0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
จริงๆ แล้วถ้า IC ผลิตด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน Diff Linearity Error ควรจะสะท้อนค่า THD ในทิศทางเดียวกันครับ ไม่ควรจะแหกกันไปแบบนี้ ข้อสังเกตนึงของผมก็คือ TDA1541A กับ A/R1 ที่ถูกนำมาวัดค่าและลงไว้ในเอกสารที่คุณ Baby_Tube ยกมานั้น อาจจะผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ต่างกันครับ เช่น เอา A จากปี 1988 มาวัดเทียบกับ R1 ที่ผลิตในปี 1993 อะไรทำนองนี้ครับ แต่ผมก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบมาจากไหนเหมือนกัน
ถ้า < 1 LSB ก็จะเป็น Grade A ปกติ ถ้า < 2 LSB ก็เป็น Grade R1 เพราะฉะนั้น R1 แย่กว่า A ปกติในแง่ Linearity Error ครับ ส่วน THD เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้ซื้อจะตัดสินใจซื้อเกรดไหน ผมไม่ได้เข้าร่วมการตัดสินใจด้วยครับ
สำหรับคนที่ไม่รู้นะครับ NXP เข้าซื้อในส่วนของ Semiconductor ของ Philips ได้หลายปีแล้วครับ แต่ datasheet, product sheet ต่างๆของ Philips ยังสามารถดาวน์โหลดได้จากเวปของ NXP ครับ ค่า LSB error (ค่าที่ได้จากการวัดโดยวิธี Differential Linearity Error) นี้ก็จะส่งผลกับ THD โดยตรงครับ คิดว่าในส่วนงานที่เกี่ยวกับ Audio ยังไงก็ต้องมีการวัดค่า THD + N นี้ออกมาครับ ไม่ทราบว่าส่วนในการวัดค่าที่ท่าน Mr.Tube อ้างอิงมาพอจะเอามาแชร์เพื่อเป็นความรู้อีกซักครั้งได้มั้ยครับ ขอบคุณครับ
อ้างจาก: Mr. Tube ที่ 15 พฤศจิกายน, 2011, 02:35:36 pmPhilips ใช้วิธีการวัด Linearity Error ไม่ได้วัด THD ครับ ข้อมูลนี้มาจากเอกสารชุดใดของ Philips ครับ ลักษณะเหมือน Capture มา หรือมาจาก Website ใดครับ ผมอยากจะบอกว่า ข้อมูลลักษณะนี้ผมเห็นมาตลอดครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจาก Philips ครับ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงใน Datasheet คนคัดเกรดเค้าบอกว่า R1 Error มากกว่า A ปกติครับ อ้างจาก: Baby_Tube ที่ 15 พฤศจิกายน, 2011, 02:16:13 pmข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ มาจาก NXP ครับ http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf
Philips ใช้วิธีการวัด Linearity Error ไม่ได้วัด THD ครับ ข้อมูลนี้มาจากเอกสารชุดใดของ Philips ครับ ลักษณะเหมือน Capture มา หรือมาจาก Website ใดครับ ผมอยากจะบอกว่า ข้อมูลลักษณะนี้ผมเห็นมาตลอดครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจาก Philips ครับ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงใน Datasheet คนคัดเกรดเค้าบอกว่า R1 Error มากกว่า A ปกติครับ อ้างจาก: Baby_Tube ที่ 15 พฤศจิกายน, 2011, 02:16:13 pmข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ
อ้างจาก: Mr. Tube ที่ 13 พฤศจิกายน, 2011, 10:55:48 amรูปแรกเหมือนของจริงครับ ส่วนรูปที่ 2 น่าจะทำมาหลอกขายS2 เป็น IC ที่ถูกคัดเกรดพิเศษกว่า S1 ครับ โดยดูจาก Linearity Error < 0.5LSB for all 16bit ครับ แต่เดิมผลิตมาเพื่อใช้ใน Marantz CD-7 ครับ ถ้าเรียงลำดับคุณภาพจากการคัดเกรดจะเป็นดังนี้ครับR1 -> เกรดอลุ่มอล่วยTDA1541A ปกติ -> เกรดปกติS1 -> เกรดพิเศษS2 -> เกรดสูงสุดข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ
รูปแรกเหมือนของจริงครับ ส่วนรูปที่ 2 น่าจะทำมาหลอกขายS2 เป็น IC ที่ถูกคัดเกรดพิเศษกว่า S1 ครับ โดยดูจาก Linearity Error < 0.5LSB for all 16bit ครับ แต่เดิมผลิตมาเพื่อใช้ใน Marantz CD-7 ครับ ถ้าเรียงลำดับคุณภาพจากการคัดเกรดจะเป็นดังนี้ครับR1 -> เกรดอลุ่มอล่วยTDA1541A ปกติ -> เกรดปกติS1 -> เกรดพิเศษS2 -> เกรดสูงสุด
งั้นเกรดธรรมดาของผมปี 86 ก็น่าจะเป็นเวอร์ชั่นเริ่มแรกครับ :yahooตั้งแต่ปี 85-86-87-(88 น่าจะหยุดผลิดแล้วสำหรับเกรดธรรมดา)จากโรงงานในยุโรบ สำหรับรหัส HSH สำหรับตัว S1 ตัวแรกน่าจะเกิดประมาณปี 87 แล้วเลิกผลิตในโรงงานยุโรบ ส่วนพวก R 1 หรือ S2 หรือ S1 ที่ไม่ได้ขึ้นโค๊ดโรงงาน HSH จะถูกผลิตที่โรงงานในได้หวัน เป็นรหัสโรงงาน RSH แต่ผมหาข้อมูลไม่เคยเจอไอซีรหัส HSH85XX เลยทั้งดาต้าชีทมันออกมาปี 85 เจอแต่ไอซีปี 86-87 ส่วนมากครับ งั้นสำหรับไอซีปี 86 คงเป็นล๊อตแรก และเป็นพีใหญ่ของไอซีเบอร์นี้มั้ง ดูจากเครื่องระดับสูงยี่ห้อดัง ๆ ก็ใช้ปีรหัส HSH86xx คงยังไม่มี S1 งั้นเกรดสูงสุดของไอซีเบอร์นี้คือ S1 (ที่ผลิตจากโรงงานในยุโรป HSH) และ S2 (ผลิตจากโรงงานได้หวัน RSH)สำหรับท่านที่มีมงกุฏมากกว่านี้ ถือว่าเป็นรุ่น 18 มงกุฏ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ผมเข้าใจอย่างนั้นครับ สำหรับ PCM มันถูกคัดเกรดทีหลังแน่ ๆ สังเกตุได้จากการพิมพ์เกรด ตามที่ท่านอาจารย์บอกน่ะครับ
+1 พี่ Mr.Tube ครับ เกรด S2 มีครับ แต่ chip ที่ซื้อมาจะเป็นเกรด S2 แท้รึเปล่านั้น คงต้องวัดดวงครับ ว่าแล้วก็ขอรับสมัคร TDA1541A S2 ซัก 2 ตัวครับ ขอราคาเบาๆ ถ้าแพงไปก็ไม่ไหวอ่ะ
