HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: ขุนจิต ที่ 01 สิงหาคม, 2007, 07:36:06 am
-
มาเริ่มตัวแรกเลย
เป็นสูตรสำเร็จที่ผ่านมาที่ นิยมกัน
http://www.thaiavzone.com/index2.html
http://www.thaiavzone.com/avzonepro.shtml
http://www.piyanas.com/test_product1.php?cat=4&id=29
สินค้าที่มีอยู่ในหมวด เครื่องกรองไฟ
1.Power Stream 1000 ราคา :: 10,600.00 บาท
2.Reference 5K
3.Reference 3K
4.IS-500 Plus Premium MK II ราคา 18,900 บาท
5.IS-500 Plus MK II ราคา :: 15,000.00 บาท
6.IS-500 Plus Premium
7..ACD-8 ราคา :: 5,600.00 บาท
1. เครื่องกรองกระแสไฟ AV-ZONE :: IS-500 Plus โดย..." การุณชาติ พุกกะเวส "
http://www.audio-teams.com/accessories/avzone_is500Plus/1.shtml
ขึ้นชื่อว่าเครื่องเสียงแล้ว หนทางที่จะทำให้เปล่งเสียงว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร จำต้องอาศัยการบริโภคกระแสไฟฟ้า 220 โวลต์เท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้านั้นก็จ่ายมาจากโรงไฟฟ้าวิ่งตามสายไฟวัดเลาะมาเรื่อยจนแยกมายังบ้านเรือนทั่วไป ก่อนจะแยกย้ายไปตามจุดที่เจ้าของได้กำหนดไว้ และด้วยเหตุที่กว่ากระแสไฟจะมาสู่จุดที่เสียบฟังเครื่องนั้นต้องผ่านอุปสรรคมากมาย เช่น คลื่นวิทยุ, คลื่นความถี่จากหม้อแปลงแบบ Switching และเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูงต่าง ๆ จนทำให้มีขยะปลอมปนเข้ามาในระบบไฟฟ้าด้วย ทำให้กระแสไฟนั้น "สกปรก " ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป และเป็นตัวบั่นทอนคุณภาพที่จะวัดคุณภาพของเครื่องเสียงต่าง ๆ ได้อย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าในแต่ละเครื่องเองจะมีวงจรกรองไฟอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแบบง่าย ๆ ขึ้นกับระดับของเครื่องเล่นเอง (เพราะถ้าออกแบบให้ดีจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก) ซึ่งนั่นยังไม่พอเพียงที่จะทำให้กระแสไฟนั้นสะอาดหมดจด
ทาง AV-Zone ได้คิดค้นเครื่องกรองกระแสไฟแบบมีหม้อแปลงด้วย เพื่อทำการ " กรอง " กระแสไฟฟ้าให้สะอาดมากกว่าที่เคยเป็น มีด้วยกัน 3 รุ่น คือ IS-500 / IS-500 Plus และ IS-500 Plus Premium ส่วนรุ่นที่นำมาทดสอบคราวนี้คือ AV-Zone IS-500 Plus ซึ่งอยู่ตรงกลางครับ
คุณสมบัติพิเศษ
แยกกระแสไฟขาเข้าและขาออกอย่างอิสระด้วยหม้อแปลง ทำให้ขยะถูกบล๊อคโดยหม้อแปลงที่แยกไว้ กระแสไฟขาออกจึงมีแต่ความบริสุทธิ์ มีฟิลเตอร์กรองขยะ 2 ชุด เพื่อลด Switching Noise, Background Noise, Ground Loop
จ่ายกระแสไฟทั้งระบบภาพและระบบเสียง
ปลั๊กเต้าเสียบสำหรับจ่ายไฟใช้ชนิดเกรดสูงของ National 2 ตัว (4 จุด) ใช้ได้ทั้งขากลมและแบน
มีวงจรป้องกันการซ๊อตของเครื่อง
สายไฟเอซีแบบ 3 ขา IEC สามารถใช้สายไฟเอซีคุณภาพสูงมาต่อพ่วงได้ทันที
ประกอบในประเทศไทย โดยใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ทัดเทียมสินค้าจากต่างประเทศที่มีราคาสูงกว่า 3-5 เท่าตัว
ข้อมูลจากบริษัท
AV-Zone IS-500 Plus เป็นอุปกรณ์ AC Line แบบ Passive Isolator-Noise Filter ที่แยกกระแสไฟ 220 โวลต์ขาออก จากไฟ 220 โวลต์ขาเข้าอย่างอิสระ สัญญาณรบกวนที่มาในกระแสไฟจะถูกบล๊อคโดย Isolated Transformer ไม่ถูกจ่ายออกไปที่ภาคขาออก ทำให้อุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วงได้รับกระแสไฟที่บริสุทธิ์ ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็มที่ มีความผิดเพี้ยนน้อยลงไปมาก อีกทั้งภายในยังบรรจุ Wide Band AC Noise Filter ถึง 2 ชุด (2 Stages) ที่ได้รับมาตรฐาน UL, CSA ที่สามารถลดทอนสัญญาณรบกวนในย่านความถี่ 100 KHz -30 MHz ได้สูงเกินกว่า 40 dB
AV-Zone IS-500 Plus ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่ภายใต้กล่องสี่เหลี่ยม ทำจากเหล็กหนา พ่นสีดำ ด้านหน้าที่มุมซ้ายบนพิมพ์ข้อความ Precision Isolator-Noise Filter ด้านล่างไปหลอดไฟนูนออกมาเพื่อแสดงสภาวะการทำงาน ล่างสุดเป็นสวิตช์เปิดปิดแบบโยกขึ้นลง ตัวโยกเป็นพลาสติกแข็งสีส้ม กึ่งกลางเครื่องจะระบุยี่ห้อ ส่วนมุมขวาสุดเป็นเต้ารับแบบ Universal ของ National เกรดสูง 2 ชุด (ต่อได้ 4 เครื่อง) แยกเป็นชุดของ Video และ Audio ซึ่งจ่ายไฟได้ 800 วัตต์และ 500 วัตต์ตามลำดับ ด้านใต้เป็นชื่อรุ่น
ฝาด้านบนที่มุมเครื่องซ้าย/ขวา มีรูระบายอากาศ 2 ข้าง
ด้านหลังมีข้อความระบุคุณสมบัติสำคัญไว้ที่ด้านซ้าย ส่วนด้านล่างมุมขวาเป็นสายไฟเอซีแบบถอดได้มี 3 ขา IEC เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถอัพเกรดใส่สายไฟเอซีพิเศษได้ ด้านบนเป็นช่องใส่ฟิวส์
ด้านล่างมีลูกยางยกลอย 4 จุด
AV-Zone IS-500 Plus
ราคาขายประมาณ 11,500 บาท สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ www.thaiavzone.com ครับ
สเปคของเครื่อง
จ่ายกำลังได้สูงสุด audio/Video 500/800 วัตต์ต่อเนื่อง
ขนาดของ EMI Noise Filter 20 Amp
สามารถลด Normal/Common Noise 50 dB
กำลังไฟฟ้าที่ใช้ 220 VAC +/- 10% 50/60 Hz
ขนาด กว้าง 10 ลึก 8 สูง 5.5 นิ้ว
น้ำหนัก 11 กิโลกรัม
เครื่องกรองกระแสไฟ AV-ZONE :: IS-500 Plus
โดย..." การุณชาติ พุกกะเวส "
Page 2....
เครื่องเล่นดีวีดี Aconatic AN-2130 (M) (โมดิฟายเต้ารับเป็น 3 ขา IEC ที่มาพร้อมฟิลเตอร์กรองขยะ สายต่อภายในจากเต้ารับลงแผงวงจรใช้สายโมดิฟายของ Cardas) สลับกับดีวีดี Arcam DV88P ด้านบนทับด้วย Brightstar Little Rock ด้านล่างรองด้วยทิปโท Stillpoint 3 จุด เอาด้านสีขาวเข้าหาตัวเครื่อง วางอยู่บนชั้นวาง Target ชั้นที่ 3 จากที่มีความสูงทั้งหมด 5 ชั้น ใช้สายไฟเอซี Van Den Hul M.C. THE MAINSSTREAM HYBRID (หัว Hubbell 8656E / ท้าย Schurter) ต่อเข้าปลั๊กกรองไฟ AV-Zone IS-500 Plus ที่ช่อง Video ปลั๊กกรองไฟ AV-Zone IS-500 Plus ใช้สายไฟ เอซีใช้ของ Audio Power PL-313 เสียบเข้าที่กำแพงใช้เต้ารับ Wattgate 381 (ตัวแรก-ช่องที่ 1)
โปรเจคเตอร์ Sanyo PLV-Z1 วางบนชั้นวาง Target ชั้นที่ 4 สลับกับโปรเจคเตอร์ Panasonic PT-AE 100 E ซึ่งวางที่ชั้นบนสุด (ชั้นที่ 5) ปลายด้านเข้าเครื่องเป็นทรงดอกจิกต่อออกมาผ่านกล่องเต้ารับที่โมดิฟายให้ปลายเป็นแบบ IEC ซึ่งเป็นของ Acme (ที่คุ้มค่าเงินที่สุด) เพื่อสามารถใช้สายไฟเอซีพิเศษได้ ซึ่งผมใช้สายไฟเอซี Supra LoRad (หัว Hubbell 8656E / ท้าย Schurter) ต่อเข้าตัวคุมไฟ/กรองไฟ Silicon VR-100Ie สายไฟของ Silicon VR-100Ie เป็น Coral-Krell (หัว Hubbell 8215 CT / ท้าย Schurter) เสียบต่อเข้าที่ปลั๊ก Wattgate 381 (ตัวแรก-ช่องที่ 2)
ต่อมาลองสลับ AV-Zone IS-500 Plus มาต่อคั่นให้โปรเจคเตอร์กับตัวคุมไฟ สายไฟของ AV-Zone IS-500 Plus ใช้สายไฟเอซี Discovery (หัว Hubbell เหลี่ยมดำ / ท้าย Schurter) นอกนั้นคงเดิม
สายภาพ VGA-VGA M/M (หัวตัวผู้ทั้ง 2 ด้าน) เป็นของ Canare ปลายสายใส่กระบอก JM 1 กระบอก
สาย Component เป็น AV-Zone รุ่นพิเศษ ร้อยผ่าน Hi-Fi Trick ที่เจาะเป็น 3 ช่องแล้ว (ปกติมี 2 ช่อง) สลับกับ Monster MV-2CV
จอเป็น Da-Lite รุ่น Class Rite เนื้อจอ Matte White ค่าเกน 1.0 ขนาด 70x70 นิ้ว (จัตุรัส) แต่ดึงออกมาให้เป็น 16:9 วัดขนาดได้ประมาณ 80 นิ้ว
สายดิจิตอล MIT Digital Reference สลับกับ Canare Digiflex Gold II และ Supra Trico ร้อยด้วยท่อ Floaters
เอ/วี รีซีฟเวอร์ Marantz SR-6300 เสียบตรงเข้า Wattgate 381 (ตัวที่สอง-ช่องที่ 1)
ช่วงสุดท้าย เพิ่มเพาเวอร์แอมป์ Adcom GFA-7000 THX เข้าไป ใช้สายสัญญาณ 5 เส้นของ Alpha Core รุ่น Micro Purl (Copper-ประกอบสำเร็จจากนอก) สายไฟเอซีเป็น AudioQuest NRG-2 (หัว Hubbell 8656E / ท้าย Schurter)
ชุดลำโพง Soken DT-290/280/270 คู่หน้ารองด้วยทิปโท Michell ชนิดแบน และ JJ Silver Cone คู่หลังวางบนขาตั้ง Audio Arts สูง 24 นิ้ว ส่วนเซ็นเตอร์วางบนขาตั้ง Target รุ่น HM สูง 20 นิ้ว โทอินเข้าหาจุดนั่งฟัง
ต่อมาเปลี่ยนเป็นชุดลำโพง Celestion 7 MK II คู่หน้าวางบนขาตั้ง Target ST 50 ส่วนลำโพงเซ็นเตอร์ Center 2 วางบนขาตั้ง Triangle สูง 23.6 นิ้ว ยิงเสียงเข้าหาจดนั่งฟังด้วยทิปโท Michelle ทรงจานบินที่ด้านหน้า 2 จุด ส่วนคู่หลังเป็น Celestion 7 MK II คู่หน้าวางบนขาตั้ง Target HM 50 รองใต้ลำโพงด้วยทิปโท Michelle 3 จุด และโทอินเข้าหาจุดนั่งฟังพอสมควร
สายลำโพงทั้งชุดเป็น Monster MCX-2S (ซิงเกิ้ลไวร์) ยกลอยเหนือพื้นด้วยแท่งยาง Hi-Fi Trick
ซับวูฟเฟอร์ Velodyne VA-810 X สลับกับ CHT-12 มีอิฐ VPI db-5 วางบนหลังตู้ 1ก้อน เสียบสายไฟเข้าที่ปลั๊ก Wattgate 381 (ตัวที่สอง-ช่องที่ 2) และใช้สายสัญญาณ Monster Cable M351 SWHT
เสียบกระบอก X-Filter 1 กระบอก ที่ตัวคุมไฟ Silicon VR-100Ie เวลาฟัง ทาน้ำยา XLO : TPC ที่ขั้วต่อ ต่าง ๆ ไม่ลืมแยกสายต่าง ๆ ห่างจากกัน และยกลอยเหนือฟื้นพรมเท่าที่จะทำได้
ห้องฟังมีขนาด 4 x 5 x 2.5 เมตร ผนังฉาบปูนเรียบ มีฟองน้ำหุ้มผ้าสีดำติดอยู่ที่ผนังด้านซ้าย-ขวา และที่เพดานห้องช่วงลำโพงคู่หน้า เพื่อลดเสียงสะท้อน พื้นปาร์เก้ต์มีพรมแบบบางปูบางส่วน มีแผงดิฟฟิวเซอร์ร่องกลาง 2 แผงวางใกล้ ๆ ลำโพง มีชั้นวางหนังสือขนาดกลางอยู่บริเวณด้านหลังจุดนั่งฟังด้วย ควบคุมอคูสติกด้วย Room Tune (ของแท้) 4 แท่ง กับ Echo Tune 4 อัน
เครื่องกรองกระแสไฟ AV-ZONE :: IS-500 Plus
โดย..." การุณชาติ พุกกะเวส "
Page 3....
