ตัวเก็บประจุชนิดค่าคงที่ (Fixed Capacitor)
เป็นตัวเก็บประจุชนิดที่มีการใช้งาน มาก มีชื่อ เรียกแตกต่างกันตามลักษณะงานและชนิดของสารที่ใช้ทำฉนวนหรือไดอิเล็กตริก (Dielectric) แบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. ตัวเก็บประจุชนิดกระดาษ (Paper Capacitor) เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้กระดาษอาบ น้ำยาทำเป็นแผ่นไดอิเล็กตริก กั้นระหว่างแผ่นโลหะทั้งสองที่ทำจากอะลูมิเนียมบางๆ ค่าความจุและการทนแรงดันไฟฟ้าจะพิมพ์ติดไว้ที่ตัวมันเอง สามารถทนแรงไฟได้สูง 400 – 1200 โวลต์ ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว เนื่องจากมีการสูญเสียมาก
2. ตัวเก็บประจุชนิดเซรามิค (Ceramic Capacitor) เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้เซรามิคมาทำเป็นแผ่นไดอิเล็กตริก เซรามิคคาปาซิเตอร์มีด้วยกัน 2 แบบคือ
o
เซรามิคแบบจาน (Disc Ceramic Capacitor) ลักษณะการสร้างเป็นการเคลือบโลหะ ด้วยสารละลายเงินที่พื้นผิวทั้ง 2 ด้าน ของจานเซรามิคแผ่นบาง ๆ ที่มีค่าไดอิเล็กตริกต่ำ บัดกรีขาออกมาทั้งสองด้านแล้ว นำไปเคลือบผิวภายนอกด้วยเรซิน หรือ อีพ๊อกซี มีค่าความจุ 0.75 pF-2.2 m F อัตราการทนแรงไฟ 50 V – 6 KVDC ค่าผิดพลาด ± 5 – 10 %
o
เซรามิคแบบหลายชั้น (Monolithic Multilayer Ceramic: MLC) ลักษณะเป็นการเคลือบฟิล์มโลหะชั้นบาง ๆ ของเซรามิคที่มีค่าไดอิเล็กตริกสูง วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ แล้วอัดแน่นเป็นชิ้นเดียวส่วนมากจะเป็นแบบชิป (Chip) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประเภทติดผิวหน้า (Surface Mount) ขั้วต่อทำจากโลหะตะกั่วผสมกับดีบุกให้คุณภาพสูง มีค่าความจุด 10 pF – 0.56 m F อัตราการทนแรงไฟ 200 VDC ค่าผิดพลาด ± 5 – 10 %
ตัวเก็บประจุชนิดเซรามิค
3. โพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรือที่เรียกกันว่า ตัวเก็บประจุชนิดไมลาร์ (Milar Capacitor) (ใช้อักษรย่อ KT) เป็นตัวเก็บประจุที่นิยมใช้มากเพราะมีเสถียรภาพสูง กระแสรั่วต่ำ มีค่าสัมประสิทธิ์ทางอุณหภูมิสูง ส่วนมากใช้ในด้าน Coupling, Decoupling, Blocking, Bypass, Filter มีด้วยกัน 2 ชนิด ชนิดฟิล์มฟอยล์ จะมีค่าความจุ 0.001-1.0m F อัตราการทนแรงดันไฟฟ้า80 – 200 VDC ค่าผิดพลาด ± 5 – 10 % ชนิดฟิล์มโลหะ จะมีค่า 0.001-10.0 m F อัตราการทนแรงดันไฟฟ้า 60-630 VDC ค่าผิดพลาด ± 5 – 10 %
4. โพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) ใช้อักษรย่อ MKC เป็นตัวเก็บประจุแบบฟิล์ม ไดอิเล็กตริกที่ให้ความต้านทานทางฉนวนมีเสถียรภาพสูง เป็นชนิดฟิล์มโลหะ จะมีค่าความจุ 0.01-10m F อัตราการทนแรงดันไฟฟ้า 100-630 VDC ค่าผิดพลาด ± 5 %
5. โพลีโพรไพรีน (Polypropylene) ใช้อักษรย่อ MKP เป็นตัวเก็บประจุที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าชนิดโพลีเอสเตอร์ และ ถ้านำไปใช้กับไฟเอซี จะมีคุณสมบัติคล้ายกับชนิดโพลีสไตรีน ชนิดฟิล์มฟอยล์ จะมีค่า 47 pF-0.022m F อัตราการทนแรงไฟ 63-630 VDC ใช้งานในลักษณะ Tuning, Filter ฯ
