HTG2.club

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
อ่านไม่ค่อยออกครับ  ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์มาก
ใครหนอจะช่วยแปลเป็นภาษาไทยได้บ้าง...ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ท่าน PINIJ ครับ การบันทึกเสียงในยุคเก่า ๆ นิยมแบบใช้ไมค์สองตัวใช่ไหมครับ จึงสามารถที่จะรับรู้บรรยากาศของห้องได้ดี
แต่ทุกวันนี้ มันเป็นมัลติแทรค มีการปรับแต่งเสียงมากมายเกินไป  บรรยากาศจึงหายไป
คุณ PAN ใช้บริการของอากู๋ (google.co.th) สิครับ  เลือกเครื่องมือภาษา  เขาแปลพออ่านเข้าใจได้ครับ

ขอบคุณคุณ Pinij มากครับ ที่ให้ความกระจ่าง และแนวทางการพัฒนาการฟังดนตรี  อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นมากเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ธันวาคม, 2010, 03:36:13 pm โดย gai »


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
อ้างถึง
ในขณะที่ระบบ Analogue Tape Reel จะไม่มีวันล้าสมัยเนื่องจากการอัดบน Tape Reel เป็นอนาล็อค เมื่อเวลาผ่านไป มีระบบ Encoding ที่ดีกว่า 192K24bit หรือ DSD เช่น 384K32bit หรือ DSD2 ก้อสามารถนำ Analogue Tape Reel อันเก่ามาแปลงเป็น Digital Master ที่ sampling สูงขึ้นได้ ในขณะที่ระบบ Digital ถึงแม้จะนำมา 192K24bit มา Upsampling ให้เป็น 384K32bit ก้อจะให้เสียงสู้ที่ Transfer มาจาก Analogue Tape Reel ที่ 384K32bit ไม่ได้ สุดท้าย producer และ sound engineer หลายๆ คน ต้องการแก้ปัญหาเรื่องล้าสมัยของ Digital ไป ก้อเลยกลับมาทำ Master บน Analogue Tape Reel แทน ดีกว่า ถึงแม้ต้นทุนจะแพงกว่า แต่ในระยะยาวคุ้มค่ากว่า อีกทั้งยังเก็บเรื่อง Harmonic, Decay, “””””Ambient”””””””  ได้ดีกว่าระบบ digital มาก


http://www.thaiaudioclub.net/board/index.php?topic=6693.160  ข้อความของคุณโก้ในเวปนี้ เอาตรงคำว่า Ambience มาให้อ่านกัน พวกเราคงต้องรอกันไปก่อนนะครับ ถ้าต้องการ Ambience เต็มร้อย ก็ต้องหาฟังจากแผ่นดำที่อัดมาจากยุคที่ใช้  Tape Reel เป็น Master ของการอัดเพลงเท่านั้นครับ การอัดเสียงยุคหลังที่ใช้ระบบดิจิตัลยังต้องรอไปก่อน แล้วเรายังเจอ ซาวด์เอนจิเนียร์ รุ่นใหม่ๆ ที่ทำตัวเป็นเหมือน “สารฟอกขาว” ด้วยแล้ว ผมเลยคิดว่า แผ่นดำ ยุคที่ใช้  Master Tape ยุค 60s ลงไป ที่ใช้มันอัดเพลงเท่านั้น ที่น่าเก็บสะสมมากที่สุด ถึงว่าแผ่นดำรุ่นเก่าๆ มันถึงแพงขึ้นทุกวัน 

แต่คนที่ชอบเพลงที่ถูก “ฟอกกันจนขาวสะอาด” ไม่สนใจ Ambience จากพวกเครื่องดนตรีประเภทอะคูติก ฟังแต่เสียงกีต้าร์ไฟฟ้า ที่เพิ่งจะเกิดในภายหลังในยุคราชาเพลงร็อคลงมา (เอววิด ยุคนี้จะพบว่าเสียงของ Ambience เริ่มแย่มากๆ ถ้าเทียบกับยุคก่อนหน้านั้น)  ก็คงไม่สนใจแผ่นดำนะครับ ขอเพียงให้มีเสียงที่คมชัด ใสแจ๋ว ไม่มีเสียงรบกวนของเนื้อมาสเตอร์เทปเป็นใช้ได้ เพราะแผ่นดำถ้าฟังดีๆ จะมีเสียงเนื้อเทปออกมาให้ได้ยินอย่างชดเจนในบางแผ่นถ้าเอาหูไปแนบที่ลำโพง แต่เราก็ไม่ได้นั่งฟังติดลำโพงกันนี่หน่า!
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
คุณ อัคระ ยังคงแน่วแน่รักเดียวใจเดียวเสมอมานะครับ

อ้างถึง
ท่าน PINIJ ครับ การบันทึกเสียงในยุคเก่า ๆ นิยมแบบใช้ไมค์สองตัวใช่ไหมครับ จึงสามารถที่จะรับรู้บรรยากาศของห้องได้ดี
แต่ทุกวันนี้ มันเป็นมัลติแทรค มีการปรับแต่งเสียงมากมายเกินไป  บรรยากาศจึงหายไป
เพลงคลาสสิกเค้าก็ใช้ไมค์กันหลายสิบตัวอยู่นะครับ ทั้งที่อยู่ในยุคโมโน คำว่า “สะเตอริโอ” ยังไม่ได้บัญญัติคำคำนี้ออกมาใช้กัน

แต่ปัจจุบันนี้ที่เราไม่ได้ยินเสียงก้องจากเปียโน ก็เพราะว่า คนยุคนี้เน้นเรื่องความสะอาดของเสียง เน้นความชัดเจนของเสียงเป็นที่ตั้ง พวกซอฟแวร์และฮาร์ทแวร์เลยเกิดขึ้นมาเยอะ เพื่อตัดเสียงรบกวนต่างๆ ออกไป ซึ่งซอฟแวร์และฮาร์ทแวร์พวกนี้มันไม่ได้ตัดแต่พวก Noise แต่มันตัว เสียงแอมป์เบี้ยนซ์ออกไปหมดสิ้นด้วยเช่นกัน แต่จริงๆ แล้วคนทำก็เสียดายไม่ได้อยากจะตัดแอมป์เบี้ยนซ์ดีๆ ออกไปนักดอก แต่พวกเค้าชั่งน้ำหนักเทียบกับการมี Noise  เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งอันนี้เค้าทนมันไม่ได้ กลัวไม่ได้เป็นแผ่นที่ติดออดิโอฟาร์ย จึงต้องยอมศูฯย์เสียแอมป์เบี้ยนซ์ไปละซะนี้

แต่สำหรับผมเสียงซ่า เสียงมาสเตอร์เทป เบาๆ จากแผ่นดำนั้น ผมไม่ได้ใส่ใจครับ ผมขอให้ฟังแล้วรู้ว่าเปียโนตัวนี้เป็น Steinway ไม่ใช่ Yamaha เป็นพอครับ การที่เปียโน หรือไวโอลิน  มีเสียงดีนั้น  มีราคาระดับตัวละ “พันล้านบาท” นะครับ เค้าต้องหาไม้ หาน้ำยาเคลือบที่สุดยอด   ถึงจะได้แอมป์เบี้ยนซ์ของเสียงสะท้อนภายในตัวมันที่ออกมาดี  แล้วคนทำเพลงรุ่นใหม่มาตัดแอมป์เบี้ยนซ์นี้ออก เปียนโนยามาห้าก็มีเสียงไม่แตกต่างจาก Steinway หรือไวโอลิน ยี่ห้อสะตัท หรือกัวเนอรี่ ก็ไม่ต่างจาก ไวโอลินของยามาห้าเช่นกัน ที่มันราคาต่างกันหลายร้อยหลายพันเท่าตัว  ที่ผมว่าแผ่น CD ที่อัดจากแผ่นดำเก่าๆหรือเอามาจาก Master Tape รุ่นที่อัดกันยุค 50s แล้วเอามาใช้ซอฟแวร์และฮาร์ทแวร์ขัดเกลาเสียงซ่าเสียงน๊อยส์ต่างๆ ออกไป พร้อบกับแอมป์เบี้ยนซ์ดีๆ จากภายในตัวเรือนเปียโนและไวโอลินซะหมดสิ้น ผมจึงรังเกลียดแผ่นพวกนี้ไง! แต่บางคนเค้าก็ชอบตรงข้ามกับผม คือขอให้ไม่มีเปาะแป๊ะ เสียงซ่า อย่างอื่นหายไปไม่เป็นไร เพราะเค้าชอบฟังเสียงกันมากกว่าฟังเพลง ที่ทุกอย่างมันยังอยู่ครบ (ไม่ใช่ใครที่ไหน? นะ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่เหมือนกัน ฟังอยู่แผ่นเดียวและแค่ครึ่งเพลงกลับไปกลับ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อปรับแอมป์ที่ผม DIY อยู่เป็นสิบปีเหมือนกันละครับ แต่ตอนนี้ ผมรู้จักเสียงที่พอเพียง ก็เลยหันกลับมาฟังเพลงแบบจริงจังครับ มีความสุขกว่ากันเยอะครับ)
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Jiang

  • ***
    • กระทู้: 110
    • เพศ:ชาย
  • หัวเราะไม่ไหว ยิ้มได้ก็ยังดี
    • http://www.htg2.net/index.php/topic,59030.msg723640.html#msg723640
อ่านไม่ค่อยออกครับ  ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์มาก
ใครหนอจะช่วยแปลเป็นภาษาไทยได้บ้าง...ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ท่าน PINIJ ครับ การบันทึกเสียงในยุคเก่า ๆ นิยมแบบใช้ไมค์สองตัวใช่ไหมครับ จึงสามารถที่จะรับรู้บรรยากาศของห้องได้ดี
แต่ทุกวันนี้ มันเป็นมัลติแทรค มีการปรับแต่งเสียงมากมายเกินไป  บรรยากาศจึงหายไป


ออฟไลน์ akara

  • **
    • กระทู้: 82
    • เพศ:ชาย
อ้างถึง
คือ ผมต้องการบรรยากาศของห้องที่ใช้บันทึกเสียงนะครับ เช่น ในโบสถ์ ในคลับ สนามกีฬา หรือสตูดิโอ
ย่อมจะแตกต่างกัน ใช่ไหมครับ  แอมป์ที่ดีย่อมจะให้เสียงแอมเบียนซ์เหล่านี้ได้ (เหมือนเราอยู่ในสถานที่เหล่านั้น) 
ทีนี้ เมื่อเราฟังเพลงเดียวกัน จากแอมป์ต่างกัน  เสียงแอมเบียนซ์ได้ยินไม่เท่ากัน
ผมเลยทึกทักเอาเองว่า หลอดแต่ละเบอร์น่าจะให้เสียงฮาร์โมนิคที่ต่างกันออกไป
เช่น อาจจะแหลมกุดไปบ้าง  (แม้ว่าอาจจะมีตัวแปรหลายอย่าง เช่น เอาท์พุทไม่ดี ย่อมให้เสียงที่ไม่ทอดไกล
แน่นอนว่ารายละเอียดย่อมหายไป)  .........
......... จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ..............

หลังจากตามอ่านกระทู้ทำให้นึกถึงคำเปรียบเทียบประมาณนี้ครับ (เคยอ่านจากในนี้แหละ หลายๆครั้ง)
เครื่องเสียงดี = เหมือนยกทั้งวงมาเล่นในห้องฟัง
เครื่องเสียงในฝัน(ของผม) = เหมือนพาเราไปฟังยังสถานที่นั้นจริงๆ

เหมือน จขกท อยากได้ชุดเครื่องเสียงหลอดดีๆระดับหนึ่ง ผมเองตอบโจทย์เรื่องหลอดไม่ได้ แต่อยากให้ไปลองๆอ่าน link นี้ดูนะครับ http://www.linkwitzlab.com/stereo%20reproduction.htm
 




ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ชอบที่เปรียบถึง แอมเบี้ยนซ์ ในงานวัดครับ ทำให้ผมนึกถึงภาพเมื่อสมัยเด็กๆ  คือผมเป็นเด็กบ้านนอกนานๆ จะมีงานวัดสักครั้ง พ่อแม่พาไปเที่ยวสนุกมาก แต่เดี๋ยวนี้งานวัดไม่ค่อยมีคนเที่ยวกันแล้ว เพราะมันมีที่เที่ยวได้ตลอดเวลาเยอะแยะไปหมด

ขอกลับมาคุยตามหัวข้อกระทู้นะครับ “แอมเบี้ยนซ์ ของเสียง”  ถ้าจะพูดถึงมัน ก็คงจะต้องพูดถึงเสียงรอบๆ ตัวโน๊ตเป็นสิ่งแรก ตามที่คุณ AJ ได้คุยมาแล้วนั้น ทำให้ผมได้คิดว่า ตามที่คุณ AJ ว่ามานั้นมันน่าจะถูกต้องตามหัวข้อกระทู้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะฟัง Grand Piano เพื่อหาความแตกต่างของแอมเบี้ยนซ์ของมัน  เราจะให้คนเล่น เคาะโน้ตแค่ตัวเดียวไปเรื่อยๆ  แล้วใหเราเดินไปรอบๆ เปียโน เราจะพบว่าเสียง แต่ละจุดรอบๆ เปียโน จะไม่เหมือนกัน ทั้งที่เล่นโน้ตเดียวกัน นั่นคือ แอมเบี้ยนซ์ ของเสียง ที่เกิดขึ้นจากการก้องสะท้อนภายในตัวเรือนไม้ของเปียโน ซึ่งมันจะเป็น แอมเบี้ยนซ์ ของเสียง แรกละครับ ที่แตกต่างกันไปแต่ละจุดที่เดินไป (เราจะไม่นับรวมฮาร์โมนิกของเสียงที่ค่อยๆ ลดขาดหายไป เหมือนการโยนหินลงน้ำ ตามที่คุณ Matra ว่ามานะครับ เพราะอันนี้มันคือองค์ประกอบของเสียง ที่เกิดจากการสั่นของสายเปียโนที่โดนดีดที่ค่อยๆ สั่นน้อยลงจนหยุดเงียบหายไป) เพราะฉะนั้นการที่จะวางไมค์อัดเสียงเปียโนให้ได้ดี จึงต้องเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่จะให้ได้มาซึ่งเสียงที่เกิดจากการสั่นของสายเปียโนและแอมเบี้ยนซ์จากเสียงที่สะท้อนจากภายในตัวเรือนของเปียโน ในตำแหน่งที่ดีที่สุดรอบๆ ตัวเปียโน

แต่พวกคุณจะทราบกันหรือไม่ว่า การอัดเปียโนสมัยนี้เมื่อเทียบกับสมัย 1950s นั้น มันคนละเรื่องกันเลย การอัดยุคใหม่ เค้าตัดเสียงแอมเบี้ยนซ์ของเรือนเปียโนออกไปจนเกือบหมดสิ้นครับ ลองฟังจบสังเกตุกันให้ดีๆ แล้วลองหาแผ่นดำยุค 50s มาเปิดเทียบกับการอัดยุคใหม่ ที่ทั้งคนทำแผ่นและพวกนักเขียนหนังสือเครื่องเสียงออดิโอฟาร์ยทั้งหลายคุยกันนักคุยกันหนาว่าเป็นการอัดเสียงสะเหมือนของจริงมากที่สุด ผมขอให้การบ้านไปลองพิจารณากันดูเอาเอง ว่าอันไหนมันเหมือนจริงกว่ากัน

จาก แอมเบี้ยนซ์ของตัวเรือนเปียโน เสียงเปียโนรวมเสียงสะท้อนภายในตัวมัน ก็จะไปเจอกับการสะท้อนเสียงจากผนังห้องอัดกันต่อละครับ ก็เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์อีกเช่นกัน แต่แอมเบี้ยนซ์ ของเสียงตรงจุดนี้ ได้ถูกพวกซวาด์เอนจิเนียร์ยุคใหม่ๆ เน้นกันเป็นอย่างมากครับ พวกเค้าต้องการเก็บให้สมบูรณ์ที่สุด แบบกลัวว่ามันหายไป แต่ลองฟังให้ดีๆ บางครั้งเสียงสะท้อนจากผนังนี้ ถูกทำเพิ่มเติมกันจนงาม จากซาวด์เอนจิเนียร์ที่กลัวคนไม่ได้ยิน ต้องเอาไมค์ไปเก็บเสียงสะท้อนกันอีกหลายๆ ตัว ตามข้างๆ ผนังห้องอัด  แล้วเอามาจับใส่ไว้ในเพลงแบบไม่ค่อยจะเป็นนั้นก็มีซาวด์ฯ แบบนี้เยอะนะครับ แต่ไอ้คนที่ทำออกมาดีๆ ก็มีนะครับ ก็ต้องเลือกคัดสรรกันเอาเองนะครับ

