หัวข้อ: อีกห้องหนึ่งที่อุดรครับ

[Too' Ninja]

 

[b3344]

5555  ตามสูตร เริ่มด้วยขนม และจบที่ระเบียง พัชนี  555    แขกห้องนี้เยอะจริงๆ   ครับ สุดยอดๆๆๆ  เดี๋ยวหาเรื่องให้หมอเอกเสียเงินเรื่องสายดีกว่า อิอิ

[หมอเอก]

วันนี้พี่ๆน้องๆจาก Admin Home theater Pro Thailand มาเยี่ยมห้องHome theaterของหมอเอกที่อุดรกัน

มากันหลายคนเลย ทั้งคุณบี คุณนัทcinemania คุณหมอจเร พี่วินัย พี่ชวิน คุณไซเทพบูรพา555


มาถึงพี่ชวินก็โม้ใหญ่เลย ให้ทายว่าโม้เรื่องอะไร อิ อิ


ขอขอบคุณคุณนัท สำหรับเสื้อสุดสวยปักLogo HAA,THXด้านหลัง ด้านหน้าปักisf


ว่าแล้วเปลี่ยนใส่ได้เลย สวยดีครับ ใครอยากได้ยกมือขึ้น....


ศิษย์สำนักเดียวกันทั้ง HAA isf


ได้เวลาเข้าไปสำรวจในห้องกันได้


กำลังอธิบายว่าระบบต่างๆมีอะไรบ้างน่าสนใจ เพราะหลายคนพึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก


คุณไซกำลังสนใจ Sub MeyerX-400Cว่าทำไมตัวใหญ่ หน้าตาเชย แถมspecดูธรรมดามาก


คุณหมอจเร กำลังศึกษาระบบของMeyer Galileo408 กับ BSS Blu-160ว่ามันต่อเข้ากับระบบยังไง


คุณบีง่วงได้ที่ละ 555


อันนี้ก็ขอภาพคู่กับSub Meyerซักหน่อย


ได้เวลาเริ่มทดสอบกันแล้ว


ได้ลองกันหลายเรื่องเลย ทั้งหนังและคอนเสิร์ต


ระบบเสียงimmersive soundได้ลองหมดทั้งระบบAuro3D dts:X Atmosเพราะห้องนี้Supportทั้งสามระบบ ส่วนใครชอบแบบไหนต้องไปถามเจ้าตัวกันดูเอง


ฟังกันจนหูอื้อแล้ว ช่วงเย็นเลยพักทานอาหารเย็นกันก่อนที่ร้านประจำริมหนองประจักษ์ "ระเบียงพัชนี"


บรรยากาศดีมากครับ ลมเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตก นั่งจิบเบียร์ชิว ชิวดูชาวอุดรวิ่งออกกำลังรอบหนองประจักษ์กัน


อาหารไทยที่นี่ถือว่ารสชาติอร่อยมากครับ






ช่วงนี้หนักหน่อยเลยต้องหาหนังสืออ่านเสริมความรู้(สร้างภาพชัดๆ....)


กินข้าวเสร็จแล้วก็กลับมาลองกันต่ออีกรอบ


ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมที่ห้องHome theaterครั้งนี้ และต้องขออภัยด้วยที่ผมต้อนรับได้ไม่เต็มที่(อีกแล้ว) เพราะว่างานรัดตัวมากครับช่วงนี้

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนเมษายน2559 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนเมษายน2559 หน้าที่2


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนเมษายน2559 หน้าที่3


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนเมษายน2559 หน้าที่4


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนเมษายน2559 หน้าที่5

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนมีนาคม2559 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนมีนาคม2559 หน้าที่2


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนมีนาคม2559 หน้าที่3

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนกุมภาพันธ์2559 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนกุมภาพันธ์2559 หน้าที่2


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนกุมภาพันธ์2559 หน้าที่3

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนมกราคม2559 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนมกราคม2559 หน้าที่2


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนมกราคม2559 หน้าที่3

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนธันวาคม2558 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนธันวาคม2558 หน้าที่2


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนธันวาคม2558 หน้าที่3

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนพฤศจิการยน2558 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนพฤศจิกายน2558 หน้าที่2


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนพฤศจิกายน2558 หน้าที่3

[หมอเอก]

บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนตุลาคม2558 หน้าที่1


บทความในหนังสือ Videophile ประจำเดือนตุลาคม2558 หน้าที่2

[หมอเอก]

Christie Digital Projectors HDR@ NAB2016
Christie Degitalเครื่องprojectorที่ใช้ในโรงภาพยนต์ระดับโลกอย่างDolby Cinema หรือห้องดูหนังระดับHi End ได้มาเปิดแสดงภาพสุดสวยระดับ 4K,HDR,High Frame-rate ProjectorในงานNational Association of Broadcasters(NAB) showที่Las Vegasระหว่างวันที่ 16-21เมษายน2559 ซึ่งใครได้เข้าไปชมต่างตกตะลึง และตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของภาพที่ได้เห็น


โปรเจคเตอร์ที่ใช้เป็นChristie(คริสตี้)ตัว 4K, 3-chip DLPโดยมีแหล่งกำเนิดแสงเป็น RGB lasers


ฉายลงบนจอ Da-Liteเกรน0.9 ขนาดกว้างประมาณห้าเมตร ภาพที่ได้มีความสว่างถึง 200nits(56 foot lambert) หรือสว่างกว่าจอมาตรฐานทั่วไปสี่เท่า หรือสว่างกว่าจอในDolby Cinemaสองเท่ากันเลย มีContrast ratioมากกว่า1,000,000:1 ส่วนความกว้างของเฉดสีที่แสดงได้หรือcolor gamutนั้นสามารถทำได้ถึงBT.2020


การที่แสดงความกว้างของสีได้ถึงBT.2020นั้นจะทำให้จอแสดงภาพของสีที่ปกติใจจอทั่วไปไม่สามารถแสดงได้เนื่องจากข้อจำกัดของจอภาพที่ยังไม่ได้เป็นจอWide color gamut แต่จากประสบการณ์ที่ผมเคยเห็นภาพจากHDRที่เป็นwide color gamutมานั้นสีจะสวยงามแตกต่างจากภาพที่มาจากจอ4Kมาตรฐาน(SDR)ที่เป็นRec.709มาก สังเกตง่ายๆโดยเฉพาะฉากที่แสดงถึงภาพที่สว่างมากๆไม่ว่าจะเป็นภาพของลาวาบนป่องภูเขาไฟ ภาพของพลุ ไฟตอนกลางคืน ภาพระเบิดตอนระเบิด พวกนี้สีแดงที่สว่างและสดมากๆในจอมาตรฐาน4K Rec.709จะแสดงไม่ได้ ทำให้เราไม่ได้เห็นสีที่แท้จริงที่ถูกบันทึกมา


โดยในการDemoได้ให้ผู้ชมดูclip demoต่างๆแล้วทำการswitchedเปรียบเทียบกันให้เห็นกันเลยระหว่างSDRและHDRว่าต่างกันขนาดไหน Highlightจะอยู่ที่การเปิดตัวอย่างหนังเรื่องMad Max:Fury Roadที่ได้ทำการmasterใหม่ให้เป็นHDR, BT.2020 ซึ่งทำให้ผู้ชมถึงกับอ้าปากค้างกับสีสันสุดสวย มีความสว่างอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ความดำที่ลึก รายละเอียดในส่วนของเงามืดต่างๆamazingมาก และนับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีผู้ชมโดยทั่วไปได้รับชมภาพcolor gamutระดับBT.2020 เพราะเท่าที่ผมรู้มาก็จะมีเพียงฉากเดียวในหนังเรื่องInside Out ฉากที่มีJoyและSadnessเข้าไปช่วยBing Bongจากตัวตลก ฉากนี้นับได้ว่าเป็นฉากแรกในประวัติศาสตร์ของDigital Projectionที่ใช้การบันทึกมาเป็นRec.2020และถูกฉายเป็นRec.2020ในโรงDolby Cinemaที่ใช้ Christie Laser Projectorเท่านั้น นอกนั้นในปัจจุบันก็ยังอิงอยู่กับDCI-P3อยู่


https://www.youtube.com/watch?v=qnGyhHlUIAk

 

[หมอเอก]

ได้มาแล้วครับหนังสือSound Systems: Design and Optimization:ของBob McCarthy editionใหม่ล่าสุด


