HTG2.club

Batoq โดย C3 : ผลการทดลองฟัง

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ big

  • ****
    • กระทู้: 304
สายไฟ C3 Xotiq ทำออกมาได้ดีมากๆครับ  O0 นับถือคนออกแบบสายไฟเส้นนี้ครับ  :1a


ออฟไลน์ batman

  • ***
    • กระทู้: 102
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา   คุณวิรุณ (เจมส์ C3 exclusive) ได้แจ้งให้ผมไปรับเครื่อง Batoq (บา-ต๊อค) ที่เป็นเครื่องต้นแบบไปทดลองฟัง เป็นคนที่สองต่อจากนักเล่นฯ ท่านหนึ่งที่ลองฟังเป็นคนแรก   ผมใช้เวลาทดลองฟัง 5 วัน ช่วงเวลา 2 ทุ่มถึง 5 ทุ่มในแต่ละวัน   ก่อนที่จะส่งคืนเครื่องให้ท่านอื่นทดลองฟังต่อไป   ช่วงนี้ผมพอมีเวลาก็เลยมาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป

คำว่า Batoq มาจาก baton ซึ่งหมายถึงไม้ที่ผู้อำนวยวง (conductor) ใช้กำกับนักดนตรี แล้วคุณเจมส์เปลี่ยนตัว n เป็น q เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อ Xotiq ของสายไฟเอซี

ลักษณะทางกายภาพ

บาต๊อกตัวต้นแบบมีขนาดเท่ากับ AV แอมป์ตัวเขื่อง ๆ น้ำหนักราว 10 กิโลกรัม ด้านหน้ามีสายลำโพงที่พันอยู่ในหม้อแปลง 2 ลูกและยื่นออกมา 2 แชนแนลซ้าย-ขวา โดยมีหัวแจ๊คตัวผู้แบบบานาน่าเพื่อเป็น input โดยสายลำโพงนี้จะเสียบเข้ากับขั้วลำโพงของแอมป์   อีกด้านหนึ่งเป็น output มีขั้วลำโพงเป็นแจ๊คบานาน่าตัวเมียแบบเดียวกับที่แอมป์ CEC 3300R ใช้ เพื่อรองรับสายลำโพงที่จะต่อไปยังลำโพงต่อไป   กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันเชื่อมอยู่ตรงกลางระหว่างแอมป์กับลำโพงนั่นเอง   อย่างไรก็ดี คุณเจมส์แจ้งว่าตัวจริงจะแยกแชนแนลซ้ายขวาเป็น mono block ซึ่งผมว่าก็ควรจะทำอย่างนั้นเพื่อลดน้ำหนัก ส่วนขั้วรับสายลำโพงก็จะมีให้เลือกด้วย

คุณเจมส์ได้อธิบายให้ผมฟังเรื่องหลักการออกแบบให้พอเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งผมสรุปว่ามันทำหน้าที่เป็น impedance/load management   ลึก ๆ กว่านี้เอาเป็นว่าให้เป็นเรื่องของนักทดสอบเก่ง ๆ กับผู้เชี่ยวชาญดีกว่าครับ   คืองานของผมทุกวันนี้มันก็อยู่กับ concept, theory, method, methodology, guideline, manual ฯลฯ จนผมเบื่อและอยากจะหลีกหนีเรื่องทฤษฎีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้   ขอให้ความสำคัญต่อเรื่องผลหรือน้ำเสียงที่ได้ก่อน แล้วค่อยให้นักทดสอบหรือผู้รู้ท่านอธิบายผลที่ได้รับด้วยเหตุหรือทฤษฎีในภายหลัง

