HTG2.club

การใช้งานด้าน Pri. ของ Interstage

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
ขอบคุณครับ คุณประสาน
รูปที่โพส แก้ข้อส่งสัยได้หมด   ตามรูปที่มุมบนขวาของ NC-16   เขียนไว้แล้วว่า  Turn Ratio  1+1 / 2+2
ดังนั้น  Turn Ratio  Secondary to Primary   NC-16 = 2+2/ 1+1  = 2  ดังนั้น ถ้าต่อ Serial ด้าน Primary , Secondary กำลังขยายของ NC-16 = 2 ไม่ใช่   1.414 ตามที่ผมเข้าใจไม่ถูกต้องตอนแรก
เพราะว่าเข้าใจตาม แค็ตตาล็อกของ Tango ที่เขียนว่า 7K , 1+1 : 2:2   ทำให้ผมเข้าใจว่า Impedance Ratio = 7K ต่อ 14K โดยที่ความจริงแล้ว Impedance Ratio Secondary/ Primary =  28K ต่อ 7K ( 4 ต่อ 1 )

ดังนั้น Impedance Ratio  Secondary to Primary ของ NC-16 = 4:1  และ Turn ratio NC-16 = 2:1

ต้องขอบคุณ คุณประสานและ Mr. Tube ที่พยายาม อธิบายความเข้าใจผิดของผมให้ถูกต้อง  ดีที่คุณประสานเอารูปมาให้ดู เลยเห็นทางสว่าง 
 ความจริง ผมก็มี NC-16 อยู่ที่ทำงาน แตไม่ได้เปิดกล่องดูสักที  น่าเข็กหัวตัวเอง   :black_eye


ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ภาพถ่ายจาก nameplate ของ NC-16 ที่ผมมีอยู่ครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
ขอบคุณ คุณอำพล กับ Mr. Tube ครับ
ผมกำลังงงๆ อยากจะหาข้อมูลจริงๆของ NC-16  ,7K 1+1 : 2+2 ที่ตามที่ Mr Tube บอกไว้ "เช่น UTC A-16  impedance Ratio 15k : 60k เป็นต้น จะไม่ใช้ 1:4 ครับ "

เพราะตามที Mr Tube แจ้งไว้ ว่า " แต่ถ้าจะบอกเป็น 1:2.5, 2:3 อันนี้เป็น Turn Ratio แน่นอนครับ "
ถ้าเป็นแบบนี้  NC-16 จะมี Turn Ratio = 1+1 (Serial Primary)  : 2+2 (Serial Secondary )
                                                = 2:4                        = 1:2
ดังนี้ Voltage Gain Secondary / Primary =   2/1                 = 2
เพราะว่า ตามที่ผมสังเกตหม้อแปลงของญี่ปุ่นเช่น  B-5004 ตามที่คุณ อำพล โพสมา มันคล้ายกับที่ TANGO  NC-14 แสดงไว้ 
ฺTamura  B-5002  มี Impedance Ratio  10K : 40K ,  Winding Ratio ( Secondary to Primary Turn ratio) = 1:2  ที่ ทำให้อาจเข้าใจผิดเพราะ
งั้นผมก็เข้าใจถูกต้องตามที่ กล่าวไว้ในต้นกระทู้นี้ที่
" โดยปกติถ้า ต่อ NC-16 แบบปกติ (Secondary Serial)  จะมี  Impedance Ratio  Secondary / Primary =  14K /7K    อัตราส่วนกำลังขยาย       = Square root 2 = 1.414
ฮัตราส่วนกำลังขยาย เท่ากับ Turn Ratio Secondary to Primary    คล้ายๆกับ NC-14 อันที่ อาจจะทำให้งงคือ  7K  1+1 : 2+2 เลยสอบถามไปยังผู้ผลิตทั้งสองรายเพื่อขอคำอธิบายชัดๆครับ จะได้หายสงสัย
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
โดยหลักสากลแล้ว ถ้าผู้ผลิตจะให้ข้อมูลเป็น Imp ratio จะบอกมาเป็นค่า Imp เลยครับ เช่น UTC A-16 15k : 60k เป็นต้น จะไม่ใช้ 1:4 ครับ เพราะจะทำให้ผู้ใช้สับสนครับ แต่ถ้าจะบอกเป็น 1:2.5, 2:3 อันนี้เป็น Turn Ratio แน่นอนครับ ถ้าปฏิบัติต่างไปจากนี้ ผู้ผลิตรายนั้นก็จะคุยกับผู้ใช้ไม่รู้เรื่องครับ จำได้คร่าวๆ ว่าเรื่องนี้เคยคุยกันจนมีข้อสรุปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ลอง Search หากระทู้เก่าๆ ซัก 5-6 ปีก่อนดูครับ  :)


ออฟไลน์ DIY Man.

