HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: hormonics ที่ 13 ตุลาคม, 2007, 12:49:08 pm
-
สงสัยเกี่ยวกับลำโพง 16 โอห์ม ครับ
ว่าถ้านไปใข้งานกับเครื่องเสียงบ้านแล้วจะมีผมเสียมั่ยครับ เมื่อเทีบยกับของเดิม ที่ใช้ี่ 8 โอห์ม
ผมเข้าใจว่า 18 โอห์ม จะทำให้ความดังลดลง ใช่มั่ยครับ ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วจะมีวิธีลด อิมพีแดนซ์ ลง มั้ยครับ
-
สงสัยเกี่ยวกับลำโพง 16 โอห์ม ครับ
ว่าถ้านไปใข้งานกับเครื่องเสียงบ้านแล้วจะมีผมเสียมั่ยครับ เมื่อเทีบยกับของเดิม ที่ใช้ี่ 8 โอห์ม
ผมเข้าใจว่า 16 โอห์ม จะทำให้ความดังลดลง ใช่มั่ยครับ ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วจะมีวิธีลด อิมพีแดนซ์ ลง มั้ยครับ
ถ้าใช้กับ Amp หลอด พัน OPT 16 โอห์ม จะไม่ทำให้ความดังลดลง
วิธีลดอิมพีแดนซ์ลง....ถ้ามีดอกลำโพงเหมื่อนกันสองคู่จับมาขนานกันเลยดีที่สุด...หรือไม่ก็หา R 6-8 โอห์มมาต่อขนาน...แต่เสียงอย่างไรต้องทดลองฟังดูครับ
ลำโพง 16 โอห์ม ใช้กับเครื่องทรานซิสเตอร์เสียงจะเบาลง แต่ก็ทำให้ Amp ควบคุมลำโพงได้ดีขึ้น
-
ถ้านไปใข้งานกับเครื่องเสียงบ้านแล้วจะมีผมเสียมั่ย
:secret ตอบได้ว่า ไม่เสียครับ มีแต่จะเบาแรงเครื่อง แต่ถ้าโอห์มลำโพงต่ำลง เข่น 4 โอห์ม หรือขนานไปจนเหลือ 2 โอห์มละก็ นี่หละ อันตรายครับ :blowup
-
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ ของทั้ง 2 ท่าน
-
ใช้ได้ไม่มีปัญหา แต่เสียงจะเบาลงนิดหน่อย (อันนี้ขึ้นอยู่กับความไวของลำโพงด้วยครับ)
-
ถ้านไปใข้งานกับเครื่องเสียงบ้านแล้วจะมีผมเสียมั่ย
:secret ตอบได้ว่า ไม่เสียครับ มีแต่จะเบาแรงเครื่อง แต่ถ้าโอห์มลำโพงต่ำลง เข่น 4 โอห์ม หรือขนานไปจนเหลือ 2 โอห์มละก็ นี่หละ อันตรายครับ :blowup
เพราะอะไรครับ
-
แอมป์ จะทำงานหนัก ร้อน และ ไหม้ ได้
-
แอมป์ จะทำงานหนัก ร้อน และ ไหม้ ได้
" แอมป์ จะทำงานหนัก ร้อน และ ไหม้ ได้ " เฉพาะ amp ทรานซิสเตอร์
สงสัยเกี่ยวกับลำโพง 16 โอห์ม ครับ
ว่าถ้านไปใข้งานกับเครื่องเสียงบ้านแล้วจะมีผมเสียมั่ยครับ เมื่อเทีบยกับของเดิม ที่ใช้ี่ 8 โอห์ม
ผมเข้าใจว่า 16 โอห์ม จะทำให้ความดังลดลง ใช่มั่ยครับ ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วจะมีวิธีลด อิมพีแดนซ์ ลง มั้ยครับ
ถ้าใช้กับ Amp หลอด พัน OPT 16 โอห์ม จะไม่ทำให้ความดังลดลง
