หัวข้อ: Vinyl Lover : ว่าด้วยตราแผ่นเสียงล้วน ๆ Label Trick

[paganini]

ยุคที่ 4 เข้าสู่ยุคดิจิตอล RCA เรียกตรายุคนี้ว่า Red Seal Digital อยู่ในช่วงเวลาปลายยุค 70-80

วงการอิเลคโทรนิค การบันทึกเสียงต่างตื่นเต้นกับยุคดิจิตอลกันถ้วนหน้า ครานี้ภาพเจ้าหมาน้อยฟังแผ่นเสียงกลับมาเป็นตราแผ่นเสียง RCA อีกครั้ง โดยมีตรา RCA และเจ้าหมาน้อยอยู่ทางด้านซ้ายของ Label พื้นสีแดงชมพู

แผ่นนี้ของผมเป็นการบันทึกเสียงใหม่ในยุคนี้ ต้องยอมรับว่าเสียงในยุคนี้ที่บันทึกใหม่ก็ให้เสียงที่ดีเกินคาดพอสมควร แต่ผมก็ไม่เคยเทียบว่ารหัสอื่นเสียงดีหรือเปล่า

สำหรับตรา RCA ผมไม่ใช่แฟนประจำนะครับ ท่านใดเห็นว่ามีข้อผิดพลาดกรุณาช่วยแก้ให้ด้วยนะครับ 

[paganini]

แผ่น RCA ยุคที่สาม อยู่ในช่วงปลายยุค 60-70 Left Label

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของเจ้าหมาน้อยฟังแผ่นเสียงอีกแล้ว แต่มีสัญลักษณ์ของ RCA ตัวใหญ่อยู่ทาด้านซ้ายของ Label โดยพื้นเป็นสีส้ม ยุคนี้เพลงป๊อปและเพลงร๊อคมีอิทธิพลมากขึ้น และเพลงคลาสสิกได้ตกลงไปมาก

[paganini]

ส่วนแผ่น RCA Shaded Dog ที่ไม่ใช่เพลงคลาสสิก พื้นของ label จะเป็นสีดำครับ
อย่างแผ่นที่ผมให้เป็นตัวอย่างภาพประกอบนี้

[paganini]

มาถึง RCA ยุคที่สอง น่าจะผลิตระหว่างปี 50-60 ซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรืองของแผ่นเสียง RCA Victor ก็ว่าได้

ตราแผ่นเสียงยุคที่สองของ RCA เรียกว่า Shaded Dog

ส่วนแผ่น RCA VICTOR RED SEAL "SHADED DOG" จะเป็นแผ่นบันทึกเสียงแบบ Mono

ถ้าเป็นเป็น RCA Living Stereo Shaded Dog จะบันทึกเสียงมาเป็น Stereo

ตรง Dead Wax จะมีอักษรเขียนว่า S1 ทั้งสองหน้า แสดงว่าแผ่นเสียงชุดนั้นปั๊มเป็นครั้งแรก ส่วนครั้งที่สองจะปั๊มว่า S2 คร้งที่สาม S3 เป็นต้น

แผ่น RCA มีแหล่งลิตด้วยกันสามแห่งคือ อินเดียนาโปลิศ , นิวยอร์ค และฮอลลีวู๊ด ที่ Dead Wax จะเขียนตัวอัษรย่อของแหล่งผลิตเอาไว้ด้วยครับ คือ I = อินเดียนาโปลิศ , N = นิวยอร์ค , H= ฮอลลีวู๊ด เท่าที่ผมมีแผ่นเสียง RCA ผมมีอักษรย่อ I กับ H แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่ไหนผลิตดีกว่ากัน รหัสแบบนี้ยิ่งกว่าดาวินชี่โค้ดเสียอีก

ที่น่าสังเกตสำหรับแผ่น "SHADED DOG" คือจะมี Deep Groove ทุกแผ่นครับ

ภาพประกอบ ภาพแรกเป็นแผ่น RCA VICTOR RED SEAL "SHADED DOG"

ภาพที่สอง RCA Living Stereo Shaded Dog

ทั้งสองแผ่นจะมี Label ที่ต่างกันนะครับ

[paganini]

สำหรับคนที่ชอบเพลงคลาสสิก ตราแผ่นเสียง RCA ถือเป็นอีกสังกัดหนึ่งที่การบันทึกเสียงยอดเยี่ยมมาก ๆ ในหลายอัลบัม