  • It's GOOD To Be...... Audio D.I.Y.
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,363
    • เพศ:ชาย
  • Good day!
        ถ้าผมจำไม่ผิด Tamura  รุ่น B-5001(P-P) /B-5002(10K:40K) / B-5003(P-P) ถึง B-5004(5K:20K) ข้อมูลของ Turn Ratio จะเป็น 1:2 ครับพี่อานัติฯ ซึ่งตรงกับการคำนวนจาก Z ratio ครับ

*เป็นเรื่องที่น่าแปลก คือ ตระกูล B-xxx และ B-6xxx ทำตลาดไม่ดี ไม่ค่อยมีใครสนใจนัก เพราะมันระบุการตอบสนองความถี่ไว้ค่อนข้างแคบคือ 30-15KHz เท่านั้น
คนไปมองว่าขนาดลุง Sakuma ยังต้องให้ Tamura ทำรุ่น Special ออกมาแทนในงาน DIY ของตนหลายรุ่น ซึ่งแน่นอนราคาแพงกว่าธรรมดามาก โดยทาง sun เมื่อได้จังหวะก็กวาด special series หมด stock เรียบร้อยโรงเรียนพี่ยุ่นไปแล้ว  ;D  

 ซึ่งงานนี้ ถ้าจะฟัดกันจริงๆ NC-20F มันต้องชนกับ SIT-5KM ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกันเป็นต้นครับ  ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 สิงหาคม, 2011, 04:49:28 pm โดย DIY Man. »
*Theory doesn't satisfy my emotion sense !
THE HEART:   The output tubes.
THE SOUL:   The output transformers.
THE MUSCLE:   The power supply.
THE BONES:   The chassis.
THE BRAINS:  The circuitry.


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
เรียนคุณประสาน 
เนื่องด้วย ถ้าเรา อ่านคู่มือของ  Tamura Transformer มาดู เช่น     B-5003 เขียนในคู่มือว่า
B-5003   Impedance  Ratio =      5K : 20K
             Winding Ratio      =        1 :  2
ถ้าตามคู่มือของทามูระ ในญี่ปุ่น  กำลังหาตัวจริงมาดูว่า บนตัว หม้อแปลงเขียนทำนองนี้หรือเปล่าว    5K    1 : 4  หรือไม่
ใครมี Tamura  B-5XXX Interstate  ยังไงช่วยโพสรูปแผ่นปิดหม้อแปลง ที่ติดหม้อแปลงมาด้วยครับ

เพราะว่าถ้าเขียนดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้ว่า ISO Tango ,Japan น่าจะใช้มาตราฐานเดียวกัน
อาจจะเป็นไปได้ว่า   NC-16 , 7K    1+1 (Primary มีสองขด) :2+2      อาจจะเป็นไปได้ว่า บรรทัดนี้
อาจจะเป็น Impedance ratio  ไม่ใช้ Turn Ratio   ต้องหาข้อมูลประกอบเพิ่มครับ
กำลังหาคู่มือละเอียดของ Tamura  B-5002/B-6002   มาดูประกอบ

เมื่อได้ข้อมูลจากโรงงานที่ผลิตกลับมาจากญี่ปุ่น   ค่อยมาย่อยข้อมูลแล้วค่อยคุยกันต่อครับ   
การหาข้อมูล และและราคาของหม้อแปลงเสียงในญีปุ่น สามารถดูได้ที่ www.noguchi-trans.co.jpwww.sunaudio.co.Jp  ,
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
เรียนคุณประสาน

ผมกำลังตรวจสอบกัน ISO Tango ที่ญี่ปุ่นผ่านเพื่อนของผมที่ญี่ปุ่นว่า 1+1 : 2+2 ของ  NC-16
 มันมีความหมายถึง  Impedance Ratio  หรือ Turn Ratio  รวมทั้ง Tamura ในรุ่น  B-XXXX ในความหมายเดียวกัน