ประวัติและผลงานของBob McCarthy....เคยSound tuningให้กับ Walt Disneyด้วย


แอบเอามาให้ดูเนื้อหาบางส่วน


เรื่องของphaseและtime ที่ผมเคยเขียนในหนังสือVideophileฉบับเดือนมี.ค.-เม.ย.ไม่ว่าจะเป็นPhase shift,phase offset,time offset,phase delay,time delay ถ้าใครต้องการศึกษาแบบละเอียดแนะนำหนังสือเล่มนี้เลยครับ

[หมอเอก]

พูดถึงเนื้อหาวิชาการหนักๆมาหลายฉบับแล้ว คอลัมน์DreamTheatreฉบับเดือนพฤษภาคมเลยจะเป็นการนำเอาความรู้ต่างๆที่ผมเคยเขียนมาร่วมๆยี่สิบฉบับมาใช้หน้างานจริงๆว่า ถ้าเจอห้องในขนาดที่เล็กนั้นเราจะมีวิธีการtuningอย่างไร มีเทคนิคอะไรบ้าง แล้วเสียงที่ได้จะมีลักษณะอย่างไร เทียบได้กับเสียงในห้องใหญ่หรือเปล่า หาคำตอบได้ในหนังสือVideophileกลางเดือนหน้าครับ






 

[หมอเอก]

ขอบคุณครับ น่าตื่นตาตื่นใจดีครับ ใจผมเองชื่นชม Dolby นะครับ เพราะออกมาก่อน แล้วมี DTS ตามมา ซึ่งดูเหมือนว่า DTS จะหาจุดมาเสริมให้ดูดีกว่า Dolby ประมาณว่า เบสหนักแน่นกว่าอะไรประมาณนั้น และก็จะออกมาตามหลัง Dolby ตลอด ก็ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือผิดนะครับ

ตอนนี้พอมาเป็นDolby Atmosก็มาเป็น dts Xตามมา555 ก็รอดูกันต่อไปยาวๆครับว่ามวยคู่นี้จะลงเอยยังไง
 

แต่ผมเคยได้ยินบางคนพูดมาเหมือนกันครับว่าทั้งDolbyและDTS ความจริงแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือsubsidizeมาจากเครือข่ายกลุ่มเดียวกัน และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการเมืองในอเมริกาด้วย การที่มีทั้งDolbyและDTSก็เพื่อเลี่ยงการผูกขาดทางด้านการค้าที่อาจจะมีปัญหาในอเมริกาได้ ยังไงใครมีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องนี้ช่วยเอามาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับอยากรู้เหมือนกัน อิ อิ
 

[Too' Ninja]

ขอบคุณครับ น่าตื่นตาตื่นใจดีครับ ใจผมเองชื่นชม Dolby นะครับ เพราะออกมาก่อน แล้วมี DTS ตามมา ซึ่งดูเหมือนว่า DTS จะหาจุดมาเสริมให้ดูดีกว่า Dolby ประมาณว่า เบสหนักแน่นกว่าอะไรประมาณนั้น และก็จะออกมาตามหลัง Dolby ตลอด ก็ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือผิดนะครับ

[หมอเอก]

วันนี้พาไปเที่ยวสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของDolbyที่San Francisco กันครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เขาใช้อุปกรณ์อะไรกันบ้างนะ?
จะว่าไปแล้วDolby ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี1965มีชื่อเสียงจากการทำ Type A noise reduction จนมาถึงการเข้ารหัสเสียงแบบAC-3 พัฒนาเรื่อยๆจนมาถึงปัจจุบันเป็น Atmos playbackสำหรับHome theater นอกจากด้านเสียงแล้วปัจจุบันทางDolbyก็ได้มาเอาดีทางด้านภาพด้วยโดยใช้ชื่อว่าDolby Vision


ภายในตึกDolby Headquarterจะมีห้องLab,ห้องMix,ห้องstudioบันทึกเสีย,ห้องทำงานเกี่ยวกับด้านภาพและเสียงมากมาย อย่างห้องนี้เป็นห้องหลักที่อยู่ใต้ดิน1ชั้น รูปนี้จะเป็นรูปส่วนของAcoustics treatmentต่างๆและลำโพงก่อนติดAcoustics Fabricเพื่อความสวยงาม ระบบที่ใช้จะเป็น Meyer Sound Atmos System โดยมีลำโพงLCRเป็น Meyer Acheron80, ลำโพงSide Surround6ตัว Back Surround 4ตัว ลำโพงเพดานอีก12ตัวทั้งหมดใช้ลำโพง Meyer HMS5 ส่วนSubwooferวางไว้ด้านหน้าสองตัวด้านหลังห้องอีกสองตัวเป็นMeyer Sound X800C ที่น่าสนใจคือห้องนี้มีความเงียบของห้องที่เงียบมากวัดค่าNCหรือNoise Criteriaได้แค่10เท่านั้น


ต้องอธิบายก่อนว่าค่าNCหรือชื่อเต็มคือnoise criteriaเป็นการวัดค่าเสียงรบกวนในระดับOctaveต่างๆแล้วplotออกมาเป็นCurveหรือเรียกง่ายๆว่าNC Curveที่ต้องเป็นCurveก็เพราะว่าการตอบสนองของหูคนต่อความถี่ต่างๆไม่ได้Flatเราก็เลยต้องทำระดับของNCตาม ส่วนความเงียบระดับNC0ก็ประมาณค่าThresholdที่คนปกติจะทนอยู๋ได้เช่นในห้องAnechoic chamberคนเข้าไปจะทนอยู่นานๆไม่ได้เพราะเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเสียงเลือดที่ไหลผ่านเส้นเลือด หรืออย่างTHXก็ได้กำหนดความเงียบของห้องฟัง หรือโรงภาพยนต์ไว้ที่ NC25ซึ่งถือว่าต่ำมากขนาดห้องผมตอนนี้วัดตอนดึกๆช่วงเงียบมากๆยังได้แค่สามสิบกว่าๆเอง555 ซึ่งแต่ละห้องในตึกDolbyนี้ถือว่าสร้างขึ้นมากันเสียงได้เงียบมาก อย่างกับห้องทดลองฟังของDolbyห้องนี้ก็NC10เหมือนกัน เป็นระบบAtmos 9.1.4ใช้ลำโพง Revel(9x Salon 2 on floor; 4x Gem 2 in ceiling) Paradigm Subwoofer2ตัว แถมยังเตรียมร้อยสายไว้รอระบบ32channelsเรียบร้อย


ห้องนี้เป็นห้องBio-Physical Lab, ติดตั้งระบบAtmos 9.1.4 โดยใช้ลำโพง ATC SCM11 และลำโพงSubwoofer Velodyne Optimum12 โดยห้องนี้จะพ่วงคู่ไปกับห้องSensory Immersion Lab ที่ใช้เป็นระบบConstellationของMeyer Sound


Dr.Poppy Crumหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ กำลังทดสอบว่าเสียง และภาพ ส่งผลอย่างไรต่อสมองบ้าง เห็นว่าล่าสุดพึ่งค้นพบอีกว่าการดูภาพจาก HDR(High Dynamic Range)ทำให้สมองเกิดการกระตุ้นส่งผลให้เกิดความร้อนขึ้นที่บริเวณแก้มแต่เมื่อให้ผู้ถูกทดลองดูภาพจากStandard Dynamic Rangeกลับไม่เป็น.....เอ่อก็น่าแปลกดีนะ555


ห้องนี้เป็นStudioที่ใช้เป็นระบบ 7.1ลำโพง ATC SMC50 PSL monitorส่วนSubwooferใช้เป็นon-wallขนาด12นิ้วของTRIAD ที่แต่ละผนังมีอยู่ผนังละสามตัว


ห้องVIP Demo Roomใช้ระบบ9.1.4ที่ร่วมกันทั้งลำโพงATC top-firingและเป็นลำโพงเพดานเลย,Subwooferเป็นของTRIAD จอSony 85นิ้ว 4K


ที่lobbyจะมีจอติดตรงผนังของSilocon Core จอLEDที่หนาแค่1.9mm ขนาดยาว62ฟุต สูง4.5ฟุต 9,920x720pixels ซึ่งมีความสว่างถึง2000NITS ระบบเสียงที่lobbyจะประกอบด้วยลำโพง Meyer MM4XPจำนวน52ตัวและSubwoofer Meyer UMS-1XP จำนวน35ตัวซึ่งทั้งหมดแขวนอยู่บนเพดาน


