อย่างที่เล่าให้ฟังนะครับ ความทรงจำนี้ถูกเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของสมอง มันถูกเรียกมาฝันตอนหลับด้วย จิตใต้สำนึกที่ควบคุมไม่ได้ (subconcious) ยิ่งเป็นสิ่งที่จิตยึดติด มันจะถูกเรียกมาประจำ
ความทรงจำเหล่านี้ เป็นที่เชี่อกันว่า มันไม่มีการถูกลบไป บางครั้งจิตสำนึกเราจำไม่ได้ แต่จิตใต้สำนึกยังจำได้ เพียงแต่เราควบคุมมันไม่ได้ เราเลยนึกเท่าไรนึกไม่ออก จากการบอกเล่าจำนวนมากเกี่ยวกับคนใกล้ตายว่า สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ในอดีตไ้ด้ดี ทำให้ผู้ที่มีความรู้จำนวนหนึ่งสนใจและทำการทดลองกับคนใกล้สิ้นลม ปรากฏว่าก่อนจิตจะออกจากร่าง ความทรงจำทั้งหมดจะพรั่งพรูออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี ฝรั่งเรียกมันว่า flashback ซึ่งก็เคยมีทำหนังที่เอาเรื่องนี้มาประกอบหลายเรื่อง
พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสรู้ รู้แจ้งเห็นจริงมากว่า 2500 ปีแล้ว ท่านจึงได้สั่งสอนคนทั้งหลายให้ทำแต่กรรมดี ก่อนตายให้ทำจิตให้สงบ ตอน flashback จิตจะได้มีสติไม่ฟุ้งซ่าน ส่งผลใ้ห้จิตที่จะออกจากร่างเก่า ไปเกิดใหม่ มีพลัง และจูนคลื่นความถี่ไปเกิดในสภาพแวดล้อมที่ดี เหมือนการจูนคลื่น
ความตายไม่น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด ถ้าเราเข้าใจขบวนการของมัน และมีมรณานุสติตลอดเวลา เพียงแต่ถ้าเราทำกรรมเลวมามาก มันก็ยากที่จะแก้ไข เพราะกรรมเลวมันแรงกว่ากรรมดี จะเห็นคนใกล้ตายจำนวนไม่น้อย พร่ำแต่สิ่งที่เลวร้ายในชีวิตก่อนสิ้นลม ความตายที่น่ากลัวคือการตายโหง เพราะมันอาจจะเร็วจนจิตไม่รู้ว่าตนเองได้ตายแล้ว จึงวนเวียนอยู่บริเวณนั้น ไม่สามารถไปเกิดใหม่ เป็นผีตายโหงที่ทำให้คนเห็นและกลัว ต้องเชิญพระมาสวดให้รับรู้และไปเกิดใหม่
อ้าว นี่ผมโม้เกินกระทู้ไปไกลแล้ว ขอจบแค่นี้ก่อนละกัน