ได้ข้อมูลยืนยันจากผู้ผลิตเป็นตัวหนังสือเพียงใด  คงจะพอช่วยตอบข้อสงสัยในข้อนี้ได้ แล้วจะมาต่อในเรื่องนี้ต่อครับ

ผมยังค้างตอบหลายกระทู้ครับ  ไม่ลืมจะมาตอบให้หมด  ช่วงนี้ธุรกิจไม่ค่อยดี คนเราเหลือน้อยมาก แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก
ต้องทุ่มแทเวลาให้ธุรกิจอยู่รอดเป็นอย่างมาก  ก็ใก้ลหมดเวลาทำงานเต็มทีแล้ว  อยากจะพักมีเวลาสนุกๆแบบนี้เยอะ
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
อ่านเจอความเห็นในการทดสอบ Audio transformer ด้วย Square wave น่าสนใจก็เลยเอามาให้อ่านกันครับ http://www.electra-print.com/techblog.php?blogid=5
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ DIY Man.

  • It's GOOD To Be...... Audio D.I.Y.
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,363
    • เพศ:ชาย
  • Good day!
 :) มันเป็นการ Termination for best frequency response ครับน้าเหลิมฯ บางทีอาจจะ ใช้ R ต่อ Series กับ C ค่าน้อยๆ 100-1000 pF อย่างที่พบเห็นในบางวงจรเก่าๆ

        "Load ในด้าน Secondary เป็นการสะท้อน Impedance กลับไปยังขด Primary"
    
   *ถ้าเพ่งกันถึงใส้ในจริงๆ แอมป์ของลุง Sakuma San ที่ได้ฉายาเป็น sale man ให้แก่ค่าย Tamura เองก็มักจะมี Terminate Resistor ใส่ซ่อนอยู่ในเครื่องแต่ไม่ค่อยได้ระบุตัวตนจริงอยู่ในวงจร ค่าที่มันเหมาะสมมันจะมีผลต่อการตอบสนองความถี่รวมถึงความราบเรียบด้วยครับ มีวิธีง่ายๆ โดยใช้ Scope ใส่ Square Wave @ 1 KHz เอา VR (ค่ามากกว่า Zs เยอะๆ ) มาคร่อม จากนั้นค่อยๆ ปรับลดค่าจนได้รูปสี่เหลี่ยมที่สวยสมบูรณ์ที่สุด *ถ้าเอาแบบบ้านๆ ใส่แล้วก็ฟังเสียงไปปรับไปแบบผมเอาก็ง่ายดีครับ ความรู้สึกคือใส่แล้วเสียงจัดๆ โด่งๆ ลดลง ฟังแล้วเสียงราบเรียบยิ่งขึ้น   ;D

    ;) *อะไรเอ่ย  :D ยิ่งเก่ายิ่งมีราคา  K)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 สิงหาคม, 2011, 10:53:53 am โดย DIY Man. »
*Theory doesn't satisfy my emotion sense !
THE HEART:   The output tubes.
THE SOUL:   The output transformers.
THE MUSCLE:   The power supply.
THE BONES:   The chassis.
THE BRAINS:  The circuitry.


ออฟไลน์ 1856

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,272
    • เพศ:ชาย
  • ทุกอย่างหยุด ถ้ารู้จัก "พอ"
    • ข้อมูลการติดต่อนะจ๊ะ
อีกคำถามครับ > บางวงจรใช้ R ค่าสูงต่อขนานกับ Interstege ด้าน Sec. เพื่ออะไร และมีหลักการใจการใช้ค่า R อย่างไรครับ...  ???
ข้อมูลการติดต่อนะจ๊ะ  http://www.htg2.net/index.php?topic=34223.0


ออฟไลน์ DIY Man.

  • It's GOOD To Be...... Audio D.I.Y.
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,363
    • เพศ:ชาย
  • Good day!
 K) นานมาแล้ว....เห็นเสี่ยคุ้มมี B-xxxx อยู่มิใช่หรือ ???
*Theory doesn't satisfy my emotion sense !
THE HEART:   The output tubes.
THE SOUL:   The output transformers.
THE MUSCLE:   The power supply.
THE BONES:   The chassis.
THE BRAINS:  The circuitry.