แนวทางการทดลองฟัง

นับว่าคุณเจมส์เสี่ยงเอาการอยู่ที่ให้ผมทดลองฟังก่อนที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญทดสอบ เนื่องจากแม้นว่าผมพอจะมีทักษะการฟังอยู่แต่อุปกรณ์ประกอบไม่เข้าขั้นระดับอ้างอิง ห้องฟังที่ปรับอคูสติกดี ๆ ก็ไม่มี ซึ่งอาจทำให้ผลการฟังน่าจะไปในทางลบเสียมากกว่า   อย่างเบาะ ๆ ก็คือ ผมอาจฟังไม่ออกว่าใช้เจ้าบาต๊อคแล้วเสียงของระบบโดยรวมจะดีกว่าเดิมอย่างไร และคุณเจมส์ก็ควบคุมผมไม่ได้เสียด้วย และก่อนเอามาฟังนั้นคุณเจมส์ก็ไม่ได้ชี้ช่องหรือบอกเล่าเรื่องผลทางเสียงเพื่อชี้นำความคิดของผมแต่อย่างใด   ที่สำคัญที่สุดคือผมเป็นเพียงแค่ลูกค้าคนหนึ่ง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรมากกว่านั้น ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ๆ ไม่เคยได้ส่วนลดพิเศษมากกว่าลูกค้า C3 คนอื่น ๆ เลย   สรุปแล้วก็คือไม่เคยได้ kickback อะไรทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่อยากได้อยู่เหมือนกัน ใครอยากจ่ายแพงหรือไม่ชอบของแถมล่ะครับ   เกิดผมไปแสดงความเห็นว่าฟังแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่เท่าไหร่นี่หว่า   คนอื่นก็คงเชื่อผมซึ่งเป็นผู้บริโภคมากกว่าคุณเจมส์เจ้าของผลิตภัณฑ์เป็นแน่
   

อุปกรณ์ในการทดลองฟัง

รอบที่ 1 ถึง 4 ใช้แอมป์ Audiolab 8000A  ดีวีดี Pioneer 533K   ลำโพง Linn Keidlih   สายสัญญาณ Supra Trico + หัว Supra PPX   สายลำโพง Supra Ply 3.4
รอบที่ 5 และ 6 ใช้แอมป์ CEC C3 RED   ดีวีดี Soken DV-891  ลำโพง JBL82   สายสัญญาณ Supra EFF-I + หัว Supra PPSL   สายลำโพง Neotech KS-2525
     

สรุปแนวทางทดลองฟัง

รอบที่ 1   ผมต้องการล้าง memory เดิมจากที่ฟังอุปกรณ์ C3 มาอย่างต่อเนื่อง   คือฟังจากแอมป์ Audiolab 8000A ที่ไม่ผ่านการโมดิฟายใด ๆ เป็น stock amp ว่างั้นเถอะ พร้อมกับสายไฟเอซียี่ห้อหนึ่งที่ใช้กันทั่วไป ราคาลดแล้วเมตรละ 720 บาท เลือกปลั๊กเอซีตัวผู้ที่บอกยี่ห้อได้เนื่องจากมันไม่ใช่ปลั๊กที่ใช้กันในวงการเครื่องเสียงอยู่แล้ว และไม่ใช้ Batoq ด้วย เพื่อจะใช้เป็น base ในการทดลองฟังว่า ถ้าไม่มี Batoq แล้วเสียงเป็นอย่างไร และถ้าใช้แล้วจะเป็นอย่างไร

รอบที่ 2   อุปกรณ์เหมือนรอบแรก   เพียงแต่เอา Batoq มาใช้   เพื่อเปรียบผลการไม่ใช้และใช้ Batoq

รอบที่ 3 และ 4   เปลี่ยนสายไฟจากสายไฟมาตรฐาน มาเป็น Xotiq + หัวท้าย FIM แล้วสลับกันระหว่างใช้และไม่ใช้ Batoq เพื่อดูผลการทำงานร่วมกันระหว่าง Xotiq กับ Batoq

รอบที่ 5 และ 6   เปลี่ยนอุปกรณ์ทั้งหมดไปจากครั้งที่ 3 และ 4 เพื่อดูผลการทำงานร่วมกันระหว่างแอมป์ C3 RED, สายไฟ Xotiq + หัวท้าย Oyaide 004 และอุปกรณ์ Batoq เทียบกับการไม่ใช้ Batoq