วิธีลดอิมพีแดนซ์ลง....ถ้ามีดอกลำโพงเหมื่อนกันสองคู่จับมาขนานกันเลยดีที่สุด...หรือไม่ก็หา R 6-8 โอห์มมาต่อขนาน...แต่เสียงอย่างไรต้องทดลองฟังดูครับ
ลำโพง 16 โอห์ม ใช้กับเครื่องทรานซิสเตอร์เสียงจะเบาลง แต่ก็ทำให้ Amp ควบคุมลำโพงได้ดีขึ้น
"ถ้าใช้กับ Amp หลอด พัน OPT 16 โอห์ม จะไม่ทำให้ความดังลดลง" :victory
-
" แอมป์ จะทำงานหนัก ร้อน และ ไหม้ ได้ " เฉพาะ amp ทรานซิสเตอร์
ไม่ถูกครับ ที่ถูกคือแอมป์ที่ขับ Load โดยไม่มี Matching Transformer ครับ ยกตัวอย่างเช่น OTL หลอดเป็นต้น และแอมป์ Tr บางรุ่นก็มี OPT เช่น Amp ของ McIntosh (จำรุ่นไม่ได้) เป็นต้น
-
งงจังครับ :D
สรุปที่เข้าใจคือแอมป์หลอด มีหม้อแปลง out put 8 โอห์ม ขับลำโพง 2 โอห์ม นั้น หม้อแปลง output จะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ
แล้วสำหรับแอมป์OTL หลอด และแอมป์ Tr บางรุ่นที่็มี OPT เช่น Amp ของ McIntosh การเสียหายจากการขับโหลดที่น้อยลงจะเสียหายตรงจุดไหนครับ (รวมถึงแอมป์ ทรานซิสเตอร์ธรรมดาๆด้วยครับ)
-
:nonono :nonono :nonono :nonono :nonono งงจัง ทำไมถึงมีลายระเอียดขนาดนี้ ยิ่งลึกยิ่งงง
น่าศึกษาครับ
ผมสงสัยว่า กรณี เสียงตามสายที่มีลำโพงหลายๆตัว อยู่ห่างๆกัน ที่เค้า อัพ อิมพีแดนซื ขึ้นสูงๆ ก็มีผลดี สิครับ N] N] N] N]
-
:nonono :nonono :nonono :nonono :nonono งงจัง ทำไมถึงมีลายระเอียดขนาดนี้ ยิ่งลึกยิ่งงง
น่าศึกษาครับ
กระทู้จะได้มีคุณค่าดีครับ คนที่รู้มาสอนคนไม่รู้
-
:baby :baby .... รอดู ด้วยคนครับ ... ที่บ้านก็ ใช้ 2A3 output 8 โอห์ม ขับลำโพง 4 โอห์ม เหมือน กัน ....
... ตอนนี้ไม่กล้าเปิดนานครับ ... กลัวแอมป์ จะมีปัญหา (รึเปล่า) .... รอฟังคำตอบเหมือนกัน คร๊าบ ... :kicking :kicking
-
:nonono :nonono :nonono :nonono :nonono งงจัง ทำไมถึงมีลายระเอียดขนาดนี้ ยิ่งลึกยิ่งงง
น่าศึกษาครับ
ผมสงสัยว่า กรณี เสียงตามสายที่มีลำโพงหลายๆตัว อยู่ห่างๆกัน ที่เค้า อัพ อิมพีแดนซื ขึ้นสูงๆ ก็มีผลดี สิครับ N] N] N] N]
ตอบแบบเอาข้างเข้าถู....เสียงตามสายมันมีไฟด้วย คงเหมือนกับไฟกับสัญญานเสียงที่มาจากเพลตของหลอด (มั๊ง) แมทชิ่ง ทำหน้าที่ตามชื่อ (หรือเปล่า) ตัดเอาเฉพาะส่วนที่เป็นเสียงออกไปที่ลำโพง แหะๆ พูดเองงงเอง
:baby :baby .... รอดู ด้วยคนครับ ... ที่บ้านก็ ใช้ 2A3 output 8 โอห์ม ขับลำโพง 4 โอห์ม เหมือน กัน ....