ออฟไลน์ wat12(คุ้ม)

  • ชอบรวมสิ่งที่ดีๆเข้าด้วยกัน จึงไม่เกี่ยงทั้งเทคโนโลยี่แรกเริ่ม หรือล่าสุด
  • ผู้สนับสนุน web
  • Super Star.
  • *
    • กระทู้: 2,839
  • DLP 4 Studiotek130 , TUBE 4 STAX , SSamp 4 spk
สีสันของหม้อและอุปกรณ์ แอ็มป์ คุณ อำพล  กิ๊บเก๋มั่กๆ  ชอบๆๆ

ต้องหาโอกาส นำน้องแทมมี่ หม้ออินเตอร์ฯ  และหม้ออินพุท  มาใช้บ้างแล้ว

ที่ผ่านมาข้าน้อยก็ทำแต่ SE amp มาโดยตลอด..........(พูดยังกะทำแยะ  สำเร็จเรียบร้อยพอดูได้มีสามสี่ตัวเอง  ที่เหลือเคยลองแล้วรื้อ เป็นส่วนใหญ่)

พึ่งมาทำพุชพูล แต่เป็นฟูลลี่บาล้านซ์ ขับหูสแต็ก โดยตรง(ได้แรงบันดาลใจจากโปรเจ็คของคุณ dps)
วงจรก็ ใช้ SE  E80CC ,CCS load  ใช้ R-cathode  ร่วม
แหล่งสัญญาณ เป็นฟูลลี่บาล้านซ์จากแด็คฯ  24/192

รู้สึกว่า โอเคเช่นกัน  รายละเอียดต่างๆ  ยังคงมีครบครัน  อาจเป็นเพราะหลอดมันขยายสเตจเดียว แล้วสัญญาณที่เพลทสวิงประกบขับไดอะแฟรมโดยตรงเลย

(อย่่างไรก็ตาม  เดี๋ยวคงหาทางลองกับหูฟัง  ไดนามิคดูบ้าง  ว่าขับแบบ SE&Fully balance  แล้วรายละเอียดต่างกันไหม   ความสะดวกกับการสังเกตุเรื่องรายละเอียดเสียงนี่  หูฟังที่ดีในระดับหนึ่งก็ช่วยได้แยะเช่นกัน)
ไม่มีอะไรดีที่สุด การค้นหาข้อดีของแต่ละอย่างแล้วผนวกเข้าด้วยกันเพื่อความพึงพอใจคือสิ่งที่ท้าทาย  " ทำเหมือนเขา ได้ดีที่สุดคือเท่าเขา แต่ส่วนใหญ่จะแพ้เขา แต่ถ้าเราใส่ไอเดียคิดใหม่ของเราเข้าไป โอกาสชนะและดีกว่ามีครับ " สนับสนุนการคิด ไม่พิศมัยการลอกทั้งดุ้น

http://www.htg2.net/index.php?topic=23262


ออฟไลน์ DIY Man.

  • It's GOOD To Be...... Audio D.I.Y.
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,363
    • เพศ:ชาย
  • Good day!
 d_d ชัดเจนใน Audio Transformer Theory ครับ....ช่วงนี้ PP กำลังมาหลายคนจึงอาจสับสนถึงที่มาที่ไปได้.....ดีที่มารื้อฟื้นความจำกันหน่อยครับ อีกด้านนึงในทางกลับกันที่เห็น DIY พี่ยุ่นทำกันโดยการเอา OPT แบบ PP มาใช้เป็น SE Type ก็คือเรื่องของ Primary Inductance เมื่อขนานแล้วตกลง รวมถึงเรื่องของ Unbalance DC อยู่ใน range ที่เราจะยอมรับได้อยู่   K)

        *ช่วงนี้ผมรู้สึกจะมีอาการแบบนี้......... ฟัง PP มันส์ๆ ไปซักเดือนนึงนะ แล้วกลับไปปัดฝุ่นเครื่องเก่าๆ ฟัง SE Type อีกรอบ รายละเอียดทางเสียงต่างๆ ที่หดหายไปจากวงจรแบบ PP ทำให้ผมแทบไม่อยากกลับไปฟังแอมป์ PP อีกเลย....ของมันเหมาะกับดนตรีคนละประเภทกันจริงๆ  :D