และสำหรับเพลงที่อัดแอมเบี้ยนซ์ มาดีๆ พวกเราที่ชอบเพลงแจ็ส ห้องอัดมันเล็ก พอๆ กับห้องฟัง เสียงสะท้อนก็มีมาให้คนชอบฟังสิ่งเหล่านี้กันเยอะนะครับ  ก็ต้องระวังการวางลำโพงให้ดีๆ ละทีนี้ ผมก็เห็นว่าวิธีเซ็ทแบบ DPoLS น่ะดีที่สุดเท่าที่ผมได้ทดลองมา เสียงสะท้อนของห้องอัดจะออกมาอย่างถูกต้องเป็นที่สุดละครับ ถ้าใครเช็ทได้สำเร็จพิสูจน์ดูง่ายๆ ให้หลับตา แล้วให้แฟนเดินผ่านหน้าลำโพง (เดินห่างลำโพงซักฟุทนึง)  ถ้าคุณหลับตาฟังเพลงได้โดยไม่รู้ว่าแฟนเดินผ่านไป นั่นคือคุณปรับ  DPoLS ได้  80% แล้วละครับ ผมสามารถเซ็ทลำโพงได้  80% นี้เท่านั้นครับ 100% คือความยากเกินความสามารถของผมครับ

เสียงพลิกกระดาษโน้ต เสียงไอ เสียงจาม คือของแถมอันนี้เราจะไม่พูดถึงนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ธันวาคม, 2010, 05:18:29 pm โดย PINIJ »
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Aj

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,827
    • เพศ:ชาย
  • Listen Music with Love
ไม่ทราบว่าพอจะมีใครอธิบายเรื่องการจางหายของสัญญาณได้บ้างครับ เช่นตีกลองตัวเดียวกันดังๆ ระยะไกล กับ ตีเบาๆ ระยะใกล้ แล้วตั้งไมค์ให้รับความไวแสดงผลออกมาเท่าๆ กัน ทำไมเราถึงรู้ว่ามันมาจากระยะไกล หรือ ใกล้  ตัดเรื่องการสะท้อนออกไปด้วยนะครับ :)

อ่านแล้วมันดีครับ  ;D

ความคิดผมนะ สิ่งที่ผมตัดสิ้นคำถามเรื่องนี้ก็มาจากประสบการณ์ที่หูผมได้ยินตั้งแต่เกิดมา จากของจริงๆ สมองก็จะบันทึกไว้ว่ามันจะเป็นอย่างงี้อย่างงั้น ยิ่งได้ยินสิ่งต่างๆที่มุมมองแตกต่างกันไปแล้วจดจำได้ แล้วมาเทียบกับสิ่งที่จำลองจากเครื่องเสียงผมว่าก็สามารถบอกได้ในระดับหนึ่ง

พวกเครื่องดนตรีอย่างงี้ ผมเคยเลยทอมโบนในวงโยธวาทิต จะจำเสียงของยี่ห้อง bach กับ yamaha ได้ แต่ ผมเล่น bach ซึ่งเอาไว้สำหรับเด็กใหม่เพราะว่ามันกินลมเยอะ พอเป่าแล้วเสียงจะบี้ๆอย่างไงก็ไม่รู้ เวลาเล่นในห้องก็ได้ยินเสียงเปียโนผมก็สัมผัสแต่ yamaha ทั้ง upright กับ grandmini เท่านั้น steinway หรือยี่ห้ออื่นๆที่หรูๆ ยังไม่เคย เสียงที่ได้แตกต่างกันครับ
ดังนั้นคำว่า บรรยากาศรอบๆตัวโน๊ต ผมงงกับคำนี้มากครับในตอนแรก ผมว่าแปล ambience มาเป็นบรรกาศสภาวะแวดล้อมรอบๆแหล่งกำเนิดเสียงเช่น วงในงานวัด แสดงการแจ้ง ร้องเพลงในhall  หรือ อื่น ถ้าพูดอย่างงี้พอเห็นภาพไหมว่า แล้วจะบันทึกเสียงที่ได้ยินมาลงบนแผ่น ควรบันทึกแค่จุดเดียว เพราะเสมือนว่าเป็นตำแหน่งที่เรานั่ง/ยืนฟัง แล้วไมค์อัดจะเทพขนาดไหนเนี้ย ถ้าอัดในห้องอัด ไม่ต้องถามถึงบรรกาศเลยครับผมว่าไร้บรรกาศที่สุด ตรงๆเข้าไมค์ แต่เสียงที่ห้องอัดจะได้ความชัดเจนของแหล่งกำเนิดเสียง แล้วปรุงแต่งโดยsound engineer ถ้าคนขายเครื่องเสียงเปิดแผ่นที่อัดจากห้องบันทึกแล้วบอกว่า ambience สุดยอด อันนี้พิจณาเอาแล้วกันครับ (ถ้าเป็นengneer ที่ทำงานผมก็ตอบว่า เอาโช๊คเฟี้ยงใส่หัวช่างแล้วบอกว่าตูไม่ได้โง่นะเฟ้ย  ;D)

ถ้าตอบว่า หลอดไหนให้ ambience ที่ดีน่าจะเป็นหลอดไหน ให้เสียงได้ถูกต้อง ผมก็ไม่รู้ครับ ฟังไม่เยอะเหมือนเพื่อนๆ   
แต่ผมชอบ 300B GM70(มีแผนทำขึ้นมาสักเครื่อง)


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
  อยากได้ของถูกแต่หายใจรดต้นคอของแพง....มากกว่า

นี่แหละคือการเล่นเครื่องเสียงที่ชาญฉลาดล้ำลึก ค่อยๆ ศึกษาครับ แล้วเราจะได้ของดูราคาถูก มันมีอยู่จริง ผู้ที่ฉลาดเลือกเท่านั้น ถึงจะได้พบมัน ถ้าได้เป็นเจ้าของสิ่งนี้แล้ว เราจะรู้สึกภูมิใจครับ d_d :drunk
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Jiang

  • ***
    • กระทู้: 110
    • เพศ:ชาย
  • หัวเราะไม่ไหว ยิ้มได้ก็ยังดี
    • http://www.htg2.net/index.php/topic,59030.msg723640.html#msg723640
 ............เล็ง PRO TOOLS HD อยู่ซิท่า สอยมาเลยครับ..............

ไม่มีปัญญาหรอกครับ  อยากได้ของถูกแต่หายใจรดต้นคอของแพง....มากกว่า
ฝันอีกแล้วครับ


ออฟไลน์ Old Tube

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,295
 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0
oldtube
นายอุกฤษ เหมพิจิตร
184 อาคารฟอรั่ม ทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง แขวงห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
 tel.084-677-3599


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
นั่นหมายถึงว่า อย่ายึดการจัดวางประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นที่ตั้งใช่มั้ยครับ เอาแค่ฟังให้ชิ้นดนตรีครบถ้วน มี หน้า-หลัง บรรยากาศ และ ช่วงต่อของโน้ตที่กลมกลืนก็พอ งบประมาณแค่ไหนก็จัดไปให้เต็มประสิทธิภาพ เรื่องของเรื่องก็คือผมเอาแผ่นๆ เดียวกันไปที่ฟอร์จูน ลองกับร้าน 3 ร้าน (สนิทครับ โดยเฉพาะพี่วันชัย) เสียงออกมา 3 รูปแบบเลย ไม่รู้ว่าจะบันทึกเสียงของตัวไหนแล้วเอากลับมาฟังที่บ้านดี คิดไปคิดมาก็ฟังจนร้านจะปิดก็ยังไม่ได้บันทึก เดี๋ยววันเสาร์จะเข้าไปอีกที กลัวอย่างเดียวคือบันทึกเสียงได้มา แต่เล่นกลับออกมาไม่ได้บรรยากาศของเขาที่เซ็ตกับ โฟโน+ปรี+แอมป์+ลำโพง ส่วนตัวชอบฟังลำโพงใหญ่ ความไวสูงระยะใกล้ๆ แต่พอไปร้านคุณ นัฐ ก็ชอบลำโพงยักษ์ที่ฟังจากระยะไกล ไม่รู้จะสรุปความชอบยังไงดี งบประมาณที่มีก็ใช่ว่าจะสรรค์สร้างเสียงขนาดนั้นออกมาได้  K]
อัดมาทุกอันเลย แล้วเอาเทียบเป้นประสบการณ์ครับ แต่อย่าหวงการเล่นกลับมากนัก ผมก็ยังง งง งง ว่าฟังวันนี้ซีดี ไมมันห่าง TT เยอะกว่าวนนั้นที่ใช้เล่นกลับด้วย EMU1212M หลังจากอัดเสร็จก็ฟังกันเดี๋ยวนั้นเลย มันขนาดขี่คอกันเลยละ ชนะกันแค่ปลายจมูกแค่นั้น แต่วันนี้ฟังจากซีดีจากที่อัดวันนั้น เสียงมันอับทึบ หรือฟาร์ยเพลงเก็บไว้นานๆ แล้วมันบูดหว๋า! ครั้งที่แล้วอีมูรุ่นเล็กไปอัดแผ่นดำเล่นกันที่บ้านเพื่อน พอเล่นกลับเพื่อนยังบอกว่าเปิดแผ่นดำหรือเปล่า? ที่แท้เราเอาไฟร์ยที่อัดมาเล่นซ้ำ ผมคงต้องยก PC ที่ติดตั้ง EMU 1212m ลงมาฟังที่บ้าน อย ใหม่ แต่มันโมฯ จนเคลื่อนย้ายลำบากไปซะแล้วนี่จิ!
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
นั่นหมายถึงว่า อย่ายึดการจัดวางประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นที่ตั้งใช่มั้ยครับ เอาแค่ฟังให้ชิ้นดนตรีครบถ้วน มี หน้า-หลัง บรรยากาศ และ ช่วงต่อของโน้ตที่กลมกลืนก็พอ งบประมาณแค่ไหนก็จัดไปให้เต็มประสิทธิภาพ เรื่องของเรื่องก็คือผมเอาแผ่นๆ เดียวกันไปที่ฟอร์จูน ลองกับร้าน 3 ร้าน (สนิทครับ โดยเฉพาะพี่วันชัย) เสียงออกมา 3 รูปแบบเลย ไม่รู้ว่าจะบันทึกเสียงของตัวไหนแล้วเอากลับมาฟังที่บ้านดี คิดไปคิดมาก็ฟังจนร้านจะปิดก็ยังไม่ได้บันทึก เดี๋ยววันเสาร์จะเข้าไปอีกที กลัวอย่างเดียวคือบันทึกเสียงได้มา แต่เล่นกลับออกมาไม่ได้บรรยากาศของเขาที่เซ็ตกับ โฟโน+ปรี+แอมป์+ลำโพง ส่วนตัวชอบฟังลำโพงใหญ่ ความไวสูงระยะใกล้ๆ แต่พอไปร้านคุณ นัฐ ก็ชอบลำโพงยักษ์ที่ฟังจากระยะไกล ไม่รู้จะสรุปความชอบยังไงดี งบประมาณที่มีก็ใช่ว่าจะสรรค์สร้างเสียงขนาดนั้นออกมาได้  K]
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
หลายต่อหลายครั้งที่ผมฟังเพลงแล้วรู้สึกว่ากลองมันห่างจากผมราวๆ 10-15 เมตร โดยการฟังน้ำหนักของการตีกลอง ที่คิดว่าเป็นกลองใหญ่แน่ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วคงไม่มีการตั้งไมค์บันทึกไกลขนาดนั้นแน่ๆ  OPUS3 นี่แหละ ฟังที่ไหนก็ประมาณนี้ แล้วถ้าผมแหกกฏด้วยการจัดวางลำโพงให้มิติชัดลึกของกลองมาอยู่ห่างผมแค่ไม่เกิน 3-4 เมตร นี่มันจะนอกคอกไปมั้ยครับ (วิธีนี้ผมโดนค่อนแคะมาแล้วว่ามันจัดไป แต่ผมชอบ  ;D)
อ้างถึง
หลายต่อหลายครั้งที่ผมฟังเพลงแล้วรู้สึกว่ากลองมันห่างจากผมราวๆ 10-15 เมตร โดยการฟังน้ำหนักของการตีกลอง ที่คิดว่าเป็นกลองใหญ่แน่ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วคงไม่มีการตั้งไมค์บันทึกไกลขนาดนั้นแน่ๆ  OPUS3 นี่แหละ ฟังที่ไหนก็ประมาณนี้ แล้วถ้าผมแหกกฏด้วยการจัดวางลำโพงให้มิติชัดลึกของกลองมาอยู่ห่างผมแค่ไม่เกิน 3-4 เมตร นี่มันจะนอกคอกไปมั้ยครับ (วิธีนี้ผมโดนค่อนแคะมาแล้วว่ามันจัดไป แต่ผมชอบ   )
เรื่องจะให้อะไร? อยู่ตรงไหน? ลึกมากลึกน้อย เดี๋ยวนี้ มันอยู่ที่ปลายนิ้ว Sound Engineer เค้าทำได้ไม่ยากครับ ดูแผ่น Jo Weed แกเล่นกี้ต้าร์คนเดียวในเพลงที่เล่นคร้งเดียวกันมีเสียงกีต้าร์ที่แกเล่นอยู่คนเดียวตั้งหลายตัว  ได้อย่างไร? แล้วมันก็วางตำแหน่งที่ห่างกันทั้งซ้ายและขวา ทั้งมีตัวที่อยู่ใกล้และไกล เค้าเอามาก Mix รวมกันทีหลัง และปรับระยะใหม่กันได้ครับ ไม่ต้องอะไร บีล่าฟองเต้ เล่นกันในยุคโมโน มาเดินอยู่บนเวที ย้ายไปทางขวาทางซ้ายได้อย่างไร?

เรื่องกลองอยู่ลึก 10 เมตรมันน้อยไปครับ  เพลงคลาสสิกเพลงเดียวกัน กลองใหญ่ที่อยู่หลังวง ผมฟังจากชุดที่อยุธยา ห้องกว้าง สามเมตรกว่าๆ  มันก็อยู่ลึกแค่  10 เมตรเหมือนกัน (วัดจากจุดนั่งฟัง)  แต่บ้านลำพูนห้องกว้าง 10 เมตรกว่าๆ วางลำโพงห่างกัน 6 หรือ 7 เมตร นี่แหละ นั่งฟังห่างลำโพง 8 เมตร ผมได้ยินเสียงกลองใหญ่หลังวง Orchestra  ดูเหมือนห่างจากผมไปประมาณ 20 กว่าเมตรครับ และความกว้างของวงก็จะประมาณ 15 เมตรเห็นจะได้ ผมมีความรู้สึกเมื่อเวลาปิดไฟฟังตอนกลางคืน เหมือนนั่งฟังวงจริงๆ มาเล่นให้ฟังกันเลยละครับ ด้วยผมใช้ลำโพง QUAD ESL 63 มา Stacked กัน 2 คู่ โดยต่อลำโฑงกันในแนวตั้งนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
หลายต่อหลายครั้งที่ผมฟังเพลงแล้วรู้สึกว่ากลองมันห่างจากผมราวๆ 10-15 เมตร โดยการฟังน้ำหนักของการตีกลอง ที่คิดว่าเป็นกลองใหญ่แน่ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วคงไม่มีการตั้งไมค์บันทึกไกลขนาดนั้นแน่ๆ  OPUS3 นี่แหละ ฟังที่ไหนก็ประมาณนี้ แล้วถ้าผมแหกกฏด้วยการจัดวางลำโพงให้มิติชัดลึกของกลองมาอยู่ห่างผมแค่ไม่เกิน 3-4 เมตร นี่มันจะนอกคอกไปมั้ยครับ (วิธีนี้ผมโดนค่อนแคะมาแล้วว่ามันจัดไป แต่ผมชอบ  ;D)
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ถ้าพี่ PINIJ ไม่เขียนนี่สิ ผมถึงจะเบื่อ  ;D
งั้น! ต้องรีบตอบคำถามนี้ให้ก่อนของ คุณ PAN. กันเลย
อ้างถึง
ไม่ทราบว่าพอจะมีใครอธิบายเรื่องการจางหายของสัญญาณได้บ้างครับ เช่นตีกลองตัวเดียวกันดังๆ ระยะไกล กับ ตีเบาๆ ระยะใกล้ แล้วตั้งไมค์ให้รับความไวแสดงผลออกมาเท่าๆ กัน ทำไมเราถึงรู้ว่ามันมาจากระยะไกล หรือ ใกล้  ตัดเรื่องการสะท้อนออกไปด้วยนะครับ
ก่อนอื่นขอบอกกันก่อนว่าไมค์หรือหูคนก็คือตัวรับพลังงานเสียงเหมือนกันนะครับ และของบอกต่ออีกว่าไม่ว่าจะตีค่อยหรือตีเบาๆ ที่กลองใบเดียวกันค่า T1 กับ T2 และ T ตัวต่อๆ ไป (ที่ผมเขียนมาให้ดูนั้นเขียนไว้ไม่ดี  คือในรูปมัน T1,2 ไม่เท่ากันน่ะ แต่ขอให้จินตนาการว่ามันเท่ากันนะ) จะเท่ากันนะครับ ถ้ากลองที่เท่ากันสองใบตีพร้อมๆ กัน แต่อีกใบตีค่อยๆ แต่อีกใบตีแรงๆ ถ้าเอาสโคปจับเวปมันก็จะออกมาแบบนี้แหละครับ แล้ว Amplitude จะค่อยๆ ลดลงด้วยแดมปลิ่งหรือด้วยสะติฟเน็สส์ของมัน ก็เหมือนการกระเด้งที่ลดลงของสะปลิงก็เช่นกันครับ

และอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งว่าความเร็วของเสียงไม่ได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นจากเสียงตีกลองที่ดังมากๆ หรือดังน้อยกว่านะครับ และไม่ว่าจะเสียงสูงหรือต่ำความเร็วมันจะเท่ากันทั้งนั้น ถ้ามันวิ่งผ่านสิ่งเดียวกันเช่นอากาศ 1100 ฟุทต่อวินาทีเท่าๆ กันทุกเสียงครับ แม้เสียงฟ้าฝ่าฟ้าร้องก็เท่านี้เช่นกันนะครับ  แต่ถ้าให้มันวิ่งผ่านเหล็กก็จะเร็วกว่านี้ แต่จำบ่ได้แล้วว่ามันเร็วเท่าไร?  ใครเคยเห็นฟ้าผ่าไหม? ถ้าเราจับเวลาได้ 5 วิ จากที่เราได้เห็นแสงฟ้าผ่า (ขอให้คิดความเร็วแสงเป็นอนันท์ก่อนนะ เพราะจริงมัน 186,000ไมล์ต่อวินาที(?) ถ้าผมจำไม่ผิด) แสดงว่าจุดที่ฟ้าผ่าห่างจากเราเท่ากับ 1100x5 ฟุทครับ หรือลองไปให้ใครตีกลองที่ระยะ 5500 ฟุท เราจะเห็นไม้ลงที่กลองเร็วกว่าที่เราจะได้ยินเสียงมัน 5 วินาทีเช่นกัน ซึ่งอันนี้จะเห็นมันเห็นกันชัดเจน แต่ที่เราฟังเสียงกันแค่ 10 ฟุท เท่านั้น เราไม่สามารถจับเวลาได้ แต่หูเราจับความแตกต่างของเสียงที่เกิดขึ้นใกล้ไกลได้ในระยะเพียวแค่นี้นะครับ (ลองฟังเล่นสดในห้องซ้อมดนตรีเล็กๆ ดูนะครับ เรายังหรับตารู้ว่าใครเล่นอะไรตรงไหนได้เลย ไม่ว่าเขาจะเล่นค่อยหรือเล่นดัง ก็ยังคงอยู่จุดเดิมครับ)
อ้างถึง
แต่ผมจำชื่อรุ่นไม่ได้ น่าจะเป็น PRO TOOLS HD นี่แหละครับ
   ก็เลยอยากทราบว่า เสียงที่ใช้ A/D เหมือนกัน แต่ต่างยี่ห้อกัน
ระหว่าง ระดับกึ่งๆ โปร อย่าง E-MU กับ โปร อย่าง PRO TOOLS ตัวนี้  มันให้เสียงต่างกันอย่างไร
เผื่อท่าน PINIJ  เคยฟังหรือทดสอบครับ
ผมคิดว่า EMU 1212M น่าจะห่วยกว่า PRO TOOLS HD ครับ ถึงจะใช้ Chip ตัวเดียวกัน อย่างแรกคือ ผมเชื่อว่า Chip มีเกรดต่ำเกรดสูงครับ Mr. Mark แกยังเลือกหัวกะทิเท่านั้นมาทำแอมป์ของแก เอ้า! ถ้าไม่เชื่อเรื่องเกรด คุณคิดหรือว่า DAC ที่พวกเราทำๆ กันนี้นั้น เป็นแค่วงจรต้นแบบ (Basic Circuit ที่เจ้าของ DAC มีไว้ให้) นั้นจะให้เสียงที่สุดยอดเท่าของแพงๆ อย่างยี่ห้อ dCD ตัวละเป็นล้านกว่า ที่เค้าออกแบบ แก้จุดด้อย ปรับจุดเด่นกันมาอย่างละเอียดสุดยอดนั้นได้ ถ้าใครคิดจะไปใช้เบอร์ Chip เหมือนเค้าแล้วบอกว่าได้เสียงเหมือนเค้า ผมไม่เชื่อครับ แล้วยังมีการเขียน ซอฟแวร์ไดวเวอร์ที่สามารถ ทำให้ใครเหนือกว่ากันได้อีกล่ะ สุดท้ายผมยังเชื่อของแพงที่คนทำไม่เอาเปลี่ยบผู้ซื้อ ย่อมดีกว่าของถูกครับ แต่ของถูกเราก็สารมารถขยับมันมันมาได้อีกพอสมควรจากการโมฯ อย่างน้อย Coupling Cap ที่ปรกติเค้าใช้แค่ตัว 1 บาท ถ้าเรายอกเปลี่ยนตัวละ 100 บาท ใส่เข้าไปตรงนี้เห็นผลเยอะนะครับ และภาค Buffer ถูกๆ ถ้าเราจับเอา Aikido Buffer ที่เป็นหลอดใส่ลงไปใน EMU 1212m ก็อาจเทียบเท่า PRO TOOLS HD หรืออาจเหนือกว่าก็เป็นได้อีกเช่นกันละครับ แต่จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ก็ยังเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวเข้ามาแจมด้วยอีกล่ะครับ ใครมี PRO TOOLS HD น่าลองเอาเทียบกับของผมดูก็ได้ เพื่อเป็นทางเลือกซื้อของพวกเราจะได้ไม่หลงทางกันน่ะครบ ///// ใช่แล้วครับ แสดงว่าคุณ PAN. พึ่งจะเข้ามาในนี้ แต่ก็แอปอ่านกระทู้ผมอยู่เหมือนกัน แฮ่. ๆๆๆ!!! (ที่ผมเขียนถามไปเป็นกระทู้แอปเช็คว่าจะมีคนอ่านกระทู้นี้กันบ้างหรือเปล่าเท่านนั้นแหละ ก็ต้องขอบขอบคุณมากๆ ครับ ที่เข้ามาคุยกันในเวปนี้แบบหนุกๆๆ เล็ง PRO TOOLS HD อยู่ซิท่า สอยมาเลยครับ แล้วเอามาโมฯ ให้มันสุดๆ กันไปเลย  DAC ยิ่งมี Basic ดีๆ  การโมฯ ก็ยิ่งทำให้มันสุดยอดมากขึ้นไปหลายระดับ (ถ้าเทียบเสียงกันด้วยราคาของ) ขนาดของ Mr. Mark แกหาของมาใช้ว่าสุดยอดของแกแล้วนะ ก็ยังมีร้านค้ารับของของแกร่ำรวยไปหลายเจ้าอยู่เหมือนกัน มีรถสะปอรทพร็อสซ์ แล้ว มันก็ยังมี รูฟ ที่เหนือกว่ากันขึ้นไปอีกนิครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Jiang

  • ***
    • กระทู้: 110
    • เพศ:ชาย
  • หัวเราะไม่ไหว ยิ้มได้ก็ยังดี
    • http://www.htg2.net/index.php/topic,59030.msg723640.html#msg723640
คือผมได้ยินมาว่า เจ้า 1212M ตัวนี้ใช้ A/D เหมือนของเจ้า PRO TOOLS รุ่นใหญ่เลยทีเดียว (เป็น HARDWARE เหมือนกันครับ)
แต่ผมจำชื่อรุ่นไม่ได้ น่าจะเป็น PRO TOOLS HD นี่แหละครับ
   ก็เลยอยากทราบว่า เสียงที่ใช้ A/D เหมือนกัน แต่ต่างยี่ห้อกัน
ระหว่าง ระดับกึ่งๆ โปร อย่าง E-MU กับ โปร อย่าง PRO TOOLS ตัวนี้  มันให้เสียงต่างกันอย่างไร
เผื่อท่าน PINIJ  เคยฟังหรือทดสอบครับ

กระทู้นี้หรือเปล่าครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=68180.0


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ถ้าพี่ PINIJ ไม่เขียนนี่สิ ผมถึงจะเบื่อ  ;D
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่ได้ร่วมสนทนากัน ได้อะไรเพิ่มขึ้นในสิ่งที่ยังไม่รู้
อืม...ในนี้มีคอ audiophile เยอะเหมือนกันนะเนี่ย..........(แซวเล่นหน่อยนะครับ)
ผมชอบนะ การพยายามนำหลักการมาคิดวิเคราะห์กัน เพื่อเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้
ในศาสตร์ต่าง ๆ 

ถามท่าน PINIJ อีกนิด  ไม่ทราบว่า เจ้า 1212M เทียบกับเจ้า PRO TOOLS HD
แล้วเนื้อเสียงแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ทั้งด้าน A/D และ D/A  ทั้งที่โม และยังไม่โม


อ้างถึง
อืม...ในนี้มีคอ audiophile เยอะเหมือนกันนะเนี่ย..........(แซวเล่นหน่อยนะครับ)
ปรกติเห็นมีแต่กระทู้ตั้งมาเช็คอายุ แต่กระทู้นี้ตั้งเพื่อเช็คคอออดิโอฟาร์ยแฮะ!  ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะผมเป็น Audiophiler อย่างบ้าครั่งกันเลยละครับ แผ่นพวกนี้มีเกือบพันแผ่นมั้ง LP+CD (แต่ต้อนนี้เก็บลงกุและปิดกุกันไปแล้ว) ตอนก่อนโน้นคุณ DIYMAN และเพื่อนในนี้ ก็เคยไปฟังเพลงบ้านผม ก็ยังแซวว่าผม DIY แอมป์ออกมาเป็นแบบออดิโอฟายร์ จ๋า..! เลย  คือตอนนั้นผมชอบเสียงของ Krell มากๆ  แต่ก็ยังติที่มันเป็น Solid เคยคิดจะซื้อ 211 CARRY  มาเล่น พอไปลองฟังที่ร้านมือสองเทียบกับ Krell แล้ว มันไม่ใช่ ก็เลยคิดจะทำมันเองซะเลย ไปเจอเพื่อนคุณคฤณ (EP) ทำ  211 สอง Stages กับไฟ B+ 1400v แล้วได้วัตต์ที่สูงมาก ก็เลยทำมันเองซะเลย ผมโชคดีที่มิสเตอร์เคนจิแห่งแทงโก้ญี่ปุ่นถามเพื่อนผมว่าอยากได้ OPT ส่งพันพิเศษด้วยลวดเยอร์มันอย่างดี บนแกนเหล็กเก่าแก่ของเทเลฟังเกนที่เค้าไปได้มาสิบกว่าคู่ไหม?  มันเลยเป็น SE Amp ที่เสียงคล้าย Krell KSA 250 มากๆ (เป็นเครื่องที่ซื้อมาเพื่อ Ref. ในการทำ DIY แอมป์ตัวนี้ ซึ่งก็แค่พละกำลังสู้เค้าไม่ได้เท่านั้น) แต่มีเสียงเป็นหลอดสไตยล์ออดิโอฟาย์จ๋า! ต่อมาผมได้เจอกูรูที่ฟังเพลงคลาสิกอย่างเดียวมาฟังแอมป์ตัวนี้เพียงสิบวินาทีแรก ก็บอกว่ามันไม่ใช่แระ! แต่ก็ใช่ว่าผมจะเชื่อท่านเพราะความที่ยังรักเสียงแบบออดิโอฟารย์ และฟังเพลงแจ๊สบ้างเล็กน้อย จึงยังรักมันเหมือนเดิม แต่เมื่อปีนี้เองกูรูท่านนี้มาที่บ้านอยุธยาแล้วก็มาว่า 245 SE ที่ผมรักไม่ได้เรื่องอีก  หลังจากนั้นเดือนกว่าๆ ผมไปได้  Hearhkit EL84 PP Amp มาเทียบฟังกันดูแบบ AB Test ก็เลยเห็นชัดว่ามันต่างกันมากๆ ระหว่าง  SE vs PP (ผมได้อัดเสียงด้วยมือถือแล้วเอาลงยูทูปมาให้เพื่อนในนี้ได้ฟังกัน แต่ผมหากระทู้นั้นไม่พบซะแล้ว ฟังความแตกต่างกันออกอย่างชัดเจนแม้จะอัดด้วยมือถือนะครับ)  แล้วตอนหลังหันมาฟังเพลงคลาสสิกร้อยเปอร์เซ็นต์และก็เป็นยุคของโมโนด้วย  คำว่าออดิโอฟาร์ยในใจผมตอนนี้มันจึงเหลือน้อยลงไม่ถึง 10% แล้วละครับ  (วันนี้มานอนบ้านอยุธยา แล้ว มีเวลาว่างมาก ก็เลยเขียนมาให้อ่านมากหน่อยถ้าเบื่อก็บอกนะครับ)
อ้างถึง
ถามท่าน PINIJ อีกนิด  ไม่ทราบว่า เจ้า 1212M เทียบกับเจ้า PRO TOOLS HD
แล้วเนื้อเสียงแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ทั้งด้าน A/D และ D/A  ทั้งที่โม และยังไม่โม
ยังไม่เข้าใจคำว่า PRO TOOLS HD ครับ คือผมกลัวว่าผมจะเข้าใจผิดแล้วคุยไปคนละทางน่ะครับ (ผมดูจากการใช้ภาษาที่เขียนแล้ว ผมทายว่า คุณ PAN. นี่อยู่ในระดับผู้มีความรู้ที่ไม่เบาเลยละ? ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง) คือ 1212M มันเป็นฮาทร์แวร์ แต่ PRO TOOLS HD นี่ผมคิดถึงซอพแวร์นะครับ ก็เลยไม่รู้ว่าจะเทียบกนอย่างไร?  ขอความกระจ่างในคำถามใหม่ครับ

ปล. ไม่เอาแป้นพิมพ์ตัวดีมาด้วย ไม้หันอากาศอาจจะหายไปบ้างในช่วงนี้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ธันวาคม, 2010, 11:12:04 am โดย PINIJ »
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ Martra

  • www.vonorfivestars.com
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,390
    • เพศ:ชาย
  • "One Stop Solution for Bed and Bedding Products"
    • http://www.vonorfivestars.com
ไม่ทราบว่าพอจะมีใครอธิบายเรื่องการจางหายของสัญญาณได้บ้างครับ เช่นตีกลองตัวเดียวกันดังๆ ระยะไกล กับ ตีเบาๆ ระยะใกล้ แล้วตั้งไมค์ให้รับความไวแสดงผลออกมาเท่าๆ กัน ทำไมเราถึงรู้ว่ามันมาจากระยะไกล หรือ ใกล้  ตัดเรื่องการสะท้อนออกไปด้วยนะครับ :)

ผมมองมันให้ง่ายๆก็เหมือน โยนหินลงน้ำครับ โยนแรง วงน้ำกระเพื่อมออกเป็นวงกว้างกว่า
ตีกลอง หนังกลองสั่นกระเพื่อม เป็นพลังงาน เดินทางมาที่ไมค์ แน่นอนผมว่าตีใกล้ๆไมค์
ไดนามิกกระชากแรง ก็รู้สึกอยู่ใกล้กว่า.....ตรงนี้เคยไปฟังพี่ซาวน์เอ็นจิเนียร์
เค้าบอก สำคัญสุดคือ คนบรรทึก บรรทึกดี คนมิกซ์ดี คนทำมาสเตอร์สบาย....
จะเอา ซ้าย ขวา ใกล้ไกล  คนทำมาสเตอร์ จัดให้ได้หมด....โปรแกรม เค้าอำนวย
ความสะดวกมาให้แล้ว....แต่ต้องใช้ให้เป็นเท่านั้นเองครับ

ตรงหนังกลองสั่นกระเพื่อมแล้วค่อยๆจางหาย
ถือเป็น ฮาร์มอนิก ของตัวกลองเอง....แล้วผมก็คิดว่ามันต้องสัมพันธ์กับสถานที่ที่กลองตี
ที่จะช่วยเสริม หรือลดความสมจริงของกลองลงไป
เมื่อ ฮาร์มอนิก ของตัวกลองเดินทาง ไปกระทบกับสถานที่ ความเป็นฮอล์....มันก็เกิดบรรยากาศ
หรือ แอมเบี๊ยซ์ ต่อ....เสียงรวมๆก็เป็นหน้าที่ไมค์ที่จะเก็บรายละเอียดต่อ....
นึกถึงห้องฟัง เพลง บางห้องฟังเพราะเสียงสด....บางห้องอยู่แล้วอึดอัด
เสียงทึบๆ ทึมๆ สงัดไปนั่นก็เรื่องแอมเบี๊ยซ์เหมือนกันครับ...