หนึ่งในสองห้องที่เหมือนกัน ใช้เป็นห้อง mixing/authoring โดยระบบเสียงที่ใช้จะเป็น Meyer Sound Acheron ส่วนSurroundและAtmos ทั้งหมดจะเป็นลำโพงMeyer HMS5, Subwoofer 2ตัวของ Meyer Sound X400C(ระบบเหมือนที่ห้องผมเลย555)วางไว้หน้าหนึ่งตัวหลังหนึ่งตัว จอเป็นAvid S6และ 4K LED ใครที่คิดว่าลำโพงProfessionalไม่สามารถใช้ในห้องเล็กได้ต้องมาศึกษาระบบmixingของDolbyดูครับ


 

[หมอเอก]

ตัวอย่างบางส่วนของคอลัมน์Dream Home TheaterในหนังสือAudiophile/Videophileฉบับเดือนเมษายน ฉบับนี้ขอพูดพื้นฐานเรื่องphaseต่ออีกนิดหน่อยนะครับ ซึ่งก็คงพอแล้วสำหรับเรื่องนี้เนื่องจากว่ามีคนบ่นปวดหัวกันหลายคนละ555.....ล้อเล่นครับ... ไม่ใช่อะไรผมคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับห้องhome theaterโดยทั่วๆไปแล้ว ถ้าลึกเกินจากนี้ก็จะเป็นส่วนของระดับProfessional(ที่ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน555) แต่ถ้าในอนาคตมีคนสนใจในประเด็นต่างๆเรื่องphaseมากขึ้นผมค่อยมาพูดถึงอีกทีละกัน ยังไงสนใจติดตามฉบับเต็มได้ที่แผงหนังสือกลางเดือนเมษายนนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาโดยตลอดครับ




 

[ยง101]

 

[หมอเอก]

2016 Sony Bravia Product Launch @ Singapore
ขออนุญาตลางานประจำไปทำหน้าที่ColumnistของหนังสือAudiophile/Videophileบ้างนะครับ เป็นงานเปิดตัวจอทีวีSony Braviaรุ่นใหม่ที่สิงค์โปร์


งานจัดอยู่ที่Marina Bay Sands และก็พักอยู่ที่โรงแรมนี้เลย


กับMr.Sunao Sakata Senior Dirctorที่ดูแลผลิตภัณฑ์ภาพและเสียงทั้งหมดในประเทศไทย(ยกเว้นมือถือกับกล้อง) ร่วมเดินทางไปด้วย ก็ต้องขอขอบคุณทางSonyด้วยที่เชิญผมไปครั้งนี้


งานนี้ดีใจมากที่ได้พบกับบรรณาธิการหนังสือเครื่องเสียงในประเทศไทยชื่อดังหลายคน ทั้งอาจารย์วิจิตร บุญชูจาก The Wave Magazine


อาจารย์ธานี โหมดสง่าจากนิตยสาร GM2000


คุณการุณชาติ พุกกะเวส จากนิตยสารWhat Audio-Video


คุณเบรฟ สุดหล่อจาก LCDTVThailand ก็มาครับ


ทางเดินในโรงแรมMarina Bay Sands


ห้องในโรงแรมMarina Bay Sandsดูดีมาก เดินเข้าไปแค่เสียบการ์ดผ้าม่านก็จะเปิดเองอัตโนมัติ


วิวที่ระเบียงภายนอกห้อง เป็นส่วนของParkดูดีเชียว


็Highlightโรงแรมนี้ก็คือใครมาก็ต้องมาว่ายน้ำที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ใครได้ไปเที่ยวอย่าลืมเอากางเกงว่ายน้ำไปด้วยนะ






ทางSonyต้อนรับดีมาก อาหารเยี่ยมทุกมื้อครับ










อิ่มได้ที่ก็ได้เวลาเมาท์มอยกัน.....เอิ้กกก




กลางคืนเหงาๆเลยแอบไปนั่งdrinkคนเดียวกับบรรยากาศชิวๆที่Loungeซักหน่อย


บรรยากาศภายในMarina Bay Sandsที่เป็นทั้งห้างสรรพสินค้า,Casino,โรงแรมและที่จัดประชุมด้วย








บรรยากาศภายในงานเปิดตัวร่วมกับสื่อมวลชนจากประเทศไทย


สำหรับทีวีBraviaใหม่ที่เปิดตัว เรียกได้ว่าผมเห็นภาพละก็เกิดอาการJaw droppingเลย ส่วนในรายละเอียดผมจะเล่าให้ฟังในหนังสือVideophileนะครับ


เทียบกับพริตตี้สิงค์โปร์....เตี้ยไปเลยเรา555


 

[หมอเอก]

เป็นCEDIA Professionalมาสามปี พึ่งส่งป้ายมาให้วันนี้ สงสัยส่งมาเป็นการเตือนว่าให้เสียค่าสมาชิกได้แล้ว


 

[หมอเอก]

ตัวอย่างบางส่วนของคอลัมน์Dream Home TheaterในหนังสือAudiophile/Videophileฉบับเดือนมีนาคม เนื้อหาในฉบับนี้อาจจะหนักไปซักนิดหนึ่งในเรื่องของphase แต่ผมว่าน่าสนใจมากและผมเชื่อแน่ว่าถ้าเราค่อยๆอ่าน ค่อยๆทำความเข้าใจในเรื่องนี้รับรองว่าจะมีประโยชน์อย่างมากมายในการใช้calibrationห้องhome theaterของเรา เพราะหลักการปรับแบบนี้Room Tunerระดับโลกหลายคนได้ใช้tuningทั้งในห้องpost productionที่เป็นreferenceระดับโลกอย่างStag theaterจนไปถึงห้องห้องขนาดเล็ก อย่างเช่นห้องhome theaterของGeorge Lucasเองก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ในการroom tuning ยังไงสนใจติดตามฉบับเต็มได้ที่แผงหนังสือกลางเดือนมีนาคมนี้ครับ





 

[หมอเอก]

ลองระบบเสียงdts:x กับ The Last Witch Hunter
พึ่งได้แผ่นThe Last Withch Hunterมาเมื่อวานเลยถือโอกาสได้ลองและมาเล่าสู่กันฟัง


ที่ลองเป็นแผ่นimportedระบบเสียงdts:x แต่ไม่แน่ใจว่าแผ่นแท้ไทยจะเป็นdts:x หรือ dts-HD


หลังจากได้ลองแล้วผมว่าระบบdts:x ทำได้ดีเลยครับ เสียงบรรยากาศambient sound, envelopmentต่างๆดีมาก เช่นเสียงอยู่ในถ้ำแล้วมีเสียงน้ำหยดลงมานี่เหมือนจริงมากๆ เหมือนมีเสียงน้ำไหลอยู่ด้านบนกันเลยทีเดียว เสียงเครื่องบินเวลาบินผ่านหัวทำได้ดีใกล้เคียงกับในdolby atmos แต่เวลามีเสียงฝน เสียงพายุ เสียงฟ้าผ่าต่างๆทำได้ดีมากกว่าในatmosในแผ่นทั่วๆไป เพราะเท่าที่เจอมาdolby atmosจะดีในเฉพาะในแผ่นตัวอย่างหรือแผ่นหนังฟอร์มใหญ่ที่บันทึกมาเป็นdolby atmosแท้ๆ แต่ถ้าเป็นหนังโดยทั่วไปเสียงบรรยากาศด้านบนจะทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนdts:xเท่าที่ผมลองมาถือว่าทำบรรยากาศเสียงimmersive soundได้ดีทีเดียว บางฉากเวลาฟังมันจะเหมือนมีเสียงที่เป็นch. baseเป็นพื้นฐานอยู่โดยทั่วไปทุกch.แล้วจะมีเสียงobject baseวิ่งอยู่บนเสียงบรรยากาศอีกทีทำให้เสียงมันดูน่าตื่นตาตื่นใจดีมาก ส่วนในเรื่องเสียงเบสผมว่าทำได้ดีใกล้เคียงกับในdolby atmosครับ


เท่าที่ลองมาในแผ่นหนังbluray dts:x สามแผ่น ในเรื่องแรกex machinaเสียงไม่เท่าไร่อาจจะเพราะโดยตัวหนังเองไม่ได้จะแสดงศักยภาพของเสียงimmersive soundเท่าไร่ แต่กับอีกสองเรื่องคือCrimson PeakกับThe last witch Hunterนับว่าdts:xทำได้ดีมาก ก็มารอดูกันต่อไปว่าถ้าหนังฟอร์มใหญ่ๆแล้วdts:xจะทำได้ดีเหมือนที่คุยไว้หรือเปล่าครับ


 

[หมอเอก]

วันนี้ได้ไปปรับเสียงบ้านผู้ใหญ่ที่นับถือท่านหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี เลยเอารูปมาให้ดูกันคร่าวๆก่อน ส่วนรายละเอียดต่างๆทั้งห้อง อุปกรณ์ เทคนิคที่ใช้ในการtuningถ้าเป็นไปได้ผมค่อยพูดถึงละเอียดอีกครั้งในหนังสือVideophileครับ
ว่าแล้วเตรียมอุปกรณ์ขึ้นรถไปกันเลย....


