HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: zenhifi ที่ 17 เมษายน, 2008, 12:00:56 pm
-
ช่วยเพิ่มความร้อนเข้าไปอีกในช่วงนี้
http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?s=&threadid=121228&perpage=25&pagenumber=1 (http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?s=&threadid=121228&perpage=25&pagenumber=1)
-
วงจรครับ
-
รายละเอียดวงจร ดาวโหลดไดที่ http://www.firstwatt.com/downloads/F5%20Power%20Amplifier%20for%20PassDIY.pdf
ใครรับนิตยสาร AudioXpress ฉบับเดือนพฤษภาคม (May 2008) ซึ่งมีบทความ F5 ลงอยู่แล้ว ช่วยเอามาเล่าสู่กันฟังด้วยครับ :)
วงจรน่าจะทำไม่ยากเพราะอาจไม่ต้องแม็ตช์ JFET, MOSFET ครับ
-
หา 2sj108 ได้หรือครับ
-
หา 2sj108 ได้หรือครับ
ใช้ J74 แทน J108 และ K170 แทน K370 ได้เลยครับ (เหมือนกับ F4)
-
:) วงจรดูเหมือนเรียบง่าย เช่นเคย P1 P2 คงใช้ปรับ Bias และ Offset ในตัว Q5 Q6 คงใช้ป้องกัน Q3 Q4 ส่วน TH1 น่าจะติดไว้ที่ Q3 และ TH2 ควรติดไว้กับ Q4 เป็นการช่วยป้องกันด้านความร้อนอีกที Q3 Q4 มีความร้อนสูญเสียตัวละ 30 วัตต์ ก็โขอยู่ครับ ถ้ามีลายปรินท์ก็น่าลอง โดยเฉพาะถ้าเฟตหาไม่ยาก O0
-
J74 หาซื้อที่ไหนครับ 170 ผมยังพอมีเหลือติดบ้านอยู่บ้าง อย่างนี้ยังทำ hardwire ง่ายๆ
-
ที่นี่ครับ
http://www.ampslab.com/trans_2sj74bl.htm (http://www.ampslab.com/trans_2sj74bl.htm)
-
ไอ๋หยา
เกือบเหมือนแอมป์ที่ผมออกแบบต่อยอดจาก Zen V5 เลย ;D
ยังงี้ตัวของผมคงไม่เกิดแล้ว เกือบประกอบเสร็จอยู่แล้วเชียว :cry2
-
J74 หาซื้อที่ไหนครับ 170 ผมยังพอมีเหลือติดบ้านอยู่บ้าง อย่างนี้ยังทำ hardwire ง่ายๆ
พี่วิทยาครับ
ผมมี J170 กับ J74 ที่ match แล้วครับ เดี๋ยวผมส่งไปให้มั๊ยครับ รบกวนพี่ PM ที่อยู่มาอีกทีนึงเดี๋ยววันจันทร์ส่งให้ครับ
อันนี้เป็นวงจรของผมครับ ต่างกันที่ของผมมี Casecode เพราะ J170 มันเสียความเป็น linear ไปเยอะเวลา supply voltage เปลี่ยนเลยต้องรักษา voltage ให้มันนึ่ง ๆ หน่อย
-
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ PM ไปแล้วครับ
วงจรเกือบเหมือนมากๆครับ ต่างกันตรง feedback
Great man think alike. O0 O0
ผมออกแบบ pcb เสร็จแล้วด้วย ว่าแต่ thermistor ต้องไปติดกับ heatsink ด้วยหรือครับ ผมคิดว่าตัวมันร้อนขึ้นมาเองจากการที่กระแสไหลผ่านซะอีก
-
เอา Thermister ออกไปเหอะครับ เครื่อง Commercial เค้าต้องป้องกันเยอะหน่อยเลยมีไว้งั้น
ถ้าจะใช้ต้องติดกับ Heat Sink ครับ เวลา Heat Sink ร้อน ตัว Thermister จะนำกระแสมากขั้นเลยลด Bias ลง
ที่จริงเรายังทำ Balance Input ได้ด้วยนะครับ โดยทำ R9 และ R10 เป็นสองชุดออกจากกันแล้วป้อน Input ให้ JFET แต่ละตัวแยกกัน ง่าย ๆ เท่านี้เองครับ :secret
-
จะทำกันเมื่อใหร่ขอร่วมด้วยอีกคนนะครับ :clap :clap :clap c) c) c)
-
เริ่มทำเองได้เลยครับ :victory
ผมก็ไม่ได้กะจะทำ pcb อะไร ออกแบบ pcb เอาไว้เป็นแนวทางในการ hardwire เท่านั้น ผมคงทำลงบน pcb อเนกประสงค์เหมือนเคยครับ ผมเกลียดร้านซีเกท เลยไม่กะทำ pcb และ พวก pcb พวกนั้นก็คุณภาพไม่ดีด้วยครับ ทำ hardwire ดีๆ ดีกว่าเยอะเลย
-
งั้นทำเสร็จขอลอกการบ้านหน่อยนะครับ :showoff :showoff ;) ;)
-
คุณวิทยากับคุณกบฯนอกใจน้องหลอดซะแล้ว :'(
-
ตัวนี้น่าทำมาก 0)] O0
-
เปล่านอกใจนะครับ แค่อยากทำอะไรแปลกไปด้วยครับ
เอารุปมาให้ดูเป็นหลักฐาน ตอนนี้มาปล้ำเจ้า 300B PP ตัวเดิมครับ