แม้ว่าจะดูเหมือนใช้งานง่าย แต่จะต้องใช้ให้ถูกต้องตามลักษณะการออกแบบ มิฉะนั้น AV-Zone IS-500 Plus จะไม่ได้ประสิทธิภาพที่สูงสุดของเครื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีบอกไว้ในคู่มือแล้ว เช่น การต่อควรใช้ AV-Zone IS-500 Plus 2 เครื่องต่อแยกระหว่างระบบภาพ และระบบเสียง ถึงแม้ว่าจะดูสิ้นเปลือง แต่การต่อแบบนี้จะเป็นการต่อแยกระบบอย่างแท้จริง แต่ถ้างบจำกัดใช้แค่ 1 ตัว แล้วต่อช่องให้ถูก คือ อุปกรณ์ที่ใช้ภาคจ่ายไฟแบบสวิชชิ่งควรต่อเข้าที่ช่องที่เขียนว่า Video ขณะที่อุปกรณ์ที่เป็นภาคจ่ายไฟแบบทั่วไป (หม้อแปลง) ให้ต่อเข้าช่อง Audio
ตอนที่ผมยก AV-Zone IS-500 Plus กลับมาบ้านเพื่อทำการเบิร์นอิน เนื่องจากเป็นตัวใหม่แกะกล่อง คนใกล้ตัวถามว่าทำไมต้องเกร็งขนาดนั้นด้วย ผมก็วางเครื่องลง แล้วบอกให้ลองยกดู และแล้วก็ถึงบางอ้อ..ครับ
เมื่อต่อเข้ากับทีวีในห้องนอน พบว่า ภาพนั้นจะมีความสะอาดขึ้นเล็กน้อย สัญญาณรบกวนน้อยลงพอสมควร เมื่อดูผ่านรายการทั่วไปของ UBC ระบบ CaTV จนเมื่อครบระยะราว 120 ชั่วโมง จึงยกไปที่ห้องโฮมเธียเตอร์เพื่อต่อเข้าระบบ โดยยกปลั๊กกรองไฟของนอกที่ผมใช้อยู่ออกไป แล้วนำ AV-Zone IS-500 Plus เข้ามาแทนที่ จากนั้นลองฟังดู
โดยต่อเฉพาะเครื่องเล่นดีวีดี จากเรื่อง Hero (โซน 3 NTSC) หลังจากที่ฟังแล้ว พบว่า AV-Zone IS-500 Plus ให้น้ำเสียงที่ดี ปลายแหลมใสสะอาด ไม่แห้ง แบบเครื่องกรองทั่วไป รายละเอียดที่แผ่วเบายังคงอยู่ ไม่ถูกกรองจนหายไป เสียงกลางนุ่มนวล ไม่แห้งไม่แข็ง ขณะที่เสียงเบสนั้น เด้งตัวดี แต่เสียงทุ้มตอนกลางจะติดบางไปบ้าง ทำให้ขาดความอิ่มแน่นไปเล็กน้อยกับบางชุด แต่มีความชัดเจนของหัวโน๊ตดี
เวทีเสียงที่กลมกลึง รูปนั้นเป็นทรงกลม วางตำแหน่งได้น่าประทับใจ หลุดเลยลำโพงไปได้
เรื่อง 1001 Pattes (โซน 2 PAL) ให้เสียงที่ลื่นไหล แพนทิศทางได้ถูกต้อง โฟกัสชัดเจน ไม่โหว่หรือพร่าเลือน มิติสูงต่ำสอดคล้องกับภาพที่ปรากฏบนจอได้ดี ไม่มีวูบวาบ ในด้านภาพนั้น มีเม็ดสีที่เนียนตา อิ่มเอิบ สดใส มีสัญญาณรบกวนน้อยมาก จนแทบไม่รู้สึกว่ามีเลย แสงเงาเป็นธรรมชาติ ไฮไลต์ดี
เมื่อสลับมาต่อคั่นที่โปรเจคเตอร์ ดูแผ่น 20 ปีคาราบาว (โซน 2-6 PAL) ให้ภาพที่สะอาด สัญญาณรบกวนและการบีบอัดของเม็ดสีมีน้อย มิติตื่นลึกดี
ผลต่างทั้งภาพและเสียงนี้ ช่วงแรกที่ใส่เข้าไปอาจไม่รู้สึกว่าจะต่างอะไรมากมาย หากแต่เมื่อใส่ AV-Zone IS-500 Plus ไว้ในระบบสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็ถอด AV-Zone IS-500 Plus ออกไป คราวนี้ละครับ รู้สึกได้ทันทีครับ ว่าภาพนั้นหยาบกร้านขึ้น สัญญาณรบกวนมีชัดเจนขึ้น เสียงก็ไม่สะอาดเหมือนเดิม มีอาการแข็งเจือปนเข้ามาครับ
เครื่องกรองกระแสไฟ AV-ZONE :: IS-500 Plus
โดย..." การุณชาติ พุกกะเวส "
Page 4....
