HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: Help !!! ที่ 27 กุมภาพันธ์, 2007, 09:38:53 pm
-
ต้องความไวเท่าไหร่ครับถึงจะขับได้ดีอ่ะ แอมป์หลอดผม 80w(จากSemi115มั้งครับถ้าจำไม่ผิด)
-
ต้องความไวเท่าไหร่ครับถึงจะขับได้ดีอ่ะ แอมป์หลอดผม 80w(จากSemi115มั้งครับถ้าจำไม่ผิด)
ถ้า 80 วัตต์ ลำโพง ทั่ว ๆ ไปความไว 85 ขึ้นไปก็ขับได้ครับ ถ้าเป็นแอมป์หลอดสัก 0.7-5 วัตต์ อาจต้องใช้ลำโพงที่มากกว่า 90 ครับ
-
ต้องความไวเท่าไหร่ครับถึงจะขับได้ดีอ่ะ แอมป์หลอดผม 80w(จากSemi115มั้งครับถ้าจำไม่ผิด)
กำลังวัตต์ขนาดนี้ ใม่ต้องหาลำโพงความไวสูงแล้วครับ ลำโพงความไวสูงที่ผมเคยลองเอาแอมป์วัตต์สูงมาขับแล้วใม่น่าประทับใจครับมันเหมาะกัแอมป์หลอดวัตต์ต่ำๆมากกว่าครับ
-
80W ก็เยอะอยู่นะครับ Y] ลำโพงส่วนใหญ่ขับออกอยู่แล้วครับ :showoff
-
จากที่ผมลองๆฟังมานะครับ จริงๆ ค่าความไวมากๆ ก็เป็นส่วนหลักที่จะดูได้ว่า แอมป์วัตต์น้อยขับได้ไหม และก็มีเรื่องของค่า Q ครับ ซึ่งผมเคยฟัง 86 หรือ 85 db มาตัวนึง แล้วพบว่ามันเข้ากับแอมป์หลอดมาก ก่อนหน้านั้น ผมคิดว่า แอมป์หลอดต้อง 90dB ขึ้นไป หลังจากพบลำโพงตัวนั้น จึงย้อนกลับมาคิดใหม่ครับ
ท่านอื่นๆคงมีประสบการณ์ด้านลำโพงมามากกว่าผมมาก รบกวนช่วย share ประสบการณ์กันหน่อยครับ
-
ล่าสุดผมลองเอา PCL86 วงจรที่ Group buy กันแต่ Hardwire ขับลำโพง EPOS ความไว 87 dB ขับได้แล้วเสียงดังดีด้วย
เป็น 2 ทาง ผมเลยคิดว่านอกจาก ความไวแล้วมันต้องมีตัวอื่นที่เกี่ยวข้องอีก มันถึงขับได้ วานผู้รู้ช่วยตอบที
-
ค่าDAMMPING FACTOR ของแอมพ์ต้องดีด้วยครับถึงจะขับลำโพงใด้ดี.
-
Amp 45 SE ของผม ขับเวียนนาโมสาร์ท ความไว 89 db ได้อย่างดี ฟังเพลงแจ๊สได้ไพเราะมาก แต่ถ้าเป็นคลาสสิกหวานไปหน่อย
-
ล่าสุดผมลองเอา PCL86 วงจรที่ Group buy กันแต่ Hardwire ขับลำโพง EPOS ความไว 87 dB ขับได้แล้วเสียงดังดีด้วย
เป็น 2 ทาง ผมเลยคิดว่านอกจาก ความไวแล้วมันต้องมีตัวอื่นที่เกี่ยวข้องอีก มันถึงขับได้ วานผู้รู้ช่วยตอบที
เท่าที่ผมรู้ตอนนี้ ก็คือค่า Q ที่จะต้องสัมพันธ์ กับ damping factor นะครับ ยิ่ง damping factorมาก ก็ขับลำโพงที่ค่า Q มากได้ เช่นพวก proac SC1 ที่network นั้นซับซ้อนมากๆ ดังนั้น DP Factor มากผมว่าน่าจะขับลำโพงได้มากกว่าครับ
แต่ damping factor ที่มากอาจทำให้เสียงออกมาเล็กๆ แห้งๆ ทำให้บางท่านจะไม่ชอบครับ ซึ่งก็คงต้องไปเน้นภาค pre หรือ drive แทนครับ
-
ค่าDAMMPING FACTOR ของแอมพ์ต้องดีด้วยครับถึงจะขับลำโพงใด้ดี.
