เหตุผล ทาง วิทยาศาสย์ พิสูจน์ได้ครับ ถ้าพัฒนาของใหม่ขึ้นมาแล้วมันไม่ดีกว่าเดิม เขา จะพัฒนาทำไม ถ้า ชอบของ วินเทจ มันก็คนละเรื่องครับ แต่ถ้า บอกว่า DVD ชัดกว่า บลูเรย์ เป็นไปไม่ได้ครับ ลองเอา DVD มาเปิด ผ่าน จอ ซัก 46นิ้ว ขึ้นไปสิครับ ไม่ต้องคุยเรื่องมิติเอาแค่ความชัดมันก็คนล่ะเรื่องแล้ว ส่วนคำว่าไฮเอ็น อนาถา ไม่มีอยู่จริงครับ มัน ถ้า แค่พอใช้ดูหนังได้เต็มระบบ ถือว่า เป็น ชุด ที่ใช้งานได้ถูกใจเราครับ อย่าบอกว่าไฮเอ็นเลยครับ คำนี้ มันมีอะไรที่ต้องมีมากกว่าเงิน ถึงจะเติมเต็ม
ถ้าพัฒนาของใหม่ขึ้นมาแล้วมันไม่ดีกว่าเดิม เขา จะพัฒนาทำไม บอกว่า DVD ชัดกว่า บลูเรย์ เป็นไปไม่ได้ครับ อยากจะขอให้คุณ B_Rabbit ได้ไปอ่านบทวิจารณ์ในวารสารนั้นจริงๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง ผมว่าเขาชี้ให้เห็นใน
บางแง่บางประเด็นของจุดที่ยังด้อยอยู่ของเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยต้องยกตัวอย่างขึ้นเพื่ออ้างอิงเปรียบเทียบ คือกับเทคโนโลยีเดิมที่พัฒนามาจนรู้วิธีแก้ไขให้ออกมาดีมากได้แล้ว ไม่ใช่พูดหลักการขึ้นมาลอยๆ กันไม่ให้เจ็บตัวอย่างนักวิจารณ์ทั่วไปที่
เพลย์เซฟ ตัวเอง เขาชี้ให้เห็นว่า บางครั้งพวกฝรั่งต้องการสร้างมูลค่าของสินค้าใหม่ เพราะต้องการกินค่าลิขสิทธ์ หรือทำกำไรได้มากกว่า (เป็นเรื่องการตลาดมากกว่า ทำออกมาเพราะดีกว่า) หรือคิดแก้ปัญหาเก่าที่ยังไม่ดีพอ แต่ก็ไปสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา เหตุผลเพราะ
การคิดไม่ครอบคลุม 360 องศา เป็นเหมือนลิงแก้แห และเป็นเหมือนพวกตาบอดคลำช้างตรงกับที่ ธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ ในทัศนะของผม ผมว่าเขาทำให้ผู้บริโภคฉลาดขึ้นมากกว่านะครับ ไม่งั้นเราจะกลายเป็นเป็นผู้จ่ายมากกว่าผลที่ได้รับไปตลอด สังเกตุได้จาก ของที่เห็นชมว่าดีมากหลายๆตัว ไม่นานก็โพสต์ขายๆกันมาตลอด เพราะอยากได้ของใหม่ เขาจึงเตือนสติให้ฉุดคิดสักนิด แน่นอนย่อมไม่เข้าหูกับบางท่าน หรือไปขัดแย้งกับความคิดของคนทั่วไปที่เชื่อๆตามกันมา แต่ก็มีผมคนหนึ่งละที่ติดตามอ่ามตามฟัง และพิสูจน์ทดลอง มาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2532 จนถึงขณะนี้ พบว่าเขาก็มีผิดบ้าง แต่เขาก็เสนอสิ่งแปลกใหม่ที่คุ้มค่าที่ช่วยให้เสียง,ภาพ ดีขึ้นอยู่เสมอมา บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง
"ส่วนคำว่าไฮเอ็น อนาถา ไม่มีอยู่จริงครับ" เรื่องนี้อยากให้เปิดประเด็น ขึ้นเป็นกระทู้ใหม่ทำนองว่า อนาถาไฮเอ็นด์ หรือ ไฮเอนด์อนาถา มีจริงหรือ?