          * ส่วนอันนี้นอกเรื่อง..... :) โค-ตระ 12AU7 เสียงดีสุดๆ หรือว่ามันหายากกันว่ะเนี้ย...  ;D ;D   ;) http://www.ebay.de/itm/2-Valvo-12AU7-ECC82-1955-Longplate-Slanted-D-Getter-/300591115260?pt=Vintage_Electronics_R2&hash=item45fca06bfc&autorefresh=true
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 สิงหาคม, 2011, 09:51:14 am โดย DIY Man. »
*Theory doesn't satisfy my emotion sense !
THE HEART:   The output tubes.
THE SOUL:   The output transformers.
THE MUSCLE:   The power supply.
THE BONES:   The chassis.
THE BRAINS:  The circuitry.


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ถูกแล้วครับคุณประสาน

ตามที่เขียนอยู่ตอนต้นละครับ
                       ถ้าเอาทั้งสองขดของ Primary มาขนานกันเพื่อให้ กระแส Primary สูงขึ้นได้ถึง 15-20mA
แต่ Primary Impedance ของ NC-16 จะลดลงเหลือ 3.5K ขนาน 3.5K  = 1.75K


ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นต่อนะครับ

ประเด็นของผมคือ การที่จำนวนรอบของขด primary ลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเกิดจาก
1. การใช้งานเพียงครึ่งเดียว โดยที่อีกครึ่งหนึ่งปล่อยลอยไว้ หรือ
2. นำแต่ละซีกซึ่งมีจำนวนรอบเท่ากัน มาขนานกัน

ทั้งสองกรณีจะมีผลทำให้ค่า primary impedance เปลี่ยนแปลงจากเดิม 7k กลายเป็น 1.75k เลยครับ โดยไม่ผ่านสเต็ปที่จะกลายเป็น 3.5k ก่อนครับ

การขนานลวดในกรณีที่ 2 มีผลทำให้ DCR ลดลงด้วยครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
ถูกแล้วครับคุณประสาน

ตามที่เขียนอยู่ตอนต้นละครับ
                       ถ้าเอาทั้งสองขดของ Primary มาขนานกันเพื่อให้ กระแส Primary สูงขึ้นได้ถึง 15-20mA
แต่ Primary Impedance ของ NC-16 จะลดลงเหลือ 3.5K ขนาน 3.5K  = 1.75K
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
จาก Radiotron transformer ครับ
- เดิม 7k ถ้าใช้ 2 ซีกมาขนานกัน จำนวนรอบก็จะเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ primary impedance จะเป็น 7k/4 = 1.75k ครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
ขอโทษครับ เขียนไม่ละเอียด  อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้
ของเดิม    NC-16  ขด Primary สองขดขนานกัน  ทำให้เหมือนเราเอาขด (3.5K สองขดมาขนานกัน)

แก้เป็น     NC-16   มีขด Primary สองขดแยกจากกัน
             ถ้าเอาทั้งสองขด มาอนุกรมกัน จะได้ Primary Impedance = 7K ใช้กระแสไม่เกิน 10mA
             ถ้าเอาทั้งสองขดของ Primary มาขนานกันเพื่อให้ กระแส Primary สูงขึ้นได้ถึง 15-20mA
             แต่ Primary Impedance ของ NC-16 จะลดลงเหลือ 3.5K ขนาน 3.5K  = 1.75K
ไม่ทราบว่าผมเข้าใจผิดหรือไม่  ยังไงถ้าผมเข้าใจผิด ก็มากระซิบที่ข้างหูผมก็ได้ ผมจะได้ไม่หน้าแตก กลางวง
ยังไงถ้าผิด ก็ยอมรับพร้อมที่จะแก้ใขให้ถูก  ตามความเป็นจริงด้วยครับ

NC-14,NC-16  ยังสามารถใช้เป็น Interstage จากสัญญาญ Unbalance ไปเป็น Balance เพื่อขับ หลอดในวงจร PP โดยขากลางด้าน Primary ต่อกับไฟเลี้ยงเพรท ส่วน
ขากลาง Secondary ต่อลงกราวด์ ที่เหลืออีกสองขา ต่อกับกริดของทั้ง Phase + , Phase -
               
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
ครับ คุณอำพล  ขอบคุณที่มาช่วยตอบ เรื่อง Hi-So
สำหรับ FX-40-5  ผมใช้กับ PP2A3  แทน UTC LS55/57 ที่พังไปตัวหนึ่งเสียงออกมาดีกว่าเดิมครับ 
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ DIY Man.

