ ผมจะไ้ด้อ่านด้วย ฮิๆๆๆ
มีบทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการเล่นแผ่นมากมายในนี้ครับ
http://www.musicfountain.net/new_page_1.htm 