ผลการทดลองฟัง

รอบที่ 1   ฟังจากซีดีหลายแผ่น เสียงที่ได้ก็สะท้อนบุคลิกของหัวปลั๊กอเมริกันเดนกิ ผสมกับสายไฟเอซีอ้างอิงซึ่งเสียงกลางแหลมออกเด่น   ทำให้เสียงโดยรวมค่อนข้างจัดจ้าน กลางแหลมชัดขึ้นขอบ แต่เบสฟุ้ง ๆ ไม่ค่อยมีทิศทาง ซึ่งคิดว่าเป็นผลมาจากหัวปลั๊กมากกว่า เนื่องจากพอเปลี่ยนหัวปลั๊กเป็น Hubbell, Pass & Seymour หรือที่เข้าออดิโอเกรด เสียงก็ดีขึ้น   ซึ่งพอลองไปถึงแผ่น Jaime Valle ชุด Round Midnight (Top Music TMCD 1013 แผ่นผลิตในสหรัฐอเมริกา) ก็ไม่ไหวครับ พอเร่งไปถึง 11 โมงก็ต้องหยุดฟัง คือเสียงมันจัดจ้านเกินกว่าจะฟังต่อไปไหว   คือแอมป์ออดิโอแลปตัวนี้ซึ่งแม้จะมีเสียง flat   แต่กำลังขับแค่ 75 วัตต์ RMS ต่อข้างนั้นเอาไม่อยู่เมื่อใช้กับลำโพง Linn คู่นี้ซึ่งเป็นตู้ปิดกินวัตต์เอาเรื่อง (87 db ที่ 4 ohm, tri-wire แต่ผมต่อแค่ไบไวร์ ส่วนขั้วต่อคู่ที่ 3 ต้องใช้ power amp ของ Linn เองมาต่อ) เสียงจะดีเมื่อเปิด volume ไม่เกิน 11 นาฬิกา จากนั้นเสียงจะเริ่มจัดจ้านขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความดัง
 
รอบที่ 2   เครื่องอ้างอิงชุดเดิม แต่เอา Batoq มาใช้   เสียงก็ดีขึ้น คือจัดจ้านน้อยลง เบสกระชับเป็นตัวตนขึ้น แต่ก็ยังคงบุคลิกของเสียงคม ๆ อยู่ ยกตัวอย่างเช่น แผ่น Manger แทร็คที่ 3 เสียงเปียโนก็ยังคม ๆ บอบบางเหมือนเป็นเครื่องดีดมากกว่าเครื่องที่ใช้ค้อนเคาะสาย (ลองนึกถึง Harpsichord) แต่มันฟังเป็นเปียโนขึ้น เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Batoq ไม่ได้ไปเปลี่ยนบุคลิกเดิมของระบบจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเพียงแต่ทำให้เข้าท่าเข้าทางขึ้น   อีกอย่างหนึ่งที่ผมพบก็คือ มันทำให้เสียงโฟกัสขึ้น รายละเอียดดีขึ้น คือช่วงบ่ายวันเสาร์ ผมต้องเฝ้าลูกสาวคนโตนอนกลางวัน ต้องเปิดเพลงเบา ๆ พอฟังดังหน่อยเมียก็เข้ามาหรี่เสียงลงจนเหลือแค่ไม่เกิน 8 นาฬิกา คือไม่เกินสองขีด   แผ่นที่ผมลองฟังขณะนั้นก็คือ สุนทราภรณ์แฟนคลับ ชุดรวมฮิตของคุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี เพลงที่ 15 “ฝากรัก” ซึ่งคงเอามาสเตอร์มาจากแผ่นครั่งเก่า ๆ ที่มีแต่เสียงกวนดังกลบเสียงดนตรีจนเกือบจะฟังไม่ออกว่านักดนตรีเล่นอย่างไร (ยกเว้นเปียโนซึ่งพอจะฟังรู้เรื่อง และเสียงนักร้องซึ่งบางท่อนก็อู้อี้เหมือนกัน)   จากการฟังกับ Batoq โดยที่ฟังเสียงเบาขนาดนั้นก็ยังฟังได้อยู่   ผมฟังจนจบแล้ว repeat หลายรอบ โดยที่ไม่ต้องลุกไปเร่ง volume เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มาที่ผมต้องฟังที่ 9 นาฬิกาขึ้นไป ฟังเบา ๆ ไม่เป็น   ตรงกับที่ Jim Smith กล่าวไว้ในหนังสือ Get Better Sound ตอนหนึ่งว่า เครื่องเสียงที่ดีคือระบบหรือชุดที่แม้เปิดฟังในระดับเสียงเบา ๆ แล้วก็ยังให้เสียงที่เร้าใจชวนฟัง   ใครอยากรู้ว่ารายละเอียดของระบบเครื่องเสียงของตนดีหรือไม่อย่างไร ลองจากแทร็คที่ผมว่านี้ก็ได้ครับว่า ท่านจะฟังออกหรือไม่ว่านักดนตรีเล่นไวโอลินคลอกับเสียงของนักร้องในท่อนไหนบ้าง ซึ่งผมก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างครับ   แต่ถ้าฟังไม่ออกเลยก็มีสาเหตุอยู่สองอย่างคือ ความสามารถในการนำเสนอเสียงกลางแหลมของระบบเครื่องเสียง กับความสามารถในการฟังเสียงแหลมของเจ้าของระบบซึ่งอาจเสื่อมลงไปบ้าง

