หัวข้อ: opa627 มีคำถามครับ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

ต้องหาหม้อแปลงมาเล่นบ้างแล้ว

น้ามาการันตีเอง

 ...อย่างแรกเอาหม้อมาทดลองเสียงดูก่อนครับว่าชอบเสียงหรือเปล่า 

น้า หาดใหญ่ รบกวน ช่วยวาด วงจรสำเร็จให้ ด้วยครับ  แล้วชี้ให้เห็นว่า C ตัวไหน ช่วยแก้อะไรบ้างครับ  หัวข้อนี้จะได้เป็น เอกสารอ้างอิง ไปเลยครับ

ได้ครับน้าฯ แต่วันนี้ไม่ทันแล้ว กลับบ้าน(สตูล)ก่อน แล้วจะมาลงรูปให้ครับ

[ลำน้ำ]

น้า หาดใหญ่ รบกวน ช่วยวาด วงจรสำเร็จให้ ด้วยครับ  แล้วชี้ให้เห็นว่า C ตัวไหน ช่วยแก้อะไรบ้างครับ  หัวข้อนี้จะได้เป็น เอกสารอ้างอิง ไปเลยครับ

[robocop88]

ต้องหาหม้อแปลงมาเล่นบ้างแล้ว

น้ามาการันตีเอง

[หาดใหญ่คลาสสิค]

น้า ลองฟังเสียงหรือยังครับ
เสียงดีหรือป่าว

ปีก่อนขอบคุณน้ามากที่แนะนำการปรับแต่ง vt60
ตอนนี้มันสมบุรณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแต่งทรานวิสตัวคุมกระแส

ได้ฟังแล้วครับเมือคืนตี3 :)ตอนนี้ถือว่ามันตอบโจทย์ที่ผมอยากได้แล้วเกือบครบแล้ว ครับ



 vt60 ยังงัยซะต้องจัดไฟให้ได้ตามวงจรแล้วจะได้ฟังอะไรดีๆจากมันแน่ครับ

[robocop88]

น้า ลองฟังเสียงหรือยังครับ
เสียงดีหรือป่าว

ปีก่อนขอบคุณน้ามากที่แนะนำการปรับแต่ง vt60
ตอนนี้มันสมบุรณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแต่งทรานวิสตัวคุมกระแส

[หาดใหญ่คลาสสิค]

ดูจากวงจรแล้ว วงจรภาคขยายก่อนไปที่โหลด ใช้เกนราวๆ 5 และส่วนนึงก็เพราะเป็นโหลด inductance ดึงกระแสด้วยครับ
ถ้าทดลองเบื้องต้นที่ความถี่ต่ำๆ ให้หา C 47pF-470pF คร่อม R feedback 22k ทดลองดูว่าลด Ringing ได้แค่ไหนน่ะครับ

ถ้าได้ ก็ให้ลดค่า C ลงน้อยที่สุด ทื่ได้สัญญาณที่ไม่มี Ringing ออกมา เพราะค่า C นี้ถ้ามากไป จะส่งผลถึงแบนด์วิทธ์ทางด้านเสียงแหลมของวงจรที่จะหดลงด้วยครับ  

 ...ได้ทดลองอีกแล้ว....แล้วถ้าผมทำ  stage ที่2 ให้เป็นบัฟเฟอร์ ผมต้องจั๊ม ขาเอ้าพุทกลับมาที่ขาอินของ stage ที่2 ใช่ไหมครับ.....มันจะลด  Ringing ได้ไหมครับ

ใช้ R feedback = R input ดีกว่าครับ เกนเป็น 1 เหมือนกัน และใส่ปรับแต่งเรื่องความไวในการขยายสัญญาณเพิ่มเติมได้ครับ ถ้าเอาลวดใส่แบบบัฟเฟอร์ตรงๆ จะใช้ C ชดเชยไม่ได้แล้ว

  ตอนนี้  stage 1 เป็นปรีฯ  stage 2 เป็นปั๊ฟเฟอร์ เรียบร้อยแล้วครับ

อะน๊ะ

ขั้นแรกลองมั่วๆเอา C coupling ไปไส่ระหว่าง R กับหม้อแปลงดูหน่อยดีมั๊ยครับ เผื่อฟลุ๊ค

ปรับค่า R 220 โอห์ม กับ C มั่วๆ เอา

ทดลองมั่วๆ ตามที่บอก ปรับอาร์กับซีที่คร่อม อาร์ฟีดแบค รอยหยัก บนคลื่นหายไปแล้วครับ 

[พี่ดุ้น]

ให้ดูเล่นๆนะครับหม้อแปลง คำนวณโคตรแม่นนะครับ ออกแบบได้หมดคำนวณค่า L ค่า parasitic ได้หมดตอลอดช่วงความถี่ใช้งาน ขออย่างเดียวต้องมี  paramerter ของแกน ถ้าคิดอยากจะออกแบบหม้อแปลงเองโดยไม่ต้องมาลองผิดลองถูกไม่ไช่เรื่องยาก อิอิ
โคตรแม่นนะครับขอบอก extract parameter ไปจับไส่ pspice sim ต่อสบายๆ อิอิ

[พี่ดุ้น]

อะน๊ะ

ขั้นแรกลองมั่วๆเอา C coupling ไปไส่ระหว่าง R กับหม้อแปลงดูหน่อยดีมั๊ยครับ เผื่อฟลุ๊ค

ปรับค่า R 220 โอห์ม กับ C มั่วๆ เอา

[audiomania]

ดูจากวงจรแล้ว วงจรภาคขยายก่อนไปที่โหลด ใช้เกนราวๆ 5 และส่วนนึงก็เพราะเป็นโหลด inductance ดึงกระแสด้วยครับ
ถ้าทดลองเบื้องต้นที่ความถี่ต่ำๆ ให้หา C 47pF-470pF คร่อม R feedback 22k ทดลองดูว่าลด Ringing ได้แค่ไหนน่ะครับ

