อภิมหาเทพเหนือเทพแกลบ สะท้านภพ Mission Non-Money Able ปฏิบัติการไร้เงิน Poor Protocolบอกเล่า update นิดหน่อย กับ มหากาฬ Subwoofer Martin Logan Grotto i
ตัวหนัก โต๊ โต สุ้มเสียงโอโม่ สะอาดลึก ได้โล่ห์ จากสำนัก Digital Ageเกริ่นนำพอดีได้มีโอกาสไปลอง พร้อมกับพี่ schwin พี่อำเภอ และพี่เล็ก แต่ไม่เจอ น้องย่อง สุดน่ารัก เพราะตัวผมติดภารกิจ ฟิชชู่ว์ จุ๊ จุ๊
ก็เลย แบกหลังแอ่น เอากลับมาเล่นที่บ้านซะเลย มีน้ำหนักพอควร (23 กิโล ไม่รวม น้ำหนักกล่อง)
หนักไม่เท่าไหร่ แต่กล่องและตัวค่อนข้างใหญ่ "มัน ใหญ่ มาก" (ชื่อเหมือน Concert = =)
ยกไปวางในห้องรูหนู เน่าหนอน ยากลำบาก ยิ่งยวด (JL113 คง.... ต้องแบกกัน สองสามคน = =)
หนนี้ คงเป็นมาบอกเล่า preview ตามมุมมอง และเวลาในการลองแค่2-3 ชั่วโมงของ เทพแกลบๆๆๆๆๆๆๆ ย้ำ แกลบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ต้น ทาโร่ ท่าเรือ ท่าข้าม (ที่ไหงมีหลายท่า ไปได้ ก็หารู้ไม่ = =)
SUBWOOFER MARTIN LOGAN GROTTO iบุคลิกเท่าที่ลองฟัง ลองเล่น GROTTO i เป็นอีกบุคลิก ที่พอฟังแล้ว เริ่มชอบมากขึ้นเรื่อยๆ
หัวเบสไม่หนักกระแทก ไม่พุ่ง แต่เป็นก้อนลึก ทุ้ม สะอาด
Layer ชั้นของ LFE ละเอียดมาก ขอยกตัวอย่าง เสียงกระเดื่อง การสะท้อนของหนังกลอง ได้ยินชัดเจน กลองเป็นกลอง (Yim Hok man)
ที่ไม่ใช่ ยานคราง หรือเก็บตัวช้า บรรยายลำบากจริง อิ อิ กำ = =
( Paradigm จะออกแนว ตู๊มม!!! หลบ ตู๊มม!! หลบ จบเก็บตัว ไม่ใช่ไม่ดี แต่รายละเอียด Layer LFE ตอนฟังดนตรี เครื่องตี เครื่องเคาะ
จะแสดงออกมาได้น้อยกว่า แต่จะเด่นที่ได้ หัวที่หนัก พุ่ง แผ่ ลึกกว่า จะพูดอีกทีช่วงท้ายครับ)

ถามว่าได้ลึก ได้หนักไหม ตอบได้ว่า ได้ครับ แต่คนละลักษณะกับ Paradigm จริงๆ ในเรื่อง layer LFE อย่างที่บอกไป
ต่างสไตล์ ต่างบุคลิก ขอยกตัวอย่างเล่นๆ เหมือนเทียบระหว่าง
นักวิ่งข้ามรั้ว 100M และ
นักวิ่งระยะสั้น 100M
(เทียบลักษณะนี้ น่าจะพอนึกภาพออกนะ)
คือ เป็น Sprinter เหมือนกัน ประเภทกีฬาเดียวกัน ดีทั้งคู่
แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ในเรื่องรายละเอียด แต่ระยะ เท่ากัน (ขอตัด หรือ ไม่นับเรื่องเวลาที่ดีที่สุดนะ ถ้าวัดตรงนั้น มันแตกกิ่งเรื่องไปหน่อย)
มีอะไรอีกหว่า..... นึกไม่ออกแล้ว = =
ข้อสังเกตตัวงานดีมาก คุณภาพ การประกอบ รอยต่อ สี Balck Ash ตัว Body เคาะแล้ว แน่น
