HTG2.club

ฝากข่าว เร็วนี้จะมีการสัมนาแบบไม่วิชาการที่เดียว โดยชมรมออดิโอทีม

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ขุนจิต

  • kjit
  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 7,392
    • เพศ:ชาย
  • ไบเกอร์เครื่องเสียง
lส่วนข้างบนภาพอาจจะขาดหายขอให้ตามไปที่ลิงค์ครับ
เพราะจำเป็นต้องคัดมาทั้งหมดครับ  ฮิอิ


รำลึกถึงใคร.................   อยากพิสุนจ์หัวข้อไหน..................
  ขอให้ทางชมรมทำให้ดูได้ครับ.................... 
    ทางชมรมจะ พิสูนจ์.............................................  ให้ดู
ของเล่นต่าง  อยากให้ทำ  มาได้เลยครับ  a+b เทสใครหุตระกั่วไม่ตระกัว  ก็พิสูนจ์ได้ครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=1275.0
http://www.htg2.net/index.php?topic=1324.0


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มกราคม, 2006, 07:00:00 am โดย ขุนจิต »
พิจิต 089-771-8895


ออฟไลน์ ขุนจิต

  • kjit
  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 7,392
    • เพศ:ชาย
  • ไบเกอร์เครื่องเสียง
อีกอัน
http://www.audio-teams.com/webboard/?ca1=16&id=17882
"รู้ไปก็เท่านั้น สัญจร" ตอน : เรื่องเซ็ต น้อยนิด มหาศาล 2
มาตามคำสัญญาอีกแล้วครับท่าน...

    ก่อนจะเข้าเรื่อง, ผมขอเล่าถึงแนวทางการทำ “รู้ไปก็เท่านั้น สัญจร” สักนิด

เหตุที่ไม่นำเหตุการณ์ทั้งหมดไปเขียนเป็นคอลัมน์เป็นเรื่องเป็นราว มันมีเหตุผลอยู่สองประการ

ประการแรก, ผมมีโครงของการเขียน “เยี่ยมห้องฟัง” ไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ผมปฏิบัติใน “รู้ไปก็เท่านั้น สัญจร” ที่มีเจตนาแบ่งปันความรู้ เทคนิค วิธีการ รวมถึงการสร้างเสริมความเข้าใจที่ดีระหว่างนักวิจารณ์และนักเล่นเครื่องเสียงโดยตรง โดยปราศจากการค้าแอบแฝงทุกชนิด อันเนื่องมาจากคำเปรยเชิงตำหนิของพรรคพวกคำหนึ่งที่ว่า ”นักวิจารณ์มักถือตัว จับต้องยากเพราะวางตัวสูงกว่านักเล่นเครื่องเสียง” ผมต้องการยิงนกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียว จึงตัดสินใจทำทั้งๆที่ไม่มีเวลานัก

ประการที่สอง, การยกคอลัมน์มาตั้งเป็นกระทู้ในบอร์ด เป็นการเปิดโอกาสโดยตรงให้นักเล่น พี่ๆเพื่อนๆสมาชิกในบอร์ดถามมา-ตอบไป ได้แสดงความเห็นกันอย่างอิสระ ส่วนหนึ่งเป็นเสียงสะท้อนกลับมาแก่ผม ดี-ไม่ดี ชอบ-ไม่ชอบ เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย กับบทความไหน อย่างไร สามารถแสดงออกมาได้อย่างที่ตนเองคิด ซึ่งจะพบได้ในบอร์ดถามมา-ตอบไปจากเวปไซต์ audio-teams.com แห่งเดียวเท่านั้น

อีกส่วนหนึ่งเป็นการขยายขอบเขตของการเล่นเครื่องเสียงเชิงศิลปะให้กว้างขวางมากขึ้น ในเมื่อผมไปเที่ยวห้องนักเล่นด้วยมือเปล่า ตลอดการดำเนินคอลัมน์ ไม่มีสักคำที่เจตนาลัดเลาะสู่การค้าแอบแฝงทุกชนิด เป็นการแบ่งปันด้วยบริสุทธิ์ใจ หวังเพียงอย่างเดียวว่า เมื่อร่วมทดลองและพิสูจน์ให้ประจักษ์แก่ตนเองแล้ว จะนำแนวความคิดไปประยุกต์ใช้กับชุดของตัวเอง พัฒนาทักษะการฟังเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการตัดสินใจเมื่อต้องขยับขยาย ยกระดับชุดเครื่องเสียงของตน

เมื่อนักเล่นฟังแม่นยำขึ้น ก็เท่ากับเขารู้ความต้องการของตัวเองโดยปริยาย ไม่ต้องลำบากร้านค้าที่ต้องมานั่งขายของกับนักเล่นที่ฟังไม่แม่น กลับกัน ร้านค้าเองก็จะต้องพัฒนาแนวทางการขายให้ดียิ่งขึ้น เพราะเมื่อนักเล่นรู้มากและมีทักษะการฟังที่แก่กล้า การหลอกล่อขายสินค้าก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะนักเล่นรู้เท่าทันพ่อค้า

มองในแง่บวกแล้ว มีแต่ได้กับได้ครับ

    ถามว่าผมสัญจรเดือนละไม่เกินสองห้อง แล้วเมื่อไหร่มันจะไปทั่ววงการเครื่องเสียง อันนี้ปริมาณไม่เป็นปัญหาสำหรับผม เพราะทุกครั้งที่ผมสัญจรไปนั้น ผมมักจะฝากให้พี่ๆทุกท่าน เผยแพร่สิ่งที่ตนเองได้รับ แบ่งปันให้กับเพื่อนๆต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องกลับมาพิสูจน์กับผมโดยตรง ซึ่งไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของผม

สองปีก่อน ผมเคยเปิดห้องรับแขกวันละหลายครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของนักเล่นที่เคยมาฟังห้องผมมาก่อน เข้าใจว่าคงจะชื่นชมว่าเสียงดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ) จนเพื่อนเกิดความสงสัยใคร่รู้ ขอมาฟังห้องผมว่าเป็นตามคำชมหรือไม่

เมื่อถาม ผมก็ตอบไปตามโจทย์ เมื่อพิสูจน์แล้วว่าเรื่องที่เขาว่าเป็นไสยศาสตร์ แต่สัมผัสจับต้องได้จริงในห้องฟังของผม มันก็ต้องเอาไปเม้าท์กันต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ผมห้ามแล้วห้ามอีกไม่ให้พูด แต่ใครเขาจะเชื่อล่ะครับ

หนักเข้าๆ เวลาเขียนงานก็แทบไม่มี ทิ้งร้านรวงรับแขกเพราะเกรงใจ ภรรยาไม่พูดด้วยเป็นเดือนๆ พอลูกชายคลอดมาอีกคน นั่นแหละครับทำให้ผมถึงจุดที่หายไปจากวงการอยู่พักใหญ่

ผิดมหันต์จริงๆ

    เล่าความผิดพลาดให้เพื่อๆสมาชิกฟัง เพราะอยากให้เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผม ไม่ใช่ถือตัว แต่ผลจากการไม่ถือตัวของผมเกือบทำเอาชีวิตพังทลายลงต่อหน้า วันนี้แม้กลับมาทำงานเขียนอีกครั้ง แต่ก็จะไม่ยอมให้ชีวิตผิดพลาดซ้ำสอง นั่นคือที่มาของคำว่า “วางตัว” ที่พรรคพวกตำหนิ

เอาเป็นว่าผมชี้แจงเหตุผลที่ปฏิเสธการเยี่ยมห้องฟังของผมครบถ้วนทุกประการแล้วนะครับ ไม่ใช่ไม่ยินดีต้อนรับ แต่งานหลักต้องมาก่อนเสมอ หากพอมีเวลาปลีกตัวได้ ผมไม่เคยรังเกียจที่จะรับแขก พี่ๆสมาชิกหลายสิบคนที่รู้จักผมเป็นส่วนตัวยืนยันเรื่องนี้ได้ครับ

สรุปความอย่างนี้นะครับ, ผมแบ่งปันสิ่งที่ผมรู้ให้แก่เพื่อนสมาชิก หวังให้นำไปแบ่งกันกันเองต่อ ไม่หวังให้สิ่งที่ผมทำย้อนกลับมาหาผม ถือว่าให้แล้วให้เลยไม่รับกลับคืนครับสำหรับ “รู้ไปก็เท่านั้น สัญจร” พี่ๆเพื่อนๆที่ได้รับไป ช่วยแบ่งปัน Pay It Forward ต่อไปด้วยนะครับ

ไม่ต้องรอให้ความเปลี่ยนแปลงมาถึง เรามาช่วยกันเปลี่ยนแปลงคนละไม้คนละมือกันเถิดครับ

------------------------------------------------------   
 
 (อ่าน 1322 | ตอบ 22 ) (22/12/2548 18:48:30)   
 
ความคิดเห็นที่ 1
 
มาต่อกันเรื่องปลีกย่อยในวันนั้นกันดีกว่า…

Wutinan: รายละเอียดการขยับของต่างๆ คร่าวๆนะครับ
- กล่องซับ+สะท้อนเสียง ผมนำเอาแนวคิดเรื่องซองบุหรี่ของคุณโจ้มาดัดแปลง โดยใช้กล่องขาลำโพงวางที่มุมห้องด้านหลังลำโพง

ยุทธพงศ์: อันนี้ผมได้เทคนิคเริ่มต้นมาจาก ‘รูมจูน’ ครับ คำแนะนำที่พี่ได้รับมาจากเซลล์นั้นไม่ผิดตามตรรกะ แต่บางอย่างไม่ได้ตรรกะเดียวในการวัดผล การเอากล่องเครื่องเสียงเข้าปิดมุมห้อง ตามความคิดทั่วไป น่าจะช่วยคุมเสียงทุ้มได้ดีมากกว่า แต่ความจริงที่ลองด้วยกันมันกลับไม่ใช่ เพราะการเปิดช่องว่า ให้มีระยะห่างจากผนังด้านหลังสักคืบมือ มันกลับให้ผลในการควบคุมเสียงทุ้มให้กระชับเปิดเผย ทั้งยังยกระดับความคมชัดของย่านเสียงกลางไปถึงแหลมได้อย่างชัดเจน ตรงนี้มีแค่พี่กับผมเท่านั้นที่ทราบ เพราะไม่มีใครไปแจมในวันนั้น