ภาคหน้าเป็น 6922 cascode C coupling มาที่ 300B PP current source ที่ cathode
ผมทดลองเอา current mirror ไปไบอัสแทน current source ครับ ตามหลักการผมนึกว่าจะดี ที่ไหนได้ เสียงไม่เอาอ่าวเลยครับ เบส control ไม่ได้ เกนน้อยลง เสียงหยาบๆ สากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวงจร หรือ อุปกรณ์ หรือทั้งสองอย่างผสมกัน
เดี๋ยวจะลองพยายามยัด choke input เข้าไป ภาวนาอย่าฮัมเลย เจ้า choke input นี่เป็นปัญหานี้ประจำ
-
เปล่านอกใจนะครับ แค่อยากทำอะไรแปลกไปด้วยครับ
เอารุปมาให้ดูเป็นหลักฐาน ตอนนี้มาปล้ำเจ้า 300B PP ตัวเดิมครับ
ภาคหน้าเป็น 6922 cascode C coupling มาที่ 300B PP current source ที่ cathode
ผมทดลองเอา current mirror ไปไบอัสแทน current source ครับ ตามหลักการผมนึกว่าจะดี ที่ไหนได้ เสียงไม่เอาอ่าวเลยครับ เบส control ไม่ได้ เกนน้อยลง เสียงหยาบๆ สากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวงจร หรือ อุปกรณ์ หรือทั้งสองอย่างผสมกัน
เดี๋ยวจะลองพยายามยัด choke input เข้าไป ภาวนาอย่าฮัมเลย เจ้า choke input นี่เป็นปัญหานี้ประจำ
โอวววว แค่เห็นก็อยากฟังแล้วครับ 300B PP ยังไงถ้าเสร็จเรียบร้อยลงตัวแล้วอย่าลืมลงวงจรให้เพื่อนๆดูมั่งนะคร้าบบบบ อยากทำมั่งจัง 0)] 0)] 0)]
-
คุณวิทยากับคุณกบฯนอกใจน้องหลอดซะแล้ว :'(
แบบว่าปันใจได้อ่ะครับ ;D อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
แต่ยังไงก็ยืนยันคำเดิมครับ "หัวใจมอบให้ 2A3 ที่ bias ด้วย battery เท่านั้น" :black_eye
-
คุณวิทยากับคุณกบฯนอกใจน้องหลอดซะแล้ว :'(
แบบว่าปันใจได้อ่ะครับ ;D อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
แต่ยังไงก็ยืนยันคำเดิมครับ "หัวใจมอบให้ 2A3 ที่ bias ด้วย battery เท่านั้น" :black_eye
เปล่านอกใจนะครับ แค่อยากทำอะไรแปลกไปด้วยครับ
เอารุปมาให้ดูเป็นหลักฐาน ตอนนี้มาปล้ำเจ้า 300B PP ตัวเดิมครับ
ภาคหน้าเป็น 6922 cascode C coupling มาที่ 300B PP current source ที่ cathode
ผมทดลองเอา current mirror ไปไบอัสแทน current source ครับ ตามหลักการผมนึกว่าจะดี ที่ไหนได้ เสียงไม่เอาอ่าวเลยครับ เบส control ไม่ได้ เกนน้อยลง เสียงหยาบๆ สากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวงจร หรือ อุปกรณ์ หรือทั้งสองอย่างผสมกัน
เดี๋ยวจะลองพยายามยัด choke input เข้าไป ภาวนาอย่าฮัมเลย เจ้า choke input นี่เป็นปัญหานี้ประจำ
ถ้างั้นยังให้อภัยได้นะตัวเอง :sweet
-
อยากจะเขวี้ยงโช้คอินพุททิ้งจริงๆครับ จะไม่ให้มัน pick up hum ต้องเอามันออกนอกตัวถังประมาณครึ่งเมตร มันถึงจะไม่ฮัม K] K]
เลยต้องเอามันไว้ทับกระดาษเหมือนเดิม
วงจรประมาณแบบนี้ครับ
CCS เป็นแบบ battery bias Gary Pimm
เวลาแบตหมดอายุ มันก็ระเบิดได้เหมือน C เลยแฮะ
ขออภัยที่ออกนอกเรื่อง
-
ดึงกลับมาที่เดิมก่อน :D
พี่วิทยาเปลี่ยนภาค drive เป็น Pass - Balance Zen Line Stage เลยครับ :clap
เคยยุให้เพื่อนใช้ Drive ตัว EL34 Push-Pull แล้วเค้าชอบมาก แบบว่ามันใสกริบ ๆ เลย c)
เบสหนื่ด ๆ ของ EL34 ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
-
ดึงกลับมาที่เดิมก่อน :D
พี่วิทยาเปลี่ยนภาค drive เป็น Pass - Balance Zen Line Stage เลยครับ :clap
เคยยุให้เพื่อนใช้ Drive ตัว EL34 Push-Pull แล้วเค้าชอบมาก แบบว่ามันใสกริบ ๆ เลย c)