ผิดถูกขออภัย.... :)
Vinyl Sound = Toe Tapping and Heaven on Earth...:dj


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ผมก็รอ่านของคุณ Piniij อยู่ครับ   ^-^


ออฟไลน์ Jiang

  • ***
    • กระทู้: 110
    • เพศ:ชาย
  • หัวเราะไม่ไหว ยิ้มได้ก็ยังดี
    • http://www.htg2.net/index.php/topic,59030.msg723640.html#msg723640
ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่ได้ร่วมสนทนากัน ได้อะไรเพิ่มขึ้นในสิ่งที่ยังไม่รู้
อืม...ในนี้มีคอ audiophile เยอะเหมือนกันนะเนี่ย..........(แซวเล่นหน่อยนะครับ)
ผมชอบนะ การพยายามนำหลักการมาคิดวิเคราะห์กัน เพื่อเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้
ในศาสตร์ต่าง ๆ 

ถามท่าน PINIJ อีกนิด  ไม่ทราบว่า เจ้า 1212M เทียบกับเจ้า PRO TOOLS HD
แล้วเนื้อเสียงแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ทั้งด้าน A/D และ D/A  ทั้งที่โม และยังไม่โม



ออฟไลน์ post-girl

  • *****
    • กระทู้: 659
  • ANTIQUE ART - UNIQUE MADE
คุณสามรถวางลำโพงที่มีทุกๆ ความถี่ที่หูเราได้ยิน In Phase กับห้องได้ทุกความถี่เลยหรือครับ?  งั้นผมขอทราบวิธีทำด้วยนะครับ จะลองเอาทำดูบ้างน่ะครับ


ถ้าลำโพง  in phase  กับตัวมันเอง  และกับห้อง  ให้เกิดการผสมเสียง 
จนห้อง แทบไม่มีผลกับการฟังเลยค่ะ(แต่ห้องยังคงเป็นส่วนหนึ่ง ของซิสเต็มและเสียง)
ไม่รู้จะอธิบาย  ให้เห็นภาพอย่างไร อย่าง  DPoLS  ก็เป็นวิธีทีดีนะคะ   

เอาเป็นว่า เปรียบเทียบลำโพง  เป็นเครื่องฉาย โปรเจคเตอร์ละกัน  แต่เป็นโปรเจคเตอร์ที่มีแค่ 2 เลนส์ 
เวลาฉาย ต้องฉายบนจอ ต้องตั้งให้รวมเป็นหนึ่งเดียว  อย่าให้ภาพเหลื่อมกัน

เพราะลำโพง ไม่ได้ เป็นแค่เครื่องเปล่งเสียง  แต่เป็นเครื่องฉายเสียงด้วยค่ะ

ส่วนตัวเอง...สามารถ ทำได้ ทุกๆ ความถี่ หรือเปล่า ตอบให้เลยว่า "ไม่ได้ค่ะ"

มีจุดบกพร่องในบางจุด แต่เป็นจุดบกพร่องที่ยังพอรับได้
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ธันวาคม, 2010, 02:57:44 pm โดย post-girl »


ออฟไลน์ post-girl

  • *****
    • กระทู้: 659
  • ANTIQUE ART - UNIQUE MADE
อย่างที่คุณ PiNIJ เข้าใจอย่างนั้นถูกต้องแล้วค่ะ
ถ้าเป็นแผ่น โมโน  สามารถ ที่จะบอก ระยะ ใกล้-ไกล-ตื้น-ลึก ได้ค่ะ
ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm  ที่อยู่ในไมค์  ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป
   .....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase  กับห้อง 
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด 
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก 
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้

ส่วนเรื่อง ไวโอลิน  เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ 
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง

แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า )  เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ     

ดีครับคุยเรื่องเสียงแบบนี้ผมชอบ จะได้แรกเปลี่ยนความรู้กัน ผมไม่ใช่คนเก่ง อย่างเพิ่งเชื่อผมกันนะครับ ก็ขอให้พิจารณาแล้วไตร่ตรองกันดูให้มากๆ ครับ

"ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm  ที่อยู่ในไมค์  ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป"

ถ้าบอกออกมาแบบนี้มวนเสียงที่บางไม่สามารถมาเสนอหน้าใกล้ๆ เราได้เลยซิครับ แต่จริงๆ ผมก็ยังไม่เข้าใจความหมายของคุณ เรื่องมวลเสียงเข็มมากน้อยนั้นเป็นอย่างไร? ยังไม่คุยเรื่องนี้กันก่อนจะดีกว่า รอคำอธิบายเรื่องของมวลเสียงจากคุณโพ๊ทเกริลนซะก่อนจะดีกว่า

"   .....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase  กับห้อง 
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด 
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก 
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้"

คุณสามรถวางลำโพงที่มีทุกๆ ความถี่ที่หูเราได้ยิน In Phase กับห้องได้ทุกความถี่เลยหรือครับ?  งั้นผมขอทราบวิธีทำด้วยนะครับ จะลองเอาทำดูบ้างน่ะครับ

"ส่วนเรื่อง ไวโอลิน  เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ 
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง

แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า )  เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ     "

ที่ผมได้ยินมันออกมาทางด้านข้างด้วยนะครับ ผมคิดว่าการได้ยินแล้วเราสามารถกะระยะกันได้นั้น เหมือนการมองจากสองตา แล้วประสาทของเราเอามาคำนวณเป็นระยะทาง ถ้าเราปิดตาข้างนึงก็ กะระยะไม่ถูกนะครับ หูเราก็เช่นกันสามารถจับความถี่ของเสียงจากลำโพงทั้งสองข้างที่มาถึงหูแตกต่างกันภายในเศษเสี้ยวของวินาที จึงรู้ระยะได้ว่าเสียงไหน? มาจากจุดใด? ไม่ใช่คลื่นสั้นหรือคลื่นเสียงที่ยาวกว่าเป็นตัวบอกระยะนะครับ มิเช่นนั้นเสียง โด่ เร มี ฯ คงเลียงกันเป็นแถวในด้านลึกซิครับ เสียงเปียโนก็คงเรียงกันให้เห็นอย่างชัดเจน หรือที่คุณบอกว่าเสียงเบาอยู่ไกล เสียงดังอยู่ใกล้ ถ้าใครมาตีกลองใกล้เราเบาๆ แล้วกลองดังที่ไกลๆ  ตัวเรา แต่เรากลับได้ยิน เสียงกลองที่ดังว่าอยู่ใกล้เราอย่างนั้นหรือเปล่าครับ? ส่วนกลองที่อยู่ใกล้แต่ตีเพียงเบาๆ จะดูเหมือนมันอยู่ไกลอย่างนั้นหรือเปล่าครับ จากตามที่ได้คุณ Post Girl ได้อะธิบายมาน่ะครับ ???

มวลเสียงที่บาง  หรือเล่นเบา ก็อยู่แถวหน้าของเราได้ค่ะ
สมมุติว่า  ตอนบันทึก ด้วยไมค์ตัวเดียว เสียงไวโอลินอยู่แถวหน้าสุด  เล่นเบา
แต่ ก็ยังเป็นมวลเสียงที่เข้ม และพุ่งตรงสู่ไมค์ก่อน  มีความชัดเจนที่สุดในกลุ่ม เพราะอยู่แถวหน้าสุด
ส่วน diaphragm   ที่อยู่ในไมค์ จะรับเสียงก่อน (แม้จะเล่นเบาก็ตาม) เสียงชิ้นหลัง เลยทำให้เวลาเราเล่นกลับ  ก็จะอยู่แถวหน้าสุด
ส่วนเรื่อง ความยาวของคลื่น ก็สัมพันธ์ กับขนาดของเสียงด้วย (โปรดสังเกตุ เสียงเบส จะใหญ่ กว่าเสียงกลางและแหลม)
เพราะช่วง คลื่นยาวกว่า   สวิงกว้างกว่า เสียงกลางและแหลม

ส่วนลักษณะ เสียงตามโน้ต สูง-ต่ำ   ถ้าเครื่องบอก ขนาดของสเกลเสียงได้  ก็จะบอกทาง อวบ ใหญ่ ขึ้นในโน้ตเสียงต่ำ 

และเล็กบางลงในโน้ตเสียงสูง ในตำแหน่งเดิม  ไม่ใช่ข้างหน้า-ข้างหลัง  อย่างที่คุณ PINIJ  เข้าใจ

อย่างที่เห็นกันง่ายๆ  กลองชุด อยู่ในตำแหน่งเดิม แต่เวลาฟัง  BASS DRUM  จะใหญ่กว่า  SNARE ค่ะ

เพราะลำโพง  สวิงออกมาได้ ในช่วงคลื่นที่ยาวกว่าในเสียงต่ำ  ผลักอากาศได้ดีกว่า   ในย่านที่เสียงสูงขึ้นไป

ส่วนเรื่องระดับความดัง-เบา มีส่วนสัมพันธ์กับ dynamic contast โดยตรง
ถ้าชิ้นดนตรีเล่นเบา สเกลเสียงก็จะเล็กลงในตำแหน่งเดิม
แต่ถ้าชิ้นดนตรีเล่นดัง  สเกลเสียงก็จะใหญ่ขึ้นอีกนิด

ส่วนการเซตตำแหน่งลำโพง  post-girl  ยังทำได้ไม่ดี ยิ่งศึกษามาก ยิ่ง เหมือนเรารู้น้อยลงๆๆๆ :black_eye

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ธันวาคม, 2010, 04:45:16 pm โดย post-girl »


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ไม่ทราบว่าพอจะมีใครอธิบายเรื่องการจางหายของสัญญาณได้บ้างครับ เช่นตีกลองตัวเดียวกันดังๆ ระยะไกล กับ ตีเบาๆ ระยะใกล้ แล้วตั้งไมค์ให้รับความไวแสดงผลออกมาเท่าๆ กัน ทำไมเราถึงรู้ว่ามันมาจากระยะไกล หรือ ใกล้  ตัดเรื่องการสะท้อนออกไปด้วยนะครับ :)
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
เออ! มนก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ว่าทำไม? เพลงพวกไวโอลินอยู่ฝั่งใหน? มันก็จะอยู่ฝั่งนั้นตลอด แล้วความลึกของเครื่องดนตรีก็อยู่คงที่ละครับ ท่านฟรุทฯ ของผมเล่นบรามห์ปี 52 มกรา กะ กุมภา เล่นสองวงออร์ ซึ่งอดคนละที่คนละครั้งอยู่แล้ว ฟังเพลงสองครั้งนี้ไม่ว่าชุดใครมันก็เห็นว่ากลองตีอยู่ใกล้กับไกลไม่เหมือนกันกับทุกชุดที่ฟังด้วย และผมก็ยังงงๆ ว่า Victor de sabata เล่นเบอร์สี่ แล้วทำให้เสียงของไวโอลินแพร่ขยายออกไปและหุบเข้าได้เหมือนกันล่ะครับ  เพลงพวกนี้อัดกันตั้งแต่ยังไม่มีคำว่าสะเอตริโอเกิดขึ้นมาบนโลกเลย แต่มีผู้รู้บางท่านเคยบอกกบผมว่าเค้าใช้ไมล์อดหลายตัวน่ะมันมีมานานแล้ว และก็ทำการเอามารวมกันแบบใช้ลำโพงหลายตัวซะด้วย มานานแล้วเช่นกัน แต่เค้าไม่ได้เรียกว่าระบบสะเตอร์ริโอ ผมจึงคืดว่าสะเตอร์อาจทำกันมานานแล้ว และการใช้ลำโพงหลายตวมาฟังนั้น (อาจเรียกว่าซาวด์วอลล์) แต่ไม่ได้เรียกขานกัน จึงทำให้แผ่นเสียงที่อัดกันยุคก่อนที่มีซื่อสะเตอรฯ เป้นสะเตอรฯ เล็กๆ และน่าฟังกว่าที่แยกกันจนเวียนหัว คนเลยหันมาฟังเสียงหาตำแหน่งเสียงกันให้วุ่น จนลืมฟังเสียงดนตรีไปเลย ยุคนี้เสียงดนตรีจึงไม่ค่อยเน้นคุณภาพมากนักเน้นแค่ วางชิ้นให้มันห่างๆ กว้างๆ ให้เราตื่นเต้นกันก็แคนั้น สำหรับความชอบส่วนตัวผมเท่านั้นนะครับ ซึ่ง DPoLS ผมก็บ้าไปอยู่พัก เพราะพี่แกที่เขียนกระทู้นั้นไปเซ็ทลำโพงที่บ้านผมเป้นบ้านแรกใน กทม ก็เลยทำให้ผม คิดว่าเค้าทำได้เราก็ต้องทำได้ เคยทำสำเร็จมาสองสามครั้ง แต่ตอนหลังผมไม่ได้ฟังแอมเบี้ยนซ์ ก็เลยเลิกกันไป ตอนนี้เซ็ทแบบให้ได้บรรยากาศของเพลงคลาสสิกให้ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนตำราคนละเล่มกันกับ DPoLS /// คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักผมในนั้นผมคือ K. PJ ครับท่าน d_d :drunk
อย่างที่คุณ PiNIJ เข้าใจอย่างนั้นถูกต้องแล้วค่ะ
ถ้าเป็นแผ่น โมโน  สามารถ ที่จะบอก ระยะ ใกล้-ไกล-ตื้น-ลึก ได้ค่ะ
ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm  ที่อยู่ในไมค์  ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป
   .....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase  กับห้อง 
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด 
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก 
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้

ส่วนเรื่อง ไวโอลิน  เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ 
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง

แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า )  เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ     



ดีครับคุยเรื่องเสียงแบบนี้ผมชอบ จะได้แรกเปลี่ยนความรู้กัน ผมไม่ใช่คนเก่ง อย่างเพิ่งเชื่อผมกันนะครับ ก็ขอให้พิจารณาแล้วไตร่ตรองกันดูให้มากๆ ครับ

"ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm  ที่อยู่ในไมค์  ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป"

ถ้าบอกออกมาแบบนี้มวนเสียงที่บางไม่สามารถมาเสนอหน้าใกล้ๆ เราได้เลยซิครับ แต่จริงๆ ผมก็ยังไม่เข้าใจความหมายของคุณ เรื่องมวลเสียงเข็มมากน้อยนั้นเป็นอย่างไร? ยังไม่คุยเรื่องนี้กันก่อนจะดีกว่า รอคำอธิบายเรื่องของมวลเสียงจากคุณโพ๊ทเกริลนซะก่อนจะดีกว่า

"   .....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase  กับห้อง 
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด 
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก 
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้"

คุณสามรถวางลำโพงที่มีทุกๆ ความถี่ที่หูเราได้ยิน In Phase กับห้องได้ทุกความถี่เลยหรือครับ?  งั้นผมขอทราบวิธีทำด้วยนะครับ จะลองเอาทำดูบ้างน่ะครับ

"ส่วนเรื่อง ไวโอลิน  เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ 
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง

แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า )  เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ     "

ที่ผมได้ยินมันออกมาทางด้านข้างด้วยนะครับ ผมคิดว่าการได้ยินแล้วเราสามารถกะระยะกันได้นั้น เหมือนการมองจากสองตา แล้วประสาทของเราเอามาคำนวณเป็นระยะทาง ถ้าเราปิดตาข้างนึงก็ กะระยะไม่ถูกนะครับ หูเราก็เช่นกันสามารถจับความถี่ของเสียงจากลำโพงทั้งสองข้างที่มาถึงหูแตกต่างกันภายในเศษเสี้ยวของวินาที จึงรู้ระยะได้ว่าเสียงไหน? มาจากจุดใด? ไม่ใช่คลื่นสั้นหรือคลื่นเสียงที่ยาวกว่าเป็นตัวบอกระยะนะครับ มิเช่นนั้นเสียง โด่ เร มี ฯ คงเลียงกันเป็นแถวในด้านลึกซิครับ เสียงเปียโนก็คงเรียงกันให้เห็นอย่างชัดเจน หรือที่คุณบอกว่าเสียงเบาอยู่ไกล เสียงดังอยู่ใกล้ ถ้าใครมาตีกลองใกล้เราเบาๆ แล้วกลองดังที่ไกลๆ  ตัวเรา แต่เรากลับได้ยิน เสียงกลองที่ดังว่าอยู่ใกล้เราอย่างนั้นหรือเปล่าครับ? ส่วนกลองที่อยู่ใกล้แต่ตีเพียงเบาๆ จะดูเหมือนมันอยู่ไกลอย่างนั้นหรือเปล่าครับ จากตามที่ได้คุณ Post Girl ได้อะธิบายมาน่ะครับ ???
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ

พี่เขาคงพูดถึง ดิสทรอชั่นน่ะครับ SE กับความเพี้ยนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยครับ รับได้ก็ชอบ รับไม่ได้ก็บอกว่า หวานๆ เอื้อนๆ เกินต้นฉบับ  :D
แสดงว่าseมีเพี้ยนมากกว่าppหรือครับ  ผมยังงงอยู่เลยครับพี่
 พี่  nutty  พี่ pinij ขยายความหน่อยครับพี่ ที่งงก็เพราะว่า ตามหลัก ที่ผมเข้าใจ se มักเป้นคลาสa วึ่งขยายได้ทั้งลูป ส่วนpp  แบ่งกันขยายตนละครึ่งลูป แล้วเอามารวมกัน ที่เอ้าพุท
ถ้าเทียบผมกลัวมันจะแยกไม่เด็ดขาด หรือไม่รอยต่อก็ไม่น่าจะสนิท มันน่าจะสูยเสียมากกว่าครับพี่
ถ้าเคยออกแบบแอมป์เอง แล้วเคยลากโลดไลน์ วัดจากจุดไบเอสไปทางบวกและไปทางลบจะพบว่าจะมีหลอดสักกีเบอร์ที่มันเท่ากัน ผมยังไม่เคยทำ SE ได้สัญญาณสองซีก (บวกลบเท่ากันสักเครื่องเดียว) นี่คือความเพี้ยนที่เกิดขึ้นกับสัญญาณซีกบวกและลบแล้วละครับ เราจะได้แค่หลอดที่มันใกล้กันมากๆ เท่านั้น แต่ความไม่เท่ากันนี้ พอมาทำ PP ส่วนที่มันเพี้ยนไม่เท่ากันกันนี้มันถูกแคนเซิ้นกันที่ OPT ครับ จะเห็นว่าสะเป็กของ PP ที่วัตต์เท่าๆ กัน ของหลอดเบอร์เดียวกันที่เอามาทำแอมป์ PP จะมี % THD น้อยกว่า SE นะครับ ถูกผิดผู้รู้จริงช่วยชี้แจงเพิ่มด้วย ผมอาจจะผิดนะ! อย่าเพิ่งเชื่อ!!! K]