เอาเป็นว่าหากมีโอกาสและเวลา ผมจะเสนอตัวให้จัดเวิร์คช้อบเกี่ยวกับการปรับอะคูสติกในส่วนมุมห้องสักครั้ง แต่ขอให้ผ่านปีใหม่ไปก่อนนะครับ
 
 (22/12/2548 18:49:24)
 
ความคิดเห็นที่ 2
 
อีกมุม 
 (22/12/2548 18:50:04)
 
ความคิดเห็นที่ 3
 
Wutinan: - ข้าวของที่ไม่จำเป็นในห้อง เก็บออกไป (ถือโอกาสทำความสะอาดห้องเสียเลย)

ยุทธพงศ์: อันนี้ประเด็นละเอียดเกินไป ผมไม่อธิบายตรงนี้นะครับ เอาไว้ลองรวดเดียวตอนจัดเวิร์คช้อบจะดีกว่า

Wutinan: - แล้วการขยับพรมจูนเสียงล่ะ

ยุทธพงศ์: นี่ค่อยโม้ได้หน่อย เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ พื้นห้องคือหนึ่งในผนังทั้ง 6 ด้านของห้องๆหนึ่ง และเป็นส่วนที่ผมให้ความสำคัญที่สุดในบรรดาผนังทั้ง 6 แต่มันก็แปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือแทบไม่มีอุปกรณ์ปรับแต่งอะคูสติกในส่วนนี้ผลิตออกมากันเลย เว้นแต่ในสตูดิโอบันทึกเสียงบางแหล่งในต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับพื้นผิวส่วนนี้ (ถ้าในประเทศมี ผมขออภัยด้วยนะครับ ไม่มีข้อมูลตรงส่วนนี้ และถ้ามี รบกวนแจ้งมาที่เมล์ของผมด้วยนะครับ ผมสนใจจะไปลองฟังเพื่อหาประสบการณ์)

จะด้วยเพราะความสะดวก ความสวยงาม หรือเหตุผลใดก็แล้วแต่ หากพื้นผิวของห้องเป็นพื้นแข็งเช่นปูนหรือไม้ พรมคืออุปกรณ์ที่มีความนิยมใช้ในการลดเสียงสะท้อนแรกจากลำโพงสู่ต่ำแหน่งนั่งฟังมากที่สุด เพราะคุณสมบัติในการซับเสียง และความสวยงามในการตกแต่งให้เข้ากับห้อง

ในเมื่ออุปกรณ์ซับ-สะท้อนเสียงทั้งหลายที่ติดตั้งในส่วนของผนังทั้งสี่ด้าน ยังมีผลต่อสุ้มเสียงโดยรวมของชุดฯ ประสาอะไรกับพื้นที่วางเครื่อง ที่ทั้งเป็นส่วนที่ต้องมั่นคงแข็งแรงที่สุดและยังใกล้กับตัวตู้ลำโพงมากที่สุดอยู่ด้วย อย่างไรเสีย ผลต่างมันต้องไม่น้อยอยู่ตามตรรกะที่ผมยกอ้าง

พื้นผิวที่เรียบมัน และมีความแข็งแกร่งสูง ภาษานักเล่นเราก็รู้อยู่ว่า มันจะเกิดการสะท้อนในย่านกลาง-แหลมได้ง่ายเป็นพิเศษ การหาวัสดุซับเสียงเช่นผืนพรม จึงถูกเลือกใช้เป็นสากลด้วยประการฉะนี้

คราวนี้, เมื่อผืนพรมมีผลต่อสุ้มเสียงโดยเฉพาะกลาง-แหลม ฉะนั้นการปรับระยะการวางจึงย่อมส่งผลต่อสุ้มเสียงโดยรวมตามกันไปเช่นเดียวกับที่เราปรับแผงดิฟฟิวเซอร์, จิ๊กซอว์ ฟองน้ำซับเสียง และอุปกรณ์ปรับอื่นๆที่ติดผนังเช่นกัน

ในห้องของพี่ wutinan นั้น ตอนแรกผมเห็นว่าจัดวางพรมผืน (ขนาดราว 4 x 6 ฟุต) ไว้ติดกับตำแหน่งฟัง แต่ยังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เนื้อจากจะจัดการปัญหาของกล่องที่มุมห้องซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ก่อน เมื่อจัดการเป็นที่เรียบร้อยในระดับหนึ่ง จึงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องพรมอีกครั้ง

หลักสั้นๆได้ใจความที่ใช้ในวันนั้น, วางพรมใกล้ตัวเพิ่มอัตราการซับเสียง ตรงกันข้าม หากเลื่อนไปให้ใกล้ตำแหน่งลำโพงสุ้มเสียงจะเปิดเผยมากขึ้นตามลำดับ ลักษณะนี้จะตรงข้ามกับตำแหน่งพรมที่วางในตำแหน่งด้านหลังลำโพงไปชนผนัง จุดนั้นวางหนีผนังด้านหลังมากเท่าไหร่ สุ้มเสียงก็จะเปิดเผยขึ้นตามไปเท่านั้น

เอาเป็นว่าไม่ถึงกับตายตัวนะครับ สำหรับการจัดวางเรื่องพรม
 
 (22/12/2548 18:51:00)
 
ความคิดเห็นที่ 4
 
Wutinan: - การจัดวางเครื่องบนชั้นวาง

ยุทธพงศ์: ส่วนนี้พี่ wutinan ได้ขยับเครื่องตามกระทู้สัญจรครั้งแรกแล้ว ผมไม่ฉายซ้ำนะครับ ให้เจ้าตัวมาอธิบายความต่างเองน่าจะมันส์กว่า ผลต่างเป็นอย่างไร แบบไหน ต้องให้ขยายอีกครั้งให้เพื่อนๆฟังครับ

Wutinan: - ตำแหน่งการวางเครื่องและชั้นวาง

ยุทธพงศ์: นับเป็นฮวงจุ้ยรูปแบบหนึ่งนอกจากความสวยงาม เหตุที่ต้องเรียกว่าเป็นฮวงจุ้ย ไม่ใช่เพราะผมมีความรู้ทางนี้ แต่วิธีการมองและอธิบายในลักษณะเทียบเคียงแบบนี้ มองเห็นภาพได้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมากกว่า ลองกลับไปดูภาพแรกๆที่ยังไม่ได้ปรับแต่งนะครับ

ปรีแอมป์วางในชั้นส่วนบน เครื่องเล่นซีดีวางในชั้นส่วนล่าง ส่วนเพาเวอร์แอมป์วางบนไม้ที่พื้น จริงๆแล้วหากไม่ใช่เพราะความยาวสายไฟบังคับ ผมจะขยับตำแหน่งให้มากกว่านี้อีก แต่วันนั้นมันทำได้เต็มที่เท่านี้จริงๆ

และก็น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือเรามักคิดว่าเครื่องเล่นซีดีนั้นค่อนข้างอ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเมือนที่สุด การจัดวางในตำแหน่งที่มั่นคงสูงสุดจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ผมเข้าใจว่าพี่ wutinan คงคิดเช่นเดียวกัน จึงจัดวางเครื่องเล่นซีดีในตำแหน่งที่ต่ำ เพราะเกรงว่ายิ่งวางสูงยิ่งโยกคลอนได้ง่าย ในขณะที่ปรีแอมป์นั้นอาจจะอ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่าเพราะไม่มีส่วนที่เป็นกลไกขับเคลื่อน 

จริงๆแล้วตามเหตุและผล ผมก็เห็นด้วยกับความคิดข้างต้นครับ แต่เมื่อมองในแง่ของน้ำเสียงที่ได้ยินทั้งหมดในชุด ผมคิดว่ายังไม่ค่อยกลมกลืนเท่าใดนัก ส่วนนี้เมื่อมองไปที่ชั้นวางก็ได้ประเด็นปรับแต่งในทันที

ส่วนที่พี่ไม่ได้คำนึงถึง นั่นคือบุคลิกเสียงหลักของเครื่องที่ใช้งานอยู่ ซึ่ง NAD รุ่นนี้ค่อนข้างมีเนื้อหนังอิ่มหนา เจ้าเนื้อสักนิด แต่ปรีแอมป์นั้นสุ้มเสียงออกไปทางโปร่งบาง ให้เนื้อเสียงกะทัดรัด หยุมหยิม และตามประสบการณ์ที่พบมาหลายครั้ง หากเป็นชั้นวางสองชั้น การจัดวางแหล่งโปรแกรม (ในที่นี้คือเครื่องเล่นซีดี) ไว้ชั้นบน ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ (เช่นปรีแอมป์-อินทีเกรตแอมป์) จะให้สมดุลเสียงค่อนข้างดีกว่า

ผมแนะนำเช่นนี้ไปแล้ว จึงเสนอให้ลองจัดตำแหน่งเครื่องตามที่ผมแจ้งดู ก็ปรากฏว่าเก็งหวยถูกครับ สุ้มเสียงที่ขั่นมัว บางช่วงติดไปทางฟุ้งในช่วงแรกๆ หายไปในทันที
 
 (22/12/2548 18:51:49)
 
ความคิดเห็นที่ 5
 
ตามติดด้วยตำแหน่งการจัดวางชั้นในห้อง ที่จัดวางเยื้องไปทางซ้ายมือมากเกินไป ไม่เพียงจะเสียสมดุลทางสายตาแล้ว ยังเสียสมดุลในแง่การสะท้อนเสียงในพื้นที่ระหว่างลำโพงทั้งสองอีกด้วย การวางเครื่องในระยะห่างระหว่างลำโพงนั้น หากเลือกได้ ควรวางสมมาตรทั้งซ้ายและขวา เยื้องไปทางทางหนึ่งมากเกินไป เสียงที่สะท้อนกับตัวเครื่องและชั้นวางจะล้ำหน้าเข้าหาผู้ฟัง เว้นเสียแต่เน้นความสะดวกที่จะจัดวางเครื่องข้างตัวด้านใดด้านหนึ่ง นั่นเป็นอีกเงื่อนไขที่ต้องมีอุปกรณ์ปรับอะคูสติกเพื่อชดเชยกันบ้างตามสมควร   

