หัวข้อ: การไบแคบC cathode มีผลต่อเสียง/การทำงานไหมครับ?

[Sound Master]

^
^
สรุปง่ายๆคือยิ่งทนแรงดันสูงความถี่ต่ำยิ่งผ่านได้สะดวก  เหรอครับ

ไม่ใช่ครับ การทนแรงดันได้สูงจะทำให้กระแสไหลผ่านได้ดีกว่าครับ มันจะมีผลในเรื่องของ db (เดซิเบล)ในแต่ละย่านความถี่ครับ เนื่องจากในแต่ละย่านความถี่ให้ db ไม่เท่ากันครับ หากดูจากกราฟของอัตราขยายของ Transistor หรือสเปคของเครื่องขยายจะเห็นได้ชัดครับ การที่จะควบคุมให้ความถี่แต่ละย่านออกมาเท่าๆกันต้องควบคุมปริมาณการไหลของกระแสครับ    ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไม C Cluping ในปรีแอมป์ระดับไฮเอนด์ถึงได้ตัวใหญ่(400V ขึ้นไป) ทั้งที่กำลัง Output มีค่าเพียงไม่ถึง 2 Volt แต่ถ้าเป็นเครื่องหลอดก็เป็นอีกเรื่องเนื่องจากแรงดันที่ใช้ Bias หลอดสูงมากเลยต้องใช้ C ที่มีค่าแรงดันสูงๆครับ

*จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมได้ความรู้มาจากสมัยคลุกคลีร้านเครื่องเสียงร้านหนึ่งในดิโอสยามครับ เป็นความรู้จากรุ่นพี่นัก DIY รุ่นแรกๆของวงการครับ จำได้ว่า Solen สมัยนั้นตัวละเป็นพันเลยครับ พี่แกนำเข้ามาขายเจ้าแรกๆเลยครับ และหากที่ถ่ายทอดออกไปเป็นประสบการณ์ที่ผิดอย่างไรต้องขออภัยมาทีนี้ด้วยครับ

C Solen ซุ่มเสียงเป็นยังไงบ้างครับ กำลังว่าจะเอามาทำเป็น c output ครับ เห็นขายที่ ppn ตัวละสองร้อยกว่าบาท เห็นพี่รีวิวมาท่าจะรู้จริง ยังไงช่วยแนะนำด้วยนะครับ ชอบเสียงกลางเด็นหวานเนียนครับ ตอนนี้ผมใช้ ERO 2.2/250 v กับ c oil 0.01/1000 v ขนานกันอยู่เสียงก็ดีใช้ได้ครับ

C Solen ถือว่าเทพ C เลยครับ ปลายละเอียดเนียนไม่ฟุ้งกระจาย กลางหวาน ที่แน่ๆมันอยู่ในลำโพง ProAc รุ่นเดิมๆอย่าง Response 1 SC และ 2.5 ครับ คิดดูว่ายี่ห้อนี้ใช้แต่ของสุดๆครับ ถ้าจะทำ Response 1 sc ต้องใช้ C ยี่ห้อนี้เท่านั้นครับถึงจะเรียกว่าใกล้เคียงครับ แต่ที่เคยใช้มันจะเป็นรุ่นที่มีสายออกมาจาก C ครับ เค้าว่ามันเป็นรุ่นสายเงินครับ

ขอบคุณครับ ลองซื้อมาใช้แล้วคู่หนึ่ง เสียงกลางใหญ่เนียนดีครับ 

[Jakaman]

