HTG2.club

เรื่องของการปรับ speak ( Large - Small ) + sub ยังไม่จบครับ หุหุหุ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nutsaint

  • ****
    • กระทู้: 337
    • เพศ:ชาย
หากตั้งลำโพงเป็น Large เสียงลำโพงหลัก จะออกทุกความถี่
ในขณะที่ตั้งเป็น Small เสียงที่ต่ำกว่า 80 Hz ของลำโพงหลักจะถูกตัดออกไป
การตั้งว่าเป็น Large หรือ Small จึงขึ้นอยู่กับว่า
ถ้าตั้งเป็น Large แล้วลำโพงคู่หลัก เวลาเจอเสียงความถี่ต่ำมาก ๆ มันจะสำรอกไหม
(เช่น ฉากระเบิดใต้น้ำใน U-571 หรือฉากผีหลอกใน Haunting)
ถ้าไหวก็สามารถตั้งเป็น Large ได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องยอมตั้งเป็น Small ไป
เพราะจริง ๆ แล้ว Small ก็คือระบบที่จะป้องกันลำโพงมันพังเท่านั้นเอง (คล้าย ๆ Soft Clipping)
แต่ถ้าเราไม่มี Subwoofer ลำโพงคู่หน้าจะถูกตั้งเป็น Large โดยอัตโนมัติ

ส่วนจะปรับ Crossover Frequency ที่เท่าไร ก็น่าจะขึ้นอยู่กับว่า
ประสิทธิภาพของลำโพง 5 หรือ 7 ตัวหลัก และแอมป์ที่เอามาขับมัน มันขนาดไหน
หรือถ้าเป็นภาษาสวย ๆ หน่อย ก็คือ ลำโพงมันจะ roll off ที่ความถี่เ่ท่าไรนั่นเอง

ถ้าลำโพง 5 หรือ 7 ตัวหลักสามารถสร้างเสียงที่ความถี่ 60 Hz ได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ก็น่าจะให้ลำโพงหลักทำงานตั้งแต่ 60 Hz ขึ้นไป เพื่อให้การแยก Channel ทำได้เด็ดขาดกว่า
Subwoofer ก็จะทำงานน้อยลง เพราะไม่ต้องไปขับความถี่ 60 - 80 Hz เสียงเบสก็น่าจะดีกว่า

เพราะฉะนั้น ไม่มีสูตรตายตัวหรอกครับ ว่าควรจะตั้งไว้ที่เท่าไร
มันแล้วแต่ว่าเสียงจากลำโพงหลักตัวที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุด มันลงได้ลึกที่สุดขนาดไหนที่ไม่เพี้ยน

แล้วจะวัดได้อย่างไรว่าลำโพงหลักตัวไหน และแอมป์ที่ใช้ขับ มีประสิทธิภาพเท่าไร

1. แบบง่าย แต่ไม่แม่นยำ
ลองเอาไมค์ที่ใช้ Auto setup เสียบเข้ากับโน๊ตบุค หาโปรแกรม Spectrum analyzer มาใช้ดู
(โปรแกรมที่ผมใช้คือ Spectogram 16 เป็น Freeware ครับ)
แล้วเปิด Pink Noise ดูทีละ Channel ดูตามกราฟเลยว่าลำโพงหลักแต่ละตัวมัน roll off ที่ความถี่เท่าไร
จดความถี่สูงสุดที่วัดได้ เอาไปตั้งใน AVR

2.แบบแม่นยำ แต่ไม่ง่าย
หูเราเนี่ยแหละ ชัวร์สุดแล้ว หาแผ่น DVD-Audio ที่มีวงดนตรีเล่นรอบตัวเรามาเปิดดู
(ไม่ใช่แบบที่เล่นกันอยู่ข้างหน้า แล้วข้างหลังเป็นเสียงคนดูนะ)
เปิด Subwoofer ไปด้วย ให้เสียบช่อง LFE เพืิ่อ By pass Crossover ของ Subwoofer ให้ AVR เป็นตัวจัดการ
และต้องตั้ง Level ของ Subwoofer ให้ตรงกับทุก Channel แล้ว
เปิดฟังไปที่ละ Channel แล้วกดปรับค่า Crossover frequency ใน AVR ไปเรื่อย ๆ ดูว่าค่าที่เท่าไรฟังดีที่สุด
เลือกเอาค่าสูงสุดที่ได้ เอาไปตั้งใน AVR