เบสหนื่ด ๆ ของ EL34 ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
555 2f ชอบไอเดียจัง แล้วซ่อนmosfet ไว้ข้างใน แต่ต่อไฟใส้หลอด drive เหมือนเดิม แล้วเวลาเอาไป shoot out เอาหลอด ไปหลายๆยี่ห้อ หลอกให้คนฟังว่าเวลาเปลี่ยนหลอด เสียงเปลี่ยนไหม :kicking
ว่าแต่มันได้เอ้าพุทเท่าไหรครับ +-80V ถึงไหมครับ
-
หลอด 300b ชุดใหม่เสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นคุณWithaya มี SV เป็นโขง ๆ ไปไหนหมดล่ะครับ ถ้าเหลือก็โยนมาให้ผมทดลองสักคู่นะครับ จะเอามาขับ 211 ครับ :)
-
ว่าแต่มันได้เอ้าพุทเท่าไหรครับ +-80V ถึงไหมครับ
power supply +/- 60V, Idle at +30V
เหลือให้สวิงไม่ถึง +/-30V ครับ
-
คิดว่าได้มากกว่านั้นนะครับ แต่ยังไงก็ไม่ถึง +/- 80V แน่ ๆ
มันขับ 300B ได้ไม่สุดหรอกครับ แต่พวก Penthode นี่สบาย ๆ
O0
-
ถ้าไม่ขี้เกียจไปซะก่อน ผมกะจะเอา mosfet ไป drive มันครับ ทำเป็น source follower กระแสซัก 10mA น่าจะพอ
หลอด 300b ชุดใหม่เสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นคุณWithaya มี SV เป็นโขง ๆ ไปไหนหมดล่ะครับ ถ้าเหลือก็โยนมาให้ผมทดลองสักคู่นะครับ จะเอามาขับ 211 ครับ :)
ผมใช้ทั้ง Svetlana กะชูกวง แหละครับ แต่ ชูกวง มัน match มาดีกว่า ในขณะที่ svetlana มันเป็น 2คู่ มากกว่่า quad match พี่มุมเอา 845 ไปขับ 211 สิครับ ;D ลองเอา mosfet ไปขับดูสิครับ ขำๆ เผื่อจะชอบ
-
ถ้าไม่ขี้เกียจไปซะก่อน ผมกะจะเอา mosfet ไป drive มันครับ ทำเป็น source follower กระแสซัก 10mA น่าจะพอ
หลอด 300b ชุดใหม่เสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นคุณWithaya มี SV เป็นโขง ๆ ไปไหนหมดล่ะครับ ถ้าเหลือก็โยนมาให้ผมทดลองสักคู่นะครับ จะเอามาขับ 211 ครับ :)
ผมใช้ทั้ง Svetlana กะชูกวง แหละครับ แต่ ชูกวง มัน match มาดีกว่า ในขณะที่ svetlana มันเป็น 2คู่ มากกว่่า quad match พี่มุมเอา 845 ไปขับ 211 สิครับ ;D ลองเอา mosfet ไปขับดูสิครับ ขำๆ เผื่อจะชอบ
ทดลองหมดแล้วครับ ทั้ง 845 ขับ 211 และจับ 211 ไปขับ 845 เปลี่ยนกันไป เปลี่ยนกันมา หูตอนนี้สับสนไปหมด เลยไม่รู้อันไหนเสียงดี ไม่ดี แล้วล่ะครับ ยังเหลือแต่จะจับ mosfet ไปทดลองขับดูบ้าง เผื่อหูจะยอมรับบ้างครับ :D :D
-
ถ้าไม่ขี้เกียจไปซะก่อน ผมกะจะเอา mosfet ไป drive มันครับ ทำเป็น source follower กระแสซัก 10mA น่าจะพอ
หลอด 300b ชุดใหม่เสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นคุณWithaya มี SV เป็นโขง ๆ ไปไหนหมดล่ะครับ ถ้าเหลือก็โยนมาให้ผมทดลองสักคู่นะครับ จะเอามาขับ 211 ครับ :)
ผมใช้ทั้ง Svetlana กะชูกวง แหละครับ แต่ ชูกวง มัน match มาดีกว่า ในขณะที่ svetlana มันเป็น 2คู่ มากกว่่า quad match พี่มุมเอา 845 ไปขับ 211 สิครับ ;D ลองเอา mosfet ไปขับดูสิครับ ขำๆ เผื่อจะชอบ
ทดลองหมดแล้วครับ ทั้ง 845 ขับ 211 และจับ 211 ไปขับ 845 เปลี่ยนกันไป เปลี่ยนกันมา หูตอนนี้สับสนไปหมด เลยไม่รู้อันไหนเสียงดี ไม่ดี แล้วล่ะครับ ยังเหลือแต่จะจับ mosfet ไปทดลองขับดูบ้าง เผื่อหูจะยอมรับบ้างครับ :D :D
บางทีหูคนเราก็ต้องการการเบิร์นอินเหมือนกันกว่าจะลงตัวครับ :think2 :think2 :think2
-
วงจรผมร้องเพลงได้แล้วครับเมื่อคืนนี้ c)
เสียงกระชับฉับไว สะอาด แต่เนื้อเสียงบางอ่ะตามสูตรเลย วงจรเสียงกระชับ ไว ๆ นี่เนื้อเสียงไม่เหลือ :'(
-
IRFP240 ขาดตลาดเลยครับ ไม่ทราบว่า ที่ โชคชัยมีเข้ามาแล้วหรือยังครับ
-