รอบที่ 3   ผมเอาสายไฟอ้างอิงเส้นแรกออก แล้วใช้ Xotiq แทน โดยที่ยังคง Batoq อยู่   ตอนนี้ได้อานิสงส์จากสายไฟเอซีมาอีกทางหนึ่ง   เบสกระชับ รายละเอียดเสียงทุกย่านตั้งแต่เบส กลาง แหลมโฟกัสดีขึ้นมาก   พลังเสียงดีขึ้นจนเหมือนแอมป์คนละตัวกัน   ตัวอย่างเช่น

   - แผ่น Jaime Valle ชุดเดิม ความคมชัดจัดจ้านหายไปจนเกือบสิ้น เร่งไปจนถึง 11 โมง ก็ฟังได้สบาย ๆ กลัวลำโพงจะพังก่อนเท่านั้นเอง

   - แผ่นสังกัด DCC ชุด The Best of Doobie Brothers ช่วงที่ดนตรีหลายชิ้นเล่นประกอบท่อนสร้อย (woh woh woh listen to the music……all the time) ตอนนี้ฟังออกได้ว่ามีเครื่องดนตรีอะไรบ้างนอกจากเบสและกลอง มีทั้งเสียงร้องประสาน เสียง chorus เสียงกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งใส่ลูก fill-in   กีตาร์โปร่งอีกตัวหนึ่งตีคอร์ด มีกีตาร์ไฟฟ้าเล่นแทรกอยู่ คือผมว่ายากเหมือนกันที่จะฟังให้ครบหมดหากคุณภาพของชุดกับแผ่นไม่ถึงจริง ๆ เนื่องจากเสียงร้องนำ เสียงเบสไฟฟ้า กับเสียงกลองมันจะดังกว่า (ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้น) คือที่ผมว่ามานี้ชุดระดับเริ่มต้นก็ฟังออก เพียงแต่เหนื่อยหน่อย แต่นี่ไม่ต้องใช้ความพยายามเลยครับ ฟังไปดูพรีเมียร์ลีกไปก็ยังได้
 
   - แผ่น Grand-X ชุดแกรนด์เอ๊กซ์โอ (ปกพี่แจ้เหยียบโลก) ตัดแผ่นในญี่ปุ่น ปกติเพลง
ไทยยุคก่อนมักจะหนักกลางแหลมเนื่องจากเอามาสเตอร์ที่มีการยกเสียงแหลมขึ้นเพื่อชดเชยเวลาหัวเข็มเล่นรอบวงในแผ่นไวนิลมาใช้ทำ CD ทำให้เสียงออกมาคม ๆ ซึ่งก็ยังคงลักษณะนั้นอยู่ แต่ฟังสบายหูขึ้นมาก