เป็นห้องที่สวยงามมากครับ


อุปกรณ์แต่ละตัวเรียกว่าระดับstate of the artทั้งนั้น


ห้องนี้ถูกออกแบบมาเป็นห้องmulti-purpose roomที่รูปร่างเป็นL-shape ไม่ได้เป็นDedicated home theaterดังนั้นการcalibrationก็จะต้องใช้เทคนิคต่างออกไปจากห้องhome theaterที่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากปกติทั่วไป


เตรียมอุปกรณ์กันได้


earthworks mic


ตำแหน่งนั่งทำงานสบายๆ


ก่อนปรับมีภูเขาลูกใหญ่ๆหนึ่งลูก


การปรับต้องใช้การcompromise และเทคนิคหลายอย่างในการปรับห้องmultipurposeแบบนี้ แต่ผลที่ได้ถือว่าดีเลยครับสำหรับห้องนี้


ขอบคุณเฮียสมชาย จากขอนแก่นไฮไฟที่มาช่วยยกSubวันนี้555


และขอขอบคุณเจ้าของห้องใจดีสำหรับของฝากและภาพถ่ายกับSasha ภาพนี้ครับ


 

[หมอเอก]

ลองแผ่น UltraHD กับ Samsung UBD-K8500



อย่าตกใจว่าผมได้ลองแล้วนะครับ555 เป็นทางHigh-Def Digestได้ลองแล้วผมเลยสรุปเอามาให้ดูว่าได้ลองแล้วเป็นไงบ้าง ถ้าสนใจเข้าไปติดตามในรายละเอียดการทดสอบแผ่นUltra HD Blu-rayทั้งหมดได้ที่http://ultrahd.highdefdigest.com/reviews.html
พูดถึงตอนนี้เราก็คงอยากจะให้แผ่นในฝันของเราเป็นแผ่น 4K Ultra HD Blu-rayที่เป็น 100Mbps รายละเอียด3840x2160 ระบบเสียงมีให้เลือกทั้งDolby atmos,DTS:X สนับสนุน High Dynamic Rangeทั้งHDR10ที่เป็น10bitที่มีความสว่างสูงสุดถึง1000nitsและDolby Vision HDRมีความละเอียดถึง12bitทำความสว่างได้ถึง10000nits นอกจากนั้นยังรองรับWide Color Gamut(WCG)ตั้งแต่ Rec709จนถึง Rec2020
แต่ตอนนี้เราลองมาดูกว่าก่อนจะถึงแผ่นในฝันเรา แผ่นUltraHDที่ออกมารุ่นแรกจะเป็นยังไงบ้าง แผ่นที่ทางHigh-Def Digestได้ลองมีอยู่4เรื่องด้วยกันคือ Kingsman, The Martian, Exodus, The Maze Runnerเป็นแผ่นของกลุ่มUltra HD Premium โดยเขาได้ลองกับเครื่องเล่น Samsung UBD-K8500 และจอภาพ Samsung JS8500 ที่เป็น HDR10 รองรับDCI P3ถึง90%, Rec2020รองรับ68%
ภาพที่ได้ออกมาผู้ทดสอบบอกว่าภาพมีความคมชัด รายละเอียดในเงามืดมีมากกว่าแผ่นBDธรรมดา เนื่องจากเป็นแผ่นที่เป็น WCGสีสันไม่ต้องพูดถึงทั้งสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียวมีความสวยงามติดตามาก เสียแต่แผ่นนี้ยังเป็นHDR10อยู่สีต่างๆContrastความดำเลยยังไม่สู้ที่เคยได้สัมผัสจากโรง Dolby Vision และปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของnoiseในภาพที่พบมากในบางเรื่อง ผู้ทดสอบเลยตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเพราะแผ่นที่ปล่อยมาlotนี้เป็นแผ่น 2K DI masterที่มีการupscaleขึ้นมาและทำการ color gradingใหม่ เลยทำให้ในบางฉากพบnoiseได้มากบางทีมากกว่าแผ่นBDปกติเลยทีเดียว ส่วนระบบเสียงก็ยังเป็นแค่DTS-HD 7.1อยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งแผ่น เครื่องเล่น จอแสดงผลยังเป็น4Kรุ่นแรกๆที่ออกมามันก็คงต้องมีการเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อให้ได้เหมือนกับแผ่นในฝันที่ผมได้พูดไว้ตอนต้น ยังไงก็รอดูกันต่อไปครับ

 

[หมอเอก]

ล่าสุดที่เห็นออกมาคือ Crimson Peak ของผู้กำกับ กิลเยร์โม เดลโทโร ครับที่เป็น DTS-X

เมื่อวานลองดูเรื่องCrimson Peakในระบบ dts:x ผมว่าหนังฟอร์มระดับนี้ dts:x ทำได้ดีกว่าdolby atmosนะ dolby atmosส่วนมากที่เสียงดีๆจะเป็นหนังฟอร์มใหญ่ๆหนังฟอร์มระดับกลางๆเสียงก็ไม่เท่าไร แต่เรื่องนี้บรรยากาศลมพัด เสียงobject baseต่างๆ ambient sound ทำได้ดีเกินคาด (อาจจะเพราะไม่ได้ตั้งความหวังไว้เท่าไร่ 555) ยังไงก็รอดูกันต่อไปยาวๆว่าdts:x จะทำได้ดีขนาดไหน

 

[tsainont (FilmJunkie)]

ล่าสุดที่เห็นออกมาคือ Crimson Peak ของผู้กำกับ กิลเยร์โม เดลโทโร ครับที่เป็น DTS-X

[หมอเอก]

ตอนนี้เท่าที่ลองตัวอย่างก็ยังดีแค่บางเรื่อง ต้องรอดูตัวจริงออกมาครับ ถ้าทำได้เหมือนตัวอย่างเรื่องdivergentนี่เยี่ยมเลยครับพี่


Sent from my iPad using Tapatalk

[Too' Ninja]

ตามสไตล์ของ dts มาทีหลังดังกว่า หรือปล่าวครับ 

[หมอเอก]

และแล้วdts:x ระบบเสียงImmersive soundตัวล่าสุดก็ได้ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว


ซึ่งผมใช้Pre-pro Marantz AV8002 สามารถ Upfirmware ได้แล้วตั้งแต่บ่ายวันนี้ตามกำหนดการที่Marantzแจ้งไว้ว่ารุ่น AV8802และ AV8802Aสามารถ upได้ตั้งแต่วันที่ 3/2/58 (ก็อาจจะช้าไปวันหนึ่งสำหรับเมืองไทย)


การUpdate ใช้เวลาประมาณ 55นาที


นี่คือโฉมหน้าblu-ray ระบบเสียงdts:x เรื่องแรกที่ปล่อยออกมาสู่ตลาด (ผมซื้อไว้รอตั้งแต่กลางปีที่แล้ว พึ่งได้มาใช้วันนี้เอง555)


บนแผ่นเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็น dts:x


แล้วต้องไปเลือกระบบเสียงในหน้าเมนูอีกทีว่าเป็น dts:x


เมื่อเราupfirmware ทุกอย่างเรียบร้อยถูกต้องหน้าจอของเครื่องก็จะขึ้นระบบเสียงเป็น DTS:X MSTR


แต่ผมลองดูแล้วหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีฉากได้แสดงความสามารถdts:xเท่าไร่ ที่เห็นๆก็มีแค่ฉากเฮลิคอปเตอร์ กับฉากในป่าที่มันจะให้ความรู้สึกถึงenvelopmentโอบล้อมเรา


แต่ถ้าจะเอาเสียงดีๆผมแนะนำแผ่นนี้เลย 2015 DTS Blu-Ray Demo Disc Vol.19


เจ๋งสุดคือ Divergent dts:x เสียงตอนนางเอกอยู่ใต้น้ำนี่สุดยอดมากๆ เสียงจากceiling channelทำงานประสานกันทำให้เกิด focus เสียงฟองอากาศด้านบนได้สมจริง น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ถ้าหนังdts:xที่กำลังจะออกมาอีกหลายเรื่องสามารถทำเสียงได้เหมือนDivergentในแผ่นDemoนี้ผมว่างานนี้ Dolby Atmosมีหนาวครับ


 

[หมอเอก]

ตัวอย่างบางส่วนของคอลัมน์Dream Home TheaterในหนังสือAudiophile/Videophileฉบับเดือนกุมภาพันธ์ สนใจติดตามฉบับเต็มได้ที่แผงหนังสือกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ครับ





 

[หมอเอก]

Congratulations, you are now HAA Certified!