AV-Zone IS-500 Plus นี่เป็นสินค้าของคนไทย เพื่อคนไทย โดยคนไทย ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมอีกชิ้นหนึ่งที่ผมได้สัมผัสมา ซึ่งถ้าคุณเป็นคนไทย แล้วไม่สนับสนุนคนไทยด้วยกันเองแล้ว
จะให้คนชาติไหนมาสนับสนุนละครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นพวกบ้าของนอก ของแบรนด์เนม เมื่อมาเจอกับ IS-500 Plus แล้วเตรียมถอยหนี หรือส่ายหน้าลูกเดียว บอกได้เลยครับว่า นักเล่นกลุ่มนี้พลาดโอกาสบางอะไรไปอย่างน่าเสียดายครับ
แต่ถ้าคุณเป็นนักเล่นที่จิตใจเป็นธรรม ยอมรับได้ว่าคนไทยมีฝีมือ มีความสามารถ อย่างเช่นตัวกรองไฟ AV-Zone IS-500 Plus เครื่องนี้ ที่ผมอยากจะกล่าวว่านี่เป็นเครื่องเสียงที่ผลิตในบ้านเราที่ยอดเยี่ยมที่สุดเครื่องหนึ่ง และประการต่อมา เป็นผลิตภัณฑ์ด้านตัวกรองไฟซึ่งเป็นต้นทางของเครื่องเสียงในซิสเต็ม ซึ่งมีความสำคัญมาก อันจะส่งผลต่อระบบโดยรวมในทางบวก (ดีกว่าไปเน้นที่ปลายทาง เช่นสายลำโพงแพง ๆ นะครับ) และประเด็นสุดท้าย ไม่ใช่ผมเห็นว่าเป็นสินค้าไทยเลยชื่นชมอย่างเสียไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าไปเขียนทดสอบจะดีกว่า เพราะหลังจากที่ผมลองเทียบกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะคล้ายกัน แต่มีราคาแพงกว่า นั้น AV-Zone IS-500 Plus ก็สามารถยืนยันได้จนถึงช่วงสุดท้ายโดยไม่ได้ถูกน๊อคเอ้าท์ไปตั้งแต่เริ่ม ซึ่งถือว่า น่าประทับใจแล้ว ส่วนสไตล์เสียงเมื่อเทียบกับต่างมีจุดดีจุดด้อยคนละแบบ คราวนี้ต้องขึ้นกับความชอบของคุณเองละครับว่ารักใคร่ชอบพอแบบไหนครับ
กระซิบดัง ๆ ว่า หากคุณเล่นโฮมเธียเตอร์แล้ว กรุณาหา AV-Zone IS-500 Plus ไว้ใช้งานสักตัวเถอะครับ (ต่อเฉพาะดีวีดี) รับรองเห็นผลต่างแน่นอน ส่วนช่องที่เหลือปล่อยว่างไว้ อย่าไปเสียบจนเต็ม แต่ถ้าต้องการให้อุปกรณ์อื่น ๆ ในซิสเต็มผ่านตัวกรองด้วย แนะนำให้ซื้อ AV-Zone IS-500 Plus มาเพิ่มเข้าไป 1 จุด ต่อ 1 เครื่อง เพื่อผลสูงสุดในการจ่ายไฟ อ่านแล้วอาจดูว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่ถ้าหากได้สัมผัสด้วยโสตประสาทแล้วรับรองจะติดใจครับ
แถมสามารถเลือกอัพเกรดเต้ารับ, ยี่ห้อของตัวฟิลเตอร์กรองขยะได้ตามชอบ ซึ่งตรงจุดนี้ต้องสอบถามผู้ผลิตโดยตรงครับ
หมายเหตุ :
ขอขอบคุณ ร้าน AV-ZONE โทร. 0-2552-3901
ที่ได้อนุเคราะห์ให้ยืมเครื่อง AV-Zone IS-500 Plus มาให้ทดสอบ
" การุณชาติ พุกกะเวส"
กันยายน 2546
ตัวนี้ ขอแซวพี่หมอใหญ่ ก็ยังคงมีอยู่ครับ แถมผมนำบางตัวไปกัดก็ยังเรียกว่าลดต้นคอกันอยู่
-
ตัวที่ 2 ก็โด่งดังมากใน 2 ปี่ที่แล้วครับ
1.Shunyata Research Hydra II 18900 บาท
2.Shunyata Research Hydra 4 29900 บาท
3.Shunyata Research Hydra 6 39900 บาทhttp://www.onhifi.com/product/shunyataresearch_hydra.htm
4.Shunyata Research Hydra 8 89900 บาทhttp://www.soundstage.com/revequip/shunyata_hydra_8.htm
http://www.shunyata.com/
http://www.soundstage.com/revequip/shunyata_vray_followup.htm
ส่วนหลังจากนี้ก็เปลี่ยนรุ่นไปเรียบร้อย
ใครมีเป็นเจ้าของเก็บไว้ให้ดี มีข่าวแว่วมาว่า ของเก่าดี กว่าของใหม่ จริงหรือเท็จอย่างไร
คงต้องมาพิสูนจ์กันอีกครั้ง
http://www.audio-teams.com/accessories/shunyataHydra2/1.shtml
2. Shunyata Research Hydra II
โดย..." Gold Lighton"
E-Mail :: grreview@hotmail.com
ราวต้นเดือนก่อน พรรคพวกที่รู้จักกันสมัยเรียนมัธยมได้แวะเวียนมาหาผู้เขียน จึงได้นัดแนะกินกาแฟที่ร้านประจำ ด้วยความที่ไม่ได้เจอะเจอกันมาสิบกว่าปี ประเด็นในการสนทนาจึงหลากหลายตามประสาเพื่อนเก่าแต่ยังไม่แก่
พอคุยจบเรื่องสารทุกข์สุกดิบ ถามไถ่ข่าวคราวเพื่อนฝูง เจ้าเพื่อนตัวดีก็เปิดประเด็นสอบถามเรื่องการงาน ทีแรกคิดว่าจะดูดวงให้ นึกอยู่ในใจ 'ไอ้เพื่อนคนนี้เข้าท่า หน้าตาเรียบๆอย่างนี้ นึกไม่ถึงว่าจะหันมาดูดวง' แต่ฟังได้ไม่นานก็จับใจความได้ว่า เดี๋ยวนี้เพื่อนได้ผันตัวมาทำธุรกิจแนวใหม่ เพราะเบื่อหน่ายกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน ไอ้เราฟังแรกๆก็ตื่นเต้น ตั้งใจฟังอยู่พักใหญ่
สามชั่วโมงผ่านไป...พอจับไต๋ได้
อ้อ...ที่แท้ก็ธุรกิจขายตรงกลายพันธุ์ ถึงว่าสิ, ไม่อย่างนั้นคงไม่ดั้นด้นมาหาเพื่อนเก่าแน่นอน แต่เอาเถอะ ไหนๆก็ตกกระไดพลอยโจนเข้าให้แล้ว ฟังเพื่อนขายของเสียหน่อยจะเป็นไรไป อยากรู้เสียจริงว่า เดี๋ยวนี้วงการธุรกิจขายตรงมีวิวัฒนาการไปถึงขั้นไหน
ต้องขอชมจากใจจริงครับ ธุรกิจขายตรงยุคนี้พัฒนาตัวเองขึ้นไปมาก สมาชิกประจำแต่ละคนจะถูกอบรมด้านจิตวิทยาการขายอย่างเข้มข้น มีความรู้แน่น สอนแนวคิดกันอย่างมีระบบชนิดตัวต่อตัว จะไม่เปิดประเด็นการขายเมื่อไม่มีจังหวะ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือเพื่อนเก่าของผู้เขียน กว่าจะเริ่มเข้าประเด็นการขายได้ เรียกว่าจากสุพรรณอ้อมขึ้นเชียงใหม่ เลี้ยวไปอุดร วกลงไปหาดใหญ่ แล้วค่อยตีรถด่วนกลับเข้ากรุงเทพ, เนียนจริงๆเพื่อนรัก
หลังจากรู้เจตนาเพื่อนแล้ว ความสนใจใคร่รู้ก็หมดไป เนื่องจากส่วนตัวผู้เขียนเคยลองศึกษาหลักการของอาชีพประเภทนี้ในเบื้องต้นแล้ว พบว่าไม่ตรงกับแนวทางการดำเนินชีวิตของตน แม้ไม่รู้สึกคัดค้าน แต่ก็ไม่ได้ยอมรับเสียทีเดียว
สัมมาอาชีพมามากมาย ถ้ารู้สึกว่า 'ไม่ใช่' ในผิวเผินที่สัมผัส ไม่ต้องศึกษาลงลึกไปกว่านั้นดอกครับ แค่นี้ก็มีเหตุผลและข้ออ้างเพียงพอ ที่จะส่งเสริมให้ผู้เขียนไม่หันไปประกอบอาชีพขายตรงได้อย่างแน่นอน
ตรงกันข้าม งานไหนที่ตนเองรูสึกว่า 'ใช่' ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะคัดค้านให้ผู้เขียนไม่ทำได้ ตัวอย่างเช่นงานเขียนที่ท่านผู้อานที่รักได้อ่านอยู่ตรงนี้นี่แหละครับ ต่อให้ไม่ได้เงินสักสลึง เขียนฟรีๆผู้เขียนก็จะทำ เพราะมันรักเข้ากระดูกดำจริงๆ
สำหรับท่านที่ประกอบสัมมาอาชีพขายตรงทุกท่าน อ่านบทความนี้แล้วอย่าคิดว่าผู้เขียนต่อต้านระบบขายตรง ผู้เขียนเคารพความคิดเรื่องสัมมาอาชีพของท่านพอๆกับที่เคารพสัมมาอาชีพของตัวเองนั่นแหละครับ ท่านที่ประกอบอาชีพขายตรงอยู่แล้ว และคิดว่า 'อาชีพนี่แหละใช่' ก็ขอให้ดำเนินตามอุดมการณ์ของท่าน และขออวยพรให้ทุกท่านที่อ่าน 'ลองเล่น' ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานเรื่อยไปนะครับ
กลับมาที่โต๊ะกาแฟตัวเก่า
หลังจากที่หาจังหวะปลีกตัวอยู่นานสองนาน หาจังหวะตัดบทแยกย้ายกลับบ้านไม่ได้สักที และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น ทำนองเสียงเรียกเข้าที่คุ้นหู บอกให้รู้ว่าศรีภรรยาได้จุดธูปเรียกตัวแล้ว (ไชโย!)
"นานแล้วนะ เมื่อไหร่จะกลับเสียที"
"จ้าๆ นั่งคุยกันเพลินไปหน่อยน่ะ เดี๋ยวกลับเลยนะ"
แม่เจ้าโว้ย! ขนาดโดนโทรฯตามแบบนี้ เพื่อนรักยังไม่วายทิ้งท้ายว่าคราวหน้าจะเอาเครื่องกรองน้ำไปสาธิต ด้วยความเกรงใจผู้เขียนจึงไม่ขัดข้อง เอาเถอะ, ให้ผ่านพ้นวันนี้ไปก่อนก็แล้วกัน
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง เพื่อนรักมาถึงบ้านพร้อมเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์สาธิตมากมาย แต่ที่น่าสนใจคือวิธีการนำเสนอนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากที่ผู้เขียนเคยประสบมาบ้างเล็กน้อย ดูๆไปก็เข้าท่าไม่หยอกเหมือนกัน
มันเป็นอย่างนี้ครับ, นอกจากเอกสารประกอบทางวิชาการที่ได้ท่องจำ ที่ทำความเข้าใจจนทะลุปุโปร่ง แม่นยำ ดุจดั่งเป็นผู้ออกแบบเครื่องกรองน้ำเอง ฟังไปก็เคลิ้มไปในสรรพคุณของน้ำที่ได้จากเครื่องกรองสุดวิเศษ ราวกับว่าแร่ธาตุที่ได้รับจากการบริโภคตั้งแต่ยังไม่ทันได้ดื่มนั่นเทียว (เราเองก็อยากจะบอกเพื่อนเหลือเกินว่า ถ้ามีสารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดจาก 'ชาเขียว' ผสมไว้ในใส้กรองฯ แล้วเปลี่ยนไปโน้มน้าวศรีภรรยาของเราแทน เราคงไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากอาการ 'ชาเขียวฟีเวอร์' ของเธอได้...ฮา) เพื่อนรักยังนำน้ำบรรจุขวดยี่ห้อดังหลายยี่ห้อ ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด มาสาธิตด้วยวิธีการเบสิกที่ผู้เขียนนึกไม่ถึง