ในที่นี้ขอแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อย คำว่าอนาถาไฮเอ็นด์ ในทัศนะของผมเห็นว่าถ้าทำให้เป็นจริงไ้ด้ ก็เป็นเรื่องดีกับผู้บริโภคที่ไม่ใช่เศรษฐี (หรือต้องมารอให้ถูกหวย,ได้เงินจากการเล่นหุ้น, รอโบนัสก้อนโต เปียแชร์ได้ ฯลฯ เพื่อซื้อของแพงๆถึงจะได้ไปสวรรค์กับเขาบ้าง ) แต่กับกับชาวบ้านหาเช้ากินค่ำขึ้นไปจนถึงชนชั้นกลางไม่สามารถมีโอกาสที่จะได้เสพอัฐฐะรสด้านดนตรีดีๆ ที่เดิมมีแต่วงสังคมชั้นสูงได้เสพกัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้รับไปตลอดชั่วชีวิตนี้
และคำนี้ก็ไม่ได้ยึดหลักตายตัวว่า จะต้องเป็นของราคาถูก หรือต่ำที่สุด แม้บางครั้งแพงกว่ามาก แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้มา กลับมีความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าก็สนับสนุนให้ใช้
ขอยกบางตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนเราอยากได้ทีวีจอแก้วยักษ์ออกใหม่ล่าสุด Wide screen 36 นิ้ว เพราะ ใหญ่ดี มีลูกเล่นเยอะ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่โฆษณาว่า มีตัวช่วยทำให้ภาพดูดีขึ้นอย่างนั้นอย่างนี้ (เช่นพวกจอแบนทั้งหลาย) หรือซื้อมาเพราะมีโปรโมชั่น หรือได้มาเพราะราคาดี ฯลฯ แต่พอได้ใช้งานจริงๆ กลับดูได้ไม่นาน จึงไม่ค่อยได้เปิดใช้ ในที่สุดก็ประกาศขายทิ้ง ยอมขาดทุน เฟื่อไปซื้อ จอ LCD PLASMA DLP ฯลฯ กันต่อไป กับเครื่องเสียง โฮมเธียเตอร์ ที่ออกระบบใหม่ๆมาทุกปี ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน จนทำให้เราต้องมาตั้งตาคอยเปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนสายใหม่ ทุกๆครั้งที่มีอะไรใหม่ๆออกมาแล้วคิดว่าดีกว่าเดิม แต่กับชาวบ้าน ใช้ทีวีจอแก้วแบบเก่า 14 นิ้วที่ภาพมีมิติดี สีสันเป็นธรรมชาติ ดูข่าวชัด ดูหนังได้เพลิน ดูได้ทุกๆวัน หรือไช้วิทยุธานินทร์ รุ่นเก่าแล้วฟังข่าวทางวิทยุ ฟังเพลงลูกทุ่งได้เพลิดเพลินดี ฟังได้นาน ฟังได้บ่อยทุกๆวัน ฟังจนเครื่องฟังหมดอายุขัยไป
นี่ชี้ให้เห็นว่า่ แม้เป็นของไฮโซที่คิดว่าไฮเอ็นด์แต่กลับใช้น้อยครั้ง (เรียกว่าได้ของที่ไฮเอนด์แต่อนาถา) สู้ของถูกแต่ดีที่ใช้เป็นประจำไม่ได้ (เรียกว่าได้ของที่เป็นไฮเอ็นด์แต่ไม่ไฮไพร์ซ หรือ เป็นของที่อนาถาแต่ไฮเอนด์) และในทางตรงข้าม คนที่ชอบซื้อเครื่อง สาย ฯลฯ โดยยึดถือราคาเป็นที่ตั้งให้ถูกๆไว้ก่อน เช่น เครื่องเล่นจากจีน ที่ขายตามคลองถม ตามห้างต่างๆ ก็อาจต้องเสียเงินซื้อเปลี่ยนใหม่ เพราะเสีย รวนบ่อย พังง่าย หรือคุณภาพยังไม่ดีพอ จึงไม่ค่อยได้เปิดใช้งาน เทียบกับซื้อที่แพงกว่าหน่อยแต่ได้รับการทดสอบพิสูจน์มาแล้วว่าดีจริง ทำให้ได้เปิดใช้บ่อยๆ ของแพงกว่าในกรณีนี้จึงน่าจะคุ้มค่ากว่าเมื่อนับในระยะยาว
ดังนั้นการจะมองประเด็นเพียงเพราะว่าเป็นของไฮโซมีราคาแพงกว่า หรือ มีความใหม่กว่าของเทคโนโลยี จึงไม่น่าจะเป็นคำตอบที่เพียงพอที่จะใช้ตัดสิน ว่าสิ่งนั้นเป็นไฮเอนด์ของแท้
และขอเรียนว่า สิ่งที่เรายังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นผล ไม่สามารถสัมผัสได้ หรือแม่แต่แค่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ด้วยตรรกะพื้นฐานด้านเดิมๆที่มีอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นๆผิด หรือเพราะเขาห็นไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ ยกตัวอย่าง เมื่อก่อนคนเราชื่อว่าโลกแบน ถ้าแล่นเรื่อออกไปจนถึงสุดขอบฟ้าจะตกไปจากโลกได้ หรือบอกว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เพราะเห็นด้วยตาว่า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวต่างๆ หมุนรอบโลก หรือในพระคัมภีร์บอกไว้เช่นนั้น พอมีคนมาบอกว่าโลกกลม หรือโลกไม่ใช่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ก็แทบตาย ตอนสมัยผมเรียนชั้นประถม ในวิชาสัมคมบอกว่าโลกกลมเหมือนส้มแป้น แต่พอ 10กว่าปีให้หลัง (ที่มนุษย์สามารถขึ้นไปในอวากาศและดวงจันทร์ จนถึง มีดาวเทียมส่งกล้องออกไปนอกโลกแล้วถ่ายรูปโลกกลับมา) ผมอ่านพบในหนังสือพิมพ์ว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ความกลมของโลกนั้น กลมเสียยิ่งกว่า เราเอาวงเวียนที่เด็กใช้เรียนเรขาคณิตกันมาวงเสียอีก