 
Sent from my iPad using Tapatalk

[หมอเอก]

พอดีมีคนถามในเรื่องของdistance และlevelของลำโพง ceiling ในระบบDolby atmosในwebเพื่อนบ้านมาครับ เห็นว่าน่าสนใจดี

Jikazama"รบกวนพี่หมอเอกแนะเทคนิคการเซตอัพ atmos ไม่ว่าจะเป็น distance และ db cal ทีสิครับ แล้วใช้แผ่นไหนในการเซตอัพครับ ขอบคุณครับผม"

สวัสดีครับคุณ Jikazama
การset up ลำโพงceiling speakerของ atmos ผมก็ใช้หลักการเดียวกันกับการset ลำโพงsurround อื่นๆ โดยdistanceก็สามารถใช้วิธีการวัดระยะลำโพงโดยตลับแมตรแล้วใส่ค่าลงไปในAVRเลย ส่วนSubwooferก็ใช้วิธีการalign phaseอย่างที่ผมเคยอธิบายไว้แล้วในบทความเมื่อปีที่แล้ว


Levelก็ใช้วิธีวัดแต่ละspeakerให้ได้ความดังที่75dBเท่ากันทุกchannels ส่วนการใช้แผ่นset upโดยส่วนตัวผมไม่ได้ใช้ครับ นอกจากใช้แผ่นเพลงฟังก่อนและหลังset upเพื่อทดสอบเสียงดูว่าเสียงเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นไหม
ฟังดูก็เหมือนว่ามันจะOKไหมกับการใช้ตลับเมตรมาวัดค่าระยะห่างแต่ละลำโพงแล้วใส่ค่าลงไปในAVRเลย แล้วทำไมSubwooferต้องใช้วิธีวัดที่ต่างออกไป ผมต้องบอกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เชื่อถือได้วิธีหนึ่งเลยทีเดียวในการcalibrationโดยทั่วไป มันสามารถอธิบายได้ทุกอย่างตามหลักของphysics ผมเคยคิดเหมือนกันว่าจะอธิบายเรื่องนี้ลงในหนังสือ แต่ก็กลัวว่ามันค่อนข้างจะเป็นวิชาการเกินไปคนอ่านอาจจะไมชอบ
เรื่องdistanceหรือtime delayนี้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันหมด ขอยกอย่างเอาพื้นฐานเลย เช่นบางคนอาจคิดว่าคลื่นเสียงสองคลื่นเสียงเมื่อเดินทางมาถึงจุดนั่งฟังพร้อมกันซึ่งเราจะเรียกว่ามันมีtime alignmentกัน แต่ในความเป็นจริงก็ไม่จำเป็นที่คลื่นเสียงทั้งสองนี้มีphaseที่เท่ากัน เพราะว่าtime offsetมันเป็นfrequency independent แต่ phase offsetมันเป็นfrequency dependent ดังนั้นคลื่นเสียงสองคลืนเสียงที่มีtime alignmentกันก็ไม่ได้หมายถึงมันมีphase alignmentกัน แล้วตอนไหนเราจะใช้อันไหนล่ะ?
ซึ่งมันก็จะโยงไปถึงเรื่องphase shift, phase delay, phase offset จนมาถึง phase alignment ที่มันจะต่างจากtime offsetและtime alignment ค่าไหนจะใช้ตอนไหนกับลำโพงชนิดไหน แล้วมันจะเกี่ยวพันกับlatencyที่เป็นfrequency independentอย่างไร แล้วacoustic latencyล่ะมันจะเกี่ยวอย่างไร เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและต้องเข้าใจในหลักphysics ซึ่งถ้าได้ศึกษาและเข้าใจทุกอย่างแล้วก็จะรู้ว่าทำไมผมถึงแนะนำให้ใช้วิธีนี้ในการหาค่าdistance และทำไมการtuningแบบprofessionalถึงต้องให้ความสำคัญกับการวัดแบบimpulse response หรือ phase responseมากกว่าfrequency response  เอาไว้ถ้าผมมีพลังงานมากพอจะค่อยเขียนอธิบายโดยละเอียดอีกที เพราะเป็นการยากที่จะอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนอย่างเรื่องของphaseให้เข้าใจกันและนึกภาพออกโดยใช้ภาษง่ายๆ
 

[หมอเอก]

สวัสดีปีใหม่ 2559ครับชาวHtg2ทุกท่าน
 
พร้อมกันนี้ผมได้นำตัวอย่างบางส่วนของคอลัมน์Dream Home TheaterในหนังสือAudiophile/Videophileฉบับต้อนรับปีใหม่เดือนมกราคม สนใจติดตามฉบับเต็มได้ที่แผงหนังสือกลางเดือนมกราคมนี้ครับ





 

[หมอเอก]

พอดีมีพี่ถามในFBผมว่าน่าสนใจเลยเอามาให้อ่านดูครับผม
“Pichat Tsuk ตามความเข้าใจของผม ch.1 มันก็มาจาก ch อื่น ๆ โดย mix ความถี่ต่ำกันมา ถ้าตั้ง large ก็เท่ากับว่าทั้ง sub ทั้งลำโพงอื่นทำงานซ้อนกัน รายละเอียดน่าจะหาย?”

อธิบายง่ายๆนะครับเอาตามMulti-channel Print MasterของTHX ที่ใช้ในStudio


ตัวLFEหรือLow-Frequency Effects มันก็คือ 0.1 Channel ซึ่งChannelจะได้มาจากEffects Aและ Effects B เท่านั้นไม่ได้มาจากChannelอื่นๆ ส่วนที่เขาเรียกมันว่าเป็นแค่0.1Channelก็เพราะเจ้าChannelนี้จะใช้เพื่อปล่อยความถี่ต่ำแค่บางช่วง ที่ส่วนมากจะต่ำกว่า120Hz โดยใช้ลำโพงพิเศษที่เรียกว่าSubwooferทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะไม่ได้ปล่อยความถี่fullrangeหรือทั้งช่วงตั้งแต่ 20Hz จนถึง 20000HzเหมือนChannelอื่นๆเขาเลยเรียกแค่ว่า0.1Channel ส่วนหลายๆคนอาจจะสับสนกับคำว่าsubwoofer channel เพราะว่าคำนี้มักจะใช้ในโรงภาพยนต์ที่แต่ละChannelจะมีลำโพงSubwooferอยู่ด้วย ทำให้ลำโพงในแต่ละchannelสามารถปล่อยเสียงได้full rangeเลย


แต่เมื่อมาเป็นhome theaterที่ลำโพงแต่ละchannelมีขนาดเล็กกว่าลำโพงในโรงภาพยนต์มาก จึงต้องมีการตัดแบ่งความถี่ต่ำมากๆเพื่อให้ลำโพงSubwooferทำหน้าที่แทนเพื่อลดความเสี่ยงว่าลำโพงmain ไม่สามารถแสดงความถี่full rangeได้ดีพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความถี่ต่ำซึ่งการตัดแบ่งความถี่แบบนี้เขาจะเรียกว่าBass management หรือการที่เราไปปรับค่าที่speaker configurationเป็นsmallนั่นแหละครับ แต่ถ้าเราตั้งเป็นlargeก็หมายถึงเราbypass Bass mananementตรงนี้ทำให้เสียงทุกChannelส่งตรงไปยังChannelนั้นเลย โดยถ้าเราใช้Bass managementก็จะมีการตัดความถี่จากลำโพงmainและsurroundทั้งหมดรวมกับLFEจะกลายเป็นsubwoofer channelครับ ดังนั้นLFEกับsubwoofer channelจึงต่างกันนะครับอย่าสับสน และก็จะส่งผลถึงการวัดLevelของsubwoofer channelด้วยครับ เพราะบางทีการวัดความดังในแต่ละchannel พอมาถึงsubwoofer channelกลายเป็นการวัดLFEซะนี่ ทำให้ค่าlevelที่ควรจะเป็นของsubwoofer channelไม่ถูกต้อง สังเกตุดูว่าเวลาเราวัดlevelทำไมมันรู้สึกว่าsubwooferของเราได้เสียงไม่พอดี โดยทางTHXเขาก็จะสอนวิธีการวัดที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ค่าlevelของsubwoofer channelที่ใกล้เคียงในstudioอยู่ ซึ่งถ้าจะอธิบายก็คงอีกยาวเอาไว้ผมค่อยเขียนลงในบทความในหนังสือนะครับ