นั่นก็คือการให้ 'ชิมเปรียบเทียบ' ครับ
นับเป็นไอเดียการสาธิตที่ค่อนข้างชัดเจนและตีประเด็นการเปรียบเทียบได้แตกจริงๆ และก็ไม่น่าเชื่อว่า หลังจากที่ผู้เขียนได้ลองชิมน้ำขวดต่างๆเปรียบเทียบกับน้ำกรองจากเครื่องกรองน้ำของเพื่อน ขวดไหนดีกว่า และดีกว่าอย่างไร ผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึงนะครับ ประเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเครื่องกรองน้ำไป แต่ที่ชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุด นั่นคือน้ำแต่ละยี่ห้อมีรสชาติที่แตกต่างกันชัดเจน
ครั้งแรกผู้เขียนเองก็ไม่สามารถจับความแตกต่างได้มากมายนัก แต่หลังจากการเปรียบเทียบแบบกลับไปกลับมาหลายครั้ง ความแตกต่างที่ว่าน้อย กลับชัดเจนและเป็นประเด็นมากขึ้น ทั้งที่เกือบทั้งหมดของน้ำที่นำมาให้ลองชิมนั้น ผ่านระบบการกรองด้วยระบบเดียวกันคือ RO (Reverse Osmosis) เกือบทั้งสิ้น
เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้เขียนไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย ทั้งๆที่ตัวเองก็ดื่มกินมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน รู้แต่ว่าแตกต่างกันบ้าง แต่ไม่ได้สังเกตและจดจำ
อย่างว่าแหละครับ, อาชีพใครก็อาชีพมัน
ลองให้ตั้งวงโม้เรื่องเครื่องเสียงกันบ้างสิ ผู้เขียนจะโม้ให้ให้ขี้หูแห้งๆของเพื่อน กลายขี้หูเปียกกันไปข้างหนึ่งกันเลย, ต้องให้มันรู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นใคร
พูดถึงเครื่องกรองน้ำ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเครื่องกรองไฟกันบ้าง จะใครที่ไหนได้ล่ะครับ ก็พรรคพวกตัวดีทั้งหลายที่สนิทสนมเป็นส่วนตัวของผู้เขียนนี่สิ สอบถามกันใหญ่ถึงเครื่องกรองไฟตัวล่าสุดจาก Shunyata Research "เกลอเป็นนักเขียนนักฟัง รู้จักตามข่าวสารเสียบ้าง ของมันออกมานานพอดูแล้ว" จริงของมัน พักหลังมานี้ผู้เขียนไม่ได้ตามข่าวคราวใหม่ๆในวงการเลย ทั้งที่เป็นคนวงในแท้ๆ ยังต้องให้พรรคพวกเป็นคนตักเตือน
"ฟังแล้ว อย่าลืมโทรฯมาบอกด้วยล่ะว่าน่าเล่นไหม เกลอเองก็ยังไม่ได้ฟังเหมือนกัน เห็นเขาว่าดี" อ้อ-นึกว่าไปลองฟังมาแล้ว, มันเข้าใจใช้คนจริงๆ
ไม่นานเกินรอ, เครื่องกรองไฟ Shunyata Research ก็ถูกส่งมาถึงมือผู้เขียน ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับ คุณชาญชัยแห่งร้าน Gramaphone 0-2302-0174 ที่ได้เอื้อเฟื้อเครื่องกรองไฟ พร้อมทั้งยังติดสายไฟยี่ห้อเดียวกันมาให้ถึงสองรุ่น
"เครื่องกรองไฟรุ่นนี้ใช้ Inlet 20 แอมป์ ผมจึงติดสายไฟมาให้ฟังประกอบอีกสองเส้น รุ่นเล็กสุดที่คุณถืออยู่นี่คือ Diamond Black อีกเส้นที่อยู่ข้างกันคือ Copperhead ลองฟังดูนะครับ" กล่าวเสร็จก็ร่ำลากันในทันที คนทำการค้ามีนิสัยชัดเจน ฉับไวเช่นนี้ น่าชื่นชมจากใจจริงครับ
เครื่องกรองไฟ Shunyata Research ตัวที่ผู้เขียนได้มานี้ รูปร่างรูปทรงเล็กกว่าที่ผู้เขียนคาดไว้พอสมควร ชื่อรุ่นของมันคือ Hydra Model2 ซึ่งอยู่ในอนุกรม Hydra ที่มีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ Hydra Model2, Hydra Model4, Hydra Model 6 และสุดท้าย Hydra Model8 ตัวเลขที่กำกับอยู่ด้านท้าย มีความหมายถึงจำนวนช่องเสียบที่เครื่องกรองไฟในแต่ละรุ่นนั่นเอง
ด้านกว้าง-ยาวที่เท่ากันคือ 5 นิ้ว ความสูงจากพื้นรวมขายางเพียง 2 นิ้วครึ่ง ตัวถังสีดำ ด้านหนึ่งมีเบ้าเสียบหรือที่เรียกกันว่า Inlet แบบ 20 แอมป์ ไม่ใช่แบบ 15 แอมป์ทั่วไป ด้านตรงข้ามติดตั้งเต้ารับมาตรฐานซึ่ง Shunyata Research ได้ออกแบบตัวโลหะนำกระแสด้วยตัวเอง นั่นพอจะคาดเดาในเบื้องต้นได้ว่า เครื่องกรองไฟ Hydra Model2 ตัวนี้ต้องมีอะไรที่ 'ไม่ธรรมดา' ซ่อนอยู่ภายในเป็นแน่
ส่วนจะแน่จริงหรือแน่เก๊, เดี๋ยวก็รู้กัน
ในเมื่อให้สายไฟมาถึงสองเส้น ทั้งยังเป็นสายไฟใหม่ ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน ขั้นตอนที่จำเจแต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวัดผล นั่นคือการเบิร์น ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าทั้งหมดจะเข้าที่เข้าทาง
แม้จะน่าเบื่อ แต่อยากเรียนท่านผู้อ่านที่รักไว้ประการหนึ่ง ข้อดีของการได้เบิร์นเครื่องหรืออุปกรณ์ตั้งแต่แรกเริ่ม ก็คือการได้สัมผัสช่วงเวลาแรกของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ท่านสามารถฟังและจดจำลักษณะโดยรวมของเสียงได้ระดับหนึ่ง พร้อมทั้งยังสามารถติดตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จนกระทั่งท้ายที่สุด คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเสียงอีก นั่นแสดงว่าเครื่องพ้นเบิร์นอินแล้ว ซึ่งช่วงเวลาแบบนี้ จะหาไม่สามารถหาฟังได้อีกตลอดไปจนกระทั่งเครื่องๆนั้นหมดอายุ
เหมือนการปลูกถั่วงอก กับการซื้อถั่วงอกนั่นแหละครับ แม้อย่างหลังจะสะดวก แต่อย่างแรกมันได้ความรู้สึกร่วมมากกว่า
ทั้งหมดใช้ไปไม่มากไม่มาย แค่ห้าหกร้อยชั่วโมงเองครับ
การใช้แผ่นเบิร์นนั้น จริงๆแล้วผู้เขียนจะเปิดในระหว่างที่ตนเองไม่ได้เข้ามาใช้งานชุดฯ นอกเหนือจากนั้น ก็จะเป็นการใช้งานกับแผ่นเพลงทั่วไปเท่าที่ต้องการจะฟัง แผ่นไทย แผ่นเทศ จะแผ่นออดิโอฟาย หรือไม่'ฟาย ฟังหมดมันทุกแผ่นที่อยากฟังนั่นแหละครับ
สำหรับแง่มุมการลองเล่นนั้น ผู้เขียนได้ต่อเชื่อมในหลายๆเงื่อนไข ตั้งแต่ใช้เป็นปลั๊กต้นทางจากสายไฟหลัก การต่อผ่านเฉพาะอุปกรณ์ ตั้งแต่แหล่งโปรแกรม ปรีแอมป์ สุดท้ายคือเพาเวอร์แอมป์ รวมไปถึงการใช้งานต่อกับระบบโฮมเธียเตอร์เพื่อวัดผลทั้งภาพและเสียง สลับสับเปลี่ยนไปมาตามวาระ โดยทั้งหมดจะต่อผ่านสายไฟทั้งสองเส้นของ Shunyata เอง ในช่วงคาบเกี่ยวที่ต้องการวัดผลลัพธ์แยกเฉพาะเครื่องกรองไฟเพียงตัวเดียว ก็จะใช้สายไฟที่คุ้นเคยเป็นการส่วนตัว โดยได้ติดต่อขอยืมสายไฟ Acoustic Zen Tsunami MKII ที่ใช้ขั้วปลั๊ก Wattgate 320HC 20 แอมป์ สลับกับใช้สายไฟ JPS Inwall (แดง) ที่มีใช้งานเป็นส่วนตัวอยู่แล้วประกอบการลองเล่นอีกชั้นหนึ่ง
ผลลัพธ์จากการใช้งาน?
น่าทึ่งมากครับ, เสียงมันคล้ายเครื่องกรองไฟทีเดียว ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าเหตุใดผู้เขียนจึงกล่าวเช่นนี้ เพราะตามปรกติที่เคยลองเครื่องกรองไฟหลายตัว ทั้งในระดับราคาที่ใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่า ผู้เขียนพบว่าจะเกิดสำเนียงอยู่ลักษณะหนึ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องกรองไฟร่วมอยู่ในชุดเครื่องเสียงนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกรองยี่ห้อไหน แบบใดก็ตาม
นั่นคือลักษณะของเสียงที่ถูก 'ฟอก' อย่างสะอาดเกินควร
ถ้าเครื่องกรองไฟมันพูดภาษาคนได้ มันคงจะกระแนะกระแหนผู้เขียนทำนองว่า "อ้าว! ก็ผมเป็นเครื่องกรองไฟนี่ครับเฮีย ไม่ได้เป็นทิปโท ไฟไม่สะอาดก็บ่น ไฟสะอาดเกินไปก็ว่า จะเอายังไงกันแน่(วะ)" แล้วถ้าผู้เขียนตอบโต้ได้ ก็จะสวนกลับไปว่า
"ที่ต้องการจริงๆคือ 'ซัก' ให้สะอาด ไม่ใช่ให้ 'ฟอก' เสียจนซีดเซียว" แล้วถ้าโชคดีผู้อ่านเกิดไปเจอคนบ้านั่งคุยกับเครื่องกรองไฟ โต้ตอบไปมาภาษามนุษย์ต่างดาว ท่านก็ไม่ต้องสงสัยละครับ
ไอ้บ้านั่น, มันก็คือผู้เขียนนี่เอง
กลับมาที่ 'ฟอก' กันต่อ, ลักษณะของเสียงที่ถูกฟอกเกินควร ก็ไม่ต่างกับการนำน้ำประปาไปกลั่นนั่นแหละครับ เราท่านก็ทราบดีอยู่ ว่าน้ำกลั่นนั้นมีความบริสุทธิ์เพียงไหน หากแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน ท่านผู้อ่านคิดจะบริโภคน้ำกลั่นหรือไม่ ถ้าไม่, เพราะเหตุใดกันเล่า? หากไม่ใช่เพราะมันสะอาดเกินธรรมชาติ