ห้ามดูที่ Specification ของลำโพงนะครับ
เพราะความถี่ต่ำสุดที่เขาเขียน คือความถี่ที่เขาวัดได้ว่าลงถึง แต่เพี้ยนไปขนาดไหน ไม่มีใครรู้


น่าตีจีงๆเลย คุณ nutsaint มีของดีก็ไม่บอก แสดงว่าเอาไมค์ต่อเข้าช่องไม่ที่ notebook แล้วเอา program ที่ว่าเช้คความถี่ของลำโพงใช่มั้ยครับ Y]  :victory  เด๋วไปโหลดมาใช้มั่ง อิอิ

วันนั้นก็เอาไปด้วยครับ ลองไปต่อแล้วเทียบกับของพี่เล็ก เลยรู้ว่ามันไม่แม่นยำ
เช็ค Spectrum พอได้บ้าง แต่เช็คความดังไม่ได้เลย
ถึงได้บอกไงครับ ว่าง่าย แต่ไม่แม่นยำ ยังไงใช้หูเราก็ดีที่สุดครับ


ออฟไลน์ TripleXXX

  • *****
    • กระทู้: 539
    • เพศ:ชาย
หากตั้งลำโพงเป็น Large เสียงลำโพงหลัก จะออกทุกความถี่
ในขณะที่ตั้งเป็น Small เสียงที่ต่ำกว่า 80 Hz ของลำโพงหลักจะถูกตัดออกไป
การตั้งว่าเป็น Large หรือ Small จึงขึ้นอยู่กับว่า
ถ้าตั้งเป็น Large แล้วลำโพงคู่หลัก เวลาเจอเสียงความถี่ต่ำมาก ๆ มันจะสำรอกไหม
(เช่น ฉากระเบิดใต้น้ำใน U-571 หรือฉากผีหลอกใน Haunting)
ถ้าไหวก็สามารถตั้งเป็น Large ได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องยอมตั้งเป็น Small ไป
เพราะจริง ๆ แล้ว Small ก็คือระบบที่จะป้องกันลำโพงมันพังเท่านั้นเอง (คล้าย ๆ Soft Clipping)
แต่ถ้าเราไม่มี Subwoofer ลำโพงคู่หน้าจะถูกตั้งเป็น Large โดยอัตโนมัติ

ส่วนจะปรับ Crossover Frequency ที่เท่าไร ก็น่าจะขึ้นอยู่กับว่า
ประสิทธิภาพของลำโพง 5 หรือ 7 ตัวหลัก และแอมป์ที่เอามาขับมัน มันขนาดไหน
หรือถ้าเป็นภาษาสวย ๆ หน่อย ก็คือ ลำโพงมันจะ roll off ที่ความถี่เ่ท่าไรนั่นเอง

ถ้าลำโพง 5 หรือ 7 ตัวหลักสามารถสร้างเสียงที่ความถี่ 60 Hz ได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ก็น่าจะให้ลำโพงหลักทำงานตั้งแต่ 60 Hz ขึ้นไป เพื่อให้การแยก Channel ทำได้เด็ดขาดกว่า
Subwoofer ก็จะทำงานน้อยลง เพราะไม่ต้องไปขับความถี่ 60 - 80 Hz เสียงเบสก็น่าจะดีกว่า

เพราะฉะนั้น ไม่มีสูตรตายตัวหรอกครับ ว่าควรจะตั้งไว้ที่เท่าไร
มันแล้วแต่ว่าเสียงจากลำโพงหลักตัวที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุด มันลงได้ลึกที่สุดขนาดไหนที่ไม่เพี้ยน

