0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
(240+82)/2 = 161V
อ้างจาก: t43_noi ที่ 20 มีนาคม, 2018, 09:53:43 pm ตรงนี้ผมเข้าใจว่า หากออกแบบเป็น 2 stage เกน แต่ละ stage ควรเป้น 5.477 แต่ยังไม่เข้าใจตรงความสัมพันธ์ของมิว ที่ต้องมากกว่า 80 กับ เกนที่ 5.477 ครับ เอ หรือว่าเป้นกฎตายตัวที่ต้องจำไว้ว่า หากออกแบบไดร์ฟ สเตปเดียว ต้องเลือกหลอดที่มีมิว 80 ขึ้นไป ครับ (6SN7 มิว = 20) ที่มากกว่า 80 ผมคิดถึงหลอด 12ax7 พอดี ตัวนี้มิวเยอะเป็น 100 เกนเยอะ ส่วนที่ว่าหากทำสเตจเดียวมิวต้องม่กกว่า 80 ไม่ใช่ครับมิว มันมาจาก mutualconductance แปลว่าอะไรไม่รู้ หาค่าจากสมการ u = Gm*Rp ไม่มีหน่วย หมายถึงอะไรผมจำไม่ได้ จำสมการมาอีกทีหนึ่ง มีข้อสังเกตุว่า เกนขยายทางแรงดันของสเตจ voltage gain stage หรือ แรงดันเอ้าพุทหารด้วยแรงดันอินพุท Av = Vo/Vin จะมีค่าไม่เกินค่ามิว จะน้อยกว่าค่ามิว น้อยกว่าเท่าไหร่ผมไม่ได้ทำสถิติ อย่าง 6sn7 u = 20 ถ้าทำวงจรขยายแรงดันแบบเพลตโหลด มีค่าเกนไม่น่าจะเกืน 15 ทำไมถึงเป็น 15 เดาจากที่เคยทำมาเอาครับมิวใช้ประมาณค่าโวลเตจเกนได้ ยังไงก็ไม่เกืนค่ามิว ยังไงก็น้อยกว่าค่ามิวตอนนี้รู้แล้วว่ามิวของ 6sn7 มีค่า 20 (มันก็ไม่ได้มีค่า 20 สำหรับทุกเส้นโหลดไลน์นะครับ RL ที่มากกว่า (เส้นกราฟนอนมากกว่า) จะมีมิวมากกว่า RL ที่น้อยกว่า (เส้นกราฟชันมากกว่า) และในเส้นกราฟโหลดไลน์เส้นเดียวกัน จุดไบอัสที่อยู่ทางขวามือจะมีค่ามิวมากกว่าจุดไบอัสทางซ้ายมือ ผมสังเกตุจากที่ทำบ่อยๆ ) มีค่ามากกว่า 5.477 ปัดเป็น 6 ก็ได้ แต่ก็ยังน้อยกว่าเกนรวมทุกภาคของภาคหน้าคือ 30 ดังนั้นมันจึงใช้สเตจเดียวไม่ได้ แต่ถ้าใช้สองสเตจเกนรวมภาคหน่าก็จะมากกว่า 30 เอาการ (15*15 = 225) แต่ก็ต้องทำ มันมีผลต่อการหมุนวอลุ่มของภาคปรี หมุนหน่อยเดียวเสียงมาเต็มแล้ว (สำหรับนัก diy แล้ว จะทำสเตจเดียวก็ย่อมได้ เพราะว่าไม่ได้ทำขายทำฟังเอง แต่หมุนวอลุ่มสุด มันยังไม่สุดเสียง หากฟังในห้องที่ไม่ใหญ่ก็ฟังได้อยู่ครับ )ที่ต้องวางแผนคือ เมื่อเกนรวมภาคหน้ามีค่ามากกว่าที่ต้องการมากๆ (ประมาณ 225 ซึ่งมากกว่า 30 มากๆ ) ภาคไดร์เราลากกราฟชันๆ ได้ กราฟเส้นโหลดไลน์ที่ชันกว่าจะได้กระแส Ia ที่มากกว่า หากต้องการให้ภาคไดร์มีกระแสมากหน่อย แต่ที่มันชันกว่า การสวิงไปซ้ายที ไปขวามือที จากจุดไบอัส มันไม่ค่อยจะเท่ากัน มันจะเกิดความเพี้ยนจากการที่คลื่นซีกบนกับคลื่นซีกล่างสูงไม่เท่ากัน ความเพี้ยนนี้เรียกว่าอะไร ผมจำไม่ได้ แต่ยังไงเอ้าพุทภาคไดร์ต้องสวิงแรงดันให้ได้ 30Voltpeak-peak ตรงนี้ขึ้นกับแรงดันไฟเลี้ยงวงจร B2+ ด้วย ต้องลากกราฟดูก่อน แล้วประมาณค่าจากกราฟเอา
ตรงนี้ผมเข้าใจว่า หากออกแบบเป็น 2 stage เกน แต่ละ stage ควรเป้น 5.477 แต่ยังไม่เข้าใจตรงความสัมพันธ์ของมิว ที่ต้องมากกว่า 80 กับ เกนที่ 5.477 ครับ เอ หรือว่าเป้นกฎตายตัวที่ต้องจำไว้ว่า หากออกแบบไดร์ฟ สเตปเดียว ต้องเลือกหลอดที่มีมิว 80 ขึ้นไป ครับ (6SN7 มิว = 20)
ซิมวงจรอินติเกรตแอมป์ด้วยครับ
ภาคจ่ายไฟทำเป็นอยู่นะครับ