ก็ในเมื่อจะจัดวางชั้นให้สมดุลกันแล้ว มันก็ต้องย้ายแผ่นซีดีและอุปกรณ์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องหนีไปให้หมดในคราวเดียว ช่วงคาบเกี่ยวนี่แหละครับที่ได้มีโอกาสลองเอาข้าวของที่เกะกะ และเป็นจุดสะท้อนเสียงที่ไม่จำเป็นออกไปในแต่ละขั้น แล้วทดลองด้วยการฟังผลต่าง ว่ามีผลต่างมาก-น้อยเพียงไหน อย่างไร

ก็แค่เอาพวกของที่วางออกนั่นแหละครับ แต่เจ้าของห้องถึงกับหูผึ่งทันที ประสาอะไรกับเลื่อนชั้นวางเข้าหาตำแหน่งกึ่งกลาง ที่ฟังออกว่าเสียงนักร้องลอยสูงขึ้นอีก ตำแหน่งก็ไม่ใช่ชัดเจนแต่เอียงซ้ายตลอดเวลาเหมือนตำแหน่งก่อน
 
 (22/12/2548 18:52:21)
 
ความคิดเห็นที่ 6
 
Wutinan: - การเลือกใช้ขั้วปลั๊กไฟ

ยุทธพงศ์: ข้อนี้ลองเองง่ายๆสำหรับพี่ๆเพื่อนๆที่สามารถแยกแยะการ ‘กลับเฟส’ สายไฟเอซีสองขาได้ ปลั๊กผนังตัวหนึ่ง แม้จะมีสองช่องเสียบ แต่คุณภาพเสียงในแต่ละช่องกลับมีความแตกต่างกันพอประมาณ (จะประมาณไหน ก็ขึ้นกับทักษะส่วนบุคคลนะครับ ฟังไม่ออกก็โชคดีไป วันไหนฟังออกถือว่าซวย เพราะหูเริ่มหาเรื่อง ก็เท่านั้นแหละครับ)

ลองสลับดูได้นะครับ เลือกเอาตำแหน่งที่สุ้มเสียงสมดุลที่สุดเป็นใช้ได้ ไม่แน่ว่าที่ฟังอยู่ว่า ‘ดีแล้ว’ อาจจะยังมี ‘ดีกว่า’ รออยู่หลังจากที่สลับตำแหน่งเสียงสายไฟ
 
 (22/12/2548 18:52:46)
 
ความคิดเห็นที่ 7
 
Wutinan: - เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นในห้อง หากไม่ใช้ก็อย่าเสียบปลั๊กทิ้งไว้
หรือหากต้องใช้ก็เสียบให้ถูกเฟส (มันมีผลกับเสียง)

ยุทธพงศ์: อันนี้เบสิกที่ใครๆก็รู้ บางห้องเปิดไฟนีออนหลอดเดียว เสียงหายไปหลายวินาทีก็มี ความเห็นที่ตรงกันจากหลายสำนักคือ ควรเดินสายไฟใหม่จากโหลดเซ็นเตอร์มาเข้าห้องเครื่องเสียงโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกที่ใช้มอเตอร์หรือพวกที่กินไฟสูงๆ หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็แอบลองกลับเฟสฟังดูสักครั้ง แอบทำคนเดียว ฟังออกหรือไม่ออกไม่มีใครว่าดอกครับ เรื่องพวกนี้เหมือนการหัดปั่นจักรยาน แรกๆสี่ล้อ คล่องแคล่วขึ้นก็ลดเป็นสอง ส่วนพวกมืออาชีพ ล้อเดียวยังปั่นได้หน้าตาเฉย

แล้วมันมีที่ไหนสอนกันล่ะ นอกจากต้องฝึกฝนกันเอาเองทั้งนั้น

Wutinan: - ตำแหน่งลำโพง และวิธีการวางลำโพงบนขาตั้ง

ยุทธพงศ์: เทคนิคที่ไม่ยากเย็นเกินไปสำหรับการลองฟัง พื้นที่ของลำโพงวางขาตั้งส่วนใหญ่ มักจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าขาตั้ง น้อยนักที่จะมีพื้นที่เท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่ที่เท่าๆกันนั้น มันก็คือขาตั้งที่ออกแบบมาเฉพาะลำโพงคู่นั้นนั่นแหละ ที่ออกแบบมาเฉพาะคงไม่ต้องแนะนำกันให้ยาวความนะครับ เอาที่ไม่ใช่คู่ผัวตัวเมียกันดีกว่า

ส่วนใหญ่เมื่อพื้นที่ลำโพงมากกว่าขาตั้ง ก็มักจะไม่ให้ความสนใจในการจัดวางนัก เลือกเอาที่เท่าๆกันทั้งสองข้างได้ก็เพียงพอแล้ว แต่จุดนี้เพียงจุดเดียว ที่ผมได้รับข้อมูลที่แรกฟังนั้น ผมเองก็ไม่ได้เอะใจ ฟังเพลงผ่านหูเท่านั้น

ลำโพงหน้าตัดใหญ่กว่าเพลทขาตั้ง ให้วางขอบหลังลำโพงเสมอขอบหลังเพลทขาตั้ง
ลำโพงหน้าตัดเล็กกว่าเพลทขาตั้ง ให้วางขอบหน้าลำโพงเสมอขอบหน้าเพลทขาตั้ง

โดยทั้งหมด ต้องคงระยะการจัดวางลำโพงไว้เท่าเดิม ตัวอย่างเช่น จัดวางลำโพงไว้กึ่งกลางเพลม และลำโพงวางห่างผนังด้านหลังลำโพง 150 ซม. เมื่อเลื่อนลำโพงให้ขอบหลังลำโพงเสมอขอบหลังเพลทขาตั้ง ลำโพงจะเลื่อนหนีผนังด้านหลังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับระยะที่ลำโพงล้ำจากเพลท

สมมติว่าขยับเลื่อนไป 3 ซม. ก็จะเท่ากับว่าลำโพงวางห่างจากผนังด้านหลัง 153 ซม. ก็ให้ขยับขาตั้งถอยหลัง 3 ซม. เพื่อให้ระยะห่างระหว่างลำโพงและผนังด้านหลัง คงไว้ที่ระยะเท่าเดิม นี่คิอแนวทางกว้างๆที่พอแนะนำได้

พูดให้ง่ายกว่านั้น คือคงระยะลำโพงไว้เท่าเดิม แต่เลื่อนขาตั้งถอยหลังนั่นหละครับ

ถามว่ามันมีหลักการอะไรมารองรับ เพราะคิดตามตรรกะแล้ว ส่วนหน้าของลำโพงต่างหาก ที่มีน้ำหนักถ่วงมากกว่าด้านหลัง จะให้มั่นคงที่สุดมันก็ต้องวางเสมอขอบหน้าไม่ใช่หรือ?

แหะๆ... ก็บอกแล้วไงครับ “รู้ไปก็เท่านั้น” มันไม่สำคัญที่รู้มาอย่างไร แค่ไหน มันสำคัญที่ก่อให้เกิดความสงสัย แล้วนำความสงสัยไปทดลองดูผลลัพธ์ด้วยตัวเอง ได้ผลต่างหรือไม่ ฟังออกหรือไม่ เสียงดีขึ้นหรือไม่

ไม่สำคัญเท่ากับขั้นตอนการลองจริงๆ

นักวิทยาศาสตร์บางคน คิดค้นทฤษฎีขึ้นมาจากกระดาษ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดค้นทฤษฎีขึ้นมาจากผลลัพธ์ ทั้งสองแนวทางนั้นก็ได้ทฤษฎีขึ้นมาเหมือนกัน เพียงแต่ขั้นตอนสวนทางกันสิ้นเชิง

แต่ไม่ว่าจะคิดค้นก่อตั้งทฤษฎีมาจากทิศทางไหน ทุกทฤษฎีที่มีในโลก ล้วนพิสูจน์จนประจักษ์แจ้งแล้วด้วยการ “ทดลอง” หากมีคนไม่เห็นด้วย เขาก็จะทดลองและพิสูจน์ให้รู้แจ้งว่าทฤษฎีที่คนอื่นตั้งขึ้นมานั้น มันไม่เป็นจริงอย่างที่กล่าวมา

ทั้งหมดต้องพิสูจน์ด้วย “การทดลอง” ทั้งสิ้น

พี่ๆเพื่อนๆครับ, ผมมีความคิดว่าหากคิดจะเล่นเครื่องเสียงแล้วคิดแต่ว่าที่ผมแนะนำมันผิดต่อหลักการ โดยไม่คิดแม้แต่จะ “ทดลอง” สักครั้ง แล้วฟังธงไปว่า “ผิดหลักการ” ผมมองว่านั่นไม่ใช่พื้นฐานของเหตุและผลนะครับ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของ “อคติ” ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

เรื่องนี้ต้องถามพี่ wutinan เจ้าของห้องเองนะครับ ผมว่าการขยับลำโพงให้วางบนขาตั้งแบบนี้ ให้สมดุลเสียง รายละเอียด โครงสร้างทางไดนามิก สมบูรณ์กว่าการวางแบบธรรมดาไม่น้อย เมื่อสามส่วนหลักสมดุลในตัวเอง มันก็ก่อให้เกิดไทมิ่งที่บูรณ์ ฟังเบาก็ได้ ฟังดังก็ดี ฟังเพลงเร็วก็คึกคัก ฟังเพลงช้าก็กินใจ ผมฟังออกประมาณนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องฟังออกเหมือนผมหรือไม่ อย่างไร

ต้องรบกวนพี่ wutinan มาเล่าให้ฟังเองนะครับ
 
 (22/12/2548 18:53:31)
 