แล้วจะวัดได้อย่างไรว่าลำโพงหลักตัวไหน และแอมป์ที่ใช้ขับ มีประสิทธิภาพเท่าไร

1. แบบง่าย แต่ไม่แม่นยำ
ลองเอาไมค์ที่ใช้ Auto setup เสียบเข้ากับโน๊ตบุค หาโปรแกรม Spectrum analyzer มาใช้ดู
(โปรแกรมที่ผมใช้คือ Spectogram 16 เป็น Freeware ครับ)
แล้วเปิด Pink Noise ดูทีละ Channel ดูตามกราฟเลยว่าลำโพงหลักแต่ละตัวมัน roll off ที่ความถี่เท่าไร
จดความถี่สูงสุดที่วัดได้ เอาไปตั้งใน AVR

2.แบบแม่นยำ แต่ไม่ง่าย
หูเราเนี่ยแหละ ชัวร์สุดแล้ว หาแผ่น DVD-Audio ที่มีวงดนตรีเล่นรอบตัวเรามาเปิดดู
(ไม่ใช่แบบที่เล่นกันอยู่ข้างหน้า แล้วข้างหลังเป็นเสียงคนดูนะ)
เปิด Subwoofer ไปด้วย ให้เสียบช่อง LFE เพืิ่อ By pass Crossover ของ Subwoofer ให้ AVR เป็นตัวจัดการ
และต้องตั้ง Level ของ Subwoofer ให้ตรงกับทุก Channel แล้ว
เปิดฟังไปที่ละ Channel แล้วกดปรับค่า Crossover frequency ใน AVR ไปเรื่อย ๆ ดูว่าค่าที่เท่าไรฟังดีที่สุด
เลือกเอาค่าสูงสุดที่ได้ เอาไปตั้งใน AVR

ห้ามดูที่ Specification ของลำโพงนะครับ
เพราะความถี่ต่ำสุดที่เขาเขียน คือความถี่ที่เขาวัดได้ว่าลงถึง แต่เพี้ยนไปขนาดไหน ไม่มีใครรู้


น่าตีจีงๆเลย คุณ nutsaint มีของดีก็ไม่บอก แสดงว่าเอาไมค์ต่อเข้าช่องไม่ที่ notebook แล้วเอา program ที่ว่าเช้คความถี่ของลำโพงใช่มั้ยครับ Y]  :victory  เด๋วไปโหลดมาใช้มั่ง อิอิ

SuperRich International1965
รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
อยู่ชั้นใต้ดินสนามบินสุวรรณภูมิ
ติดต่อผมได้ครับ


ออฟไลน์ nutsaint

  • ****
    • กระทู้: 337
    • เพศ:ชาย
หากตั้งลำโพงเป็น Large เสียงลำโพงหลัก จะออกทุกความถี่
ในขณะที่ตั้งเป็น Small เสียงที่ต่ำกว่า 80 Hz ของลำโพงหลักจะถูกตัดออกไป
การตั้งว่าเป็น Large หรือ Small จึงขึ้นอยู่กับว่า
ถ้าตั้งเป็น Large แล้วลำโพงคู่หลัก เวลาเจอเสียงความถี่ต่ำมาก ๆ มันจะสำรอกไหม
(เช่น ฉากระเบิดใต้น้ำใน U-571 หรือฉากผีหลอกใน Haunting)
ถ้าไหวก็สามารถตั้งเป็น Large ได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องยอมตั้งเป็น Small ไป
เพราะจริง ๆ แล้ว Small ก็คือระบบที่จะป้องกันลำโพงมันพังเท่านั้นเอง (คล้าย ๆ Soft Clipping)
แต่ถ้าเราไม่มี Subwoofer ลำโพงคู่หน้าจะถูกตั้งเป็น Large โดยอัตโนมัติ

ส่วนจะปรับ Crossover Frequency ที่เท่าไร ก็น่าจะขึ้นอยู่กับว่า
ประสิทธิภาพของลำโพง 5 หรือ 7 ตัวหลัก และแอมป์ที่เอามาขับมัน มันขนาดไหน
หรือถ้าเป็นภาษาสวย ๆ หน่อย ก็คือ ลำโพงมันจะ roll off ที่ความถี่เ่ท่าไรนั่นเอง