แทรกเรื่อง SE กับ PP ก็แล้วกันครับ
SE ที่เป็นว่าซ๊กด้านบวกกับลบไม่เท่ากันนั้น เพราะความไม่เป็น linear ตรงนี้จะเกิด distortion ที่เป็นคู่ขึ้นมา เยอะสุดก็ 2nd harmonic distortion
PP ก็คือ SE สองชุดมาบวกกัน เพราะฉนั้น ถ้าสมมติว่า SE ด้านบนตรงกับสัญญาณที่เข้า แต่ด้านล่างอาจจะไม่สมมาตรนัก แต่ SE อีกชุดที่เอามาบวกกัน ก็จะชดเชยกันไป ดังนั้นรูปคลื่นก็จะสมมาตรกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเหมือนกับต้นฉบับมากกว่านะครับ เพราะการที่มันไม่ได้มี 2nd harmonic distortion ไม่ได้หมายความว่ามันมีความเที่ยงตรงมากกว่า เพราะความไม่เป็น linear มันก็ยังไม่ได้หายไปไหน

ดังนั้น ถ้าต้องการจะเทียบ SE กับ PP แบบหมัดต่อหมัดคงต้องเทียบกันโดยมีเงื่อนไขตรงกัน เช่น 45 SE ที่ไม่มี feedback เทียบกับ 45 PP ที่ไม่ี feedback เช่นกัน และใช้ driver ชุดเดียวกัน หรือถ้ามี feedback ก็มี feedback เหมือนกัน เป็นต้นครับ

ส่วนเรื่องความสมจริงหรือคุณภาพเสียงที่เป็น subjective อันนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้ เช่น การ matching กับลำโพง ความไว ขนาดของ driver ครับ






ต้องขอขอบคุณอาจารย์คฤณที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ครับ ถ้าผมจะลองตัด FB ของ Heathkit EL84 PP ออกแล้วเทียบกับ 245 SE ที่ไม่ใช้ FB ล่ะครับ อันนี้มันพอจะเทียบกันได้ๆไหมครับ? แต่ผมคิดว่า SE เบอร์อะไรก็ได้ และ PP น่าจะเบอร์อะไรก็ได้ ที่จะเอามาเทียบฟังกันเพราะเราตัดสินกันที่ End Result อยู่แล้วนี่ครับ แม้แต่ว่าเครื่องที่เปรียบจะใช่้ FB หรือไม่ก็ตามอีกด้วย ก็น่าจะเทียบกันได้ (ในความคิดเห็นส่วนตัวครับ) การตีค่าของฝีมือเรายังตีกันที่ผลของงานกันเลยครับ d_d :drunk
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
หลับฝันดีครับ
Good morning krub! Khun Gai. วันนี้ยอมเปลี่ยนครีย์บรอดให้แล้วนะครับ :) เลยเอาลิงค์เรื่องฮอรน์ที่ผมอ่านแล้วว่าน่าสนใจมาฝากด้วย http://www.goodsoundclub.com/Forums/ShowPost.aspx?postID=79#79  ของคนที่เขียนเรื่อง DPoLS น่ะครับ  และนี่ก็อีก http://www.goodsoundclub.com/Forums/ShowForum.aspx?ForumID=32  และนี่คือชุดฮอรน์ที่ผมฟังแล้วว่าไม่ค่อยมีรายละเอียด แต่มันให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ ในการฟังเพลงคลาสสิกครับ http://www.goodsoundclub.com/Forums/ShowPost.aspx?PostID=7385 
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ post-girl

  • *****
    • กระทู้: 659
  • ANTIQUE ART - UNIQUE MADE
เออ! มนก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ว่าทำไม? เพลงพวกไวโอลินอยู่ฝั่งใหน? มันก็จะอยู่ฝั่งนั้นตลอด แล้วความลึกของเครื่องดนตรีก็อยู่คงที่ละครับ ท่านฟรุทฯ ของผมเล่นบรามห์ปี 52 มกรา กะ กุมภา เล่นสองวงออร์ ซึ่งอดคนละที่คนละครั้งอยู่แล้ว ฟังเพลงสองครั้งนี้ไม่ว่าชุดใครมันก็เห็นว่ากลองตีอยู่ใกล้กับไกลไม่เหมือนกันกับทุกชุดที่ฟังด้วย และผมก็ยังงงๆ ว่า Victor de sabata เล่นเบอร์สี่ แล้วทำให้เสียงของไวโอลินแพร่ขยายออกไปและหุบเข้าได้เหมือนกันล่ะครับ  เพลงพวกนี้อัดกันตั้งแต่ยังไม่มีคำว่าสะเอตริโอเกิดขึ้นมาบนโลกเลย แต่มีผู้รู้บางท่านเคยบอกกบผมว่าเค้าใช้ไมล์อดหลายตัวน่ะมันมีมานานแล้ว และก็ทำการเอามารวมกันแบบใช้ลำโพงหลายตัวซะด้วย มานานแล้วเช่นกัน แต่เค้าไม่ได้เรียกว่าระบบสะเตอร์ริโอ ผมจึงคืดว่าสะเตอร์อาจทำกันมานานแล้ว และการใช้ลำโพงหลายตวมาฟังนั้น (อาจเรียกว่าซาวด์วอลล์) แต่ไม่ได้เรียกขานกัน จึงทำให้แผ่นเสียงที่อัดกันยุคก่อนที่มีซื่อสะเตอรฯ เป้นสะเตอรฯ เล็กๆ และน่าฟังกว่าที่แยกกันจนเวียนหัว คนเลยหันมาฟังเสียงหาตำแหน่งเสียงกันให้วุ่น จนลืมฟังเสียงดนตรีไปเลย ยุคนี้เสียงดนตรีจึงไม่ค่อยเน้นคุณภาพมากนักเน้นแค่ วางชิ้นให้มันห่างๆ กว้างๆ ให้เราตื่นเต้นกันก็แคนั้น สำหรับความชอบส่วนตัวผมเท่านั้นนะครับ ซึ่ง DPoLS ผมก็บ้าไปอยู่พัก เพราะพี่แกที่เขียนกระทู้นั้นไปเซ็ทลำโพงที่บ้านผมเป้นบ้านแรกใน กทม ก็เลยทำให้ผม คิดว่าเค้าทำได้เราก็ต้องทำได้ เคยทำสำเร็จมาสองสามครั้ง แต่ตอนหลังผมไม่ได้ฟังแอมเบี้ยนซ์ ก็เลยเลิกกันไป ตอนนี้เซ็ทแบบให้ได้บรรยากาศของเพลงคลาสสิกให้ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนตำราคนละเล่มกันกับ DPoLS /// คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักผมในนั้นผมคือ K. PJ ครับท่าน d_d :drunk
อย่างที่คุณ PiNIJ เข้าใจอย่างนั้นถูกต้องแล้วค่ะ
ถ้าเป็นแผ่น โมโน  สามารถ ที่จะบอก ระยะ ใกล้-ไกล-ตื้น-ลึก ได้ค่ะ
ซึ่งมาจากมวลเสียงที่เข้ม มากหรือ น้อย และบอกขนาดของเสียงได้ด้วย
ซึ่งเกิดจาก การกระพือ ของ diaphragm  ที่อยู่ในไมค์  ว่ามาหรือน้อย
และลักษณะ เสียง จะเป็น แถวตรง เรียงเดี๋ยว เป็นชั้นๆ ไป
   .....แต่ ถ้า วางลำโพง ฉีด เฟส เอียงไปข้างนึงหรือ
วางตำแหน่งลำโพง ไม่ in phase  กับห้อง 
ก็จะเกิด อาการเอียง ไปหมด 
และอาจจะไปรวมกับเสียงที่ฟุ้ง ที่เกิดจะ ห้องฟัง เพิ่มเข้าไปอีก 
เลยอาจจะหลอกเรา ให้รู้สึกว่า เสียงวูบวาบได้

ส่วนเรื่อง ไวโอลิน  เสียง หุบ แล้วขยาย ก็เกิดจากการ เล่น ดัง-เบา หรือโน๊ต สูง - ต่ำ 
ถ้าดัง ก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเบาก็เล็กลง

แต่ถ้า เล่นโน๊ต เสียงต่ำ ก็ใหญ่อีก (ช่วงคลื่นยาวกว่า )  เล่นโน๊ตเสียงสูง ก็เล็กลงอีกค่ะ     


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ธันวาคม, 2010, 07:12:30 am โดย post-girl »


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ

พี่เขาคงพูดถึง ดิสทรอชั่นน่ะครับ SE กับความเพี้ยนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยครับ รับได้ก็ชอบ รับไม่ได้ก็บอกว่า หวานๆ เอื้อนๆ เกินต้นฉบับ  :D
แสดงว่าseมีเพี้ยนมากกว่าppหรือครับ  ผมยังงงอยู่เลยครับพี่
 พี่  nutty  พี่ pinij ขยายความหน่อยครับพี่ ที่งงก็เพราะว่า ตามหลัก ที่ผมเข้าใจ se มักเป้นคลาสa วึ่งขยายได้ทั้งลูป ส่วนpp  แบ่งกันขยายตนละครึ่งลูป แล้วเอามารวมกัน ที่เอ้าพุท
ถ้าเทียบผมกลัวมันจะแยกไม่เด็ดขาด หรือไม่รอยต่อก็ไม่น่าจะสนิท มันน่าจะสูยเสียมากกว่าครับพี่
ถ้าเคยออกแบบแอมป์เอง แล้วเคยลากโลดไลน์ วัดจากจุดไบเอสไปทางบวกและไปทางลบจะพบว่าจะมีหลอดสักกีเบอร์ที่มันเท่ากัน ผมยังไม่เคยทำ SE ได้สัญญาณสองซีก (บวกลบเท่ากันสักเครื่องเดียว) นี่คือความเพี้ยนที่เกิดขึ้นกับสัญญาณซีกบวกและลบแล้วละครับ เราจะได้แค่หลอดที่มันใกล้กันมากๆ เท่านั้น แต่ความไม่เท่ากันนี้ พอมาทำ PP ส่วนที่มันเพี้ยนไม่เท่ากันกันนี้มันถูกแคนเซิ้นกันที่ OPT ครับ จะเห็นว่าสะเป็กของ PP ที่วัตต์เท่าๆ กัน ของหลอดเบอร์เดียวกันที่เอามาทำแอมป์ PP จะมี % THD น้อยกว่า SE นะครับ ถูกผิดผู้รู้จริงช่วยชี้แจงเพิ่มด้วย ผมอาจจะผิดนะ! อย่าเพิ่งเชื่อ!!! K]


แทรกเรื่อง SE กับ PP ก็แล้วกันครับ
SE ที่เป็นว่าซ๊กด้านบวกกับลบไม่เท่ากันนั้น เพราะความไม่เป็น linear ตรงนี้จะเกิด distortion ที่เป็นคู่ขึ้นมา เยอะสุดก็ 2nd harmonic distortion
PP ก็คือ SE สองชุดมาบวกกัน เพราะฉนั้น ถ้าสมมติว่า SE ด้านบนตรงกับสัญญาณที่เข้า แต่ด้านล่างอาจจะไม่สมมาตรนัก แต่ SE อีกชุดที่เอามาบวกกัน ก็จะชดเชยกันไป ดังนั้นรูปคลื่นก็จะสมมาตรกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเหมือนกับต้นฉบับมากกว่านะครับ เพราะการที่มันไม่ได้มี 2nd harmonic distortion ไม่ได้หมายความว่ามันมีความเที่ยงตรงมากกว่า เพราะความไม่เป็น linear มันก็ยังไม่ได้หายไปไหน

ดังนั้น ถ้าต้องการจะเทียบ SE กับ PP แบบหมัดต่อหมัดคงต้องเทียบกันโดยมีเงื่อนไขตรงกัน เช่น 45 SE ที่ไม่มี feedback เทียบกับ 45 PP ที่ไม่ี feedback เช่นกัน และใช้ driver ชุดเดียวกัน หรือถ้ามี feedback ก็มี feedback เหมือนกัน เป็นต้นครับ

ส่วนเรื่องความสมจริงหรือคุณภาพเสียงที่เป็น subjective อันนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้ เช่น การ matching กับลำโพง ความไว ขนาดของ driver ครับ







ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
สุดยอดเลยครับ คุณ Pinij ผมอ่านแล้วนึกภาพที่เขาบรรยายถึงลุง Sakuma ทำแอมป์ mono แต่ได้เสียงครบทุกองค์ประกอบ ก็คงเป็นอย่างที่คุณ Pinij อธิบายนี่เอง  อ่านแล้วอยากมีบุญฟังด้วยหูตัวเองซักครั้ง  ไม่รู้ว่าบุญจะถึงเมื่อไร  ;D

แหมฟังเครื่องเสียงชั้นเยี่ยม แต่ไม่ยอมเปลี่ยนคีย์บอร์ด ต้องให้ผมเติม "ไม้หันอากาศ" เองจนมึน  ;D
ครีย์บอร์ดน่ะก็มีอยู่ข้างๆ นี่แหละ ขี้เกลียดเสียบ เพราะผมเขียนมันก็ท้งผิด และเขียนเองกลับมาอ่าน ก็ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย กลับมาแก้ตั้งหลายครั้ง มันก็ยังผิด และไม่ค่อยจะรู้เรื่องอีกอยู่ดี กะอีแค่ ไม้หันอากาสไม่มี มันเรื่องเล็กกว่าที่ผมว่ามาซะอีก ก็เลยปล่อยมัน 55555 เดี๋ยวพรุ่งนี้จะใช้ครีย์บอร์ดใหม่ให้ละกัน d_d :drunk วันนี้ขอถู๊ดไนท์ละ :bye1
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
สุดยอดเลยครับ คุณ Pinij ผมอ่านแล้วนึกภาพที่เขาบรรยายถึงลุง Sakuma ทำแอมป์ mono แต่ได้เสียงครบทุกองค์ประกอบ ก็คงเป็นอย่างที่คุณ Pinij อธิบายนี่เอง  อ่านแล้วอยากมีบุญฟังด้วยหูตัวเองซักครั้ง  ไม่รู้ว่าบุญจะถึงเมื่อไร  ;D

แหมฟังเครื่องเสียงชั้นเยี่ยม แต่ไม่ยอมเปลี่ยนคีย์บอร์ด ต้องให้ผมเติม "ไม้หันอากาศ" เองจนมึน  ;D


