HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: prasan ที่ 30 มีนาคม, 2008, 11:04:06 am
-
อยกลองเล่น PP ดูบ้าง อ่านบทความ อ.มด ใน YearBook หลายรอบแล้วจึงตัดสินใจได้
-
Top view ครับ
-
Front view ครับ
-
Rear view ครับ
-
จะใช้วงจรของ อ.มด แต่จะขอดัดแปลงนิดหน่อย คือ แยกภาคจ่ายไฟซ้าย-ขวา แยกภาคจ่ายไฟของ pre-drive ออกจากภาค power และให้สามารถเล่นหลอดเบอร์อื่นได้ด้วย ที่เข้าคิวรอทดสอบด้วยก็มี 7027A, 6L6, 5881, 12BQ6
OPT ผมพันไว้ใช้แกน 38x50mm 6.6K Plate-to-Plate พันแบบเผื่อไว้ต่อ UL ได้ด้วย
-
opt พันเองเลยหรอครับแจ่มมากเลย O0 O0
-
จะใช้วงจรของ อ.มด แต่จะขอดัดแปลงนิดหน่อย คือ แยกภาคจ่ายไฟซ้าย-ขวา แยกภาคจ่ายไฟของ pre-drive ออกจากภาค power และให้สามารถเล่นหลอดเบอร์อื่นได้ด้วย ที่เข้าคิวรอทดสอบด้วยก็มี 7027A, 6L6, 5881, 12BQ6
OPT ผมพันไว้ใช้แกน 38x50mm 6.6K Plate-to-Plate พันแบบเผื่อไว้ต่อ UL ได้ด้วย
ขอฝากทดสอบอีกเบอร์ครับ 6384 เห้นในเว็บกระป๋องบอกเป็นหลอดที่มีโครงสร้างยอดเยี่ยมทนทานเกิน 10000 ชม.UP สร้างไช้กับขีปนาวุธ ราคาไม่แพง ไม่รู้เสียงจะยอดเยี่ยมหรือเปล่า ช่วยฝากลองเป็นวิทยาทานด้วยครับ เห็นว่า เหมือน 6L6, 5881 สลับขาหลอดนิดหน่อยครับ ถ้าเสียงดี น่าทำเล่นจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนหลอด บ่อยๆเพราะหลอดเสื่อมช้าประหยัดต้งดีครับ :clap O0 d_d
-
O0สวยจังครับ แท่นเนี้ยบมากๆ :clap :clap
-
แท่นสวยมากๆ เลยครับ
-
จะรอดูต่อไปนะครับ สวยจริงๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
-
แล้วจะติดใจ ;D
-
ขอฝากทดสอบอีกเบอร์ครับ 6384 เห้นในเว็บกระป๋องบอกเป็นหลอดที่มีโครงสร้างยอดเยี่ยมทนทาน
ไม่ทราบว่าจะไปหาได้ที่ไหนครับ ต้องขออภัยด้วยครับ หลอดที่ผมเสียบไว้ที่เป็นฐานสีขาวเป็น 2A3 EH ครับ
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
พี่ Mc นะพี่ Mc ไม่น่าเล้ย... ทำให้ผมเกิดกิเลส ;D ;D ;D
แล้วจะติดใจ ;D
พี่ JAY นี่ถูกคนเลยที่ทำให้ผมต้องกลับมาคิดเรื่อง PP ;D ;D แล้วต่อไปสงสัยต้องหาลำโพงหลายทางมาเล่นอีก ก็พี่ JAY อีกแหละที่ทำให้เกิดกิเลส ;D
-
งามมากๆคับ O0 O0 0)] O0
-
แยกภาคจ่ายภาคหน้า-หลัง เสียงต่างกันไหมครับ กับภาคจ่ายไฟทั่วไป O0
-
วงจรที่สร้าง ดัดแปลงจากวงจรนี้หรือเปล่าครับ :wiggle โดยเปลี่ยนภาคจ่ายไฟจากไดโอดทวีแรงดันเป็นหลอดแทน ;) ถ้าใช่รบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ว่าถ้าจะใช้ 6L6 แทน จะต้องปรับเปลี่ยนวงจรอย่างไรบ้าง :secret ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ^-^
-
วงจรที่สร้าง ดัดแปลงจากวงจรนี้หรือเปล่าครับ :wiggle โดยเปลี่ยนภาคจ่ายไฟจากไดโอดทวีแรงดันเป็นหลอดแทน ;) ถ้าใช่รบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ว่าถ้าจะใช้ 6L6 แทน จะต้องปรับเปลี่ยนวงจรอย่างไรบ้าง :secret ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ^-^
ใช่ครับ ถ้าใช้ 6L6 ก็เปลี่ยนไบอัสที่หลอด 6L6 ใหม่ และก็ไม่ต้องจุดไส้หลอดแยกขดเหมือน 2A3 ก็ได้ครับ OPT ก็น่าจะเพิ่มขนาดเพื่อให้รองรับกำลังวัตต์ที่สูงขึ้นด้วย ส่วนจะใช้ค่าเท่าไร ก็อยู่ที่การออกแบบล่ะครับว่าต้องการแบบไหน ลองไปดูข้อมูลเพิ่มเติมใน datasheet ของหลอด 6L6 ด้วยก็ดีครับ
-
วางเลเอ้า สวยดีครับ แถมแท่นยังงามอีกดูแล้วเข้ากันดีจิงๆครับ :clap :clap :clap
-
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ :bowdown จะได้มีแรง(ใจ)ทำต่อแต่ก็จะขอออกตัวก่อนว่าความคืบหน้าอาจจะช้าไปสักนิดเพราะว่าช่วงนี้งานประจำเยอะมาก แต่ก็อยากจะทำต่อไปจนเสร็จแล้วจะมารายงานผลเรื่อยๆ ครับ
วงจรที่สร้าง ดัดแปลงจากวงจรนี้หรือเปล่าครับ :wiggle โดยเปลี่ยนภาคจ่ายไฟจากไดโอดทวีแรงดันเป็นหลอดแทน ;) ถ้าใช่รบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ว่าถ้าจะใช้ 6L6 แทน จะต้องปรับเปลี่ยนวงจรอย่างไรบ้าง :secret ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ^-^
ใช่ครับ ถ้าใช้ 6L6 ก็เปลี่ยนไบอัสที่หลอด 6L6 ใหม่ และก็ไม่ต้องจุดไส้หลอดแยกขดเหมือน 2A3 ก็ได้ครับ OPT ก็น่าจะเพิ่มขนาดเพื่อให้รองรับกำลังวัตต์ที่สูงขึ้นด้วย ส่วนจะใช้ค่าเท่าไร ก็อยู่ที่การออกแบบล่ะครับว่าต้องการแบบไหน ลองไปดูข้อมูลเพิ่มเติมใน datasheet ของหลอด 6L6 ด้วยก็ดีครับ
ขอบคุณ อ.มดที่เข้ามาให้รายละเอียดเพิ่มเติม ถ้ามีคำแนะนำอื่นๆ ยินดีมากครับ และจะขออนุญาตอ้างถึงวงจรที่ลงใน Yearbook ด้วยครับ
-
ขอบคุณ อ.มดที่เข้ามาให้รายละเอียดเพิ่มเติม ถ้ามีคำแนะนำอื่นๆ ยินดีมากครับ และจะขออนุญาตอ้างถึงวงจรที่ลงใน Yearbook ด้วยครับ
ยินดี ไม่มีปัญหาครับ ผมก็ลอกๆ ปะๆเขามาอีกทีครับ ;D ;D
-
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
:cry2 ติดใจPPของโผมซักกะหน่อย ;D
-
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
:cry2 ติดใจPPของโผมซักกะหน่อย ;D
อ้าว อย่างนั้นหรือครับ ผมเข้าใจผิด ;D ;D ;D ;D
-
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
:cry2 ติดใจPPของโผมซักกะหน่อย ;D
อ้าว อย่างนั้นหรือครับ ผมเข้าใจผิด ;D ;D ;D ;D
เมื่อไรจะถึงคิวPUSH-PULL ประลองกัน เอาเฉพาะPP ที่บ้านบนเนินอ่ะ :starwars
-
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
:cry2 ติดใจPPของโผมซักกะหน่อย ;D
อ้าว อย่างนั้นหรือครับ ผมเข้าใจผิด ;D ;D ;D ;D
เมื่อไรจะถึงคิวPUSH-PULL ประลองกัน เอาเฉพาะPP ที่บ้านบนเนินอ่ะ :starwars
มี Pro นิ่มอยู่ใกล้ๆ ผมมั่นใจว่า PP เครื่องแรกของผมสำเร็จแน่ๆ เพราะว่าถ้ามันไม่เวิร์คผมก็จะยกไปที่บ้าน Pro นิ่มเลย ;D ;D
-
งานไม้สวยเงางามแท้ๆ แหล่มจริงๆ ครับพี่ O0
-
เสียงเป็นไงครับ ;)
-
งานไม้สวยเงางามแท้ๆ แหล่มจริงๆ ครับพี่ O0