6. โพลีสไตรีน (Polystyrene) (ใช้อักษรย่อ MKS) เป็นตัวเก็บประจุที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับชนิด โพลีโพรไพรีน แต่จะมีประสิทธิภาพทางปริมาตรต่ำกว่า มีค่าความจุ 47 pF ถึง 0.039m F อัตราการทนแรงไฟ 63-630 VDC มีค่าผิดพลาดต่ำเพียง ± 1 %
ตัวเก็บประจุแบบโพลีเอสเตอร์
7. ฟีดทรูคาปาซิเตอร์ (Feedthrough Capacitor) เป็นตัวเก็บประจุที่ไม่ค่อยพบเห็น มากนัก ใช้ในงานการกรองความถี่ที่รบกวน มีพบในจูนเนอร์ของเครื่องรับโทรทัศน์ หรือใช้กันความถี่รบกวนของวิทยุติดรถยนต์ โครงสร้างเป็นแท่งทรงกลมมีแกนโลหะอยู่ตรงกลาง มีขาต่อใช้งาน 2 ขา หรือขาเดียวก็ได้ โครงสร้างภายนอกจะถูกต่อลงกราวด์
8. ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก (Electrolytic Capacitor) เป็นตัวเก็บประจุที่มีค่าความผิดพลาดสูง แต่มีค่าความจุมากที่สุด มีขั้วบวกและขั้วลบ โครงสร้างใช้แผ่นอลูมิเนียมอาบน้ำยาเป็นแผ่นตัวนำ ใช้กระดาษเป็นไดอิเล็กตริก และต่อขาออกมาใช้งาน แผ่นตัวนำที่เป็นขั้วบวกทำจากอะลูมิเนียมอาบน้ำยาบอแร็กซ์ (Borax Solution) ขั้วลบเป็นแผ่นตัวนำอาบน้ำยาอะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminum Oxide) มีรูปร่างหลายขนาดขึ้นอยู่กับค่าความจุและอัตราการทนแรงดันไฟฟ้า ใช้ทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การฟิลเตอร์ การคับปลิ้ง การบายพาส เป็นต้น ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก นิยมใช้ในวงจรฟิลเตอร์ หรือ คับปลิ้ง มีค่าตั้งแต่ 0.1ไมโครฟารัด จนถึง 100,000 ไมโครฟารัด ตัวเก็บประจุอิเล็กโตรไลติคที่มีค่ามากจะเก็บประจุได้มากใช้เวลาในการเก็บนาน ส่วนตัวเก็บประจุอิเล็กโตรไลติคที่มีค่าน้อยจะเก็บประจุได้น้อยใช้เวลาในการเก็บเร็ว ดังนั้นตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก จึงมีสภาพเหมือนแบตเตอรี่ก้อนหนึ่งนั่นเอง
ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก
9. ตัวเก็บประจุชนิดแทนทาลัม (Tantalum Capacitor) เป็นอิเล็กโตรไลติกอีกชนิดหนึ่ง แต่จะมีค่าผิดพลาดน้อยกว่าให้คุณภาพดีแต่มักจะมีราคาสูง มีด้วยกัน 3 แบบ คือ แบบ Wet Foil, แบบ Wet Slug และแบบ Dry slug สำหรับแบบ Wet Slug จะใช้กรดอิเล็กโตรไลต์ ทำให้มีประสิทธิภาพสูง เมื่อเทียบกับแบบฟอยล์
ตัวเก็บประจุชนิดแทนทาลัม
10. ตัวเก็บประจุแบบไบโพลาร์ (Bipolar Capacitor) เป็นตัวเก็บประจุเอเล็กโตรไลติคอีกแบบหนึ่ง ที่ไม่มีขั้ว บวก-ลบ นิยมใช้มากในเครื่องขยายเสียง หรือ วงจรแยกเสียงในลำโพง (Network) หรือใช้ทำหน้าที่เป็นวงจรสตาร์ทในมอเตอร์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม
ที่มา : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=42caa2d2a7775e5c