   - แผ่น Waldbuhne ปี 1990 (Teldec แผ่นเยอรมนี) คราวนี้ล่ะครับ bingo! ผมฟังแผ่นนี้มา 16 ปี   ที่ผ่านมาเสียงมันก็งั้น ๆ บอบบางกะทัดรัด ออกแห้ง ๆ ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเป็นแผ่น DDD ที่ซื้อมาเพราะอยากสัมผัสบรรยากาศดนตรีกลางแจ้งระดับโลกรายการหนึ่ง พอฟังกับ Xotiq + Batoq แล้วอย่างกับคนละแผ่น อย่างแทร็คแรก Meistersinger ของ Richard Wagner นั้น รายละเอียดเพิ่มเติมมาอีกมาก เสียงเครื่องสายกับเครื่องเป่าไล่กันไปเป็นช่วง ๆ ในตอนท้าย ๆ เพลงนี่ฟังเพลินจนไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่านี่คือแผ่นเดียวกันกับที่เคยฟังมาเป็นสิบปี   ฟังแล้วนึกถึงภาพของเวทีได้เลย   มันลอยขึ้นเหนือลำโพงนิดหน่อยเหมือนกับเรานั่งดูวงดนตรีจริงที่เล่นอยู่ยังไงยังงั้น   ผมไม่เคยไปดูของจริงหรอกครับ   แต่ผมมีแผ่น DVD ของ TDK ชุด Spanish Night ที่นักไวโอลินสาวชาวเกาหลี Sarah Chang เล่นกับวง Berlin Philharmonic เมื่อปี 2001 กับแผ่น Russian Night ที่มี Seiji Ozawa อำนวยเพลงเมื่อปี 1993   บันทึกกันที่ Waldbuhne ซึ่งเป็นสถานที่เล่นดนตรีกลางแจ้งในกรุงเบอร์ลิน และมีที่นั่งฟังรูปครึ่งวงกลม (amphitheatre) มีอัฒจันทร์สูงขึ้นไปให้นั่งดูได้แบบไม่บังกันเองอย่างที่ชาวกรีกหรือโรมันโบราณเขาดูกันนั่นล่ะครับ   ผมว่าเสียง DVD ฟังจาก AVR ยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

รอบที่ 4   เหมือนรอบที่ 3 เพียงแต่ยก Batoq ออก   พลังเสียงลดลงไปบ้าง   รายละเอียดต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเบสลดลง   หลังจากยก Batoq ออกแล้วบอกได้ทันทีว่าไม่อยากคืน Batoq นี่เลยครับ   ทั้ง ๆ ที่อานิสงส์ของสายไฟ Xotiq ก็ยังคงอยู่ คือทำให้เจ้า 8000A มีรายละเอียดและลำหักลำโค่นขึ้นมากแล้ว   แต่ Batoq ทำให้รายละเอียดมันดีขึ้นไปอีก

รอบที่ 5 และ 6   สรุปได้ว่าตัวแอมป์ C3 RED ทำได้ดีในส่วนของรายละเอียดกลางแหลมอยู่แล้ว   Batoq มาช่วยเรื่องเบสให้แน่นขึ้น มีรายละเอียดดีขึ้นไปอีกทั้ง ๆ ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว    อย่างแผ่น Doobie Brothers นั้น ผมฟังเพลงเดิม พอช่วงท้ายเพลงก็ได้ยินเสียง bass drum ที่ต่างไปจากเดิม คือนึกถึงของจริงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น   ใครนึกไม่ออกลองไปเหยียบกระเดื่องกลองเบสของจริงดูครับ เสียงดังตุ้ง ตุ้ง ฯลฯ นั่นล่ะครับที่ผมได้ยิน   แต่พอถอด Batoq ออกแล้วมันไม่ชัดเจนเท่า