ไม้ลังครับซื้อมาจากร้านรวมเศษแล้วจ้างช่างที่รู้จักทำให้ครับ ค่าแรงสองร้อยกว่าบาท
เสียงเป็นไงครับ ;)
ยังไม่เสร็จครับ :)
มีเรื่องขำๆ เกี่ยวกับการออกแบบหม้อแปลง power ที่เป็นสาเหตุให้เริ่มงาน wiring ยังไม่ได้น่ะครับ ผมออกแบบให้ flux density ไว้เพียง 80% ที่แกนจะรับได้เพราะต้องการลดการสูญเสียในแกนเหล็กทำให้ต้องพันรอบมากขึ้นแถมยังออกแบบให้ขด sec ที่เป็นไฟสูงรับกระแสได้ถึง 920 mA ผลนะหรือครับล้นแกนสิครับทั้งๆ ที่เผื่อความหนาไว้แล้วจะได้ไม่ล้นแกน ขดไฟจุดไส้หลอด 6.3V จึงลงไม่ได้จึงต้องพันหม้อแปลงใหม่อีกลูกเพื่อเป็นไฟจุดไส้หลอด 6.3V
หม้อแปลง power ลูกแรกแกน 45x110 mm ลูกที่สอง 32x40 mm. ;D ;D
-
ลายไม้ที่แท่นสวยจิงๆ :secret ชอบๆ Y]
-
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนละครับ c) c) c) c) c) c) c) c) :clap :clap :clap
แล้ววันไหนอยากขึ้นมาเที่ยวเมืองเหนือ :drive1 :drive1 d_d :drunk เอาติดขึ้นมาเทียบกับ 6550 PP Amp (UL เหมือนกันครับ ที่ผมหวังไว้ที่ 80-100W เพื่อขับ QUAD ESL 63 สี่ตัวพร้อมๆ กัน) :showoff แล้วจะรู้ว่ามันเหนือกว่า 7027A PP Amp (18W) ที่เคยฟังในวันนั้นสักแค่ไหน? :whistling (แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเหมือนกัลล์!!! รอหาคนเจาะแผ่นทองแดงให้อ่ะครับ)
-
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
คุณPrasan ติดใจ Ferrari มากกว่า ;D ;D ;D
-
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนละครับ c) c) c) c) c) c) c) c) :clap :clap :clap
แล้ววันไหนอยากขึ้นมาเที่ยวเมืองเหนือ :drive1 :drive1 d_d :drunk เอาติดขึ้นมาเทียบกับ 6550 PP Amp (UL เหมือนกันครับ ที่ผมหวังไว้ที่ 80-100W เพื่อขับ QUAD ESL 63 สี่ตัวพร้อมๆ กัน) :showoff แล้วจะรู้ว่ามันเหนือกว่า 7027A PP Amp (18W) ที่เคยฟังในวันนั้นสักแค่ไหน? :whistling (แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเหมือนกัลล์!!! รอหาคนเจาะแผ่นทองแดงให้อ่ะครับ)
ขอบคุณมากครับพี่ c) c) c)
พี่ไปข้างหน้าอีกแล้วหรือครับ 6550 PP แล้ว 7027A PP ยังอยู่หรือเปล่าครับ
สงสัย ติดใจ PP ผม 2f 2f 2f 2f เป็นอะไรกันไปเนี่ย หันมาเล่น PP ตามกันเป็นแถวเลย
คุณPrasan ติดใจ Ferrari มากกว่า ;D ;D ;D
;D ;D ;D วันนั้นผมยังไม่ได้ฟังเพราะต้องรีบพาลูกกลับบ้าน แต่เห็นหน้าตาก็แอบชอบซะแล้ว ;D
-
ในระหว่างรอวันหยุดที่จะได้ทำแอมป์ต่อให้เสร็จ ผมจะให้ข้อมูล OPT แบบ PP คู่แรกในชีวิตก่อนนะครับ
- แกนเหล็กหม้อแปลงเก่า ขนาด 38x50 mm.
- จำนวนรอบ prim ซีกละ 2128 รอบ #32 swg, sec จำนวน 105 รอบ #27 swg
- แบ่งขด prim ออกเป็น 4 ชุดต่อข้าง ขด sec มีทั้งหมด 9 ชุดๆ ละ 105 รอบแล้วนำมาขนานกันทั้งหมด
- ไม่แบ่ง section จัดเรียงขดลวดแบบ S-P11-S-P21-S-P12-S-P22-S-P31-S-P32-S-P41-S-P42-S
- ลักษณะการพันคล้ายกับที่ OPT ของ LEAK และ SANSUI (ที่อ่านใน Yearbook)
- การพันแบบนี้จะได้ 2 ข้างที่ไม่เท่ากัน เช่น ค่า DCR
- ฉนวนที่ใช้แต่ละชั้นเป็นกระดาษ Fax หนา 0.06 mm
ผลการวัด
- DCR 145 Ohm / 153 Ohm
- L 21.6 Hy / 20.3 Hy ที่ 120 Hz เบสตรึมแน่ ค่า L จาก Plate-to-Plate ได้ 90 Hy ไม่ต้องห่วงเรื่องแกนอิ่มตัวเหมือน SE OPT
- Ls 2.2 mH ที่ 1 kHz หวังว่าเสียงแหลมคงพริ้วแน่ๆ แต่ที่กลัวว่าจะผิดหวัง (หรือเปล่า) เนื่องจากวัดค่า C ของขด prim ได้ค่อนข้างสูง ผมไม่เคยวัดได้สูงขนาดนี้มาก่อน วัดได้ 12.06 nF / 12.02 nF ที่ 1 kHz ก็จะได้รู้ว่าค่า C ของขด prim จะมีผลมากหรือเปล่าในขณะที่ค่า Ls ได้ต่ำ
-
อ้อลืมไป ผมทำ UL ไว้ที่ 23% เองครับ ก็เอาชุดหนึ่งของขด prim จากที่ออกเป็น 4 ชุดนั้นแหละครับ ผมทำไว้แค่นี้เพราะจริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยชอบ penthode ซักเท่าไร ชอบ triode มากกว่าแต่ก็ทำไว้หน่อยจะได้ลอง UL เห็นเค้าบอกว่าจะช่วยลดการเพี้ยนได้ เสียงเพี้ยนนะครับไม่ใช่คนพันเพี้ยน ;D ;D ;D
-
วันหยุดที่ผ่านมาเร่งมือ wiring ในแท่น เกือบเสร็จแล้วครับ ติดปัญหาที่บัดกรีสายไฟ OPT เข้ากับขั้วต่อลำโพงไม่ได้เพราะหัวแร้งไม่ร้อนพอ :cry2 ท่านใดมีเทคนิคดีๆ ช่วยบอกด้วยครับ ไม่อยากใช้หางปลาต่อสายครับ
-
วันหยุดที่ผ่านมาเร่งมือ wiring ในแท่น เกือบเสร็จแล้วครับ ติดปัญหาที่บัดกรีสายไฟ OPT เข้ากับขั้วต่อลำโพงไม่ได้เพราะหัวแร้งไม่ร้อนพอ :cry2 ท่านใดมีเทคนิคดีๆ ช่วยบอกด้วยครับ ไม่อยากใช้หางปลาต่อสายครับ
ผมใช้หัวแร้ง 2 อันครับ ;D ;D ;D ;D
-
Pentrode Connect Ultra Linear เสียงก็ออกมาเป็น Triode SE ได้ ครับ ผมลองมาแล้ว และได้ฟังมาอีกเครื่อง ไม่กี่วันก่อน ดีอย่าง กำลังสูงดี ไม่กลัวลำโพงสามทาง หรือ ลำโพงกินวัตถ์อีกแล้ว
20 วัตถ์ กำลำโพงกินวัตถ์ 83 dB กำลังได้เหมือน 2A3 สองวัตถ์ กับลำโพง 93 dB มานั่งเชียร์ให้กำลังใจด้วยครับ ไม่ต้อง SE ก็เสียงดีได้ครับ
-
วันหยุดที่ผ่านมาเร่งมือ wiring ในแท่น เกือบเสร็จแล้วครับ ติดปัญหาที่บัดกรีสายไฟ OPT เข้ากับขั้วต่อลำโพงไม่ได้เพราะหัวแร้งไม่ร้อนพอ :cry2 ท่านใดมีเทคนิคดีๆ ช่วยบอกด้วยครับ ไม่อยากใช้หางปลาต่อสายครับ
ผมใช้หัวแร้ง 2 อันครับ ;D ;D ;D ;D
ขอบคุณมากครับพี่
Pentrode Connect Ultra Linear เสียงก็ออกมาเป็น Triode SE ได้ ครับ ผมลองมาแล้ว และได้ฟังมาอีกเครื่อง ไม่กี่วันก่อน ดีอย่าง กำลังสูงดี ไม่กลัวลำโพงสามทาง หรือ ลำโพงกินวัตถ์อีกแล้ว
20 วัตถ์ กำลำโพงกินวัตถ์ 83 dB กำลังได้เหมือน 2A3 สองวัตถ์ กับลำโพง 93 dB มานั่งเชียร์ให้กำลังใจด้วยครับ ไม่ต้อง SE ก็เสียงดีได้ครับ
ขอบคุณครับ นี่เป็น PP เครื่องแรกสำหรับผมถ้าออกมาถูกใจก็วางแผนจะออก 6BQ5 PP, 6005 PP ตามมาครับ
-
:o ลายไม้แท่นสวยมากครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล OPT ละเอียดมากครับ ขอทราบข้อมูลด้านแกนของเอาต์พุตต้วยครับ โอกาสต่อไปผมคงได้รบกวนปรึกษาเรื่องหม้อแปลงเพาเวอร์ดวยครับ :secret