หรือถ้าสนใจให้ลึกกว่านี้ก็ลองอ่านหนังสือSurround Sound up and running ของ Tomlinson Holmanดูได้ครับผม

[หมอเอก]

อยากให้หลายๆท่านหาโอกาสมาลองฟังห้องนี้ครับ  เสียงมันส์สุดๆ   ยิ่งเล่นเกมส์ สตาวอด้วย  คุณนาวีถึงกับยกนิ้ว  ผมแอบเห็นแก หลับกระสุนปืนจากยาน starwar  อยู่  อิอิ     ส่วนซับ นวดอีกหน่อยครับ  รับลอง ลึกแบบทุกอนูรูขุมขน   ส่วนโปรเจ็คเตอร์ ถ้าส่งคืนต้อง เอาใบประกาศ isf ไปทิ้งหนองประจักนะครับ 555 กดดัน  ภาพดีจริงๆในบรรดา jvc ทุกรุ่น ยอมรับเลย  และปีใหม่นี้ขอให้ได้เงินสักสองร้านไปเปลี่ยนคู่หน้าเป็น mayer  นะครับ 555

ขอบคุณครับเสี่ยเบนซ์ สาธุ....สมพรปากเสี่ยเบนซ์นะครับ อยากได้เหมือนกันอีกสองล้าน555
 

[b3344]

อยากให้หลายๆท่านหาโอกาสมาลองฟังห้องนี้ครับ  เสียงมันส์สุดๆ   ยิ่งเล่นเกมส์ สตาวอด้วย  คุณนาวีถึงกับยกนิ้ว  ผมแอบเห็นแก หลับกระสุนปืนจากยาน starwar  อยู่  อิอิ     ส่วนซับ นวดอีกหน่อยครับ  รับลอง ลึกแบบทุกอนูรูขุมขน   ส่วนโปรเจ็คเตอร์ ถ้าส่งคืนต้อง เอาใบประกาศ isf ไปทิ้งหนองประจักนะครับ 555 กดดัน  ภาพดีจริงๆในบรรดา jvc ทุกรุ่น ยอมรับเลย  และปีใหม่นี้ขอให้ได้เงินสักสองร้านไปเปลี่ยนคู่หน้าเป็น mayer  นะครับ 555

[หมอเอก]

วันนี้ได้รับเกียรติจากคุณนาวี คุณธรรมนูญ เสี่ยเบนซ์ เฮียสมชายและอีกหลายท่านจากทั้งกรุงเทพ และขอนแก่นได้มาเยี่ยมชมที่ห้องกัน


กองทัพเดินด้วยท้อง ก่อนดูหนังฟังเพลงก็จัด ขนมกับrefreshment กันก่อน เห็นหลายๆคนบอกว่าขนมอร่อย ลืมให้creditไปว่าแฟนผมทำเองนะครับ




สภาพก่อนเข้าไปดู


ได้ลองกันหลายอย่างทั้งดูหนังฟังเพลงในระบบDolby Atmos โดยเฉพาะRoger Waters the Wall ขอบอกว่าทั้งภาพและเสียงมันมากๆครับ


และเมื่อได้ฟังเสียงเสร็จก็ต้องขอมาดูSub Meyerให้ชัดๆว่ามันเป็นยังไง


เสี่ยเบนซ์บอกว่านี่ยังไม่สุดของมันนะ ต้องนวดอีกหน่อยจะดีกว่านี้แน่นอน


ส่องดูลำโพงDolby AtmosของMeyerกัน


Meyer HMS-10


เสร็จแล้วก็พากันไปกินข้าวที่ร้านระเบียงพัชนี ร้านเดิมที่เคยมากินเมื่อหลายปีมาแล้ว เรียกได้ว่าคุยกันอย่างสนุกสนานกับเรื่องราววงการเครื่องเสียงในบ้านเราเพราะแต่ละท่านเรียกว่าคลุกคลีอยู่กับวงการนี้มาเป็นสิบๆปีกันทั้งนั้น


ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำติดชม ผิดพลาดประการใดขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยครับ และหวังว่าคงได้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆกลับไปบ้างนะครับ

 

[หมอเอก]

Star Wars: The Force Awakens ทำPost Productionที่Skywalker Soundทั้งขั้นตอนsound effects, sound editing, sound design, sound mixing และmusic recording โดยใช้ลำโพงของMeyer Sound รวมถึงหนังดังอื่นๆเช่น Ant-Man, Pixels, Minions, Jurassic World, Inside Out, The Good Dinosaur ก็Post Productionที่Skywalker Soundและใช้ลำโพงของMeyer Soundเช่นเดียวกัน


http://www.commercialintegrator.eu/article/meyer-sound-brings-the-force-to-star-wars-inside-out-and-jurassic-world



 

[หมอเอก]

อยากไปเรียนรู้แบบนี้บ้างจังครับ แต่โอกาสภาระหน้าที่ไม่เอื้ออำนวย  : (

เมื่อวานคุยกับ Gerry แกก็อยากมาทุกปีอยู่ ถ้ามีโอกาสก็น่าสนใจนะครับ
 

[ยศ]

อยากไปเรียนรู้แบบนี้บ้างจังครับ แต่โอกาสภาระหน้าที่ไม่เอื้ออำนวย  : (

[หมอเอก]

เอารูปบรรยากาศการเรียน HAA Class in Bangkokที่ทางDecoจัดมาให้ชมกันครับ งานนี้ดีใจมากที่ได้เจอมือปรับเสียงชั้นแนวหน้าของประเทศหลายคนเลย


ความจริงผมเรียนจบCourseนี้มาหลายปีแล้วที่ประเทศจีน แต่คราวนี้มาจัดที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกผมเลยมีโอกาสมาrefresh อาจารย์คนสอนGerry Lemayคนเดิมที่เป็นPresidentของHome Acoustics Alliance


คุณไซกับพี่ชวินก็มา


บรรยากาศในห้องเรียนวันแรก มีการLectureกันเล็กน้อยก่อนทำการปรับจริง


ให้นักเรียนมานั่งฟังก่อนที่จะปรับว่าเสียงเป็นแบบไหน


งานนี้น้องฮาร์ท กับคุณเล็กก็มาเรียนด้วย


เสร็จแล้วGerryก็จะมาอธิบายถึงrule of thumbต่างๆที่ใช้ในการปรับ


discussกันเรื่องอะไรหว่า....จำไม่ได้


หลังจากนั้นให้ลองฝึกปรับกันเอง


มีติดตรงไหนGerryก็จะอธิบายให้ฟังตอนฝึกปรับนี้เลย


เสร็จแล้วให้นักเรียนกลับมานั่งฟังดูว่าเสียงเป็นไงบ้าง




อาหารกลางทางDecoจัดไว้ดีมาก เป็นBuffetที่โรงแรม


นักเรียนพาอาจารย์มากินข้าวเย็น......เป็นอาหารอีสานGerryบอกแซบมากกกก




Max Leeมาเป็นผู้ช่วยGerryเหมือนเดิมอีกครั้ง ตอนเรียนที่เมืองจีนMaxก็เป็นทั้งล่ามภาษาจีนกับอาจารย์ผู้ช่วย Maxเก่งมากเคยเป็นSenior EngineerของDolby labที่อเมริกาอยู่หลายปีก่อนที่ปัจุจุบันจะมาเปิดร้านเครื่องเสียงใหญ่โตที่ประเทศจีน


๋Jerry Murrey staffจากAVprostore


ดีใจมากครับที่ได้ถ่ายกับสุดยอดทั้งภาพและเสียงทั้งสองคนของเมืองไทย


แอบติดตามผลงานมาตั้งนานพึ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริงก็คราวนี้ คุณชัยวัฒน์ กับคุณปิยะนัส ผู้บริหารของPiyanas


เบื่อจริงๆเบย..... ทั้งหนุ่มกว่า ทั้งหน้าตาดี แถมเก่งอีกต่างหากคุณชัยวัฒน์จากปิยะนัส.....555


คุณหมอจเร


ทักทายกันในFaceประจำ มาเจอตัวจริงในงานนี้อีกเช่นกัน คุณหนึ่งจากปิยะนัส


กำลังเตรียมห้องเพื่อให้ได้ทดลองปรับจริงแบบละเอียดในการเรียนปฏิบัติวันที่สามกับวันที่สี่ ซึ่งผมไม่ได้ร่วมด้วยเพราะต้องรีบกลับไปทำงานก่อน