... ตอนนี้ไม่กล้าเปิดนานครับ ... กลัวแอมป์ จะมีปัญหา (รึเปล่า) .... รอฟังคำตอบเหมือนกัน คร๊าบ ... :kicking :kicking
เท่าที่ลอง (เครื่องชาวบ้าน) เปิดได้ครับ มันทำเหมือนกับเราหลอกเอาท์พุทน่ะ ค่าของเอาท์พุทจะถูกเปลี่ยนแปลง จำไม่ได้ว่าเพิ่มหรือลดลงครับ แต่มันก็ยังเปิดได้อยู่วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง มาเป็นเดือนแล้วจ้าาาา.. ;D ;D ;D
ทั้งหลายทั้งปวงเป็นความเข้าใจส่วนตัวนะครับ ต้องรอผู้รู้มาช่วยอธิบายเช่นกัน
-
:nonono :nonono :nonono :nonono :nonono งงจัง ทำไมถึงมีลายระเอียดขนาดนี้ ยิ่งลึกยิ่งงง
น่าศึกษาครับ
ผมสงสัยว่า กรณี เสียงตามสายที่มีลำโพงหลายๆตัว อยู่ห่างๆกัน ที่เค้า อัพ อิมพีแดนซื ขึ้นสูงๆ ก็มีผลดี สิครับ N] N] N] N]
การต่อแบบอนุกรมเพื่อเพิ่มค่า impedance มีข้อเสียอยู่ครับคือ
1. หาสายขาด หรือลำโพงตัวใดตัวหนึ่งขาด ลำโพงทุกตัวก็จะไม่ดังทันที
2.การต่ออนุกรมนั้น หากมองเป็น network แล้ว ยิ่งสายยาว ค่าresistance ยิ่งเพิ่มขึ้น ค่าCแฝง L แฝง ก็ยิ่งสูงขึ้น(แต่จะว่าไป ต่อขนานก็ส่งผลเช่นเดียวกัน)
3.ยิ่งต่ออนุกรม V ที่คร่อมลำโพงแต่ละตัวยิ่งต่ำ กระแสไหลยิ่งน้อย ผลของค่าC,Lของลำโพงแต่ละตัวยิ่งส่งผลกระทบต่ออีกตัว(ประโยคนี้ มึนๆ ขาดอะไรไปซักอย่างอีกไม่ออกครับ)
(นอกเรื่อง)***ทีนี้เวลาเรามองMatching นี่ จะเห็นว่ามีเขียนไว้ว่าTap 100V หรือ70V(จำไม่ได้ ต้องให้ท่านที่อยู่สายPAมาช่วยครับ) มันไม่ได้หมายความว่ามีไฟ DC หรือAC ที่ไม่ใช่สัญญาณเสียงอยู่ในนั้นค่านั้นครับ แต่เป็นค่า ที่บอกว่า สัญญาณจะสวิงถึง 100V เมื่อจ่ายกำลังงานสูงสุด เช่น มีหม้อแปลงMatchingอันหนึ่ง100V 20W8ohmแสดงว่าถ้าเราต่อ Matchingนี้แล้วมีสัญญาณเข้ามา 100Vที่ Primary เมื่อเราต่อลำโพง 8 Ohm เราก็จะได้กำลังไปยังลำโพง20W (จริงๆมีลึกกว่านี้ต้องให้ท่านที่เชี่ยวชาญ PA มาช่วยต่อหน่อยครับ ผมไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้เลย)***
ทีนี้การที่เรายกไฟสูงขึ้นไปขนาดนั้นเราหวังผลเพื่อให้ค่า DCR ของสายลำโพงที่ยาวมากๆ มีผลลดลงต่อกำลังงานของเสียง( Power loss ลดลง)เหมือนสายไฟฟ้าแรงสูง ที่ไม่ได้ใช้ทองแดง แต่เลือกที่จะใช้แรงดันเป็นแสนโวลท์ครับ
-
เพิ่มเติมเรื่อง Matching Transformer ของเสียงตามสาย
เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากครับ สัญญานที่วิ่งในนั้นก็เป็นสัญญานเสียงธรรมดาแต่มีแรงดันสูงถึง 70 V หรือ 100 V
ซึ่งจะทำให้ที่กำลัง(W) เท่ากันแต่มีกระแสน้อยกว่า เพื่อลดการสูญเสียในสาย และลดขนาดสายลงด้วย
-
งงจังครับ :D
สรุปที่เข้าใจคือแอมป์หลอด มีหม้อแปลง out put 8 โอห์ม ขับลำโพง 2 โอห์ม นั้น หม้อแปลง output
แล้วสำหรับแอมป์OTL หลอด และแอมป์ Tr บางรุ่นที่็มี OPT เช่น Amp ของ McIntosh การเสียหายจากการขับโหลดที่น้อยลงจะเสียหายตรงจุดไหนครับ (รวมถึงแอมป์ ทรานซิสเตอร์ธรรมดาๆด้วยครับ)
ขอโทษด้วยที่ Post แบบไม่ได้นึกถึงผู้อ่านคนอื่นเท่าไหร่ คือผมหมายถึงว่าที่คุณ Porn ตอบว่า เฉพาะแอมป์ Tr นั้น ไม่ถูกต้องครับ ประเด็นไม่ใช่ Tr หรือ Fet หรือหลอด ประเด็นคือระหว่างตัวขับกับ Load มี Matching Transformer หรือไม่ ถ้ามีการ Matching ตามข้อจำกัดของตัวขับและ Load ก็ไม่มีปัญหาเรื่องไหม้ครับ ถ้าไม่มีการ Matching ก็มีโอกาสไหม้ครับ และผมยกตัวอย่างแอมป์ SS ที่มี Output Transformer ก็มี เช่นของ Mc บางรุ่น และแอมป์หลอดที่ไม่มี Output Transformer ก็มี เช่น OTL ของ Atmashpere เป็นต้น ;)
ส่วนที่ถาม มีหม้อแปลง out put 8 โอห์ม[/font] ขับลำโพง 2 โอห์ม จะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ
เดี๋ยวเล่าให้ฟังแต่ต้นเลยดีกว่า :)
-
ไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหนดี อธิบายตามหัวเรื่องต้นกระทู้ละกันครับ :)
มองในแง่ของการขับลำโพงแล้ว แอมป์บ้านที่เราใช้ๆ กันอยู่ ก็จะมีแอมป์หลอด, Tr, Fet, IC, etc. แต่พอจะจำแนกออกได้เป็น 2 แบบกว้างๆ คือมี Matching Transformer กับไม่มีครับ Output Transformer ของแอมป์หลอดก็คือ Matching Transformer นี่แหล่ะครับ
หน้าที่ของมันก็คือปรับค่า Imp ของ Load ให้เหมาะกับตัวขับครับ หลอดเป็นอุปกรณ์ Imp สูง ไม่สามารถขับ Load Imp ต่ำได้โดยตรง จึงต้องมี OPT มาปรับค่า Imp ของลำโพงซึ่งต่ำมาก ให้มีค่าสูงขึ้นพอที่หลอดจะขับได้ ซึ่งก็คือค่าที่สะท้อนมาทาง Primary ที่เราเรียก 3.5k, 10k นั่นแหล่ะครับ โดยอัตราการปรับค่าเราเรียกว่า Impedance Ratio หรือจะมองในรูป Turn Ratio ก็ได้ (เกี่ยวกันยังไง ก็ลองค้นหาเอาใน HTG2 นะครับ มีมากกว่า 2 ที่แน่นอน) และโดยมากแล้ว OPT ก็มักถูกออกแบบให้มีหลายอัตราทดในตัวเดียว