หมายเหตุ   หลังจากนั้นผมได้ยก Batoq ไปคืน แล้วผมได้ลองยกแอมป์ C3 RED ไปลองเล่นกับลำโพง Linn คู่ที่ว่านี้ดู   ก็เป็นการย้ำถึงข้อจำกัดของแอมป์ตัวนี้ว่ากำลังขับยังไม่พอเมื่อต้องเจอกับลำโพงตู้ปิดความไวปานกลางค่อนข้างต่ำอย่างลำโพงคู่นี้   เจ้า C3 RED นั้นเปิดได้ถึง 12 นาฬิกาแล้วเสียงก็ไม่ดังไปกว่านี้ พอหมุนไปกว่านั้นสักพัก ปุ่ม volume ก็หมุนกลับมาเอง แต่สิ่งที่ต่างจาก Audiolab ก็คือเสียงของ C3 RED ไม่เกิดอาการ clip   รายละเอียดยังอยู่ครบ แต่เสียงก็ไม่ดังไปกว่านั้น   ในขณะที่ 8000A พอเปิดเสียงเกิน 11 โมงแล้วเสียงดังขึ้นบ้าง แต่เสียงมีอาการแผดหรือ clip ขึ้นมา   ทั้งคู่มีกำลังขับ 75 RMS ต่อข้างด้วยกัน   ต้อง NAD 763 ซึ่งมีกำลังขับ 130 RMS ต่อข้าง ถึงจะพอเอาอยู่ คือเร่งเสียงได้ไปเรื่อยจนกลัวว่าลำโพงจะพังก่อน   ดังนั้น Batoq จึงเข้ามามีส่วนช่วยเรื่องข้อจำกัดของแอมป์กำลังขับน้อยถึงปานกลางอย่างที่ผมเล่นอยู่ทั้งสองตัวนี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นกลุ่มอินทิเกรตระดับเริ่มต้นถึงปานกลางที่น่าจะเป็นแอมป์ประเภทที่ขายได้มากที่สุด เนื่องจากราคาพอซื้อหากันได้ในขณะที่ให้คุณภาพเสียงที่ยอมรับได้

ตอนที่ผมไปคืน Batoq ก็ได้สนทนากับคุณเจมส์หลายเรื่อง   เรื่องสำคัญก็คือผมก็ถามแกตรง ๆ ว่าที่ถูกวิพากษ์ว่าเรื่องเร่งอิเล็กตรอนนั้นมันต้องเครื่องระดับ CERN หรือ Synchrotron น่ะถึงทำได้จริง   พูดอีกอย่างก็คือเจ้า C3 RED กับ Xotiq นี่มันใช้หลักการนี้จริงหรือ   สิบแปดมงกุฎหรือเปล่าว่างั้นเถอะ   คุณเจมส์ตอบว่า การเร่งอิเล็กตรอนนั้นแค่ 3-4% ก็เห็นผลแล้ว ไม่ต้องเครื่องระดับสถาบันวิจัยอย่างที่ว่าหรอก   Accessories ดัง ๆ บางตัวบางยี่ห้อที่เป็น hot issues เป็น talk of the  (audiophile) town และ hit กันอยู่ตอนนี้ก็ใช้หลักการนี้เหมือนกัน ผมดูราคาของที่ว่านี้ในบทวิจารณ์ของหนังสือเครื่องเสียงฝรั่งแล้วก็สยองครับ อยากได้ก็อยาก   ส่วนแนวคิดแบบ Batoq ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีแอมป์ไฮเอนด์ยี่ห้อหนึ่งใช้อยู่   จริง ๆ แล้ว  ที่ผมถามนั้นผมก็ไม่ได้สนใจในคำตอบหรอกครับ   ผมเอาผลการฟังเข้าว่า และก็ไม่สนด้วยว่าใครจะบอกว่าผมโดนแหกตา   ผมไม่ทราบดอกครับว่าคนวิจารณ์เคยฟัง C3 สองตัวนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือผมฟังมันทุกวัน ฟังเทียบกับแอมป์หรือสายไฟตัวอื่น ๆ สองสามตัว   และผมก็เชื่อหูผมกับประสบการณ์ของผมมากกว่าบทวิจารณ์ของนักทดสอบหรือคำโฆษณาของพ่อค้า   ในขณะเดียวกันนั้นคุณเจมส์ก็สาธิตอย่างง่าย ๆ เรื่องผลกระทบของอุปกรณ์ในห้องฟังที่มีต่อเครื่องเสียง   ผมก็บอกว่าแกน่าจะจัดเป็น course แนะนำเรื่อง trick การฟัง   แกก็บอกว่าทำไม่ได้ครับ   แกเป็นพ่อค้าเต็มตัวไปแล้ว   ผมก็นึกอยู่ในใจว่าแกก็ frank ดี ยอมรับกันตรง ๆ ว่ามี conflict of interest   ทำการค้าอย่างนี้ก็ดีครับ   และก็น่ายินดีว่ามีพ่อค้าหลายท่านตรงไปตรงมาอย่างนี้