ถ้าได้ ก็ให้ลดค่า C ลงน้อยที่สุด ทื่ได้สัญญาณที่ไม่มี Ringing ออกมา เพราะค่า C นี้ถ้ามากไป จะส่งผลถึงแบนด์วิทธ์ทางด้านเสียงแหลมของวงจรที่จะหดลงด้วยครับ  

 ...ได้ทดลองอีกแล้ว....แล้วถ้าผมทำ  stage ที่2 ให้เป็นบัฟเฟอร์ ผมต้องจั๊ม ขาเอ้าพุทกลับมาที่ขาอินของ stage ที่2 ใช่ไหมครับ.....มันจะลด  Ringing ได้ไหมครับ

ใช้ R feedback = R input ดีกว่าครับ เกนเป็น 1 เหมือนกัน และใส่ปรับแต่งเรื่องความไวในการขยายสัญญาณเพิ่มเติมได้ครับ ถ้าเอาลวดใส่แบบบัฟเฟอร์ตรงๆ จะใช้ C ชดเชยไม่ได้แล้ว

[หาดใหญ่คลาสสิค]

ดูจากวงจรแล้ว วงจรภาคขยายก่อนไปที่โหลด ใช้เกนราวๆ 5 และส่วนนึงก็เพราะเป็นโหลด inductance ดึงกระแสด้วยครับ
ถ้าทดลองเบื้องต้นที่ความถี่ต่ำๆ ให้หา C 47pF-470pF คร่อม R feedback 22k ทดลองดูว่าลด Ringing ได้แค่ไหนน่ะครับ

ถ้าได้ ก็ให้ลดค่า C ลงน้อยที่สุด ทื่ได้สัญญาณที่ไม่มี Ringing ออกมา เพราะค่า C นี้ถ้ามากไป จะส่งผลถึงแบนด์วิทธ์ทางด้านเสียงแหลมของวงจรที่จะหดลงด้วยครับ  

 ...ได้ทดลองอีกแล้ว....แล้วถ้าผมทำ  stage ที่2 ให้เป็นบัฟเฟอร์ ผมต้องจั๊ม ขาเอ้าพุทกลับมาที่ขาอินของ stage ที่2 ใช่ไหมครับ.....มันจะลด  Ringing ได้ไหมครับ

[audiomania]

ดูจากวงจรแล้ว วงจรภาคขยายก่อนไปที่โหลด ใช้เกนราวๆ 5 และส่วนนึงก็เพราะเป็นโหลด inductance ดึงกระแสด้วยครับ
ถ้าทดลองเบื้องต้นที่ความถี่ต่ำๆ ให้หา C 47pF-470pF คร่อม R feedback 22k ทดลองดูว่าลด Ringing ได้แค่ไหนน่ะครับ

ถ้าได้ ก็ให้ลดค่า C ลงน้อยที่สุด ทื่ได้สัญญาณที่ไม่มี Ringing ออกมา เพราะค่า C นี้ถ้ามากไป จะส่งผลถึงแบนด์วิทธ์ทางด้านเสียงแหลมของวงจรที่จะหดลงด้วยครับ  

[หาดใหญ่คลาสสิค]

อาจจะเป็น เพราะ load เป็น inductance หรือเปล่าครับ  คือไม่ใช่ Resistance
(เดา 100%)

ผมก็เดาว่าอย่างนั้นครับน้าลำฯ เดี๋ยวรอ พี่rflover กะพี่audiomania มาช่วยก่อนแล้วผมค่อยแก้ต่อ.....................ตอนนี้ฟังไปเรื่อยๆ

[ลำน้ำ]

อาจจะเป็น เพราะ load เป็น inductance หรือเปล่าครับ  คือไม่ใช่ Resistance
(เดา 100%)

[หาดใหญ่คลาสสิค]

gain ต่ำกว่า 1 มากเลยนะครับ bandwidth ก็จะกว้างตาม

วงจรแรก voltage gain = 0.7 วงจรที่สอง voltage gain = 0.47 ดังนั้น voltage gain รวม ทั้ง 2 stage = 0.32 แสดงว่าป้อนเข้าไป 1 volt ออก 0.32 volt สัญญาณออกมาหายไปเกินครึ่ง
ลองลดค่า R 47k ให้น้อยกว่า 33k ดูนะครับ ส่วน R 220 นี่ผมไม่รู้ลองปรับดูเอา

คร่าวๆนะครับ R ทางด้าน input ถ้าค่ายิ่งเยอะ noise ยิ่งเยอะ ยิ่งเป็นต้นทางของเสียงแล้วเนี่ยไม่ดี เช่น เวลาจะทำการปรับ volume ผมแนะนำให้ไปปรับที่ stage ก่อนเข้า PA อย่าไปปรับหน้า pre-amp ซึ่งการปรับหน้า pre โดยปกติไม่มีใครเขาทำกัน

ลองแล้วครับ ตอนนี้ stageแรกใช้rป้อนกลับ 22k   stageสองใช้ r ป้อนกลับ 33k  และr47k เปลี่ยนเป็น 22k วัดโดยไม่มีโหลดไม่มีรอยหยัก แต่พอต่อหม้อแปลง มันเกิดรอยหยักขึ้นมาอีก สาเหตุมาจากอะไรครับ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

gain ต่ำกว่า 1 มากเลยนะครับ bandwidth ก็จะกว้างตาม

วงจรแรก voltage gain = 0.7 วงจรที่สอง voltage gain = 0.47 ดังนั้น voltage gain รวม ทั้ง 2 stage = 0.32 แสดงว่าป้อนเข้าไป 1 volt ออก 0.32 volt สัญญาณออกมาหายไปเกินครึ่ง
ลองลดค่า R 47k ให้น้อยกว่า 33k ดูนะครับ ส่วน R 220 นี่ผมไม่รู้ลองปรับดูเอา