^
^
สรุปง่ายๆคือยิ่งทนแรงดันสูงความถี่ต่ำยิ่งผ่านได้สะดวก  เหรอครับ

ไม่ใช่ครับ การทนแรงดันได้สูงจะทำให้กระแสไหลผ่านได้ดีกว่าครับ มันจะมีผลในเรื่องของ db (เดซิเบล)ในแต่ละย่านความถี่ครับ เนื่องจากในแต่ละย่านความถี่ให้ db ไม่เท่ากันครับ หากดูจากกราฟของอัตราขยายของ Transistor หรือสเปคของเครื่องขยายจะเห็นได้ชัดครับ การที่จะควบคุมให้ความถี่แต่ละย่านออกมาเท่าๆกันต้องควบคุมปริมาณการไหลของกระแสครับ    ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไม C Cluping ในปรีแอมป์ระดับไฮเอนด์ถึงได้ตัวใหญ่(400V ขึ้นไป) ทั้งที่กำลัง Output มีค่าเพียงไม่ถึง 2 Volt แต่ถ้าเป็นเครื่องหลอดก็เป็นอีกเรื่องเนื่องจากแรงดันที่ใช้ Bias หลอดสูงมากเลยต้องใช้ C ที่มีค่าแรงดันสูงๆครับ

*จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมได้ความรู้มาจากสมัยคลุกคลีร้านเครื่องเสียงร้านหนึ่งในดิโอสยามครับ เป็นความรู้จากรุ่นพี่นัก DIY รุ่นแรกๆของวงการครับ จำได้ว่า Solen สมัยนั้นตัวละเป็นพันเลยครับ พี่แกนำเข้ามาขายเจ้าแรกๆเลยครับ และหากที่ถ่ายทอดออกไปเป็นประสบการณ์ที่ผิดอย่างไรต้องขออภัยมาทีนี้ด้วยครับ

C Solen ซุ่มเสียงเป็นยังไงบ้างครับ กำลังว่าจะเอามาทำเป็น c output ครับ เห็นขายที่ ppn ตัวละสองร้อยกว่าบาท เห็นพี่รีวิวมาท่าจะรู้จริง ยังไงช่วยแนะนำด้วยนะครับ ชอบเสียงกลางเด็นหวานเนียนครับ ตอนนี้ผมใช้ ERO 2.2/250 v กับ c oil 0.01/1000 v ขนานกันอยู่เสียงก็ดีใช้ได้ครับ

C Solen ถือว่าเทพ C เลยครับ ปลายละเอียดเนียนไม่ฟุ้งกระจาย กลางหวาน ที่แน่ๆมันอยู่ในลำโพง ProAc รุ่นเดิมๆอย่าง Response 1 SC และ 2.5 ครับ คิดดูว่ายี่ห้อนี้ใช้แต่ของสุดๆครับ ถ้าจะทำ Response 1 sc ต้องใช้ C ยี่ห้อนี้เท่านั้นครับถึงจะเรียกว่าใกล้เคียงครับ แต่ที่เคยใช้มันจะเป็นรุ่นที่มีสายออกมาจาก C ครับ เค้าว่ามันเป็นรุ่นสายเงินครับ

[Eak-tubeamp]

เอา C อย่างไง Bi Cap ที่ Cathode ก็จะได้เสียงนั้น ครับ
ถ้าตัวแรก ค่ามากพอ แล้ว  เบสไม่เพิ่มแล้วครับ


Bi Cap ที่ Cathode ดี กว่า Bi Cap ตรง C Coupling ตรงที่  

เสียงช่วงต่อ ระหว่าง C 2 ตัวไม่กระโดด มาก ครับ (ราบรื่นฤดี)
แต่ ไป Bi Cap ที่ C Coupling เป็นแบบ Hard Core ได้ผลเร็วแรง  
ถ้าดีก็ดีไปเลย  แต่ถ้าเสียง C 2 ตัวไม่เนียน นะ ไม่ไหวเลย ครับ


น้าลำว่า ใช้ C Coupling ตัวเดียว ครับ แล้ว ไป Bi Cap ที่ C Cathode เอา ครับ  เนียนกว่าครับ

เห็นด้วยกับน้าลำครับ มันให้เสียงที่น่าฟังกว่า

[Sound Master]