ความคิดเห็นที่ 8
Wutinan: - การใช้ Blu Tack รองใต้ลำโพง (อย่าใช้เยอะเกินไป)

ยุทธพงศ์: เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ดินน้ำมันกาวบูลแท็ค มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่น แน่นและเหนียว เหมาะกับการใช้แด็มป์ลดการสั่นสะเทือน เพราะเป็นวัสดุที่สลายพลังงานได้ในตัวเอง ข้อดีมีเช่นนี้ ก็เป็นข้อจำกัดในตัวเองในมุมตรงกันข้าม

การนำวัสดุที่อ่อนนุ่มวางรองใต้ลำโพงกับขาตั้ง ก็เท่ากับว่ามีวัสดุอีกชั้นที่คั่นกลาง ถ้ามากเกินไปก็จะยับยั้งการสั่นจากตู้ลำโพงมากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้ คือสุ้มเสียงทั้งหมดจะนุ่มหนา ติดไปทางขุ่นและทึบตื้อจากการที่ถูกยับยั้งการสั่นสะเทือนมากเกินไป หางเสียงและฮาร์โมนิคส์ซึ่งเป็นพลังงานที่อ่อนมากๆเมื่อเทียบกับเสียงหลัก ก็จะหดหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่ตัวเสียงแกนๆเท่านั้น

ลักษณะเช่นนี้บางคนจะเรียกว่ามันก่อให้เกิดความสงัด เกิดช่องว่างช่องไฟที่มีความใสระหว่างชิ้นดนตรีเด่นชัดขึ้น, อะไรทำนองนี้

แต่ถ้าถามความเห็นของผม ผมนิยามลักษณะเสียงเช่นนี้ว่า “เสียงแห้ง” ครับ ไม่ว่าจะเป็นการรองลำโพงด้วยทิปโทเกรดต่ำที่ได้ความชัดในช่วงต้นโน้ต หรือจะเป็นการยั้งตัวจากวัสดุนุ่มเหนียวเช่นบลูแท็ค ที่ทำให้เนื้อเสียงนุ่มหนา ทั้งสองรูปแบบก็ส่งผลให้หางเสียงห้วนสั้น ขาดด้วนไปหน้าตาเฉย เพียงแต่ต่างกรรมต่างวาระเท่านั้นเอง

ลองสังเกตดูใบไม้แห้งช่วงหน้าแล้ง เทียบกับใบไม้แห้งในช่วงหน้าหนาวนะครับ ไม่เพียงลักษณะของการแห้งจะไม่เหมือนกัน บรรยากาศรอบๆก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ

มันก็ “ใบไม้แห้ง” เหมือนกัน อุปมาได้ประมาณนั้นนั่นแหละครับ   

Wutinan: - การปรับมุม Toe In

ยุทธพงศ์: อันนี้ยาวครับ ต้องยกไปไว้ครั้งหน้า (แค่นี้ก็ล้าเหลือแหล่แล้วล่ะครับ)

Wutinan: - การรักษาความสะอาดบริเวณที่วางเครื่อง และขาลำโพง เครื่องใครฝุ่นเกาะ
ลองปัด เช็ดฝุ่นออกดูครับ จะได้เสียงกลางแหลมเพิ่มขึ้นนิดหนึ่ง

ยุทธพงศ์: พี่ wutinan นี่เกินคาดผมจริงๆ ผมเห็นว่าฝุ่นขับที่ขาตั้งหนาพอสมควร ก็หยิบผ้าไปเช็ดให้ตามประสาคนไม่ชอบให้อุปกรณ์เครื่องเสียงสกปรก เพียงเปรยออกมาเป็นมุกเล่นๆว่า “เช็ดให้สะอาด เสียงจะได้สะอาดขึ้น” ดันฟังความแตกต่างออกอีก

เอาอย่างนี้นะครับ มันเป็นเรื่องยากในการอธิบายผ่านทางตัวหนังสือ ซึ่งถึงแม้อธิบายได้จริง ใครที่ไหนเขาจะเชื่อ นี่มันบ้า หรือไม่ก็อุปทานชัดๆ ถือว่ารู้ไปก็เท่านั้น ก็แล้วกันนะครับ อย่าเอาเป็นสาระสำคัญเลย

ฟังไม่ออกถือว่าโชคดี ฟังออกวันไหนก็มาอยู่ที่หลังคาแดงกับผมได้เลย (ฮา)

Wutinan: และสุดท้าย คือ การจูนหาตำแหน่งนักร้องด้วยดินน้ำมัน และเหรียญสลึง

ยุทธพงศ์: นี่ก็เป็นเรื่องยากแก่การอธิบายและตีความอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วการติดดินน้ำมันในตำแหน่งเสียงร้องนั้น มันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก และไม่ใช่การจูนตำแหน่งนักร้องเช่นที่กล่าวมานะครับ ตำแหน่งนักร้องนั้นมีอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ถ้าเป็นเพลงร้องเดียว ซาวด์เอนจิเนียร์มักจะนิยมมิกซ์เสียงนักร้องให้อยู่ตรงกลางเวทีเสมอ

ในเมื่อตำแหน่งนักร้องมีอยู่แล้ว การติดวัสดุใดๆที่มีผลต่อเสียงเข้าไปตรงตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างลำโพงซึ่งส่วนใหญ่ก็คือตำแหน่งเสียงร้อง มันก็จะเบี่ยงเบนลักษณะน้ำเสียงของเสียงในส่วนนั้น ให้แปรเปลี่ยนไปตามลักษณะธรรมชาติของวัสดุ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นดินน้ำมันซึ่งมีปริมาตรเพียงน้อยนิด หรือจะเป็นแผงดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ มันก็จะส่งผลต่อสักษณะเสียงในส่วนนั้นๆแน่นอน

แต่ต้องเรียนไว้ก่อนว่า ในเมื่อปริมาตรมันน้อยเพียงเม็ดถั่วลิสง ผลต่างและรัศมีทำการของมันจึงย่อมน้อยกว่าอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า การติดดินน้ำมันเข้าไปตรงตำแหน่งกึ่งกลางเวทีเสียงซึ่งก็คือตำแหน่งที่เป็นเสียงร้อง จึงส่งผลต่อเสียงร้องโดยตรงมากกว่าจะส่งผลต่อเสียงในตำแหน่งอื่นๆ

มันจึงเป็นที่มาของคำพูดว่า ‘จูนเสียงร้อง’ ที่ผมลองให้ฟังในวันที่ผมไปเที่ยวห้องฟังพี่ wutinan

แต่เพราะปริมาณน้อยนิด ประเด็นในการจับความแตกต่าง จึงถือเป็นเรื่องเฉพาะทักษะส่วนบุคคล หลายคนที่เคยมาห้องผมฟังออก แต่ก็หลายคนเช่นกันที่ฟังไม่ออก หรือฟังออกก็จริง แต่ไม่มากจนเป็นประเด็นในความเห็นส่วนตัวของคนๆนั้น

ผมฟังออก พรรคพวกฟังไม่ออก แล้วจะโทษใครดีล่ะครับนอกจากอ้างเรื่องทักษะการฟัง ในขณะที่คนฟังไม่ออกก็จะคิดว่า “ไอ้นี่มันเก่งแต่ขี้โม้” พรรคพวกฟังไม่ออกบอกไม่ถูกคิดเช่นนี้ ก็ถูกต้องของเขาครับ

ฟังไม่ออกแล้วจะให้โกหกตัวเองได้อย่างไร, จริงไหมครับ

แต่เอาเป็นว่าอย่างนี้ ผมสรุปเป็นข้อมูลส่วนตัวให้ทราบกันเล่นๆ 8 ใน 10 คนที่ผมลองให้ฟัง “ฟังออก” ครับ

ส่วนประเด็นเรื่องเหรียญสลึงที่ติดกับดินน้ำมันอีกที ขออธิบายอย่างนี้ว่า ในเมื่อผมอ้างว่าการติดดินน้ำมันตรงตำแหน่งเสียงร้อง มันมีผลให้เสียงร้องนุ่มนวล มีมวล และมีทรวดทรงเป็นตัวตนขึ้น คราวนี้ต้องการให้เสียงร้องสดใสเปิดเผยขึ้นอีกเล็กน้อย ขอความคมชัดขึ้นอีกหน่อย จะทำอย่างไรได้ในเมื่อดินน้ำมันที่ว่ามันเป็นวัสดุที่ค่อนข้างนุ่มเป็นทุนอยู่แล้ว ลองเอาฟอยล์ห่อปลามาติดเสียงก็มันก็แข็งและจัดจ้านเกินไป เอาฟอลย์ซองบุหรี่มาติด มันก็ฟุ้งเป็นฝอย จับโฟกัสเสียงไม่ได้

สุดท้ายก็เลยเอาเหรียญบาทมาติดแล้วฟังดู อ๊ะ!...เข้าท่าแฮะ มีเนื้อหนังหนาสักนิด เสียงก็ไม่จัดเกินไป ว่าแล้วก็จัดหามาให้ครบทุกเหรียญ ฟังมันให้หมดตามประสาเม็มเบอร์หลังคาแดงนั่นแหละครับ สุดท้ายก็มาลงตัวที่เหรียญสลึงนี่แหละ สุ้มเสียงค่อนข้างลงตัวที่สุด ได้รายละเอียดและความคมชัดในสัดส่วนกำลังดี ที่สำคัญคือลีลาเสียงร้องค่อนข้างฉอเลาะทีเดียว, ว่าไปนั่น

ยังมีเรื่องเกี่ยวพันกับเรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่ง แต่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนในการอธิบายผ่านทางตัวหนังสือมากเป็นพิเศษ ทั้งยังเป็นค่อนข้างสวนทางกับนิยามของนักเล่นระดับเซียนหูทองหลายท่าน ต้องขัดเกลาข้อความมิให้เกิดความขัดแย้งในแนวทางการนำเสนอ เป็นงานชิ้นหนึ่งที่กินกำลังสมองไม่น้อย เวลาที่มีในคอลัมน์สัญจรตรงนี้ น้อยเกินกว่าจะเขียนแจกแจงได้ครบประเด็นได้ เพราะต้องยกแม่น้ำหลายสายมาอ้าง ผมจึงละเว้นไว้เพื่อนำไปเขียนเป็นบทความ “เล่าสู่กันฟัง” ก็แล้วกันนะครับ เสร็จเมื่อไหร่จะรีบโพสแจ้งโห้ลองไปอ่านกันดูครับ

