หัวข้อ: ทำไมสายดิจิตัลควรยาวกว่าหนึ่งเมตร

[Thospital]

ความรู้ๆๆๆ

[Frogg]

ไปอ่านมาแล้ว ขอบคุณมากค่ะ

[Jamrat]

ไม่ทราบคุณจำรัสลองใช้ยาวกี่เมตรเทียบกันครับ     ผมนึกถึงประเด็นขัอเสียจากสายยาวเหมือนกัน  แต่ว่าจะลองดูเพราะมีสายที่จะลองทำได้อาจลองที่ 2 เมตรก่อนครับ   

ผมลองตั้งแต่ 2.5 เมตรครับ แล้วมา 2 เมตร ไม่ดี เลยยกมาใกล้ๆกันทำที่ประมาน 35 - 40  CM ครับ   ความคิดผมนะครับ 25 ns นะ เปลียนเป็นความยาวคลื่นคือ  300000 Km/s x 25 ns = 300,000,000 m/s x 0.000000025 s = 7.5 m ค่าที่ดีที่สุดของสายอยู่ที่ 7.5 เมตรครับ  ถ้าหารเป็นอัตราส่วน สำมุติหาร 5 = 750 cm / 5 = 150 cm ถ้าหาร 10 = 75 cm ถ้าหาร  20 = 37.5 cm  น่าสนใจลองครับ  ผมว่าหารเลขคู่น่าจะดีกว่าคือ หาร 2, 4, 8 ,16 ครับ ค่าที่น่าจะดีที่สุดน่าจะเป็น หาร 8 หรือ 16 คือ 93.75 หรือ 46.875 ครับ ผมคิดยังงั้น สงใสคงต้องลองแล้วครับ

[Martra]

บอร์ดฝรั่งทำเทียบกันแล้ว สรุปจบที่ 1.5 เมตรครับ 

[KJ]

ไม่ทราบคุณจำรัสลองใช้ยาวกี่เมตรเทียบกันครับ     ผมนึกถึงประเด็นขัอเสียจากสายยาวเหมือนกัน  แต่ว่าจะลองดูเพราะมีสายที่จะลองทำได้อาจลองที่ 2 เมตรก่อนครับ   

[Jamrat]

มาทางนี้เลยหรอ ครับ เพิ่มเติมอีกนิดครับ สัญญาณ Digital ที่มีระดับ Volt ต่างๆที่ว่าไว้มัน เป็นสัญญาณทั่วๆไปนะครับ แต่ S/Pdif นี่ มันมีระดับ Volt แค่ 0.5 - 1 V เองจึงง่ายต่อการสูนเสีย ผมคิดยังงั้น

[Martra]

อันนี้เป็นข้อคิดเห็นของพี่จำรัสจากห้อง DIY ครับ ซึ่งก็น่าสนใจอีกเช่นกัน
 
"ไม่รู้จิ ผมว่าสั้นๆ นะดีกว่า แต่เขาว่ามามันก็มีเหตุผล แต่คงเลือกสายที่มีเส้นใหญ่ๆหน่อย หรือที่มีความต้านทานของสาย (R, Resistance)  น้อยๆ  คำว่า 75 โอหม์ มันเป็นค่า Impedance ก็คือค่า L และ C ที่เขาว่า และมองเข้าไปจะมีค่า Impedance มีค่า 75 โอห์ม Impredance ของ Transport O/P, ของสาย และ DAC Input จะมีค่าเท่ากันเพื่อให้ได้ Maximum Power Transfer, จริงๆ ต้องมีความถี่มาเกียวข้อง และถ้าตัดสายให้ยาวเป็นสัดส่วนกะความยาวคลื่น ก็จะส่งผลให้การ Resonance และก็จะทำให้ส่งผ่านสัญญาณได้ดีที่สุดเช่นกัน"