ในบางแง่มุม บางท่าน ถึงกลับขวนขวายหาน้ำแร่มาดื่ม ทั้งที่รู้ว่ามันไม่สะอาด ซ้ำยังมีแร่ธาตุปะปนอยู่พอสมควร อีกทั้งราคาขายก็สูงกว่าน้ำกรองทั่วไปหลายสตางค์อยู่ นั่นไม่ใช่เพราะหวังว่าแร่ธาตุที่มีในน้ำ จะซึมซาบเข้าสู่และก่อประโยชน์แก่ร่างกายเราดอกหรือ และถ้าใช่ด้วยเหตุผลดังนี้ เครื่องกรองไฟที่ 'ฟอก' ไฟฟ้าเสียสะอาดเอี่ยมอ่องเกินเหตุตามหลักการ มันถูกต้องอยู่ตามหลักที่ตั้งขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อเสียบเครื่องกรองไฟเข้าในชุดฯเมื่อใด เป็นอันต้องจั๊กกะจี้รู้หูทุกครั้งไป
เช่นนี้แล้ว ท่านจึงเคยได้ยินนักเล่นหลายคน ตื่นเต้นในครั้งแรกที่ได้เครื่องกรองไฟเข้าร่วมกับชุดเครื่องเสียง ชื่นชมไปต่างๆนานาว่าเสียงดีอย่างนั้น อย่างนี้ นานวันเข้ากลับต้องผ่องถ่ายเครื่องกรองไฟตัวนี้ออกไป ด้วยเหลุผลเดียวกันกับที่ผู้เขียนได้อธิบายเปรียบเทียบไปข้างต้น
แปลกันตรงก็คือเสียงมันโดนฟอกจน 'เสียงแห้ง' นั่นแหละครับ
เกริ่นเสียหลายย่อหน้า เพียงเพราะผู้เขียนต้องการจะสื่อสารให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า Model2 ตัวนี้มี น้ำเสียงที่เปิดเผย โปร่งใสตามแบบฉบับที่เครื่องกรองไฟชั้นดีควรมี หากแต่มันไม่ทำให้เสียงทั้งหมด ถูกฟอกจนขาดหางเสียงและบรรยากาศ จนล้ำไปถึงนิยามของคำว่าเสียงแห้งนั่นเอง
เรียนย้ำตรงนี้ว่า ห่างไกลไม่น้อยสำหรับนิยาม 'เสียงแห้ง' ที่อ้างถึงครับ
น้ำเสียงทั้งหมด สดใส เปิดโปร่ง ให้ลักษณะที่ค่อนไปทางโทนสว่าง โดยปราศจากอาการเจิดจ้า กร้าวแข็ง หรือจัดจ้านแน่นอน อิมเมจที่กะทัดรัดลงเล็กน้อย ประกอบกับพื้นอากาศที่สะอาดใส รองรับตัวเสียงนั้นๆให้รับรู้ได้เป็นทรวดทรงสามมิติ แยกแยะรายละเอียดที่เกิดขึ้นในบทเพลง ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินชนิดที่หมดแผ่นไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันทีเดียว
เอ...หรือเพราะไม่ได้สนใจจะฟังเพลงกันแน่
มิได้เป็นเช่นนั้นแน่นอนครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ผู้เขียนได้สอบทานอีกครั้งด้วยแผ่นเพลงบัลลาดทำนองเนิบช้าอีกหลายแผ่นด้วยกัน ลักษณะอาการที่ว่านี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนผันไปแม้แต่น้อย ยิ่งฟังเพลินเช่นนี้ เล่นเอาผู้เขียนลืมกินข้าวไปหลายมื้อ จะว่าเป็นเหตุในการลดความอ้วนก็ไม่ใช่เสียด้วย
นั่งสงสัยตัวเองอยู่นานสองนาน มารู้ตัวทีหลังก็ครั้งที่ย้าย Model2 ออกไปเล่นกับชุดโฮมฯนั่นแหละครับ เสียงของ Eileen Farrell ที่ร้องในลีลาที่ออดอ้อนเนิบช้าในชุดฟังเพลง กลับร้องแบบไร้อารมณ์เอาดื้อๆ รีบร้องรีบเล่นให้จบนั่นเทียว เหมือนที่เขาว่า "ร้องแบบสามีมารออยู่หน้าร้าน" ยังไงยังงั้น
นี่ทำให้ผู้เขียนทราบในทันที คุณสมบัติด้านคอนทราสต์จากการใช้ Model2 นั้นเข้าข่าย 'ไม่ธรรมดา' และก็หาไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอุปกรณ์ประเภทเครื่องกรองไฟ เรียกได้ว่ากำเงินจำนวนเท่ากันไปซื้อเครื่องหลักในวันนี้ คงจะหาที่มีคุณสมบัติด้านคอนทราสต์ที่ซอยลำดับความอ่อน-แก่ ดัง-ค่อย หนัก-เบาของเสียงได้ละเอียดยิบเพียงนี้, งมเข็มในแม่น้ำดูจะง่ายกว่ากระมัง
คอนทราสต์ที่ละเอียดและราบรื่น ส่งผลโดยตรงกับการถ่ายทอดไทมิ่ง ทำให้บทเพลงที่เร็ว คึกคักฉับไว ฟังดูสนุกสนานเร้าใจ ตบเท้าเข้าจังหวะเพลงไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกัน มันก็ช่วยให้ลีลาที่อ่อนหวาน พิรี้พิไรของนักร้องสาวพราวเสน่ห์ ฉอเลาะ อ้อยสร้อยกินใจขึ้นอีกเป็นกอง
มันถึงเดือดร้อน (หู) ก็ตอนที่ถอดปลั๊กยังไงละครับ
เมื่อขึ้นชื่อลือชาเรื่องความสะอาด ความใส และมีคอนทราสต์ที่ละเอียด การเว้นช่องว่างช่องไฟในเชิงมิติมายาทางเสียง ก็ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษ นี่ถ้าเชิญท่านผู้อ่านมานั่งตรงที่ผู้เขียนฟังอยู่นี้ ท่านคงคิดแบบเดียวกันแน่นอน
ก็แหม...มิติกว้างลึกไม่ต้องพูดถึง มันไม่ได้ไปขยายวงหรือสัดส่วนเวทีเสียงให้แผ่ล้นชนผนังเช่นที่เกิดขึ้นกับเครื่องหลักหรืออุปกรณ์อื่น ถ้าต้องการคุณสมบัติอย่างนี้ ไม่ต้องหาจากเครื่องกรองไฟชั้นดีนะครับ สายไฟที่ดีเด่นในทางนี้ มีให้เลือกหามาใช้งานบานกระบุง แต่จุดที่ Model2 ทำงานนั้น ลึกล้ำแยบยลไปกว่าที่สายไฟราคาเท่ากันหรือสูงกว่าทำได้ตรงที่มันไปขจัดปัดเป่าหมอกควันที่ขุ่นหนาจนกลบรายละเอียดในบริเวณขอบเวทีโดยรอบ ทำให้เวทีเสียงมันกว้าง-ลึกอย่างที่ควรจะเป็นต่างหาก, ตรงนี้สิแน่จริง
ที่น่าติดตามไม่แพ้กัน สำหรับท่านที่ชื่นชอบหรือสะสมแผ่นประเภทเน้นมิติเสียง เน้นตำแหน่งแห่งที่ภายในเวที Model2 จะเสริมให้การจำลองภาพพจน์ทางมายาที่ท่านเคยสงสัยคลางแคลงใจ ตำแหน่งที่ได้ยินนั้นใช่ที่ควรเป็นหรือไม่ อย่างไร ท่านจะจำแนกระยะที่เว้นห่างและตัดกันของตำแหน่งชิ้นดนตรีและเสียงต่างๆอย่างที่ไม่เคยนึกว่าต้องทำเช่นนี้ ไม่ต้องใครละครับ ตัวผู้เขียนเองนั้นค่อนข้างมั่นใจในตำแหน่งวางลำโพงอยู่พอสมควร เนื่องจากคุ้นเคยกับห้องฟังตนเองมานานนับปี ยังต้องมาตายน้ำตื้นก็คราวนี้เอง, เซ็ตลำโพงผิดไปตั้งสองมิลล์
เล่นเอาต้องเซ็ตตำแหน่งการจัดวางลำโพงกันใหม่กันเลย
อย่าเข้าใจผิดคิดว่าผู้เขียนเป็น 'หูทอง' เพราะถ้าใช่จริง ที่ผ่านมาคงรู้มาก่อนแล้วมาตำแหน่งยังไม่ตรงจุด ก็ได้ Model2 นี่แหละที่มาเสริมศักยภาพในชุดฯ ทำให้มองเห็นจุดบกพร่องได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้เป็นเพียงจุดเล็กน้อย
กับระบบโฮมเธียเตอร์ก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน รายละเอียดที่อ้างถึงในการฟังเพลงขั้นต้น มันส่งผลในลักษณะเดียวกันกับการใช้งานในการดูหนังทุกกระเบียดนิ้ว ความสะอาดของเนื้อเสียงที่ช่วยทำให้ได้ยินรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากที่สงัด หรือบทพูดบทสนทนาทั้งหมด เป็นไปอย่างชัดถ้อยชัดคำดีมาก
ยิ่งเป็นเรื่องลำดับชั้นของตำแหน่งที่เสียงปรากฏนั้น กระซิบดังๆว่าแม่นยิ่งกว่าแม่น ราวกับเกิดขึ้นตรงนั้นจริง ทั้งที่เมื่อมองดูด้วยสายตาแล้ว นั่นมันพื้นอากาศว่างเปล่าชัดๆ
ผีหลอกกลางวันเข้าแล้วไง!
ด้านภาพนั่นหรือ ไม่ผิดเพี้ยนจากที่คาดเดา Model2 ช่วยเพิ่มความสะอาด ใส สว่างไสวของภาพ ทำให้ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า หลุดลอยเป็นสามมิติ ทั้งที่ทั้งหมดกำเนิดจากจอภาพแบนๆ
คอนทราสต์ที่ยอดเยี่ยม แม้โทนหลักของภาพจะติดไปทางสว่าง แต่รายละเอียดในส่วนที่มืดน้อยไปสูมือมากจนถึงลำดับสุดท้ายคือมืดสนิท ต้องยอมรับในจุดนี้ว่า Model2 แยกแยะได้ละเอียด สำแดงลำดับชั้นตื้น-ลึก อ่อน-แก่ หนัก-เบาอย่างตรงไปตรงมา
เรียกได้ว่ามีทั้งชัดตื้นและชัดลึกครบอยู่ในฉากเดียวกัน
ในด้านสีสัน ก็ช่วยให้สามารถจำแนกโทนสีของภาพได้แม่นยำขึ้น ในฉากแอ็คชั่นที่สลับมุมกล้องไปมาอย่างรวดเร็ว สามารถทราบได้ว่าแต่ละฉากมีการจัดโทนสีแตกต่างกัน ซึ่งประเด็นเดียวกันนี้ แทบจะจับความแตกต่างได้น้อยมากเมื่อไม่ได้ใช้
ขอแวะข้างทางสักนิด ยกตัวอย่างเช่นฉากพายุในหนังเรื่อง X-Men2 ฉากแอ็คชั่นที่สลับมุมกล้องไป-มาอย่างรวดเร็ว หากไม่สังเกต คงไม่สามารถจำแนกสีสันและโทนภาพได้อย่างละเอียด เนื่องจากการตัดภาพไป-มาค่อนข้างเร็ว แต่กับ Model2 นั้น มันทำให้ผู้เขียนถึงกับเห็นระดับความแตกต่างขอโทนสีในแต่ละมุมกล้องได้อย่างชัดเจน ในช่วงเดียวกันที่โทนสีหลักต้องออกไปทางสีเทา ให้รู้สึกถึงเมฆครึ้มจากกลุ่มพายุที่โรมรันเข้าขัดขวางเครื่องบิน บางฉากที่ว่ากลับให้โทนสีออกไปทางเขียวอย่างไม่ต้องเพ่งมอง มันค่อนข้างแตกต่างอย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ด้วยตาเปล่าแม้จะไม่สังเกต
ทีนี้มาดูกันว่า ควรใช้ Model2 กับเครื่องประเภทใด?