ถ้าไม่ขี้เกียจไปซะก่อน ผมกะจะเอา mosfet ไป drive มันครับ ทำเป็น source follower กระแสซัก 10mA น่าจะพอ
หลอด 300b ชุดใหม่เสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นคุณWithaya มี SV เป็นโขง ๆ ไปไหนหมดล่ะครับ ถ้าเหลือก็โยนมาให้ผมทดลองสักคู่นะครับ จะเอามาขับ 211 ครับ :)
ผมใช้ทั้ง Svetlana กะชูกวง แหละครับ แต่ ชูกวง มัน match มาดีกว่า ในขณะที่ svetlana มันเป็น 2คู่ มากกว่่า quad match พี่มุมเอา 845 ไปขับ 211 สิครับ ;D ลองเอา mosfet ไปขับดูสิครับ ขำๆ เผื่อจะชอบ
ทดลองหมดแล้วครับ ทั้ง 845 ขับ 211 และจับ 211 ไปขับ 845 เปลี่ยนกันไป เปลี่ยนกันมา หูตอนนี้สับสนไปหมด เลยไม่รู้อันไหนเสียงดี ไม่ดี แล้วล่ะครับ ยังเหลือแต่จะจับ mosfet ไปทดลองขับดูบ้าง เผื่อหูจะยอมรับบ้างครับ :D :D
บางทีหูคนเราก็ต้องการการเบิร์นอินเหมือนกันกว่าจะลงตัวครับ :think2 :think2 :think2
สงสัยหูผมจะแย้แล้วครับ :) คงต้องกลับไปฟังวิทยุธานินทร์ AM สักระยะก่อน เพื่อให้หูปรับสภาพ
-
IRFP240 ขาดตลาดเลยครับ ไม่ทราบว่า ที่ โชคชัยมีเข้ามาแล้วหรือยังครับ
NPE มีครับ :secret
-
IRFP240 ขาดตลาดเลยครับ ไม่ทราบว่า ที่ โชคชัยมีเข้ามาแล้วหรือยังครับ
NPE มีครับ :secret
ขอบคุณครับ ลืมนึกถึงไเลยครับ
-
วงจรผมร้องเพลงได้แล้วครับเมื่อคืนนี้ c)
เสียงกระชับฉับไว สะอาด แต่เนื้อเสียงบางอ่ะตามสูตรเลย วงจรเสียงกระชับ ไว ๆ นี่เนื้อเสียงไม่เหลือ :'(
:clap :clap :clap
คุณกบใช้วงจรของเนลสันหรือว่าของคุณกบครับ
-
:clap :clap :clap
คุณกบใช้วงจรของเนลสันหรือว่าของคุณกบครับ
วงจรของผมเองครับ นี่ขนาดมี casecode แล้วนะเสียงยังบาง ๆ เลย >:(
ใครทำของ Nelson เสร็จแล้วช่วยบอกแนวเสียงหน่อยนะครับ
:)
-
ลองเพิ่มกระแสดูสิครับ ดูว่าเนื้อจะมาไหม
-
ลองเพิ่มกระแสดูสิครับ ดูว่าเนื้อจะมาไหม
ตอนนี้ซัดไปซะ 2 แอมป์แล้วครับ เพิ่มไม่ไหวแล้วครับอันตราย :cry2
คิดว่าเสียงแบบนี้เป็นเพราะรูปแบบของวงจรด้วยมั๊งครับ ต้องลองต่อวงจรของ Pass ดูอีกทีเทียบกัน
:nonono
-
เริ่มมีรายละเอียด เสป็ก ออกมาบ้างแล้วครับ
ส่วนรีวิวฉบับเต็มคงต้องรออีกนิดครับ
http://www.6moons.com/audioreviews/firstwatt7/f5.html (http://www.6moons.com/audioreviews/firstwatt7/f5.html)
-
ขอถามคำถามซักข้อ ครับ :secret.........การที่เราต่อแผ่นระบายหลายๆแผ่นเข้ากัน นั้นใช้อะไรเป็นตัวส่งผ่านความร้อนดีที่สุดครับ ระหว่าง แผ่นมีเนียม กะ แผ่นทองแดง ผมกะจะใช้แผ่นทองแดงไม่รู้ว่ามันจะดีรึเปล่าครับ
-
ขอถามคำถามซักข้อ ครับ :secret.........การที่เราต่อแผ่นระบายหลายๆแผ่นเข้ากัน นั้นใช้อะไรเป็นตัวส่งผ่านความร้อนดีที่สุดครับ ระหว่าง แผ่นมีเนียม กะ แผ่นทองแดง ผมกะจะใช้แผ่นทองแดงไม่รู้ว่ามันจะดีรึเปล่าครับ
การระบายความร้อนของทองแดงน่าจะดีกว่าอลุมิเนียมอีกนะครับ ;)
-
บวกด้วยซิลิโคนนำความร้อนอีกด้วยจะดีมากเลยครับ O0
-
ไอ้ตัว thermister TH1 และ TH2 ตามวงจรนี้เวลาไปซื้อต้องบอกคนขายว่าอย่างไรครับ พอดีผมไม่เคยใช้มาก่อนเลย :bowdown :bowdown
-
ไอ้ตัว thermister TH1 และ TH2 ตามวงจรนี้เวลาไปซื้อต้องบอกคนขายว่าอย่างไรครับ พอดีผมไม่เคยใช้มาก่อนเลย :bowdown :bowdown
ผมหาเจอค่าต้านทาน 5k แบบเม้าท์บนฮีทซิ้งได้ ที่ ES แต่ดูจากเว็บของหมดอะครับ :(
http://www.es.co.th/detail.asp?Prod=NTSA0502FZ022 (http://www.es.co.th/detail.asp?Prod=NTSA0502FZ022)
เพื่อนสมาชิกพอมีแหล่งอื่นบ้างมั๊ยครับ ???