"ดังนั้นการคำนวณจริงๆ ผมว่าไม่ใช่ยาวจะดี แต่ควรจะ ยาวตามความยาวคลื่นที่ว่า ตามหลัก transmission line  แต่นั้นและ R หรือ Resistance ของสายยิ่งยาวยิ่งมาก จึงต้องใช้สายใหญ่ๆ หรือสายที่มีความต้านทานน้อยๆ เพราะถ้ามี R มันก็จะมีแรงดันตกคร่อมสาย ทำให้มีค่าแรงดันของสัญญาณ ตกไป สัญญาณ Digital (ผมจำตัวเลขเด่นชัดไม่ได้ ผมขอสมมุติตัวเลขแล้วกัน ถ้าใครมีค่าที่ถูกต้องแก้ไขให้ผมด้วย) ค่าแรงดันสัญญาณ 0 - 1.5 โวลท์ จะมีค่าเป็น 0 และ 3.5 - 5 โวลท์ จะมีค่าเป็น 0 ดังนั้น 1.6 -3.4 โวลท์ จะเป็นค่าที่ไม่ได้ใช้งาน จะเห็นว่าถ้า Transport ส่งสัญญาณต่า 3.7 V มามันก็คือ 1 แต่เนื่องจากสายมันถูกความต้านทานในสายทำให้ค่าแรงดันหายไป เหลือถึง DAC แค่ 3.3 โวลท์ มันก็เลยทำให้ DAC ไม่รู้ว่ามันคือ 1 หรือ 0 เสียงที่ได้อาจจะเพี้ยนๆ ไป ผมเคยทำยาวๆครับสาย Digital แต่เสียงมันออกบางๆ กว่าสั้น ทั้งๆที่ใช้สายและหัว เหมือนกัน"

 

ไม่รู้จิ ผมว่าสั้นๆ นะดีกว่า แต่เขาว่ามามันก็มีเหตุผล แต่คงเลือกสายที่มีเส้นใหญ่ๆหน่อย หรือที่มีความต้านทานของสาย (R, Resistance)  น้อยๆ  คำว่า 75 โอหม์ มันเป็นค่า Impedance ก็คือค่า L และ C ที่เขาว่า และมองเข้าไปจะมีค่า Impedance มีค่า 75 โอห์ม Impredance ของ Transport O/P, ของสาย และ DAC Input จะมีค่าเท่ากันเพื่อให้ได้ Maximum Power Transfer, จริงๆ ต้องมีความถี่มาเกียวข้อง และถ้าตัดสายให้ยาวเป็นสัดส่วนกะความยาวคลื่น ก็จะส่งผลให้การ Resonance และก็จะทำให้ส่งผ่านสัญญาณได้ดีที่สุดเช่นกัน ดังนั้นการคำนวณจริงๆ ผมว่าไม่ใช่ยาวจะดี แต่ควรจะ ยาวตามความยาวคลื่นที่ว่า ตามหลัก transmission line  แต่นั้นและ R หรือ Resistance ของสายยิ่งยาวยิ่งมาก จึงต้องใช้สายใหญ่ๆ หรือสายที่มีความต้านทานน้อยๆ เพราะถ้ามี R มันก็จะมีแรงดันตกคร่อมสาย ทำให้มีค่าแรงดันของสัญญาณ ตกไป สัญญาณ Digital (ผมจำตัวเลขเด่นชัดไม่ได้ ผมขอสมมุติตัวเลขแล้วกัน ถ้าใครมีค่าที่ถูกต้องแก้ไขให้ผมด้วย) ค่าแรงดันสัญญาณ 0 - 1.5 โวลท์ จะมีค่าเป็น 0 และ 3.5 - 5 โวลท์ จะมีค่าเป็น 0 ดังนั้น 1.6 -3.4 โวลท์ จะเป็นค่าที่ไม่ได้ใช้งาน จะเห็นว่าถ้า Transport ส่งสัญญาณต่า 3.7 V มามันก็คือ 1 แต่เนื่องจากสายมันถูกความต้านทานในสายทำให้ค่าแรงดันหายไป เหลือถึง DAC แค่ 3.3 โวลท์ มันก็เลยทำให้ DAC ไม่รู้ว่ามันคือ 1 หรือ 0 เสียงที่ได้อาจจะเพี้ยนๆ ไป ผมเคยทำยาวๆครับสาย Digital แต่เสียงมันออกบางๆ กว่าสั้น ทั้งๆที่ใช้สายและหัว เหมือนกัน

http://www.htg2.net/index.php?topic=10486.msg89924#new

[Martra]

