เออ! มนก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ว่าทำไม? เพลงพวกไวโอลินอยู่ฝั่งใหน? มันก็จะอยู่ฝั่งนั้นตลอด แล้วความลึกของเครื่องดนตรีก็อยู่คงที่ละครับ ท่านฟรุทฯ ของผมเล่นบรามห์ปี 52 มกรา กะ กุมภา เล่นสองวงออร์ ซึ่งอดคนละที่คนละครั้งอยู่แล้ว ฟังเพลงสองครั้งนี้ไม่ว่าชุดใครมันก็เห็นว่ากลองตีอยู่ใกล้กับไกลไม่เหมือนกันกับทุกชุดที่ฟังด้วย และผมก็ยังงงๆ ว่า Victor de sabata เล่นเบอร์สี่ แล้วทำให้เสียงของไวโอลินแพร่ขยายออกไปและหุบเข้าได้เหมือนกันล่ะครับ เพลงพวกนี้อัดกันตั้งแต่ยังไม่มีคำว่าสะเอตริโอเกิดขึ้นมาบนโลกเลย แต่มีผู้รู้บางท่านเคยบอกกบผมว่าเค้าใช้ไมล์อดหลายตัวน่ะมันมีมานานแล้ว และก็ทำการเอามารวมกันแบบใช้ลำโพงหลายตัวซะด้วย มานานแล้วเช่นกัน แต่เค้าไม่ได้เรียกว่าระบบสะเตอร์ริโอ ผมจึงคืดว่าสะเตอร์อาจทำกันมานานแล้ว และการใช้ลำโพงหลายตวมาฟังนั้น (อาจเรียกว่าซาวด์วอลล์) แต่ไม่ได้เรียกขานกัน จึงทำให้แผ่นเสียงที่อัดกันยุคก่อนที่มีซื่อสะเตอรฯ เป้นสะเตอรฯ เล็กๆ และน่าฟังกว่าที่แยกกันจนเวียนหัว คนเลยหันมาฟังเสียงหาตำแหน่งเสียงกันให้วุ่น จนลืมฟังเสียงดนตรีไปเลย ยุคนี้เสียงดนตรีจึงไม่ค่อยเน้นคุณภาพมากนักเน้นแค่ วางชิ้นให้มันห่างๆ กว้างๆ ให้เราตื่นเต้นกันก็แคนั้น สำหรับความชอบส่วนตัวผมเท่านั้นนะครับ ซึ่ง DPoLS ผมก็บ้าไปอยู่พัก เพราะพี่แกที่เขียนกระทู้นั้นไปเซ็ทลำโพงที่บ้านผมเป้นบ้านแรกใน กทม ก็เลยทำให้ผม คิดว่าเค้าทำได้เราก็ต้องทำได้ เคยทำสำเร็จมาสองสามครั้ง แต่ตอนหลังผมไม่ได้ฟังแอมเบี้ยนซ์ ก็เลยเลิกกันไป ตอนนี้เซ็ทแบบให้ได้บรรยากาศของเพลงคลาสสิกให้ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนตำราคนละเล่มกันกับ DPoLS /// คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักผมในนั้นผมคือ K. PJ ครับท่าน

อย่างที่คุณ PiNIJ เข้าใจอย่างนั้นถูกต้องแล้วค่ะ
ถ้าเป็นแผ่น โมโน สามารถ ที่จะบอก ระยะ ใกล้-ไกล-ตื้น-ลึก ได้ค่ะ
ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm ที่อยู่ในไมค์ ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป
.....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase กับห้อง
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้
ส่วนเรื่อง ไวโอลิน เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง
แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า ) เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ
ดีครับคุยเรื่องเสียงแบบนี้ผมชอบ จะได้แรกเปลี่ยนความรู้กัน ผมไม่ใช่คนเก่ง อย่างเพิ่งเชื่อผมกันนะครับ ก็ขอให้พิจารณาแล้วไตร่ตรองกันดูให้มากๆ ครับ
"ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm ที่อยู่ในไมค์ ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป"
ถ้าบอกออกมาแบบนี้มวนเสียงที่บางไม่สามารถมาเสนอหน้าใกล้ๆ เราได้เลยซิครับ แต่จริงๆ ผมก็ยังไม่เข้าใจความหมายของคุณ เรื่องมวลเสียงเข็มมากน้อยนั้นเป็นอย่างไร? ยังไม่คุยเรื่องนี้กันก่อนจะดีกว่า รอคำอธิบายเรื่องของมวลเสียงจากคุณโพ๊ทเกริลนซะก่อนจะดีกว่า
" .....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase กับห้อง
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้"
คุณสามรถวางลำโพงที่มีทุกๆ ความถี่ที่หูเราได้ยิน In Phase กับห้องได้ทุกความถี่เลยหรือครับ? งั้นผมขอทราบวิธีทำด้วยนะครับ จะลองเอาทำดูบ้างน่ะครับ
"ส่วนเรื่อง ไวโอลิน เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง
แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า ) เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ "
ที่ผมได้ยินมันออกมาทางด้านข้างด้วยนะครับ ผมคิดว่าการได้ยินแล้วเราสามารถกะระยะกันได้นั้น เหมือนการมองจากสองตา แล้วประสาทของเราเอามาคำนวณเป็นระยะทาง ถ้าเราปิดตาข้างนึงก็ กะระยะไม่ถูกนะครับ หูเราก็เช่นกันสามารถจับความถี่ของเสียงจากลำโพงทั้งสองข้างที่มาถึงหูแตกต่างกันภายในเศษเสี้ยวของวินาที จึงรู้ระยะได้ว่าเสียงไหน? มาจากจุดใด? ไม่ใช่คลื่นสั้นหรือคลื่นเสียงที่ยาวกว่าเป็นตัวบอกระยะนะครับ มิเช่นนั้นเสียง โด่ เร มี ฯ คงเลียงกันเป็นแถวในด้านลึกซิครับ เสียงเปียโนก็คงเรียงกันให้เห็นอย่างชัดเจน หรือที่คุณบอกว่าเสียงเบาอยู่ไกล เสียงดังอยู่ใกล้ ถ้าใครมาตีกลองใกล้เราเบาๆ แล้วกลองดังที่ไกลๆ ตัวเรา แต่เรากลับได้ยิน เสียงกลองที่ดังว่าอยู่ใกล้เราอย่างนั้นหรือเปล่าครับ? ส่วนกลองที่อยู่ใกล้แต่ตีเพียงเบาๆ จะดูเหมือนมันอยู่ไกลอย่างนั้นหรือเปล่าครับ จากตามที่ได้คุณ Post Girl ได้อะธิบายมาน่ะครับ