ถ้าลำโพง 5 หรือ 7 ตัวหลักสามารถสร้างเสียงที่ความถี่ 60 Hz ได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ก็น่าจะให้ลำโพงหลักทำงานตั้งแต่ 60 Hz ขึ้นไป เพื่อให้การแยก Channel ทำได้เด็ดขาดกว่า
Subwoofer ก็จะทำงานน้อยลง เพราะไม่ต้องไปขับความถี่ 60 - 80 Hz เสียงเบสก็น่าจะดีกว่า

เพราะฉะนั้น ไม่มีสูตรตายตัวหรอกครับ ว่าควรจะตั้งไว้ที่เท่าไร
มันแล้วแต่ว่าเสียงจากลำโพงหลักตัวที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุด มันลงได้ลึกที่สุดขนาดไหนที่ไม่เพี้ยน

แล้วจะวัดได้อย่างไรว่าลำโพงหลักตัวไหน และแอมป์ที่ใช้ขับ มีประสิทธิภาพเท่าไร

1. แบบง่าย แต่ไม่แม่นยำ
ลองเอาไมค์ที่ใช้ Auto setup เสียบเข้ากับโน๊ตบุค หาโปรแกรม Spectrum analyzer มาใช้ดู
(โปรแกรมที่ผมใช้คือ Spectogram 16 เป็น Freeware ครับ)
แล้วเปิด Pink Noise ดูทีละ Channel ดูตามกราฟเลยว่าลำโพงหลักแต่ละตัวมัน roll off ที่ความถี่เท่าไร
จดความถี่สูงสุดที่วัดได้ เอาไปตั้งใน AVR

2.แบบแม่นยำ แต่ไม่ง่าย
หูเราเนี่ยแหละ ชัวร์สุดแล้ว หาแผ่น DVD-Audio ที่มีวงดนตรีเล่นรอบตัวเรามาเปิดดู
(ไม่ใช่แบบที่เล่นกันอยู่ข้างหน้า แล้วข้างหลังเป็นเสียงคนดูนะ)
เปิด Subwoofer ไปด้วย ให้เสียบช่อง LFE เพืิ่อ By pass Crossover ของ Subwoofer ให้ AVR เป็นตัวจัดการ
และต้องตั้ง Level ของ Subwoofer ให้ตรงกับทุก Channel แล้ว
เปิดฟังไปที่ละ Channel แล้วกดปรับค่า Crossover frequency ใน AVR ไปเรื่อย ๆ ดูว่าค่าที่เท่าไรฟังดีที่สุด
เลือกเอาค่าสูงสุดที่ได้ เอาไปตั้งใน AVR

ห้ามดูที่ Specification ของลำโพงนะครับ
เพราะความถี่ต่ำสุดที่เขาเขียน คือความถี่ที่เขาวัดได้ว่าลงถึง แต่เพี้ยนไปขนาดไหน ไม่มีใครรู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 สิงหาคม, 2009, 05:55:02 pm โดย nutsaint »





ออฟไลน์ Jeeds

  • ***
    • กระทู้: 209
อธิบายเรื่อง LFE นะครับ
เสียงมีความถี่หลายย่าน 20 - 22K Hz อะไรประมาณนี้
การตั้งที่ AVR ว่ากี่ Hz เช่น 80 ทุกตัวและ LFE = Sub อย่างเดียวและลำโพงทั้งหมดเป็น small หมายถึง เสียงที่ต่ำกว่า 80Hz จะส่งไปที่ SUB อย่างเดียว
ลำโพงคู่หน้า กลาง หลังจะขับเฉพาะเสียงที่มากกว่า 80Hz

แต่ถ้าเราตั้ง LFE = Sub + L/R ( คู่หน้าต้องเลือกเป็น large ) เสียงที่ต่ำกว่า 80Hz จะส่งไปที่ SUB และ ลำโพงคู่หน้าด้วย ส่วน กลาง หลังจะขับเฉพาะเสียงที่มากกว่า 80Hz

