ต่อนะครับ
ภาคจ่ายไฟ
ภาคจ่ายไฟจะอยู่ข้างๆ หม้อแปลงจ่ายไฟ ซึ่งจะแยกได้เป็น ภาคจ่ายไฟสำหรับ Servo&Transport, Processor&Controller, Decoder&DAC, Analog&HDAM มาเริ่มกันที่ Analog&HDAM ก่อน ใกล้ๆ หม้อแปลงจะมี Diode Rectifier อยู่ 4 ตัวคือ D801 - D804 ปกติ Diode ธรรมดาจะมีช่วง Cut-off ที่ประมาณ 0.6V ซึ่ง Diode จะปล่อยสัญญาณรบกวนขนาดเล็กๆ ปนออกมากับไฟตรงก่อนที่จะเข้า Filter Cap ถ้าดูใน Scope จะเห็นเป็นรูปคลื่นเล็กๆ ปนมากับกระแสตรง และ Regulator ทั่วไปไม่ไวพอที่จะปรับแต่งสัญญาณรบกวนนี้ให้เรียบเสมอกับไฟตรงได้ สัญญาณนี้จะผ่าน Op-map และ HDAM และไปออกที่ Output ถึงแม้หูคนเราจะรับฟังไม่ได้แต่จะทำให้รู้สึกว่าเสียงน่ารำคาญ เหมือนมีอะไรปนออกมา ทำให้เสียงไม่เป็นธรรมชาติ ให้ลองเปลี่ยนเป็น Fast-Recovery Diode หรือ Schottky Diode ซึ่งจะลดปัญหาส่วนนี้ได้มาก ทั้ง 2 แบบสามารถช่วยลดปัญหาส่วนนี้ได้ แต่ผมแนะนำให้ใช้ Fast-Recovery Diode ลองไปสอบถามหา Diode MUR series ที่ร้านสหพิพัฒน์ บ้านหม้อดู ขนาด 100V 1A ก็เหลือเฟือแล้ว แต่ที่สุดของที่สุดก็คือ Ultra-Fast Soft Recovery Diode (IR จะเรียกว่า HEXFRED) แต่จะค่อนข้างแพงสักหน่อย หาซื้อได้ที่ร้านสหรุ่งโรจน์ แยกวัดตึก ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นให้ใช้ C 0.1uF WIMA คร่อมลงไปบน Diode ทุกตัวจะช่วยลดสัญญาณรบกวนจาก Diode ลงได้อีกนิดหน่อย หรือไหนๆ ก็จะเปลี่ยนแล้ว ก็เปลี่ยนให้หมดเลยก็แล้วกัน ทั้งหมดแค่ 12 ตัว จ่ายเพิ่มอีกแค่ 30-40 บาทเท่านั้น
ส่วนต่อไปก็คือ Cap Filter ในภาคจ่ายไฟ ของผมเป็น ELNA SILMIC ซึ่งดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน สำหรับเครื่องอื่นที่ไม่ใช้ SILMIC ให้ถอดเปลี่ยนเป็น Cerafine ซะทั้งหมด และทำการ Bi-cap เหมือนเดิม หรืออาจจะลองเพิ่มค่าเป็น 1000uF หรือมากกว่าก็จะดียิ่งขึ้น แต่จากประสบการณ์ของผมแล้ว การเพิ่มค่าไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเท่ากับการใช้ของคุณภาพดี
เพิ่มเติม (30/10/43)
สำหรับ CD-53 ผมคิดว่าของเดิมน่าจะเป็น Elna ธรรมดาเท่านั้น คุณอาจจะยกของเก่าออกแล้วไปซื้อ Elna Cerafine ค่า 470uF/16V ซัก 4 ตัวมาต่อกันภายนอก ด้านหลังหม้อแปลงจะมีที่ว่างพอจะวางลงไปได้แล้วใช้เทปกาว 2 หน้ายึดเอาไว้ แล้วก็ต่อสายย้อนกลับมาที่เดิม
อุปกรณ์ตัวต่อไปก็คือ IC Regulator 7812 และ 7912 ซึ่งเป็น 12V Regulator แบบธรรมดา มี Regulation และ Noise ในระดับพอสมควร ผมจะเปลี่ยนมันเป็น LM340T12 ของ Motorola หรือ NS ซึ่งมี Spec ที่ดีกว่า หรือบางท่านที่มีความรู้ทาง Electronic อาจจะลอง LM317T, LM337T แต่จะต้องออกแรงคำนวณนิดหน่อย แต่จะได้ผลดีกว่า 7812 และ 7912 ธรรมดามาก เพราะ LM317T มีค่า Ripple Rejection มากกว่า 7812