แม้ทาง Shunyata เองจะเคลมว่า Model2 สามารถส่งผ่านกระแสไฟได้มากพอสำหรับชุดเครื่องเสียงทั้งชุด ซึ่งเท่าที่ผู้เขียนลองเล่นมาระยะเวลาหนึ่ง ก็พบว่าส่วนใหญ่มักจะพบลักษณะเด่นที่ส่งเสริมกับชุดได้เป็นอย่างดี แต่ก็ควรเว้นไว้บ้างสำหรับเพาเวอร์แอมป์ประเภทสองคนหามสามคนแบกไว้สักข้อหนึ่ง ส่วนเพาเวอร์ระดับกลางๆกำลังวัตต์และกำลังสำรองไม่สูงนัก น่าจะเป็นทางออกที่ลงตัวกว่าในบางเงื่อนไข
ส่วนเครื่องชนิดอื่นตั้งแต่แหล่งโปรแกรมยันไปถึงปรีแอมป์ อินทีเกรตแอมป์ รวมไปถึงอุปกรณ์แสดงภาพทุกชนิด ผู้เขียนขอเรียนว่า มันช่วยเสริมศักยภาพในทุกด้านเท่าที่ชุดๆนั้นจะพึงมี ให้ปรากฏออกมาในรูปแบบของเนื้อเสียงที่สะอาด กระชับ โปร่งใสโดยไม่หยาบกระด้างได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว
ท่านที่สนใจแนวทางการใช้เครื่องกรองไฟในลักษณะนี้ ไม่ควรพลาดในการลองฟังครับ
ลองเล่นShunyata Research Hydra II
โดย..." Gold Lighton"
E-Mail :: grreview@hotmail.com
Page 2....
Shunyata Research Diamond Black & Copperhead
ลองเล่นเครื่องกรองไฟ Shunyata Research Model2 มาจนฉ่ำหูพอสมควร จะไม่กล่าวถึงสายไฟที่ส่งผ่านกำลังมาเข้าเครื่อง ก็ดูจะไม่สมควรเสียแล้ว นั่นเพราะพละกำลังที่ส่งมาเข้าเครื่องจะมาจากไหนถ้าไม่ใช่สายไฟทั้งสองเส้นนี้
น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่ง ที่สายไฟทั้งสองเส้น ไม่ได้ใช้ขั้วปลั๊กตัวเมีย (Female Plug) แบบ 15 แอมป์ ซึ่งใช้งานได้กับอุปกรณ์เครื่องเสียงตัวหลักทั่วไป การวัดคุณภาพของสายทั้งสองเส้นนี้ จึงต้องกระทำโดยต่อเชื่อมเป็นต้นทางให้กับ Model2 เป็นหลัก
ปัญหาอยู่ตรงนี้นี่เอง สายไฟทั้งหมดที่ผู้เขียนมีไว้ใช้งาน ไม่มีสักเส้นที่มีขั้วต่อแบบ 20 แอมป์ จะเปรียบเทียบกันเฉพาะสายไฟของ Shunyata เอง ก็คงทำได้ไม่ละเอียดถ้วนถี่เท่าที่ควรจะเป็น ไหนจะต้องแยกแยะในส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะของเครื่องกรองไฟ Model2 อีกขั้นหนึ่ง ตัวแปรเพิ่มขึ้นอย่างนี้ ต้องใช้ตัวช่วยครับ
ว่าแล้วเสียงของคุณไตรภพก็ดังก้องขึ้นในหัว "คุณได้สิทธ์นั้นเดี๋ยวนี้!"
สิทธ์ที่ว่านี้ ต้องใช้เวลาราวสองวันกว่าจะถึงมือผู้เขียน ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับ คุณพิจิตแห่งร้าน AV Paradise ที่ได้เอื้อเฟื้อสายไฟเอซี Acoustic Zen Tsunami MKII พร้อมติดตั้งขั้วปลั๊กตัวเมียแบบ 20 แอมป์ของ Wattgate 320HC มาให้พร้อมสรรพ
ว่าแต่ข้อสงสัยยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ "ขอใช้ตัวช่วยอีกข้อ...ตอบสองครั้ง"
"ตอบสองครั้ง...คุณได้สิทธ์นั้นเดี๋ยวนี้!" คุณไตรภพตอบอีกครั้ง
ว่าแล้วผู้เขียนก็หยิบสายไฟที่คุ้นหูอีกเส้นมาเป็นตัวประกบ เนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกับสายไฟ Acoustic Zen ที่กำลังทำรอบเบิร์นอินอยู่ ไม่ใช่อื่นไกลที่ไหน มันคือ JPS Inwall (แดง) เจ้าประจำจากสำนักย่านตรอกจันทร์ Green Audio ของคุณประเสริฐนี่เอง
เมื่อใช้ตัวเลือกครบ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบคำถาม
Diamond Black จะให้เนื้อเสียงที่สะอาด เนื้อเสียงกระชับ ไม่บอบบางอย่างที่คิด กลับกันยังให้เนื้อหนังพอประมาณ อยู่ในสัดส่วนอิ่มกำลังดี มีสปีดเสียงที่ค่อนไปทางว่องไว
กระฉับกระเฉงดีมาก เก็บหางเสียงฟุ้งๆได้ดี ตอบสนองแนวเพลงที่เน้นจังหวะจะโคนได้อย่างแม่นยำ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อพิเคราะห์ลงลึกถึงในส่วนของเนื้อเสียงนั้น พบว่ามีเกรนเสียงที่ละเอียดดีมาก อาการจัดจ้าน หรือหยาบกร้านนั้น เรียนตามตรงว่าหาได้ยากสำหรับสายไฟเส้นนี้ ทั้งๆที่หลายต่อหลายครั้ง ที่ผู้เขียนลองใช้งานกับแผ่นคุณภาพต่ำเพื่อตรวจสอบอาการกร้าวกระด้างของเสียง กลับมีอันต้องผิดหวัง เพราะสายไฟเส้นนี้มันช่วยลบเหลี่ยมอันแหลมคม หยาบกระด้างลงไปมาก ชนิดที่ต้องทึ่งทีเดียว
แน่นอนครับ, มันไม่ได้จัดการกับขอบเสียงให้กลมมนดังเช่นสายไฟบางเส้นที่เด่นในเชิงนี้ อาการเสียงกร้าวในระดับความดังที่สูงขึ้นไปยังมีให้รับรู้ได้โดยตลอดสำหรับแผ่นคุณภาพต่ำที่นำมาวัดผล แต่ที่ผู้เขียนเรียนว่าต้องทึ่งกับสายไฟเส้นนี้นั้น ก็เพราะมันสามารถรักษาความสด ฉับพลัน ซึ่งเป็นโครงสร้างน้ำเสียงหลักของมันให้คงไว้ด้วยการผสานคุณลักษณ์ทั้งสองประการได้อย่างลงตัวต่างหาก ซึ่งแตกต่างกับสายไฟที่เน้นโทนเสียงให้นุ่มนวล ที่มักจะอ่อนความจะแจ้งไปตามกัน
รูปวงทำได้สวยใช่ย่อย จัดวางตำแหน่งชิ้นดนตรีโดยเว้นช่องว่างช่องไฟดีมาก กว้าง-ลึกสัมพันธ์กันดี บรรยากาศรายล้อมที่เป็นตัวสำแดงขอบเขตปริมณฑลของเวทีเสียงมีให้รับรู้ได้ จะอ่อนความคมชัดเปิดเผยไปบ้างในระนาบด้านหลัง เมื่อเทียบกับด้านหน้า
สำหรับ Copperhead ที่เป็นรุ่นที่สูงกว่า ใช่เพียงแต่จะสูงแต่รุ่นและราคาเท่านั้น คุณภาพเสียงก็ถูกยกขึ้นไปตามลำดับ สดกระชับ กระจ่างใส เปิดโปร่งขึ้น ทั้งให้ความคมชัดในทุกเส้นเสียง สมดุลทั้งสามย่านหลักมีให้อย่างเสมอสมานกลมกลืน
เนื้อเสียงที่กระชับ ให้บอดี้ที่ดูกะทัดรัด แต่ร้อยรัดควบแน่นเป็นตัวตนเด็ดขาด พื้นเสียงที่สะอาดใส ทำให้แยกรายละเอียดในมุมแคบจากภาพพจน์ในมุมกว้างได้อย่างทั่วถึง เต็มอาณาบริเวณ
การถ่ายทอดคอนทราสต์ที่แนบเนียน ส่งเสริมกันเป็นอย่างดีสำหรับการใช้งานร่วมกับเครื่องกรองไฟ เปรียบดั่งการตอกเสาเข็มต้นใหญ่ในบ้านชั้นเดียว เป็นการใช้จุดแข็งเสริมจุดแข็งได้อย่างตรงประเด็น หากท่านผู้อ่านได้มีโอกาสลองในเงื่อนไขเดียวกัน แล้วเกิดฟังออกว่าสุ้มเสียงโดยรวมนั้นเบาลงเล็กน้อย ให้ลองเปรียบเทียบกับส่วนที่ดังที่สุดในแผ่นนั้นดูด้วย ลักษณะข้างต้นคือข้อบ่งชี้ถึงการสำแดงไดนามิกคอนทราสต์ที่ดีนี่เอง
และก็ไม่เป็นเรื่องเกินเลยแม้แต่น้อย ที่จะเรียนตามตรงว่า ส่วนที่แตกต่างทั้งหมดที่อ้างขึ้นมานั้น ยังต้องรวมถึงคุณสมบัติด้านการถ่ายทิดมิติเวทีเสียงอีกประการหนึ่งเข้าไปด้วยกัน ด้านกว้างที่แผ่ขยายเต็มเหยียดชนผนังข้าง หลุดพ้นพันธนาการทางสายตาโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ด้านลึกก็สอดรับกับด้านกว้างในลักษณะทรงโค้งท้องกระทะ ที่สวยงามคือการรักษาบรรยากาศรายล้อมทั้งเวทีเสียงให้สมดุล เฉลี่ยความใสชนิดเกือบเต็มพื้นที่
