HTG2.club

Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: AMP150 ที่ 19 มีนาคม, 2008, 09:27:56 am

หัวข้อ: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: AMP150 ที่ 19 มีนาคม, 2008, 09:27:56 am
“สวนกุหลาบ” ครองแชมป์เด็กแห่สมัคร ม.1 มากสุด
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2551 16:44 น.
 
 
 
 
 
       สพฐ.เร่งทำบัญชีที่อนุญาตให้โรงเรียนเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มจากผู้ปกครอง เพื่อส่งให้กฤษฎีกาตรวจสอบ ว่า ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ระบุรับเด็ก ม.1 โรงเรียนยอดฮิตคึกคักเหมือนเดิม “สวนกุหลาบ” ครองแชมป์ เด็กสมัครกว่า 2,700 แข่งขัน 1 ต่อ 7 ส่วน ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา สมัครกว่า 1.8 หมื่น แข่งขัน 1 ต่อ 16
       
       วันนี้ (18 มี.ค.) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประชุมร่วมกับทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี รศ.ธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหาคำตอบในประเด็น “โรงเรียนสามารถเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครองได้หรือไม่” ทั้งนี้ ทางที่ปรึกษากฎหมาย บอกว่า ถ้าโรงเรียนจัดการเรียนการสอนหรือให้บริการนอกเหนือหลักสูตรขอเก็บค่าใช้จ่ายรับบริการพิเศษจากผู้ปกครองนักเรียนได้
       
       ยกตัวอย่าง โรงเรียนจ้างครูชาวต่างชาติมาสอนวิชาภาษาอังกฤษแทนครูไทย โรงเรียนจัดหาคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการนักเรียนเกินเกณฑ์ 1 เครื่องต่อนักเรียน 20 คน ทางโรงเรียนสามารถขอรับบริจาคจากผู้ปกครองมาดำเนินการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ดี การขอรับบริจาคต้องไม่ใช่ช่วงรับนักเรียน และไม่ใช่เงื่อนไขการรับเด็กเข้าเรียน
       
       คุณหญิงกษมา กล่าวด้วยว่า ทางที่ปรึกษาด้านกฎหมายแนะนำ สพฐ.ให้สรุปรายการที่โรงเรียนขอเก็บค่าใช้จ่ายพิเศษจากผู้ปกครอง ทำเป็นบัญชีชัดเจนแล้วนำไปปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้จะได้ยืนยันว่า การเก็บค่าใช้จ่ายตามรายการต่างๆ นั้น ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเก็บค่าใช้จ่ายควรเก็บอย่างสมเหตุสมผล ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในรายการดังกล่าว ถ้าผู้ปกครองสมัครใจบริจาคทางโรงเรียนก็สามารถรับเงินบริจาคได้เป็นกรณีพิเศษ แต่เงินที่บริจาคนี้จะไม่สามารถเบิกจากราชการต้นสังกัดได้
       
       จากนั้น คุณหญิงกษมา กล่าวถึงส่วนการรับสมัครนักเรียน ม.1 ในระหว่าง 14-18 มี.ค.ที่ผ่านมา (ยอดสมัคร ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค.) เป็นข้อมูล 95% โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 369 โรงทั่วประเทศ มีเด็กมาสมัครเข้า ม.1 จำนวน 263,998 ราย ขณะที่แผนรับเด็กของ ร.ร.กลุ่มนี้ รองรับได้แค่ 163,554 ราย ส่วน ม.4 มีผู้สมัคร จำนวน 118,261 ราย แผนรับได้ จำนวน 133,745 ราย สำหรับ กทม.ทั้ง 3 เขต พบว่า สพท.กทม.เขต 1 มีเด็กสมัครเข้า ม.1 จำนวน 24,150 ราย รับได้ 14,674 ราย และระดับ ม.4 สมัครจำนวน 28,733 ราย รับได้ 12,419 ราย สพท.กทม.เขต 2 ระดับ มีเด็กมาสมัครเข้า ม.1 จำนวน 27,489 ราย รับได้ 17,962 ราย ส่วน ม.4 สมัคร จำนวน 6,506 ราย ตามแผนรับได้ 11,492 ราย และ สพท.กทม.เขต 3 สมัครเข้า ม.1 จำนวน 20,910 ราย รับได้ จำนวน 15,815 ราย ม.4 สมัคร จำนวน 6,330 ราย รับได้ จำนวน 9,442 ราย
       