เช่น 10k ต่อ 0-4-8-16 Ohm ก็หมายความว่า ถ้าเราเอา Load ไปต่อให้ตรงค่า Imp กับขด Sec เช่นลำโพง 4 ohm บนขด 4 ohm เป็นต้น ก็จะทำให้ Primary มีค่าเทียบเท่ากับ 10k ครับ แต่ถ้าเราเอา Load ไปต่อผิดขด ค่า Primary ก็จะไม่เท่ากับ 10k อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า แล้วแต่อัตราทดของ OPT ครับ จะเห็นว่าถ้าต่อถูก ไม่ว่าลำโพงจะเป็นกี่ Ohm หลอดก็ยังคงเห็น 10k อยู่ ไม่มีผลกระทบกับวงจรเลย เพราะอัตราทดของ OPT ช่วยปรับค่า Imp ให้ครับ :)
ทีนี้ถ้าต่อ Load ผิดจะเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ 2 ทางครับ คือทำให้ Primary Imp สูงกว่าปกติ และต่ำกว่าปกติ ถ้า Primary Imp สูงกว่าปกติ โดยทั่วไปกับวงจรหลอดแล้วไม่ว่า SE หรือ PP อัตราขยายจะมากขึ้นแต่ได้กำลังสูงสุดขับน้อยลง และถ้า Primary Imp ต่ำกว่าปกติก็กลับกัน แต่เนื่องจากหลอดเป็นอุปกรณ์ Imp สูง เมื่อ Load เปลี่ยนค่าไป กระแสจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จึงมักจะไม่มีปัญหาเรื่องไหม้ครับ
ยกตัวอย่างเทียบกับที่คุณ saranyo ถามมาให้ดูครับ สมมุติ OPT 5k : 8 Ohm ใช้กับ EL84 SE ที่ 250V 50mA และเราเอาลำโพง 2 Ohm ไปต่อ ซึ่งจะมีผลให้ Primary Imp เหลือแค่ 1.25k ถ้าเอาไปเขียน Load line เทียบกับเส้น 5k ดูจะเห็นว่า แรงดัน swing น้อยลง และ current swing ได้มากขึ้น เกินค่ารับได้ของหอลดหรือไม่ ผมไม่แน่ใจเพราะไม่ได้เขียนดูเอง แต่เดาเอาว่าไม่น่าเกิน คุณ saranyo ลองเขียนแล้วมาบอกเพื่อนๆ ละกันครับ (ให้งานทำซะเลย :P)
ส่วนกรณีของคุณเจ้าของกระทู้คือลำโพง 16 Ohm บนขด 8 Ohm อันนี้กลับกับของคุณ saranyo เพราะค่า Primary Imp จะกลายเป็น 10k ก็วานคุณ saranyo ลองเขียน Load line เทียบกันให้เพื่อนๆ ดู แต่สรุปได้แน่ๆ ว่า V swing มากขึ้น (อัตราขยายมากขึ้น) และ I swing น้อยลงครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นโอกาสที่จะไหม้ มีไม่เยอะครับ :)
-
ทีนี้ถ้าเป็นแอมป์ที่ไม่มี OPT ล่ะ อันนี้ไม่ต้องสมมุติแอมป์เลยครับ เอาวงจรไฟตรงง่ายๆ นี่แหล่ะ ผมมีแหล่งจ่าย 40V อยู่ แต่มันจ่ายได้แค่ 5A นะ และผมเอา Load 8 Ohm ไปต่อ กระแสจะได้เท่าไหร่? ก็คือ I = E/R = 40/8 = 5A แล้วถ้าผมเปลี่ยนเป็น 4 Ohm ล่ะ I = 40/4 = 10A แหล่งจ่ายผมไหม้ไปแล้ว เพราะเกินมา 5A ครับ แต่ถ้าเป็น 16 Ohm ละ I = 40/16 = 2.5A แหล่งจ่ายผมสบายเลย แอมป์ก็คือแหล่งจ่ายในที่นี้แหล่ะครับ