      สำหรับ “รู้ไปก็เท่านั้น สัญจร” ครั้งนี้ ก็ดำเนินมาถึงช่วงท้ายแล้ว สุดท้ายนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่ๆเพื่อนๆสมาชิกบอร์ดถามมา-ตอบไป จะได้ประโยชน์จากคอลัมน์ไม่เป็นทางการนี้ไม่มากก็น้อย และหวังว่าปีใหม่ 49 ที่จะมาถึงนี้ เป็นปีที่ดีของทุกท่านอีกปีหนึ่ง ผมอวยพรไม่เก่ง ขอจบมันดื้อๆตรงนี้ล่ะครับ

 
 (22/12/2548 18:54:06)
 
ความคิดเห็นที่ 9
ได้ประโยชน์มากเลยครับ แล้ปีใหม่ก็เที่ยวให้สนุกน่ะครับ พี่ ยุทธพงศ์ โชคดีครับ เดินทางปลอกภัยครับ แล้วก็รวมไปถึงพี่ท่านอื่นๆด้วยครับ โชคดีกับ ปีใหม่ที่จะมาถึงเร็วๆนี้ 
บอยบ้าน(นน)คับ (22/12/2548 21:06:42)
 
ความคิดเห็นที่ 10
This is a good movement of our board krub. It's such a very useful and enjoyable column krub.

Appreciated,

Win 
win 055 (23/12/2548 01:10:54)
 
ความคิดเห็นที่ 11
ต้องขอบคุณคุณโจ้อีกครั้งครับ

สิ่งที่ทุกท่านได้อ่านไปนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทดลองทั้งสิ้น ทั้งที่บางอย่างเมื่อคุณโจ้เสนอให้ลอง เมื่อแรกได้ยินผมเองก็ยังงงว่า "จะเป็นไปได้หรือ" แล้วมันก็เป็นไปได้จริง แต่บางอย่างก็ฟังออกยาก (ด้วยทักษะระดับผม) อยากแนะนำให้ทุกท่านนำไปทดลองดูบ้าง ฟังออก เสียงดีขึ้นก็ดีไป ฟังไม่ออก ก็ไม่เป็นไรครับ เรารู้ของเราคนเดียวไม่อายใคร

วันนี้คุณโจ้ได้อุทิศเวลาของเขาช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้แก่พวกเรา เพียงเพื่อหวังว่าวันข้างหน้านักเล่นเครื่องเสียงจะมีการพัฒนาทักษะของขึ้น ถึงวันนั้นนักเล่นเองก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆ ร้านค้าก็ไม่ต้องเหนื่อยในการ present สินค้ามากนัก

สุดท้ายนี้ต้องขอลาละครับ เที่ยวปีใหม่ให้สนุกทุกท่านนะครับ

ผมขออัญเชิญ คำสอนขององค์พระพุทธเจ้า ซึ่งได้แสดงไว่แก่ชาวกามาละ ในเรื่องหลักความเชื่อ 10 ประการ
1 อย่าเชื่อถ้อยคำที่ฟังตามๆ กันมา
2 อย่าเชื่อถ้อยคำที่จำสืบกันมา
3 อย่าเชื่อโดยข่าวลือ
4 อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา
5 อย่าเชื่อโดยเดาเอาเอง
6 อย่าเชื่อโดยการคาดคะเน
7 อย่าเชือโดยนึกเอาตามอาการ
8 อย่าเชื่อโดยถือเอาว่าตรงกับความคิด (ทิฏฐิ) ของตัวเอง
9 อย่าเชื่อโดยถือว่าผู้พูดเป็นคนที่สมควรเชื่อถือได้
10 อย่าเชื่อโดยถือว่าผู้พูดเป็นครูของเรา

ท่านทรงสอนให้ขบคิดด้วยปัญญา หรือทดลองให้เห็นผลแก่ตัวเองเสียก่อน
และหากนำผลนั้นไปใช้ต่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นจึงถือเป็นกุศลกรรม

ฝากให้แด่ทุกท่านนะครับ ขอให้มีความสุข ความเจริญ ความก้าวหน้าในงานที่ทำ
มั่งมีเงินทอง สุขภาพแข็งแรง ตอลดปี 2549 ทุกท่านครับ

สวัสดีปีใหม่ ครับ 
wutinan (23/12/2548 10:52:42)
 
ความคิดเห็นที่ 12
เรียนพี่โจ้ และเพื่อน ๆ สมาชิกครับ
      เมื่อคืนผมเกิดคันมือ ติดเหรียนบาทแทนสลึง ได้ความสด จัด ของเสียงกลางขึ้นอย่างสังเกตุได้ครับ ตอนนี้ก็สนใจแต่การจูนเสียงในห้องครับ เรื่องเปลี่ยนสายลำโพง สายสัญญาณ ถึงขั้นเปลี่ยนแอมป์ ซีดี เลยก็มี ไม่อยู่ในหัวแล้วครับ ผมจูนจนเสียงจัดเลยครับ แล้วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยเหรียญสลึงเช่นเดียวกัน เมื่อก่อนผมคิดว่าตัวเองฟังไม่เป็นหรอก เลยลองติดใหม่ ๆ สัก 3 - 4 บาท ที่ตำแหน่งเดียวกันเรียงแถวลงมาเลย  แค่ครั้งแรกก็เห็นผลเกินพอเลย พอลองจนจุใจก็ได้รับคำตอบว่า เหรียญสลึงเหรียญเดียว กำลังดี ไม่สด ชัด หรือคม มากเกินไป เชื่อเถอะครับ ไม่มีเว๊ปไหน แนะนำให้คุณเล่นแบบไม่เสียเงินแบบนี้หรอก เนี่ย ! ของจริงแท้ ๆ ครับ ที่อื่นก็มีแต่การแนะนำให้เปลี่ยน เปลี่ยนโน้น เปลี่ยนนี่ แล้วจะดีขึ้น เค้ารู้ได้ยังไงครับ ทั้ง ๆที่ไม่เคยมาฟังในห้องเลย ห้องฟังเราเองแท้ ๆ เราเองต่างหากน่าจะรู้ดีมากกว่า สิ่งที่แนะนำกันได้จริง ๆ ก็คงเป็นไกล์ไลน ให้ทราบแนวทางเสียงของอุปกรณ์เท่านั้นมากกว่าครับ   ส่วนที่พี่โจ้ แนะนำอยู่เนี่ยผมเองอยากเรียกว่า " ศิลปะ " ครับ ศิลปะการฟังดนตรีที่เข้าถึงได้มากขึ้น จับต้องได้มากขึ้นน่าจะเหมาะสมกว่าครับ 
nanext (23/12/2548 11:41:29)
 
ความคิดเห็นที่ 13
พี่ nanext , wutinan
คือว่า ทำกันยังไงหรือครับ ใช้ไอเหรียญต่างๆเนี้ย ผมทำไม่เป็นครับ แล้วเคยเห็นด้วย คืออยากจะทำบ้าง อยากจะจูนเสียงที่บ้านบ้างน่ะ เพื่อจะได้เสียงที่ดีขึ้นกว่า
นำรูปภาพมา โพส ให้ดูหน่อยสิครับ อยากเห็นกรรมวิธี และตั้งตำแหน่งอะไรเนี้ย เพราะ ผมไม่เคยเห็นเลยครับ ช่วยผมหน่อยน่ะครับ 
บอยบ้าน(นน)คับ (24/12/2548 09:34:25)
 
ความคิดเห็นที่ 14
 
ขออนุญาตครับ นำรูปห้องพี่โจ้ มาลง สังเกตุจุดเล็ก ๆ ด้านหลังแผงจูนไหมครับ เป็นจุดเล็ก ๆ ในรูป นั้นแหล่ะครับ เหรียญสลึง โดยตำแหน่งที่ติดสูงกว่าทวีตเตอร์เล็กน้อยครับ ลองเล่นดูนะครับ ลองแรกเล่นสัก 3-4 เหรียญติดเป็นแถว ๆ เลยก็ได้ ฟังง่ายครับ หากเคยกลับปลั๊ก กลับเฟสสาย แล้วฟังออก มันช่วยแก้ปัญหาเวทีเสียงไม่เท่ากันในแต่ละห้องได้ด้วยครับ ( แต่ไม่มากนัก ) สามารถเน้นโฟกัสมารวมอยู่กลางเวทีได้ง่าย ฟังชัดเจนในเสียงร้อง กังวานขึ้น แนะนำลองเล่นดูนะครับ ได้ผลอย่างไร บอกด้วยครับ 
nanext (24/12/2548 16:06:00)
 
ความคิดเห็นที่ 15
อีกนิดครับ ตำแหน่งของเหรียญ ตรงใกล้ ๆ กึ่งกลางแผงไม้และเยื้องบนไปนิดหน่อยครับ 
nanext (24/12/2548 16:08:12)
 
ความคิดเห็นที่ 16
อืม ขอบคุณครับ แล้วผมจะลองติดตรงไหนก็ได้หรอครับ แต่ไม่ตั้งติดหมดห้องเลยใช่ม่ะ แล้วจะติดขึ้นลงตรงไหนก็ได้หรอครับ 
บอยบ้าน(นน)คับ (24/12/2548 17:59:45)
 
ความคิดเห็นที่ 17
 
เรียนคุณ บอยบ้าน(นน)คับ

      เรื่องการติดดินน้ำมันหรือเหรียญสลึงที่ผมเสนอนั้น ขอเรียนย้ำตรงนี้นะครับว่า เป็นประเด็นละเอียดปลีกย่อยที่อิงศิลปะการเล่นเครื่องเสียง มันไม่สามารถช่วยยกให้ตำแหน่งนักร้องสูงขึ้นหรือต่ำลงได้ หากแต่ช่วยเสริมสมดุลและความคมชัดในบริเวณนั้นๆให้เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้น ก็เป็นประเด็นย่อยเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ผลที่เกิดขึ้นในภาพรวม

ถือเป็น "ทริค" ในการเซ็ตอัพแบบไฟน์จูนแบบหนึ่ง ซึ่งยังมีเทคนิควิธีการอีกหลายต่อหลายแบบในการปรับเซ็ตแบบละเอียด ตรงนี้คุณจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันให้ได้ก่อน เพราะหาไม่แล้ว จะกลายเป็นฟังไม่ออกและเกิดอคติต่อวิธีการพวกนี้ไปในทันที

บ้านอยู่ใกล้กับคุณ nanext อยู่แล้ว จะถามให้สงสัยทำไมเล่า เขาว่าลองอย่างนั้นลองอย่างนี้แล้วดี ไปฟังให้มันชัดเจนด้วยหูของตัวเองไม่ดีกว่าหรือ?