       สำหรับโรงเรียนซึ่งมีนักเรียนมาสมัครเข้า ม.1 มากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รับ 400 ราย สมัคร 2,781 ราย 2.สามเสนวิทยาลัย รับ 440 รายสมัคร 2,661 ราย 3. ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี รับ 508 ราย สมัคร 2,503 ราย 4. ร.ร.สตรีวิทยา รับ 400 ราย สมัคร 2,093 ราย 5. ร.ร.ศึกษานารี รับ 476 ราย สมัคร 2,004 ราย 6. ร.ร.สตรีทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รับ 310 ราย สมัคร 1,993 ราย 7.ร.ร.หาดใหญ่วิทยาลัย 2 จ.สงขลา รับ 600 ราย สมัคร 1,888 ราย 8.ร.ร.สตรีสมุทรปราการ รับ 440 ราย สมัคร 1,866 ราย 9.ร.ร.เบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี รับ 516 ราย สมัคร 1,821 ราย และ 10.ร.ร.ปากเกร็ด รับ 480 ราย สมัคร 1,704 ราย ส่วน ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา รับ ม.4 แค่ 1,184 ราย แต่มาสมัคร 18,802 ราย หรือ 1 ต่อ 16
       
       นอกจากนั้น ร.ร.ทั้ง 10 แห่ง แล้ว ยังมี ร.ร.ยอดนิยมที่มียอดสมัคร ม.1 เกิน 1,000 คน รวมทั้งหมด 66 โรง ได้แก่ ร.ร.ศรีอยุธยา รับ 980 ราย สมัคร 1,266 ราย, ร.ร.สตรีวิทยา รับ 400 ราย สมัคร 2,093 ราย, ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รับ 160 ราย สมัคร 2,781 ราย, ร.ร.สามเสนวิทยาลัย รับ 440 ราย สมัคร 2,661 ราย, ร.ร.โยธินบูรณะ รับ 400 ราย สมัคร 1,053 ราย, ร.ร.บดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี รับ 552 ราย สมัคร 1,521 ราย, ร.ร.ฤทธิยะวรรณยาลัย รับ 600 ราย สมัคร 1,504 ราย, ร.ร.สตรีวิทยา 2 รับ 560 ราย สมัคร 1,637 ราย, ร.ร.สารวิทยา รับ 560 ราย สมัคร 1,108 ราย, ร.ร.หอวัง รับ 440 ราย สมัคร 1,478 ราย, ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รับ 596 ราย สมัคร 1,408 ราย, ร.ร.บางปะกอกวิทยาคม รับ 392 ราย สมัคร 1,503 ราย, ร.ร.มัธยมวัดสิงห์ รับ 544 ราย สมัคร 1,183 ราย, ร.ร.มัธยมวัดหนองแขม รับ 472 ราย สมัคร 1,072 ราย, ร.ร.รัตนโกสินทร์สมโภชน์ บางขุนเทียน รับ 560 ราย สมัคร 1,030 ราย, ร.ร.ศึกษานารี รับ 476 ราย สมัคร 2,004 ราย, ร.ร.สตรีสมุทรปราการ รับ 480 ราย สมัคร 1,506 ราย, ร.ร.ราชวินิตบางแก้ว รับ 438 ราย สมัคร 1,421 ราย, ร.ร.วัดเขมาภิรตาราม รับ 620 ราย สมัคร 1,179 ราย,
       
