Home Theater Guide webboard > มุม โฮมเธียเตอร์ (HT)
ฟังเพลงจาก Mac กันดีกว่าครับ (Thunderbolt) ภาค2 ต่อจากปี 2008
Av Mobile:
สรุปว่า ทฤษฎีใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ ต้องฟังเท่านั้น
ผมเห็นด้วยกับ คุณ GUNTAM ประสบการณ์ตรง ใครที่มีความรู้ (ทฤษฎี)เยอะ ๆ ลองฟังเป็นประสบการณ์นะครับ
แล้วคุณจะรู้ว่าการฟังเพลง เสียงไม่ออกตามสเป็ค
GUNTAM:
ระบบเสียงที่จะต่อออกจาก Mac ทำได้หลากหลายครับ
- ไม่คิดอะไรมาก ก็แปลงจากข่องหูฟังเป็น RCA ต่อเข้าแอมป์ (เพื่อนที่ Apple บอกเสียงบางจัง)
- Mac ต่อกับ ตัวแปลง USB เป็น COAX อย่าง M2Tech hiFace แล้วเข้า DAC แบบ COAX และต่อ Analog เข้าแอมป์
- Mac ต่อกับ DAC แบบ USB (สาย USB มีผลกับเสียงมากๆ สายยาวประมาณ 4 เมตรจะได้เบสเข้มขึ้นมาก(ทดสอบกับสาย Nordost)) และต่อ Analog เข้าแอมป์ (ฟังจาก PC เสียงมนๆ ต่อกับ Mac คมชัดน่าฟังครับ DAC ของ Poem แต่ถ้าจะต่อกับแอมป์หลอดต้องใช้ Notebook หรือ Macbook เล่นโดยไม่ต่อไฟเลี้ยงเครื่อง ไม่งั้นต้องมีระบบกรองไฟชั้นยอดครับ)
- Mac ต่อกับ DAC แบบ Firewire (สาย Firewire มีผลแบบสาย USB ครับ สายยาวได้เปรียบเรื่องเบส(มาก) ทดสอบจากสาย Belkin ความยาว 1m กับ 3m) และต่อ Analog เข้าแอมป์ (เอาท์พุทจาก DAC Firewire บางตัว เสียงยังบางไปหน่อย)
- Mac ต่อกับ DAC แบบ Firewire และปล่อยสัญญาณ COAX เข้า DAC COAX และต่อ Analog เข้าแอมป์ (เสียงเนียนที่สุดเท่าที่ฟังในตอนนี้ ทดสอบที่ Poem ครับ)
- Mac ต่อกับ DAC แบบ Firewire และต่อแบบ Analog ผ่าน Buffer (หลอด) และต่อ Analog เข้าแอมป์ (เสียงคมชัดราวกับนั่งในห้องบันทึกเสียง หลายท่านบอกชัดไป หลายท่านบอกชัดดี แต่ผมใช้วิธีนี้เล่นกับแอมป์หลอดครับเสียงลงตัว แต่ถ้าต่อเข้ากับแอมป์แบบ Mosfet ดูจะไม่เนียนเท่าต่อผ่าน DAC COAX ครับ)
การควบคุมการทำงาน
- iPhone, iPod touch, iPad สามารถสั่งการ iTune ได้ทั้งหมด ผ่าน App Remote ครับ และเครื่อง Mac กับ iPad ต้องอยู่วงแลนเดียวกัน เมื่อเปิด App แล้ว หน้าจะจะแสดงไลบารี่เพลงในเครือ่ง Mac ของเรา จากนั้นก็ Sync โดยการใส่เลขสี่หลัก เท่านี้ iPad ก็กลายเป็นรีโมทแบบทัชสกรีน ใช้ควบคุม iTune ครับ ถ้าต้องใช้เมาส์กับคีย์บอร์ด มันไม่ค่อยเป็นการฟังเพลงครับ
ซอฟท์แวร์
- ระบบ OS เป็นเรื่องหลักครับ เพราะอย่าง OSX Lion กับ Mountain Lion ให้เสียงได้ต่างกันมาก
- การอัพเกรดซอฟท์แวร์สม่ำเสมอ ทำให้ได้เสียงดีขึ้นเรื่อยๆโดยที่แค่เสียเวลาดาวน์โหลดเท่าน้ัน ซึ่งการเล่นบน Mac สามารถอัพเกรดได้ทั้งเฟิร์มแวร์เครื่อง ระบบ OS โปรแกรมที่ใช้เล่น เรียกว่าในแต่ละเดือน คุณภาพเสียงในระบบจะถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นโปรแกรม Amarra 2.4.1 กับ 2.4.3 เสียงต่างกันมาก ตัวที่ใหม่กว่าเสียงดีกว่า (สะอาด สงัด ไดนามิค)