-
:clap :clap :clap เยี่ยมครับ พี่ prasan
ไม่ทราบว่าพี่ต่อสายขด prinmary ออกมาข้างนอกหรือเปล่าครับ
ถ้าต่อ ลอง Pri ชีกแรก 1+2+7+8 อีกซีกก็ 3+4+5+6 เผื่อ DCR มันจะไกล้กันมากขึ้น แต่อย่างอื่นไม่รู้ :)
เป็นไอเดียครับ
-
การพัน OPT แบบคุณ prasan พันอยู่นี้ แม้ค่า C จะสูงอยู่บ้าง แต่เท่าที่ผมทดลองพัน OPT แบบนี้ดูเสียงแหลมค่อนข้างจะดีมาก ๆ ครับ เสียงทุ้มที่ 20-21 Hy. สำหรับผมค่อนข้างเยอะไปหน่อย จนผมรู้สึกอึกอัดกับค่า L สูง ๆ เพราะอิมเมจ และซาวสเตจ ฟังดูจะมั่ว ๆ ไป แต่ก็ชดเชยโดยการฟีดเบรค ทำให้รายละเอียดบางอย่างดีขึ้นครับ บ้างครั้งค่าที่เราวัดออกมาทางเทคนิกส์ กับการนำมาใช้งานจริงอาจสวนทางกันครับ ยังไงก็นำมาใช้งานดูก่อน
-
โอกาสต่อไปผมคงได้รบกวนปรึกษาเรื่องหม้อแปลงเพาเวอร์ดวยครับ :secret
ยินดีครับถ้าผมพอจะช่วยได้ครับ
:clap :clap :clap เยี่ยมครับ พี่ prasan
ไม่ทราบว่าพี่ต่อสายขด prinmary ออกมาข้างนอกหรือเปล่าครับ
ถ้าต่อ ลอง Pri ชีกแรก 1+2+7+8 อีกซีกก็ 3+4+5+6 เผื่อ DCR มันจะไกล้กันมากขึ้น แต่อย่างอื่นไม่รู้ :)
เป็นไอเดียครับ
ขอบคุณครับ ขอลองตามนี้ก่อนนะครับ ผมว่าคงไม่จบแค่คู่นี้แน่เลยครับ OPT แบบ PP ;D ;D
การพัน OPT แบบคุณ prasan พันอยู่นี้ แม้ค่า C จะสูงอยู่บ้าง แต่เท่าที่ผมทดลองพัน OPT แบบนี้ดูเสียงแหลมค่อนข้างจะดีมาก ๆ ครับ เสียงทุ้มที่ 20-21 Hy. สำหรับผมค่อนข้างเยอะไปหน่อย จนผมรู้สึกอึกอัดกับค่า L สูง ๆ เพราะอิมเมจ และซาวสเตจ ฟังดูจะมั่ว ๆ ไป แต่ก็ชดเชยโดยการฟีดเบรค ทำให้รายละเอียดบางอย่างดีขึ้นครับ บ้างครั้งค่าที่เราวัดออกมาทางเทคนิกส์ กับการนำมาใช้งานจริงอาจสวนทางกันครับ ยังไงก็นำมาใช้งานดูก่อน
:bowdown :bowdown ขอบคุณมากครับ ประสบการณ์แบบนี้นี่แหละครับที่ผมต้องการนำไปทดลองและพัฒนาต่อไปครับ
-
โอกาสต่อไปผมคงได้รบกวนปรึกษาเรื่องหม้อแปลงเพาเวอร์ดวยครับ :secret
ยินดีครับถ้าผมพอจะช่วยได้ครับ
:clap :clap :clap เยี่ยมครับ พี่ prasan
ไม่ทราบว่าพี่ต่อสายขด prinmary ออกมาข้างนอกหรือเปล่าครับ
ถ้าต่อ ลอง Pri ชีกแรก 1+2+7+8 อีกซีกก็ 3+4+5+6 เผื่อ DCR มันจะไกล้กันมากขึ้น แต่อย่างอื่นไม่รู้ :)
เป็นไอเดียครับ
ขอบคุณครับ ขอลองตามนี้ก่อนนะครับ ผมว่าคงไม่จบแค่คู่นี้แน่เลยครับ OPT แบบ PP ;D ;D
การพัน OPT แบบคุณ prasan พันอยู่นี้ แม้ค่า C จะสูงอยู่บ้าง แต่เท่าที่ผมทดลองพัน OPT แบบนี้ดูเสียงแหลมค่อนข้างจะดีมาก ๆ ครับ เสียงทุ้มที่ 20-21 Hy. สำหรับผมค่อนข้างเยอะไปหน่อย จนผมรู้สึกอึกอัดกับค่า L สูง ๆ เพราะอิมเมจ และซาวสเตจ ฟังดูจะมั่ว ๆ ไป แต่ก็ชดเชยโดยการฟีดเบรค ทำให้รายละเอียดบางอย่างดีขึ้นครับ บ้างครั้งค่าที่เราวัดออกมาทางเทคนิกส์ กับการนำมาใช้งานจริงอาจสวนทางกันครับ ยังไงก็นำมาใช้งานดูก่อน
:bowdown :bowdown ขอบคุณมากครับ ประสบการณ์แบบนี้นี่แหละครับที่ผมต้องการนำไปทดลองและพัฒนาต่อไปครับ
อีกประเด็นหนึ่งที่เรามองข้ามกันคือ การจูนจำนวนขดลวดเข้ากับเหล็กครับ
-
งานไม้สวยเงางามแท้ๆ แหล่มจริงๆ ครับพี่ O0
ไม้ลังครับซื้อมาจากร้านรวมเศษแล้วจ้างช่างที่รู้จักทำให้ครับ ค่าแรงสองร้อยกว่าบาท
เสียงเป็นไงครับ ;)
ยังไม่เสร็จครับ :)
มีเรื่องขำๆ เกี่ยวกับการออกแบบหม้อแปลง power ที่เป็นสาเหตุให้เริ่มงาน wiring ยังไม่ได้น่ะครับ ผมออกแบบให้ flux density ไว้เพียง 80% ที่แกนจะรับได้เพราะต้องการลดการสูญเสียในแกนเหล็กทำให้ต้องพันรอบมากขึ้นแถมยังออกแบบให้ขด sec ที่เป็นไฟสูงรับกระแสได้ถึง 920 mA ผลนะหรือครับล้นแกนสิครับทั้งๆ ที่เผื่อความหนาไว้แล้วจะได้ไม่ล้นแกน ขดไฟจุดไส้หลอด 6.3V จึงลงไม่ได้จึงต้องพันหม้อแปลงใหม่อีกลูกเพื่อเป็นไฟจุดไส้หลอด 6.3V
หม้อแปลง power ลูกแรกแกน 45x110 mm ลูกที่สอง 32x40 mm. ;D ;D
อยากทราบวิธีคำนวณหม้อแปลง power ครับ บอกผมหน่อยนะ เคยใช้แต่โปรแกรมสำเร็จรูปครับ :(
-
อยากทราบวิธีคำนวณหม้อแปลง power ครับ บอกผมหน่อยนะ เคยใช้แต่โปรแกรมสำเร็จรูปครับ :(
ยินดีครับ
เอาหลักการก่อนนะครับ - แกนเหล็กแต่ละชนิดมีความสามารถในการรับเส้นแรงแม่เหล็กไม่เท่ากัน เปรียบเหมือนกับเส้นลวดทองแดงที่มีความสามารถในการรับกระแสได้ไม่เท่ากัน ความสามารถในการรับเส้นแรงแม่เหล็กจะเทียบกับพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก ผมชอบใช้หน่วยที่เป็น เส้นต่อตารางนิ้ว (lines/square inch) เพราะมันให้ความรู้สึกดีกว่าว่ามีเส้นแรงแม่เหล็กกี่เส้นต่อพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กที่มีหน่วยเป็นตารางนิ้ว
- ในการออกแบบหม้อแปลงจะต้องไม่ให้เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากกว่าที่แกนเหล็กนั้นจะรับได้ ถ้าเส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากกว่าที่มันจะรับได้จะเกิดการอิ่มตัวของแกนเหล็กครับจะทำให้ไม่มีการเหนี่ยวนำเกิดขึ้น หม้อแปลงจะเกิดการถ่ายเทพลังงานหรือทำให้เกิดแรงดันจากขด prim ไป sec ได้ด้วยอาศัยการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ถ้าแกนเหล็กอิ่มตัวก็จะกลายเป็นหม้อไม่แปลง ณ ขณะนั้น ;D ;D
- เหล็ก S14 ใช้ค่า 64500 เส้นต่อตารางนิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ต่ำกว่าแกนเหล็กจะอิ่มตัว
- การสูญเสียในการแกนเหล็กส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าจะให้เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้าออกแบบให้เส้นแรงแม่เหล็กมากที่พื้นที่หน้าตัดแกนเหล็กเท่ากันจะทำให้การสูญเสียในแกนเหล็กมากกว่าออกแบบให้เส้นแรงแม่เหล็กที่น้อยกว่า
มาดูความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ จาก V x 100,000,000 = 4.44 x B x F x N x A
V คือ แรงดันไฟที่เราต่อเข้าไปที่ขด prim ปกติไฟบ้านเราเดี๋ยวนี้เป็น 230 V.