^
^
สรุปง่ายๆคือยิ่งทนแรงดันสูงความถี่ต่ำยิ่งผ่านได้สะดวก  เหรอครับ

ไม่ใช่ครับ การทนแรงดันได้สูงจะทำให้กระแสไหลผ่านได้ดีกว่าครับ มันจะมีผลในเรื่องของ db (เดซิเบล)ในแต่ละย่านความถี่ครับ เนื่องจากในแต่ละย่านความถี่ให้ db ไม่เท่ากันครับ หากดูจากกราฟของอัตราขยายของ Transistor หรือสเปคของเครื่องขยายจะเห็นได้ชัดครับ การที่จะควบคุมให้ความถี่แต่ละย่านออกมาเท่าๆกันต้องควบคุมปริมาณการไหลของกระแสครับ    ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไม C Cluping ในปรีแอมป์ระดับไฮเอนด์ถึงได้ตัวใหญ่(400V ขึ้นไป) ทั้งที่กำลัง Output มีค่าเพียงไม่ถึง 2 Volt แต่ถ้าเป็นเครื่องหลอดก็เป็นอีกเรื่องเนื่องจากแรงดันที่ใช้ Bias หลอดสูงมากเลยต้องใช้ C ที่มีค่าแรงดันสูงๆครับ

*จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมได้ความรู้มาจากสมัยคลุกคลีร้านเครื่องเสียงร้านหนึ่งในดิโอสยามครับ เป็นความรู้จากรุ่นพี่นัก DIY รุ่นแรกๆของวงการครับ จำได้ว่า Solen สมัยนั้นตัวละเป็นพันเลยครับ พี่แกนำเข้ามาขายเจ้าแรกๆเลยครับ และหากที่ถ่ายทอดออกไปเป็นประสบการณ์ที่ผิดอย่างไรต้องขออภัยมาทีนี้ด้วยครับ

C Solen ซุ่มเสียงเป็นยังไงบ้างครับ กำลังว่าจะเอามาทำเป็น c output ครับ เห็นขายที่ ppn ตัวละสองร้อยกว่าบาท เห็นพี่รีวิวมาท่าจะรู้จริง ยังไงช่วยแนะนำด้วยนะครับ ชอบเสียงกลางเด็นหวานเนียนครับ ตอนนี้ผมใช้ ERO 2.2/250 v กับ c oil 0.01/1000 v ขนานกันอยู่เสียงก็ดีใช้ได้ครับ

[Jakaman]

^
^
สรุปง่ายๆคือยิ่งทนแรงดันสูงความถี่ต่ำยิ่งผ่านได้สะดวก  เหรอครับ

ไม่ใช่ครับ การทนแรงดันได้สูงจะทำให้กระแสไหลผ่านได้ดีกว่าครับ มันจะมีผลในเรื่องของ db (เดซิเบล)ในแต่ละย่านความถี่ครับ เนื่องจากในแต่ละย่านความถี่ให้ db ไม่เท่ากันครับ หากดูจากกราฟของอัตราขยายของ Transistor หรือสเปคของเครื่องขยายจะเห็นได้ชัดครับ การที่จะควบคุมให้ความถี่แต่ละย่านออกมาเท่าๆกันต้องควบคุมปริมาณการไหลของกระแสครับ    ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไม C Cluping ในปรีแอมป์ระดับไฮเอนด์ถึงได้ตัวใหญ่(400V ขึ้นไป) ทั้งที่กำลัง Output มีค่าเพียงไม่ถึง 2 Volt แต่ถ้าเป็นเครื่องหลอดก็เป็นอีกเรื่องเนื่องจากแรงดันที่ใช้ Bias หลอดสูงมากเลยต้องใช้ C ที่มีค่าแรงดันสูงๆครับ

*จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมได้ความรู้มาจากสมัยคลุกคลีร้านเครื่องเสียงร้านหนึ่งในดิโอสยามครับ เป็นความรู้จากรุ่นพี่นัก DIY รุ่นแรกๆของวงการครับ จำได้ว่า Solen สมัยนั้นตัวละเป็นพันเลยครับ พี่แกนำเข้ามาขายเจ้าแรกๆเลยครับ และหากที่ถ่ายทอดออกไปเป็นประสบการณ์ที่ผิดอย่างไรต้องขออภัยมาทีนี้ด้วยครับ