       ร.ร.ปากเกร็ด รับ 480 ราย สมัคร 1,704 ราย, ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี รับ 508 ราย สมัคร 2,503 ราย, ร.ร.ธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม รับ 480 ราย สมัคร 1,353 ราย, ร.ร.ปทุมวิไล รับ 600 ราย สมัคร 1,321 ราย, ร.ร.ธัญรัตน์ รับ 480 ราย สมัคร 1,020 ราย, ร.ร.อยุธยาวิทยาลัย รับ 600 ราย สมัคร 1,505 ราย, ร.ร.สิงห์บุรี รับ 540 ราย สมัคร 1,146 ราย, ร.ร.สระบุรีวิทยาคม รับ 660 ราย สมัคร 1,625 ราย, ร.ร.ชลกันยานุกูล (จ.ชลบุรี) รับ 620 ราย สมัคร 1,615 ราย, ร.ร.ระยองวิทยาคม รับ 540 ราย สมัคร 1,182 ราย, ร.ร.วัดป่าประดู่ (จ.ระยอง) 480 ราย สมัคร 1,346 ราย
       
       ร.ร.เบญจมราชรังสฤษฎิ์ (จ.ฉะเชิงเทรา) รับ 432 ราย สมัคร 1,285 ราย, ร.ร.บุญวัฒนา นครราชสีมา รับ 600 ราย สมัคร 1,408 ราย, ร.ร.สุรนารีวิทยา รับ 580 ราย สมัคร 1,592 ราย, ร.ร.พิมายวิทยา รับ 560 ราย สมัคร 1,217 ราย, ร.ร.สุรวิทยาคาร (จ.สุรินทร์) รับ 400 ราย สมัคร 1,412 ราย, ร.ร.เบ็ญจะมะมหาราช (จ.อุบล) รับ 660 ราย สมัคร 1,352 ราย, ร.ร.กัลยาณวัตร (จ.ขอนแก่น) รับ 480 ราย สมัคร 1,234 ราย, ร.ร.ขอนแก่น วิทยายน รับ 500 ราย สมัคร1,320 ราย, ร.ร.เลยวิทยาคม รับ 460 ราย สมัคร 1,089 ราย, ร.ร.ผดุงนารี (มหาสารคาม) รับ 400 ราย สมัคร 1,074 ราย, ร.ร.สตรีศึกษา ร้อยเอ็ด รับ 390 ราย สมัคร 1,393 ราย, ร.ร.สกลราชวิทยานุกูล รับ 480 ราย สมัคร 1,113 ราย, ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย (จ.เชียงใหม่) รับ 420 ราย สมัคร 1,309 ราย, ร.ร.วัฒโนทัย พายัพ (จ.เขียงใหม่) รับ 390 ราย สมัคร 1,093 ราย, ร.ร.ส่วนบุญโญปถัมภ์ (จ.ลำพูน) รับ 464 ราย สมัคร 1,092 ราย, ร.ร.บุญวาทย์วิทยาลัย (จ.ลำปาง) รับ 670 ราย สมัคร 1,461 ราย, ร.ร.ลำปางกัลยาณี รับ 480 ราย สมัคร 1,165 ราย, ร.ร.สตรีนครสวรรค์ รับ 560 ราย สมัคร 1,250 ราย, ร.ร.เฉลิมขวัญสตรี (พิษณุโลก) รับ 440 ราย สมัคร 1,613 ราย
       