อ้างจาก: ออดิโอแมน ที่ 12 เมษายน, 2018, 03:11:18 pmหาแรงดันเทียบกราวน์Vk gnd = 5VVp = 170VVp gnd = 5V+170V = 175VVRL = 12K*6.7mA = 80.4V ทนกำลัง = 80.4V*6.7mA = 0.538W เผื่อสามเท่า เป็น 1.6W ปัดเป็น 2WB2+ = 175V+80.4V = 255.4Vแรงดันที่ตกคร่อม RL = 80.4V นี้ จะเป็นแรงดันเอ้าพุทออกไปที่กริดของ EL38 ให้คิดแค่ 60% เพื่อให้มี noise ปนออกไปน้อยที่สุด = 80.4V*60% = 48.24V ซึ่งแรงดันเอ้าพุทที่เราประมาณการไว้คือ 50Vpeak-peak ก็น่าจะยอมรับได้แบบเฉียดฉิวแบบนี้ครับ น่าจะได้แรงดันที่จุดต่างๆ ใกล้เคียงกับที่เราจัดไบอัส เพราะว่า Rk ก็ทำให้แรงดันเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว และ แรงดันที่เพลตเป็นแรงดันคร่อมหลอดหรือ Vak ไม่ใช่แรงดันเทียบกราวน์ เวลาเราต่อเป็นวงจรมันต้องวัดเทียบกราวน์นะครับ
หาแรงดันเทียบกราวน์Vk gnd = 5VVp = 170VVp gnd = 5V+170V = 175VVRL = 12K*6.7mA = 80.4V ทนกำลัง = 80.4V*6.7mA = 0.538W เผื่อสามเท่า เป็น 1.6W ปัดเป็น 2WB2+ = 175V+80.4V = 255.4Vแรงดันที่ตกคร่อม RL = 80.4V นี้ จะเป็นแรงดันเอ้าพุทออกไปที่กริดของ EL38 ให้คิดแค่ 60% เพื่อให้มี noise ปนออกไปน้อยที่สุด = 80.4V*60% = 48.24V ซึ่งแรงดันเอ้าพุทที่เราประมาณการไว้คือ 50Vpeak-peak ก็น่าจะยอมรับได้แบบเฉียดฉิว
ตำแหน่งต่างๆ น่าจะถูกต้องแล้วภาคปรีได้บวกทดแรงดันเทียบกราวน์หรือยังครับ
อ้างจาก: t43_noi ที่ 14 เมษายน, 2018, 06:09:58 pmu = Gm*Rp = 1.5*6.5 = 9.75จะลองไม่ใส่ C bypass ก่อน เพราะเกนจะมากเกินไป และที่ภาคไดร์ฟมีเกนชยายแล้ว 13 Rp effective = Rp + Rk(u+1) = 6.5K + 1.1K(9.75+1) = 6.5K+11.8K = 18.3 Kgain no ck = u*RL/Rp eff.+RL = 9.75*20K/18.3K+20K = 195K/38.3K = 5.0 ซึ่งตรงกับที่ต้องการพอดี gain รวม = gain pre* gain drive = 5* 13 = 65 ซึ่งความต้องการ อยู่ที่ 30+60% = 30*1.6 =48 ประมาณว่า 50 จากข้อมูลนี้ ผมเข้าใจเองว่า เกนการขยาย เพียงพอต่อการใช้งาน และไม่สูงมากเกินไปเพราะหากเกนขยายสูงมากเกินความจำเป็น จะทำให้เกิดอาการ เร่งนิดเดียว ดังกระหึ่ม และส่งผลทำให้เกิดการขลิบได้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ อาจารย์ป๋า
u = Gm*Rp = 1.5*6.5 = 9.75จะลองไม่ใส่ C bypass ก่อน เพราะเกนจะมากเกินไป และที่ภาคไดร์ฟมีเกนชยายแล้ว 13 Rp effective = Rp + Rk(u+1) = 6.5K + 1.1K(9.75+1) = 6.5K+11.8K = 18.3 Kgain no ck = u*RL/Rp eff.+RL = 9.75*20K/18.3K+20K = 195K/38.3K = 5.0 ซึ่งตรงกับที่ต้องการพอดี gain รวม = gain pre* gain drive = 5* 13 = 65 ซึ่งความต้องการ อยู่ที่ 30+60% = 30*1.6 =48 ประมาณว่า 50
อ้างจาก: ออดิโอแมน ที่ 14 เมษายน, 2018, 03:51:48 pmถูกต้องครับ สำหรับภาคเกนสเตจ ภาคที่ต้องการเกน แล้ว มีข้อกำหนดว่า RL ควรมีค่าสามเท่า Rp หรือ RL = 3*Rpทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะว่า สองตัวนี้มันจะแบ่งแรงดันเอ้าพุทกันออกไปใช้งาน ตัวที่มีค่ามากกว่า แรงดันจะตกคร่อมมากกว่า หรือแบ่งแรงดันไปได้มากกว่าป๋าครับ จาก RL= 3Rp = 3*ุ6.5K = 19.5K ปรับเป็น 20Kดังนั้นเวลาใช้งานจริง ต้องใช้ค่า 20K ใช่มั้ยครับ (ซึ่งเคสนี้ตรงกับ RL ที่เลือกใช้ พอดี)
ถูกต้องครับ สำหรับภาคเกนสเตจ ภาคที่ต้องการเกน แล้ว มีข้อกำหนดว่า RL ควรมีค่าสามเท่า Rp หรือ RL = 3*Rpทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะว่า สองตัวนี้มันจะแบ่งแรงดันเอ้าพุทกันออกไปใช้งาน ตัวที่มีค่ามากกว่า แรงดันจะตกคร่อมมากกว่า หรือแบ่งแรงดันไปได้มากกว่า