คร่าวๆนะครับ R ทางด้าน input ถ้าค่ายิ่งเยอะ noise ยิ่งเยอะ ยิ่งเป็นต้นทางของเสียงแล้วเนี่ยไม่ดี เช่น เวลาจะทำการปรับ volume ผมแนะนำให้ไปปรับที่ stage ก่อนเข้า PA อย่าไปปรับหน้า pre-amp ซึ่งการปรับหน้า pre โดยปกติไม่มีใครเขาทำกัน

 ...เดี๋ยวจะลองปรับ ค่าอาร์ดู แล้วถ้าผมป้อนกลับ stage ที่สองไห้มากกว่า stage แรก จะได้ไหมครับ

[พี่ดุ้น]

gain ต่ำกว่า 1 มากเลยนะครับ bandwidth ก็จะกว้างตาม

วงจรแรก voltage gain = 0.7 วงจรที่สอง voltage gain = 0.47 ดังนั้น voltage gain รวม ทั้ง 2 stage = 0.32 แสดงว่าป้อนเข้าไป 1 volt ออก 0.32 volt สัญญาณออกมาหายไปเกินครึ่ง
ลองลดค่า R 47k ให้น้อยกว่า 33k ดูนะครับ ส่วน R 220 นี่ผมไม่รู้ลองปรับดูเอา

คร่าวๆนะครับ R ทางด้าน input ถ้าค่ายิ่งเยอะ noise ยิ่งเยอะ ยิ่งเป็นต้นทางของเสียงแล้วเนี่ยไม่ดี เช่น เวลาจะทำการปรับ volume ผมแนะนำให้ไปปรับที่ stage ก่อนเข้า PA อย่าไปปรับหน้า pre-amp ซึ่งการปรับหน้า pre โดยปกติไม่มีใครเขาทำกัน

[หาดใหญ่คลาสสิค]

ถามใหม่ก็ได้ วงจรที่ว่าเนี่ยตอนที่วัดสัญญาณ pulse ออกมาทางขา output ของ opamp ขา output นี วัดตอนไม่มี load (คือไม่ได้ไปต่อกับวงจรภาคต่อไป) หรือมี load ครับ ถ้าไม่มี load แล้ววัดได้แบบนั้น amp เริ่มไม่เสถียรแล้วครับ วิธีการไส่ C เข้าไปก็ช่วยไป limit bandwidth หลังไส่ C ที่ความถี่สูงมัน gain มันตกอะครับ อันนี้ก็ช่วยได้

หากเป็นกรณีมี load; ถ้าจำไม่ผิด OPA627 มีค่า output impedance สูงนะครับ น่าจะประมาณ 40 ถึง 50 โอห์ม ตลอดช่วงความถี่ใช้งาน แต่ตัว TL082 ไม่น่าเกิน 0.1-10 ohm ขึ้นกับช่วงความถี่ใช้งาน กรณีนี้ถ้ามาใช้เป็น pre-amp ถ้าภาคขยายถัดไปมีค่า input impedance สูง คือ opamp เห็นโหลดที่ต่ออยู่เป็น open circuit ก็ไม่น่ามีปัญหาไร แต่ถ้าไปเจอค่า C เข้าก็เป็นอีกเรื่องนึง

ยกตัวอย่างที่ 1. จะเห็นว่าพวกวงจร IC logic ที่เราใช้ๆกัน หรือขาข้อมูลที่ออกจาก DAC จะนิยมไส่ R ไว้ซัก 10 โอห์ม หรือ 300 โอห์ม ก็แล้วแต่ ซึงวิธีนี้เป็นการช่วยลด ringing เนื่องจาก trace ของลายทองแดงที่ลากไปมันยาวเสมือนว่ามีโหลดซึ่งตัวเก็บประจุขนานลง ground อยู่ ดังนั้นถ้าเป็นสัญญาณพวก high speed เขาจะใช้วงจรอีกแบบนึงคือพวก ECL หรือ PECL เพราะว่า output impedance มันต่ำ มันมีปัญญาไปขับ high capacitive load ใด้ อันนี้ข้อมูลแบบคร่าวๆนะครับ

ยกตัวอย่างที่ 2. Amplifier ที่ใครก็อยากได้คือต้องมี output impedance ต่ำ เช่น 0.000001 โอห์ม ถ้า output impedance สูงเวลามันก็ไม่มีไปขับ load เช่นไปเจอ high capacitive load เข้า พอลอง test pulse มันก็เกิด ringing ที่ output
คราวนี้ ถ้าเคยต่อวงจร power amp ก็จะเห็นว่าเขาชอบให้ไส่ R ขนานกับ L เข้าไป ทางด้าน output ของ amp ก่อนที่จะไปต่อกับสายลำโพงที่ต่อไปยังลำโพง ถ้า amp ห่วยมันก็เลยเป็นที่มาให้เล่นแร่แปรธาตุว่า แอมตัวนี้ต้องใช้กับสายนี้ลำโพงคู่นี้ถึงจะ match กัน
ปัญหาคือลำโพงที่ขายๆกันมันมี crossover network ข้างใน ที่ต่อกับ driver แต่ละดอก ดังนั้น impedance ของ load ที่ amp มองเห็น คือ มองเริ่มจากสายลำโพงไปถึงตัว driver ซึ่งมันไม่ไช่ค่า R เพียวๆแน่นอน ถ้าไปเจอค่า capacitive load ใหญ่ๆ amp ก็น๊อค
วิธีดีที่สุดคือ driver 1 ตัว ใช้ amp 1 ตัว ไม่ผ่าน crossover network หรือ อาจจะผ่านสายสัญๆแบบสั้นๆ กรณีนี้ amp สามารถ control การขยับ driver ได้ตรงๆ ไม่มีอะไรมาขวาง แรงดันที่ออกจาก amp ไป driver ไม่มีการ drop มันก็เหมือนกับวงจร regulator แหละครับ ยิ่งวางไว้ห่างกับวงจรที่เราจะจ่ายไปให้เท่าไหร่ต่อให้ regulator ขั้นเทพขนาดไหนมันก็รักษาระดับแรงดันได้เทพอยู่ตรงแถวๆ output ของตัว regulator เอง แต่แถวขั่วอุปกรณ์ของวงจรที่ไกลออกไปที่มันจ่ายไฟให้แรงดันไฟกลับไม่นิ่ง
คงต้องออกแบบ system เอง เช่น แบบของ linkwitz เขาละครับ อีกทางเลือกนึง full range ครับ แต่ถ้าลงทั้งวง เละ