ผมต่อแอมป์หลอด วัตต์นิดเดียวเอง สงสัยค่า damping factor จะต้องมาแน่นอนเลยถึงขับได้
มันมีวิธีวัดค่านี้มั้ยครับ
-
ถ้าไม่มี feedback นะครับ และถ้าผมจำไม่ผิด มันคือ อัตราส่วน load ต่อ plate impedance ครับ
ยกตัวอย่างหลอดใหญ่ 845 ถ้าเรา Bias กันทั่วๆไปตามdatasheet แล้ว จะพบว่ามันมี plate rersistance ประมาณ 1,900 ohm แล้ว load ที่เรานิยมใช้ก็ราวๆ 5k ดังนั้น damping factor จึงตกราวๆ 5000/1900= 2.63 ครับ
เราสามารถเพิ่มได้ โดยการใส่ NFB เข้าไป ซึ่งจะทำให้ output impedance ลดลง ทำให้ damping factor มากขึ้นครับ
หากมีท่านใดช่วยเสริมหรือแก้ไข ขอรบกวนด้วยครับ เนื่องจาก ผมเองไม่แน่ใจ100%จุดนี้ครับ
-
อีกประการครับ แอมป์ ที่ใช้หลอดเพนโทตต่อแบบเพนโทตค่า damping factor จะสู้หลอดไตรโอดไม่ได้ครับ ส่วนใหญ่จะต้องอาศัย NFB เข้าช่วยครับ :)
เช่นเดียวกับแอมป์ OTL ที่ใช้ NFB อย่างมากมายเพื่อให้ได้ค่า damping factor ตามที่ต้องการครับ แต่การต่อป้อนกลับก็มีปัญหาเรื่องเฟสตามมาอีกครับ
คิดแล้ว ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
-
:) คุณภาพหูของผู้ฟัง ประเภทดนตรีที่ชอบ และความดังของเสียงที่ต้องการด้วย เป็นเรื่องหลักเชียวหละ :D
-
กำลังขยายสูงขนาด 80 วัตต์ ความไวของลำโพงไม่น่าจะเลือกยาก เข้าใจว่าสามารถขับลำโพงที่อยู่ในท้องตลาดได้ไม่ยากนัก หากแต่ลักษณะเสียงที่ต้องการ และการ Matching น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าแล้วละครับ
-
:) คุณภาพหูของผู้ฟัง ประเภทดนตรีที่ชอบ และความดังของเสียงที่ต้องการด้วย เป็นเรื่องหลักเชียวหละ :D
จริงครับช่างซ่อมเครื่องSTHILLเพื่อนพ่อผมคนนี้เป็นช่างซ่อมที่หาตัวจับยากมากในจังหวัด เขาใช้หูในการวิเคราะห์อาการเสียของเครื่องฟังแล้วซ่อม.
เขาชอบเครื่องเสียงมากชนิดขาดเครื่องใม่ใด้เลย ขนาดเซอร์วิน-เวก้า 12" 105dB ยังใม่รู้สึกว่าดังเลยครับจนเมียมาเบิรดกะโหลกนั่นแหละครับถึงรู้ว่ากเปิดหดังเหรอว..เนี่ย :D
-
อีกประการครับ แอมป์ ที่ใช้หลอดเพนโทตต่อแบบเพนโทตค่า damping factor จะสู้หลอดไตรโอดไม่ได้ครับ ส่วนใหญ่จะต้องอาศัย NFB เข้าช่วยครับ :)
เช่นเดียวกับแอมป์ OTL ที่ใช้ NFB อย่างมากมายเพื่อให้ได้ค่า damping factor ตามที่ต้องการครับ แต่การต่อป้อนกลับก็มีปัญหาเรื่องเฟสตามมาอีกครับ
คิดแล้ว ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
อันนี้ผมกำลังสับสนครับ เพราะหลังจากที่ไปอ่าน tube cad มาแล้ว ผมสับสนว่าหลอด penthode นั้นน่าจะจัดให้ให้อยู่ในหมวด current amplifier หรือ Voltage amp กันแน่ ซึ่งถ้าเรามองเป็น current ampแล้ว การที่มี output impedance สูงมากจนใกล้เป็น infinity นั้น ถือว่าเป็น current amp ที่ดีครับอัตราสัดส่วน damping คงต้องใช้อีกสูตรแน่นอน..... รบกวนท่านผู้รู้อธิบายประเด็นนี้ทีครับ :) คุณภาพหูของผู้ฟัง ประเภทดนตรีที่ชอบ และความดังของเสียงที่ต้องการด้วย เป็นเรื่องหลักเชียวหละ :D
ถูกต้องเลยครับ ถ้ามีขวดเขียวละก็จะดีขึ้นอีกหลายเท่าเลย อิอิอิ :drunk
-
plate impedance ของ pentode เวลาต่อกับ opt แล้ว impedance รวมจะใกล้เคียงกับ impedance ของ primary ของ opt นะครับ damping factor เหลือ 1 (หรือน้อยกว่า?) การใช้ NFB ก็ช่วยลด output impedance ได้ แต่ผมจำสูตรไม่ได้แล้วละครับ
ผมเคยต่อแอมป์ ultralinear โดยสามารถให้ปรับ feedback ได้ ก็สะดวกดีครับ เอามาใช้กับพวก full range ก็ปรับ feedback น้อยๆ bass ก็มีเนื้อหน่อย พอใช้กับพวกธรรมดา ก็ปรับ feedback เยอะหน่อย ให้ bass มัน damp ได้
-
เราสามารถเพิ่มได้ โดยการใส่ NFB เข้าไป ซึ่งจะทำให้ output impedance ลดลง ทำให้ damping factor มากขึ้นครับ
ตรงนี้ผมไม่ทราบ ทฤษฎี ครับแต่ Amp 845 ผมใส่ NFB แล้วเสียงดูนุ่มเนียนดี ครับ O0