เนลสันบอกว่าค่าต้านทาน 4.7k ไม่ซีเรียสครับ หาค่าใกล้เคียงได้
-
ดูกันไปก่อน นะครับ
-
ขอถามคำถามซักข้อ ครับ :secret.........การที่เราต่อแผ่นระบายหลายๆแผ่นเข้ากัน นั้นใช้อะไรเป็นตัวส่งผ่านความร้อนดีที่สุดครับ ระหว่าง แผ่นมีเนียม กะ แผ่นทองแดง ผมกะจะใช้แผ่นทองแดงไม่รู้ว่ามันจะดีรึเปล่าครับ
การระบายความร้อนของทองแดงน่าจะดีกว่าอลุมิเนียมอีกนะครับ ;)
เท่าที่เคยได้ฟังมานะครับ....คุณสมบัติของทองแดงจะรับความร้อนเข้ามาในตัวมันเองได้เร็ว แต่ระบายออกได้ช้า เนื่องจากตัวมันเองมีมวลที่แน่นกว่าอลูมีเนียมและเหล็กมากครับ (ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวมันมากกว่าไปด้วย เมื่อเทียบกันในปริมาตรที่เท่ากัน) ผมคิดว่าการใช้อลูน่าจะระบายความร้อนออกไปจากตัวมันเองได้เร็วกว่าครับ :) อันนี้ฟังเค้ามาอีกทีนะครับ ยังไม่เคยลองใช้แผ่นทองแดงเป็นซิงค์เหมือนกันครับ แค่เคยเห็นว่ามันอมความร้อนไว้นานมากหลังจากการเชื่อมเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่เหล็กคายความร้อนหลังการเชื่อมเหมือนกันน่ะครับ
-
ดูกันไปก่อน นะครับ
ขยับ R14 ให้เข้าใกล้ Q4 ขา 2 มากกว่านี้ก็จะดีนะครับ เอาให้เหมือนฝั่ง Q3 ได้จะดีมากๆ อาจจะไม่สวย เพราะไม่สมมาตร แต่ performance น่าจะดีกว่าครับ
-
PCB มาแล้ว c) c) c)
-
PCB มาแล้ว c) c) c)
โอววว...เร็วขนาด c) c) c)
-
PCB หล่อมาก ๆ :clap
บทความ F5 มาแล้วครับ
http://www.firstwatt.com/downloads/F5%20Power%20Amplifier%20for%20PassDIY.pdf (http://www.firstwatt.com/downloads/F5%20Power%20Amplifier%20for%20PassDIY.pdf)
-
O0 O0 O0 ขอบคุณมากครับ :clap :clap :clap
-
ดูกันไปก่อน นะครับ
ขยับ R14 ให้เข้าใกล้ Q4 ขา 2 มากกว่านี้ก็จะดีนะครับ เอาให้เหมือนฝั่ง Q3 ได้จะดีมากๆ อาจจะไม่สวย เพราะไม่สมมาตร แต่ performance น่าจะดีกว่าครับ
ตอนแรกผมก็เอามาใว้ไกล้เหมือนกันครับ แต่พอวางรูป 3D ออกมาดูแล้วไม่สวยครับ เอาเป็นว่าผมจะลด IMP โดยการเพิ่มขนาด ให้โตขึ้นอีกหน่อย น่าจะช่วยได้ดีขึ้นนะครับ
-
F5 นี่อุปกรณ์หาได้ในบ้านเราเปล่าครับ หรือว่าต้อง Group Buy แบบ F3 อีก :)
-
F5 นี่อุปกรณ์หาได้ในบ้านเราเปล่าครับ หรือว่าต้อง Group Buy แบบ F3 อีก :)
ทุกตัวหาได้ที่บ้านหม้อครับ
ส่วน thermistor TH1, TH2 ขอเวลาหาแหล่งอีกหน่อยครับ :cry2
-
F5 นี่ DC offset เยอะมาก ๆ ครับ
อาจต้องเปลี่ยน concept จากวาง MOSFET ห่าง ๆ เป็นมาไม่ได้ห่างมากครับ ซัก 3-4 นิ้วน่าจะดี จะได้คุม offset ได้ดีขั้น
ผมต่อ Hardwire แล้วรื้อหลายรอบเหมือนกันกว่าจะเอาอยู่
:secret
-
ถอดความจากบทความ F5 ของเนลสัน
Thermistor TH1, TH2 อาจไม่จำเป็นมาก แต่มันจะช่วยลดเวลาทั้ง วอร์มอัพและปรับไบแอส ครับ
Th1 and Th2 are small 4.7 Kohm thermistors that have been placed in series with R15 and
R16 respectively. The resistance of the thermistor declines with temperature, and if placed
in close proximity to the output transistors will help compensate for thermal drift. You can
build the amplifier without them, but you will have a longer warm-up time and you will
spend more time adjusting the bias.