เขาว่าดี, เขาว่าฟังออก, เราอาจฟังไม่ออกก็เป็นได้ มันอยู่ที่ว่าเปิดใจแค่ไหนต่างหาก 
 (24/12/2548 18:47:52)
 
ความคิดเห็นที่ 18
 
"ดินน้ำมันเดอะหั่ง" ยังอยู่ที่ผมอีกหนึ่งตลับ หากคุณลองแล้วเห็นผล ก็ให้มารับที่ผมได้ครับ เดอะหั่งมีน้ำใจให้เป็นของขวัญรับปีใหม่แก่นักเล่น ผมก็ประสานให้นักเล่นได้ลองกันฟรีๆ

งานนี้มีแต่ได้กับได้ครับ 
 (24/12/2548 18:53:45)
 
ความคิดเห็นที่ 19
อืม เดี๋ยวผมจะลองทำดูบ้างครับ แต่ติที่ว่า เราจะรุ้ว่าไงว่าอยากจะทำให้ตรงไหนมันสมดุล ครับ
แล้วสมมุติว่า จากที่พี่ โจ้ ทำหรือใครทำก็ตาม เช่นตามในรูปที่ 18 เนี้ย มันจะสมดุลยังไงหรือว่า สมมุติว่า ผมฟังออก น่ะ แล้วมันจะเสียงโดดเด่นขึ้นอะไรแบบเนี้ยหรอ ขอโทษทีครับ ที่ถามมากเรื่อง อิอิ แต่เดี๋ยวผมจะไปบ้านคุณ nanext ดีกว่าน่ะ คิดไว้ เพราะ บ้านพี่ก็อยู่แถว พระนั่งเกล้าใช่ม่ะ มีเบอร์ติดต่อมั้ยครับ เพื่อวันไหนจะไปแล้วจะโทรไปถามให้ให้ละเอียดน่ะ 
บอยบ้าน(นน)คับ (25/12/2548 09:25:51)
 
ความคิดเห็นที่ 20
แล้วดินน้ำมันเดอะหั่ง มันเป็นแบบพิเศษ พิศดาร หรือครับ หรือว่า ดีกว่าธรรมดาน่ะ 
บอยบ้าน(นน)คับ (25/12/2548 09:27:41)
 
ความคิดเห็นที่ 21
เรียน คุณบอยบ้าน(นน)คับ
 หากคุณฟัง บลูแทคออก คุณคงจะใช้ดินน้ำมันเเดอะหั่งแล้วจับประเด็นได้ดีครับ ทั้งนี้คุณโจ้ได้อธิบายไว้ตามความเห็นที่ 17 แล้วครับ คุณลองทบทวนข้อความดูอีกครั้ง และที่สำคัญถือเป็นโอกาสที่ดีที่คุณโจ้จะให้เอาดินน้ำมันที่ว่าให้ไปลองฟังครับ คุณยังไม่ต้องไปฟังใครเขาพูด ลองเองได้ผลเป็นเช่นไรค่อยมาแนะนำเล่าสู่กันฟังกัน อย่าน้อยก็มีสื่อกลางที่ดีๆช่วยกันแนะนำครับ 
ปรีดา (25/12/2548 11:27:47)
 
ความคิดเห็นที่ 22
ได้ครับ เดียวจะลองทำดูบ้าง อิอิ 
บอยบ้าน(นน)คับ (25/12/2548 18:27:25)
พิจิต 089-771-8895


ออฟไลน์ ขุนจิต

  • kjit
  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 7,392
    • เพศ:ชาย
  • ไบเกอร์เครื่องเสียง
ลองไปอ่านเล่นๆครับ  ว่าน่าสนใจเพียงใด ยังไม่ทราบหัวข้อที่เป็นทางการที่เดียว  แต่แววมาแล้วเล็กๆๆ
http://www.audio-teams.com/webboard/?ca1=16&id=17819
ความคิดเห็นที่ 1
 
ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ลองชมรายละเอียดรอบๆก่อนนะครับ

ผนังด้านซ้ายมือ 
 (21/12/2548 03:52:08)
 
ความคิดเห็นที่ 2
 
ผนังด้านขวามือ 
 (21/12/2548 03:52:25)
 
ความคิดเห็นที่ 3
 
ตำแหน่งนั่งฟัง 
 (21/12/2548 03:52:47)
 
ความคิดเห็นที่ 4
 
มุมซ้ายด้านหลัง

เห็นหน้าหล่อๆที่ยื่นออกมาไหมครับ นั่นแหละเจ้าของห้อง คุณ wutinan 
 (21/12/2548 03:54:00)
 
ความคิดเห็นที่ 5
 
มุมขวาด้านหลัง

นี่ไงล่ะ! กีตาร์ตัวโปรด
 
 (21/12/2548 03:54:42)
 
ความคิดเห็นที่ 6
เอาล่ะๆ ไหนๆมันก็ช้ามาแล้ว จะไปแต่งเรื่องใหม่ คนอ่านเขาก็รู้เรื่องย่อไปหมดแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสจับเอาข้อความในกระทู้ดังกล่าว มาร่วมแจมกับผมแบบกึ่งสนทนาไปทีเดียวเลย จะได้อ่านกันเพลินๆสนุกๆ ในที่นี้อาจมีการดัดแปลงสำนวนและคำศัพท์บางคำออก เพื่อความสวยงามต่อรูปประโยคตามสไตล์ผมนะครับ

-----------------------------

Wutinan: ต้องขอขอบคุณ คุณโจ้ จริงๆครับที่แวะมาเยี่ยมห้องฟังระดับอนุบาลของผม โดยไม่สนใจว่าเครื่องผมจะราคาเท่าไร

ยุทธพงศ์: ไม่เป็นไรครับ, แต่ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ตอบบอร์ดมาก็หลายปีดีดัก อ่านหนังสือเครื่องเสียงมาก็หลายเล่ม เดี๋ยวนี้เขามีการจัดระดับเครื่องเสียงกันแบบนี้แล้วหรือ?

เท่าที่ผมรู้มานี่ วงการเครื่องเสียงไม่ได้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการนี่ครับ

พูดก็พูดเถอะครับ คนเรานี่ก็แปลกอยู่อย่าง ปากบอกเปิดกว้างฟังอะไรก็ได้ ชุดเล็กชุดใหญ่ฟังได้หมด แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับมาตัดสินกันด้วยมาตรฐานของจำนวนเงิน

ไม่รู้นะครับ ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ให้ความสนใจกับระดับราคาของชุดเท่าใดนัก ที่สนใจจริงๆ เป็นเรื่องของดนตรีที่สื่อผ่านเครื่องเสียงมาหาเรามากกว่า และอีกส่วนหนึ่งที่ทำจนเป็นนิสัยไปแล้ว คือการค้นหาแยกแยะ จับใจความของอุปกรณ์ชิ้นนั้นให้ถึงแก่น อันนี้เป็นวิสัยของนักวิจารณ์เครื่องเสียงทุกคนครับ ใครๆเขาก็ทำกันแบบนี้

สรุปคือ ส่วนตัวแล้ว แม้จะทำหน้าที่เป็นนักวิจารณ์ แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับการฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายเป็นส่วนตัวอยู่ดี ไม่ได้เน้นสายใดสายหนึ่งเป็นพิเศษ มันอยู่ที่ว่าผมคุยกับใครในสถานะไหนต่างหาก

ถ้าในบอร์ด ‘ถามมา-ตอบไป’ ยุทธพงศ์ ลิ้ม ก็จะต้องวางตัวแบบหนึ่ง ถ้าส่วนตัวเวลาพี่คุยกับผม ก็จะวางตัวแบบหนึ่ง อันนี้ผมค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องกาลเทศะเป็นพิเศษครับ

คอลัมน์ “รู้ไปก็เท่านั้น สัญจร” ผมเจตนาตั้งขึ้นเพื่อ ‘แบ่งปัน’ ประสบการณ์ในช่วงสามสี่ปีที่ทำงานทางด้านนี้อย่างจริงจัง ให้แก่พี่ๆเพื่อนๆนักเล่นในบอร์ด ได้มาฟรีๆ ก็ให้ไปฟรีๆเช่นกัน มิได้มีเจตนาอวดเก่ง อวดรู้ เพื่อโชว์ออฟแต่อย่างใด นั่นเพราะคำพูดของนักเล่นรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่เคยเปรยกับผม

“นักเขียนนี่มักจะวางตัวสูงกว่านักเล่นนะ ทำตัวเป็นผู้รู้ จับต้องยากจัง” ผมเก็บเอามาขบคิดอยู่พักใหญ่ ก็เข้าใจว่าจุดยืนและมุมมองมันต่างกัน

นักเล่นต้องการความเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตองมากมาย ต้องการเข้าถึงและเข้าใจในสิ่งที่นักวิจารณ์เขียน ในขณะที่ตัวนักวิจารณ์เอง ก็พยายามทำตัวเป็นตราชั่ง ไม่ให้เอียงไม่ให้หนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป อีกทั้งรู้ว่าคำพูดและปากกาตัวเองมีน้ำหนัก มีความน่าเชื่อถือ จึงต้องระมัดระวังในการแสดงความเห็น มันก็เลยต้องสื่อสารออกมาอย่างเป็นทางการ