Lesson Learned จากการทดลอง Batoq ครั้งนี้

1. ถ้าอุปกรณ์หลัก (แอมป์ ลำโพง ซีดี/เทอร์นเทเบิล/server (ตาม trend) ระบบไฟเอซี) มีข้อบกพร่อง ยากที่จะหาอุปกรณ์เสริมมาแก้ได้   อุปกรณ์หลักจึงมีความสำคัญมากที่สุด ควรให้งบประมาณส่วนนี้มากที่สุดก่อน
   
2. อุปกรณ์เสริมที่ดีต้องไม่ไปเบี่ยงเบนหรือเปลี่ยนบุคลิกของระบบได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากถ้าอุปกรณ์เสริมตัวไหนทำอย่างนั้นได้   มันก็มีข้อจำกัดในการใช้มาก ๆ คือไม่สามารถเข้ากับระบบหรือชุดเครื่องเสียงอื่น ๆ ได้

3. อย่าด่วนเชื่อถ้ามีคนบอกว่าท่านไม่สามารถฟังเป็น   ถ้ายังไม่มีทักษะการฟังอย่างนักทดสอบที่ฟังอุปกรณ์มาหลากหลาย   ไม่มีระบบเครื่องเสียงราคาแพงแบบไฮเอนด์สุดขั้ว   ไม่มี accessories หรือห้องฟังระดับเทพ   ที่สำคัญก็คือจะเลือกอุปกรณ์อะไร เลือกอย่างไร   ทางออกก็คือพยายามฟังเครื่องดนตรีจริง (ที่ไม่ผ่านการขยายเสียง) ให้มากที่สุด   หาโอกาสเล่นเครื่องดนตรีจริงบ้าง ไม่จำเป็นต้องเล่นเครื่องดนตรีเป็นอย่างนักดนตรีอาชีพ   แต่ถ้าเล่นไม่ได้หรือไม่มีเวลา ขอให้ได้ฟังบ่อย ๆ จนจำเสียงได้   เราซื้อเครื่องเสียงมาฟังทดแทนของจริงไม่ใช่หรือครับ

4. ถ้าทำตามข้อ 3 ได้   จะเลือกอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนกันบ่อย ๆ ยกเว้นแต่อยากลองของใหม่   