ภายในนั้น ก็เว้นช่องว่างช่องไฟที่เด็ดขาด แยกแยะลำดับตื้น-ลึกที่ซ้อนทับในตำแหน่งเดียวกัน แต่อยู่คนละระนาบด้วยความชัดเจน นิ่ง และแม่นยำดีมาก คุณสมบัติดังกล่าว ยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อได้จับคู่กับแผ่นคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวเพลงคลาสสิคโหมโรง ที่เปี่ยมไปด้วยไดนามิกเร้นจ์ที่กว้างขวางและช่วงระดับความดัง-เบาที่ซับซ้อน ตลอดจนลำดับชั้นของเวทีเสียงที่แบ่งแยกกลุ่มก้อนชัดเจน
น่าตื่นตาตื่นหูเป็นอย่างยิ่ง
สรุปความดังนี้ครับ สายไฟเอซีของ Shunyata Research ทั้งสองเส้นนี้ให้บุคลิกเสียงในทิศทางเดียวกัน เลือดสุพรรณไปไหนไปด้วยกัน, ว่างั้นก็ไม่ผิด
แน่นอนว่าจะต้องมีความแตกต่างด้านคุณภาพโดยรวมซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปรกติในยี่ห้อเดียวกัน จุดชี้ขาดในการตัดสินใจใช้งานสายไฟทั้งสองรุ่นนี้ ตกอยู่ที่งบประมาณในกระเป๋าเป็นหลัก ถ้าชุดที่ท่านเล่นอยู่ เข้าข่ายไปทางมีระดับ ที่เขาเรียกภาษาชาวบ้านกันว่า 'ไฮเอ็นด์' อย่าว่าแต่ Copperhead เลยครับท่าน จะเล่นใหญ่กว่านั้นก็ยังไหว
ถลกขากางเกงดูหน้าแข้ง...ไม่มีร่วงสักเส้น
แต่หากท่านเป็นนักเล่นที่รักการเล่นเครื่องเสียงในข่ายคุ้มค่าทุกบาท โดยยึดเงื่อนไขเรื่องการใช้เครื่องกรองไฟประกอบในชุดฯ เพราะรอบข้างที่ท่านอาศัยอยู่นั้น มันช่างรบกวนไปด้วยคลื่นขยะที่แถมมากับกระแสไฟ ต่อตรงเข้าไฟบ้านเมื่อไหร่ คุณจี่คุณฮัมเคาะประตูห้องเครื่องเสียงอยู่ร่ำไป
ใจมันสู้เต็มที่ ติดขัดที่งบประมาณไปไม่ถึงฝั่ง ก็เริ่มต้นเบสิกกับ Diamond Black สักเส้นก็ 'เอาอยู่' แล้วละครับ
สุดท้าย หากใจรักแต่เงินไม่ถึงจะเล่นสายไฟของ Shunyata เอง มีงบประมาณได้แค่สู่ขอ Hydra Model2 เพียงตัวเดียว สายไฟก็พอมีใช้งานอยู่บ้าง แต่ขั้วปลั๊กดันไม่ใช่แบบ 20 แอมป์ ท่านก็ทำอย่างนี้ครับ ติดต่อคุณพิจิตแห่ง AV Paradise ซึ่งเป็นดีลเลอร์ แจ้งความประสงค์โดยส่งสายไฟให้คุณพิจิตประกอบขั้วปลั๊ก 20 แอมป์ให้กับสายของท่าน ซึ่งสามารถเลือกได้สองยี่ห้อคือ Hubbell และ Wattgate แม้ไม่ได้ผลตรงตามเป้าหมายเสียทีเดียว เนื่องจากต้องพิจารณาคุณภาพของสายที่ใช้ประกอบกันไปด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นการเดินทีละก้าว โบนัสออกเมื่อไหร่ ไปสู่ขอสายไฟ Shunyata อีกสักเส้น ยังไม่สายเกินไป ก็เลือกแนวทางตามงบประมาณที่มีนั่นแหละครับ มีเท่าไหร่เล่นเท่านั้น ขอร้องอย่างเดียว...อย่าถึงกับไปกู้เงินมาใช้เล่นเครื่องเสียงก็พอ
เล่นเครื่องเสียงด้วยเงินอนาคต ฟังเพลงอะไรก็ไม่ไพเราะดอกท่าน
ท้ายสุดแต่ไม่สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับเครื่องกรองไฟและสายไฟทั้งสองเส้น ที่คุณชาญชัยร้าน Gramaphone 0-2302-0174 และที่ลืมไม่ได้คือคุณพิจิตร้าน AV Paradise 09-771-8895 สำหรับขั้วปลั๊ก Wattgate 320HC และสายไฟ Acoustic Zen Tsunami MKII สำหรับการลองเล่นในครั้งนี้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น..."เราเองเพื่อ นี่อยู่หน้าบ้าน ลงมาเปิดประตูด้วย"
"ว่าไงเกลอ เครื่องกรองน้ำที่เราเอามาให้ลองใช้งานได้ดีเหมือนที่เราคุยไว้หรือเปล่า?"
"มันก็ดีอยู่หรอกเพื่อน แต่ช่วงนี้เงินมีเรื่องต้องใช้เงินว่ะ" ผู้เขียนตอบไปตามตรง เพื่อนรักยังไม่ลดละความพยายาม ไม่รับเครื่องกรองน้ำที่คืนไปให้
"ไม่เป็นไร ใช้ไปก่อนเถอะเราไม่รีบร้อนอะไร ว่าแต่ กล่องเหล็กสี่เหลี่ยมกับสายไฟสองเส้นนี่มันอะไรเพื่อน"
"อ้อ...เครื่องกรองไฟ กับสายไฟเอซีสำหรับเครื่องเสียงน่ะ กำลังจะเก็บส่งคืนบริษัท เอามาลองฟังหลายเดือนแล้ว"
"เล่นเครื่องเสียงยังต้องกรองไฟกันอีก ทำไมดูยุ่งยากนัก แล้วมันมีผลไหมล่ะ" เพื่อนรักซักถามด้วยความสงสัย
"พอมีเวลาสักชั่วโมงไหมล่ะ"
"กับเพื่อน เราได้ทั้งวันอยู่แล้ว วันนี้ไม่มีลูกค้าต้องไปหาพอดี"
"อย่างนั้น...เพื่อนตามเรามาทางนี้ เรามีอะไรหลายอย่างให้เพื่อนฟัง
"
"Gold Lighton"
กุมภาพันธ์ 2549
-
ตัวที่ 3 โด่งดังเมื่อไม่นานนี้ครับ
เป็นค่ายไทยที่น่าจำตามองเป็นอย่างยิ่ง
http://www.magnetaudio.com/store/th/catalog.asp?idcategory=17&ExCat=True&na=Power%20Product
1.IRG-600
ราคา: 29,400 บาท
ราคาพิเศษ: 24,980 บาท
ประหยัด: 4,420 บาท
ภาพสวยๆ เสียงใสๆ ตัวนี้ทั้งกรอง ทั้งคุม เอาหมดอยู่หมัด happy happy
http://www.htg2.net/index.php?topic=15876.msg157912#msg157912
2.LI-500
ราคา: 7,650 บาท
ราคาพิเศษ: 6,500 บาท
ประหยัด: 1,150 บาท
3.LC-2
ราคา: 9,400 บาท
ราคาพิเศษ: 7,980 บาท
ประหยัด: 1,420 บาท
4. S-1000
ราคา: 10,700 บาท
ราคาพิเศษ: 8,680 บาท
ประหยัด: 2,020 บาท
5.S-500
ราคา: 7,850 บาท
ราคาพิเศษ: 6,680 บาท
ประหยัด: 1,170 บาท
6.LC-1 MKII
ราคา: 5,350 บาท
ราคาพิเศษ: 4,580 บาท
ประหยัด: 770 บาท
อ้างอิง
http://www.htg2.net/index.php?topic=19217.0
-
ส่วนตัวที่ 4 คงต้องเอามาให้ลิงค์ ดูเดี้ยวไม่เกาะติดสถานนะการณ์
เป็นปลักราง แต่มีหลายท่านมายืนยันว่าดี ซึ่งผมก็ได้ ยืมมาลองเล่น....กัดกันพอสมควร เรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนรีวิว คงต้องให้หลายท่าน มารีวิวครับ เอาลิงค์มาให้เดี้ยวไม่มันสมัย
ปลั๊กราง CLEF +lineconditioner
http://www.clef-audio.com/
http://www.clef-audio.com/clefPD/PowerBridge-6&8.html
http://www.htg2.net/index.php?topic=20428.msg223696#msg223696
จะมี 2 รุ่น คือแบบ 6 ช่อง และ 8 ช่อง
ตัวปลั๊กผลิตใน USA ราคา 6 ช่อง 3,800- ราคา 8 ช่อง 5,400-
ใครอยากรู้ต้องพิสูนจ์เองครับ ฮิฮออ
-
ตัวที่ 5
ราคาคงกระโดดหน่อย Ps-audio
ว่างๆ คงต้องขอท่าน B3344 มาลองเล่นบ้างแล้วครับ
http://www.psaudio.com/power.asp
http://www.psaudio.com/products/moreinfo.asp
http://www.psaudio.com/products/moreinfo.asp
http://www.avrev.com/equip/psaudio/index.html
-
ท่านขุนแล้วไม่มีใครรีวิวของยี่ห้อ Silicon - Sidital บ้างเหรอครับ
???
-
ท่านขุนแล้วไม่มีใครรีวิวของยี่ห้อ Silicon - Sidital บ้างเหรอครับ
???