B คือ ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กที่แกนนั้นจะรับได้ เช่น S14 ใช้ 64500 เส้นต่อตารางนิ้วหรืออาจจะใช้ค่าต่ำกว่านี้ก็ได้ถ้าอยากให้เส้นแรงแม่เหล็กเกิดขึ้นน้อย
F คือ ความถี่ 50 Hz
N คือ จำนวนรอบที่พันที่ขด prim
A คือ พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก คิดที่พื้นที่แกนตรงกลางของเหล็ก EI คำนวณออกมาให้เป็นหน่วยตารางนิ้ว แล้วให้หักส่วนที่เป็นฉนวนที่หุ้มแผ่นเหล็กแต่ละแผ่นนำมารวมกัน ถือว่าประมาณ 5% ของพื้นที่แกนเหล็กที่คำนวณได้
ใส่ตัวเลขลงไปในความสัมพันธ์ก็จะได้ 230 x 100,000,000 = 4.44 x 64500 (หรือที่ต้องการ) x 50 x N x (0.95 XA)
ก็จะได้จำนวนรอบที่จะต้องพันที่ขด 230 V หรือขด prim นั่นเองครับ
ต่อไปก็คำนวณหาจำนวนรอบที่ต้องพันแล้วทำให้เกิดแรงดันขึ้น 1 V. หรือที่เค้าเรียกว่า turn per volt (TPV) นั่นแหละครับ
ดังนั้น TPV = N ที่คำนวณได้ หารด้วย แรงดัน 230 V .................***
TPV ที่ได้จะเอาไปคำนวณหาว่าที่แรงดัน sec ที่ต้องการจะต้องพันกี่รอบ โดยการเอา TPV ไปคูณกับแรงดันที่ต้องการก็จะได้จำนวนรอบที่จะต้องพัน
ต่อไปก็มาดูว่าจะต้องเลือก *****ลวดทองแดงเบอร์ไหนมาใช้ที่ขด SEC **** ก็ดูจากตารางลวดครับ เช่น ลวดเบอร์ 19 swg ทนได้ 2.5 A เบอร์ 18 swg ทนได้ 3.5 A ก็เลือกให้เหมาะกับที่เราจะเอาไปใช้งานนะครับ เช่น สมมติว่าไส้หลอดกินกระแส 2 A. อาจเลือกเบอร์ 19 swg ก็เหลือๆ แล้วครับ อย่างนี้เป็นต้นนะครับ
*** วิธีเลือกขนาดลวดที่จะใช้พันที่ขด prim *****
- ให้คำนวน แรงดัน x กระแส แต่ละขดด้าน SEC เช่น ขดไฟจุดไส้หลอด 5 V กินกระแส 5 A. จำนวน 1 ขด ก็จะได้ 5x5 = 25 VA ถ้าเป็นขด เช่น 250-0-250 จ่ายให้วงจรทั้งหมด 100 mA และถ้าเราใช้หลอด Rectify แบบ Full wave ก็จะได้ 250 x 0.1 = 25 VA (ไม่ใช่ 500 x 0.1 นะครับเนื่องจากแต่ละขดทำงานคนละทีหรือเรียกว่าคนละครึ่งไซเคิ้ล)
- รวม VA ของแต่ละขดที่คำนวณได้มารวมกัน
- VA ของขด 230 V ควรจะเท่ากับ VA ที่คำนวณได้จากขด SEC ทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงจะมีการสูญเสียไม่ว่าจะที่แกนเหล็กหรือที่ความต้านทานของลวด prim ถือว่ามีการสูญเสียสัก 20% ดังนั้นเราก็ต้องเพิ่ม VA ให้ขด prim เพื่อชดเชยความสูญเสียเหล่านั้นซะอีก 20% นั่นก็คือ คูณ VA ที่คำนวนได้จากขด SEC ทั้งหมดด้วย 1.2 ก็จะได้ VA ของขด prim
- นำค่า VA ที่คำนวณได้มาหารด้วย 230 V ก็จะได้กระแสที่เกิดขึ้นในขด prim เอาตัวเลขนี้แหละครับไปเลือกเบอร์ลวดที่จะเอามาพันขด prim.
ต่อไปก็ต้องมาคำนวณละครับว่าจะลงลวดในแกนเหล็กได้หรือเปล่าอันนี้ก็สำคัญครับ ว่าที่คำนวณมาทั้งหมดจะเอาไปใช้ได้จริงหรือเปล่า ถ้าลงลวดได้โดยไม่ล้นแกนก็ถือว่าประสบความสำเร็จถ้าล้นแกนก็ต้องมาปรับเปลี่ยนกันใหม่ เช่น เปลี่ยนแกนเหล็กให้เบอร์ใหญ่ขึ้นแต่ยังมีพื้นที่หน้าตัดที่คำนวณแล้วเท่าเดิม เนื่องจากพอเบอร์แกนเหล็กใหญ่ขึ้นก็จะได้ช่องที่จะใส่ลวดที่กว้างขึ้น หรืออาจจะใช้แกนเบอร์เดิมแต่เพิ่มจำนวนแผ่นเหล็กมากขึ้นเป็นการเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก แล้วเราก็มาคำนวณใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้จำนวนรอบที่พันแต่ละขดน้อยลง ก็แล้วแต่ว่าจะเลือกใช้แบบไหนนะครับ ;) ;)
วิธีการคำนวณว่าจะลงลวดได้พอดีหรือเปล่าคงจะทราบแล้วนะครับ
-
ต้องขออภัยด้วยครับที่ยังไม่ได้แจ้งผลการทดสอบสักที ผมยังไม่มีเวลาฟังเครื่องหลอดเลยครับช่วงนี้ งานยุ่งมากๆ เลย ก็เลยได้แต้ไหว้ครูไปพลางๆ ก่อน
-
- แกนเหล็กหม้อแปลงเก่า ขนาด 38x50 mm.
แกนประมาณ RG9 ได้หรือเปลาครับ จะได้ซื้อแกนได้ถูก Y]
-
อยากทราบวิธีคำนวณหม้อแปลง power ครับ บอกผมหน่อยนะ เคยใช้แต่โปรแกรมสำเร็จรูปครับ :(
ยินดีครับ
เอาหลักการก่อนนะครับ - แกนเหล็กแต่ละชนิดมีความสามารถในการรับเส้นแรงแม่เหล็กไม่เท่ากัน เปรียบเหมือนกับเส้นลวดทองแดงที่มีความสามารถในการรับกระแสได้ไม่เท่ากัน ความสามารถในการรับเส้นแรงแม่เหล็กจะเทียบกับพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก ผมชอบใช้หน่วยที่เป็น เส้นต่อตารางนิ้ว (lines/square inch) เพราะมันให้ความรู้สึกดีกว่าว่ามีเส้นแรงแม่เหล็กกี่เส้นต่อพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กที่มีหน่วยเป็นตารางนิ้ว
- ในการออกแบบหม้อแปลงจะต้องไม่ให้เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากกว่าที่แกนเหล็กนั้นจะรับได้ ถ้าเส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากกว่าที่มันจะรับได้จะเกิดการอิ่มตัวของแกนเหล็กครับจะทำให้ไม่มีการเหนี่ยวนำเกิดขึ้น หม้อแปลงจะเกิดการถ่ายเทพลังงานหรือทำให้เกิดแรงดันจากขด prim ไป sec ได้ด้วยอาศัยการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ถ้าแกนเหล็กอิ่มตัวก็จะกลายเป็นหม้อไม่แปลง ณ ขณะนั้น ;D ;D
- เหล็ก S14 ใช้ค่า 64500 เส้นต่อตารางนิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ต่ำกว่าแกนเหล็กจะอิ่มตัว
- การสูญเสียในการแกนเหล็กส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าจะให้เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้าออกแบบให้เส้นแรงแม่เหล็กมากที่พื้นที่หน้าตัดแกนเหล็กเท่ากันจะทำให้การสูญเสียในแกนเหล็กมากกว่าออกแบบให้เส้นแรงแม่เหล็กที่น้อยกว่า
มาดูความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ จาก V x 100,000,000 = 4.44 x B x F x N x A
V คือ แรงดันไฟที่เราต่อเข้าไปที่ขด prim ปกติไฟบ้านเราเดี๋ยวนี้เป็น 230 V.
B คือ ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กที่แกนนั้นจะรับได้ เช่น S14 ใช้ 64500 เส้นต่อตารางนิ้วหรืออาจจะใช้ค่าต่ำกว่านี้ก็ได้ถ้าอยากให้เส้นแรงแม่เหล็กเกิดขึ้นน้อย
F คือ ความถี่ 50 Hz
N คือ จำนวนรอบที่พันที่ขด prim
A คือ พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก คิดที่พื้นที่แกนตรงกลางของเหล็ก EI คำนวณออกมาให้เป็นหน่วยตารางนิ้ว แล้วให้หักส่วนที่เป็นฉนวนที่หุ้มแผ่นเหล็กแต่ละแผ่นนำมารวมกัน ถือว่าประมาณ 5% ของพื้นที่แกนเหล็กที่คำนวณได้
ใส่ตัวเลขลงไปในความสัมพันธ์ก็จะได้ 230 x 100,000,000 = 4.44 x 64500 (หรือที่ต้องการ) x 50 x N x (0.95 XA)
ก็จะได้จำนวนรอบที่จะต้องพันที่ขด 230 V หรือขด prim นั่นเองครับ
ต่อไปก็คำนวณหาจำนวนรอบที่ต้องพันแล้วทำให้เกิดแรงดันขึ้น 1 V. หรือที่เค้าเรียกว่า turn per volt (TPV) นั่นแหละครับ
ดังนั้น TPV = N ที่คำนวณได้ หารด้วย แรงดัน 230 V .................***
TPV ที่ได้จะเอาไปคำนวณหาว่าที่แรงดัน sec ที่ต้องการจะต้องพันกี่รอบ โดยการเอา TPV ไปคูณกับแรงดันที่ต้องการก็จะได้จำนวนรอบที่จะต้องพัน
ต่อไปก็มาดูว่าจะต้องเลือก *****ลวดทองแดงเบอร์ไหนมาใช้ที่ขด SEC **** ก็ดูจากตารางลวดครับ เช่น ลวดเบอร์ 19 swg ทนได้ 2.5 A เบอร์ 18 swg ทนได้ 3.5 A ก็เลือกให้เหมาะกับที่เราจะเอาไปใช้งานนะครับ เช่น สมมติว่าไส้หลอดกินกระแส 2 A. อาจเลือกเบอร์ 19 swg ก็เหลือๆ แล้วครับ อย่างนี้เป็นต้นนะครับ
*** วิธีเลือกขนาดลวดที่จะใช้พันที่ขด prim *****
- ให้คำนวน แรงดัน x กระแส แต่ละขดด้าน SEC เช่น ขดไฟจุดไส้หลอด 5 V กินกระแส 5 A. จำนวน 1 ขด ก็จะได้ 5x5 = 25 VA ถ้าเป็นขด เช่น 250-0-250 จ่ายให้วงจรทั้งหมด 100 mA และถ้าเราใช้หลอด Rectify แบบ Full wave ก็จะได้ 250 x 0.1 = 25 VA (ไม่ใช่ 500 x 0.1 นะครับเนื่องจากแต่ละขดทำงานคนละทีหรือเรียกว่าคนละครึ่งไซเคิ้ล)
- รวม VA ของแต่ละขดที่คำนวณได้มารวมกัน
- VA ของขด 230 V ควรจะเท่ากับ VA ที่คำนวณได้จากขด SEC ทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงจะมีการสูญเสียไม่ว่าจะที่แกนเหล็กหรือที่ความต้านทานของลวด prim ถือว่ามีการสูญเสียสัก 20% ดังนั้นเราก็ต้องเพิ่ม VA ให้ขด prim เพื่อชดเชยความสูญเสียเหล่านั้นซะอีก 20% นั่นก็คือ คูณ VA ที่คำนวนได้จากขด SEC ทั้งหมดด้วย 1.2 ก็จะได้ VA ของขด prim
- นำค่า VA ที่คำนวณได้มาหารด้วย 230 V ก็จะได้กระแสที่เกิดขึ้นในขด prim เอาตัวเลขนี้แหละครับไปเลือกเบอร์ลวดที่จะเอามาพันขด prim.