GUNTAM:
--- อ้างจาก: Goda Takeshi ที่ 21 กุมภาพันธ์, 2013, 12:30:37 am ---ดีครับที่เราเริ่มมาดู spec ของ media
ตอนนี้ผมว่าเราน่าจะตัดเรื่องไฟล์ ไม่เท่ากัน เพราะใช้สายต่างกันได้นะครับ (แต่เรื่องเสียงทำไมต่างกัน น่าจะเกิดจากเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ไฟล์ไม่เหมือนกัน)
จากรูปของอุปกรณ์ ที่ post ไว้ ผมว่าน่าจะเป็น การเล่นเพลงผ่าน มากกว่าการ ก็อปปี้ ซื่งก็คือการ stream data ครับ
Firewire400 สามารถส่งข้อมูลได้ bi-directional แต่ usb ได้แค่ทางเดียว ดังนั้นถ้าการใช้งานในแบบที่ต้องส่งข้อมูลไปกลับ firewire จะทำได้ดีกว่าครับ
ปัญหาจริงอยู่ที่ว่า driver ทำงานได้ดีแค่ไหน กับ bandwidth ที่ media of transport มีให้
สำหรับ usb sound card ที่ 2 channel ที่ CD quality (16bit 44K) usb 2.0 มี bandwidth เหลือพอ ครับ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มี device อื่นมา share อยู่บน bus เดียวกัน นอกจากน้้น firewire ยังสามารถ ทำงานแบบ DMA คือคุยตรงกับ memory ของเครื่องโดยไม่ต้องพึ่ง CPU ครับ
โดยรวม สำหรับ usb 2.0 การที่เราฟังเพลง rip จาก CD (16bit 44K) bandwitdth ก็ยังเหลือครับ ปัญหาจริงอยู่ที่ device drivers กับการที่ driver จะส่งข้อมูลด้วย เทคนิคไหน สุดท้ายแล้ว เถ้าเราได้ bit-perfect ก็ถือว่ายังไม่ต้องห่วงเรื่อง media of transport
สำหรับงานในห้องอัด firewire จะสามารถรับส่งไฟล์ได้จำนวน channel มากกว่า (spec ตรงๆมันก็เห็นชัดครับ)
สำหรับงานฟังเพลง ไม่ว่าจะเป็น firewire หรือ usb 2.0 สามารถตอบโจทย์ bit-perfect ได้ครับ
เรื่อง isochronous ของ usb เอาแบบภาษาชาวบ้าน คื่อใช้ clock เดียวกันระหว่าง usb controller กับ ตัวusb device (ใครซักคนเป็น master clock). แต่ลักษณะการส่ง ข้อมูลเพลง ตัว drivers ของ usb ยังสามารถ ส่งได้ทั้งแบบ synchronous หรือ asynchronous transfer (ที่จริง asynchronous ในที่นี้มีการใช้ buffer และใช้ clock บน usb device อีกที ไม่ใช้ Async ในแบบภาษา data communication, เอาง่ายๆก็ คือการ re-clocking แต่เรียกให้หรูๆ) ครับ
จะเห็นว่า ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่ว่า driver เก่งแค่ไหน สำหรับงาน 2 channel audio ระบบปฏิบัตการ ไม่ว่าจะเป็น iOS, Windows, Linux เป็นเรื่องรองครับ ดังนั้นตอนเลือก external sound device มองหาเจ้าที่ทำ driver เก่งก็ใจชื้นได้ครับ
ส่วนตัวอย่างเรื่อง ทำไม usb ก็อปไฟล์ได้ช้า ให้ลอง อากู๋ เรื่อง BOT vs UASP protocol มาอ่านเล่นได้ครับ
http://www.usb.org/developers/presentations/pres0410/2-4_SSUSB_DevCon_UASP_Stevens.pdf
ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้จะสื่อว่าเสียงต้องเหมือนกันนะครับ แต่อยากจะสื่อว่าเว่า ถ้า driver สามารถส่ง bit-perfect ได้ เราก็สามารถตัดปัญหาเรื่อง media ออกไปจากตัวแปรที่ทำให้เสียงต่างกันได้ครับ
--- End quote ---
จากรูปของอุปกรณ์ ที่ post ไว้ ผมว่าน่าจะเป็น การเล่นเพลงผ่าน มากกว่าการ ก็อปปี้ ซื่งก็คือการ stream data ครับ
คือที่ผมเขียนไว้ เป็นการก๊อปปี้เพลงลงในแฟลชไดรฟ์นะครับ ซึ่งให้เสียงต่างกันในแฟลชไดรฟ์แต่ละรุ่น และมีการคร๊อปของคุณภาพเสียงหลังจากก๊อปปี้ไปแล้ว จากแฟลชไดร์ฟตัวแรก ถ่ายข้อมูลมาอีกตัวนึงซึ่งเป็นรุ่นเดียวกัน แต่เสียงมันไม่ได้เหมือนตัวแรกครับ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับรูปภาพที่ผมใช้แสดงการเชื่อมต่อครับ ผมพูดถึงการก๊อปปี้ครับ ไม่ใช่ stream data
สเปคที่ว่านี่ ไม่พอครับ เพราะต้องฟังที่ 48K ครับ ไม่งั้นความเร็วเสียงมันไม่ตรงครับ อย่างมือกีตาร์วง ALZHEIMER บอกว่า ปกตินักดนตรีฟังที่ 48 ไม่งั้นจะแกะเพลงไม่ได้เลย เพราะคีย์ไม่ตรงถ้าฟังที่ 44
และก็จริงอย่างที่นักดนตรีว่าไว้ครับ ฟังที่ 48K เป็นดนตรีมากกว่า และทำให้ผมและคนในกลุ่มอีกสองคนกลับมาฟัง 44 ไม่ได้เลย และหลังจากทดสอบต่อเนื่องจนผ่านไป 1 อาทิตย์ สรุปได้ว่าเสียงดีสุดกับระบบ Firewire ฟังที่ 88K ครับ ฟังที่ 96K จะได้รายละเอียดมากกว่า แต่เสียงบางกว่า ลองกับดนตรีหลากหลายแนว ลองกับอัลบั้มที่บันทึกเสียงแต่แต่ยุคปี 80 จนถึงปัจจุบัน (มีเหตุผลเรื่องการวางไมค์และความนิยมในแต่ละยุค)
และที่สำคัญ สเปคในหน้ากระดาษจะไม่มีความหมายถ้าไม่ได้ทดสอบจริงครับ เพราะเครื่องเสียงสร้างให้คนฟัง ไม่ได้เอาไว้โชว์สเปคเก๋ไก๋ อย่าง Motu Ultralite MKIII ของผม ที่ใช้ได้ทั้ง PC และ Mac เมื่อลงไดรเวอร์ต่อเครื่องเทสต์ ก็ตามคาดว่าต่อกับ Mac เสียงดีกว่า และทดสอบบน Mac ด้วยต่อผ่าน USB กับ Firewire (Motu มีทั้งสองพอร์ท)ก็สรุปได้ว่า กลับไปฟัง USB ไม่ได้แล้ว เสียงห่างกันมากครับ ทั้งความสะอาด Attack ความสงัด ความเนียนและความต่อเนื่อง เมื่อต่อผ่าน Firewire ทำได้ดีกว่าทั้งหมด
ทดสอบแบบไม่ต้องหูทองก็ง่ายนิดเดียว เรื่องสัญญาณรบกวน เพราะปกติคอมพิวเตอร์มีสัญญาณรบกวนเยอะมาก และจะชัดเจนมากเมื่อนำมาต่อเข้ากับแอมป์หลอด สารพัดสัญญาณรบกวน ทั้งฮัม จี่ นอยซ์ ออกผ่านลำโพงดังสนั่น สำหรับ DAC แบบ USB มีทางเดียวที่จะเล่นกับแอมป์หลอดได้ คือต้องใช้ Macbook โดยไม่ต่อ Adapter ก็จะลดสัญญาณรบกวนไปได้ แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง แต่สำหรับ Firewire ปัญหาน้อยกว่ามาก แม้จะเป็น Mac mini ต่อกับ Dac Firewire ก็ไม่มีสัญญาณรบกวนออกจากลำโพงให้ได้ยินอย่างชัดเจน เรียกว่าน้องเอาหูแนบใกล้ไดรเวอร์ถึงจะได้ยิน (มีเวปไซด์ต่างประเทศบางเวปเท่านั้นที่ลองทดสอบเช่นนี้ ที่เหลือก็บ้าคลั่งสเปคโดยไม่ได้ทดสอบ)
