ทั้งหมดเป็นความเห็น ความเข้าใจส่วนตัว อาจผิดเพี้ยนก็ได้ ถ้าคุณพินิจ มีข้อแนะนำอย่างไรก็ยินดี ีกอย่างผมมี Audio Spectrum Analyzer อยู่หลายตัวเกินความต้องการ การใช้งาน ผ่านไปที่บ้านคุณพิจิจเมื่อไรจะไปท ิ้งไว้เครื่องนึง จะได้ช่วยใช้ คิดว่าจะมีประโยชน์ประกอบงาน DIY ผมว่าด้วย Spctrum Analyzer จะช่วยเรามากในการจูนเครื่องที่ตอนหลังผมไมได้ ใช้ Sine wave generator ผมใช้ป้อน Pink Noise ดู Spectrum
จากประสบการจากการทำงานวิเคราะห์ทั้งทางด้านความสั่นสะเทือนและเสียงของเครื่องจักรมายี่สิบกว่าปี ถ้าพูดถึงการใช้ Spectrum Analyzer กับสัญญาณที่เป็นรูปแบบของ Pink Noise ที่เป็นสัญญาณแบบ Radom ที่ออกมาครบทุกความถี่ที่เราได้ยินนั้น การเก็บขอ้มูลของเครื่อง Spectrum Analyzer ก็ต้องใช้วิธีสุ่มตัวอย่าง แล้วถึงจะผ่านขบวนการ FFT มันจึงไม่ค่อยจะดีนักในการเอามาเปรียบเทียบเก็บไว้เป็น Refferent หรือวิเคระห์ออกมาให้เห็นกันแบบชัดแจ้งได้
ผมคิดว่า (ผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะ เพราะเป็นเรื่องปรกติของผมที่ชอบคดผิดๆ เสมอ) ถ้าเราจะวิเคาะหาเจ้า Harmonic Ditortion เราควรที่จะเลือกดูที่ 100 Hz, 1000Hz และ 10000Hz แบบนี้จะสามารถวิเคราะห์ได้ดีกว่าและเก็บไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้เลยด้วย แล้วถ้า Spectrum Analyzer ตัวนี้มันสามารถเก็บข้อมูล Raw Data เป็น Waveform File ได้และสามารถเรียกมาดูได้ก็น่าจะดีเพราะเราจะเอามา Filter ดูในเรื่องของ Phase ของความถี่ต่างๆ เทียบกันได้อีกด้วย ไม่ทราบว่าเครื่องที่มีอยู่สามารถทำได้หรือไม่ครับ? น่าเสียดายที่ผมออกจากงานมาแล้ว มิเช่นนั้น คงจะมีเครื่องไม่เครื่องมือที่ แม้แต่บริษัททำเครื่องเสียงแพงๆ ขาย ก็ยังไม่มีใช้ แล้วเอามาวิเคราะห์แอมป์ที่พวกเราทำๆ กัน แล้วค่อยๆ แก้ไขให้มันดีกว่าเครื่องที่ขายๆ กันแพงๆ นะครับ
ในแง่ของ เสียงดนตรี มันเป็น Multitone โดยความเชื่อส่วนตัว ถ้าเอา Multi-tone มาป้อนกลับ Negative Feedback แม้ว่าจะลด Single Tone Harmonics Distortion แต่ ในดนตรีที่มีเครื่องดนตรีมาก มากชิ้น อาจจะมีปัญหาถ้าคนฟังหูดี เนื่องจาก Harmonics ของ Multi-Tone เลยยังทดลองในแง่ Non-Feedback PP ไปเรื่อยๆ
ตามที่เขียนไปแล้ว ถ้าแอมป์เราทำออกมาแล้ว Single Tone Harmonics Distortion สามความถี่ที่ผมว่ามาดีมากๆ แล้ว Multi-tone ย่อมดีตามไปด้วยแน่นอนครับ
ทุกอย่างมีระดับการยอมรับได้ในเรื่องของ Distortion เราเช็คมันกับ Single Tone หรือ Sine Wave นี่แหละ เพราะมาตรฐานเค้าก็ใช้ตรงนี้มาพูดกัน ทำแล้วค่ามันแย่ แอมปฺก็เล่นได้แค่เครื่องดนตรีชิ้นเดียว เพราะถ้าเจอกหลายชิ้นมันก็เหมื่อน Harmonic ของเสียงจากชิ้นดนตรีนั้นๆ ทำขึ้นมาตามธรรมชาติ คูณ ด้วยฮาร์โมนิคของความเพี้ยนเข้าไปอีก
เช่นปรกติเสียงของไวโอลิน นั้นมันจะมีฮาร์โมนิคถึงที่ 12x กันเลย แล้วถ้าเกิดทำแอมป์มีฮาร์โมนิคคู่ขึ้นมาอีกสามคู่ เสียงของไวโอลินผ่านแอมป์ตัวนั้น ก็จะมี ฮาร์โมนิค ทั้งหมด 12 คูณ 3 เท่ากับ 36 (คือถ้าเราใช้ Spectrum Analyzer ก็จะเห้นแท่งฮาร์โมนิคแสดงออกมา 36 แท่ง จากที่ควรจะมีแค่ 12 แท่งเท่านั้น) แล้วลองแค่คิดดูว่าถ้ามีเครื่องดนตรอื่นๆ อีก 10 ชิ้น แต่ละชิ้นก็มีฮอาร์โมนิคที่เป้นธรรมชาติของมัน (ฮาร์โมนิคธรรมชาติพวกนี้มันจะทำให้เรารู้ว่าเสียงโน็ตที่ได้ยินนั้นมันเป็นเครื่องดนตรีชนิดใด จะเป็นไวโอลิน หรือเปียโนน่ะครับ) แล้วถ้าเอา Harmonic Distortion คูณเข้าไปอีก

และในเรื่องของการใช้ Negative Feedback นั้นผมคิดว่าข้อดีมันก็มี ก็คือการลด Harmonic Distortion นี่แหละ แต่พวกเราอาจไม่ชอบใช้กัน เพราะใช้แล้วส่วนมากพบว่าความสดมันหายไป ปลายแหลมมันหายไป ....ตรงนี้ผมไม่รู้ว่าผมคิดผิดไปหรือไม่? คือพวกเราอาจพัน OPT กันเอง ซึ่งจริงๆ แล้วแกนเหล็กที่เราใช้อาจไม่ดี จึงทำให้ปลายแหลมกุดไป แต่ถ้า OPT ที่ใช้มีคุณสมบัติดีตอบสนองทุกความถี่ดีและถูกต้อง เราก็อาจจำเป็นต้องใช้วงจร FB แล้วเสียงออกมา Flat ถูกต้องได้ และถ้าไม่ใช้ FB มันอาจให้ปลายแหลมที่เกินหรือเสียงสดเกินไปก็ได้น่ะครับ