อ้างจาก: Rabbit-Hunter ที่ 13 พฤศจิกายน, 2011, 11:54:40 pmการคัดเกรดนี่หมายถึง การที่เครื่องจักรผลิตออกมาในล๊อตเดียวกันทุกเกรดแล้ว ทางฟิลลิปเอาไอซีทั้งหมดทุกตัวที่ผลิตออกมาในล๊อตแล้วมาวัดค่าทางไฟฟ้าทีละตัวแล้วทำการคัดเกรดก่อนค่อยพิมพ์มารค์เบอร์อย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ หรือ ว่าทางโรงงานฟิลลิปออกแบบพิมพ์เขียวใหม่ เพื่อการอัพเกรดไอซีตัวนี้โดยเฉพาะ แล้วค่อยผลิตไอซีที่เป็นล๊อตพิเศษครับ ผมคิดเอาเองว่าในปี 198X ทาง Philips ผลิต IC ออกมาเหมือนกันหมด แล้วค่อยนำมาคัดเกรดแล้วพิมพ์เกรดซ้ำลงไปครับ ใครที่มี S1 Datecode เดียวกันหลายๆ ตัว ลองสังเกต S1 กับ มงกุฎ ว่ามันไม่ซ้อนทับกันพอดีเป๊ะครับ แสดงว่าไม่ได้ใช้เครื่องจักรในการพิมพ์เหมือนอักษรชุดอื่นๆ ครับ ข้อสังเกตอีกอย่างคือ DAC ของ Burr Brown, Analog Device ในช่วงเดียวกัน ก็เป็นการพิมพ์เกรดเพิ่มลงไปทีหลังเช่นกันครับ และก็มีตัวที่เกรดเบี้ยวๆ เหมือนกันด้วย ส่วนในปี 199X เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถทดสอบการทำงานบน Die Silicon ได้เลย (อันนี้ไม่ใช่ความคิดแต่เป็นข้อเท็จจริงปัจจุบันครับ ที่ผมไม่รู้คือเค้าเริ่มทำแบบนี้กันตั้งแต่ปีไหนน่ะครับ) ก่อนที่จะวางลง Package ครับ ซึ่งผู้ผลิตสามารถ Mark เบอร์+เกรดลงไปในกระบวนการพิมพ์เบอร์ได้เลย พัฒนาการลักษณะเดียวกันเห็นได้ใน DAC ของ BB และ AD ในเวลาไล่เลี่ยกันครับส่วนกรณี S2 นั้นผมมีข้อสังเกตอีกเรื่องคือ S2 ทั้งหมดที่ผมเคยเห็นผลิตในช่วง Datecode 971X ครับ (เหมือนรูปแรกจากเจ้าของกระทู้) แต่ผมไม่เคยเห็นเกรดธรรมดาที่เป็น Datacode 971X เลย ซึ่งผมคิดไว้ 2 เหตุผลคือ Philips พัฒนาความสามารถในการผลิต ให้ได้ S2 ล้วนๆ ได้ ไม่ต้องคัดเกรดอีก แค่ Process Control ก็พอ หรือ Philips ผลิต Die จำนวนมากออกมาคัดเกรด แล้วเอาเฉพาะ S2 Grade มาลง Package ในช่วง Datacode นั้น ส่วน Die ที่ตกเกรด S2 ก็เก็บไว้ก่อน แล้วค่อยเอามาลง Package ในอีกหลายปีให้หลัง เช่นพวก Datecode 98XX, 01XX หรือ 04XX ครับ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างหลังครับ
การคัดเกรดนี่หมายถึง การที่เครื่องจักรผลิตออกมาในล๊อตเดียวกันทุกเกรดแล้ว ทางฟิลลิปเอาไอซีทั้งหมดทุกตัวที่ผลิตออกมาในล๊อตแล้วมาวัดค่าทางไฟฟ้าทีละตัวแล้วทำการคัดเกรดก่อนค่อยพิมพ์มารค์เบอร์อย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ หรือ ว่าทางโรงงานฟิลลิปออกแบบพิมพ์เขียวใหม่ เพื่อการอัพเกรดไอซีตัวนี้โดยเฉพาะ แล้วค่อยผลิตไอซีที่เป็นล๊อตพิเศษครับ
ดูจาก spec R1 สเปกแย่กว่าตัวธรรมดาอีก ทำไมคนยังแนะนำว่าเสียงอีกเลยล่ะครับ
เอามาจาก http://www.diy55.com/?cat=17&id=511