ต้องบอกว่าห้องที่เมืองไทยดีกว่าห้องที่ผมเคยใช้เรียนใช้หัดปรับในประเทศจีนมาก ห้องที่ประเทศจีนเป็นห้องในโรงแรม เสียงrattle soundเพียบ เบสลงแต่ละทีฝ้ากระพือกันสนั่น แต่ห้องที่Decoนี่ทำมาสำหรับห้องhome theaterโดยเฉพาะAcousticsของเสียงดีมาก

 

[หมอเอก]

น่าหนุกหนานครับ 

ครั้งหน้า ถ้าจะมีการปรับที่ไหนอีก อยากจะขอรบกวนคุณหมอช่วยแจ้งให้ทราบบ้าง ถ้าทุกฝ่ายสะดวก (หมายถึงเจ้าของห้องยินดี) ผมก็อยากไปขอเข้าร่วมชมด้วยคนนะครับ 

ได้เลยถ้าเจ้าของห้องไม่ติดอะไร เดี๋ยวผมกระซิบบอกพี่ครับ
 

[Too' Ninja]

น่าหนุกหนานครับ 

ครั้งหน้า ถ้าจะมีการปรับที่ไหนอีก อยากจะขอรบกวนคุณหมอช่วยแจ้งให้ทราบบ้าง ถ้าทุกฝ่ายสะดวก (หมายถึงเจ้าของห้องยินดี) ผมก็อยากไปขอเข้าร่วมชมด้วยคนนะครับ 

[หมอเอก]

ได้มีโอกาสลงมากรุงเทพเพื่อมาrefresh HAA class in Bangkokเลยถือโอกาสนี้ปรับเสียงห้องพี่ภิญโญด้วยเลย
ห้องพี่ภิญโญจะเป็นห้องแบบmulti-purpose roomไม่ได้เป็นห้องที่ทำมาเฉพาะเพื่อเป็นห้องhome theaterหรือที่ฝรั่งเรียกกันว่าDedicated home theaterซึ่งห้องแบบนี้ถือว่าเป็นห้องที่ท้าทายและtuningยาก


จุดสำคัญในการroom tuningห้องmulti purposeคือต้องพยายามทำให้มีphysical symmetry แต่ห้องนี้มีการปรับAcousticเบื้องต้นมาบ้างแล้ว สังเกตดุว่าจะมีผ้าม่านแบบหนาด้านซ้ายมือเมื่อเวลาดูหนังก็รูดมาให้Acousticsของด้านข้างลำโพงสองข้างใกล้เคียงกัน ถึงแม้จะไม่เหมือนกันเลยทีเดียวเพราะติดเรื่องห้องแต่ก็ดีกว่าไม่มีเยอะครับ


อุปกรณ์ที่ใช้คร่าวๆก็เป็นpre-pro marantz8002,power ampของคนไทยทำเอง กำลังเสียงดีมาก, ลำโพงThiel, Sub MK 2ตัว เห็นห้องอย่างนี้แต่ใจรักการดูหนัง ทำตู้ลำโพงceilingของNHT เป็นระบบDolby Atmos 7.1.4เชียวนะครับ


ในส่วนด้านหลังมีspaceเยอะเพราะเป็นโต๊ะทำงานด้วย เนื้อที่ด้านหลังมากมักทำให้เกิดenvelopmentที่ดี แต่ถ้าได้ผ้าม่านมากั้นด้านหลังเพิ่มก็น่าจะทำให้sound fieldด้านหลังดีขึ้น


จัดเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อทำการcalibration


งานนี้ดีหน่อยมีโต๊ะทำงานได้กว้างขวาง555


ว่าแล้วก็เริ่มลุยกันเลย


เนื่องจากเป็นห้องที่จำกัดในเรื่องการวางSubwoofer และAcousticsคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ dspซึ่งในห้องนี้ผมใช้ minidsp ซึ่งราคาไม่แรงและคุณภาพดีทีเดียวมี 2input 4output


โปรแกรมที่ใช้ควบคุมเจ้าตัวmini dsp


งานนี้ต้องขอบคุณพี่ชวินด้วยที่มาช่วยครับ


พี่ภิญโญ ก็ติดตามการปรับโดยตลอดเพราะกลัวผมจะมั่ว.....อิ อิ


เมื่อทำการobjective measurement แล้วก็ทำการsubjective measurementเพราะถึงอย่างไรmeterที่ดีที่สุดก็คือหูคนเราที่จับความผิดปกติได้ดีกว่าเครื่องมือใดๆในโลก เพียงแต่มันไม่ละเอียดว่ามันผิดพลาดตรงไหน ดังนั้นเมื่อเราพบความผิดปกติก็ต้องกลับไปcalibrationโดยใช้เครื่องวัดมือใหม่เพื่อหาข้อผิดพลาดนั้นๆ


เสร็จแล้วพี่ภิญโญ พาไปกินอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อยจนอิ่มแปร้เลย....ต้องขอบคุณพี่ภิญโญมา ณ.ที่นี้นะครับ และต้องขอบคุณนัทด้วยที่มาobserveและช่วยถ่ายรูปสวยๆครับ


 

[หมอเอก]

ขอบคุณที่ให้เข้าชมและฟังห้องด้วยครับ

ปกติทั่วไปที่ฟังมาต้องเจอแบบที่ว่าไอ้นี่มากไป ไอ้นี่น้อยไปตลอด แต่นี่มาแบบพอดี ๆ ตลอดทั้งดูหนังฟังเพลง

เป็นแนวทางที่น่าศึกษาและทำตามอย่างยิ่ง เดี๋ยววันนี้จะลองปรับเล่นที่บ้านบ้าง เมื่อวานกลับถึงบ้านหลับยาวเลย

ยินดีครับพี่ และก็ดีใจที่ได้คุยกับคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับผม ยังไงพี่ลองไปปรับเล่นที่บ้านดูว่าได้ผลเป็นไง แล้วเล่าให้ฟังบ้างนะครับผม
 

[PCT]

ขอบคุณที่ให้เข้าชมและฟังห้องด้วยครับ

ปกติทั่วไปที่ฟังมาต้องเจอแบบที่ว่าไอ้นี่มากไป ไอ้นี่น้อยไปตลอด แต่นี่มาแบบพอดี ๆ ตลอดทั้งดูหนังฟังเพลง

เป็นแนวทางที่น่าศึกษาและทำตามอย่างยิ่ง เดี๋ยววันนี้จะลองปรับเล่นที่บ้านบ้าง เมื่อวานกลับถึงบ้านหลับยาวเลย

[หมอเอก]

ขอขอบคุณพี่หมอเอกด้วยครับ ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้สัมผัสกับห้องที่น่าจะเป็นห้อง reference หนึ่งเดียวของประเทศไทยเลย ที่มีความสมบูรณ์ ทั้งระบบภาพและระบบเสียง ได้คุยกันเยอะเลยเรื่องของเครื่องเสียง การ setup และ calibration ได้ทั้งความรู้และสนุกกันมากๆครับ ^^

 

[cinemania]

ขอขอบคุณพี่หมอเอกด้วยครับ ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้สัมผัสกับห้องที่น่าจะเป็นห้อง reference หนึ่งเดียวของประเทศไทยเลย ที่มีความสมบูรณ์ ทั้งระบบภาพและระบบเสียง ได้คุยกันเยอะเลยเรื่องของเครื่องเสียง การ setup และ calibration ได้ทั้งความรู้และสนุกกันมากๆครับ ^^

[หมอเอก]

ต้นปีหน้า จะไปขอเยี่ยมชมบ้าง นะครับ 

ได้เลยครับพี่Too' ยินดีต้อนรับพี่เสมอครับผม
 

[Too' Ninja]

ต้นปีหน้า จะไปขอเยี่ยมชมบ้าง นะครับ 

[หมอเอก]

วันนี้มีพี่ๆน้องมาเยี่ยมหลายท่าน ทั้งคุณนัทcinemania, พี่พิชาติ, พี่วินัย ที่บินตรงจากกรุงเทพเพื่อมาเยี่ยมเยือนกัน ซึ่งแต่ละคนนับว่าเป็นตัวจริงของวงการhome theater เล่นเครื่องเสียงมาก่อนผมนานมากกกก ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงเยอะกว่าผมมากมายนัก ผมรู้จักแต่ละท่านได้ก็จากhtg2นี่แหละครับ ยังไงต้องขอบคุณทุกท่านมากครับ วันนี้สนุกกันจริงๆ