ลืมไปครับ ตอนวัดสัญญาญผมไม่ได้ต่อหม้อแปลงครับ วัดตอนไม่มีโหลดครับ         ลืมอีกจุดครับ ตรงที่ขาเอ้าพุท IC มีอาร์ 100 เคลงกราวด์ด้วย ตัวนึงครับ แล้วก็ที่ ด้านขาออกของอาร์ 220 โอห์มก่อนที่จะเข้าหม้อแปลง มีซี 330PF ลงกราวด์อีกตัวครับ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

ถามใหม่ก็ได้ วงจรที่ว่าเนี่ยตอนที่วัดสัญญาณ pulse ออกมาทางขา output ของ opamp ขา output นี วัดตอนไม่มี load (คือไม่ได้ไปต่อกับวงจรภาคต่อไป) หรือมี load ครับ ถ้าไม่มี load แล้ววัดได้แบบนั้น amp เริ่มไม่เสถียรแล้วครับ วิธีการไส่ C เข้าไปก็ช่วยไป limit bandwidth หลังไส่ C ที่ความถี่สูงมัน gain มันตกอะครับ อันนี้ก็ช่วยได้

หากเป็นกรณีมี load; ถ้าจำไม่ผิด OPA627 มีค่า output impedance สูงนะครับ น่าจะประมาณ 40 ถึง 50 โอห์ม ตลอดช่วงความถี่ใช้งาน แต่ตัว TL082 ไม่น่าเกิน 0.1-10 ohm ขึ้นกับช่วงความถี่ใช้งาน กรณีนี้ถ้ามาใช้เป็น pre-amp ถ้าภาคขยายถัดไปมีค่า input impedance สูง คือ opamp เห็นโหลดที่ต่ออยู่เป็น open circuit ก็ไม่น่ามีปัญหาไร แต่ถ้าไปเจอค่า C เข้าก็เป็นอีกเรื่องนึง

ยกตัวอย่างที่ 1. จะเห็นว่าพวกวงจร IC logic ที่เราใช้ๆกัน หรือขาข้อมูลที่ออกจาก DAC จะนิยมไส่ R ไว้ซัก 10 โอห์ม หรือ 300 โอห์ม ก็แล้วแต่ ซึงวิธีนี้เป็นการช่วยลด ringing เนื่องจาก trace ของลายทองแดงที่ลากไปมันยาวเสมือนว่ามีโหลดซึ่งตัวเก็บประจุขนานลง ground อยู่ ดังนั้นถ้าเป็นสัญญาณพวก high speed เขาจะใช้วงจรอีกแบบนึงคือพวก ECL หรือ PECL เพราะว่า output impedance มันต่ำ มันมีปัญญาไปขับ high capacitive load ใด้ อันนี้ข้อมูลแบบคร่าวๆนะครับ

ยกตัวอย่างที่ 2. Amplifier ที่ใครก็อยากได้คือต้องมี output impedance ต่ำ เช่น 0.000001 โอห์ม ถ้า output impedance สูงเวลามันก็ไม่มีไปขับ load เช่นไปเจอ high capacitive load เข้า พอลอง test pulse มันก็เกิด ringing ที่ output
คราวนี้ ถ้าเคยต่อวงจร power amp ก็จะเห็นว่าเขาชอบให้ไส่ R ขนานกับ L เข้าไป ทางด้าน output ของ amp ก่อนที่จะไปต่อกับสายลำโพงที่ต่อไปยังลำโพง ถ้า amp ห่วยมันก็เลยเป็นที่มาให้เล่นแร่แปรธาตุว่า แอมตัวนี้ต้องใช้กับสายนี้ลำโพงคู่นี้ถึงจะ match กัน
ปัญหาคือลำโพงที่ขายๆกันมันมี crossover network ข้างใน ที่ต่อกับ driver แต่ละดอก ดังนั้น impedance ของ load ที่ amp มองเห็น คือ มองเริ่มจากสายลำโพงไปถึงตัว driver ซึ่งมันไม่ไช่ค่า R เพียวๆแน่นอน ถ้าไปเจอค่า capacitive load ใหญ่ๆ amp ก็น๊อค
วิธีดีที่สุดคือ driver 1 ตัว ใช้ amp 1 ตัว ไม่ผ่าน crossover network หรือ อาจจะผ่านสายสัญๆแบบสั้นๆ กรณีนี้ amp สามารถ control การขยับ driver ได้ตรงๆ ไม่มีอะไรมาขวาง แรงดันที่ออกจาก amp ไป driver ไม่มีการ drop มันก็เหมือนกับวงจร regulator แหละครับ ยิ่งวางไว้ห่างกับวงจรที่เราจะจ่ายไปให้เท่าไหร่ต่อให้ regulator ขั้นเทพขนาดไหนมันก็รักษาระดับแรงดันได้เทพอยู่ตรงแถวๆ output ของตัว regulator เอง แต่แถวขั่วอุปกรณ์ของวงจรที่ไกลออกไปที่มันจ่ายไฟให้แรงดันไฟกลับไม่นิ่ง
คงต้องออกแบบ system เอง เช่น แบบของ linkwitz เขาละครับ อีกทางเลือกนึง full range ครับ แต่ถ้าลงทั้งวง เละ