ต่อไปก็ต้องมาคำนวณละครับว่าจะลงลวดในแกนเหล็กได้หรือเปล่าอันนี้ก็สำคัญครับ ว่าที่คำนวณมาทั้งหมดจะเอาไปใช้ได้จริงหรือเปล่า ถ้าลงลวดได้โดยไม่ล้นแกนก็ถือว่าประสบความสำเร็จถ้าล้นแกนก็ต้องมาปรับเปลี่ยนกันใหม่ เช่น เปลี่ยนแกนเหล็กให้เบอร์ใหญ่ขึ้นแต่ยังมีพื้นที่หน้าตัดที่คำนวณแล้วเท่าเดิม เนื่องจากพอเบอร์แกนเหล็กใหญ่ขึ้นก็จะได้ช่องที่จะใส่ลวดที่กว้างขึ้น หรืออาจจะใช้แกนเบอร์เดิมแต่เพิ่มจำนวนแผ่นเหล็กมากขึ้นเป็นการเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็ก แล้วเราก็มาคำนวณใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้จำนวนรอบที่พันแต่ละขดน้อยลง ก็แล้วแต่ว่าจะเลือกใช้แบบไหนนะครับ ;) ;)
วิธีการคำนวณว่าจะลงลวดได้พอดีหรือเปล่าคงจะทราบแล้วนะครับ
ดีเลยครับ น้อง prasan ขึ้นเรื่องการคำนวณหม้อแปลงไฟฟ้า น้อง ๆ หลายคนแมร์มาคุยด้วยเรื่องการพันหม้อไฟฟ้าใช้เอง อยากให้น้อง prasan ยกตัวอย่างชัด ๆ เลยครับ เป็นตัวอย่างที่น้อง prasan ตั้งโจทย์ไว้แล้ว คือ ว่าต้องการแรงดันไฟหม้อแปลง 250-0-250 ที่กระแส 100 ma. ใช้แกนเหล็ก 38x50 mm. จะต้องคำนวณรอบทาง ไพรและเช็ค เท่าไรรอบ ครับ เพื่อให้น้อง ๆ ได้มองเห็นภาพการนำมาใช้งานจริงครับ
-
- แกนเหล็กหม้อแปลงเก่า ขนาด 38x50 mm.
แกนประมาณ RG9 ได้หรือเปลาครับ จะได้ซื้อแกนได้ถูก Y]
ได้เลยครับเอาแกนที่เรามีอยู่นั่นแหละครับแล้วมาใช้หลักการที่ผมว่ามาได้เลยครับ จะเอาแบบอุ่นๆ เมื่อเปิดทั้งวันก็ได้ครับ
ดีเลยครับ น้อง prasan ขึ้นเรื่องการคำนวณหม้อแปลงไฟฟ้า น้อง ๆ หลายคนแมร์มาคุยด้วยเรื่องการพันหม้อไฟฟ้าใช้เอง อยากให้น้อง prasan ยกตัวอย่างชัด ๆ เลยครับ เป็นตัวอย่างที่น้อง prasan ตั้งโจทย์ไว้แล้ว คือ ว่าต้องการแรงดันไฟหม้อแปลง 250-0-250 ที่กระแส 100 ma. ใช้แกนเหล็ก 38x50 mm. จะต้องคำนวณรอบทาง ไพรและเช็ค เท่าไรรอบ ครับ เพื่อให้น้อง ๆ ได้มองเห็นภาพการนำมาใช้งานจริงครับ
ได้ครับพี่ ตอนเย็นจะเข้ามาตอบอีกทีนะครับพี่
-
ขอบคุณครับพี่
ขอทราบสูตรคำนวณกำลังของแกนหม้อแปลงด้วยครับ
จะเอาลง EXCEL
-
ขอบคุณครับพี่
ขอทราบสูตรคำนวณกำลังของแกนหม้อแปลงด้วยครับ
จะเอาลง EXCEL
เอาลง EXCEL แล้ว ส่ง Mai lให้ด้วย แกนรออยู่แล้ว
-
ไม่ทราบว่าพอมีวงจร 6BQ5 pp มั้ยครับ ตอนนี้ผมใช้ 6BQ5 SE อยู่ อยากลอง pp บ้าง ไว้ฟังลูกทุ่ง กับ ร็อคสักหน่อย
-
ขอบคุณครับพี่
ขอทราบสูตรคำนวณกำลังของแกนหม้อแปลงด้วยครับ
จะเอาลง EXCEL
ขออ้างมาจาก RDH 4th edition นะครับ Chapter 5, หน้า 235 ครับ
-
ไม่ทราบว่าพอมีวงจร 6BQ5 pp มั้ยครับ ตอนนี้ผมใช้ 6BQ5 SE อยู่ อยากลอง pp บ้าง ไว้ฟังลูกทุ่ง กับ ร็อคสักหน่อย
ผมจำไม่ได้ว่าผมเอามาจาก web ไหนครับ วงจรง่ายๆ ดี
-
และนี่ก็น่าสนใจครับ
-
ขอบคุณครับพี่
ขอทราบสูตรคำนวณกำลังของแกนหม้อแปลงด้วยครับ
จะเอาลง EXCEL
เอาลง EXCEL แล้ว ส่ง Mai lให้ด้วย แกนรออยู่แล้ว
แบ่งผมมั้งซี่ อยากได้ C-Core มาลอง :)
-
มาลองออกแบบหม้อแปลงกันสักหน่อยนะครับ
*** .ผมใช้การดูข้อมูลหลอด รวมกับการเผื่อๆ จะได้คิดแบบง่ายๆ ไม่ต้องมองด้านเศรฐศาสตร์ ***
สมมติว่าต้องการพันหม้อแปลงเอามากับงานกับวงจรแอมป์ 6BQ5 SE ที่ใช้หลอด EZ81 เป็นหลอด rectifier และใช้หลอด EF86 เป็นหลอด pre-drive
ดูจาก datasheet ของแต่ละหลอดว่าใช้แรงดันจุดไส้หลอดเท่าไร ต้องการกระแสเท่าไร และก็ดูจาก datasheet ว่าหลอดที่เป็นภาคแอมป์ ภาค pre-drive ต้องการใช้กระแสเท่าไร
ไฟจุดไส้หลอด
- EZ81 ต้องการ 6.3 V, 1 A.
- 6BQ5 ต้องการ 6.3 V, 0.76 A. ใช้ 2 หลอด ดังนั้นต้องการกระแส 2 x 0.76 = 1.52 A.
- EF86 ต้องการ 6.3 V, 200 mA ใช้ 2 หลอด ดังนั้นต้องการกระแส 2 x 0.2 = 0.4 A.
รวมกระแสที่ต้องใช้จุดไส้หลอด 6.3 V ทั้งหมด = 1+1.52+0.4 = 2.92 A.
กระแสในวงจรของหลอด 6BQ5 ดูใน datasheet แล้วจะเห็นว่าจะมีความต้องการกระแสสูงสุดถ้าต่อแบบ penthode เมื่อรวมกระแส screen grid และกระแสที่ plate แล้วได้ค่าสูงสุดประมาณ 70 mA ถ้าต่อแบบ triode กระแสจะต่ำกว่านี้ ก็เลือกค่ากระแส 70 mA สำหรับเอาไปออกแบบหม้อแปลงก็แล้วกัน สำหรับ 6BQ5 2 หลอดก็จะต้องการกระแส 2 x70 = 140 mA. ผมเผื่อเป็น 200 mA. เลยละกัน
หลอด EF86 กินกระแสนิดเดียวผมไม่คิดแล้ว เพราะผมเผื่อกระแสไว้เยอะแล้วรับรองเกินพอแน่นอน
มาดูต่อว่าแล้วจะพันขดไฟสูงของหม้อแปลงสักกี่โวลท์
- ผมต้องการต่อ 6BQ5 แบบคาโธดไบอัสซึ่งใช้ไฟเพลท 250 Vdc แรงดันไบอัสทีกริด 7.3 Vdc รวมกันแล้วได้ 250+7.3 = 257.3 Vdc ที่ไบอัสค่านี้จะเกิดกระแสที่เพลทประมาณ 55 mA. เมื่อคิดที่ 6BQ5 2 หลอดแล้วต้องการกระแสตอนไบอัส 55+55 = 110 mA. ต่อไปก็มาดูว่าเราจะใช้วงจรฟิลเตอร์แบบไหน ผมสมมติว่าใช้แบบ CRC ก็แล้วกัน ถ้าใช้ค่า R 300 ohm ก็จะทำให้เกิดแรงดันตกคร่อมที่ R ตัวนี้ = 0.11x300 = 33 Vdc. ดังนั้นแรงดันที่ออกจากหลอด EZ81 ควรจะได้ 257.3+33 = 290.3 Vdc
- เรารู้ว่าหลอด rectifier ที่ต่อฟิลเตอร์แบบ CRC จะได้แรงดัน DC ออกประมาณ 1.2 x Vac โดยที่ Vac ก็คือ แรงดันของขดไฟสูงของหม้อแปลงที่เราต้องการ
- ดังนั้น Vac = 290.3 / 1.2 = 241.9 V ผมเลือก 250 Vac หรืออาจจะเป็น 260 Vac เพราะอะไรหรือครับ เผื่อแรงดันสูงไว้ดีกว่าเนื่องจากเราสามารถ drop แรงดันลงได้โดยการเพิ่มค่า R ที่อยู่ในฟิลเตอร์ CRC ได้ ผมเลือก 250 Vac ละกันจะได้ไปคำนวณหม้อแปลงกันต่อ
คำนวณ VA ที่ขด sec ทั้งหมด
- ขดไฟจุดไส้หลอด VA = 6.3 x 2.92 = 18.396 VA
- VA ของขดไฟสูง = 250 x 0.2 = 50 VA
- ดังนั้น VA รวม = 18.396 + 50 = 68.396 VA ผมเผื่อเป็น 80 VA ละกัน
หา VA ของขด prim.