  • It's GOOD To Be...... Audio D.I.Y.
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,363
    • เพศ:ชาย
  • Good day!
           NC-16 เป็น IT ที่ออกแบบมาใช้กับหลอดที่มี Rp=Zp คือ 7 K หรือพอจะใช้กับหลอดที่มี Rp ในย่านประมาณ 5K-10K ได้สบายๆ ที่กระแสไม่เกิน 10 mA. ครับ

IT ของพี่ยุ่น ได้กำหนด Rp=Zp แน่นอนไม่ต้องเอา Rp ไปคูณ 3 เหมือนของพวก IT ไอ้กัน...NC-16 ใช้กับ 6SN7 และหลอด 76 ได้สบายๆ

การขนาน Primary แน่นอนรับกระแสได้มากขึ้นเป็นสองเท่า (20mA) ก่อนที่จะอิ่มตัว แต่ Zp ก็จะตกลง เหลือซัก 1K ปลายๆ โดยหลอดที่เอามาใช้ตอน // ก็ต้องมี Rp ที่ต้องต่ำลง เพื่อการ Matching  เช่นเดียวกัน....

สรุป TANGO จึงมี NC-14 ที่ทนกระแสได้มากกว่าไงครับ  ;)

แต่ที่ฟังมานะ NC-20F เสียงมันช่างเด็ดขาดจริงๆ แต่ก็นะผมว่า SIT-5KM ของค่าย TAMMY เสียงช่างไพเราะน่าฟังกว่า ;D    

              *ข้อเสียของการเล่น IT แพงๆ มักจะถูกคนค่อนแคะบ้างล่ะว่าเป็นพวก HI-SO รสนิยมขั้นเทพฯ ฝีมือคงไม่ค่อยดี เลยต้องเฟ้นหาใช้แต่อุปกรณ์ดีๆ มาเป็นตัวช่วยบ้างล่ะ ปากคนเราก็ว่ากันไปแหละครับ คงห้ามกันไม่ได้ หลายปีมานี้ผมเห็นแต่นัก Audio DIY ที่เล่นด้วยกันมานานๆ ไม่เห็นกลับไปใช้ของพื้นๆ เหมือนตอนเริ่มแรกที่เล่นเลย ซ้ำยังอาการหนักกว่าเดิม เครื่อง DIY บางเครื่องยังต้องใส่ FUSE ทองๆ ตัวเกือบสองพันไปนู้น เค้าบอกว่าไม่งั้นเสียงไม่ดี เอาเถอะครับของแบบนี้ ถ้าเราทำ A-B Test หนักๆ จะสามารถแยกของที่ดีออกจากของธรรมดาๆได้ มันเป็นเรื่อง....นานาจิตตัง ครับ หรือ ONE MAN'S MEAT IS ANOTHER MAN'S POISON.. หูใครดี มีความไวสูง ชอบจับความแตกต่างทางเสียงและทำให้มีความสุข ก็ต้องยอมที่จะเสียกะตังค์มากหน่อย ครับ 2f  


               d_d  ฝากพี่อานัติฯครับเห็นพี่มี FX-40-5 พอดีเลย

                      http://www2u.biglobe.ne.jp/~tossie/MMA-3C24-J.html                      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม, 2011, 01:07:48 pm โดย DIY Man. »
*Theory doesn't satisfy my emotion sense !
THE HEART:   The output tubes.
THE SOUL:   The output transformers.
THE MUSCLE:   The power supply.
THE BONES:   The chassis.
THE BRAINS:  The circuitry.