ถามว่าใครผิด? ผมมองอย่างเข้าใจแล้วก็เรียนตรงนี้ว่าไม่มีใครผิดใครถูก แต่เพราะเข้าใจไม่ตรงกันต่างหาก

เพราะฉะนั้น มุมมองของพี่ wutinan ที่มองว่าดีที่ผมมาโดยไม่ถือตัว ไม่ว่าชุดเครื่องเสียงจะมีระดับราคาเท่าใด ผมกลับมองว่าชุดเล็กหรือชุดใหญ่ไม่สำคัญเท่ากับ ‘มิตรภาพ’ ที่ได้จากการพบปะกันโดยตรง และได้สื่อสารอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องวางตัวในบอร์ด ผมหวังเพียงเท่านี้

เพราะฉะนั้นจะเรื่องระดับชั้นของเครื่องก็ดี จะเรื่องระดับราคาก็ดี สองสิ่งนี้ไม่ใช่เหตุผลในการมาเที่ยวห้องฟังของพี่นะครับ

Wutinan: คุณโจ้มามือเปล่าเลยนะครับ

ยุทธพงศ์: เจตนามาแบ่งปัน “รู้ไปก็เท่านั้น” ไม่ใช่ “ให้รู้ว่าต้องเสียเงินถึงจะได้เสียงดี” อย่างหลังนี่พี่ช่วยบอกผมด้วยครับ มันต่างกับ “เซลล์แมนในคราบนักเขียนตรงไหน?”

ผมเคยได้ยินเรื่องประเภทนี้มาพอสมควร แล้วผมเองก็เป็นคนที่พูดอยู่ปาวๆผ่านทั้งงานเขียน และทางปากเปล่า ผมไม่นิยมการค้าแอบแฝงแบบนี้ ถ้าพูดอย่างนี้แล้วทำเอง ‘มันเสีย’ ครับ

อีกอย่างหนึ่ง หากผมติดแผ่นที่ใช้เป็นส่วนตัวมาด้วย ผมฟังในรูปแบบเงื่อนไขของนักวิจารณ์ ใช้แผ่นอ้างอิงตามสไตล์ผม ปรับเซ็ตจนพี่พอใจในเงื่อนไขแผ่นของผม ถามอีกครั้งว่าเมื่อผมกลับไป แล้ว พี่ไม่ต้องหาแผ่นที่ผมใช้มาฟังตามผมหรือ? แล้วถ้าเซ็ตแล้วมันทำให้แผ่นที่พี่ฟังอยู่ประจำฟังแย่ลงในทรรศนะของพี่ มันจะเปิดประโยชน์อะไร

สู้ปรับในเงื่อนไขของเจ้าของห้องๆนั้น ให้เกิดความพึงพอใจในเงื่อนไขของเจ้าของชุดฯ ผมคิดว่ามันเป็นการได้ทั้งสองฝ่าย อีกทั้งไม่ได้สื่อไปในทางชี้นำอีกด้วย

Wutinan: พร้อมกับยังให้คำแนะนำการจัดฮวงจุ้ยในห้องของผม โดยผมยังไม่ต้องซื้ออุปกรณ์อะไรเพิ่มเลย ก็สามารถแก้ปัญหาคาใจให้ผมได้

ยุทธพงศ์: จริงๆแล้วมันก็ต้องมีซื้อบ้างนั่นแหละครับ เพียงแต่มันผิดคอนเซ็ปท์ที่ตั้งใจไว้ ผมต้องการแสดงให้รู้ว่า หากพัฒนาทักษะการฟังได้ แม้เพียงข้าวของเครื่องใช้ในห้อง เราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็น ‘อุปกรณ์ปรับอะคูสติกจำเป็น’ แบบชั่วคราวได้เหมือนกัน

เมื่อทักษะพัฒนาไปถึงจุดก็จะทราบด้วยตัวเองว่า จะต้องเสียเงินกับอะไร และสำคัญเพียงไหน และรู้ล่วงหน้าแล้วว่า ผลลัพธ์โดยประมาณจากการใช้อุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นอย่างไร

เรื่องนี้เป็นแง่มุมของทักษะล้วนๆ ไม่ต้องใช้เงินทองสักบาท

Wutinan: แต่แรกผมคิดว่าต้องเปลี่ยนลำโพง เพราะว่า มันใหญ่เกินห้อง (ห้อง 3.37 x 2.83 m. ลำโพง MS 5.30 Woofer 8 นิ้ว) ให้เสียงทุ้มบวมหนามาก และคงต้องซื้อชุดปรับ acoustic ราคาแพงมาใช้ แต่คุณโจ้ขยับของ (ของในห้องผมเอง) 2-3 อย่าง ก็สามารถลดปัญหานั้นได้ แถมยังช่วยให้ชุดของผมฟังเพลงได้เพราะขึ้นอีก รู้สึกถึงท่วงทำนอง+ลีลาของเพลง และประกายเสียงที่เคยคลุมเครือก็มีให้รู้สึกได้ เป็นการแก้ปัญหาในระดับหนึ่ง

ยุทธพงศ์: พี่ wutinan สังเกตไมล่ะครับ ทีแรกฟังไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ แต่พอใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับลักษณะความแตกต่าง มันก็ทำให้แยกแยะประเด็นความต่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างที่ผมบอกไม่เมื่อครู่ เมื่อถึงเวลา พี่จะรู้เองว่าจะต้องเสียเงินกับเรื่องไหน งบเท่าไหร่ และได้อะไรกับมา

Wutinan: ช่วยให้ผมชะลอการเสียเงินได้

ยุทธพงศ์: ใช่ครับ, เป็นเทคนิค ‘ปางห้ามญาติ’ คือห้ามไม่ให้ซื้อลูกเดียว นักเล่นเครื่องเสียงก็อย่างหนึ่ง คิดแต่ว่าของที่ตัวเองใช้อยู่ ยังไม่ดีพอ ต้องการเสียงดีขึ้นแต่ไม่อยากเสียเงินมากๆ แต่พอแนะนำให้ปรับในส่วนที่ไม่เสียเงิน กลับไม่ให้ความสนใจใคร่รู้

หลายครั้งที่มีนักเล่นโทรมาถามจากหน้าร้านขายเครื่องเสียง บอกให้ฟันธงไปตรงๆเลยว่าจะเอาสายยี่ห้อไหนดี ผมก็ตามใจ ฟังลงไปตรงๆว่า “เอาเงินเก็บไว้ แล้วกลับบ้านไปปรับตามที่ผมเสนอก่อน ไม่ได้ผลดังที่ผมอ้าง ค่อยมาซื้อยังไม่สาย แต่วันนี้ฟังธงว่าห้ามซื้อเด็ดขาด”

บอกไม่ให้เสียเงิน พาลโกรธกันไปเลยก็บ่อย, แปลก....แต่จริง

เรื่องทักษะแม้จะต้องฝึกแต่หากมีคนแนะมันก็ไม่ยาก ลองคิดว่ามีกระบี่วิเศษแต่ไม่มีวิชา มันก็ไม่ต่างอะไรกับมีดหั่นผัก หากมีวรยุทธ เพียงมือเปล่าก็พิฆาตคนได้นับสิบนับร้อย, อะไรดูแล้ว ‘ฝีมือ’ กว่ากัน

Wutinan: คุณโจ้แนะนำให้ฝึกการฟัง และปรับขยับสิ่งของในห้องแล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเสียง เมื่อมีความชำนาญขึ้นแล้ว เราก็สามารถเลือกซื้อเครื่องหรืออุปกรณ์ต่างๆให้เหมาะสมกับสภาพห้องที่มี และสถานการณ์ตอนนั้นได้ ไม่ต้องเสียเงินพร่ำเพรื่อ

ยุทธพงศ์: ตรงนี้มีประเด็นย่อยอย่างหนึ่ง นั่นคือจิตวิทยาการเล่นเครื่องเสียง เขียนไปเหมือนตัวเองเก่ง ตรงนี้ผมขอเรียนตามตรงนะครับว่าไม่ใช่แง่มุมนี้เด็ดขาด มันเป็นเรื่องการเข้าสังคมทั่วไปนี่แหละ

มีป้ายห้อยคอเป็นนักเขียน เดินเข้าห้องนักเล่น วิจารณ์เสียๆหายๆแล้วก็กลับ ไม่ได้ให้ความเห็นหรือแนะนำใดๆที่เป็นประโยชน์แก่นักเล่น แล้วอย่างนี้มันมี ‘คุณธรรม’ หรือ?