ก่อนจะไปนั่งดูหนัง ดูผมโม้ไปก่อน......เอิ้กกก


discussกันเรื่องของphase


เชื่อไหมครับนั่งดูกันตั้งแต่บ่ายสาม จนเกือบห้าทุ่ม พักกินข้าวแค่ชั่วโมงเดียวเอง ขอบอกว่ามันมากครับ


ได้เวลาละลุยกันเลย


มีหนังให้ได้ลองกันเพียบ อิ อิ


ฟังเสียงปืนจากlone survival


คอนเสิร์ตก็ได้ลองกันเยอะเลย


ที่ลืมไม่ได้ทุกคนต้องขอลองอัสนี กับวสันต์ โชติกุล ที่สำคัญทั้งนัทกับพี่วินัย ได้ไปดูคอนเสิร์ตอันที่กำลังดูนี้สดๆด้วย เห็นบอกว่าเสียงเหมือนตอนไปดูจริงมากๆ


ลำโพงAtmosของMeyer


Subwooferงานวัด 555


อุปกรณ์ต่างๆ ติดสติกเกอร์สีดำกันแสงเข้าตาตอนดูหนัง เพราะน่ารำคาญถ้ามันสว่างเกินไป


นัทบอกขุมกำลังจริงๆอยู่ตรงนี้


ลูกสาวหล่า ก็ขอมาร่วมแจมด้วย


พักกินข้าวเย็นที่ร้านข้าวต้มประสบโชค ก่อนที่จะมาต่อกับคอนเสิร์ตหนักๆ


ขอบคุณนัท ที่ถ่ายรูปสวยๆให้ได้ชมกันครับ

[Too' Ninja]

ภาพสุดยอด เสียงสุดเยี่ยม ความสุขอยู่ที่บ้านแล้วครับ 

[หมอเอก]

วันนี้ทำการทดสอบเรื่องMotionของ JVC RS600 ที่ผมเคยรู้มาCEDIAได้บอกว่าคุณภาพของภาพในห้องดูหนังนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 5อย่างเรียงลำดับความสำคัญคือ Contrast ratio, Color depth, Frame rate, Bit rateและ Signal resolution โดยปกติภาพนิ่งpixelส่วนมากจะดูดีอยู่แล้ว จะมาตัดสินกันไอ้ตรงภาพเคลื่อนไหวนี่แหละ และส่วนมากในห้องhome theaterภาพที่เราดูจากภาพยนต์หรือรายการต่างๆเป็นภาพเคลื่อนไหว ดังนั้นภาพจะดูดีได้ก็ต้องอาศัยความสามารถของpixelในเรื่องการสร้าง(created) การคงอยู่(Stored)และการส่งผ่าน(Transmitted) สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อคุณภาพของภาพเป็นอย่างมาก เมื่อเราดูcontentที่แปลงมาจากfilmลงแผ่นbluray ความละเอียดที่เหมาะสมที่สุดก็จะเป็น 1080i หรือ1080p@24 แต่ถ้าเป็นการเล่นวิดีโอเกมส์หรือรายการกีฬาความละเอียดที่แนะนำจะเป็น720pหรือ1080p@60Hz ดังนั้นจะเห็นได้ว่าที่24Frame per secเมื่อเราดูหนังความถี่จะค่อนข้างน้อย เจอภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆหรือการแพนกล้องจากซ้ายไปขวา หรือจากบนลงล่างเร็วๆ มันจะทำให้ภาพเกิดอาการกระตุกได้ง่ายไม่smoothเหมือนที่เราดูจากfilm แต่ได้ยินว่าJVCตัวนี้มีระบบMotion Enhanceตัวใหม่เลยขอลองดูหน่อย


แผ่นที่ผมใช้ทดสอบจะเป็นSpears&Munsil 2nd Edition


มันจะอยู่ในเมนู Video Processing ในtabของ Motion


ทดสอบเรื่องmotionต้องดูหนังพวกaction เลยจัด Skyfall ดูซักหน่อย แต่ภาพเคลื่อนไหวถ่ายมาคงไม่เห็นเอาภาพนิ่งไปดูแทนละกัน ภาพพวกนี้มาจากjpegในกล้องเลย ไม่ได้แต่งภาพเพียงแค่cropเอาเฉพาะส่วนหน้าจอให้ดูโทนภาพคร่าวๆพอเป็นideaนะครับ ภาพจริงอาจแตกต่างจากนี้บ้าง
























 

[หมอเอก]

โหย ภาพงามหยดย้อยยยย
ไม่ได้ส่งกลับแน่นอน 

ไม่ทราบว่า mode ISF มันปรับค่าอะไรได้เพิ่มขึ้นครับ?
จริงๆไม่ว่าจะอยู่โหมดไหนมันก็ปรับค่าได้เท่ากันรึเปล่าครับ? (คือDelta E น้อยพอกัน สีอยู่ในสามเหลี่ยมทุกจุด)
โหมดพวกนี้มันแค่ชื่อ Preset ที่ตั้งค่าเริ่มต้นมาให้หลายๆแบบรึเปล่าครับ? หรือว่า mode ISF มันเพิ่มmultipointให้ละเอียดขึ้น?
ผมอาจจะเข้าใจผิด รบกวนหมอเอกช่วยอธิบายหน่อยครับ 

แล้วแต่โปรเจคเตอร์แต่ละรุ่นครับ บางรุ่นปรับได้ละเอียดขึ้น บางรุ่นปรับได้เท่าๆกันกับmodeปกติแต่มีกราฟช่วยในการปรับให้ช่างisfใช้ได้ง่ายขึ้น หรือในบางรุ่นเป็นแค่ตัวsaveข้อมูลไม่ให้userเข้าไปเปลี่ยนแปลง อย่างกับprojector JVCเองแค่โปรแกรมเพื่อใช้activated isf ที่ผมรู้มีอยู่อย่างน้อยห้าตัวที่ใช้ต่างกันในแต่ละรุ่น แต่ละตัวก็ปรับได้ไม่เหมือนกัน ในแต่ละรุ่นครับ


Sent from my iPad using Tapatalk

[ยง101]

 

[airbusdriver]

โหย ภาพงามหยดย้อยยยย
ไม่ได้ส่งกลับแน่นอน 

ไม่ทราบว่า mode ISF มันปรับค่าอะไรได้เพิ่มขึ้นครับ?
จริงๆไม่ว่าจะอยู่โหมดไหนมันก็ปรับค่าได้เท่ากันรึเปล่าครับ? (คือDelta E น้อยพอกัน สีอยู่ในสามเหลี่ยมทุกจุด)
โหมดพวกนี้มันแค่ชื่อ Preset ที่ตั้งค่าเริ่มต้นมาให้หลายๆแบบรึเปล่าครับ? หรือว่า mode ISF มันเพิ่มmultipointให้ละเอียดขึ้น?
ผมอาจจะเข้าใจผิด รบกวนหมอเอกช่วยอธิบายหน่อยครับ 

[หมอเอก]

น่าสนใจมากครับ 

แต่จริงๆถ้าหนังสือออกไปได้สัก 2-3 เดือน แล้วเราขอในส่วนนี้นำมาเผยแพร่เป็นเหมือนห้องสมุดสาธ่ารณะก็น่าจะเป็นบุญกุศลอย่างมากเลยนะครับ 

เดี๋ยวจะลองดูนะครับ น่าจะได้ครับพี่Too'
 

[Too' Ninja]

น่าสนใจมากครับ 

แต่จริงๆถ้าหนังสือออกไปได้สัก 2-3 เดือน แล้วเราขอในส่วนนี้นำมาเผยแพร่เป็นเหมือนห้องสมุดสาธ่ารณะก็น่าจะเป็นบุญกุศลอย่างมากเลยนะครับ 

[หมอเอก]

ตัวอย่างบางส่วนของคอลัมน์Dream Home TheaterในหนังสือAudiophile/Videophileฉบับเดือนธันวาคม สนใจติดตามฉบับเต็มได้ที่แผงหนังสือเดือนธันวาคมนี้ครับ





 

[หมอเอก]

สวัสดีครับคุณหมอเอก ที่ผ่านมาได้แต่อ่าน  วันนี้เลยถือโอกาสแวะทักทายครับ

หวัดดีครับคุณหนุ่ม เดี๋ยวคงได้ไปเจอกันที่เซ็นทรัลอุดรเรื่อยๆครับ 555