HTG2.club

สงสัยเรื่องเสียงจาก DAC

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hongkongface

  • *****
    • กระทู้: 756
  • อยากกินทีรามิสุ

ออฟไลน์ RCDragon

  • *****
    • กระทู้: 749
    • เพศ:ชาย
  • Colorful Life in Beautiful Country.....
คงต้องลองคิดกันดีๆว่า jitter คืออะไรครับ

สำหรับคอมพิวเตอร์ CD ROM audiophile คงไม่จำเป็น สิ่งที่ต้องการคือ bit perfect

การอ่านข้อมูลจาก CD เพลง มันอาจจะไม่ได้ bit perfect ครับ ซึ่งเขามีวิธีตรวจสอบเรื่องนี้โดยใช้ ฐานข้อมูล Accurate Rip

เมื่อรับได้ไฟล์เสียงที่พอเชื่อถือได้เมื่อเทียบกับ accurate rip หลังจากนั้นมันก็จะเก็บในรูปแบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัญหาเรื่องเวลานำมาเล่นเรื่อง bit error มันจะเหลือน้อยมากจนถึงไม่มีเลย

การเก็บเพลงในรูปแบบไฟล์ jitter มันจะไม่เกี่ยวเลยครับ คิดง่ายๆว่า jitter เป็นเรื่องของความห่างในแกนของเวลาของแต่ละช่วงข้อมูล เอาง่ายก็ตัวอย่างเช่น ไฟล์มันเก็บว่า bit มีค่าเท่าไรและจะนับเป็นช่วงอย่างไร (sampling rate) โดยถือว่าระยะห่างของข้อมูลมันเท่ากันเมื่อเีทียบกับ sampling rate (มันไม่ได้เก็บว่าข้อมูลถัดไปจะห่างออกไปอีกกี่ pico sec ครับ)

jitter มันจะโผล่มาอีกทีก็ตอนเล่นมันครับ ถือซะว่า computer ก็เป็น transport ก็ง่ายดีครับ แค่ต่างกันที่ media ในการเก็บข้อมูล ซึ่งมันแก้ไขปัญหาเรื่อง bit perfect ของmedia ก็เท่านั้นเองครับ


เมื่อเรามาเล่นไฟล์เพลงจากคอมพิวเตอร์ jitter มันก็ยังมีอยู่ดี เพียงแต่แก้ไขปัญหาว่าข้อมูลได้ออกมาครบหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ transport ดีๆยังไม่แน่ว่าจะให้ได้ครบหรือไม่ ถ้าอยากจะรู้คงต้องเอา spdif จากtransport มาบันทึกลงเิป็นไฟล์แล้วเทียบกับ accurate rip อีกที

ปัญหาเรื่อง jitter มันแก้ได้หลายวิธี หลักๆมันอยู่ที่ต้องมี clock ที่แม่นยำ

ว่ากันไปเรื่อยสุดท้ายมันก็อยู่ที่คนฟังอยู่ดีครับ เพราะคนเป็นตัวแปรที่ไม่เที่ยงมากครับ ถ้าซีเรียสเรื่องนี้มากก็ทำ double blind test เอาก็ได้ครับ

ทดสอบความสามารถของเครื่องมันไม่ยากหรอกครับ เอาง่ายๆก็ใช้ scope

แต่ทดสอบความสามารถของผู้ฟังมันยากกว่าเยอะ เพราะมันมีเรื่องของจิตวิทยาเข้ามาเกียวด้วย (เช่นบางคนสามารถฟังเสียงที่ความถี่สูงๆได้ แต่ไม่สามารถแยกข้อมูลหลายๆข้อมูลพร้อมกันได้ เช่นหูซ้ายฟังตัวเลข หูขวาฟังตัวอักษร พร้อมกัน) ซึ่งคนที่ต้องเลี้ยงชีพด้วยเรื่องนี้คงไม่อยากมาเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเอง หรือจ่ายเงินไปมากๆก็ไม่อยากเสียหน้าหรอกครับ (ส่วนตัวผมไม่สนเรื่องนี้หรอกครับ เพราะมันก็เงินเขาเองทั้งนั้น จะใช้จ่ายอย่างไรมันไม่มีโง่ไม่มีฉลาดหรอกครับ ขอให้ทำความเข้าใจให้ดีๆก่อนจ่ายเงินว่าจ่ายไปเพราะอะไรครับ)