ที่ผมเขียนถึงระบบ Firewire เน้นเรื่องการฟังเพลงครับ ที่เขียนมาทั้งหมดเป็นประสบการณ์การทดสอบล้วนๆมากว่าสิบปี ไม่ได้ไปก๊อปปี้ข้อมูลทางเทคนิคมาจากเวปไซด์ทั่วไปครับ
และถ้าวัดทางเทคนิคจริงๆ USB มันวิ่งผ่านไดรเวอร์ชิปเซทอีกที ผิดกับ Firewire ที่มี Core audio ครับ ฟอร์แมทอย่าง FAT32 กับ GUID ก็มีผลเรื่องการเก็บเพลงแล้วครับ ระบบ OS มีผลกับเสียงโดยตรง อย่างวินโดว์ 32bit กับ 64bit ก็ให้เสียงได้ต่างกันมาก แต่สุดท้าย OSX แน่นอนที่สุด เทียบกันแล้วเสียงห่างกว่ามาก และทีสำคัญที่สุดคือทักษะการฟังเพลงครับ รู้สเปคทางเทคนิคก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ถ้าฟังไม่ออก และไม่ได้ฝึกฝนการฟังเพลง หรือค้นหาข้อมูลความเป็นไปของวงการเพลงครับ
Goda Takeshi:
ดีครับที่เราเริ่มมาดู spec ของ media
ตอนนี้ผมว่าเราน่าจะตัดเรื่องไฟล์ ไม่เท่ากัน เพราะใช้สายต่างกันได้นะครับ (แต่เรื่องเสียงทำไมต่างกัน น่าจะเกิดจากเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ไฟล์ไม่เหมือนกัน)
จากรูปของอุปกรณ์ ที่ post ไว้ ผมว่าน่าจะเป็น การเล่นเพลงผ่าน มากกว่าการ ก็อปปี้ ซื่งก็คือการ stream data ครับ
Firewire400 สามารถส่งข้อมูลได้ bi-directional แต่ usb ได้แค่ทางเดียว ดังนั้นถ้าการใช้งานในแบบที่ต้องส่งข้อมูลไปกลับ firewire จะทำได้ดีกว่าครับ
ปัญหาจริงอยู่ที่ว่า driver ทำงานได้ดีแค่ไหน กับ bandwidth ที่ media of transport มีให้
สำหรับ usb sound card ที่ 2 channel ที่ CD quality (16bit 44K) usb 2.0 มี bandwidth เหลือพอ ครับ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มี device อื่นมา share อยู่บน bus เดียวกัน นอกจากน้้น firewire ยังสามารถ ทำงานแบบ DMA คือคุยตรงกับ memory ของเครื่องโดยไม่ต้องพึ่ง CPU ครับ
โดยรวม สำหรับ usb 2.0 การที่เราฟังเพลง rip จาก CD (16bit 44K) bandwitdth ก็ยังเหลือครับ ปัญหาจริงอยู่ที่ device drivers กับการที่ driver จะส่งข้อมูลด้วย เทคนิคไหน สุดท้ายแล้ว เถ้าเราได้ bit-perfect ก็ถือว่ายังไม่ต้องห่วงเรื่อง media of transport
สำหรับงานในห้องอัด firewire จะสามารถรับส่งไฟล์ได้จำนวน channel มากกว่า (spec ตรงๆมันก็เห็นชัดครับ)
สำหรับงานฟังเพลง ไม่ว่าจะเป็น firewire หรือ usb 2.0 สามารถตอบโจทย์ bit-perfect ได้ครับ
เรื่อง isochronous ของ usb เอาแบบภาษาชาวบ้าน คื่อใช้ clock เดียวกันระหว่าง usb controller กับ ตัวusb device (ใครซักคนเป็น master clock). แต่ลักษณะการส่ง ข้อมูลเพลง ตัว drivers ของ usb ยังสามารถ ส่งได้ทั้งแบบ synchronous หรือ asynchronous transfer (ที่จริง asynchronous ในที่นี้มีการใช้ buffer และใช้ clock บน usb device อีกที ไม่ใช้ Async ในแบบภาษา data communication, เอาง่ายๆก็ คือการ re-clocking แต่เรียกให้หรูๆ) ครับ