ตัวนี้น่าจะใช้ได้ครับ ตัวละไม่เกิน 5 บาท http://www.es.co.th/detail.asp?Prod=TTC3A502G39HAEY (http://www.es.co.th/detail.asp?Prod=TTC3A502G39HAEY)
ความต้านทานที่อุณหภูมิห้อง 4.7k,
ที่ 55 องศาอยู่ที่ประมาณ 1.5k
ที่ 70 องศาประมาณเกือบ ๆ 1k ---> ผลรวม R15+TH1 (และ R16+TH2) จะอยู่ราว ๆ 3k คร่อมขา C-E ของ Q5 - 6
ติดกาวเจ้าตัวเขียวนี้บน Mosfet IRFP240, 9240 ครับ
-
ดูกันไปก่อน นะครับ
ขยับ R14 ให้เข้าใกล้ Q4 ขา 2 มากกว่านี้ก็จะดีนะครับ เอาให้เหมือนฝั่ง Q3 ได้จะดีมากๆ อาจจะไม่สวย เพราะไม่สมมาตร แต่ performance น่าจะดีกว่าครับ
ตอนแรกผมก็เอามาใว้ไกล้เหมือนกันครับ แต่พอวางรูป 3D ออกมาดูแล้วไม่สวยครับ เอาเป็นว่าผมจะลด IMP โดยการเพิ่มขนาด ให้โตขึ้นอีกหน่อย น่าจะช่วยได้ดีขึ้นนะครับ
ดีครับ ทำรูเพิ่มอีกรูที่ใกช้ๆขา 2 ของ Q4 ก็ดีครับ เผื่อสำหรับคนที่ไม่กลัวว่าจะไม่สวย ทำขาพวก R3W ให้หลายๆขนาดก็ดีนะครับ เผื่อเอาไว้จับมันวางตั้ง ผมเจอว่า จับพวกมันมาวางตั้ง ทำให้เย็นกว่าครับ ความร้อนไม่กระทบอุปกรณ์อื่นๆด้วยครับ
-
ทุกตัวหาได้ที่บ้านหม้อครับ
ส่วน thermistor TH1, TH2 ขอเวลาหาแหล่งอีกหน่อยครับ :cry2
งั้นรอ PCB คุณ MasterAT จัด Kit ได้เลยซินี่ 0)]
-
จะมีปัญหาก็เรื่อง heatsink นี่แหละครับ รวมกัน groupbuy กล่องพร้อม heatsink เลยดีใหมครับ :D
-
ดูกันไปก่อน นะครับ
ขยับ R14 ให้เข้าใกล้ Q4 ขา 2 มากกว่านี้ก็จะดีนะครับ เอาให้เหมือนฝั่ง Q3 ได้จะดีมากๆ อาจจะไม่สวย เพราะไม่สมมาตร แต่ performance น่าจะดีกว่าครับ
ตอนแรกผมก็เอามาใว้ไกล้เหมือนกันครับ แต่พอวางรูป 3D ออกมาดูแล้วไม่สวยครับ เอาเป็นว่าผมจะลด IMP โดยการเพิ่มขนาด ให้โตขึ้นอีกหน่อย น่าจะช่วยได้ดีขึ้นนะครับ
ดีครับ ทำรูเพิ่มอีกรูที่ใกช้ๆขา 2 ของ Q4 ก็ดีครับ เผื่อสำหรับคนที่ไม่กลัวว่าจะไม่สวย ทำขาพวก R3W ให้หลายๆขนาดก็ดีนะครับ เผื่อเอาไว้จับมันวางตั้ง ผมเจอว่า จับพวกมันมาวางตั้ง ทำให้เย็นกว่าครับ ความร้อนไม่กระทบอุปกรณ์อื่นๆด้วยครับ
R3W ใช้ได้หลายแบบครับทั้งกระเบื้องธรรมดา หรือ กระเบื้องกลมครับ และแก้ไขเพิ่มจุดบัดกรีที่ขา gate ของ Q4 แล้วครับ
ที่เป็นห่วงคือ R1 R2 10R1W ไม่ทราบว่าเท่าที่ลองจะร้อนมั้ยครับ ผมดูแล้วกระแสผ่านเยอะเหมือนกันนะครับ
-
O0 O0 c) c) c)
-
ดูกันไปก่อน นะครับ
ขยับ R14 ให้เข้าใกล้ Q4 ขา 2 มากกว่านี้ก็จะดีนะครับ เอาให้เหมือนฝั่ง Q3 ได้จะดีมากๆ อาจจะไม่สวย เพราะไม่สมมาตร แต่ performance น่าจะดีกว่าครับ
ตอนแรกผมก็เอามาใว้ไกล้เหมือนกันครับ แต่พอวางรูป 3D ออกมาดูแล้วไม่สวยครับ เอาเป็นว่าผมจะลด IMP โดยการเพิ่มขนาด ให้โตขึ้นอีกหน่อย น่าจะช่วยได้ดีขึ้นนะครับ
ดีครับ ทำรูเพิ่มอีกรูที่ใกช้ๆขา 2 ของ Q4 ก็ดีครับ เผื่อสำหรับคนที่ไม่กลัวว่าจะไม่สวย ทำขาพวก R3W ให้หลายๆขนาดก็ดีนะครับ เผื่อเอาไว้จับมันวางตั้ง ผมเจอว่า จับพวกมันมาวางตั้ง ทำให้เย็นกว่าครับ ความร้อนไม่กระทบอุปกรณ์อื่นๆด้วยครับ
R3W ใช้ได้หลายแบบครับทั้งกระเบื้องธรรมดา หรือ กระเบื้องกลมครับ และแก้ไขเพิ่มจุดบัดกรีที่ขา gate ของ Q4 แล้วครับ
ที่เป็นห่วงคือ R1 R2 10R1W ไม่ทราบว่าเท่าที่ลองจะร้อนมั้ยครับ ผมดูแล้วกระแสผ่านเยอะเหมือนกันนะครับ
รวดเร็วปานกามนิตหนุ่มทีดีเชียวครับ
ผมมองเอาไว้แล้วว่า ผมจะต่อมันเป็นแนวตั้งทั้งหมดครับ จะได้มีพื้นที่รอบๆตัวมันมากขึ้น รวมถึงพวก R1 R2 นี่ด้วย ว่าแต่ขนาด pcb เท่าไหร่ครับเนี่ย
-
ขนาด PCB 4.1X2.6 นิ้วครับ ระยะห่างกลางรู ยึดน็อตของ MOSFET Q4 ถึง Q3 5 นิ้ว พอดีครับ
-
จะจัด group buy บอกกันด้วยนะครับ 0)]
มินิรีริวสด ๆ จาก เนลสัน พาส
http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?postid=1511147#post1511147 (http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?postid=1511147#post1511147)
เทียบกับ F4, F5 ดูจะดีกว่าในช่วงเสียงแหลม ความเพี้ยนน้อยกว่า (แน่นอนครับเพราะมีฟีดแบ็ค) ตอบสนองทรานเชี้ยนได้ดีกว่า รายละเอียดย่านความถี่สูงดีกว่า (แน่นอนครับเพราะไม่มี coupling C)
F4 ดูจะดีกว่า F5 เรื่องโทนเสียงกลางอุ่นกว่า และ ผ่อนคลายมากกว่าครับ
ข้างล่างเป็น quote จาก www.diyaudio.com
What to compare to....