ปล เรื่อง computer เป็น transport สำหรับผมเป็นเรื่องความสะดวกครับ
O0  O0


ออฟไลน์ Goda Takeshi

  • *****
    • กระทู้: 656
    • เพศ:ชาย
คงต้องลองคิดกันดีๆว่า jitter คืออะไรครับ

สำหรับคอมพิวเตอร์ CD ROM audiophile คงไม่จำเป็น สิ่งที่ต้องการคือ bit perfect

การอ่านข้อมูลจาก CD เพลง มันอาจจะไม่ได้ bit perfect ครับ ซึ่งเขามีวิธีตรวจสอบเรื่องนี้โดยใช้ ฐานข้อมูล Accurate Rip

เมื่อรับได้ไฟล์เสียงที่พอเชื่อถือได้เมื่อเทียบกับ accurate rip หลังจากนั้นมันก็จะเก็บในรูปแบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัญหาเรื่องเวลานำมาเล่นเรื่อง bit error มันจะเหลือน้อยมากจนถึงไม่มีเลย

การเก็บเพลงในรูปแบบไฟล์ jitter มันจะไม่เกี่ยวเลยครับ คิดง่ายๆว่า jitter เป็นเรื่องของความห่างในแกนของเวลาของแต่ละช่วงข้อมูล เอาง่ายก็ตัวอย่างเช่น ไฟล์มันเก็บว่า bit มีค่าเท่าไรและจะนับเป็นช่วงอย่างไร (sampling rate) โดยถือว่าระยะห่างของข้อมูลมันเท่ากันเมื่อเีทียบกับ sampling rate (มันไม่ได้เก็บว่าข้อมูลถัดไปจะห่างออกไปอีกกี่ pico sec ครับ)

jitter มันจะโผล่มาอีกทีก็ตอนเล่นมันครับ ถือซะว่า computer ก็เป็น transport ก็ง่ายดีครับ แค่ต่างกันที่ media ในการเก็บข้อมูล ซึ่งมันแก้ไขปัญหาเรื่อง bit perfect ของmedia ก็เท่านั้นเองครับ


เมื่อเรามาเล่นไฟล์เพลงจากคอมพิวเตอร์ jitter มันก็ยังมีอยู่ดี เพียงแต่แก้ไขปัญหาว่าข้อมูลได้ออกมาครบหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ transport ดีๆยังไม่แน่ว่าจะให้ได้ครบหรือไม่ ถ้าอยากจะรู้คงต้องเอา spdif จากtransport มาบันทึกลงเิป็นไฟล์แล้วเทียบกับ accurate rip อีกที

ปัญหาเรื่อง jitter มันแก้ได้หลายวิธี หลักๆมันอยู่ที่ต้องมี clock ที่แม่นยำ

ว่ากันไปเรื่อยสุดท้ายมันก็อยู่ที่คนฟังอยู่ดีครับ เพราะคนเป็นตัวแปรที่ไม่เที่ยงมากครับ ถ้าซีเรียสเรื่องนี้มากก็ทำ double blind test เอาก็ได้ครับ

ทดสอบความสามารถของเครื่องมันไม่ยากหรอกครับ เอาง่ายๆก็ใช้ scope

แต่ทดสอบความสามารถของผู้ฟังมันยากกว่าเยอะ เพราะมันมีเรื่องของจิตวิทยาเข้ามาเกียวด้วย (เช่นบางคนสามารถฟังเสียงที่ความถี่สูงๆได้ แต่ไม่สามารถแยกข้อมูลหลายๆข้อมูลพร้อมกันได้ เช่นหูซ้ายฟังตัวเลข หูขวาฟังตัวอักษร พร้อมกัน) ซึ่งคนที่ต้องเลี้ยงชีพด้วยเรื่องนี้คงไม่อยากมาเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเอง หรือจ่ายเงินไปมากๆก็ไม่อยากเสียหน้าหรอกครับ (ส่วนตัวผมไม่สนเรื่องนี้หรอกครับ เพราะมันก็เงินเขาเองทั้งนั้น จะใช้จ่ายอย่างไรมันไม่มีโง่ไม่มีฉลาดหรอกครับ ขอให้ทำความเข้าใจให้ดีๆก่อนจ่ายเงินว่าจ่ายไปเพราะอะไรครับ)