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ
คือถ้าพูดว่าแอมเบี้ยนซ์คือความละเอียดของเสียงที่ได้ยินการอัดเสียง คือบางคนอาจจะคิดว่าต้องเครื่องดนตรีประโคมพร้อมๆ กัน SE ถึงจะทำไม่ได้ดีเท่า PP แต่เมื่อสองสามเดือนที่แล้วผมได้พบว่า แม้แต่เสียงคนร้องคนเดียวที่อัดแบบโมโนที่เล่นกันไว้เมื่อปี 1951 คือ บีโธเฟนนัมเบอร์เก้า มูวเมนต์ที่สี่โดยท่านฟรุตแวงเลอร์ (คนโปรดผม) ซึ่งจะมีการร้องเดี่ยวๆ ในช่วงแรกนั้น เมื่อผมฟังผ่าน SE หลอดเบอร์ 245 ไดรว์และปรีด้วยหลอดเบอร์ 5692 อาร์ซีเอเพล็ทเขอะ เอาท์พุทลันดาวห์ (ที่เขียนขยายความมานี้ก็เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นแอมป์ SE ที่ผมใช้ฟังมีระดับพอใช้ได้นะครับ) เสียงร้องที่ดังออกมานั้นก็รบรู้ได้เพียงว่านั่นเป็นเสียงร้องที่ออกมาระหว่างกลางลำโพงทั้งสองข้าง มวลเนื้อเสียงอวบใหญ่มากๆๆ  แต่เปิดอีกครั้งด้วยแอมป์ PP ของ Heathkit AA 151 เสียงร้องที่ออกไม่อวบใหญ่เท่า SE แต่ก็ไม่ได้ผอมบางกว่ากันมากนก แต่สิ่งที่ทำให้ผมตลึงเมื่อฟังท่อนนี้กบ PP ก็คือการได้ยินเสียงร้องนี้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความรู้สึกเหมือนได้ยินออกมาจากลำคอ และมีความรู้สึกเลยว่านักร้องมีการเบือนหน้าไปทางด้านขวามืออีกด้วย (วันนั้นผมมีเพื่อนเป็นฝรั่งมาฟังร่วมด้วยน่ะครับ และเค้่าได้ยินก่อนผม จึงบอกให้ผมฟัง ผมถึงจับประเด็นตรงนี้ได้ ที่จริงหูผมมันก็ไม่ได้ดีอะไรนักดอก ฟังเพลงคลาสสิกเป็นก็ได้อาจารย์ท่านสอนจึงฟังเป็น ไม่ได้รู้เองอีกเหมือนกัน) ผมได้ลองสลับฟังดูหลายครั้งเพื่อยืนยัน (แผ่นโมโนมีซ้ายมีขวาอยู่ในระหว่างลำโพงทั้งสองข้างนะครับ รวมทั้งมีความลึกอีกด้วย บางคนคิดว่าโมโนมีแต่เสียงเป็นกระจุกตรงกลางอย่างเดียว อันนั้นแสดงว่ายังไม่เคยฟังโมโนที่อัดมาดีๆ ครับ) นี่คือการให้รายละเอียดของเสียงหรือแอมเบี้ยนที่ PP ให้มากกว่า SE ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดแบบนี้มันถูกต้องหรือไม่นะครับ?  d_d :drunk กินเหล้ากันดีกว่า
:)  คุณ PANIJ คะ   
post-girl ว่า  แผ่นที่คุณฟัง โมโน  แน่หรือคะ ถ้าเป็นโมโนจริง 
คงไม่มีอาการนักร้อง เบือนหน้า แบบสเตริโอ หรอกค่ะ 
เพราะโมโน  จะบันทึกด้วย ไมค์เพียงตัวเดียว  จึงไม่สามารถ วัดเฟสได้  เหมือนไมค์สองตัว
อย่างที่หูคนเราได้ยิน แหล่งกำเนิดเสียงได้ว่า มาจากทิศทางไหน  ก็เนื่องจากเสียงที่วิ่ง ตรงมาถึงหูด้านไหนก่อน
แต่การบันทึกแบบโมโน  มีเพียง ไมค์ตัวเดียว ถ้านักร้องเบือนหน้า ไมค์ตัวเดียวจะจับได้ ...แค่ความดัง-เบา เท่านั้นเอง
ส่วน คุณ :)  คุณ PANIJ   รับรู้ว่า  นักร้อง เบือนหน้าจากแผ่นโมโน นั้นเกิดจาก อาการวูบวาบ ของโฟกัสเสียงในช่วงพีค  มากกว่า
 ... ว่า ไปก้องสะท้อน กับห้องฟังเพลง ในส่วนใดส่วนหนึ่ง แล้วสะท้อนกลับมา เพิ่มอีกด้านของโฟกัส
ส่วน DPOLS   ที่คุณ  PANIJ  แนะนำ มีประโยชน์มากค่ะ   post-girl  พยายาม ปฎิบัติอยู่ค่ะ   :)
เออ! มนก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ว่าทำไม? เพลงพวกไวโอลินอยู่ฝั่งใหน? มันก็จะอยู่ฝั่งนั้นตลอด แล้วความลึกของเครื่องดนตรีก็อยู่คงที่ละครับ ท่านฟรุทฯ ของผมเล่นบรามห์ปี 52 มกรา กะ กุมภา เล่นสองวงออร์ ซึ่งอดคนละที่คนละครั้งอยู่แล้ว ฟังเพลงสองครั้งนี้ไม่ว่าชุดใครมันก็เห็นว่ากลองตีอยู่ใกล้กับไกลไม่เหมือนกันกับทุกชุดที่ฟังด้วย และผมก็ยังงงๆ ว่า Victor de sabata เล่นเบอร์สี่ แล้วทำให้เสียงของไวโอลินแพร่ขยายออกไปและหุบเข้าได้เหมือนกันล่ะครับ  เพลงพวกนี้อัดกันตั้งแต่ยังไม่มีคำว่าสะเอตริโอเกิดขึ้นมาบนโลกเลย แต่มีผู้รู้บางท่านเคยบอกกบผมว่าเค้าใช้ไมล์อดหลายตัวน่ะมันมีมานานแล้ว และก็ทำการเอามารวมกันแบบใช้ลำโพงหลายตัวซะด้วย มานานแล้วเช่นกัน แต่เค้าไม่ได้เรียกว่าระบบสะเตอร์ริโอ ผมจึงคืดว่าสะเตอร์อาจทำกันมานานแล้ว และการใช้ลำโพงหลายตวมาฟังนั้น (อาจเรียกว่าซาวด์วอลล์) แต่ไม่ได้เรียกขานกัน จึงทำให้แผ่นเสียงที่อัดกันยุคก่อนที่มีซื่อสะเตอรฯ เป้นสะเตอรฯ เล็กๆ และน่าฟังกว่าที่แยกกันจนเวียนหัว คนเลยหันมาฟังเสียงหาตำแหน่งเสียงกันให้วุ่น จนลืมฟังเสียงดนตรีไปเลย ยุคนี้เสียงดนตรีจึงไม่ค่อยเน้นคุณภาพมากนักเน้นแค่ วางชิ้นให้มันห่างๆ กว้างๆ ให้เราตื่นเต้นกันก็แคนั้น สำหรับความชอบส่วนตัวผมเท่านั้นนะครับ ซึ่ง DPoLS ผมก็บ้าไปอยู่พัก เพราะพี่แกที่เขียนกระทู้นั้นไปเซ็ทลำโพงที่บ้านผมเป้นบ้านแรกใน กทม ก็เลยทำให้ผม คิดว่าเค้าทำได้เราก็ต้องทำได้ เคยทำสำเร็จมาสองสามครั้ง แต่ตอนหลังผมไม่ได้ฟังแอมเบี้ยนซ์ ก็เลยเลิกกันไป ตอนนี้เซ็ทแบบให้ได้บรรยากาศของเพลงคลาสสิกให้ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนตำราคนละเล่มกันกับ DPoLS /// คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักผมในนั้นผมคือ K. PJ ครับท่าน d_d :drunk
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ post-girl

  • *****
    • กระทู้: 659
  • ANTIQUE ART - UNIQUE MADE
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ
คือถ้าพูดว่าแอมเบี้ยนซ์คือความละเอียดของเสียงที่ได้ยินการอัดเสียง คือบางคนอาจจะคิดว่าต้องเครื่องดนตรีประโคมพร้อมๆ กัน SE ถึงจะทำไม่ได้ดีเท่า PP แต่เมื่อสองสามเดือนที่แล้วผมได้พบว่า แม้แต่เสียงคนร้องคนเดียวที่อัดแบบโมโนที่เล่นกันไว้เมื่อปี 1951 คือ บีโธเฟนนัมเบอร์เก้า มูวเมนต์ที่สี่โดยท่านฟรุตแวงเลอร์ (คนโปรดผม) ซึ่งจะมีการร้องเดี่ยวๆ ในช่วงแรกนั้น เมื่อผมฟังผ่าน SE หลอดเบอร์ 245 ไดรว์และปรีด้วยหลอดเบอร์ 5692 อาร์ซีเอเพล็ทเขอะ เอาท์พุทลันดาวห์ (ที่เขียนขยายความมานี้ก็เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นแอมป์ SE ที่ผมใช้ฟังมีระดับพอใช้ได้นะครับ) เสียงร้องที่ดังออกมานั้นก็รบรู้ได้เพียงว่านั่นเป็นเสียงร้องที่ออกมาระหว่างกลางลำโพงทั้งสองข้าง มวลเนื้อเสียงอวบใหญ่มากๆๆ  แต่เปิดอีกครั้งด้วยแอมป์ PP ของ Heathkit AA 151 เสียงร้องที่ออกไม่อวบใหญ่เท่า SE แต่ก็ไม่ได้ผอมบางกว่ากันมากนก แต่สิ่งที่ทำให้ผมตลึงเมื่อฟังท่อนนี้กบ PP ก็คือการได้ยินเสียงร้องนี้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความรู้สึกเหมือนได้ยินออกมาจากลำคอ และมีความรู้สึกเลยว่านักร้องมีการเบือนหน้าไปทางด้านขวามืออีกด้วย (วันนั้นผมมีเพื่อนเป็นฝรั่งมาฟังร่วมด้วยน่ะครับ และเค้่าได้ยินก่อนผม จึงบอกให้ผมฟัง ผมถึงจับประเด็นตรงนี้ได้ ที่จริงหูผมมันก็ไม่ได้ดีอะไรนักดอก ฟังเพลงคลาสสิกเป็นก็ได้อาจารย์ท่านสอนจึงฟังเป็น ไม่ได้รู้เองอีกเหมือนกัน) ผมได้ลองสลับฟังดูหลายครั้งเพื่อยืนยัน (แผ่นโมโนมีซ้ายมีขวาอยู่ในระหว่างลำโพงทั้งสองข้างนะครับ รวมทั้งมีความลึกอีกด้วย บางคนคิดว่าโมโนมีแต่เสียงเป็นกระจุกตรงกลางอย่างเดียว อันนั้นแสดงว่ายังไม่เคยฟังโมโนที่อัดมาดีๆ ครับ) นี่คือการให้รายละเอียดของเสียงหรือแอมเบี้ยนที่ PP ให้มากกว่า SE ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดแบบนี้มันถูกต้องหรือไม่นะครับ?  d_d :drunk กินเหล้ากันดีกว่า
:)  คุณ PANIJ คะ   
post-girl ว่า  แผ่นที่คุณฟัง โมโน  แน่หรือคะ ถ้าเป็นโมโนจริง 
คงไม่มีอาการนักร้อง เบือนหน้า แบบสเตริโอ หรอกค่ะ 
เพราะโมโน  จะบันทึกด้วย ไมค์เพียงตัวเดียว  จึงไม่สามารถ วัดเฟสได้  เหมือนไมค์สองตัว
อย่างที่หูคนเราได้ยิน แหล่งกำเนิดเสียงได้ว่า มาจากทิศทางไหน  ก็เนื่องจากเสียงที่วิ่ง ตรงมาถึงหูด้านไหนก่อน
แต่การบันทึกแบบโมโน  มีเพียง ไมค์ตัวเดียว ถ้านักร้องเบือนหน้า ไมค์ตัวเดียวจะจับได้ ...แค่ความดัง-เบา เท่านั้นเอง
ส่วน คุณ :)  คุณ PANIJ   รับรู้ว่า  นักร้อง เบือนหน้าจากแผ่นโมโน นั้นเกิดจาก อาการวูบวาบ ของโฟกัสเสียงในช่วงพีค  มากกว่า
 ... ว่า ไปก้องสะท้อน กับห้องฟังเพลง ในส่วนใดส่วนหนึ่ง แล้วสะท้อนกลับมา เพิ่มอีกด้านของโฟกัส
ส่วน DPOLS   ที่คุณ  PANIJ  แนะนำ มีประโยชน์มากค่ะ   post-girl  พยายาม ปฎิบัติอยู่ค่ะ   :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ธันวาคม, 2010, 10:10:46 pm โดย post-girl »


ออฟไลน์ Jiang

  • ***
    • กระทู้: 110
    • เพศ:ชาย
  • หัวเราะไม่ไหว ยิ้มได้ก็ยังดี
    • http://www.htg2.net/index.php/topic,59030.msg723640.html#msg723640

ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
คือ ผมต้องการบรรยากาศของห้องที่ใช้บันทึกเสียงนะครับ เช่น ในโบสถ์ ในคลับ สนามกีฬา หรือสตูดิโอ
ย่อมจะแตกต่างกัน ใช่ไหมครับ  แอมป์ที่ดีย่อมจะให้เสียงแอมเบียนซ์เหล่านี้ได้ (เหมือนเราอยู่ในสถานที่เหล่านั้น) 
ทีนี้ เมื่อเราฟังเพลงเดียวกัน จากแอมป์ต่างกัน  เสียงแอมเบียนซ์ได้ยินไม่เท่ากัน
ผมเลยทึกทักเอาเองว่า หลอดแต่ละเบอร์น่าจะให้เสียงฮาร์โมนิคที่ต่างกันออกไป
เช่น อาจจะแหลมกุดไปบ้าง  (แม้ว่าอาจจะมีตัวแปรหลายอย่าง เช่น เอาท์พุทไม่ดี ย่อมให้เสียงที่ไม่ทอดไกล
แน่นอนว่ารายละเอียดย่อมหายไป)  .........
......... จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ..............
อ้อ! ผมเข้าใจละ จะเล่นแบบนี้ ทุกอย่างต้องพิถีพิถันกันสุดๆ ละครับ แค่การเซทลำโพงให้ได้เสียงพวกนี้อย่างถูกต้อง และมีออกมาเต็มๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ครับ รวมทั้งชุดที่ใช้ด้วย http://www.thaiavclub.org/Forum/index.php?topic=4543.0 ลองเข้าไปอ่านในนี้ดูครับ เจ้าของกระทู้นี้ชอบฟังแอมเบี้ยนซ์แบบที่คุณชอบมากๆๆๆๆๆ เลยละครับ :victory และแกน่าจะตอบว่าเสียงที่ว่าจะได้มาสิ่งที่สำคญที่สุดคือการเซทลำโพงครับ ชุดไม่กี่หมื่นก็ทำได้แล้วละครับ เห็นมีที่แกยกตัวอย่างชุดที่แกไปเซ็ทให้ที่ราคาประมาณสามสี่หมื่นแค่นั้นก็ทำได้แล้วนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ

พี่เขาคงพูดถึง ดิสทรอชั่นน่ะครับ SE กับความเพี้ยนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยครับ รับได้ก็ชอบ รับไม่ได้ก็บอกว่า หวานๆ เอื้อนๆ เกินต้นฉบับ  :D
แสดงว่าseมีเพี้ยนมากกว่าppหรือครับ  ผมยังงงอยู่เลยครับพี่
 พี่  nutty  พี่ pinij ขยายความหน่อยครับพี่ ที่งงก็เพราะว่า ตามหลัก ที่ผมเข้าใจ se มักเป้นคลาสa วึ่งขยายได้ทั้งลูป ส่วนpp  แบ่งกันขยายตนละครึ่งลูป แล้วเอามารวมกัน ที่เอ้าพุท
ถ้าเทียบผมกลัวมันจะแยกไม่เด็ดขาด หรือไม่รอยต่อก็ไม่น่าจะสนิท มันน่าจะสูยเสียมากกว่าครับพี่
ถ้าเคยออกแบบแอมป์เอง แล้วเคยลากโลดไลน์ วัดจากจุดไบเอสไปทางบวกและไปทางลบจะพบว่าจะมีหลอดสักกีเบอร์ที่มันเท่ากัน ผมยังไม่เคยทำ SE ได้สัญญาณสองซีก (บวกลบเท่ากันสักเครื่องเดียว) นี่คือความเพี้ยนที่เกิดขึ้นกับสัญญาณซีกบวกและลบแล้วละครับ เราจะได้แค่หลอดที่มันใกล้กันมากๆ เท่านั้น แต่ความไม่เท่ากันนี้ พอมาทำ PP ส่วนที่มันเพี้ยนไม่เท่ากันกันนี้มันถูกแคนเซิ้นกันที่ OPT ครับ จะเห็นว่าสะเป็กของ PP ที่วัตต์เท่าๆ กัน ของหลอดเบอร์เดียวกันที่เอามาทำแอมป์ PP จะมี % THD น้อยกว่า SE นะครับ ถูกผิดผู้รู้จริงช่วยชี้แจงเพิ่มด้วย ผมอาจจะผิดนะ! อย่าเพิ่งเชื่อ!!! K]
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ
คือถ้าพูดว่าแอมเบี้ยนซ์คือความละเอียดของเสียงที่ได้ยินการอัดเสียง คือบางคนอาจจะคิดว่าต้องเครื่องดนตรีประโคมพร้อมๆ กัน SE ถึงจะทำไม่ได้ดีเท่า PP แต่เมื่อสองสามเดือนที่แล้วผมได้พบว่า แม้แต่เสียงคนร้องคนเดียวที่อัดแบบโมโนที่เล่นกันไว้เมื่อปี 1951 คือ บีโธเฟนนัมเบอร์เก้า มูวเมนต์ที่สี่โดยท่านฟรุตแวงเลอร์ (คนโปรดผม) ซึ่งจะมีการร้องเดี่ยวๆ ในช่วงแรกนั้น เมื่อผมฟังผ่าน SE หลอดเบอร์ 245 ไดรว์และปรีด้วยหลอดเบอร์ 5692 อาร์ซีเอเพล็ทเขอะ เอาท์พุทลันดาวห์ (ที่เขียนขยายความมานี้ก็เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นแอมป์ SE ที่ผมใช้ฟังมีระดับพอใช้ได้นะครับ) เสียงร้องที่ดังออกมานั้นก็รบรู้ได้เพียงว่านั่นเป็นเสียงร้องที่ออกมาระหว่างกลางลำโพงทั้งสองข้าง มวลเนื้อเสียงอวบใหญ่มากๆๆ  แต่เปิดอีกครั้งด้วยแอมป์ PP ของ Heathkit AA 151 เสียงร้องที่ออกไม่อวบใหญ่เท่า SE แต่ก็ไม่ได้ผอมบางกว่ากันมากนก แต่สิ่งที่ทำให้ผมตลึงเมื่อฟังท่อนนี้กบ PP ก็คือการได้ยินเสียงร้องนี้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความรู้สึกเหมือนได้ยินออกมาจากลำคอ และมีความรู้สึกเลยว่านักร้องมีการเบือนหน้าไปทางด้านขวามืออีกด้วย (วันนั้นผมมีเพื่อนเป็นฝรั่งมาฟังร่วมด้วยน่ะครับ และเค้่าได้ยินก่อนผม จึงบอกให้ผมฟัง ผมถึงจับประเด็นตรงนี้ได้ ที่จริงหูผมมันก็ไม่ได้ดีอะไรนักดอก ฟังเพลงคลาสสิกเป็นก็ได้อาจารย์ท่านสอนจึงฟังเป็น ไม่ได้รู้เองอีกเหมือนกัน) ผมได้ลองสลับฟังดูหลายครั้งเพื่อยืนยัน (แผ่นโมโนมีซ้ายมีขวาอยู่ในระหว่างลำโพงทั้งสองข้างนะครับ รวมทั้งมีความลึกอีกด้วย บางคนคิดว่าโมโนมีแต่เสียงเป็นกระจุกตรงกลางอย่างเดียว อันนั้นแสดงว่ายังไม่เคยฟังโมโนที่อัดมาดีๆ ครับ) นี่คือการให้รายละเอียดของเสียงหรือแอมเบี้ยนที่ PP ให้มากกว่า SE ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดแบบนี้มันถูกต้องหรือไม่นะครับ?  d_d :drunk กินเหล้ากันดีกว่า
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ post-girl