The F4 is the closest relative. They both have a clean extended
bottom and I consider them almost equivalent, with neither
having a distinct advantage.
The F4 is a little bit warmer in the mid, and might be preferred on
simple material at modest volume levels, that is to say a solo
vocal or instrument or maybe a string quartet. You could say
it's a little more tubey.
As the volume rises and the complexity of the material increases,
the F5 pulls ahead by retaining more clarity - specifically less
IM type distortion. As a result it does a better job with
articulation of instruments - there is a little less smearing,
If you have a pair of full range drivers, Lowther PM6A or
Feastrex D9nf, the F5 brightens the top end up just a bit,
adding a touch of tintinabulation that we all like, although it also
heightens the perception of response peaks a little more.
In this category, if you find the high efficiency full rangers too bright
with the F4 or F5, the F3 is perhaps the more appropriate amp.
The imaging is very good with both of these amps in my system,
and I haven't heard enough difference to make a decision on that,
but the localization is pleasing. The open baffle speakers I'm
using already have a big ambient sound stage, and would
probably do that with any decent amplifier.
The F4 is a little more relaxed all round, the F5 carries a little more
detail.
Now go out and play.
-
Now go out and play.
c) c) c)
Now we wait for PCB and play! c) c) c)
-
ผมลองไล่วงจรดูไม่แนใจว่า Q1 หันผิดข้างหรือเปล่าครับ ขาเดรน กับ ซอร์ส มันเหมือนสลับกันอยู่ (หรือผมดูผิด) :D
-
อย่าสืมจัด KIT นาครับบบบบบ
อยากได้มาก
เบื่อหูฟังแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว มากจิงจัง
-
ผมลองไล่วงจรดูไม่แนใจว่า Q1 หันผิดข้างหรือเปล่าครับ ขาเดรน กับ ซอร์ส มันเหมือนสลับกันอยู่ (หรือผมดูผิด) :D
มาไล่ดูกลับจริงๆด้วยครับ ขอบคุณมากครับที่ช่วยๆกันดู :clap
-
ภาคจ่ายไฟนี้ทำไงหรอครับวงจรนี้
อยากทำบ้างแต่อยากให้ภาคจ่ายไฟอยู่บน PCB เดี่ยวกันเลยย ใช้ด้านละชุดหม้ด 2 ลูกได้ป่าวอาาาาาาาาาาาาาา
อยากทำแล้วอาาาา
-
ภาคจ่ายไฟนี้ทำไงหรอครับวงจรนี้
อยากทำบ้างแต่อยากให้ภาคจ่ายไฟอยู่บน PCB เดี่ยวกันเลยย ใช้ด้านละชุดหม้ด 2 ลูกได้ป่าวอาาาาาาาาาาาาาา
อยากทำแล้วอาาาา
หม้อแปลงคงต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 10A ครับ ส่วนภาคจ่ายไฟ ใช้ condenser ไม่ต่ำกว่า 39000uF ต่อข้าง ตามที่ Mr Pass แนะนำไว้ใน บทความ F5 ครับ
-
ผมว่า Q1 กับ Q2 ก็ยังกลับหัวกลับหางอยู่นะครับพี่สุวรรณ ดูจาก datasheet ขามัน เป็น D G S ถ้าหันด้าน มนมาทางเรานะครับ หรือ S G D ถ้าหันด้านแบบมาทางเราครับ :bye1
-
ถามนิดนึงครับ
ว่า 2SK370 2SJ108 ZTX550 ZTX450 นี้จาแทนด้วยอาไรได้หรอครับบบ
ขอบคุณครับบบบบบบบ
-
ผมว่า Q1 กับ Q2 ก็ยังกลับหัวกลับหางอยู่นะครับพี่สุวรรณ ดูจาก datasheet ขามัน เป็น D G S ถ้าหันด้าน มนมาทางเรานะครับ หรือ S G D ถ้าหันด้านแบบมาทางเราครับ :bye1
ผมดู DATASHEET แบบนี้นะครับ
-
ขอโทษพี่สุวรรณครับ ผมก็ดู datasheet เดียวกันแต่ผมสงสัยดูไม่รู้เรื่องเองครับ :bowdown :bowdown :black_eye
-
ถามนิดนึงครับ
ว่า 2SK370 2SJ108 ZTX550 ZTX450 นี้จาแทนด้วยอาไรได้หรอครับบบ
ขอบคุณครับบบบบบบบ
2SK370 = 2SK170 ขาเหมือนกัน
2SJ108 = 2SJ74 ขาเหมือนกัน
ZTX450 = BC550C ขา CBE กลับด้านกัน
ZTX550 = BC560C ขา CBE กลับด้านกัน
-
อีกนิดครับ diode bridge ที่ใช้นี้ MUR860 พอป่าวครับ หรือต้องเป็นตัวอื่นครับ ถ้าไม่ได้แนะนำด้วยครับ