ขอบคุณครับ



วงจรที่ทดลองฟังเสียงอยู่ตอนนี้เป็นแบบวงจรนี้ครับ คือผมได้หม้อแปลงมาคู่หนึ่ง(เป็นหม้อแปลงเสียงใช้เป็นอินพุทแบบบาลานส์ของเครื่องส่งยูลิ้ง)ลองฟังเสียงแล้วรู้สึกว่าชอบเสียงของมันแต่มันเป็นหม้อแปลง 600:600 โอห์ม ต่อใช้งานโดยตรงเสียงที่ได้คือเสียงเบาต้องเร่งโวลลุ่ม ไปบ่ายสามถึงจะดัง ที่นี้ก็เลยมีความคิดว่าถ้าเอา IC มาขยายสัญญาญให้แรงก่อนที่จะเข้าหม้อแปลงน่าจะดี................เลยทดลองดูวงจรไม่ได้คิดเองครับ (ผมออกแบบวงจรไม่เป็น) เลยเอาวงจรมายำรวม ผมใส่โวลลุ่มที่หน้าสุดของหม้อแปลงครับ ตอนนี้ใช้ 100K อยู่ครับ


วงจรนี้ผมต้องแก้ใขตรงไหนบ้างครับ

[พี่ดุ้น]

ถามใหม่ก็ได้ วงจรที่ว่าเนี่ยตอนที่วัดสัญญาณ pulse ออกมาทางขา output ของ opamp ขา output นี วัดตอนไม่มี load (คือไม่ได้ไปต่อกับวงจรภาคต่อไป) หรือมี load ครับ ถ้าไม่มี load แล้ววัดได้แบบนั้น amp เริ่มไม่เสถียรแล้วครับ วิธีการไส่ C เข้าไปก็ช่วยไป limit bandwidth หลังไส่ C ที่ความถี่สูงมัน gain มันตกอะครับ อันนี้ก็ช่วยได้

หากเป็นกรณีมี load; ถ้าจำไม่ผิด OPA627 มีค่า output impedance สูงนะครับ น่าจะประมาณ 40 ถึง 50 โอห์ม ตลอดช่วงความถี่ใช้งาน แต่ตัว TL082 ไม่น่าเกิน 0.1-10 ohm ขึ้นกับช่วงความถี่ใช้งาน กรณีนี้ถ้ามาใช้เป็น pre-amp ถ้าภาคขยายถัดไปมีค่า input impedance สูง คือ opamp เห็นโหลดที่ต่ออยู่เป็น open circuit ก็ไม่น่ามีปัญหาไร แต่ถ้าไปเจอค่า C เข้าก็เป็นอีกเรื่องนึง

ยกตัวอย่างที่ 1. จะเห็นว่าพวกวงจร IC logic ที่เราใช้ๆกัน หรือขาข้อมูลที่ออกจาก DAC จะนิยมไส่ R ไว้ซัก 10 โอห์ม หรือ 300 โอห์ม ก็แล้วแต่ ซึงวิธีนี้เป็นการช่วยลด ringing เนื่องจาก trace ของลายทองแดงที่ลากไปมันยาวเสมือนว่ามีโหลดซึ่งตัวเก็บประจุขนานลง ground อยู่ ดังนั้นถ้าเป็นสัญญาณพวก high speed เขาจะใช้วงจรอีกแบบนึงคือพวก ECL หรือ PECL เพราะว่า output impedance มันต่ำ มันมีปัญญาไปขับ high capacitive load ใด้ อันนี้ข้อมูลแบบคร่าวๆนะครับ

ยกตัวอย่างที่ 2. Amplifier ที่ใครก็อยากได้คือต้องมี output impedance ต่ำ เช่น 0.000001 โอห์ม ถ้า output impedance สูงเวลามันก็ไม่มีไปขับ load เช่นไปเจอ high capacitive load เข้า พอลอง test pulse มันก็เกิด ringing ที่ output
คราวนี้ ถ้าเคยต่อวงจร power amp ก็จะเห็นว่าเขาชอบให้ไส่ R ขนานกับ L เข้าไป ทางด้าน output ของ amp ก่อนที่จะไปต่อกับสายลำโพงที่ต่อไปยังลำโพง ถ้า amp ห่วยมันก็เลยเป็นที่มาให้เล่นแร่แปรธาตุว่า แอมตัวนี้ต้องใช้กับสายนี้ลำโพงคู่นี้ถึงจะ match กัน
ปัญหาคือลำโพงที่ขายๆกันมันมี crossover network ข้างใน ที่ต่อกับ driver แต่ละดอก ดังนั้น impedance ของ load ที่ amp มองเห็น คือ มองเริ่มจากสายลำโพงไปถึงตัว driver ซึ่งมันไม่ไช่ค่า R เพียวๆแน่นอน ถ้าไปเจอค่า capacitive load ใหญ่ๆ amp ก็น๊อค
วิธีดีที่สุดคือ driver 1 ตัว ใช้ amp 1 ตัว ไม่ผ่าน crossover network หรือ อาจจะผ่านสายสัญๆแบบสั้นๆ กรณีนี้ amp สามารถ control การขยับ driver ได้ตรงๆ ไม่มีอะไรมาขวาง แรงดันที่ออกจาก amp ไป driver ไม่มีการ drop มันก็เหมือนกับวงจร regulator แหละครับ ยิ่งวางไว้ห่างกับวงจรที่เราจะจ่ายไปให้เท่าไหร่ต่อให้ regulator ขั้นเทพขนาดไหนมันก็รักษาระดับแรงดันได้เทพอยู่ตรงแถวๆ output ของตัว regulator เอง แต่แถวขั่วอุปกรณ์ของวงจรที่ไกลออกไปที่มันจ่ายไฟให้แรงดันไฟกลับไม่นิ่ง
คงต้องออกแบบ system เอง เช่น แบบของ linkwitz เขาละครับ อีกทางเลือกนึง full range ครับ แต่ถ้าลงทั้งวง เละ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