ในแง่กำลังที่เกิดขึ้น ที่ Load 8 Ohm ก็คือ P = E x I = 40 x 5 = 200W ถ้าเป็น 4, 16 Ohm ก็ 400W และ 50W ตามลำดับ จะเห็นกำลังขับสูงสุดแปรผันตาม Load ครับ ต่างกับกรณีมี OPT ที่ตัวขับเป็น Load คงที่ เพราะหม้อแปลงมันปรับค่าให้ ทำให้กำลังขับคงที่ไปด้วย และจะเห็นอีกว่าเมื่อเอา Load ค่าน้อยเกินไป ไปต่อแล้วทำไมแอมป์ถึงไหม้ครับ ก็เพราะกระแสไหลมากขึ้น จนมากเกินกว่าที่ออกแบบไว้นั่นเอง :)
-
ผมสงสัยว่า กรณี เสียงตามสายที่มีลำโพงหลายๆตัว อยู่ห่างๆกัน ที่เค้า อัพ อิมพีแดนซื ขึ้นสูงๆ ก็มีผลดี สิครับ N] N] N] N]
เป็นคนละประเด็นกันครับ ในระบบ PA มักจะเป็นการส่งระยะไกล เช่นแอมป์อยู่ชั้น 1 ลำโพงอยู่ชั้น 10 เป็นต้น ซึ่งต้องใช้สายลำโพงยาวๆ ผลคือเกิดความสูญเสียในสายไปหมดเลย ยกตัวอย่างลำโพง 8 Ohm แต่สายไปชั้น 10 ซัดไปซะ 16 Ohm แบบนี้ กำลังขับของแอมป์ก็ไปถึงลำโพงแค่ 1/3 ครับ จึงต้องปรับระบบส่งให้เป็นแบบ Imp สูงครับ เพื่อให้เกิด Loss ในสายส่งน้อยๆ อย่างที่หลายๆ คนก็อธิบายไว้ข้างต้นแล้วครับ d_d
-
ชัดเจน แจ่มแจ้ง O0 O0 ขอบคุณมากครับ
-
เคลียร์ครับ :yahoo :yahoo :yahoo
-
อาจารย์ สั่งให้ทำครับ....ไม่ทำเดี๋ยวโดนตี... :cry2
จากรูปจะเห็นว่า...เส้นสีเขียวแรงดัน swing น้อยลง และ current swing ได้มากขึ้น (ที่จุดทำงานของหลอดครับ นั่นคือที่ 250V 50mA ) ครับ
-
กรณีที่สอง เมื่อโหลดเปลี่ยนเป็น 10 K ครับ จะเห็นว่าแรงดัน swing มากขึ้น และ current swing น้อยลง แต่ดูแล้ว แตกต่างจากเดิม ไม่มากนักครับ...
-
O0 O0 O0 ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้ารวบรวมเป็นตำราได้ เข้าใจซึ้งกว่าอ่านหนังสืออีก เนื้อๆทั้งนั้น ขอบคุณคร้าบบบบบบ
-
ผมมีแอมป์ที่เสปคลำโพงไว้ที่ 3 โอห์ม
1. ลำโพงหลัก ซ้ายขวา ผมใช้ลำโพง 8โอห์ม 2 ตัวต่อขนานกันเหลือแค่ 4โอห์ม อยากให้ได้ตามเสปคแอมป์ที่3โอห์ม ต้องต่อ R ขนานเพิ่มเข้าไปหรือทำอย่างไรบ้างครับ ถ้าใช้Rต่อขนานเพิ่ม ต้องใช้ค่าเท่าไหร่คับ?
2. ส่วนลำโพงซัพ ตอนนี้ผมมีลำโพงที่มีค่า16 โอห์มอยู่ตัวเดียว ต้องทำเอา R ค่าเท่าไหร่มาต่อขนานกับลำโพง และกี่ตัวครับ (Rแบบไหนดี) ถึงจะได้เหลือแค่ 3 โอห์ม แบบข้อแรก