       ร.ร.เบญจมราชูทิศ (จ.ราชบุรี) รับ 516 ราย สมัคร 1,821 ราย, ร.ร.พระปฐมวิทยาลัย รับ 560 ราย สมัคร 1,613 ราย, ร.ร.สมุทรสาครบูรณะ รับ 480 ราย สมัคร 1,286 ราย, ร.ร.เบญจมเทพอุทิศ (จ.เพชรบุรี) รับ 480 ราย สมัคร 1,212 ราย, ร.ร.เบญจมราชูทิศ รับ 480 ราย สมัคร 1,696 ราย, ร.ร.ทุ่งสง รับ 436 ราย สมัคร 1,234 ราย, ร.ร.สตรีทุ่งสง รับ 310 ราย สมัคร 1,993 ราย, ร.ร.ภูเก็ตวิทยาลัย รับ 440 ราย สมัคร 1,546 ราย, ร.ร.สตรีภูเก็ต รับ 460 ราย สมัคร 1,212 ราย, ร.ร.สุราษฎร์ธานี รับ 500 ราย สมัคร 1,661 ราย, ร.ร.วรนารีเฉลิม สงขลา รับ 480 ราย สมัคร 1,082 ราย, ร.ร.หาดใหญ่วิทยาลัย 2 รับ 600 ราย สมัคร 1,881 ราย, ร.ร.หาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา รับ 480 ราย สมัคร 2,128 ราย, ร.ร.พัทลุง รับ 476 ราย สมัคร 1,029 ราย, ร.ร.สตรีพัทลุง รับ 476 ราย สมัคร 1,536 ราย, ร.ร.สภาราชินี (ตรัง) รับ 440 ราย สมัคร 1,329 ราย ร.ร.สวนศรีวิทยา จ.ชุมพร รับ 400 ราย สมัคร 1,026 ราย และ ร.ร.นวมินทราชูทิศ ทักษิณ จ.ชุมพร รับ 550 ราย สมัคร 1,022 ราย
       
       คุณหญิงกษมา อธิบายให้ฟังว่า ที่เห็นยอดนักเรียนสมัครในโรงเรียนยอดนิยมจำนวนมาก มาจากเด็กบางรายยื่นใบสมัครหลายแห่ง ตัวเลขจึงซ้ำซ้อนกัน อย่างไรก็ดี เด็กพลาดหวังจากการสอบเข้า ก็จะกลับไปใช้สิทธิจับสลากโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอย่างนี้ทุกปี อย่างไรก็ดี ทาง สพฐ.ยังยืนยันว่าจัดหาที่เรียนที่มีคุณภาพให้กับนักเรียนทุกคนได้แต่อาจไม่ได้โรงเรียนตรงใจทุกคน
       
       ทั้งนี้ จะสอบคัดเลือกรับนักเรียนพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ประกาศผลสอบ 25 มี.ค.และจับสลากพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 30 มี.ค.ด้วย

