ผมคิดว่าเราเข้าใจตรงกันนะครับ เพียงแต่มองเห็นภาพที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง คุณ RFlover มองในมุมของการนำกระแส ส่วนผมมองในมุมของรูปคลื่นสัญญาณ ขออธิบายเพิ่มเติมในมุมมองรูปคลื่นสัญญาณที่ผมมองเห็นนะครับ ค่าที่ผมยกมาเป็นค่าสมมุตินะครับ จุดประสงค์เพื่ออธิบายเรื่องรูปคลื่นเป็นหลักครับ
สมมุติวงจร Ideal PP ขึ้นมาวงจรหนึ่ง มีอัตราขยายแรงดัน 10 เท่า และจะไม่มีอุปกรณ์ตัวไหน Off เลยถ้าสัญญาณ Input ไม่เกิน 1V (เปรียบได้กับการ Bias อุปกรณ์นะครับ) เมื่อเอาสัญญาณ Input 0-1V [หรือ (-0.5) ถึง (+0.5) ถ้าจะมองเป็นรูปคลื่นบวก-ลบ] ป้อนเข้าไป ก็จะได้ Output ตกคร่อม Load 0-10V [(-5) ถึง (+5)] ใน Class A มุมการนำกระแสของอุปกรณ์เป็น 360 องศา ตามที่คุณ RFlover กล่าวไว้
ถ้าผมเพิ่มแรงดันจ่ายไฟของวงจรนี้ขึ้นไปอีกเท่าตัว และภาคจ่ายไฟผมจ่ายกระแสได้ไม่จำกัด ในขณะที่ผมปรับจุดทำงานไว้ให้เหมือนเดิมทุกประการ เมื่อมี Input เข้ามา 0-1V วงจรผมก็ยังคงทำงานแบบ Class A อยู่ ถูกหรือไม่ครับ เพราะในขณะนั้นมุมการนำกระแสของอุปกรณ์เป็น 360 องศา สอดคล้องกับที่คุณ RFlover อธิบายไว้ และเมื่อใดก็ตามที่ Input แรงกว่า 1V ขึ้นไป ก็จะมีอุปกรณ์บางตัว Off ไป มุมการนำกระแสเหลือแค่ 180 องศา ก็จะสอดคล้องกับ Class B ครับ
อย่างไรก็ตาม มีส่วนที่ผมกล่าวผิดเช่นกันที่ว่าเป็น Class B อันที่จริงแล้วตามนิยามของคุณ RFlover ผมเห็นด้วยว่าควรจะบอกว่าเป็น Class AB ที่ระดับสัญญาณ Input สูงเกินระดับของ Class A ครับ เพราะช่วงที่รูปคลื่นสัญญาณค่อยๆ ไต่ระดับจาก 0-1V อุปกรณ์ขยายยังไม่ได้ Off จนกว่าจะเกิน 1V จึงจะ Off ก็ถือว่ามุมการนำกระแสมากกว่า 180 แต่น้อยกว่า 360 ควรจะเป็น Class AB ตามนิยามครับ ข้อนี้ผมอธิบายผิดไป ขออภัยด้วยครับ อย่างไรก็ตามผมก็ได้แสดงให้เห็นว่าใน Class AB เอง มี่ช่วงการทำงานที่เป็น Class A แฝงอยู่เช่นกัน
ขอแก้ไขประโยคที่คุณ RFlover Quote มานะครับ
"ก็เรียกว่า Class AB ครับ หมายความว่าถ้าระดับสัญญาณต่ำๆ มันจะเป็น Class A และเมื่อสัญญาณแรงขึ้นมันจะเป็น
Class AB"
ขอบคุณที่เข้ามาทักท้วงนะครับ ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นเช่นกันครับ