เป็น Ringing ครับ เนื่องจาก 627 มีแบนด์วิทธ์มันสูงกว่า 082 มากๆๆ ดังนั้นต้องคุม network ส่วนป้อนกลับด้วย อย่างที่น้าใส่ C ค่าเล็กๆ คร่อม R feedback ก็ช่วยได้ครับ

พอดีวงจรนี้มีฟีดแบคมี2ชุด ถ้าใส่ซีชุดชุดแรกแล้วอาการหาย  ชุดที่2นี่ไม่ต้องใส่ซีแล้วใช่ไหมครับ

ถ้าจำเป็นก็ต้องดูทั้งสองสเตจครับ เพียงแต่ในสองสเตจอาจใส่ค่าต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่ที่เกนของแต่ละภาค และความแรงสัญญาณที่ขยายไปด้วยครับ

ถ้าไม่ใส่ C เลย อาจจะมี Ringing ใส่พอดีก็ลดไปได้ แต่ถ้าใส่มากเกินจะ overdamped สัญญาณมาช้าเกินไป เสียงแหลมจะหดลงอย่างชัดเจนครับ

ปกติ OPA627 เสถียรภาพวงจรอยู่แถวเกนต่ำๆ ตั้งแต่ unity gain (1) เลย เพราะฉะนั้นใส่ค่านิดเดียวกัน Ringing เท่านั้นครับ

 ...เดี๋ยวลองหาซีค่าน้อยๆมาลองจิ้มดู .............ตอนนี้ฟังรู้สึกชอบมากกับปรี IC+หม้อ ตัวนี้ครับ คงเป็นปรีตัวแรกที่ทำแล้วอยากเก็บใว้(แบบว่าไม่เรื้อทิ้งอะ)

[audiomania]

เป็น Ringing ครับ เนื่องจาก 627 มีแบนด์วิทธ์มันสูงกว่า 082 มากๆๆ ดังนั้นต้องคุม network ส่วนป้อนกลับด้วย อย่างที่น้าใส่ C ค่าเล็กๆ คร่อม R feedback ก็ช่วยได้ครับ

พอดีวงจรนี้มีฟีดแบคมี2ชุด ถ้าใส่ซีชุดชุดแรกแล้วอาการหาย  ชุดที่2นี่ไม่ต้องใส่ซีแล้วใช่ไหมครับ

ถ้าจำเป็นก็ต้องดูทั้งสองสเตจครับ เพียงแต่ในสองสเตจอาจใส่ค่าต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่ที่เกนของแต่ละภาค และความแรงสัญญาณที่ขยายไปด้วยครับ

ถ้าไม่ใส่ C เลย อาจจะมี Ringing ใส่พอดีก็ลดไปได้ แต่ถ้าใส่มากเกินจะ overdamped สัญญาณมาช้าเกินไป เสียงแหลมจะหดลงอย่างชัดเจนครับ

ปกติ OPA627 เสถียรภาพวงจรอยู่แถวเกนต่ำๆ ตั้งแต่ unity gain (1) เลย เพราะฉะนั้นใส่ค่านิดเดียวกัน Ringing เท่านั้นครับ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

Ringing มั้ง

  ขอบคุณครับ

เป็น Ringing ครับ เนื่องจาก 627 มีแบนด์วิทธ์มันสูงกว่า 082 มากๆๆ ดังนั้นต้องคุม network ส่วนป้อนกลับด้วย อย่างที่น้าใส่ C ค่าเล็กๆ คร่อม R feedback ก็ช่วยได้ครับ

พอดีวงจรนี้มีฟีดแบคมี2ชุด ถ้าใส่ซีชุดชุดแรกแล้วอาการหาย  ชุดที่2นี่ไม่ต้องใส่ซีแล้วใช่ไหมครับ

วันก่อนได้ทดลองวัดสัญญาญดู ได้รูปออกมาเป็นแบบนี้ ก็เลยเอาซี 4.7PF มาคร่อมที่อาร์ฟีดแบค รอยหยักก็หายไป ผมใช้วงจรของTL082 แต่ถ้าเอาTL082 มาใส่จะไม่เป็นหยักแบบนี้ สาเหตุมาจากอะไรครับ

แล้วตอน คร่อม 4.7 กับ ไม่คร่อม 4.7 เสียงต่างกันมากไหมครับ

ไม่ได้ลองเสียงครับพอดีจับสัญญาญแล้วเห็นเลยแก้ซะก่อน

[Artafact]

วันก่อนได้ทดลองวัดสัญญาญดู ได้รูปออกมาเป็นแบบนี้ ก็เลยเอาซี 4.7PF มาคร่อมที่อาร์ฟีดแบค รอยหยักก็หายไป ผมใช้วงจรของTL082 แต่ถ้าเอาTL082 มาใส่จะไม่เป็นหยักแบบนี้ สาเหตุมาจากอะไรครับ

แล้วตอน คร่อม 4.7 กับ ไม่คร่อม 4.7 เสียงต่างกันมากไหมครับ

[audiomania]

เป็น Ringing ครับ เนื่องจาก 627 มีแบนด์วิทธ์มันสูงกว่า 082 มากๆๆ ดังนั้นต้องคุม network ส่วนป้อนกลับด้วย อย่างที่น้าใส่ C ค่าเล็กๆ คร่อม R feedback ก็ช่วยได้ครับ

[พี่ดุ้น]

Ringing มั้ง

[หาดใหญ่คลาสสิค]