ออฟไลน์ Tube Collector

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,690
    • เพศ:ชาย
  • มีความสุข ในการที่จะเป็นผู้ให้
NC-16  ขด Primary สองขดอนุกรมกัน  Primary Impedance = 7K ใช้กับหลอดที่มี Plate impedance 5k-10K ( ตามคู่มือ NC-16 )  กระแสทีใช้ไม่ควรเกิน 10mA l(Primary) เช่นการใช้หลอด 6SN7
NC-16  ขด Primary สองขดขนานกัน  ทำให้เหมือนเราเอาขด (3.5K สองขดมาขนานกัน)    น่าจะทำให้ Primary Impedance  ของ  NC-16 เหลือ 1.75K
ตามความเข้าใจของผมอาจจะผิดก็ได้ หลอดที่ ใช้ต่อกับ NC-16 ที่ต่อแบบนี้ ต้องมี Plate Impedance ไม่สูงนักเช่น ระหว่าง 800 ohm to 2Kohm   ในกรณีย์นี้ กระแสทีวิ่งด้าน Primary อาจจะได้สูงถึง 20mA
แต่ยิ่งกระแสสูงขึ้น ผลตอบสนองต่อความถี่ทั้งสูงและต่ำจะลดลงค่อนข้างมาก (Primary Impedance ลดลง) ตามประสพการณที่ใช้ สำหรับตัวนี้ ต่อแบบนี้ ผมใช้ไม่เกิน 15mA
ถ้าต้องการกระแสสูงกว่า 10mA  ใช้ NC-14 หรือ NC-20 (แพงกว่ามากๆ )หรือ Tamura B-5003 ,B6003

โดยปกติถ้า ต่อ NC-16 แบบปกติ (Secondary Serial)  จะมี  Impedance Ratio  Secondary / Primary =  14K /7K    อัตราส่วนกำลังขยาย       = Square root 2 = 1.414
ถ้าขนานด้าน Primary  NC-16(Secondary serial)        จะมี Impedance Ratio  Secondary / Primary =  14K /1.75K      "---------------------"  =  2.828  แต่ต้องการหลอดที่ Plate Impedance ไม่สูงนัก

ส่วนใหญ่สำหรับ NC-16 ผมมักจะต่ิอ อนุกรมที่ขดปฐมภูมิ ทำให้ผมสามารถใช้หลอดที่มี Plate Impedance สูงๆเช่น 6SN7 , 12AU7 ,6BL7, 801 แต่ต่อขนานด้าน Secondary   โดยด้านปฐมภูมิใช้กระแสเพียง 10mA
แต่ผมไปขนานด้าน Secondary   then Impedance Ratio  Secondary  to Primary = 3.5K /7K   ทำให้ Voltage ratio  Secodary / Primary =  Square root 0.5 = 1: 0.707  กระแสด้าน Secondary
จะสูงขึ้น สามารถเอาไปขับหลอดขนาดกลางและขนาดใหญ่ได้   ผมกำลังทดลองในเงื่อนใขนี้ สำหรับหลอดใหญ่ๆบางเบอร์  อีกไม่นานจะโพสผลการใช้งาน NC-16 ในเงื่อนใขนี้ ให้ดูใน www.htg2.net
ชีวิตนี้ต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ พร้อมที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น 
ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมที่จะให้โดยไม่มีความหวังใดๆ
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบต่อตัว
เองและผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขจะอยู่กับ เราตลอดเวลา และตลอดไป
และอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย


ออฟไลน์ 1856

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,272
    • เพศ:ชาย
  • ทุกอย่างหยุด ถ้ารู้จัก "พอ"
    • ข้อมูลการติดต่อนะจ๊ะ
ผมสงสัยเกี่ยวกับการต่อใช้งานของ Interstage ทางด้าน Pri. ครับ

> NC-16 or A-107 ตามเอกสารระบุว่าถ้าต่อนุกรมสามารถรับกระแสได้ที่ 10mA แต่ถ้าต่อแบบขนานจะสามารถรับกระแสได้ 20mA <

แต่ตามรูป(ใน data sheet ทีให้มากับ interstage) แสดงวิธีการต่อใช้งาน มักจะเป็นการต่อแบบอนุกรมเสียส่วนใหญ่ ผมจึงเกิดความสงสัยว่า การต่อใช้งานแบบอนุกรมกับขนานมีความแตกต่างกันอย่างไรครับ รบกวนผู้สันทัดกรณีช่วยไขความข้องใจให้ด้วยครับ...  :)
ข้อมูลการติดต่อนะจ๊ะ  http://www.htg2.net/index.php?topic=34223.0