ปล เรื่อง computer เป็น transport สำหรับผมเป็นเรื่องความสะดวกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กุมภาพันธ์, 2011, 01:55:09 pm โดย Goda Takeshi »


ออฟไลน์ pon02829

  • *****
    • กระทู้: 792
    • เพศ:ชาย
คงต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงละครับท่าน
นั่งเกวียนไม่ทำให้โลกร้อนไม่มีมลพิษ นั่งรถยนต์สร้างแต่มลพิษ แต่ว่าใครละจะมานั่งเกวียนกันอยู่
เดียวนี้ไม่ว่าไปที่ใหนๆ ก็เห็นแต่เอาโน๊ตบุคตั้งแล้วเปิดเพลง กันเป็นส่วนใหญ่ คงจะหาคนที่หอบ CD ไปโนั้นมานี้คงมีน้อย

คนเราส่วนใหญ่มักเห็นความสะดวกสบายมาก่อนทุกสิ่งอย่าง (ที่ว่ามา คงไม่เกี่ยวไรกับกระทู้นะครับ)


ตรงใจผมเลย...แบก CD Player ไปด้วยไม่ไหว

หาไรสะดวกๆตอนอยู่ข้างนอก..ก็ดีไม่เบานะครับ


ออฟไลน์ อ้ายเชียร

  • *
    • กระทู้: 29
คงต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงละครับท่าน
นั่งเกวียนไม่ทำให้โลกร้อนไม่มีมลพิษ นั่งรถยนต์สร้างแต่มลพิษ แต่ว่าใครละจะมานั่งเกวียนกันอยู่
เดียวนี้ไม่ว่าไปที่ใหนๆ ก็เห็นแต่เอาโน๊ตบุคตั้งแล้วเปิดเพลง กันเป็นส่วนใหญ่ คงจะหาคนที่หอบ CD ไปโนั้นมานี้คงมีน้อย

คนเราส่วนใหญ่มักเห็นความสะดวกสบายมาก่อนทุกสิ่งอย่าง (ที่ว่ามา คงไม่เกี่ยวไรกับกระทู้นะครับ)


ออฟไลน์ koolsaph

  • Freshy
    • กระทู้: 9
ผมก้อเป็นคนหนึงที่เคยสงสัยเหมือนกับคุณ แต่คนเล่นเครื่องเสียงใช้หูเป็นตัวหลักในการตัดสิน ไม่ใช่ข้อมูลทางเทคนิคเพี่ยงอย่างเดียว การอ่านสัญญาณ digital ก้อเป็นเพียงแค่ส่วนเดียว เพราะหัวอ่านถูกๆ กับอ่านสัญญาณได้ดีกว่าแำละมีการแก้ไขสํญญาณ digital ก่อนที่จะมีการแปลง ดังนั้นการที่แผ่นอ่านมีความเสถียรกว่าย่อมดีกว่าแน่ๆในทางtecnic แต่ที่สำคัญกว่านั้นคุณภาพของหัวอ่านก้อมีผลเช่นกัน เนื่องจากภาค transport ดีๆ มักไม่ค่อยรับแผ่นที่มีปัญหา เนื่องจากต้องการแผ่นทีสมบูรณ์พอสมควร ผมเคยฟัง transport ราคาถูก กับ transport ราคาแพง ต้องขอบอกว่ามีความแตกต่างจริงๆ ในแง่ของเสียงที่ได้ ถ้าคุณจะเปรียบเทียบ transport ราคาถูกกับเครื่องคอมก้อคงไม่ต่างกันมาก นอกจากนั้นปัญญาเรื่อง jitter และ clock ก้อมีผล อาจไม่มีผลมากในแง่ของคอม แต่สำหรับเครื่องเสียงนั้นมีผลมากๆครับ นอกจากนั้นเรื่องการตัดสัญญาณรบกวนล้วนมีผลต่อเสียงทั้งสิ้น อย่างที่ผมบอกสุดท้ายตัดสินกันด้วยหูเป็นหลักครับ ไม่รู้ว่าจะตรงใจไหม แต่ผมขอให้ฟังเยอะๆ แล้วจำว่าเสียงดีเป็นอย่างไร แล้วหลังจากนั้นค่อยใช้ข้อมูลทางtecnic มาเพื่อsupport ว่าทำไมมันถึงเสียงดี เพราะคนทำเครื่องเสียงมีความเชื่อของตนเอง และมักจะทำตามความเชื่อนั้นๆ ถูกบ้าง ผิดบ้าง คนฟังคื่อคนตัดสินครับ