ปล. ผมใช้ HK 5550 กับ 430 ครับ

ตอบนะครับของคุณ ongiedonkie

ถ้าที่ sub มีช่อง LFE ต่างหาก
ต่อช่องนี้วงจร cross ใน sub จะไม่ได้ใช้งาน เสียงก็จะดีกว่าครับ

ของคุณ Jeeds กับ คุณ lekkung

อย่างที่ผมบอกว่าดูหนังควรปรับเป็น small มุกตัวหมดเพื่อให้ sub ขับเสียงต่ำอย่างเดียว ( คุณ Lekkung ปรับถูกแล้วครับ )
แต่ฟังเพลงถ้าเลือก SUB + L/R เพื่อความกลมกลืนของเสียงครับ
เรื่องจุดตัดนิยมที่ 80 ครับ แต่ต้องดู spec ลำโพงด้วยนะครับว่าได้ต่ำสุดเท่าไร
ตัว quintet3 นี่ผมไม่แน่ใจแต่คิดว่าที่ 80 ก็ได้ครับ ( เคยได้ยินมาว่าฟังเพลงปรับยากมากเนื่องจากลำโพงเล็ก )
ถ้าเป็น bookshelf ไม่มีปัญหาครับ 80 ไหว  O0

ปล ถ้าที่ sub ไม่มีช่อง LFE และต้องต่อสายเข้าช่อง L กับ R อย่าลืมตั้ง cross over ไว้ที่ 80 อย่างต่ำนะครับอย่าให้ต่ำกว่านี้
เดี๋ยว Sub จะขับเฉพาะเสียงที่ต่ำกว่า 80 อีก  2f
  ขอบคุณมากครับ  :clap


ออฟไลน์ Oh Jezus

  • ***
    • กระทู้: 207
อธิบายเรื่อง LFE นะครับ
เสียงมีความถี่หลายย่าน 20 - 22K Hz อะไรประมาณนี้
การตั้งที่ AVR ว่ากี่ Hz เช่น 80 ทุกตัวและ LFE = Sub อย่างเดียวและลำโพงทั้งหมดเป็น small หมายถึง เสียงที่ต่ำกว่า 80Hz จะส่งไปที่ SUB อย่างเดียว
ลำโพงคู่หน้า กลาง หลังจะขับเฉพาะเสียงที่มากกว่า 80Hz

แต่ถ้าเราตั้ง LFE = Sub + L/R ( คู่หน้าต้องเลือกเป็น large ) เสียงที่ต่ำกว่า 80Hz จะส่งไปที่ SUB และ ลำโพงคู่หน้าด้วย ส่วน กลาง หลังจะขับเฉพาะเสียงที่มากกว่า 80Hz

ปล. ผมใช้ HK 5550 กับ 430 ครับ

ตอบนะครับของคุณ ongiedonkie

ถ้าที่ sub มีช่อง LFE ต่างหาก
ต่อช่องนี้วงจร cross ใน sub จะไม่ได้ใช้งาน เสียงก็จะดีกว่าครับ

ของคุณ Jeeds กับ คุณ lekkung

อย่างที่ผมบอกว่าดูหนังควรปรับเป็น small มุกตัวหมดเพื่อให้ sub ขับเสียงต่ำอย่างเดียว ( คุณ Lekkung ปรับถูกแล้วครับ )
แต่ฟังเพลงถ้าเลือก SUB + L/R เพื่อความกลมกลืนของเสียงครับ
เรื่องจุดตัดนิยมที่ 80 ครับ แต่ต้องดู spec ลำโพงด้วยนะครับว่าได้ต่ำสุดเท่าไร
ตัว quintet3 นี่ผมไม่แน่ใจแต่คิดว่าที่ 80 ก็ได้ครับ ( เคยได้ยินมาว่าฟังเพลงปรับยากมากเนื่องจากลำโพงเล็ก )
ถ้าเป็น bookshelf ไม่มีปัญหาครับ 80 ไหว  O0

