สลับขั้วสายลำโพงคือต่อสายสีแดงจากแอมป์เข้าสีดำที่ลำโพง และสีดำที่แอมป์เข้าสีแดงที่ลำโพงเหรอครับ ....... แล้วถ้าลองลำโพงจะพังไหมครับ 
ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สลับ ฟังอยู่นานเหมือนกัน พอตอนนี้สลับ ผมว่าเสียงมันมีโฟกัสมากกว่า
แต่สลับผิดนี่ ผมก็ไม่ทราบว่าระยะยาวจะมีผลแค่ไหนครับ
มีผลกับเสียง แต่ไม่น่าจะมีผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องครับ
ลองฟังดีๆ ถ้าโฟกัสดี แต่เวทีหุบ เบสออกมาแบบไม่มีแรง น่าจะเป็นไปได้ว่าต่อผิดขั้วตรงไหนสักที่
ระหว่างสายไฟกับสายสัญญาณ หรือระหว่างวูฟเฟอร์กับทวีตเตอร์ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ
ความชอบครับ แต่ผมเองชอบแบบถูกขั้วมากกว่าเพราะเวทีเสียงมันกว้างพอดี อิมเมจซาวสเตจ
ก็ชัดเจนกว่าครับ
เอาเป็นว่าผมจะบอกพื้นฐานการฟังเพื่อรับรู้ว่าการติดตั้งของเราถูกหรือเปล่าก็แล้วกัน
ลำโพงไม่ว่าเสียงเเหลม เสียงกลาง หรือ sub จะต้องต่อให้ถูกขั้ว เมื่อต่อขั้วถูกเเล้วเสียง
จะเสริมซึ่งกันเเละกันอะไรที่มันขาดหรือเกินก็ใช้การจูนช่วย หัวใจของระบบเครื่องเสียงคือ
การติดตั้งเครื่องเสียงและลำโพง ขั้วหรือเฟส เเละการจูน
การฟังสามารถสังเกตุและรับรู้ได้ด้วยหู โดยต้องใช้แผ่นเพลงบันทึกดีๆ และเป็นที่คุ้นเคยครับ
ลำโพงกลับขั้วเฉพาะเสียงแหลมข้างเดียว ลองฟังดูจะพบว่าเสียงแหลมมันฟุ้งกระจาย
ยิ่งนั่งฟังตรงกลางระหว่างลำโพงย่อมได้ยินชัด เหมือนว่าเสียงแหลมไปสะท้อนกับกระจก
จนเป็นเสียงก้องออกมา
ลำโพงกลับขั้วที่เสียงทุ้มข้างเดียว น้ำหนักเสียงทุ้มหายไป แยกแยะไม่ชัดเจน เบลอๆ
แรงปะทะไม่เต็ม เหมือนมีแต่ทุ้มช่วงต้นกลวงๆลอยๆ ลองเฟสไปข้างใดข้างหนึ่ง
เสียงทุ้มจะดังขึ้นมาพร้อมมีน้ำหนักขึ้น
ลำโพงกลับขั้วทั้ง 2 ข้าง ต้องนั่งฟังตรงกลางเท่านั้น ถ้าไปฟังแผ่นที่เคยฟังกับชุดอื่นที่
Setup ดีๆจนรู้มิติ รู้ตำแหน่งตื้นลึกของชิ้นดนตรี แล้วมาฟังกับชุดเราแล้วมันผิดสัดส่วนไป
หน้าหลังไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น รู้สึกขัดหู ก็แสดงว่าผิดเฟส
สิ่งที่ทำให้การฟังรับรู้การกลับขั้วของลำโพงได้ผิดเพี้ยนไปคือ ตำแหน่งการวางลำโพง
หากยิงเสียงสะท้อนกับกระจก หรือโทอิน-โทเอาท์มากเกินไป ก็อาจจะฟังคล้ายๆ
ลำโพงกลับเฟสได้เหมือนกันครับ
การฟัง หากสามารถฝึกหัดจนรับรู้ได้ จะเป็นการเพิ่มทักษะและเพิ่มประสบการณ์ในการฟังเพลงด้วยนะครับ
และที่สำคัญ ไม่เสียเงิน และไม่เสี่ยงโดนพ่อค้าหลอกครับ