ตัว Body ตู้มี รูปทรง Curve ออกแบบเช่นเดียวกับ ลำโพงสมัยใหม่ เพื่อลด resonance การสะท้อนภายในตู้ ทำให้เสียง LFE นิ่ง และมีคุณภาพ
มีภาค Servo Control คุณภาพสูง พร้อมหม้อแปลง เทอรอยด์ดัน ขดลวด ที่สามารถเรียก headroom ได้รวดเร็ว
ตัวปรับ Volume มี Scale ให้เลือกได้ละเอียดดี
ตัว Driver เป็น aluminum cone เช่นเดียวกับรุ่น top Descent i
มีตัวปรับ Volume ที่ช่วงความถี่ 25Hz +-10dB สามารถเพิ่ม ลด ความถี่ในช่วง 25Hz ให้เหมาะกับสภาพห้องได้
(อันนี้ใน Pre\Pro ก็มีให้ปรับ dB ในช่วงความถี่ หลาย Hz เหมือนกัน แต่การที่มีปรับที่ตัวภาค Power และภาค Control ของ SUBWOOFER นี่ยอดมากๆ
ถ้าเป็นรุ่น Descent i จะมีให้ปรับที่ช่วง 50Hz ด้วยครับ ละเอียดมาก)
Frequency LFE ปรับ Hz จะ Fix เป็น ล็อค ให้เลือกที่ 30, 35, 45, 55, 65, และ 80 Hz
ไม่มีไฟบอก Status การทำงาน ที่หน้าตัวตู้ (มีที่ด้านหลัง)
สามารถวางบน SUB DUDE HD ได้
SPECFrequency Response 22120 Hz ± 3dB
Low Pass Filter Frequencies 30, 35, 45, 55, 65, and 80 Hz
High Pass Filter Frequency 70 Hz
25Hz Level Control ±10dB
Low Frequency Driver 10 (25.4 cm) aluminum cone
Amplifier 300 watts (900 watts peak)
Inputs Left/Right RCA Line Level, RCA LFE, Speaker Level
Outputs RCA Sub Out, RCA Right/Left
Weight 51 lbs. (23.2 kg)
Dimensions (HxWxD) 18.6 x 15.2 x 13.8 (47.3 x 38.6 x 35 cm)
ทิ้งท้ายเล็กน้อยในช่วง สองสามปีมานี้ ได้ไปฟัง ไปลอง บ้าน ร้าน พี่ๆที่เคารพ ทั้งใน และนอกวงการ กปห
โดยเฉพาะที่ได้เอามาลองให้ห้องตัวเอง หลายตู้ สำหรับ SUBWOOFER
สิ่งหนึ่งที่หลายท่านสังเกต หลายท่านพูดถึง หรือหลายท่านไม่เคยนึกถึงเลย
นั่นคือ ระยะตำบลตกของ LFE หรือ ระยะห่างของเสียง LFE ที่ดีที่สุด จากตัว SUBWOOFER ถึงจุดนั่งฟังSUBWOOFER แต่ละตัว มีระยะยิง และตำบลตกของ LFE ที่ดีที่สุด ที่ระยะ มากน้อย แตกต่างกัน
SUBWOOFER ที่มีขนาดใหญ่ ตำบลตกของ LFE ที่ดีที่สุด จะมีระยะที่ไกลออกไป
ใกล้ไป... เป็นก้อน แต่ไม่ลึก
ไกลไป... ลึก แต่ไม่เป็นก้อน
จุดสมดุลย์ ตำบลตก LFE ...ลึก เป็นก้อน ที่อุดมด้วยรายละเอียด
ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนจุดวาง SUBWOOFER ได้ (เช่น ห้องเน่าหนอนของผม = =)
เราก็เปลี่ยนตำแหน่งฟัง ซึ่งก็คือ ตัวเรานี่แหละ Move ไปรอบๆห้องเลย ฟังแล้ว จำ เป็นจุดๆๆ