วันก่อนได้ทดลองวัดสัญญาญดู ได้รูปออกมาเป็นแบบนี้ ก็เลยเอาซี 4.7PF มาคร่อมที่อาร์ฟีดแบค รอยหยักก็หายไป ผมใช้วงจรของTL082 แต่ถ้าเอาTL082 มาใส่จะไม่เป็นหยักแบบนี้ สาเหตุมาจากอะไรครับ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

อ๊ากกกก... Knob สวยมาก มีเหลือใช้บ้างมั๊ยครับ

หมดแล้วครับ มี อยู่3ลูก

หม้อ UTc หรือเปล่าครับเบอร์อะไรครับ

ความรู้นิดหน่อยของ ผม คือ ถ้าชอบเสียงแนวหลอด กลางดีต้อง opamp เก่าเก่า ครับ  ตัวนี้เหมาะกับ Ssมากกว่า คหสต_ครับ 

คหสต...ย่อมาจากอะไร? น้าลำ...
ช่วยขยายความหน่อย...ตามมุขน้าไม่ทัน...

น้าลำคงแปลแบบ IMHO ครับ เป็นไทยคือ "ความเห็นส่วนตัว"

 

adaptor แปลง single to dual มีหลายทรงครับ แซนวิช(แบบในรูป) ทรงตั้งก็มี ทรงแบนก็มี แล้วแต่ชอบ  อีเบย์มีเพียบครับ
ผมใช้ทรงแบนใส่ในวิทยุรถเพราะพื้นที่ด้านบนจำกัดครับ 

ครับ ผมใช้เสียบ แทน DUAL OPAMP (ตอบคำถามหรือเปล่า)

ผมว่า OP AMP  Volt ไฟเลี้ยง และ วงจรไฟเลี้ยง ทำให้เสียงเปลี่ยน มากๆ เลยครับ ผมปรับไปจบที่ไฟ ต่ำมาก (-5V)-0-(5V) เองครับ ไฟสูง ฟังไม่ได้เลย 

เห็นด้วยเรื่องมีผลมากๆ แต่ระบบผมกลับลงตัวกับไฟสูงแฮะ 

พวก ic ใหม่ๆพวกนี้มันเร็วเหลือเกิน  เวลาเอาไปใช้ระวังเรื่อง oscillate ด้วยแล้วกันครับ  สำหรับบางบอร์ดที่ออกแบบมาไม่รองรับมัน  ถ้าเป็นผม ผมจะบักกรี C 0.1uF ไว้ระหว่างขา V+ V-

เคยเจอกับ 637 ทีนึงครับ ตอนนั้นไม่รู้จะแก้ยังไงเลยเปลี่ยนเบอร์ 

อยากทราบว่าopamp 637 ทำงานตั้งแต่ไฟกี่ v ขึ้นไปครับ
ขอบคุณครับ

ตามดาต้าชีท +/- 4.5v ครับ 

ขอบคุณครับ

[cleaning]

ขอบคุณครับ

[100db]

adaptor แปลง single to dual มีหลายทรงครับ แซนวิช(แบบในรูป) ทรงตั้งก็มี ทรงแบนก็มี แล้วแต่ชอบ  อีเบย์มีเพียบครับ
ผมใช้ทรงแบนใส่ในวิทยุรถเพราะพื้นที่ด้านบนจำกัดครับ 

ครับ ผมใช้เสียบ แทน DUAL OPAMP (ตอบคำถามหรือเปล่า)

ผมว่า OP AMP  Volt ไฟเลี้ยง และ วงจรไฟเลี้ยง ทำให้เสียงเปลี่ยน มากๆ เลยครับ ผมปรับไปจบที่ไฟ ต่ำมาก (-5V)-0-(5V) เองครับ ไฟสูง ฟังไม่ได้เลย 

เห็นด้วยเรื่องมีผลมากๆ แต่ระบบผมกลับลงตัวกับไฟสูงแฮะ 

พวก ic ใหม่ๆพวกนี้มันเร็วเหลือเกิน  เวลาเอาไปใช้ระวังเรื่อง oscillate ด้วยแล้วกันครับ  สำหรับบางบอร์ดที่ออกแบบมาไม่รองรับมัน  ถ้าเป็นผม ผมจะบักกรี C 0.1uF ไว้ระหว่างขา V+ V-

เคยเจอกับ 637 ทีนึงครับ ตอนนั้นไม่รู้จะแก้ยังไงเลยเปลี่ยนเบอร์ 

อยากทราบว่าopamp 637 ทำงานตั้งแต่ไฟกี่ v ขึ้นไปครับ
ขอบคุณครับ

ตามดาต้าชีท +/- 4.5v ครับ 

[thanakorn]

หม้อ UTc หรือเปล่าครับเบอร์อะไรครับ

ความรู้นิดหน่อยของ ผม คือ ถ้าชอบเสียงแนวหลอด กลางดีต้อง opamp เก่าเก่า ครับ  ตัวนี้เหมาะกับ Ssมากกว่า คหสต_ครับ 

คหสต...ย่อมาจากอะไร? น้าลำ...
ช่วยขยายความหน่อย...ตามมุขน้าไม่ทัน...

น้าลำคงแปลแบบ IMHO ครับ เป็นไทยคือ "ความเห็นส่วนตัว"

ขอบคุณครับ...

[audiomania]

หม้อ UTc หรือเปล่าครับเบอร์อะไรครับ

ความรู้นิดหน่อยของ ผม คือ ถ้าชอบเสียงแนวหลอด กลางดีต้อง opamp เก่าเก่า ครับ  ตัวนี้เหมาะกับ Ssมากกว่า คหสต_ครับ 

คหสต...ย่อมาจากอะไร? น้าลำ...
ช่วยขยายความหน่อย...ตามมุขน้าไม่ทัน...