ออฟไลน์ hongkongface

  • *****
    • กระทู้: 756
  • อยากกินทีรามิสุ
เอาง่ายๆ นะครับ ผมเองก็มือใหม่
ถ้าเครื่องเล่นซีดีภาคทรานสปอร์ตไม่แน่น เวลาเล่นแผ่นๆ มันก็อาจจะแกว่งๆ จากการสั่นสะเทือนหรือเสียงเพลงที่เราเปิดก็แล้วแต่
ข้อมูลที่อ่านก็อาจจะ skip บ้าง กะตุกบ้าง อะไรบ้าง :D

เวลาเค้าริปเพลงลงเครื่อง ก็มักจะใช้โปรแกรม eac ในการริป ซึ่งสามารถปรับหัวอ่านซีดีรอมได้ ให้อ่านแผ่นได้เที่ยงตรงที่สุด
เมื่อข้อมูลอยู่ในคอมพ์แล้ว ก็ไม่มีปัญหาเรื่องแผ่นมันแกว่งๆ
แถมยังมีการตรวจสอบข้อมูลที่ส่งไปว่าครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ช้าเร็ว มากน้อย ปรับให้สมบูรณ์ได้ยิ่งขึ้น

ประมาณนั้นครับ ผิดถูกอย่างไร รอพี่ๆ มาช่วยเสริมละกันครับ ;D

ปล.คอมพ์แต่ละตัว โนตบุค แฟลชไดรฟ เสียงไม่เหมือนกันนะครับ.....เพราะงั้นผมไม่คอนเฟิร์มว่าเสียงจะถูกใจ แม้คุณภาพจะดีกว่า Y]
http://www.htg2.net/index.php?topic=63083.0 HONGKONGROOM @ HTG2 / http://www.htg2.net/index.php?topic=53284.0 ฮ่องกงที่ผ่านไป


ออฟไลน์ ต่อ SUT

  • **
    • กระทู้: 79
คือว่าเห็นหลาย ๆ ท่านพูดกันว่าเสียงที่เล่นจากพวก คอมพิวเตอร์ แล้วไปผ่าน DAC ให้เสียงที่ดีกว่าเล่นจาก CD มาก เพราะว่าไม่มีปัญหาเรื่อง jitter เห็นวารสารเครื่องเสียงหลาย ๆ เล่ม ก็ชมนักชมหนาว่า เมื่อ rip CD ที่มีอยู่เป็น wav หรือ flac แล้วเอามาเล่น เสียงจะดี แจ่มสุดๆ ผมสงสัยว่า ตอน rip มันก็ใช้ CD-ROM ธรรมดานี่แหละ ไม่เห็นว่าจะเป็น CD-ROM รุ่น audiophile ชนิดลดปัญหาของ jitter อะไรซักนิดมาเป็น file แล้วทำไม file ที่ได้ถึงสมบูรณ์แบบ แล้วเวลาเราเล่นตรงจากเครื่องเล่น CD เลยหลายๆ คนกลับบอกว่าเสียงไม่ดี เพราะสัญญาณมาไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ผมสงสัยมานานแล้วครับรบกวนใครช่วยให้ความกระจ่ายหน่อยครับ ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร ขอบคุณล่วงหน้าครับ  O0
ป.ล. ตรุษจีนนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุข สมปรารถนา มีสุขภายกายและใจและหูที่แข็งแรงครับ  :victory