ตราแผ่นเสียง RCA เป็นตราแผ่นเสียงที่ดู Label ไม่ยากครับ

ผมจะเริ่มจากตราแผ่นเสียงเริ่มแรกของ RCA นะครับ คนไทยจะเรียกตราแผ่นเสียงยุคแรกของ RCA ว่า "หมาใหญ่" ผมไม่รู้ว่าต่างประเทศเรียกว่าอะไรนะครับ ยุคแรกของตราแผ่นเสียง RCA หมาใหญ่ จะอยู่ประมาณยุค 40-50 ส่วนใหญ่เป็นแผ่นเสียงที่ทำจาก "ครั่ง" สังเกตง่าย ๆ คือหมาที่อยู่ตรงกลางแผ่นเสียงจะมีขนาดใหญ่ ผมพยายามหาภาพมาให้ชมแต่หาไม่ได้นะครับ

[paganini]

Columbia Masterworks

บางแผ่นจะเขียนว่า Columbia เฉย ๆ ก็มี เพลงส่วนใหญ่จะเป็นเพลงคลาสสิก เป็นแผ่นโคลัมเบียที่เก่าที่สุด

[paganini]

โคลัมเบีย Late 70

สำหรับ Label นี้ผลิตขึ้นในยุค 70 เป็นต้นมาครับ ส่วนใหญ่แน Label นี้จะมีมากมายเยอะแยะในตลาดแผ่นเสียงมือสอง

[paganini]

Columbia 2 Eye บางคนเรียกว่า 360 Sound ผลิตในช่วงยุค 60

มีทั้งแผ่นที่เป็น Mono และ Stereo แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแผ่น Stereo

จะมีบางแผ่นที่ราคามหาโหดเช่นบ๊อบ ดิแลน ชุดแรก ๆ ที่ผลิตออกมาเป็น โมโน เมื่อทำการ Reissue ได้ทำการอดเสียงเป็น Stereo ท้งหมด แผ่นโมโนของบ๊อบจึงมีแต่แผ่นที่ผลิตในยุค โคลัมเบียสองตา เท่านั้น แม่แต่แผ่นซีดีที่ Reissue ก็ไม่เคยกลับไปผลิตเป็นโมโน

เช่นเดียวกับโคลมเบีย หกตา สีแดงส้ม เป็นเพลงแจ๊ส โฟล์ค ป๊อป ส่วนสีเทาเป็นเพลงคลาสสิก

[paganini]

แผ่น Columbia Six Eyes Stereo

[paganini]

แผ่น Columbia Six Eye Mono

แผ่นเสียงโคลัมเบียนหกตา ทั้งโมโนและสเตริโอผลิตขึ้นในยุค 50
แผ่นเพลงแจ๊สจะเป็นพื้นสีแดง (ตามรูป) ส่วนพื้นเทาจะเป็นเพลงคลาสสิค
บางแผ่นอาจจะมีพื้นขาวบ้าง

[paganini]

อะไรคือ Deep Groove

Deep Groove คือ ร่องลึกที่อยู่ด้านในของ Label แผ่น Deep Groove เลิกผลิตประมาณปี 1965 ดังนั้นแผ่นที่ผลิตหลังปีดังกล่าวจะมี Deep Groove ทั้งสิ้น

บางแผ่นที่ผลิตใหม่อาจจะมีร่องบาง ๆ อยู่ที่ Label แต่ Deep Groove จะต้องเป็นอย่างในภาพที่แนบมาครับ

[paganini]

อะไรคือ Dead Vax Stamp 'RVG'

RVG = Rudy Van Gelder

นายรูดี้ เป็นเอนจิเนียบันทึกเสียงเพลงแจ๊สที่มีชื่อเสียงมาก และมีฝีมือดีมากเช่นกัน เขามีอาชีพหลักเป็นนายแพทย์ แต่ถ้านักดนตรีแจ๊สจะบันทึกเสียงยังไงก็ต้องเรียกนายคนนี้มาบันทึกเสียงให้

Dead Wax คือ ส่วนท้ายที่เหลือของแผ่นเสียงระหว่างร่องเสียงกับ Label

[paganini]

รายละเอียดเกี่ยวกับแผ่น BlueNote

SONNY CLARK "SONNY'S CRIB"
LP - On Blue Note Records, #1576. Scarce vintage jazz Lp from 1957. MONO pressing with the classic Blue & White labels and the 47 WEST 63RD NEW YORK 23 address on the labels. The label is Deep Groove on both sides with the "ear" and "RVG" stamp in the trail-off on both sides. Matrix number is hand-etched on both sides.
Thick vinyl, thick cardboard cover.
The personnel: Donald Byrd/trumpet; Curtis Fuller/trombone; John Coltrane/tenor sax; Sonny Clark/piano; Paul Chambers/bass; Art Taylor/drums.