ใครไม่รีวิว แต่ผมใช้ ผมว่าเป็นของไทยที่การประกอบเครื่องดูดี มีมาตรฐานในการผลิต ;) บริการหลังขายก็ใช้ได้ครับ Y]
ผมว่าของไทยที่การประกอบดูดี มีมาตรฐานหน่อยก็มี sidital กับ magnet นี่แหละ O0
-
ครับ ตัวที่ 6
http://www.savetronics.co.th/
SurgeGuard SZ-8
พบศักยภาพที่แท้จริง! ของเครื่องเสียงคุณ ด้วย SurgeGuard SZ-8
บทความผลการทดสอบ SurgeGuard SZ-8
อุปกรณ์ร่วมในการทดสอบกับชุดเครื่องเสียง :
เครื่องจ่ายไฟในระดับต่างๆ ที่ปรับเลือกได้ Slideup TSB 5M
Micromega Stage2 CD PLAYER ,Marsh Sound Design MSD200T
Marsh Sound Design MSD A200S , AURUM CANTUS Melody M 103
Sanyo PLVZ4 ,Pioneer DV 989 AVi
ผลการทดสอบบางส่วน "The Wave Magazine"
SOFT TEST >> story by Wijit Boonchoo
เมื่อผมทำการเปิดสวิตช์ของชุดไฟออดิโอ ชุดปลั๊กไฟสำหรับ AUDIO จะยังไม่จ่ายไฟฟ้าในทันทีมันจะค่อยๆหน่วงไฟฟ้าแล้ว เริ่มจ่ายไฟฟ้าให้แล้วเสร็จ ภายใน 10 วินาทีโดยประมาณ เนื่องมาจากเป็นระบบควบคุมการจ่ายไฟฟ้าแบบพิเศษZeroStart ในรุ่น SZ-8 ซึ่งมีอยู่ในชุดปลั๊กไฟ AUDIO) ตามแนวคิดที่ว่าทุกครั้งที่เราเปิดสวิทซ์ชุด AUDIO หรือมีเหตุการณ์ไฟดับ ไฟติดๆดับๆแล้วกลับมาสู่สภาวะปกติ ในบางครั้งระดับแรงดันไฟฟ้าที่กลับมาใหม่นั้น จะกระชากสูงมากซึ่งจะส่งผลให้อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับปลั๊กเกิดความเสียหายได้ SurgedGuard SZ8 จะมีระบบดังกล่าวไว้ทำการตรวจเช็คระดับไฟฟ้าว่าปกติหรือไม่โดยยังไม่จ่ายไฟฟ้าในทันที จนกว่าไฟเข้าสู่สภาวะปกติก็จะค่อยเพิ่มแรงดันไฟฟ้า โดยเริ่มตั้งแต่ 0 โวล์ทจนถึง220โวลต์ภายใน 10 วินาที จัดว่าทำงานได้อย่างมีผลดี
อีกส่วนหนึ่งคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อมีฟ้าผ่า และมีการสปาร์คของไฟในระดับรุนแรงแล้วกระโชกเข้ามาผ่านไลน์ไฟ220โวลต์ ระบบMulti-Signal Surge Protection สามารถช่วยได้หรือไม่ เราคงไม่สามารถรอ สภาวะการณ์จริงๆได้ จึงทำการจำลองด้วยการป้อนไฟจากเครื่องกำเนิดแรงดันไฟฟ้าแบบเปลี่ยนค่าได้ แรกสุดปิดมาที่ศูนย์แล้วสปีดไปที่250โวต์ทันทีทันใด ปลั๊ก SurgedGuard SZ8 จะปิดระบบไฟทันที และเมื่อผมลดระดับแรงดันไฟมาที่220โวลต์ มันจะค่อยๆจ่ายพลังไฟให้ภายใน10-15วินาที เครื่องเสียงกลับมาใช้งานตามปกติ ไม่มีอาการฟิวส์ขาดหรืออื่นใด ถือว่าทำงานได้น่าพอใจทีเดียว อีกแบบหนึ่งผมจัดการสับสวิตช์ไฟที่แผงคอนโทรลของบ้านลงไปแล้วสับขึ้นในทันทีแบบปัจุบันทันด่วน เครื่องก็จะทำงานรองรับการจ่ายไฟแบบ ปลอดภัย ด้วยการหน่วงอย่างเป็นระบบ บอกได้เลยว่าอุ่นใจครับ
สุดท้ายเป็นการทดสอบด้านเสียง ที่เปรียบเทียบระหว่างการต่อไฟจากปลั๊กรางธรรมดา ที่ไม่มีระบบป้องกัน และไม่มีระบบกรองสัญญาณEMI/RFI Noise Filteringดังที่ SurgedGuard SZ8มีอยู่ เสียงของซิสเต็มปกติก็จะคล้ายกับแห้งไปนิดๆกับการใช้ปลั๊กทั่วไป แต่เมื่อกลับมาใช้ SurgedGuard SZ8ก็ถือว่าสิ่งที่เราได้อย่างชัดเจน เป็นการให้ความสะอาดของเสียง ช่องไฟของดนตรีดีขึ้น การให้พลังเสียงดูจะอิ่มแน่น รายละเอียดช่วงปลายฟังได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อใช้ไฟจาก SZ8 ถือเป็นผลพลอยได้ที่นอกเหนือไปจากการป้องกันไฟฟ้ากระชากรุนแรงดังกล่าวมาแล้ว และจัดว่าเหมาะสมยิ่งกับการที่เรานำมาใช้งานกับระบบออดิโอวิดีโอ
นี่คือเครื่องป้องกันไฟกรรโชก ที่มีระบบโพรเท็คชั่นปลอดภัยสูงในขณะที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติสามารถเซฟเครื่องเสียงทั้งชุดให้ปลอดภัยไร้กังวล ทำงานได้เที่ยงตรง และในสภาพปกติก็ให้พลังไฟที่สะอาดสะอ้านเหมาะกับออดิโอไฟล์ที่รู้ว่าความรักต่อชุดเครื่องเสียงของคุณมีขนาดไหนเหนืออื่นใด SurgedGuard SZ8 ชุดนี้ผ่านการออกแบบจากวิศวกรชาวไทยที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน การเข้ามาสู่ตลาดออดิโอก็เพราะการบอกต่อๆกันของนักเล่นระดับเซียนๆทั้งหลายว่าเป็นของดีที่จำเป็นที่สุดชิ้นหนึ่งในระบบเครื่องเสียง ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้พิสูจน์กันแล้ว
ทดลองประสิทธิภาพได้ที่โชว์รูม MRZ Standard ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายเครื่องเสียงชั้นนำ
-
ชื่อนี้ไม่คุ้น
Octopus รุ่นใหม่ S-611V
http://www.piyanas.com/pic_test/accessories/octopus_s611v.jpg
http://www.rd-comp.com/
-
9 ตัวนี้ค้น รีวิวยังไม่เจอ
http://siliconthai.com/product_thai-1.htm
เครื่องควบคุมแรงดันไฟฟ้าและป้องกันสัญญาณรบกวน
รุ่น SXD-Series จ่ายกำลังสูงสุด 2000, 3000, 4000 วัตต์
รุ่น SXE-20 จ่ายกำลังสุงสุด 1,600 วัตต์
รุ่น VR-100ie จ่ายกำลังสูงสุด 800 วัตต์
เครื่องกรองสัญญาณรบกวนในไฟฟ้า
รุ่น Mountain 1 Colour จ่ายกำลังสูงสุด 2,200 วัตต์
รุ่น Space 1จ่ายกำลังสูงสุด 2,000 วัตต์
รุ่น Tiger-4 จ่ายกำลังสูงสุด 6,600 วัตต์
Accessories
สายไฟ ACPOWER รุ่น SC-320 และ รุ่น SC-330
ลูกยางรองแท่นเครื่อง รุ่น SOFA
-
หลังจากรวบรวมเครื่องกรองไฟ
แล้วจริงอยากจะลงขอ Video paradise ของร้านที่ทำมาขายและใช้กันเองในหมู่
หลังจากผลิตและจำหน่าย เพียง 20 ตัว ก็จำหน่ายหมดเรียบร้อย
ตอนนี้ของหมดแล้วเลยกล้าที่จะออกมารีวิวอย่างเต็มปาก
ต้นฉบับ Video paradise ใช้เวลาสร้างออกแบบ หลายเดือนรวมทั้งตัว Audio paradise เสร็จช่วงก่อนปีใหม่
ใช้เวลารอท่านหมู ผลิตVideo paradise 6 เดือน
...... ใช้เวลา ขาย 1 เดือน ฮิอิอ c) c) c)
หลังจากของหมดก็คุยได้เต็มปากแล้ว แต่ที่ไม่กล้าออกมาคุยก่อนหน้านี้ .....
.......มันติดเรื่อง เดี้ยวหาว่าเชียร์ขายของตัวเอง....... แบบออกนอกหน้าเกินไป
ฮิอิอ :yahoo :yahoo :yahoo
ส่วนรีวิวอิ่นๆคงต้องยกให้ท่าน B3344
http://www.htg2.net/index.php?topic=21924.0
มาว่ากันเลยครับ ในเรื่องภาพดีกว่า
เครื่องกรองไฟตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า Video paradise AC1
จัดทำขึ้น เพื่อใช้กับระบบภาพโดยเฉพาะ เนื่องจากเราจะพบว่าเครื่องกรองไฟโดยทั่วไปหลายๆยี่ห้อในท้องตลาด
สามารถที่จะให้ ความใสและความสว่างของภาพ รวมทั้งความสะอาดของภาพได้ดีมากแต่
..3 ประการข้างล่างนี้ ....ที่เครื่องกรองไฟส่วนใหญ่จะไม่สามารถให้ได้คือ...
1. ความอิ่มของน้ำหนักสีหรือที่เรียกว่าความเข้มข้นของสี เพราะ DLP LCD Plasma ส่วนใหญ่จะแพ้ CRT ที่น้ำหนักสี
2. มิติของภาพ ตรงจุดนี้เองที่เราจะประสบภาพที่ใส่เครื่องกรองไฟจะมีแค่เพียงแค่ 2 D ไม่เป็น 3 D
3. อีกหนึ่งปัญหา เราจะสังเกตุเห็นในฉากมืดของสีดำ จะเห็นเป็นเม็ดฝนเล็กที่หลายท่านเรียกว่า NOISE เกิดขึ้น
ยิ่งเครื่องที่ไม่แพงนักจะเกิดปัญหาดังกล่าวมากที่สุด
นี้คือสิ่งที่ทีมงาน Paradise ตั้งโจทย์
จึงส่งให้ท่าน หมูไปแก้ปัญหาและส่งนักจำผิด Ae ทดสอบ ซึ่งเครื่องดังกล่าวสอบผ่านทั้ง 3 ประการที่ ว่า
ข้อสงสัยที่มีมาถาม
1.ทำไมเราไม่ใช้ปลักไฟที่ดีกว่านี้และข้อตอบเลย ว่าเพราะปลักหลายยี้ห้อดังๆๆในท้องตลาดภาพเมื่อนำมาใช้กับเครื่องนี้จะติดเหลือง
และไม่แนะนำให้ปลี่ยนปลักเด็ดขาด
2.ทำไมหน้าธรรมดามากๆ ตอบครับ เนื่องจากถูกทำให้ถือว่า เครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องที่ต้องการเน้นคุณภาพภาพ
และไม่ยึดติดกับ รูปโฉมภายนอกและ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้นอีกมาก
3.เคยนำไปเทียบหรือถ้าชนอะไรบ้าง กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าในแง่ของมาตราฐานภาพ ทีมงาน Paradise ไม่เป็นลองใครแน่นอน
และได้รับการยอมรับจาก บริษัทฯชั้นนำ อย่าง marantz infocus optoma benq และอีกหลายยี้ห้อ
เราถ้าชนกับหลายยี่ห้อที่ดังๆๆ อย่าง Model 6 model 8 ออเดียน และอีกหลายยี่ห้อในท้องตลาดที่ราคาสูงกว่ามากๆๆ เราไม่แพ้แน่นอนครับ
4.เครื่องกรองตัวนี้ ใช้กับอะไรดี แนะนำเสียบเครื่อง DVD Tv Projector scaler รับรองภาพดีแน่นอน
5.อีกคำถามถ้ามีของเก่าอยู่ใช้ได้ไหม ตอบใช้ได้ขอให้เครื่องเราอยู่ปลายทางครับ
6.เครื่องนี้ Burn นานไหมครับ แนะนำให้เปิดทิ้ง สัก1 เดือนถึงจะได้ประสิทธิภาพเต็มที่
7.ฟิวส์ด้านหลังควรเปลี่ยนไหม แนะนำให้เปลี่ยนฟิวส์เป็น Audio grade iscoclean จะได้อีกหลายอย่างครับ
8.ส่วนเรื่องเสียงจะเป็นอย่างไร
คำตอบนี้คงต้องรอกระทู้ท่าน B3344 เนื่องจากทางผมเอง มองโจทย์ไปที่ระบบโฮมเธียเตอร์ส่วนตัวที่
......... Audio Paradise เน้น 2 แชลแนล .................
ทางเราก็ทำตัวต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่หลังจากวันงานที่ได้ส่งไปให้ท่าน B3344
ท่าน B3344 ส่งข่าวมาว่าเสียงดีจนหน้าตกใจ
ซึ่งมาจากกระทู้ ที่ท่าน B3344 Burn ดังกล่าว
ผมได้รับคำตอบดังกล่าว ก็ยังงอยู่ เลยนำมาลองปรากฎว่าจริงอย่างท่าน B3344 เสียงไม่ธรรมดาจริงๆๆ ครับ
ส่วนตัว Audio paradise ไม่รู้จะคลอดเมื่อไรเลย เร่งท่านหมูอยู่ ครับ แต่ก็คงมีแค่ 10 ตัวเท่านั้นเช่นเดิม
ส่วนยอดจองก็ไปกว่าครึงแล้วครับ และ ต้นฉบับ audio paradise เสร็จก่อนตัว Video paradise อีก
ต้นฉบับไม่มีให้ลองด้วยเหตุ ผู้กำกับตำรวจท่านหนึ่งยืมไปส่งข่าวมาว่า ถอดคืนให้ไม่ได้จนกว่าจะได้ตัวจริงมาเปลี่ยน
โม้อีกแล้ว ฮิอฺอิอ