[IL2 Addict]

^
^
สรุปง่ายๆคือยิ่งทนแรงดันสูงความถี่ต่ำยิ่งผ่านได้สะดวก  เหรอครับ

[Jakaman]

จริงๆแล้วการนำ C มา Bicap กันต้องดูค่าการทนแรงดันตัวไหนเยอะกว่าให้เอาตัวนั้นเป็นเสียงหลักนะครับ เพราะ C นั้นก็มีค่าความต้านทานแฝงเช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีผลกับเรื่องเสียงเป็นอันมาก เช่น

เอา 0.15 uF 600V มา Bicap กับ 10 uF 50V ผลที่ได้คือกระแสของความถี่สูงๆจะไหลผ่านได้ดีกว่าความถี่ต่ำเพราะหน้าตัดของ C ขนาด 600V นั้นใหญ่กว่า C ขนาด 50V ครับ ตรงนี้มีผลกับการจูนอย่างมาก และเป็นความลับที่นักจูนเครื่องเสียงไม่ค่อยจะบอกกันเท่าไหร่ ส่วนค่าความจุมีผลคือการยอมให้ความถี่เท่าไหร่ผ่านมากผ่านน้อยความค่าที่กำหนดไว้ แต่จะจูนให้ระดับการไหลของกระแสมากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยของค่าการทนแรงดันด้วย

ตัวย่าง
เอาค่า 0.15 uF 600V มาขนานกับ 10 uF 200V เสียงที่ได้คือปลายของเสียงจากความถี่สูงจะถูกดันออกมามากผสมกับเสียงกลางที่ได้มากจากตัว 10uF 200V จึงทำให้รู้สึกว่าเสียงที่ได้นั้นพอๆกัน เพราะเนื่องจาก ความถี่ยิ่งสูงแรงดันจะยิ่งต่ำที่ระดับ db เท่าๆกัน แต่ถ้า....เอาค่า 0.15uF 100V มาขนานกับ 10uF 600V ผลที่ได้แทบจะไม่แตกต่างกับการไม่ไบแคบกันเลยแม้แต่น้อย ไม่เชื่อลองดูครับ

ถ้าให้ดีให้ลองทำ Tricap ดูด้วยค่าตามนี้ครับ สมมุติว่าค่าความจุรวมที่ต้องการคือ 8 uF xV ให้ลองต่อด้วย 0.15uF 400V, 2.2 uF 200V, 4.7 uF 600V เสียงที่ได้จากปลายเสียงสดใส เสียงกลางหวานฉ่ำ และเบสมีตัวตนกระชับ จะอยู่ในย่าน Flat เกือบพอดี หากต้องการกระเถิบเสียงเบสขึ้นไปอีกให้เพิ่มค่า 4.7 เป็น 5.8 แล้วลด 2.2 ลงเหลือ 1 uF ก็จะได้เสียงเบสหนักขึ้นและมีแรงกระแทกมากขึ้น

ขอให้มีความสุขกับการเล่นเครื่องเสียงทุกท่านครับ

[meson]

            นอกเรื่องไปไกลหน่อยนึงครับ.. ไม่ใช่แค่ที่ท่าน จขกท ถามมาครับที่มีผลต่อเสียง องค์ประกอบทุกอย่างทั้งเครื่องแหละครับที่มีผลต่อเสียง รวมทั้งสายไฟก็ด้วย แต่ก่อนไม่ได้สังเกตครับไม่ได้ตั้งใจฟังจริงๆจังๆ เปิดเพลงเป็นเพื่อนซะมากกว่าพอเพลินๆครับ พอมาทดลองตั้งใจฟังจริงๆ(ไม่ได้จับผิดและไม่ต้องการมิติเพราะไม่มีห้องฟัง)... เอ้ออ .. มีผลไปซะหมดทุกอย่าง มากน้อยก็แล้วแต่ตำแหน่งแห่งที่ ที่อุปกรณ์นั้นต่ออยู่... อ่อนใจอ่ะครับ เพราะดูท่าแล้วจะไม่จบง่ายๆ แบบที่ DIY ส่วนมากเป็นกัน...
 