 
 --------------------------------

ดีนะยังไม่มีลูก ตอนเราสอบเองก็หืดจับเหมือนกัน ที่บ้านสอบพร้อมกัน 2คนเลย ถ้าคนหนึ่งได้ คนหนึ่งไม่ได้(ซึ่งทางบ้านหมายหัวเรานั้นเอง) จะไปเรียนที่ไหนดี  :giveup :cold 2f :-X :black_eye
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: art ที่ 19 มีนาคม, 2008, 09:59:14 am
ยังไม่มีลูกครับ....มีแต่หลาน....ตอนนี้ก็กลุ้มใจ....แทนหลานเหมือนกัน.....ปีนี้กำลังจะเข้า ม.1  :D
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: คนชอบหลอด ที่ 19 มีนาคม, 2008, 10:14:53 am
(ยังไม่มีลูกครับ....มีแต่หลาน....ตอนนี้ก็กลุ้มใจ....แทนหลานเหมือนกัน.....ปีนี้กำลังจะเข้า ม.1) ผมผ่านตอนนั้นแล้วครับลูกผมกำลังเรียน ม.5 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ตอนนี้ก็ยังกลุ้มใจว่ามันจะเข้าเรียนที่ไหน  ส่วนหนึ่งที่ช่วยเขาได้มากคือ เขาติดหนังสือ  ว่างเมื่อไหร่เขาจะไปหาหนังสือที่ศุนย์จุฬา  ใครที่ยังไม่มีหรือไม่ถึวเวลาเตรียมไว้เถอะครับ  เจาะจริง ๆ มันเป็นธรรมชาติที่เราจะต้องพบ
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: Telecine ที่ 19 มีนาคม, 2008, 10:28:51 am
ลูกชายผมเองเลยครับหนึ่งในจำนวนมหาศาลของปีนี้ ก็ได้แต่ช่วยให้กำลังใจกันทั้งครอบครัวละครับเสาร์นี้ก็รู้แล้วครับว่าหมู่หรือจ่า :victory
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: AMP150 ที่ 19 มีนาคม, 2008, 10:46:31 am
ผมก็เป็นคนติดหนังสือเหมือนกันครับ แต่ต้องไปซื้อแถวท่าน้ำนนท์ หรือไม่ก็สะพานพุทธ(หนังสืออนาโตมี่เป็นส่วนใหญ่) :victory
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: xthaix ที่ 19 มีนาคม, 2008, 10:54:56 am
ผมกำลังหาทางทวนกระแสครับ ทำมาหากินได้โดยไม่ต้องเรียน (ตามระบบการศึกษา)สูงๆ ขอให้มีความรู้ในสิ่งที่ตัวเองจะทำ เห็นชาวนาว่า ลูกผมทำนาเป็นทุกขั้นตอน อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ... ลูกคนขายอาหาร มีร้านอาหารให้ลูกทำต่อ ลูกจบพออ่านออกเขียนได้ แต่ชอบใฝ่หาความรู้การทำอาหาร...  O0
ผมสงสัยว่า เด็กที่แข่งกันเรียนสูงๆ ทุกคนเรียนตามระบบ (+ติวบ้าตามสถาบันฟันเงินผู้ปกครอง) แย่งกันสอบเข้า แล้วพอจบมาแย่งงานกันทำ ได้ดีกันสักกี่คน  :nonono
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: คุณโชค ที่ 19 มีนาคม, 2008, 11:01:04 am
เห็นด้วยกับคุณไท..  ไม่จำเป็นต้องจบสูงหรอก ผมจบป ตรีมา หาเงินได้นิดเดียว ช่างข้างบ้านหาได้เดือนละหลายหมื่น จบก็ไม่สูง ......เสียดายค่าเทอม
หมดหลายเเสน เอาเงินมาลงทุนทำอย่างอื่นก็ดี .. ;D ;D
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: art ที่ 19 มีนาคม, 2008, 11:22:55 am
   จะพูดแล้วก็เหมือน.....เผาผู้ปกครองของหลาน.....พ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่......ไม่ค่อยมีเวลา....อยู่กับลูกเท่าที่ควร....เลี้ยงลูกด้วย PLAY 2....TV....หนัง DVD ที่เด็กอยากจะดู....โดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง....จากผู้ปกครอง....หนังจำพวก.....ความรุนแรงทั้งหลาย......สงสานหลานครับ......ตอนนี้ก็พยายามดึงความสนใจ.....ของเด็ก.....ออกจากสิ่งที่กล่าวมา.....ตอนนี้ก็ดีใจไปอย่าง.....ที่เค้าสนใจเรื่องอิเล็กโทรนิกส์.....เหมือนเรา.....เพราะเคยพาไป.....ตระเวนบ้านหม้อทั้งวัน.....และเห็นตัวอย่างจากเรา....เค้าก็เลยอยากเล่นเหมือนกัน.....มองในแง่ดี.....อย่างน้อยงานอิเล็กโทรนิกส์.....ก็ใช้สมองกว่า....การนั่งเล่นเกมส์ทั้งวันครับ......ทุกวันนี้ก็เคยคิดนะครับ.....เราเรียนกับสิ่งที่เรา.....ไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน(บางวิชา)......ไปเพื่ออะไรครับ.....เรียนสูงมากใช่ว่าจะดี.....การศึกษา.....ไม่ได้ทำให้....จิตใจของคน......สูงขึ้นเลยครับ   :(
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: AMP150 ที่ 19 มีนาคม, 2008, 11:25:06 am
ผมว่าควรจะเรียน แต่เรียนอย่างพอเพียงดีกว่า ไม่ต้องเว่อร์มาก ต้องเรียนอินเตอร์ เรียนภาคภาษาอังกฤษ เทอมเป็นแสน จบมาเงินเดือนหมื่นเดียว ไปโดดน้ำตายดีกว่า
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: el36 ที่ 19 มีนาคม, 2008, 11:35:29 am
ผมกำลังหาทางทวนกระแสครับ ทำมาหากินได้โดยไม่ต้องเรียน (ตามระบบการศึกษา)สูงๆ ขอให้มีความรู้ในสิ่งที่ตัวเองจะทำ เห็นชาวนาว่า ลูกผมทำนาเป็นทุกขั้นตอน อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ... ลูกคนขายอาหาร มีร้านอาหารให้ลูกทำต่อ ลูกจบพออ่านออกเขียนได้ แต่ชอบใฝ่หาความรู้การทำอาหาร...  O0
ผมสงสัยว่า เด็กที่แข่งกันเรียนสูงๆ ทุกคนเรียนตามระบบ (+ติวบ้าตามสถาบันฟันเงินผู้ปกครอง) แย่งกันสอบเข้า แล้วพอจบมาแย่งงานกันทำ ได้ดีกันสักกี่คน  :nonono