ปล ถ้าที่ sub ไม่มีช่อง LFE และต้องต่อสายเข้าช่อง L กับ R อย่าลืมตั้ง cross over ไว้ที่ 80 อย่างต่ำนะครับอย่าให้ต่ำกว่านี้
เดี๋ยว Sub จะขับเฉพาะเสียงที่ต่ำกว่า 80 อีก  2f


ออฟไลน์ Saitosan

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 10,352
    • เพศ:ชาย
ตอนนี้ผมก็กำลังลองปรับ

Large + ( LFE + Main ) = เสียงซับดังมาก บางทีคราง หรือ Large + ( LFE เฉยๆ ) = ซับหาย

Small + ( LFE + Main ) = เสียงซับเบา หรือ Small + ( LFE เฉยๆ ) = ซับหาย

ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี
ลองย้ายตำแหน่ง sub ดูนะครับ  :)


ออฟไลน์ lekkung

  • ***
    • กระทู้: 231
อยาทราบเหมือนกันครับ ใช้ harman 255 ลำโพง quintet3 ผมปรับที่ 100 หมดทุกตัว  ที่avr เป็น sub เฉยๆ ไม่รุ้ set ถูกไหม


ออฟไลน์ Jeeds

  • ***
    • กระทู้: 209
  ของผมใช้ H/k 355 ปรับที่ avr จะมีให้ปรับ large แล้วต่ำลงไปก็เป็น 120/100/80 เฮิท ครับ ควรตั้งที่เท่าไหร่ดีครับ ลำโพงเป็น satt


ออฟไลน์ ongiedonkie

  • ***
    • กระทู้: 147
อ๋อ อย่างนี้แสดงว่า ถ้าเราเสียบสาย LFE ที่ sub ไว้

ตัวปรับ crossover ที่ซับ ก็จะไม่มีผลอะไรใช้มั้ยครับ ต้องไปตัดที่ avr ไว้แทน อันนี้ถูกต้องมั้ยคัรบ

แต่ยังไงเ่ดวผมลองปรับดูอีกทีครับ

ขอบคุณมากๆ ครับ


ออฟไลน์ Oh Jezus

  • ***
    • กระทู้: 207
LFE จะให้ sub เป็นคนขับครับ

ถ้าเลือก LFE เฉยคือ AVR จะส่งเสียงต่ำทั้งหมดไปที่ sub แต่เราต้องตั้งจุดตัดที่ AVR ก่อนว่าเท่าไรและต้องเลือกลำโพงเป็น small ถึงจะเลือกได้
ถ้าเลือก LFE + XXX คือ AVR จะส่งเสียงต่ำไปที่ sub และ xxx นั้นครับ ( เฉพาะลำโพงที่เราเลือกเป็น large )

ดูหนังควรเลือกเป็น small หมด และฟังเพลงเลือกคู่หน้าป็น large ครับ
อ้อที่ sub มีช่อง LFE ก็จะดีครับเพราะเป็นการ bypass วงจร cross ของ sub ออกแต่ถ้าไม่มีมีเป็นขั้ว L+R ก็ต่อ L+R ไว้ครับแล้วปรับจุดตัด cross over ไว้ที่ประมาณ 80 หรือเท่าที่เราตั้ง AVR ไว้

ให้หาตำแหน่งวาง sub ดีๆนะครับ จะได้ base เพียบ
ของผมยังวางไม่ตรงๆเลยวางแบบ เอียง รู้สึกว่า base ดีกว่าอีก  c)



ออฟไลน์ TripleXXX

  • *****
    • กระทู้: 539
    • เพศ:ชาย
เอาแบบนี้ครับ ผมไม่รู้จักยี่ห้อลำโพงที่ว่ามา เอาเป้นว่า คู่หน้าลงต่ำได้แค่ไหน ถ้าดอกใหญ่เกินกว่า 8นิ้วก็ปรับ Large แต่ถ้าลงได้ไม่ลึก ปรับ Small ทั้งหมดครับ ตั้ง Cross over ที่ AVR ไว้ที่ 80Hz ก่อนส่วน LFE ถ้าตั้งที่ AVR มันตัดเองที่ 80Hz ครับ ทำอะไรไม่ได้ แล้วที่ Sub ก็ต้องใช้ Function ด้วยนะครับ แล้วก็ค่อยๆปรับเอา Volume ที่ Sub ไม่ควรจะเร่งเกินกว่า เที่ยงนาฬิกา ให้ไปปรับความดังที่ AVR เอาครับ