- VA ของขด prim = VA ของขด sec x 1.2 = 96 VA เผื่ออีกแหละ ให้เป็น 100 VA ละกัน
มาดูที่แกนเหล็กที่เราต้องการ สมมติว่าเป็น 38 x50 mm
- แกนเหล็กขนาดนี่สามารถรับ VA ได้เท่าไร ก็ลองคำนวณโดยใช้สูตร A = Sqrt(VA) / 5.58
- A คือ พื้นที่หน้าตัดแกนเหล็กคิดเป็นหน่วยตารางนิ้ว = (38x50) / 645 = 2.945 ตารางนิ้ว
- พื้นที่หน้าตัดหลังจากหักฉนวนที่หุ้มแกนเหล็กออกแล้ว = 2.945 x 0.95 = 2.79 ตารางนิ้ว
- ดังนั้น VA = (2.79 x 5.58) ยกกำลังสอง = 242 VA
- แกนเหล็กนี้รับได้ถึง 242 VA แต่ตอนนี้เราจะเอามาพันหม้อแปลงที่ออกแบบไว้เพียง 100 VA.
มาคำนวณจำนวนรอบกันต่อดีกว่า
- อยากได้ความหนาแน่นในแกนเหล็กสัก 64500 เส้นต่อตารางนิ้ว
- 230 x 100,000,000 = 4.44 x 64500 x 50 x N x 2.79
- จะได้ N คือ จำนวนรอบที่พันที่ขด 230 V = 575 รอบ
- TPV = 575 / 230 = 2.5 รอบต่อโวลท์
- ไฟจุดไส้หลอด 6.3 V ต้องพันจำนวน = 2.5 x 6.3 = 15.75 รอบ ปัดเป็น 16 รอบ พอดีเลยแบ่งออกเป็นพัน 8 รอบแล้วแท็ปแล้วพันต่ออีก 8 รอบจุดที่เราแท็ปออกมาก็เอาไว้ต่อลงกราวด์
- ไฟสูง 250 V ต้องพันจำนวน = 2.5 x 250 = 625 รอบ ไฟสูงที่เราต้องการ 250-0-250 ดังนั้นเราก็ต้องพัน 625 รอบแล้วแท็ปแล้วพันต่ออีก 625 รอบ
มาเลือกลวดทองแดงกันดีกว่า
- ไฟจุดไส้หลอด 6.3 V ต้องการกระแสทั้งหมด 2.92 A เมื่อเปิดตารางลวดทองแดงแล้ว # 18 swg ทนกระแสได้ 3.5 A. ส่วน # 19 swg ทนกระแสได้ 2.5 A. ผมเลือก # 18 swg.
- ไฟสูง 250 V. ต้องจ่ายกระแสได้ 200 mA จริงแล้วไม่ต้องใช้ลวดที่ทนกระแสได้ถึง 200 mA เพราะว่าเราต่อแบบ Fullwave และมีขดไฟสูง 2 ขดทำงานคนละครึ่งไซเคิ้ล แต่ผมจะเลือกที่มันทนกระแสได้ 200 mA เป็นอย่างต่ำ เอาไว้เป็นตัวชดเชยเรื่องความร้อนที่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาก ผมจึงเลือก #30 swg ซึ่งทนกระแสได้ 230 mA.
ต่อไปก็ *****ต้องคำนวณว่าจะลงลวดใน Bobbin ได้พอดีหรือเปล่า***** เหลือก็ไม่เป็นไรแต่อย่าให้ล้นแกน เผื่อความหนาไว้สัก 3 5 mm. จะได้ไม่ผิดหวังครับ
ทราบแล้วหรือยังครับว่าจะคำนวณอย่างไรจึงจะทราบว่าลงได้พอดีหรือเปล่า
-
:clap :clap :clap นับวว่าครบถ้วนกระบวนความครับ
แต่ขอเพิ่มอีกนิดครับ ถ้าผมดูไม่ละเอียดก็ขออภัยด้วยครับ ขอเบอร์ลวดสำหรับขดไฟเข้า 230 โวลต์ และวิธีคำนวณหาด้วยครับ และขอค่ากระแสไฟตั้งแต่เบอร์ 20 - 36 SWG ด้วยครับ ผมเปิดหาตารางที่ไหนก็แต่ AWG ครับ Y]
-
:clap :clap :clap นับวว่าครบถ้วนกระบวนความครับ
แต่ขอเพิ่มอีกนิดครับ ถ้าผมดูไม่ละเอียดก็ขออภัยด้วยครับ ขอเบอร์ลวดสำหรับขดไฟเข้า 230 โวลต์ และวิธีคำนวณหาด้วยครับ และขอค่ากระแสไฟตั้งแต่เบอร์ 20 - 36 SWG ด้วยครับ ผมเปิดหาตารางที่ไหนก็แต่ AWG ครับ Y]
หา VA ของขด prim.
- VA ของขด prim = VA ของขด sec x 1.2 = 96 VA เผื่ออีกแหละ ให้เป็น 100 VA ละกัน
การหาขนาดลวดขด Pri. (230 V) ใช้ข้อความสีแดงหาครับ = 100 VA หารด้วย 230 V = 0.4348 A เอาค่านี้ไปเทียบเบอร์ลวดที่ทนกระแสได้ 0.4348 A ประมาณ #26 SWG
วิธีหาค่าทนกระแสของเบอร์ลวด SWG
เอาตารางขนาดลวด SWG ไปเทียบกับขนาดลวด AWG แล้วดูค่าทนกระแสในตาราง AWG อีกที (คิดว่า krupohn คงมีแล้วครับ) เช่น SWG # 18 ขนาด 1.219 mm. ใกล้เคียงกับ AWG #16 ขนาด 1.31 mm. ทนกระแสได้ประมาณ 3.7A
http://www.comax.uk.com/wire_gauge_chart.htm
-
- พื้นที่หน้าตัดหลังจากหักฉนวนที่หุ้มแกนเหล็กออกแล้ว = 2.945 x 0.95 = 2.79 ตารางนิ้ว
- อยากได้ความหนาแน่นในแกนเหล็กสัก 64500 เส้นต่อตารางนิ้ว
เรียนถาม คุณ prasan เพิ่มเติมครับ
(ที่ Mr.Tube เคยทำสูตรคำนวณไว้)
1. กรณีเราคิด พื้นที่หน้าตัด ที่ 90 %
2. และความหนาแน่นในปกนเหล็ก 60,000
ทั้ง 2 กรณี จะทำให้จำนวนรอบที่ต้องพันเพิ่มขึ้น จะมีดี ข้อเสีย อย่างไรครับ
-
:clap :clap :clap นับวว่าครบถ้วนกระบวนความครับ
แต่ขอเพิ่มอีกนิดครับ ถ้าผมดูไม่ละเอียดก็ขออภัยด้วยครับ ขอเบอร์ลวดสำหรับขดไฟเข้า 230 โวลต์ และวิธีคำนวณหาด้วยครับ และขอค่ากระแสไฟตั้งแต่เบอร์ 20 - 36 SWG ด้วยครับ ผมเปิดหาตารางที่ไหนก็แต่ AWG ครับ Y]
หา VA ของขด prim.
- VA ของขด prim = VA ของขด sec x 1.2 = 96 VA เผื่ออีกแหละ ให้เป็น 100 VA ละกัน
การหาขนาดลวดขด Pri. (230 V) ใช้ข้อความสีแดงหาครับ = 100 VA หารด้วย 230 V = 0.4348 A เอาค่านี้ไปเทียบเบอร์ลวดที่ทนกระแสได้ 0.4348 A ประมาณ #26 SWG
วิธีหาค่าทนกระแสของเบอร์ลวด SWG
เอาตารางขนาดลวด SWG ไปเทียบกับขนาดลวด AWG แล้วดูค่าทนกระแสในตาราง AWG อีกที (คิดว่า krupohn คงมีแล้วครับ) เช่น SWG # 18 ขนาด 1.219 mm. ใกล้เคียงกับ AWG #16 ขนาด 1.31 mm. ทนกระแสได้ประมาณ 3.7A
http://www.comax.uk.com/wire_gauge_chart.htm
ต้องขออภัยด้วย ผมลืมหาขนาดลวดด้าน prim.