เห็นด้วยครับ ตัวผมเองก็เป็นอย่างว่า ทำงานมาหลายปี...สุดท้ายก็ต้องเดินตามทางที่ครอบครัววางไว้ เมื่อก่อนก็ไม่ชอบ
ตอนนี้สำนึกสุดฃึ้ง :yahoo
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: Goda Takeshi ที่ 19 มีนาคม, 2008, 11:58:44 am
ปัญหาก็คือ เรียนมาแล้วเอามาดัดแปลงใช้ในชีวิตและการงานกันไม่ได้กันมากกว่าครับ

ถ้าครอบครัวมีธรุกิจรองรับและมีความมั่นคงพอสมควรจนกระทั้งตอนเขาโตในอนาคต ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถ้าไม่มีอะไรรองรับอยู่ มันก็ต้องให้เรียนสูงกันไว้ละครับ ผมเห็นว่าได้ดีกันเยอะนะครับ มันอยู่ที่ืทุนของผู้ปกครองว่ามีขนาดไหน และอยู่ที่ตัวเด็กด้วยว่ามีความสามารถขนาดไหน

โอกาศของเด็กมีไม่เท่ากันครับ เรียนสูงไว้ก่อนก็ดีครับถ้าเวลามีและทรัพย์มี ปัญหาของเด็กคือเขามักจะไม่รู้ว่าจะทำอะไรในชีวิต ถ้ารู้ก่อนกันได ้ก็มุ่งทุ่มไปทางนั้นได้ โดยไม่ต้องเข้าตามระบบเรียนก็ได้ครับ ในฐานะผู้ปกครองก็อย่าให้เขาใช้ชีวิตโดยประมาท

ถ้าผู้ปกครองมั้นในในวิชาชีพที่จะสืบทอดให้บุตรหลานก็สนับสนุนให้เขามีความสามารถในด้านนี้ก็นับว่่าจะเป็นประโยช์นกว่ามากครับ แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็สนับสนุนให้เขามีทางเลือกไว้บ้างก็ดีนะครับ
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: ธีรพัชร์ TJAM ที่ 19 มีนาคม, 2008, 12:09:33 pm