BLUE NOTE บทที่ 1

แผ่นบลูโน๊ตในยุคต่าง ๆ จะมี Label ที่แตกต่างกันตามยุคสมัย ทว่าแผ่นใหม่ หรือแผ่น Reissue ที่ผลิตในยุคนี้หันมาใช้โลโก้ น้ำเงิน+ขาว ตามเดิม แต่ก็สามารถดูได้จาก Deep Groove, Dead Wax และความหนาของแผ่น

BLUE NOTE RECORDS เป็นสังกัดแผ่นเสียงเพลงแจ๊สที่เกิดจากคนรักเพลงแจ๊สอย่าง Alfred Lion การที่เขาก่อตั้งสังกัดบลูโน๊ตขึ้นมา และแนวทางเพลงแจ๊สที่คลี่คลายจากยุค Bop มาสู่ Hard Bop หรือในยุคนี้เราจะเทียบได้กับว่า Blue Note เป็นเหมือนสังกัด Alternative ที่สร้าง Sound เฉพาะตัวขึ้นมาได้อย่างน่าจับตามอง Blue Note ประสบความสำเร็จได้ด้วยมุมมองทางศิลปะล้วน ๆ นัยตั้งแต่ตัวดนตรีที่แตกต่าง ศิลปะบนปกแผ่นเสียง รวมมาถึงการบันทึกเสียงที่พิถีพิถันจากฝีมือเอนจิเนียร์อย่าง Rudy Van Gelder นายแพทย์ที่ผันตัวมารับงานบันทึกเสียง

ว่ากันว่าขั้นตอนการบันทึกเสียงของ Rudy นั้นห้ามใครเข้าไปแตะต้องเครื่องมือของเขา ห้ามนักดนตรีเข้าไปสูบบุหรี่ในส่วนของการบันทึกเสียง เขาจะสวมถุงมือและทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความปราณีต ทำราวกับว่าการบันทึกแผ่นเสียงไม่ต่างจากการผ่าตัดคนไข้

สามองค์ประกอบดังกล่าวทำให้แผ่นสังกัดบลูโน๊ตเป็นที่ต้องการขึ้นมาเรื่อย ๆ ถ้าหาก Alfred มีชีวิตในยุคนี้เขาคงไม่เชื่อว่าแผ่นเสียงของ Blue Note ในยุคปี 50-60 กลายเป็นที่ต้องการของนักเล่นแผ่นเสียงทั่วโลก รวมไปถึงแผ่นที่บลูโน๊ตนำไปผลิตที่ญี่ปุ่นด้วย

สำหรับบลูโน๊ตยุคแรก Label เรียกว่า Blue&White จะประกอบไปด้วย 1.Deep Groove ทั้งสองหน้า 2.Stamp RVG ที่ Dead Wax ทั้งสองหน้า 3.ที่อยู่ของบริษัท 47 WEST 63RD NEW YORK 23

ส่วนบลูโน๊ต Label ยุคต่อมา โปรดติดตามตอนที่สองนะครับ

[paganini]

ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะนะครับ หาความรู้แบบลักจำ เพราะไม่มีตำรา ไม่มีใครสอน อาศัยว่าได้เห็นบ่อย ๆ อ่านรายละเอียดตามเวบที่ประกาศขายอย่างอีเบย์บ้าง ดังนั้นถ้ามีอันไหนพลาดก็บอกกล่าวกันได้ครับ

อีกประเด็นก็คือว่าทำไมเราต้องรู้ว่า Label ไหนผลิตเมื่อไหร่ Label ใดเป็น Original ก็เพราะว่าเวลาเราจะซื้อหรือบางทีเกิดไปเจอตามตลาดนัดจะได้เอาไปเป็นบรรทัดฐานหรือมาตรฐานว่าราคามันควรจะอยู่ที่ใด

ที่สำคัญ แผ่น Original ส่วนใหญ่ ให้เสียงที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะเก่าแค่ไหน