SuperRich International1965
รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
อยู่ชั้นใต้ดินสนามบินสุวรรณภูมิ
ติดต่อผมได้ครับ


ออฟไลน์ ongiedonkie

  • ***
    • กระทู้: 147
ตอนนี้ผมก็กำลังลองปรับ

Large + ( LFE + Main ) = เสียงซับดังมาก บางทีคราง หรือ Large + ( LFE เฉยๆ ) = ซับหาย

Small + ( LFE + Main ) = เสียงซับเบา หรือ Small + ( LFE เฉยๆ ) = ซับหาย

ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี


ออฟไลน์ Jeeds

  • ***
    • กระทู้: 209
  ถามนิดนึงครับ ตั้งค่า sub ของผมเลือกเป็น (R+L LEF) ตั้งแบบนี้เสียง sub จะดีกว่า แบบ LEF อย่างเดียวรึเปล่าครับ สาย sub ผมต่อทั้ง 2 รู



ออฟไลน์ EXOTIC-AV

  • ****
    • กระทู้: 335
  • just toys
LFE คือช่วงสัญญาณความถี่ต่ำเพราะเวลาเราใช้ชุดโฮมลำโพงคู่หน้าเราต้องเลือกปรับความถี่ต่ำสุดที่เราจะใช้แล้วโยนหน้าที่ไปให้ sub ทำงานแทนช่วงความถี่ต่ำๆที่คุ๋หน้าลงไปไม่ได้เสียงเบสที่โดด และอื้อ ของคู่หน้าจะหายไปแต่จะยู่ที่sub แทนครับ อันนี้เป็นความรู้ที่พี่ๆเขาสอนมาครับเลยเอามาบอกกัน


ออฟไลน์ ongiedonkie

  • ***
    • กระทู้: 147
วันสองวันนี้ เกิดว่างเลยมาลองนั่งปรับจูน arv ที่บ้านหลังจากซื้อมาไม่เคยทำอะไรเลยกับมัน เพราะไม่ค่อยมีความรู้

ตั้งแต่เริ่มปรับจนถึงตอนนี้เกิดความมึน เพราะไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าดีหรือไม่ดี

ตอนดูหนังฟังเพลง ปรับ speaker เป้น Large เสียงซับ มันขึ้นมาอยู่ที่ front ด้วย ฟังแล้วมันไม่ค่อยโปร่งเท่าไร อึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ( แต่ตอนนี้ปรับ sub เป็น LFE + Main ) ( ว่าแต่ LFE คืออะไรครับ หุหุหุ ) ตอนนี้เสียงซับมันดังมากแล้วก็มีครางออกมาเป็นระยะๆ ฟังแล้ว หงุดหงิด ยังไงก็ไม่รู้

ต่อมาเลยลองปรับเป็น Small รู้สึกว่าดีขึ้นแต่ความหวานเวลาฟังเพลงหายไป ( ซวยแล้ว หุหุหุ ) แต่ดูหนังรู้สึกฟังสบายและชัดขึ้น แล้วก็ปรับ sub เป็น LFE เฉยๆ เสียงซับก็เบาลงแต่ต้องไปเพิ่ม volume ที่ arv ที่ function sub ให้มากขึ้นไม่งั้นหายหมด

สุดท้าย จะมาถามว่า ปรับยังไงดีครับ หุหุหุ มึนไปหมดแล้ว

ขอบคุณมากๆ ครับ ( ลำโพงผมเป้น MS Mezzo 2 + 1 ทั้งชุด ครับผม ) ส่วนซับเป็น JBL รุ่นเล็กมากับชุด Home 8 นิ้ว ครับ

( เปลี่ยนซับใหญ่ขึ้นจะหายมั้ยครับ แนะนำด้วย )