            จะเป็นแบบนี้ครับ >>> พอใครเอาอุปกรณ์มาขาย >>> เค้าว่ามาว่าตัวนี้เสียงจะดีขึ้น >>> แย่งซื้อกับเค้า >>> เสียเงินเพิ่ม >>> เอามาต่อฟังไปพักนึง... ไม่ใช่แฮะ >> เค้าคุยกันว่าตัวนี้เสียงแจ่มกว่าเยอะ >> ไปแสวงหามาจนได้ >> เสียเงินอีกรอบ ... ฮิ ฮิ  มันจะวนอยู่แบบนี้อ่ะ

            ผมก็พอจะเข้าใจท่านที่ซื้ออุปกรณ์ดีๆ ราคาแพงๆ แล้วล่ะครับยอมจ่ายครั้งเดียวจบ เพราะเราซื้อแล้วไม่โดนหลายๆครั้งรวมกัน ก็พอๆกันนั่นแล  พิมพ์มาแจมด้วยพอขำๆ ครับ ... แล้วเราก็ไปแย่งกันซื้อต่อไป ฮิ ฮิ ... การแย่งกันซื้อนี่ก็สนุกดีนะครับ ... แต่เมื่อเรารู้จัก "พอ"ก็จบครับ  ขอบคุณท่าน จขกท ด้วยครับ  

[ช็อต]

การเพิ่ม ลด ขนาน R C ในวงจรไม่ว่าส่วนใดก็ตามมีผลกับเสียงหมดครับ
แม้แต่ยี่ห้อ รุ่น ที่เปลี่ยนก็มีผลหมดครับ มากน้อยก็แล้วแต่ตำแหน่งครับ 

[เบน]

มีผลแน่นอนครับ สำหรับการ bicap c poly ไปเสียงมันจะไวขึ้นครับ รายละเอียดดีขึ้น 

[ลำน้ำ]

เอา C อย่างไง Bi Cap ที่ Cathode ก็จะได้เสียงนั้น ครับ
ถ้าตัวแรก ค่ามากพอ แล้ว  เบสไม่เพิ่มแล้วครับ


Bi Cap ที่ Cathode ดี กว่า Bi Cap ตรง C Coupling ตรงที่  

เสียงช่วงต่อ ระหว่าง C 2 ตัวไม่กระโดด มาก ครับ (ราบรื่นฤดี)
แต่ ไป Bi Cap ที่ C Coupling เป็นแบบ Hard Core ได้ผลเร็วแรง  
ถ้าดีก็ดีไปเลย  แต่ถ้าเสียง C 2 ตัวไม่เนียน นะ ไม่ไหวเลย ครับ


น้าลำว่า ใช้ C Coupling ตัวเดียว ครับ แล้ว ไป Bi Cap ที่ C Cathode เอา ครับ  เนียนกว่าครับ

[unit]

ใช่แล้วครับ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น 10 ตาเห็นไม่เท่ามือคลำ
10มือคลำไม่เท่าลองทำดู ลองทำดูแล้วใด้ผลเป็นไง อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

[PR]

ลองดูดีกว่าครับ ได้ยินกับหูเลย

[zero one]

พอดีสงสัยว่าถ้าเราเอาพวกFilm ค่าซัก1-10uF ขนานกับC cathodeของภาคปรี/เพาเวอร์จะมีผลต่อเสียงหรือไม่ครับ

เสียงเบสเพิ่มมั้งครับ

[นายป้อ]

มีผลครับ แต่จะเปลี่ยนไปอย่างไรต้องลองฟังดูครับ

[IL2 Addict]

พอดีสงสัยว่าถ้าเราเอาพวกFilm ค่าซัก1-10uF ขนานกับC cathodeของภาคปรี/เพาเวอร์จะมีผลต่อเสียงหรือไม่ครับ