  • *****
    • กระทู้: 659
  • ANTIQUE ART - UNIQUE MADE
ambience นี้เอาง่ายๆ มันคือเสียงของบรรยากาศที่อยู่รอบๆ ตัวโน๊ต อย่างเช่นเวลาที่เราได้ยินเสียงคนเล่นกีต้าร์โปร่ง มันจะมีความก้องกังวาลมากกว่าเพลงที่ถูกบันทึกมา (เนื่องจากความจำกัดในอะไรหลายๆ อย่าง ที่บันทึกยากๆ ก็เปียนโน) ซึ่งความก้องกังวาลที่เกิดออกมารายล้อมรอบๆ โน๊ตหลักนั่นคือบรรยากาศของเสียงแบบสด และเป็นธรรมชาติของเสียงที่ควรจะมี

Y] Y] Y]
ตามความเข้าใจของ post-girl   ขั้อความของคุณ    pollock  อันเนี้ะน่าจะ ชัดเจนทีสุดเลย ลักษณะของเสียง เหมือน มีเงา จางๆ อยู่รอบๆ แก่นกลาง
เกิดจาก เสียงก้อง จาก กำแพง ในขั้นตอน ของการบันทึก แล้ว สะท้อนกลับ มาที่ เครื่องดนตรี ที่เล่น ในอัตรา ที่เหมาะสม
ส่วนความเห็นก็
น่าจะอยู่ที่ต้นทาง คือ แผ่น  ถ้า ambience   ที่ดีที่สุด คือ แผ่นดำ  ส่วน CD ที่จะให้เสียงแบบแผ่นดำ ก็มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ
ลักษณะการบันทึกต้องอัดสด อย่าง Jazz and the pawnshop - manger - หรืออย่างพื้นเลย ก็  Close to you  ของ  susan wong
ส่วน หลอด  ถ้าเป็นหลอด คุณภาพดี และออกแบบที่ดี ให้ ambience  แน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเบอร์อะไร
อย่าง คุณปาท่องโก่ ชอบเรียก  ดรายไอซ์  ของหลอด มูลหลาด

ส่วนเสียงเล็กเสียงน้อย อันนั้นไม่ใช่ ambience  นะคะ เรียก micro dynamic
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ธันวาคม, 2010, 07:33:15 pm โดย post-girl »


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
ใน 1 อาทิตย์ผมจะตระเวนบ้านเพื่อนไม่ต่ำกว่า 3-4 ราย เพื่อทดสอบแผ่นบางแผ่น เครื่องเสียงบางตัว บางทีแอมเบี๊ยนซ์ในเพลงเดียวกัน ยังไพเราะต่างกันในแต่ละซิสเต็มเลยครับ บางคนมาที่บ้านผมแล้วบอกว่ามันจัดไป (ก็ตรูชอบนี่) แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี่ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และ ประหยัดลงในทุกๆ ครั้ง นี่คือสิ่งที่ผมพยายามค้นหาไปเรื่อยๆ แอมเบี๊ยนซ์ที่ดีกว่า ในซิสเต็มที่ถูกกว่า  c)
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
หลอดแต่ละเบอร์น่าจะให้เสียงฮาร์โมนิคที่ต่างกันออกไป
เกี่ยวข้องด้วยครับ เป็นปัจจัยหนึ่งเช่นกันครับ เพียงแต่ผมคิดว่าไม่ใช่หัวใจหลักของการให้เสียง Ambience เท่านั้นเองครับ
อีกอย่างที่สำคัญคือสภาพอคูสติกห้อง และการเซ็ทอัพด้วยน่ะครับ
ฟังเพลงแบบผ่อนคลาย สนุกๆ ดีกว่าครับ
 :)
อันนี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ 


ออฟไลน์ pollock

  • Director
  • *****
    • กระทู้: 761
    • เพศ:ชาย
  • Netural Sound
    • รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ | วัฒนาดีไซน์
หลอดแต่ละเบอร์น่าจะให้เสียงฮาร์โมนิคที่ต่างกันออกไป
เกี่ยวข้องด้วยครับ เป็นปัจจัยหนึ่งเช่นกันครับ เพียงแต่ผมคิดว่าไม่ใช่หัวใจหลักของการให้เสียง Ambience เท่านั้นเองครับ
อีกอย่างที่สำคัญคือสภาพอคูสติกห้อง และการเซ็ทอัพด้วยน่ะครับ
ฟังเพลงแบบผ่อนคลาย สนุกๆ ดีกว่าครับ
 :)


ออฟไลน์ Jiang

  • ***
    • กระทู้: 110
    • เพศ:ชาย
  • หัวเราะไม่ไหว ยิ้มได้ก็ยังดี
    • http://www.htg2.net/index.php/topic,59030.msg723640.html#msg723640
คือ ผมต้องการบรรยากาศของห้องที่ใช้บันทึกเสียงนะครับ เช่น ในโบสถ์ ในคลับ สนามกีฬา หรือสตูดิโอ
ย่อมจะแตกต่างกัน ใช่ไหมครับ  แอมป์ที่ดีย่อมจะให้เสียงแอมเบียนซ์เหล่านี้ได้ (เหมือนเราอยู่ในสถานที่เหล่านั้น) 
ทีนี้ เมื่อเราฟังเพลงเดียวกัน จากแอมป์ต่างกัน  เสียงแอมเบียนซ์ได้ยินไม่เท่ากัน
ผมเลยทึกทักเอาเองว่า หลอดแต่ละเบอร์น่าจะให้เสียงฮาร์โมนิคที่ต่างกันออกไป
เช่น อาจจะแหลมกุดไปบ้าง  (แม้ว่าอาจจะมีตัวแปรหลายอย่าง เช่น เอาท์พุทไม่ดี ย่อมให้เสียงที่ไม่ทอดไกล
แน่นอนว่ารายละเอียดย่อมหายไป)  .........
......... จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ..............


ออฟไลน์ ลำน้ำ

  • >> Voodo SilverMica Cable <<
  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,211
    • เพศ:ชาย
E55L ครับ
โปรดดู ข้อมูลส่วนตัวผมครับ.... ของที่มีอยู่แล้วไม่มีปัญญาทำให้เสียงถูกใจได้ ไม่ต้องหวังจะซื้อมาเพิ่ม ต่อให้ของชั้นเทพ ... มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ถ้าไร้ความพยายาม...ว่าแล้ว htg2 ไม่ได้ดั่งใจ เป็น ebay เลยดีกว่าหมดตัวเร็วดี


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
เท่าที่รู้มา SE มันมี harmonic เลขคู่มากกว่าครับ  แต่ harmonic เลขคู่มันทำให้เสียงหวาน คนเลยชอบ

ส่วน PP มันไม่มีมาก  ส่วน classA มันไม่มีความเพี้ยนทาง phase shift ตรงรอยต่อของลูกคลื่น ส่วน PP มักจะมีมันคนละอย่างกันครับ


ออฟไลน์ Aonamp

  • ใช้หลักเศรฐศาสตร์แบบพอเพี่ยงเพื่อชีวิตที่มั่นคง
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,601
    • เพศ:ชาย
  • เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ราชนาวี
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ

พี่เขาคงพูดถึง ดิสทรอชั่นน่ะครับ SE กับความเพี้ยนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยครับ รับได้ก็ชอบ รับไม่ได้ก็บอกว่า หวานๆ เอื้อนๆ เกินต้นฉบับ  :D
แสดงว่าseมีเพี้ยนมากกว่าppหรือครับ  ผมยังงงอยู่เลยครับพี่
 พี่  nutty  พี่ pinij ขยายความหน่อยครับพี่ ที่งงก็เพราะว่า ตามหลัก ที่ผมเข้าใจ se มักเป้นคลาสa วึ่งขยายได้ทั้งลูป ส่วนpp  แบ่งกันขยายตนละครึ่งลูป แล้วเอามารวมกัน ที่เอ้าพุท
ถ้าเทียบผมกลัวมันจะแยกไม่เด็ดขาด หรือไม่รอยต่อก็ไม่น่าจะสนิท มันน่าจะสูยเสียมากกว่าครับพี่
อยากมี อยากได้ อยากทำ แต่แค่ขำๆแบบพอเพียง 
 ( ข้อความทุกข้อความเป้นความเห้นส่วนตัวและขอรับผิดชอบต่อข้อความที่ได้พิมพ์หรือเขียนไว้ครับ)     ข้อมูลส่วนตัว      http://www.htg2.net/index.php?topic=33682.0


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ผมก็เหมือนคุณ Pinij เหมือนกัน ยังไม่เข้าใจในตัว Ambience ที่แท้จริงว่ามันคืออะไรแน่  แต่จากคุยกันมันเหมือนกับรายละเอียดการอัดที่ไม่ใช่ตัวเพลงเอง  แต่เป็นความมีชีวิตชีวาของนักดนตรี

พูดถึงตรงนี้ นึกถึงตอนที่ผมได้เครื่องหลอดตัวแรกมา ผมเอาไปฟังที่บ้านน้องคนหนึ่ง ที่ชอบฟังเพลง แต่ก็ไม่ใช่นักเล่น  ชูดของเขามีเครื่องเล่น cd กับ แอมป์โซลิด ที่มียี่ห้อติดตลาด แต่ก็เป็นระดับปานกลาง ราคารวมกันประมาณ 3หมื่น  ส่วนลำโพงเขาซื้อของดีหน่อยราคา 2หมื่นกลาง พอเอาเครื่องหลอดตัวเล็กๆ ของผมตัวไม่ถึงหมื่นไปลองฟังกัน  เขาตกใจ เพราะเพลงที่เขาฟังทุกวัน เขาไม่ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีหลายชิ้นที่ออกมาจากเครื่องผม  ยิ่งมีบางเพลงเขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของนักดนตรีจากการฟัง เช่น คนเล่นตัวหมุนให้เสียงแกร็กๆ (ไม่รู้เรียกอะไร) เขายกมือขึ้นด้วยตอนควงแขน  ปกติเขาไม่เคยรู้สึก อะไรทำนองนี้  ผมไม่แน่ใจว่าในภาษาดนตรีจะเรียกความรู้สึกนี้ว่า ambience หรือปล่าว    ยิ่งไปกว่านั้น เราลองเปลี่ยนหลอดกันเล่น แล้วฟังเพลงซ้ำๆ เรามีความรู้สึกเหมือนกันหลายครั้งว่า นักร้องให้อารมณ์เพลงเปลี่ยนไปด้วย  มีเพลงหนึ่ง ผมจำไม่ได้ว่าเป็นเพลงไหน จำได้แต่เป็นผู้หญิงร้อง เพลงคนอกหัก  ผมเปลี่ยนหลอด drive เบอร์เดียวกัน แต่คนละยี่ห้อ  บางหลอดให้อารมณ์เศร้าๆ  บางหลอดฟังแล้วเหมือนนักร้องเพิ่งหัดร้องยืนตัวแข็งๆ  บางหลอดฟังแล้ว รู้สึกอยากตาย (มันให้อารมณ์เศร้าเหมือนดูหนังเศร้าแล้วน้ำซึม)   คนที่ฟังมี 4 คน คือผมกับแฟนผม และน้องกับแฟนเค้า  ทุกคนรู้สึกเหมือนกันเลย  มันแปลกมาก  แต่ก็อธิบายเป็นคำทางดนตรีไม่ถูกว่าจะเรียกว่าอะไรดีครับ  หลังจากนั้นแฟนของน้องผม ที่ปกติจะรำคาญน้องผมคนนี้ เวลาที่เขาจดจ่อฟังเพลง กลับมาสนใจและชอบฟังเพลงมากขึ้น  แต่ต้องเป็นเพลงเล่นจากเครื่องดีๆ เท่านั้น  เครื่องธรรมดาเธอฟังแล้วรำคาญเหมือนเดิม


ออฟไลน์ nut_ty

  • คนดีคือคนที่ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,901
    • เพศ:ชาย
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ

พี่เขาคงพูดถึง ดิสทรอชั่นน่ะครับ SE กับความเพี้ยนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยครับ รับได้ก็ชอบ รับไม่ได้ก็บอกว่า หวานๆ เอื้อนๆ เกินต้นฉบับ  :D
นายวัชระ สลัดแก้ว
โทร 083 1214445


ออฟไลน์ Aonamp

  • ใช้หลักเศรฐศาสตร์แบบพอเพี่ยงเพื่อชีวิตที่มั่นคง
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,601
    • เพศ:ชาย
  • เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ราชนาวี
SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP
 พี่ครับ ช่วย อธิบายหน่อยครับ ว่าทำไมseให้ความถูกต้องไม่เท่าppครับ
อยากมี อยากได้ อยากทำ แต่แค่ขำๆแบบพอเพียง 
 ( ข้อความทุกข้อความเป้นความเห้นส่วนตัวและขอรับผิดชอบต่อข้อความที่ได้พิมพ์หรือเขียนไว้ครับ)     ข้อมูลส่วนตัว      http://www.htg2.net/index.php?topic=33682.0


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ผมอาจจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวที่ได้พบเจอมามากเกินไป ก็จริงอย่างที่คุณ Pollock แอมป์ก็ทำให้รายละเอียดหรือพวกแอมเบี้ยนซ์หายไปได้ คือสมมุติว่าเราพันเอาท์พุทออกมาเสียงบนสุดล่างสุดขาดหายไป ก็สกัดกั้นเสียงเหล่านี้ได้เหมือนกัน คือส่วนมากที่ผมทำแอมป์จะออกมาครบ เลยเจอแต่ลำโพงที่ใช้ไปไม่ถึงดวงดาวซะมากกว่า  //// ที่จริงคำว่า Ambience หรือรายละเอียดเล็กๆ นี้นั้น ผมก็ยังไม่ทราบจากผู้ตั้งกระทู้ว่ามันเป็นอะไรบ้าง? ออกมาชี้แจงตรงนี้หน่อยก็จะดีครับ ในนี้เห็นมีคุยแต่เรื่องทำเครื่อง ดีใจที่มีคนสนใจคุยเรื่องเสียงกันบ้างแบบนี้น่ะครับ ////  สำหรับผมแอมป์เบี้ยนซ์ที่ผมยากได้ยินมากๆ คือ สิ่งที่คอนดักเตอร์ของวงออร์เคสต้า ต้องการให้มี เช่น เสียงของเบสที่ถูกสีหรือถูกดีดเบาๆ หรือเสียงของกลองทิมไฟนี่ที่ตีเบาๆ คือเสียงพวกนี้ในการเล่นบางครั้งจะเบามากๆ จนฟังจากชุดที่ไม่ดีก็จะไม่ได้ยิน มันทำให้รู้สึกขาดรสชาติไปพอสมควรครับ  แต่ก็มีบางคนบางกลุ่มที่ชอบฟังแอมป์เบี้ยนซ์ของหมาเห่าหมาหอน ว่าเกิดขึ้นที่ตรงไหน? อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วรายละเอียดเล็กๆ น้อยจากในห้องอัดพวกเสียงพลิกโน๊ต หรือไอเบาๆ อะไรพวกพวกนี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีๆ เหมือนกันนะครับ ในเวลาฟังเพลงเพลินๆ แล้วได้ยินเสียงเหล่านี้ //// จากจะสรุปอะไรทำให้เสียงพวกนี้หายไป เมื่อแผ่น Original เค้ามีมาให้ ผมคิดว่าทุกส่วนทำให้มันหายไปได้ แต่จากประสบการณ์ของผม สิ่งที่พบมาคือ การเอาแผ่นดำมาทำเป็น CD เสียงส่วนนี้หายมากที่สุดครับ K] ในส่วนของแอมป์ผมยังไม่เคยพบ และส่วนสุดท้ายที่พบไม่แพ้การทำรีอิสซู่คือ ตัวลำโพงครับ K] หลอดแต่ละเบอร์คิดว่าไม่ใช่ปัญหา เราแก้ไขปรุงแต่งมันได้ และวงจรที่เป็นมาตรฐานที่พวกเราทำๆ กันก็ไม่น่าจะทำให้เสียงพวกนี้หายไปได้เช่นกัน แต่อาจทำให้มันออกมาได้ความชัดเจนไม่เท่ากัน เช่น SE ย่อมให้ความถูกต้องไม่เท่า PP ครับ :bye1
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณมากครับ ที่ให้ความกระจ่าง