ลองคิดดูว่าคุณไปเที่ยวบ้านเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันหลังจากที่เพื่อนแต่งงานไปหลายปี เพื่อนและภรรยาเดินออกมาต้อนรับขับสู้ พอภรรยาปลีกตัวไปเอาน้ำท่ามาต้อนรับ คุณจะกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาของเธออย่างไร

“เพื่อนเลือกคนถูกแล้ว ดูทีแรกก็รู้ว่าเป็นยอดศรีภรรยา” หรือ ”มึงไปขุดนังนี่มาจากหลุมไหนวะ”

Wutinan: รู้ไปก็ (ไม่เสียตังค์ง่ายๆ) เท่านั้น แต่ถ้าไม่รู้ก็ (เสียตังค์) เท่านี้ ละครับ

ยุทธพงศ์: อันนี้ไม่ถูกเสียทีเดียวนะครับพี่ wutinan คือถ้ายังรักจะเล่นเครื่องเสียงอยู่ ยังไงมันก็ต้องเสียเงินอยู่ดีนั่นแหละ เพียงแต่รู้เหตุในการเสีย รู้จักตัวเองมากขึ้น และรู้ว่า รู้ไปแล้วจะใช้ก็เท่านั้น ไม่ใช้ก็เท่านั้น

สำคัญคือได้เพื่อนครับ

(วันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะมาต่อให้ใหม่) 
 (21/12/2548 05:17:18)
 
ความคิดเห็นที่ 7
ใช่ครับ ที่สำคัญคือได้เพื่อน และได้แบ่งปันความรู้ที่ผมได้ให้แก่เพื่อนนักเล่นท่านอื่น โดยเฉพาะท่านที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นเครื่องเสียง

สายสัญญาณ คือรุ่น The Composer ครับ หาอ่านบททดสอบได้ใน Audiophile ฉบับที่ 63 ครับ

กีตาร์ตัวนั้น เจ้าของเขามาฝากไว้แล้วไม่ยอมเอาคืนครับเพราะเขาเลิกเล่นไปแล้ว
 
wutinan (21/12/2548 08:43:46)
 
ความคิดเห็นที่ 8
ตอนนี้ผมถอดเสาขาลำโพงช่วงกลางออกไปแล้ว (เหลือ 4 เสา) ได้เสียงที่โปร่งขึ้นมาอีกนิดหน่อย กำลังคิดว่าถ้าถอดออกให้เหลือ 2 เสา เสียงมันจะเป็นเช่นไร

แต่คิดแล้วก็หยุดไว้ก่อน เกรงว่าเดี๋ยวมันจะเละกันไปใหญ่ 
wutinan (21/12/2548 08:46:50)
 
ความคิดเห็นที่ 9
เฮ้ .... มีเพื่อนร่วมขบวนเพิ่มอีกแล้ว ดีใจจัง ต่อจากนี้ไปคุณ wutinan คงจะเหมือนกับผมนะครับ วันๆ นั่งฟังปรับอคูสติกทั้งห้องแน่นอนครับ ปัจจุปันเป็นเดือนยังปรับไม่ลงตัวเลยครับ หากเมื่อก่อนคงเรียบร้อยไปแล้ว ตอนนี้บางทีเหมือนคนบ้ายังไงไม่รู้ ครับ ปรับโน้น ขยับนี้ ทำไปทั่ว จูนจากเสียงทึบเป็นเสียงจัดไปก็มี แต่ก็เป็นการลองวิชา โดยไม่เสียเงินครับ เสียแต่เวลา ก่อนจะดูว่าห้องเราต้องการอุปกรณ์ปรับอคูสติกจริง ๆ หรือไม่ ชลอเวลาเสียเงินหรืออาจไม่ต้องเสียเงินเลยก็ได้ครับ ไม่มีอะไรมากครับ เข้ามาทักทายเพื่อน ๆ และพี่โจ้ด้วยครับ 
nanext (21/12/2548 09:48:10)
 
ความคิดเห็นที่ 10
หวัดดีครับ คุณโจ้ และคุณ wutinan 
 
ผมขอรบกวนถามเกี่ยวกับการเซ็ทชุดนี้ นิดหน่อยครับ

1.ลำโพงที่เห็นดังภาพ จัดวางห่างระหว่างกันเท่าไรครับ (ระหว่างเส้นหน้าลำโพงทั้งคู่) เห็นในภาพวางห่างกันไม่มาก
2.กล่องที่อยู่ด้านมุมห้องหลังลำโพง นี้ทำหน้าที่คล้ายรูมจูนไหมครับ ข้างในกล่องเป็นกล่องเปล่าหรือมีอะไรข้างในหรือเปล่าครับ
3.ขาตั้งลำโพงทั่วที่ใช้ ถ้าใส่ทรายจะมีผลอย่างไรกับเสียง และควรใส่ปริมาณครึ่งเสาหรือเต็มเสาครับ

ขอบคุณมากครับ 
ต้าร์ (21/12/2548 10:25:50)
 
ความคิดเห็นที่ 11
1. ในภาพ ลำโพงวางห่างกันประมาณ 1.43 m. (แต่ตอนนี้วางห่างกัน 1.47 m. ห่างผนังหลัง 1.14 m.) ครับ

2. คล้ายหรือเปล่าไม่รู้ครับ แต่ความรู้สึกแรกที่นำไปวางมันช่วยลดเสียงทุ้มที่บวมหนาลงได้นิดหน่อย จึงวางมันไว้อย่างนั้นครับ ตอนนี้ข้างในยังไม่ได้ใส่อะไร
แต่ต่อไปคิดว่าจะทดลองใส่วัสดุจำพวกฉนวนเข้าไป ครับ

3. ต้องลองเองครับ ลองง่ายๆ อย่างที่มีคนแนะนำให้นำดินน้ำมันไปแปะที่ระหว่างเสาลำโพงดูก่อนก็ได้ครับ ลองแปะ (มาก-น้อย, เปลี่ยนย้ายตำแหน่งการแปะ) และฟังดู ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นครับ 
wutinan (21/12/2548 11:41:33)
 
ความคิดเห็นที่ 12
ใช่ครับคุณ nanext คืนวันนั้นผมไม่เป็นอันทำการอื่นเลย แทบจะนอนในห้องฟัง
ถ้าห้องเก็บเสียงได้ดีคงถึงเช้าแน่ ส่วนตัวผมขอใช้คำว่า "ฝึกฝน" ครับ
เช่นที่คุณโจ้กล่าวไว้ "ฝึกฝนให้มีทักษะเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่งเสียก่อน" แล้ว
เราจะตัดสินได้เองว่า ณ เวลานั้นเราต้องทำอะไรกับ ชุด และห้องของเรา 
wutinan (21/12/2548 11:59:56)
 
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณมากครับ ผมคิดว่าถ้ามีโอกาส ลองนำวัสดุที่ว่าลองใส่เข้าไปดูครับ ถ้าเสียงเปลี่ยนเป็นอย่างไร ถ้ามีโอกาสโพสบอกได้จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ ส่วนเรื่องทรายเดี่ยวมีโอกาสจะหาซื้อมาลองดูครับ 
ต้าร์ (21/12/2548 12:28:11)
 
ความคิดเห็นที่ 14
เรียนคุณ wutinan
    1. ไม่ทราบว่าลำโพงวางบนพรมหรือวัสดุอะไรครับ ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมไม่วางบนพื้นกระเบื้องเลยครับ หรือว่าเสียงจัด คม แข็งไปครับ   
    2. ลำโพงวางห่างน้อยจังครับ เคยลองวางสัก 160 ซม. ขึ้นไปหรือยังครับ หากกลัวใกล้ผนังข้าง ก็ลองโทอินมากหน่อย ผมว่ามันได้รูปวงมากขึ้นนะครับ
     
nanext (21/12/2548 13:43:48)
 
ความคิดเห็นที่ 15
เรียนคุณ nanext

กะว่าจะลองอยู่เหมือนกันครับ แต่ยังขี้เกียจอยู่ ตอนนี้อยากฟังเพลงมากกว่า เพราะวันๆ กว่าจะได้เข้าบ้านก็เกือบ 3-4 ทุ่มแล้ว (นั่งฟังเพลงก็เกือบจะหลับแล้ว) ต้องรอช่วงวันหยุดยาวๆให้พอมีเวลาเล่นครับ 
wutinan (21/12/2548 14:49:32)
 
ความคิดเห็นที่ 16
เรียนคุณ wutian

"กำลังคิดว่าถ้าถอดออกให้เหลือ 2 เสา เสียงมันจะเป็นเช่นไร"

เรื่องนี้ไม่ต้องลองครับ ผมเคยลองกับของ Audio Art 6 เสาแล้ว เสียงไม่ดีครับ ค่อนไปทางบอบบาง รูปวงมีแต่ด้านกว้าง ลึกไม่ค่อยปรากฏ ขาตั้ง 6 เสานี้ ถอดได้เต็มที่สัก 3 เสาก็พอแล้วครับ 
 (23/12/2548 04:24:56)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มกราคม, 2006, 06:48:59 am โดย ขุนจิต »
พิจิต 089-771-8895


ออฟไลน์ ขุนจิต

  • kjit
  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 7,392
    • เพศ:ชาย
  • ไบเกอร์เครื่องเสียง
ฝากข่าว  เร็วนี้จะมีการสัมนาแบบไม่วิชาการที่เดียว   โดยชมรมออดิโอทีม
น่าจะประมาณปลายเดือน  กุมภาพันธ์ 2549เป็นครั้งที่ 1    และคงจัดต่อเนื่องเดือนละครั้ง   หรือเดือนเว้นเดือนตามเจตนารมของชมรม   สลับไปเรื่อยๆ
ส่วนหัวข้อครั้งที่1  น่าจะเป็นหัวข้อที่ทุกคนเห็น  แล้วจะนึกถึง  เพื่อนที่เรารักและเคารพมากที่อยู่ในเวปเรา ท่านนั้นได้จากไปจากเรา 
และท่านนั้นถือได้ว่าเป็นผู้แนะนำ  ผมและโจ้ เรื่อง 2 แชลแนล  แบบทะเลากันกระจายครับ

ส่วนหัวข้อและประเด็น  กำหนดวันเป็นทางการ  สถานที่  คงต้องให้ทาง  ชมรมมาฝากข่าวอีกครั้งครับ
ที่เด็ด 
คอ 2 แชลแนลต้องไม่พลาดครับ

 ส่วนห้องและสถานที่ที่ใช่นี้  ขอแย้มนิดๆ
 หลายท่านได้ยิน  ห้องนี้ต้องบอกสุดยอดครับฮิอิ 
โดยส่วนตัวในหมู่นักขายอย่างผมเรียกฉายากันว่า  ห้องดับจิต   ครับ  ฮิฮิ


.................................ไม่ใช่ดับผมนะครับ......................................
  ผมขุนจิต  ขี้เมาครับ  ช่วงหลังไม่ค่อยได้เมา  แล้วมือไม้ก็ไม่ค่อย   เป็นปลาหมึกเลย   ถูกคุมความประพฤติ  ตลอด ฮิอิ

ที่ต้องรีบเพราะจิตจะไปแรด  ตั้งแต่  14-20/1/2006  ครับ ขอบคุณ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มกราคม, 2006, 06:30:38 am โดย ขุนจิต »
พิจิต 089-771-8895