ที่คุณ Charoen P. หาขนาดลวดให้นั้นถูกต้องแล้วครับ O0 ขอบคุณมากครับ
1. กรณีเราคิด พื้นที่หน้าตัด ที่ 90 %
2. และความหนาแน่นในปกนเหล็ก 60,000
ทั้ง 2 กรณี จะทำให้จำนวนรอบที่ต้องพันเพิ่มขึ้น จะมีดี ข้อเสีย อย่างไรครับ
1. การที่คิดพื้นที่ 90% หรือ 95% จะมีผลต่อค่าพื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหลังจากหักส่วนที่เป็นฉนวนหุ้มออกไปแล้ว พื้นที่หน้าตัดนี้มีผลต่อจำนวนรอบที่พันครับ ลองจิจารณาความสัมพันธ์ตามสูตร V x 100,000,000 = 4.44 x B x F x N x A ผมอาจจะจำตัวเลขผิดพลาดจริงๆ อาจจะใช้ 90% แต่ในนี้ผมเขียน 95% แต่ต้องขอบอกว่าไม่ต้องกังวลครับเนื่องจากเราสามารถปรับเปลี่ยนตัวแปรที่อยู่ในสูตรได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการควบคุมอะไร ***ผมไม่มองด้านเศรฐศาสตร์*** ครับ ผู้ผลิตหม้อแปลงเห็นที่ผมเขียนอาจจะขำกลิ้งถ้าทำขายก็เจ๊งแน่ ;D ;D
2. ในกรณที่เราเลือกที่จะให้เส้นแรงแม่เหล็กมีความหนาแน่นน้อยลงทำให้เราต้องเพิ่มจำนวนรอบในการพันมากขึ้นครับ ผมไม่มีตัวเลขที่แน่นอนเกี่ยวกับการสูญเสียในแกนเหล็กนะครับแต่มีหลักการที่ว่า ถ้าความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กในแกนเหล็กมากก็จะทำให้การสูญเสียในแกนเหล็กมากครับ ซึ่งถ้าเราพยายามจะออกแบบให้การสูญเสียมันต่ำลงด้วยวิธีนี้แต่ต้องไม่ลืมว่าหลังจากการคำนวณเราจะต้องพันลวดมากกขึ้น การที่เราต้องใช้ลวดมากขึ้นเราก็จะได้ค่า DCR ของลวดมากขึ้นจะให้เกิดการสูญเสียเนื่องจาก DCR ของลวดซึ่งเราก็ต้องพยายามลดมันลงด้วยการเพิ่มลวดให้โตขึ้น ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยที่ไม่ต้องเสียนะครับ ;D ;D
-
ติดตามอ่านตลอดได้ความรู้ดี O0 ชอบๆๆ c)
-
สมมติว่าต้องการพันหม้อแปลงเอามากับงานกับวงจรแอมป์ 6BQ5 SE ที่ใช้หลอด EZ81 เป็นหลอด rectifier และใช้หลอด EF86 เป็นหลอด pre-drive
ติดตามเป็นกำลังใจอยู่ครับ มาอ่านพบว่าจะใช้ EF86 เป็น Pre Drive หลอดนี้น่าสนใจมากๆครับ หลอดนี้นั้นใช้ Stage เดียว (แต่ต้องใช้สองหลอด) จะได้ทั้งสองภาคครบครับ มันเป็น Pre Drive และ Phase Splitter ไปพร้อมกันได้เลย ตามวงจร Quad II ของMr. Walker ให้เสียงอวบใหญ่ตามแบบเครื่องไฮเอนด์ มากกว่าการใช้ 6SN7 ในภาคนี้ครับ (จากการทดลองของผมครั้งเดียว อาจเป็นข้อมูลที่ผิดได้ อยากให้ทดลองเทียบกันหลายๆ เครื่องดูครับ)
อยากให้พูดเรื่องการออกแบบหม้อแปลง PP กันลึกๆ หน่อยก็ดีครับ ผมรออ่านอยู่ครับ การอธิบายและให้ข้อมูลการออกแบบ สมแล้วที่เป็นวิศวกรครับ เป็นขั้นตอน มีรายละเอียด และที่สำคัญมีที่มาที่เป็น Referent ที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิง และที่ชอบอีกมากๆ คือไม่มีการกั๊กข้อมูลครับ
O0 O0 O0 :clap :clap :clap
โอ! ที่นี่ยังโพทรูปได้ เยี่ยมมากๆ
-
ตามมาดูโปรเจ็คใหญ่ c) c)
-
สมมติว่าต้องการพันหม้อแปลงเอามากับงานกับวงจรแอมป์ 6BQ5 SE ที่ใช้หลอด EZ81 เป็นหลอด rectifier และใช้หลอด EF86 เป็นหลอด pre-drive
ติดตามเป็นกำลังใจอยู่ครับ มาอ่านพบว่าจะใช้ EF86 เป็น Pre Drive หลอดนี้น่าสนใจมากๆครับ หลอดนี้นั้นใช้ Stage เดียว (แต่ต้องใช้สองหลอด) จะได้ทั้งสองภาคครบครับ มันเป็น Pre Drive และ Phase Splitter ไปพร้อมกันได้เลย ตามวงจร Quad II ของMr. Walker ให้เสียงอวบใหญ่ตามแบบเครื่องไฮเอนด์ มากกว่าการใช้ 6SN7 ในภาคนี้ครับ (จากการทดลองของผมครั้งเดียว อาจเป็นข้อมูลที่ผิดได้ อยากให้ทดลองเทียบกันหลายๆ เครื่องดูครับ)
อยากให้พูดเรื่องการออกแบบหม้อแปลง PP กันลึกๆ หน่อยก็ดีครับ ผมรออ่านอยู่ครับ การอธิบายและให้ข้อมูลการออกแบบ สมวที่เป็นวิศวกรครับ เป็นขั้นตอน มีรายละเอียด และที่สำคัญมีที่มาที่เป็น Referent ที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิง และที่ชอบอีกมากๆ คือไม่มีการกั๊กข้อมูลครับ
O0 O0 O0 :clap :clap :clap
โอ! ที่นี่ยังโพทรูปได้ เยี่ยมมากๆ
เห็นด้วยกับคุณ PINIJ ครับ ที่จะมีการออกแบบ OPT แบบ PP บนพื้นฐานของทฤษฎี และหลักการนำมาใช้งานจริง ความจริงแล้ว การออกแบบ OPT แบบ PP ยากกว่า SE ครับ ที่เราทำกันเล่น ๆ อยู่แบบนี้ เป็น Basic การพัน OPT เท่านั้นครับ ไม่ต่างอะไรกับการพันหม้อแปลงไฟฟ้า เท่าไรครับ ถ้าเราศึกษาเรื่องของ OPT แบบ PP กันจริง ๆ จะพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับ OPT แบบ PP มากมาย จนเรียกว่าจะสร้าง OPT แบบ PP ให้ได้ดีนั้น ความรู้สึกส่วนตัวผมว่ายากกว่าแบบ SE มาก ครับ แต่ยังไงสิ่งเหล่านี้ไม่พ้นความพยายามของเราครับ
เรื่องการพ้น OPT แบบ PP น้อง prasan มีองค์ความรู้ เครื่องไม้ เครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว น้อง prasan น่าจะพิจารณาเรื่อง OPT แบบ PP ด้วยก็ดีครับ ส่วนพี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีความรู้จะได้นำมาต่อยอดร่วมกันครับ
-
คำถามของผม เกิดจาก บทความของ Mr.Tube ตามรูปครับ
-
วิธีหาค่าทนกระแสของเบอร์ลวด SWG
เอาตารางขนาดลวด SWG ไปเทียบกับขนาดลวด AWG แล้วดูค่าทนกระแสในตาราง AWG อีกที
:D จากการศึกษาค้นคว้า ผมพบว่า ค่าที่ชนกันจริง ๆ แบบไม่ต้องคิด คือ เบอร์ 33 SWG กับเบอร์ 30 AWG นอกนั้น ต้องจินตนาการมากบ้าง น้อยบ้างครับ ได้โปรด ไม่มีหน่วยงานไหน ประเทศใด ที่ทดสอบอัตรากระแสของ มาตรา SWG จริง ๆ เหรอครับ ถ้ามี ของ Link ด้วยครับ :D
-
วิธีหาค่าทนกระแสของเบอร์ลวด SWG
เอาตารางขนาดลวด SWG ไปเทียบกับขนาดลวด AWG แล้วดูค่าทนกระแสในตาราง AWG อีกที
:D จากการศึกษาค้นคว้า ผมพบว่า ค่าที่ชนกันจริง ๆ แบบไม่ต้องคิด คือ เบอร์ 33 SWG กับเบอร์ 30 AWG นอกนั้น ต้องจินตนาการมากบ้าง น้อยบ้างครับ ได้โปรด ไม่มีหน่วยงานไหน ประเทศใด ที่ทดสอบอัตรากระแสของ มาตรา SWG จริง ๆ เหรอครับ ถ้ามี ของ Link ด้วยครับ :D
ไม่น่าคิดมากกกกกกกกกกกกกก ขนาดนั้น 2f 2f 2f
ยังไงๆ เวลานำไปใช้จริงต้องเผื่อกระแสให้สูงกว่าที่คำนวณได้อยู่แล้วครับ เผื่อมากเผื่อน้อย............. ตามสะดวก เหมือนที่คุณ Prasan พูดไว้ในกระทู้นี้แหละ ว่าจะพันให้ได้หม้อแปลงที่เปิดใช้งานทั้งวัน "แค่อุ่นๆ" หรือเอาแบบเปิดชั่วโมงเดีบว "ร้อนจี๋" เลยก็ได้ครับ
จะเอาค่าทนกระแสได้แบบเป๊ะๆ ไปทำอาราย...............ครับ พ่อครู :wiggle :wiggle
-
เบอร์ลวดที่ใช้กันในบ้านเราเป็นแบบ AWG หรือ SWG ครับ
-