"ของผมตำแหน่งที่ดีที่สุด ดั๊นนน เป็น ไปยืนหรือนั่งฟังในห้องน้ำในห้องครับอิ อิ กำ"เด๋วไป Set ใหม่ ก็สามารถช่วยได้ ตอนนี้ นวดไปเรื่อยๆก่อน >< รอพ้นระยะเผาหัว
ดีไม่ดี อยู่ที่ Set et et et etจบ ซะอย่างนั้น
ขอบอกก่อนว่าผมเองไม่ได้เก่ง ไม่ใช่เซียน และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ
ไม่ได้ต้องการสร้างกระแส หรืออะไรใดๆทั้งสิ้น แค่ต้องการบอกกล่าว แบ่งปัน
บอกเล่าประสบการณ์ในการใช้จริง จากคนบ้านๆ และสิ่งที่ผมได้รับกลับมา
ทั้งนี้การทดสอบดังกล่าว เป็นเพียงข้อมูลและแนวทางเท่านั้น ไม่ได้ฟันธง เพราะอย่างไรก็ตาม
คุณควรฟังด้วยหูของคุณ ในระบบของคุณเองว่าพอใจกับสไตล์ไหน รูปแบบใด (นี่เป็น Concept ประจำตัวผมครับ)
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบพระคุณ พี่เล็ก HT_GURU ที่เอื้อเฟื้อ Grotto i มาให้ลอง ให้เล่นครับ ขอมาบอกเล่าเพิ่มเติม จากที่ขลุก ที่ลองมามากขึ้นนะครับ กับ Subwoofer Martin Logan Grotto i
จะคนละสไตล์ คนละอารมณ์และบุคลิก จากที่ฟัง Paradigm มานาน พอเปลี่ยนมาเป็น Martin Logan แล้ว
เออ แบบนี้เราก็ชอบแฮะ!!!
เอาจากที่จับสังเกต ชนกัน ชัวะเชียะ นะ ในสองรุ่นนี้นะ
จริงๆก็ไม่อยากเทียบ เพราะอย่างที่บอกว่า เหมือนเอานักวิ่งข้ามรั่ว 100M มาเทียบกับนักวิ่งระยะสั้น 100M มาประชันกัน (โดยไม่นับเรื่องเวลาที่ได้)
ก็ขอเล่าแบบที่รู้สึก ที่ผมจับสังเกตได้นะครับ
Martin Logan Grotto i -ลักษณะเสียง LFE จะพุ่งตรงเป็นก้อนกลม ขนาดใหญ่ มีน้ำหนัก หนักทุ้ม ลงลึก เหมือนลูกเหล็กทรงกลมใหญ่ๆหนักๆ
- มีแรงสะท้อน ตอนตกกระทบ แต่ไม่ยาน ประทะเป็นก้อนเข้าตัว
-มีความรู้สึกว่าสุ้มเสียงค่อนข้าง Hi-END เสียงมีความเป็นอนาล็อคสูง คือ มีรายละเอียด เสียงเปิด
-หัวเบส เป็นลูก เป็นก้อนชัด ลึก แต่เสียงนิ่ง สะอาด คงที่ ไม่พร่า กระชับ เก็บตัวได้ดี
-มีระยะแสตนด์ ตำบลตก LFE ประมาณ 3M ขึ้นไป
Paradigm SEISMIC110 -ลักษณะเสียง LFE จะพุ่งตรงเป็นก้อนใหญ่บานออก
- หัวเบสอิ่มๆอวบใหญ่ ลึก หนัก
- ลักษณะเหมือนก้อนเหล็กที่รูปทรงเหมือนท่อนซุง แข็งปั่กๆ ตกประทะแล้วสะเทือน ทิ้งตัว พักนึง แต่ไม่สะท้อน
- มีพละกำลังสูงมากๆ มาแรง ทิ้งตัวแรง ปั่กกๆๆ
- ค่อนข้างเป็น Digital มากกว่า คือ ดิบๆ ห้วนๆ ปิดๆ ไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก แต่ได้เนื้อ ได้น้ำหนักดี
- มีระยะแสตนด์ ตำบลตก LFE ประมาณ 2.5M ขึ้นไป
สรุป ชอบทั้งคู่อ่ะ อิ อิ กำ
อนาคต เบิ้ล 2 หรือ เจ๊แอ๊ว คร๊าบบบบบบบ เจ้านายยยยยยยยยยยยยยยยย 55555+