จะเห็นว่า ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่ว่า driver เก่งแค่ไหน สำหรับงาน 2 channel audio ระบบปฏิบัตการ ไม่ว่าจะเป็น iOS, Windows, Linux เป็นเรื่องรองครับ ดังนั้นตอนเลือก external sound device มองหาเจ้าที่ทำ driver เก่งก็ใจชื้นได้ครับ
ส่วนตัวอย่างเรื่อง ทำไม usb ก็อปไฟล์ได้ช้า ให้ลอง อากู๋ เรื่อง BOT vs UASP protocol มาอ่านเล่นได้ครับ
http://www.usb.org/developers/presentations/pres0410/2-4_SSUSB_DevCon_UASP_Stevens.pdf
ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้จะสื่อว่าเสียงต้องเหมือนกันนะครับ แต่อยากจะสื่อว่าเว่า ถ้า driver สามารถส่ง bit-perfect ได้ เราก็สามารถตัดปัญหาเรื่อง media ออกไปจากตัวแปรที่ทำให้เสียงต่างกันได้ครับ
GUNTAM:
สเปคทางเทคนิคระหว่าง Firewire กับ USB ครับ
Thunderbolt (up to 10 Gbps)
FireWire 800 (up to 800 Mbps)
FireWire 400 (up to 400 Mbps)
USB 3 (up to 5 Gbps)
USB 2 (up to 480 Mbps)
FireWire เป็นบัสอนุกรมประสิทธิภาพสูง ใช้สถาปัตยกรรมแบบ peer-to-peer ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ เข้าด้วยกันจึงสามารถนำกล้องถ่ายวิดีโอต่อกับโทรทัศน์แบบดิจิตอลได้ทันที โดยไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์มาคั่นกลาง และใช้การส่งข้อมูลแบบ isochronous ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องการพิกัดเวลาในความสำเร็จ การส่งผ่านเสียงและวิดีโอดิจิตอล เสียงหรือภาพกำลังไปจากอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์หรือข้ามเครือไปสู้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ที่ต้องการให้มาถึงใกล้กับอัตราการไหลของข้อมูลจากต้นแหล่ง การส่งผ่านข้อมูล isochronous ทำให้มั่นใจว่าการไหลของข้อมูลอย่างต่อเนื่องและที่อัตราคงที่ในเวลาใกล้กันกับความสามารถของกลไกการแสดงภาพเพื่อรับและแสดงข้อมูลภาพ
USB 2.0 ก็ทำงานแบบ isochronous ได้กับสตรีมออดิโอได้ค่อนข้างช้ามาก (สเปคสูงกว่า Firewire400 แต่การทำงานจริงอย่างการก๊อปปี้ไฟล์ขนาดใหญ่ ก็ยังใช้เวลานานกว่า Firewire ครับ)
สำหรับผมที่ใช้ Macbook Air ต่อระบบด้วยช่อง Thunderbolt ผ่านอแดปเตอร์ Thunderbolt to Firewire800 ครับ
ความเร็วไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในเรื่องของเสียงครับ isochronous นี่ล่ะครับที่สำคัญ อย่าง Motu ที่ผมใช้ ก็ต่อแบบ Firewire400 กับ USB2.0 เท่านั้น ทั้งๆที่เป็นรุ่นที่วางจำหน่ายได้ไม่นาน
ตัวอย่างซาวน์การ์ดระบบ Firewire ครับ http://www.kimlengstudio.com/Firewire/View-all-products.html
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version