น้าลำคงแปลแบบ IMHO ครับ เป็นไทยคือ "ความเห็นส่วนตัว"

[thanakorn]

หม้อ UTc หรือเปล่าครับเบอร์อะไรครับ

ความรู้นิดหน่อยของ ผม คือ ถ้าชอบเสียงแนวหลอด กลางดีต้อง opamp เก่าเก่า ครับ  ตัวนี้เหมาะกับ Ssมากกว่า คหสต_ครับ 

คหสต...ย่อมาจากอะไร? น้าลำ...
ช่วยขยายความหน่อย...ตามมุขน้าไม่ทัน...

[sawasdee]

อ๊ากกกก... Knob สวยมาก มีเหลือใช้บ้างมั๊ยครับ

[cleaning]

อยากทราบว่าopamp 637 ทำงานตั้งแต่ไฟกี่ v ขึ้นไปครับ
ขอบคุณครับ

[หาดใหญ่คลาสสิค]

หม้อ UTc หรือเปล่าครับเบอร์อะไรครับ

ความรู้นิดหน่อยของ ผม คือ ถ้าชอบเสียงแนวหลอด กลางดีต้อง opamp เก่าเก่า ครับ  ตัวนี้เหมาะกับ Ssมากกว่า คหสต_ครับ 

ผมก็ไม่รู้ครับน้าฯ ว่าเป็นของอะไรแต่ไม่ใช่ UTC ผมเอามาจากเครื่องส่งยูลิ้ง ครับเขาใช้เป็นหม้ออินพุทแบบบาล้านส์ ผมเอาวาวัดสัญญาญเทียบกะหม้อแอลเทค อันนี้สัญญาญสวยกว่า ตอนนี้เท่าที่นั่งฟังอยู่สักฟักใหญ่ๆมันก็ได้ตามที่ต้องการครับ เดี๋ยวฟังต่ออีกหน่อย จะลองจูนไฟดูว่าชอบที่กี่โวล ตอนนี้ใช้ 12 โวลอยู่ครับ

[ลำน้ำ]

หม้อ UTc หรือเปล่าครับเบอร์อะไรครับ

ความรู้นิดหน่อยของ ผม คือ ถ้าชอบเสียงแนวหลอด กลางดีต้อง opamp เก่าเก่า ครับ  ตัวนี้เหมาะกับ Ssมากกว่า คหสต_ครับ 

[หาดใหญ่คลาสสิค]

 ....

[หาดใหญ่คลาสสิค]

จากประสบการณ์ที่ใช้มามันมีเสียงคล้ายการฮัมครับ  ไอ้ประสบการณ์แบบนี้เยอะจังตู

เหมือนกันเลยของผมฮัมทุกเครื่อง ...................ตอนนี้ของผมร้องเพลงแล้วครับเกนยังน้อยไป :yuckyเดี๋ยวค่อยปรับใหม่

[เบน]

จากประสบการณ์ที่ใช้มามันมีเสียงคล้ายการฮัมครับ  ไอ้ประสบการณ์แบบนี้เยอะจังตู

[หาดใหญ่คลาสสิค]

พวก ic ใหม่ๆพวกนี้มันเร็วเหลือเกิน  เวลาเอาไปใช้ระวังเรื่อง oscillate ด้วยแล้วกันครับ  สำหรับบางบอร์ดที่ออกแบบมาไม่รองรับมัน  ถ้าเป็นผม ผมจะบักกรี C 0.1uF ไว้ระหว่างขา V+ V-

ครับพี่ ผมกะว่าจะฮาร์ดวาย ลงบนบอร์ดอเนกประสงค์ ไม่รู้ว่ามันจะมีปัญหารึเปล่า ถ้ามัน oscillate อาการจะเป็นอย่างไรบ้างครับ

[Withaya]

พวก ic ใหม่ๆพวกนี้มันเร็วเหลือเกิน  เวลาเอาไปใช้ระวังเรื่อง oscillate ด้วยแล้วกันครับ  สำหรับบางบอร์ดที่ออกแบบมาไม่รองรับมัน  ถ้าเป็นผม ผมจะบักกรี C 0.1uF ไว้ระหว่างขา V+ V-

[หาดใหญ่คลาสสิค]

ครับ ผมใช้เสียบ แทน DUAL OPAMP (ตอบคำถามหรือเปล่า)

ผมว่า OP AMP  Volt ไฟเลี้ยง และ วงจรไฟเลี้ยง ทำให้เสียงเปลี่ยน มากๆ เลยครับ ผมปรับไปจบที่ไฟ ต่ำมาก (-5V)-0-(5V) เองครับ ไฟสูง ฟังไม่ได้เลย 

เห็นด้วยครับน้า...เรื่องไฟเลี้ยงวงจร ผมเคยวัดไฟที่ปรีของ a1 มันทำงานอยู่ที่ 9 โวลนิดๆครับ โครงงานนี้ผมกะจะเอามาขยายสัญณาณก่อนเข้าปรี หม้อแปลงของผมครับ เพราะหม้อผมไม่มีเกนผมเลยเอา OPAMP มาขยายซะก่อน ทำแบบนี้ไม่รู้ถูกวิธีหรือเปล่า แต่ตอนนี้ชอบเสียงของหม้อลูกนี้แต่เวลาใช้ต้องเร่งโวลลุ่มมากไปหน่อย น้าลำฯพอจะมีวิธีอื่นอีกหรือเปล่าครับ

[ลำน้ำ]

ครับ ผมใช้เสียบ แทน DUAL OPAMP (ตอบคำถามหรือเปล่า)

ผมว่า OP AMP  Volt ไฟเลี้ยง และ วงจรไฟเลี้ยง ทำให้เสียงเปลี่ยน มากๆ เลยครับ ผมปรับไปจบที่ไฟ ต่ำมาก (-5V)-0-(5V) เองครับ ไฟสูง ฟังไม่ได้เลย 

[หาดใหญ่คลาสสิค]

 Adapter Smd Opa627 Daul  เขาจัดขาใหม่เป็นแบบ TL072 แบบนี้ใช่ไหมครับ