ต่อมาก็เป็นภาค Decoder&DAC ก็ใช้สูตรเดิมเหมือนภาค Analog&HDAM เริ่มจากเปลี่ยน Diode Rectifier คือ D811, 812, 813, 814 เป็น Fast-Recovery Diode, เปลี่ยน Filter Cap คือ C871 เป็น ELNA Cerafine และ IC Regulator เป็น LM340T5 หรือ LM317T การเพิ่มเสถียรภาพของวงจรจ่ายไฟจะช่วยลด JITTER ได้มาก โดยทั่วไป DAC แบบ 1-Bit จะมีปัญหาเรื่อง JITTER มากกว่า DAC แบบ Multi-Bit การลด JITTER จะช่วยให้เสียงมีความคมชัดมากขึ้น แต่ผมไม่มีเครื่องวัด JITTER จึงไม่สามารถยืนยันว่าลดลงไปเท่าใด และผมทำการโมดิฟายด์ภาคจ่ายไฟทั้งหมดพร้อมกันจึงยืนยันผลการฟังทดสอบไม่ได้ เพราะการโมดิฟายด์ภาคจ่ายไฟของ Analog&HDAM จะให้ผลที่รุนแรงกว่า ใครทดลองวัดหรือทราบในเรื่องนี้โปรดแจ้งให้ทราบด้วย
เพิ่มเติม (30/10/43)
ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาจาก AudioAsylum Mr. Martin Clark แนะนำว่า ให้เอา C Ceramic หรือ WMA MKP4 ต่อคร่อมลงไปบน DAC chip SM5872 ระหว่างขา 2 กับ 27 ให้ใกล้กับตัว chip ที่สุดเพื่อลดผลของ parasitic inductance และจะช่วยลด Jitter ได้มาก (ผมลองแล้วได้ผลดีมาก) และให้ตัดลายปรินท์ระหว่างขา 2 กับจุดบัดกรีของ CD02 ให้ขาดออกจากกัน แล้วใช้ลวดเส้นเล็กๆ ต่อจากขา 2 หรือจากขาของ C ที่เราต่อกับขา 2 ก็ได้ มาลงที่จุดบัดกรีของ CD05 ซึ่งอยู่บนกราวด์เพลน ข้างๆ SM5872 อันที่จริงผมได้ลองกับ CD-63 ของผมแล้ว board ของผมเป็นของที่ต่างจากที่ขายในยุโรป ซึ่งขา 2 ของ SM5872 จะเชื่อมกับกราวด์เพลนที่ต่อกับ CD05 อยู่แล้วเพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องต่อสายทองแดงเพิ่ม ถ้าคุณจะโมฯ ตามนี้ หลังจากที่ตัดลายปรินท์ออกจากกันได้แล้วให้ลองวัดดีว่าขา 2 ยังคงช็อตถึงกราวด์เพลนที่ CD05 ต่ออยู่หรือไม่ ถ้าช็อตก้ไม่จำเป็นต้องบัดกรีลวดเพิ่มเข้าไป เวลาตัดลายปรินท์ ให้น่ใจว่าขาดออกจากกันจริงๆ เพราะจุดนั้นเป็นกราวด์ลูปซึ่งจะทำให้เกิด Jitter มหาศาล เข้าใจว่าเป็นความผิดพลาดของวิศวกรของ Marantz หรือไม่ก็เป็นการวางยาเพื่อเอาไว้ออกเป็น Version ใหม่ต่อไป (สังเกตไม๊ครับว่า CD-63, แล้วมาเป็น SE, MKII, KIS ทั้งหมดเป็นการวางแผนไว้แต่แรกครับเพราะใช้บอร์ดรุ่นเดิมทั้งหมด เค้าทำที่เผื่อไว้แต่แรกครับ เพื่อกระตุ้นยอดขายเป็นระยะ นี่ถ้ายังไม่มีรุ่นใหม่ออกมา เราคงได้มี KIS Special หรือ Super KIS แน่ๆ เจ้าเล่ห์จริงๆ) อีกจุดก็คือให้เปลี่ยน RD01 (ใกล้ๆ กันครับ) เป็น Miniature Inductance ค่า 3.3mH แล้วก็เพิ่มค่า CD04 >220uF/6.3V จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทาง Jitter อีกมากครับ
สำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อเครื่องมาใหม่และยังไม่หมดระยะประกัน ถ้าไม่มั่นใจฝีมือการบัดกรีของตนเองแล้วละก็ แนะนำว่าให้รอจนหมดอายุประกันก่อนแล้วค่อยลอง เพราะเมื่อคุณเริ่มแก้ไขใดๆ แล้วก็จะถือว่าหมดระยะประกันทันที ถ้าคุณทำเสียเค้าจะไม่รับซ่อมหรือเปลี่ยนให้ฟรีๆ เครื่องของผมอายุ 2 ปีกว่าแล้วจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ส่วนเจ้าของเครื่องที่ไม่คุ้นเคยกับการบัดกรีอาจจะให้เพื่อนฝูงที่ชำนาญช่วยเหลือก็จะเป็นการดี บางคนอาจจะไม่ต้องการที่จะทำทั้งหมด จุดที่จะให้ผลที่ชัดเจนก็มี
1. การยก C 655, 656, 657, 658 ออกแล้วใส่ลวด Bypass ลงไปแทน
2. การเปลี่ยน C กระป๋องทุกตัวที่ไม่ใช่ Cerafine กับ SILMIC เป็น ELNA Cerafine ทั้งหมดในภาค Analog และภาคจ่ายไฟ หรือถ้าเลือกไม่ถูกละก็อาจจะเปลี่ยนทั้งหมดเลยก็ได้ เพิ่มงบอีกนิดหน่อยเท่านั้น
3. การเปลี่ยน Diode Rectifier ทั้งหมดในภาคจ่ายไฟเป็น Fast-Recovery Diode
ทั้ง 3 จุดนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนจุดใด ก็จะสามารถฟังได้ถึงความแตกต่างโดยไม่ต้องพึ่งหูเลี่ยมทองหรือสมาธิในการจับผิดใดๆ ส่วนจุดอื่นๆ จะให้ผลที่รองลงมา อันที่จริงแล้วการเปลี่ยน Op-amp ก็ให้ผลในระดับสูงเหมือนกับ 3 รายการข้างต้น แต่คงไม่เหมาะกับหลายๆ คนที่ไม่ชำนาญรวมทั้งอุปกรณ์ที่กล่าวถึงค่อนข้างจะหายาก ผมจึงละเอาไว้ อันต่อมาก็คือการเปลี่ยน C ตัวสีส้มในภาคอนาล็อก แต่จะให้ผลที่น้อยกว่า 3 รายการข้างต้น งบประมาณทั้งหมดสำหรับ 3 รายการข้างต้นประมาณ 500 บาท (ไม่รวม HEXFRED, CD-63 ธรรมดาอาจจะถึง 1000 บาท) ถูกกว่าแผ่น Audiophile บางแผ่นซะอีก แต่ได้ผลมากกว่าที่คิด
ส่วนผู้ที่ใช้ CD-53 หรือ CD-57 ซึ่งจะไม่มี HDAM ถ้าต้องการทำ HDAM ส่วนนี้ ให้ทำการบัดกรี R ตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างกล่อง HDAM ออก ลองไล่ปรินท์ดูจาก C655-C658 ย้อนกลับมาทางด้าน IC Op-amp JRC2114 จะพบ R ข้างละ 1 ตัวที่ใช้สำหรับ By-pass วงจร HDAM ถ้าไม่เอา R ทั้ง 2 ตัวนี้ออก วงจร HDAM แทบจะไม่มีผลเลย เพราะ R ตัวนี้จะทำหน้าที่ By-pass สัญญาณไปจนหมดและป้อนกลับสัญญาณมาที่ Input อีกต่างหาก
ถ้าคุณใช้ CD รุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้แนวทางนี้ในการโมดิฟายด์เครื่องได้ การปรับปรุงภาคจ่ายไฟจะได้ผลในทางที่ดีกับทุกเครื่องที่ผมเคยโมฯ มา ส่วนการโมฯ ภาคอนาล็อกนั้นมีตัวแปรค่อนข้างมากต้องลงลึกในรายรายละเอียดแต่ละวงจร ถ้ามีใครต้องการข้อมูลและรายละเอียดการโมดิฟายด์เครื่องรุ่นใดก็สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ libra@m-focus.loxley.co.th ถ้าผมมีข้อมูลหรือเคยโมฯ มาก่อนก็ยินดีที่จะแชร์ให้ทราบ ขอให้สนุกกับการโมดิฟายด์ครับ
จบข่าวครับผม หากใครต้องการแนวทางการโม CD 16 บอกได้นะครับ จะได้เอามาลงให้ครับ...