ออฟไลน์ pollock

  • Director
  • *****
    • กระทู้: 761
    • เพศ:ชาย
  • Netural Sound
    • รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ | วัฒนาดีไซน์
ผมไม่มีความเห็นว่า Ambience ที่มากกว่า หรือน้อยกว่านั้นจะขึ้นอยู่กับหลอดครับ เนื่องจากเครื่องโซลิกก็ให้ Ambience ได้ดีเช่นกัน
ผมมองว่า System ที่มีคุณภาพดี สามารถให้ Ambience ทีดีได้ครับ

นั่นคือ Ambience ของแผ่นที่มีการบันทึกมานะครับ คือ System ที่ดี สามารถถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงที่ถูกบันทึกออกมาได้ดีครับ รวมถึง Ambience ที่ได้ถูกบันทึกมาด้วย ไม่ใช่ Ambience ที่ถูกสร้างขึ้นจากหลอด หรือลำโพงนะครับ แบบนั้นคือเสียงเพี๊ยน

เพราะฉนั้น จากที่ผมกล่าวไว้ตั้งแต่กระทู้แรกแล้วว่า ผมให้ความสำคัญกับตัวของไฟล์ต้นฉบับ หรือต้นทางมากว่า แผ่นที่บันทึกมาไม่ดีก็ย่อมไม่ได้รับ Ambience ที่ดีครับ
จากจุดนี้ ขยายความอีกคือ ผมตั้งใจบอกอ้อมๆ ว่า อย่าไปมองที่หลอดหรืออุปกรณ์เพียงบางส่วน ในการที่จะให้ได้เสียงที่ครบถ้วนตามที่ถูกบันทึกมานั้น มันอยู่ที่ System โดยรวมมากกว่าครับ เป็นการเปลี่ยนทัศนคติของเจ้าของกระทู้ในช่วงแรกที่ต้องการหาหลอดที่ให้ Ambience ได้ดีครับ ให้มองที่สิ่งโดยรวมต่างๆ มากกว่าแค่หลอดครับ

หากสร้างแอมป์หลอดดีๆ ออกมาสักตัว ไม่ว่าจะใช้เบอร์ใดก็ตาม ย่อมได้เอกลักษณ์เสียงที่ต่างกันอยู่แล้ว แต่หลอดทุกเบอร์ที่เรานำมาใช้สร้างแอมป์นั้น ก้ต้องขึ้นอยู่กับวงจรอีก อุปกรณ์ต่างๆ ภายในก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น เลือกหลอดดี แต่อุปกรณ์ภายในไม่แมทช์กัน ก็ไม่ได้เสียงที่ดีตามต้องการอีก การจะให้ได้เสียงที่ครบถ้วนตามที่บันทึกมานั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ ครับ


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ถ้ายังงั้นคุณ Pollock พอจะช่วยขยายความเข้าใจ ในประเด็นของเจ้าของกระทู้ต่อได้มั้ยครับว่า เครื่องขยายเสียงหลอด ที่ใช้หลอดเบอร์ไหนให้ ambience เยอะๆ หรือว่าเป็นที่อุปกรณ์ในเครื่องตัวไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องครับ

และถ้าเป็นไปได้ ช่วยอธิบาย coloration อย่างละเอียดด้วยได้ไหมครับ
เห็นด้วยกับคุณไก่ที่ถามย้ำอีกครั้งครับ ผมก็อยากจะรู้ว่าหลอดเบอร์ไหนให้ Ambience ดีมากว่าหลอดเบอร์อื่น และอยากจะถามต่อว่า Ambience ที่ว่าให้ได้มากว่ากนนั้น กับรายละเอียดมากๆ คือมันมีความหมายเดียวกันกับ Ambience เยอะๆ หรือมันแตกต่างกันอย่างไร? ต้องขอฝากคุณ Pollock ช่วยอธิบายให้ฟังอีกข้อหนึ่งด้วยนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ถ้ายังงั้นคุณ Pollock พอจะช่วยขยายความเข้าใจ ในประเด็นของเจ้าของกระทู้ต่อได้มั้ยครับว่า เครื่องขยายเสียงหลอด ที่ใช้หลอดเบอร์ไหนให้ ambience เยอะๆ หรือว่าเป็นที่อุปกรณ์ในเครื่องตัวไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องครับ

และถ้าเป็นไปได้ ช่วยอธิบาย coloration อย่างละเอียดด้วยได้ไหมครับ


ออฟไลน์ pollock

  • Director
  • *****
    • กระทู้: 761
    • เพศ:ชาย
  • Netural Sound
    • รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ | วัฒนาดีไซน์
ขออนุญาตต่ออีกนิดแล้วกันนะะครับ
จากที่ท่านต่างๆ ได้พูดกันไปแล้ว เรื่องของความไวของลำโพง หรือประเภทของลำโพงจริงๆ นั้น ไม่ได้มีผลกับ ambience เท่าใดนัก

ambience นี้เอาง่ายๆ มันคือเสียงของบรรยากาศที่อยู่รอบๆ ตัวโน๊ต อย่างเช่นเวลาที่เราได้ยินเสียงคนเล่นกีต้าร์โปร่ง มันจะมีความก้องกังวาลมากกว่าเพลงที่ถูกบันทึกมา (เนื่องจากความจำกัดในอะไรหลายๆ อย่าง ที่บันทึกยากๆ ก็เปียนโน) ซึ่งความก้องกังวาลที่เกิดออกมารายล้อมรอบๆ โน๊ตหลักนั่นคือบรรยากาศของเสียงแบบสด และเป็นธรรมชาติของเสียงที่ควรจะมี

ทีนี้ในเรื่องของเรื่องคือ ต้องการฟังเสียงที่ได้ยิน ambience ชัดๆ ตรงนี้จากที่กล่าวๆ กันมาก็มาจบลงที่ต้นทาง คือไฟล์ของเสียงนั่นเอง ในช่วงที่ผ่านมา สื่อบันทึกเสียงที่ยังคงได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักฟังก็ยังคงเป็นแผ่นเสียงอยู่ เนื่องจากการเก็บความถี่ต่างๆ เอาไว้อย่างครบถ้วนในรูปแบบอนาล็อก รวมถึงความถี่ช่วงที่มากกว่า 20Hz-20KHz บางท่านอาจจะไม่ได้ยินความถี่ที่มากกว่านี้ แต่ก็สามารถที่จะรับรู้ได้เป็นบรรยากาศและความรู้สึกเป็นต้น (ระบบการบันทึก Digital นั้น จำกัดความถี่ที่ 20Hz-20KHz จึงทำให้บรรยากาศ เนื้อเสียง และอารมณ์เพลงของ CD นั้น ด้อยกว่าแผ่นเสียงอยู่มาก ถึงปัจจุบัน การบันทึกจะมีการพัฒนาไปมาก แต่ถ้ามาจบลงที่แผ่น CD ซึ่งมีความจุเพียงจำกัด ก็จบลงเพียงเท่านั้นเช่นกัน)

ผมจึงเน้นสำคัญคือเรื่องของไฟล์ต้นทาง ไฟลืที่มีการบันทึกมาดี หลังจากนั้นก็มาดูที่เครื่องขยายเสียงที่ได้มาตรฐาน รวมถึงลำโพงที่มีคุณภาพ แต่ อย่าให้ความสำคัญของลำโพงมากกว่าเครื่องขยายครับ ผมมองว่าเครื่องขยายที่มีคุณภาพสูงถึงจะสามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงของลำโพงนั้นๆ ออกมาได้ด้วย ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกเครื่องขยาย และลำโพงที่มีความแมทช์และลงตัวกัน ถึงจะถ่ายทอดเสียงออกมาได้เป็นธรรมชาติ (อาจจะรวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น)

หากดูตามความสำของชุดเครื่องเสียง ก็จะมาดังนี้ครับ แผ่นเสียง หรือไฟล์ต้นทาง > เครื่องเล่นแผ่น, เครื่องเล่นไฟล์ต้นทาง > เครื่องขยายเสียง > ลำโพง (อาจจะมี Accessories อื่นๆ อีก ก็แล้วแต่ครับ)

หากได้ลำโพงดีๆ มา ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม แต่ใช้กับแอมป์ที่ไม่สามารถทำให้ลำโพงนั้นแสดงความสามารถของมันได้ ก็ถือว่าไม่ได้ลุล่วงตามที่หวังไว้เช่นกันครับ
 :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ธันวาคม, 2010, 12:52:10 am โดย pollock »


ออฟไลน์ ยิ้มละไม

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,553
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ได้ความเข้าใจดีเลยครับ  :clap


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ผมขอเสนออะไรนิดหน่อย ไม่รู้จะเข้าท่ามั้ย

ผมว่ารายละเอียดเยอะๆ มันน่าจะมาจากลำโพงความไวสูงๆ  อย่างลำโพงที่ผมเล่น เป็นแม่เหล็ก alnico เอามาประกอบมั่วๆ มันฟังดูมีรายละเอียดเยอะมาก คราวที่แล้วได้คุยกับ Bruce Edgar เขาก็พูดถึง แต่เขาใช้ลำโพง field coil ที่ให้พลังและรายละเอียดดี  แอมป์หลอดใช้หลอดยี่ห้อดีๆ อุปกรณ์ดีๆ โดยเฉพาะตัวที่ทำให้พลังงานสูญหายมากๆ เช่น output trans  ถ้าใช้ของดีมากๆ รายละเอียดก็จะไม่หาย  ให้รายละเอียดสูงเหมือนกันครับ

คุณ Pinij  คีย์บอร์ดเก่าเปลี่ยนได้แล้วครับ อันละไม่กี่ร้อยเอง ให้เติม "ไม้หันอากาศ" ให้ เด๋วผมเกิดเติมผิดที่ จะยุ่งอีกนะครับ  2f  2f  2f  2f  อ่านของคุณ Pinij แล้ว เกิดความอยาก แต่จะไปหาของเล่นอย่างคุณ Pinij ว่า คงจะไม่มีปัญญา  เรียนถามว่า เพลงที่โหลดจากแผ่นดำนี่ ถ้าเอาเขียน cd รายละเอียดจะหายมั้ยครับ
ความไวสูงหรือต่ำของลำโพง ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับความละเอียดที่ให้ออกมาจากลำโพง จากการเปรียบเทียบจาก VOT (105 dB) กับ FOCUS FS 68 Stracked (85 dB) ให้รายละเอียดของเสียงออกมาไม่แตกต่างกัน และพอๆ กันด้วย FUCUS คุยว่าปลายแหลมไปถึง 22 kHz เจ้า VOT ก็คุยว่าไปถึง 22kHz (ถ้าใช้ว๊อยคอยล์เป็นอะลูมิเนียม)  ผมก็ฟังแล้วว่ามันก็ไปได้เท่ากันจริงๆ //// ผมใช้โน๊ตบุ๊กเก่าๆ จะเปลี่ยนแป้นครีย์ใหม่มันแพง ก็เสียดายตังค์ ว่าจะเปลี่ยนเป็น MAX ละคราวนี้
อืมมม งั้นลำโพงตัวแพงเล่นแผ่นดำมันทำให้ ambience มันหายไปตรงไหน น่าสงสัยมากเลยครับ  หรือว่าเป็นที่แอมป์  น่าค้นคว้าหาเหตุผลมากเลยครับ

notebook มี usb port มั้ยครับ  ถ้ามีไม่ต้องไปเปลี่ยนแป้นครับ ซื้อ keyboard usb มาเสียบเลย พิมพ์ง่ายกว่า keyboard ของเครื่องเยอะครับ
ตอบคำตอบนี้ง่ายมากๆ ครับ ก็คนที่ฟังเพลงคลาสสิก คนที่เข้าถึงเพลงคลาสสิกจริงๆ เค้าไม่ได้มานั่งฟังรายละเอียดนะจิ เค้าฟังอารมย์ของเพลงที่ให้ออกมา จนลืมฟังรายละเอียดละครับ แต่ละคนมีความสนใจไม่เหมือนกัน ผมฟัง QUAD ESL 63 Stacked มันไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลยชักนิด แต่ผมชอบฟงมันมากกว่า FOCUS และ VOT ด้วยซ้ำไป เพราะมันให้ Feeling ในการรับฟังเพลงคลาสสิกมากกว่ากันละครับ แต่ถ้าเราฟงแจ็สก็อีกเรื่องนะครีับ อันนี้ต้องรายละเอียดเยอะๆ ละครับ ถึงจะดี
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ผมขอเสนออะไรนิดหน่อย ไม่รู้จะเข้าท่ามั้ย

ผมว่ารายละเอียดเยอะๆ มันน่าจะมาจากลำโพงความไวสูงๆ  อย่างลำโพงที่ผมเล่น เป็นแม่เหล็ก alnico เอามาประกอบมั่วๆ มันฟังดูมีรายละเอียดเยอะมาก คราวที่แล้วได้คุยกับ Bruce Edgar เขาก็พูดถึง แต่เขาใช้ลำโพง field coil ที่ให้พลังและรายละเอียดดี  แอมป์หลอดใช้หลอดยี่ห้อดีๆ อุปกรณ์ดีๆ โดยเฉพาะตัวที่ทำให้พลังงานสูญหายมากๆ เช่น output trans  ถ้าใช้ของดีมากๆ รายละเอียดก็จะไม่หาย  ให้รายละเอียดสูงเหมือนกันครับ

คุณ Pinij  คีย์บอร์ดเก่าเปลี่ยนได้แล้วครับ อันละไม่กี่ร้อยเอง ให้เติม "ไม้หันอากาศ" ให้ เด๋วผมเกิดเติมผิดที่ จะยุ่งอีกนะครับ  2f  2f  2f  2f  อ่านของคุณ Pinij แล้ว เกิดความอยาก แต่จะไปหาของเล่นอย่างคุณ Pinij ว่า คงจะไม่มีปัญญา  เรียนถามว่า เพลงที่โหลดจากแผ่นดำนี่ ถ้าเอาเขียน cd รายละเอียดจะหายมั้ยครับ
ความไวสูงหรือต่ำของลำโพง ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับความละเอียดที่ให้ออกมาจากลำโพง จากการเปรียบเทียบจาก VOT (105 dB) กับ FOCUS FS 68 Stracked (85 dB) ให้รายละเอียดของเสียงออกมาไม่แตกต่างกัน และพอๆ กันด้วย FUCUS คุยว่าปลายแหลมไปถึง 22 kHz เจ้า VOT ก็คุยว่าไปถึง 22kHz (ถ้าใช้ว๊อยคอยล์เป็นอะลูมิเนียม)  ผมก็ฟังแล้วว่ามันก็ไปได้เท่ากันจริงๆ //// ผมใช้โน๊ตบุ๊กเก่าๆ จะเปลี่ยนแป้นครีย์ใหม่มันแพง ก็เสียดายตังค์ ว่าจะเปลี่ยนเป็น MAX ละคราวนี้
อืมมม งั้นลำโพงตัวแพงเล่นแผ่นดำมันทำให้ ambience มันหายไปตรงไหน น่าสงสัยมากเลยครับ  หรือว่าเป็นที่แอมป์  น่าค้นคว้าหาเหตุผลมากเลยครับ

notebook มี usb port มั้ยครับ  ถ้ามีไม่ต้องไปเปลี่ยนแป้นครับ ซื้อ keyboard usb มาเสียบเลย พิมพ์ง่ายกว่า keyboard ของเครื่องเยอะครับ


ออฟไลน์ PINIJ

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,474
  • vinyLPhile
    • PhooPheemKoff
ที่ท่าน PINIJ พูดถึงไฟล์ที่จะอัพ   
หมายถึง vinyl rip เป็น flac ที่ 24 bit/96 KHz - 192 KHz  ใช่ไหมครับ
ไฟล์คงใหญ่น่าดู  แต่ก็น่าลอง
ผมอัดเสียงจากแผ่นดำลงฮาทดิสซ์เป็น 24/192 เป็น ดอทเวฟครับ (.wav)
ข้อมูลส่วนตัว  http://phoopheem.multiply.com/ Thai Arabica Peaberry Coffee  กำลังพยายามปรับปรุงการคั่วกาแฟให้อร่อยที่สุดสำหรับตัวเองอยู่
MyFacebook  https://www.facebook.com/pinij.parnichwatra