สวัสดีครับพี่ KJ
ทางผู้เขียนได้บอกไว้ว่าผู้ผลิตในตลาดส่วนมากจะผลิตให้ rise time อยู่ในเกณฑ์นี้ครับ
ท่า rise time ต่ำมากๆ (ตอบสนองสัญญาณ wave +/- เร็วขึ้น) สัญญาณรบกวนอีกประเภทจะเกิด
ซึ่งไม่มีผลต่อเสียง แต่จะไม่ผ่านกฎ FCC Rlues ที่ตั้งกันไว้ (ใครนึกไม่ออก ก็พวกสติกเกอร์สีเหลือง
ที่ชอบเขียนกันว่า Class one Laser product อะไรประมาณนั้น)

ทั้งนี้ ปรากฎการณ์ เงาคลื่น (halo effect) มันเริ่มกันตั้งแต่ สัญญาณออกจากชิพทรานสปอร์ท ไปบอร์ด
ผ่านสายสัญญาณในเครื่อง ออกไปสู๋สายดิจิตัลจนถึง ตัวดีทูเอ ผ่านบอร์ด ลง D/A ชิพ แล้วเน้นกลับไปกลับมาเป็นปิงปองอยู่อย่างนั้น
แม้แต่เครื่องที่ดีไซนืมาให้แมทช์กันก็ยังมีปรากฏการณ์นี้อยู่ดี (ผู้เขียนเค้าว่านะ)
สายดิจิตัลที่ยาวจึงยืดเวลาปิงปองออกมาให้ใกล้เคียงกับ rise time ให้มากที่สุด เพื่อให้ชิพที่ดีทูเอ
ประมวลผลสัญญาณที่สมบูรณ์ขึ้น ไม่มีเงาเหลื่อมที่ก่อให้เกิด Jitter (สัญญาณดนตรีกับเงาคลื่นทับกันพอดี)
หัวข้อนี้ก็เอามาใช้กับเพื่อนที่เล่นโฮมได้สบายครับ

ส่วนตัวผมยังไม่มีโอกาสลองครับเพราะซื้อสำเร็จก็จะเจอแต่หนึ่งเมตร
แต่ผมมีโปรเจคทำสายดิจิตัลแล้ว อุปกรณ์ครบเมื่อไหร่คงทำขนาด
1.5 เมตรไว้ลองฟังดูบ้าง แต่ฝรั่งในบอร์ด AudioAsylum ก็พูดถึง
ในแง่ที่ดี, เห็นผลต่างที่ดีกันเยอะพอสมควรครับ   

เพื่อนคนไหนอยากลองทำดูแล้วมาแชร์ประสบการณ์กันได้ครับ
อาจจะเริ่มจากสายดิจิตัล/วีดีโอธรรมดา เมตรละไม่กี่บาทที่
บ้านหม้อก่อนครับ 

[KJ]

ไม่รู้ว่า ทรานสปอร์ตที่ผมใช้กับDA  ของไมโครเมก้ารุ่น ทริโอ  ที่มีสามชิ้น  แยกภาคจ่ายไฟ  DA  ทรานสปอร์ตออกจากกันจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยหรือไม่  เพราะรุ่นนี้ไม่มีการไวร์ริ่ง  แบบว่าใช้ RCA WBT รุ่นเชื่อมติดกับบอร์ดโดยตรง ไว้มีโอกาสจะลองดูครับ  แต่ยาว 1.5เมตรคงเกะกะน่าดูครับ หากไม่เห็นผลคงแสดงว่าrise-time ของทรานสปอร์ตตัวนี้เร็วกว่า 25 nanoseconds   ไม่ทราบคุณ Martra ได้ลองบ้างหรือยังครับ
 

[Martra]

เป็นงานอดิเรกที่แพงมากๆ
(แต่พวกเราพร้อมสู้โดยไม่ต้องรอ ผู้บัญชาการ อนุมัติใช่ปล่าว) 

[ต ต้น]

ผมว่าสายดีๆไม่ควรยาวเกิน 1 เมตรเพราะมันจะแพงเกินไปครับ 

[peeupsky]

วันนี้สมองได้เพิ่มมาอีกหนึ่งหยักแล้ว 

[Martra]

ลองอ่านดูครับ ดีทีเดียว
http://www.positive-feedback.com/Issue14/spdif.htm