เห็นด้วยกับคุณ PINIJ ครับ ที่จะมีการออกแบบ OPT แบบ PP บนพื้นฐานของทฤษฎี และหลักการนำมาใช้งานจริง ความจริงแล้ว การออกแบบ OPT แบบ PP ยากกว่า SE ครับ ที่เราทำกันเล่น ๆ อยู่แบบนี้ เป็น Basic การพัน OPT เท่านั้นครับ ไม่ต่างอะไรกับการพันหม้อแปลงไฟฟ้า เท่าไรครับ ถ้าเราศึกษาเรื่องของ OPT แบบ PP กันจริง ๆ จะพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับ OPT แบบ PP มากมาย จนเรียกว่าจะสร้าง OPT แบบ PP ให้ได้ดีนั้น ความรู้สึกส่วนตัวผมว่ายากกว่าแบบ SE มาก ครับ
ขอทราบปัญหาที่พี่มุมคนรักหลอดเคยประสบมาได้หรือเปล่าครับเพื่อจะได้นำมาพิจารณาศึกษาครับ ในแนวความคิดของผม ผมคิดว่า OPT แบบ PP นั้นน่าจะง่ายกว่าแบบ SE ตรงที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องการอิ่มตัวของแกนเหล็ก ที่จะต้องควบคุมก็คือ ค่า R L C และ Leakage inductance ของ OPT ทั้งสองซีกครับและต้องให้บาล้านซ์กันด้วยครับ
-
วันหยุดที่ผ่านมาเร่งมือ wiring ในแท่น เกือบเสร็จแล้วครับ ติดปัญหาที่บัดกรีสายไฟ OPT เข้ากับขั้วต่อลำโพงไม่ได้เพราะหัวแร้งไม่ร้อนพอ :cry2 ท่านใดมีเทคนิคดีๆ ช่วยบอกด้วยครับ ไม่อยากใช้หางปลาต่อสายครับ
ผมใช้หัวแร้ง 2 อันครับ ;D ;D ;D ;D
ผมเอาหัวแร้งปืนมาจัดการครับ จำได้ว่าตอนเรียนมัธยมเผาอุปกรณ์ไปหลายตัวก็เจ้านี่แหละ
-
หลังจากปรับแต่งแรงดันภาคต่างๆ จนมั่นใจแล้ววันนี้ก็ได้ฤกษ์ทดลองกันเสียที เริ่มที่ใช้ 2A3 ครับกับลำโพง AR 102 ซื้อมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีแววดีครับ แรกๆ ก็ฟังดูแปลกๆ ฟังไปสักพักก็รู้สึกดีขึ้นและคงทนฟังไปสักระยะแล้วอาจจะต้องปรับแต่งไบอัสให้ถูกใจ โทนเสียงตอนนี้ก็ถือว่าใช้ได้ครับแต่ออกจะขาดรสชาดไปสักนิดเพราะว่าไม่ใช้ C ที่ cathode เลย
-
มีคน (สำคัญ) ขอเข้ามาร่วมทดสอบด้วย (ยุ่งจัง!!) ;D ;D
-
รบกวนพี่ประสานหน่อยครับ ไม่ทราบเคยวัดความหนาเทปใส 3M หรือเปล่า อยากเอามาลองระหว่างชั้นดูครับ
-
รบกวนพี่ประสานหน่อยครับ ไม่ทราบเคยวัดความหนาเทปใส 3M หรือเปล่า อยากเอามาลองระหว่างชั้นดูครับ
ดูที่นี่ได้เลยครับ http://www.htg2.net/index.php?topic=7583.0
-
รบกวนพี่ประสานหน่อยครับ ไม่ทราบเคยวัดความหนาเทปใส 3M หรือเปล่า อยากเอามาลองระหว่างชั้นดูครับ
ขอบคุณครับ :)
-
อ่านเจอบทความเกี่ยวกับ SE และ PP น่าสนใจครับ ลองเข้าไปอ่านดูนะครับได้ความรู้อีกมากเลย ได้แง่คิดที่ดีมาก O0
http://homepage.mac.com/tlinespeakers/vaughn/downloads/SE-v-PP-Part1.pdf
http://homepage.mac.com/tlinespeakers/vaughn/downloads/SE-v-PP-Part2.pdf
-
วันนี้ได้ทดลองฟัง 6L6GC Westinghouse จริงๆ แล้วดูๆ ก็เหมือนหลอดรัสเซียแล้วมา Rebrand ต้องปรับไฟเครื่องใหม่จากตอนที่ใช้หลอด 2A3 ซึ่งต่อจากแท็ป 370Vac จากหม้อแปลงไฟสูงแล้วดร็อปแรงดันด้วย R ในส่วนของ CRC Filter จนได้แรงดันที่ plate-cathode ของ 2A3 ที่ประมาณ 270 Vdc และแรงดันที่ cathode 50 Vdc ใช้ Rk 400 ohm ร่วมกันจะได้กระแสไบอัสที่ 125 mA (หลอดละ 62.5 mA)
เนื่องจากผมตั้งใจจะให้ใช้กับหลอด 6L6 7027 5881 ซึ่งหลอดพวกนี้สเป็กใกล้เคียงกันและใช้กระแสไบอัสน้อยกว่า 2A3 และผมไม่อยากใช้งานหลอดพวกนี้ในแบบ AB ที่สามารถ run ที่แรงดันสูงๆ ได้ ผมอยากได้แบบ Class A1 PP ดังนั้นจึงเปลี่ยนแท็ปที่หม้อแปลงจาก 370Vac เป็น 250 Vac หลังจากผ่าน rectifier และ CRC filter แล้วจะได้แรงดัน plate-cathode ประมาณ 260 Vdc ที่แรงดัน cathode ประมาณ 13 Vdc Rk 100 ohm จะได้กระแส 130 mA
ผลการทดลองฟังพบว่า เสียงออกไปในแนวโปร่งใส แหลมพริ้วกว่าตอนที่ใช้หลอด 2A3 แต่ถ้าเป็นเสียงร้องผมว่า 2A3 ดีกว่า ความกระฉับกระเฉงดีกว่า SE amp อยู่แล้วแนวเสียงออกไปในแนวที่เค้าเรียกกันว่า ดิบๆ ต่อไปว่าจะลองใส่ C ที่ cathode ภาคแรกเพื่อให้ได้เนื้อเสียงอวบขึ้นอีกหน่อย
วันต่อไปจะลอง 6L6GC Sylvania (จากท่านผู้ใจดีแบ่งปันให้มาทดลอง), 7027 RCA, 6L6Y RCA (หลอดเหล็กสีดำ) และ 5881 แล้วจะมารายงานครับ
-
อ่านเจอบทความเกี่ยวกับ SE และ PP น่าสนใจครับ ลองเข้าไปอ่านดูนะครับได้ความรู้อีกมากเลย ได้แง่คิดที่ดีมาก O0
http://homepage.mac.com/tlinespeakers/vaughn/downloads/SE-v-PP-Part1.pdf
http://homepage.mac.com/tlinespeakers/vaughn/downloads/SE-v-PP-Part2.pdf
ภาษาปะกิตไม่แข็งแรงครับ :D :D :black_eye
-
อ่านเจอบทความเกี่ยวกับ SE และ PP น่าสนใจครับ ลองเข้าไปอ่านดูนะครับได้ความรู้อีกมากเลย ได้แง่คิดที่ดีมาก O0
http://homepage.mac.com/tlinespeakers/vaughn/downloads/SE-v-PP-Part1.pdf
http://homepage.mac.com/tlinespeakers/vaughn/downloads/SE-v-PP-Part2.pdf
ภาษาปะกิตไม่แข็งแรงครับ :D :D :black_eye
ไม่เป็นไรครับ ผมจะพยามยามหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังครับเพื่อเป็นไอเดียในการ DIY ต่อไปครับ ผมอยากให้ Save เก็บไว้ก่อนนะครับเพราะว่าผมเคยเจอว่าผมเคยเจอบาง link พอนานไปแล้วจะไม่สามารถเข้าไปดูได้อีก
-
ผมลืมแจ้งว่าหลอดตระกูล 6L6 ผมต่อแบบ UL ที่แท็ปไว้ 23% โดยเริ่มนับจาก plate ครับ
-
ฟังมาหลายวันแล้ว ยังรู้สึกว่าเสียงมันแปลก เหมือนนักดนตรีไม่ได้อยู่วงเดียวกันเล่นกันคนละคีย์ เสียงเบสห้วนๆ เสียงไม่รื่นหู ไม่ฉ่ำ
ผมต้องขอกล่าวถึงวงจรของ อ.มด อีกทีนะครับหลังจากที่ได้ขออนุญาตไว้แล้ว ผมพยายามจูนเสียงให้ถูกหูของผมเองและอาจจะแนวทางให้ท่านที่เจอปัญหาแบบเดียวกันไปทดลองดูครับ ผมประกอบวงจรตามวงจรของ อ.มด จะแตกต่างที่ผมแยกภาคจ่ายไฟหลอดเพาเวอร์ซ้าย-ขวาโดยใช้ 5T4 ข้างละหลอดแล้วปรับเปลี่ยนค่า R ที่อยู่ในวงจรฟิลเตอร์ของภาคจ่ายไฟ และภาค pre-drive ใช้หลอด rectifier อีกหนึ่งหลอดเป็นเบอร์ 6BW4 อุปกรณ์ในภาค pre driver ใช้ตาม อ.มด
เสียงไม่ฉ่ำออกจะไปแนวทางดิบหรือแห้งอะไรประมาณนี้ครับ อันดับแรกผมใส่ C ที่คาโถดของ 6SN7 ภาค pre ใช้ค่า 47uF/25V. เสียงดีขึ้นตามที่ต้องการ
ฟังไปอีกหลายวันฟังเสียงเบสมันด้วนๆ ชอบกล เลยทดลองใส่ C ที่คาโถดของหลอดเพาเวอร์ซึ่งตอนที่ลองฟังอยู่นี้เป็นหลอด 6L6GC Westinghouse (ชอบเสียงกลางสูง เสียงสูง) ใช้ค่า 27uF/400V Poly เสียงเบสที่กุดๆ ด้วน ๆ ไม่มีแล้ว เฮ้อ.. ค่อยรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกแปลกกับเสียงที่ได้ยินอีก เอ้า.. คราวนี้เปลี่ยน C ที่วงจร phase splitter จากเดิมที่ใช้ C Wima 0.39uF MKP ไปเป็น 0.47uF Sprague PIO คราวนี้ยิ้มได้แล้ว นักดนตรีค่อยดูสามัคคีกันมากกว่าเดิม เสียงกลมกล่อมขึ้น :whistling :whistling ;D ;D
ที่คาโถดของ 2A3 ผมใส่ C 9.1uF/400V Poly ไปแต่ยังไม่ได้ลองฟังครับ
-
ผลการทดลองฟัง 2A3 PP หลังจากที่ใส่ C ที่คาโถดก็รู้สึกว่าเป็นที่น่าพอใจ วันนี้ขอนำเสนอวงจรที่ผมใช้งานจริงครับ