      (ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก) เป็นสำนวนหรือเปล่าครับ
เลือกโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กและครอบครัว แนะให้เด็กชอบที่จะเรียนรู้
ขาดตรงไหนก็เติมตรงนั้น  ครอบครัวสำคัญครับ (ต้องเป็นคนดีด้วยครับ)
แค่นี้ก็ไม่ทุกข์แล้วครับ   :) :)
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: xthaix ที่ 19 มีนาคม, 2008, 12:13:54 pm
ที่สำคัญคือเราเหล่าผู้ปกครองแระครับ ว่าจะวางแนวทางชีวิตให้ลูกอย่างไร ถ้าให้เรียนกันแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ต้องเอาเงินไปเวียงแห ให้เรียนมันทุกวิชา เพราะเราก็ไม่รู้ว่าลูกจะชอบแนวไหน มันก็ต้องเดือดร้อนทั้งเราที่ต้องหาเงินมา (ไม่มีเวลาให้ลูกอีกต่างหาก).. ลูก ที่ต้องเรียนหนักมากๆ โดยที่เขาอาจไม่จำเป็นใช้ หรืออยากเรียนเลย แต่ระบบการศึกษาบ้านเรา ชอบเหวี่ยงแหให้เรียนตามก้นกันมาแยะๆ เป็นการแก้ปัญหาแบบสุ่มกว้างๆ เข้าไว้ หนำซ้ำเรียนในเวลาไม่ดีพอ ต้องแห่ไปกวดวิชา (ทำให้สงสัยว่าการเกิดระบบการกวดวิชา เกิดจากมันมีอะไรกั๊กกันในเวลาเรียนปกติไหมนะ)
สำหรับผม วิชาชีพเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจครับ... จะเหมาะกับผู้ปกครองท่านใดบ้าง ต้องไปพิจารณากันเอง ให้สอดคล้อง... :drive1
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: ข้อเสือ ที่ 19 มีนาคม, 2008, 01:00:41 pm
ผมว่า การศึกษาสูงๆ อาจจะไม่จำเป็น แต่การศึกษามากๆจำเป็น การเรียนตามระบบก็ดี นอกระบบก็ดี ล้วนแต่พอกพูนความรู้ สร้างเสริมประสบการณ์
อยู่ที่ว่าเรา(พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติ ครูบาอาจารย์ สังคม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ)จะทำให้เค้าได้ศึกษาได้มากแค่ไหน รู้มากก็หัวหมอมาก เอ้ย ก็มีทางเลือกได้มาก สร้างโอกาสให้ตัวเองได้มาก แต่ก็อย่าลืมว่ามีความรู้แล้วต้องมีคุณธรรมด้วย ไม่ใช่ว่ารู้มากแต่ไร้คุณธรรม บ้านเมืองคงไม่เจริญ ต้องมาเลือกตั้งกันบ่อยๆ :yucky
การเลือกโรงเรียนดีๆให้ลูกก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: xthaix ที่ 19 มีนาคม, 2008, 07:31:43 pm
ผมว่าน่าจะคิดนอกกรอบกันบ้าง การคิดในกรอบ หรือคิดตามที่ระบบการศึกษาที่มีอยู่ เป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาในปัจจุบันแระครับ ส่วนการคิดลักษณะปัจเจกส่วนบุคคล ก็แค่เอาตัวรอดไปได้ในสังคมที่มันเดินไป ไม่ช่วยให้ระบบดีขึ้น สังคมโดยรวมไม่ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: JAY ที่ 19 มีนาคม, 2008, 08:01:15 pm
ผมมีสาม...ตอนนี้ขายทุกอย่างที่ขายได้เพื่อต่าเทรมลูกครับ :(
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: tewmax ที่ 19 มีนาคม, 2008, 08:45:03 pm
ผมมี 2 คน คนโตอยู่ ม.5 กำลังบ้าเรียนลงเรียนพิเศษทีหลายวิชา ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า ไปส่งทุกวัน :black_eye ค่าเรียนเอาเรื่องเหมือนกัน :cry2
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: Southern man ที่ 19 มีนาคม, 2008, 09:19:16 pm
ผมว่า อย่างที่คนชอบพูดละครับ  สังคม ต้องการคนดี  พอๆกับคนเก่ง แต่ตอนนี้ คนเก่ง ก็ยังไม่ดีไปทั้งหมด ที่ มีสิ่งไม่ดีๆ ก็เพราะ คนเก่งที่ ใช้ความเก่งในทางที่ผิด เช่น หาทางเอาเปรียบ สังคม โกงชาติ นั่นไม่ใช่เพราะคนเก่ง แต่ไม่ดีหรือ K) K) K)
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหมีน้อย ที่ 19 มีนาคม, 2008, 10:52:02 pm
คุณพ่อ  :victory 

หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: garfield ที่ 20 มีนาคม, 2008, 02:11:26 am
หลังจากฟังคุณพ่อพูดมาหลายท่านผมคุณลูกของแสดงความคิดเห็นบ้างเพราะผมเพิ่งจะ 23 น่าจะยังมีความเป็นลูกอยู่เยอะ :wiggle
การศึกษาผมคิดว่ามีประโยชน์มากครับถ้าศึกษาอย่างมีจุดหมาย ผมเห็นเพื่อนผมแต่ละคน(ในสมัยเรียน)สนใจกับเรื่องเกรดมาก(ผู้ปกครองนี่ยิ่งหนัก)หลายคนที่ได้เกรดทีสูงๆผ่านไปก็ลืม(แต่อีกหลายคนก็จำได้)แต่สำหรับผมไม่เคยสนใจเกรดสนใจแค่เพียง concept ของวิชา(แม้เกรดจะไม่สูง)และสนวิชาที่คิดว่าจะได้ใช้ผ่านมาหลายปีก็ยังจำได้เหมือนขี่จักรยานขี่เป็นแล้วเป็นเลย
แต่ตอนนี้ทำงานแทบไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลยแต่ใช้แนวคิดทางด้านวิศวกรรมที่สั่งสมมาจากการเรียนเยอะมาก
ที่บ้านผมทำสวนส่งผมเรียนเพื่อจะได้ไม่ลำบากเหมือนท่านทุกวันนี้ผมทำงานสบายมากๆ ความสบายก็เลยเผื่อแผ่ไปถึงท่านบ้าง
ถ้าบอกว่าการเรียนไม่สำคัญก็คงไม่ใช่ถ้าจะเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน เค้าก็เรียกเอาวุฒิการศึกษา
จะทำอาชีพส่วนตัวถ้าฐานะไม่เอื้อจะเอาทุนจากไหนมาทำได้
แต่ถ้าที่บ้านมีร้านอาหารและจะสืบทอดให้ลูมาดูแลต่อ แต่จะส่งลูกจนจบ โท อักษร ผมก็ไม่เห็นด้วย
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: analoque ที่ 20 มีนาคม, 2008, 05:04:02 am
บางครั้งเราอาจจะจำเป็นต้องเรียนสูงๆเพื่อให้รู้ทันพวกที่เรียนสูงๆมาแต่คิดจะโกงกินบ้านเมืองครับ  :headphone

ไม่งั้นกว่าเราจะทราบอีกที เราอาจจะไม่เหลืออะไรแล้ว ก็เป็นได้ครับ  :cry2
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: paganini ที่ 20 มีนาคม, 2008, 08:55:20 am
โรงเรียนมัธยมต้น และ ปลาย มีส่วนในการวางรากฐานการศึกษาพอสมควร

ถ้าขั้นตอนนี้ได้โรงเรียนที่ไม่มีมาตรฐาน ต่อไปก็ยากที่เด็กจะมีคุณภาพ

ปัญหานี้ทางรัฐก็ทราบดี ทุกวันนี้จึงพยายามยกระดับโรงเรียนมัธยมให้ได้เท่ากับท็อปโฟร์ฝ่ายชายในอดีตคือ สวนกุหลาบ เทพศิรินทร์ กรุงเทพคริสเตียน และอัสสัมชัน

ส่วนฝ่ายหญิงก็ได้แก่ สตรีวิทย์ ศึกษานารี สายปัญญา

เวลานี้โรงเรียนดี ๆ มีมากขึ้นก็จริง แต่ก็ยังไม่มั่นใจ มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ ทัศนคติแบบนี้คงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูศักยภาพของเด็กด้วยว่าเขารับการแข่งขันในโลกนี้ได้แค่ไหนด้วย
หัวข้อ: Re: ใครมีลูกตอนนี้คงเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เริ่มหัวข้อโดย: AMP150 ที่ 20 มีนาคม, 2008, 09:15:43 am
การเรียนโรงเรียนมีชื่อเสียงนั้น มีข้อดีนอกจากเรื่องวิชาการดีแล้ว เรื่องคอนเนคชั่นก็เป็นเรื่องสำคัญครับ อย่างประสบการณ์ที่เจอ ไม่ว่าไปที่ไหน ก็มีระบบสี ระบบเส้น อย่างเลี่ยงไม่ได้เลย ไม่ว่าจะสมัครงาน เลื่อนขั้น เพราะประเทศเราเนี่ยระบบอุปถัมถ์เนี่ยยังแก้ไม่หาย :giveup :giveup