[
โอซาก้า-เกียวโต วันที่สาม (24 ก.ค.53) ภาคหนึ่ง มาตามไปดูการไปเยี่ยมชมเมืองเกียวโต กันต่อครับ
วันที่สามตื่นแต่เช้าเช่นเคย ทานอาหารเช้าแบบ executive เสร็จ ก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เอากระเป๋าใบใหญ่ฝากไว้เอาแต่ใบเล็กไปเพราะไปค้างที่เมืองเกียวโต 1 คืน วันรุ่งขึ้น (วันที่สี่จะกลับมานอนที่โรงแรมสวิสโซเทล เมืองโอซาก้าใหม่
การเดินทางไปเมืองเกียวโตผมตัดสินใจพาคณะขึ้นรถไฟความเร็วสูง Shinkansen ขบวน Tokaido จากสถานี Central Osaka ไปยังสถานีเกียวโต ใช้เวลาในการเดินทางแค่ 20 นาที ค่าโดยสารแบบมีที่นั่งคนละ 4,000 เยน

รถไฟความเร็วสูง Tokaido Shinkansen ขบวนชื่อ Hikari

ภายในรถไฟ Tokaido Shinkansen สะอาด สะดวกสบายมากๆ

อาคารสถานีรถไฟเมืองเกียวโต ใหญ่โตสวยงาม ได้รางวัลชนะเลิศในการออกแบบอาคารของประเทศญี่ปุ่นด้วย

ภายในอาคารผู้โดยสารรถไฟเมืองเกียวโตที่วุ่นวาย พอๆ กับเมืองโตเกียวเลย

เหมือนเดิมคือวิ่งเข้าไปขอแผนที่เมืองเกียวโตจากศูนยืข้อมูลเพื่อการท่องเที่ยวของเมืองเกียวโตที่สถานีรถไฟ

หอคอยเมืองเกียวโต สัญญลักษณ์ยุคสมัยใหม่ของเมืองเกียวโต
เมืองเกียวโตได้รับการตั้งให้เป้นเมืองหลวงเมื่อ คศ.784 เดิมชื่อว่า Heian Kyo ที่แปลว่า เมืองแห่งความสงบ เมืองเกียวโตเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ คศ.784 จนถึง คศ. 1868 ยาวนานถึงพันกว่าปี จนกระทั่งได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองเอโดะ Edo ในช่วงที่การปกครองโดยจักรพรรดิเสื่อมถอยลง ซึ่งปัจจุบันชื่อว่าเมืองโตเกียวที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
ในยุคสมัยของความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเกียวโตนั้น เรียกว่ายุค Heian period ซึ่งการปกครองในยุคนี้ขึ้นอยู่กับโชกุนคนสำคัญตามเมืองเอกต่างๆ สี่เมือง คือเมืองเกียวโตปกครองโดย Muromachi shogun ที่เมืองคามากูระ ปกครองโดย Kamakura shogun เมืองเอโดะปกครองโดย Tokugawa shogun
เมืองเกียวโตได้รับการยกย่องให้เป็น World Heritage จากยูเนสโก ทั้งหมด 17 แห่ง แต่ละแห่งได้รอดพ้นมาจากสงครามโลก สงครามระหว่างโชกุน แผ่นดินไหว การเผาเมืองโดยกบฎ มาตลอดช่วงอายุของยุคสมัย Heian ก่อนจะเข้าสู่ยุค Meiji จนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากจุดประสงค์ของการมาเมืองเกียวโตของคณะเพื่อจะเข้าพักโรงแรมแบบญี่ปุ่น Ryokan ที่มีน้ำร้อน (น้ำแร่)ให้แช่กันซึ่งจะอยู่ทางนอกเมืองเกียวโต คณะจึงตัดสินใจเยี่ยมชมสถานที่สำคัญแค่ 1 แห่ง ทุกคนเลือกที่จะไปดู Nijio Castle สร้างโดย Tokugawa Shogun ปราสาทนิโจ้ นี้ พื้นที่ทำจากแผ่นไม้ขนาดใหญ่ได้รับการขนานนามว่า Nightingale Floor คือเขาสร้างพื้นให้มีลิ่มทิ่มไว้ที่ช่วงไม้ตงใต้พื้น ที่ลิ่มไม้นี้ทำเป็นรูกลวงมีลิ้นปี่ขนาดเล็กฝังอยู่ เวลามีใครเดินบนแผ่นไม้ปูพื้นเหล่านี้จะมีเสียงดังคล้ายนกไนติงเกลดังขึ้นตลอดเวลา จุดประสงค์คือ หากมีใคร (นินจา) จะเข้าลอบประทุษร้ายโชกุนถึงแม้จะมีเท้าเบาเพียงใดก็ยังเกิดเสียงดังเพื่อเตือนให้รู้ตัวก่อนได้ ปราสาทนิโจ้นี้ มีภาพวาดสีบนแนทองบางๆ ประดับอยู่บนกำแพงปราสาททุกห้อง สวยงามมากๆ แต่ภาพจำนวนมากถูกแสงแดดส่องทำลายลงไปจำนวนมาก ปัจจุบันจึงปิดหน้าต่างและช่องแสงทั้งหมดเพื่อรักษาภาพที่เหลือใหคงสภาพนานที่สุด

ทางเข้าปราสาทนิโจ้

ปราสาทนิโจ้ จากระยะไกล (ภายในห้ามถ่ายภาพ)

ยืนอวดพุงหน้าปราสาท (ร้อนมากๆ)
ก่อนจะเดินทางด้วยรถแท๊กซี่ไปยังโรงแรมที่พักแบบ Ryokan กลางวันที่ร้านบะหมี่ที่ต้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟเกียวโต อร่อยมากๆ เลย



ทานอาหารกลางวันเสร็จก็แวะไปทานกาแฟที่ย่านเมืองโบราณของเกียวโต ที่คงสภาพอาคารร้านค้าเอาไว้ มีถนนทางเดินแคบๆ ให้พวกเกอิชาเดินกันต้วมเตี้ยม

นอกจากนั้นในบริเวณนี้ยังมีคลองน้ำโบราณที่ใช้สำหรับนำน้ำเสียทิ้งลงสู่แม่น้ำ ซึ่งน้ำเสียเขาใสพอๆ กับน้ำประปาของเราเลย

เอาล่ะครับ เดี๋ยวมาต่อภาคสองกันครับ