สรุป   หากท่านใช้ระบบไฮเอนด์ประเภทราคาทั้งชุดซื้อรถซีดานญี่ปุ่นได้หนึ่งคันขึ้นไป   ท่านอาจไม่สนใจ C3    แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นดอกครับหากท่านเล่นของราคาสูง ๆ แล้วจะลองฟัง C3 ดูบ้าง   ซึ่งก็เป็นไปได้ที่ C3 อาจทำให้ท่านตระหนักได้ว่า ของที่ท่านเล่นอยู่อาจเป็นของราคาแพง ไม่ใช่ของราคาสูง   ของราคาสูงกับราคาแพงเหมือนกันอยู่อย่างคือจ่ายจำนวนเงินมาก แต่ของราคาสูงมีคุณภาพดีสมราคา ในขณะที่ของราคาแพงได้คุณภาพไม่สมราคา จ่ายค่า cosmetic หรือรูปลักษณ์เสียมาก   ค่า kickback หรือค่าอัดฉีดก็ไม่ใช่น้อย   ผมเคยฟังชุดไฮเอนด์สุดขั้วชุดหนึ่งในงานเครื่องเสียงงานหนึ่ง   จำได้ว่าลำโพงคู่ละสามล้านหกแสนบาท   เพาเวอร์แอมป์โมโนบล็อกข้างละหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาท คู่หนึ่งก็สามล้านสี่แสนบาท   ปรีแอมป์เท่าไรจำไม่ได้ เอาซักห้าแสนก็แล้วกัน (เอาแบบเขียม ๆ ครับ)   เทอร์นเทเบิลตัวใหญ่ยักษ์ ราคาถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่ต่ำไปกว่าปรีแอมป์   รวมสายสัญญาณสายลำโพงแล้วคิดว่าเกือบสิบล้านน่ะครับ   เสียงน่ะหรือครับ ฟังสบายสุดยอด ฟังได้ทั้งวันไม่ล้าหู   แต่ผมว่ามันขาดความสด ความมีชีวิตชีวาครับ ฟังแล้วผมจะหลับตกเก้าอี้เอา เพลงที่เปิดก็เป็น female vocal Jazz  ไม่มันสะใจแต่ก็ไม่ถึงขนาดเพลงสวด   สงสัยหูผมมันจะเข้าขั้นตะกั่วแบบฝังรากลึก   ฟังชุดราคาสุดยอดอย่างนั้นแล้วยังหาเรื่องตำหนิได้อีก           

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้เล่นชุดไฮเอนด์สุดขั้ว หรือเล่นอยู่และเกิดสงสัยเรื่อง Batoq ขึ้นมาว่ามันจะขนาดนั้นจริงหรือ   ผมคงไม่สาธยายมากไปกว่านี้   อยากให้ท่านลืมที่ (ทน) อ่าน ๆ มาข้างต้นให้หมด   เนื่องจากถ้าอ่านที่ผมเล่ามาให้ฟังข้างต้นแล้วไม่สงสัยอะไร (ซึ่งไม่น่าจะมีใครที่ไม่สงสัย) ท่านก็เชื่อผมง่ายเกินไป   แต่ถ้าท่านไม่เชื่อเลย ท่านก็ด่วนสรุปเกินไป   สิ่งใดจะดีที่สุดเท่ากับการทดลองฟังด้วยตนเองดู   เอาเป็นว่าเขาให้ทดลองฟังพร้อมรับคำวิจารณ์อีกต่างหาก   หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ก่อนหน้านี้อย่าง C3 RED กับ Xotiq น่าจะมีเฉพาะนักทดสอบกับนักเล่นไม่กี่คนที่เคยลองฟัง   ส่วน Batoq นี่ ผมเข้าใจว่าคงมีคนลองฟังไปพอสมควรแล้ว   สำหรับผู้ที่ใช้หรือเคยใช้ของ C3 แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะพลาดโอกาสนี้   ไม่มีอะไรจะเสียครับ ยกเว้นต้องเดินทางไปยกเครื่องมาลองเท่านั้นเอง   ส่วนผู้ที่ไม่เคยใช้ของ C3 ก็น่าจะลองได้ครับ เพียงแต่อาจต้องวางมัดจำกัน   เผื่อยกไปลองฟังแล้วเกิดไม่อยากคืนขึ้นมา   ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขเดียวกับสินค้าอื่นๆ ที่ผู้ผลิตบางรายให้ทดลองฟัง อย่างสายสัญญาณ ฯลฯ เป็นต้น   ผมว่าเรื่องเครื่องเสียงนี่ ใครให้ทดลองฟังถือว่าแน่จริงครับ ลองกันให้รู้ดีรู้ชั่วกันไปเลย   ไม่แน่ครับ ท่านอาจไม่คิดอย่างที่ผมคิดก็ได้   เชื่อหูตัวเองดีที่สุดครับ