พอดีอยากจาคล่อม C ที่ diode
และอีกนิดนึงครับทำไมดูวงจร Firstwatt 5 แล้วมันมี IRFP240 กับ 9240 1 คู่เอง แต่ของ Firstwatt 4 มีตั้ง 3 คู่
แลัวมันจาดังหรอครับ อานะำไม่รู้ว่าถามโง่ไปป่าว ทำแต่ amp หูฟังอาครับกำลังหัดทำ amp บ้านบ้างครับ
ขอบคุณครับบบบ
MUR860 8A, 400V - 600V Ultrafast Diodes
ทนกระแสได้ 8 amp น่าจะน้อยไปครับ
กับ F4 ผมใช้ MUR3020 30A, ปลอดภัยกว่า รู้สึกว่าจะร้อนน้อยกว่า บริดจ์ 30A แบบธรรมดาที่เคยใช้ด้วย
F5 ใส่ไบแอสมอสเฟสที่ IRFP240, 9240 ต่อตัวมากว่า F4 ครับ
ต้องระมัดระวังเรื่องระบายความร้อนให้ดีครับ ทาซิลิโคนกับมอสเฟส ไมก้า ฮีทซิ้งค์ ขันให้แน่นด้วย ถ้าฮีทซิ้งไม่ใหญ่มากหาพัดลมมาช่วยระบายความร้อนก็จะดี
-
รบกวนหน่อย F5 ให้ output =? Watt/8ohm /4 ohm ทำงาน Class A, AB ครับ :secret :bowdown
-
รบกวนหน่อย F5 ให้ output =? Watt/8ohm /4 ohm ทำงาน Class A, AB ครับ :secret :bowdown
ประมาณ 25 วัตต์ ที่ Class A ครับ :)
-
รบกวนหน่อย F5 ให้ output =? Watt/8ohm /4 ohm ทำงาน Class A, AB ครับ :secret :bowdown
Class A, 27 วัตต์ ที่ 8 ohm (ดึงกระแสประมาณ 2.5A)
ที่ 4 ohm มันดึงกระแสมากขึ้นเป็น 5A กำลังขับน่าจะเพิ่มขึ้นขึ้นเป็น 50 วัตต์ ถ้าภาคจ่ายไฟกับฮีทซิ้งแข็งแรงพอครับ
ตัดมาจากบทความของ เนลสันครับ
Where do we want to limit? The amplifier with 24 supply rails should be good for a 50 watt
peak into 8 ohms, or about 2.5 amps. For a 4 ohm load we would want 5 amps, and for a
2 ohm load, we want 10 amps. Since we only have two output devices, we probably are
best off stopping there.
-
แนวเสียงเป็นไงเมื่อเทียบกับ Aleph J, Aleph X ครับ
-
รบกวนหน่อย F5 ให้ output =? Watt/8ohm /4 ohm ทำงาน Class A, AB ครับ :secret :bowdown
Class A, 27 วัตต์ ที่ 8 ohm (ดึงกระแสประมาณ 2.5A)
ที่ 4 ohm มันดึงกระแสมากขึ้นเป็น 5A กำลังขับน่าจะเพิ่มขึ้นขึ้นเป็น 50 วัตต์ ถ้าภาคจ่ายไฟกับฮีทซิ้งแข็งแรงพอครับ
ตัดมาจากบทความของ เนลสันครับ
Where do we want to limit? The amplifier with 24 supply rails should be good for a 50 watt
peak into 8 ohms, or about 2.5 amps. For a 4 ohm load we would want 5 amps, and for a
2 ohm load, we want 10 amps. Since we only have two output devices, we probably are
best off stopping there.
ขอบคุณครับ :) F5น่าสนใจครับ 0)] แต่ก็กลัวDC offsetที่คุณกบ@นอกกะลาบอกไว้เหมือนกัน อุปกรณ์หายาก fetไม่ทราบว่าซื้อร้านไหน
ลงทุนภาคจ่ายไฟแยะพอควร แต่ไฟไม่สุงมากก็พอทน Y] รอดูราคาGroup buyก่อนดีก่าอิอิ :secret :whistling
-
กระแสผ่านค่อนข้างสูง ลดพื้นที่ กราวเพลน ลงจะดีกว่าไหมครับ
แล้วไปเพิ่มพื้นที่ให้กระแสไหลได้มากกว่าไปโดนบีบเป็นเส้นเล็กๆ
-
กระแส idle ของวงจรนี้ประมาณ 1.3A นะครับ แล้วในกรณีใช้โหลด 2 โอมห์กระแสสูงสุดไปถึง 10A เลยนะครับ ขนาดลายทองแดงเอาไม่อยู่แน่ครับ แล้วกราวเพลนในวงจรนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์เท่าไหรนะครับ สู้เอามาเพิ่มพื้นที่ให้กระแสไหลผ่านดีๆ กว่าครับอย่างที่คุณ Night_Angel ว่าไว้ แล้วอีกอย่างอยากให้ระวังเรื่องกราวลูปนะครับ
-
กำลางทำ PCB เหมือนกานแต่คงไม่สวยเท่าคุณ master อานะครับ
แต่เดี่ยวจาให้พี่ๆๆ ช่วย check หน่อยนาครับบ
เคยทำแต่ amp หูฟังอาครับบบ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
กรุณาแก้ไข หน่อยครับ ผมคือ masterAT ครับ ไม่ใช่ master อานะครับ
-
กำลางทำ PCB เหมือนกานแต่คงไม่สวยเท่าคุณ master อานะครับ
แต่เดี่ยวจาให้พี่ๆๆ ช่วย check หน่อยนาครับบ
เคยทำแต่ amp หูฟังอาครับบบ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
กรุณาแก้ไข หน่อยครับ ผมคือ masterAT ครับ ไม่ใช่ master อานะครับ
ต้องขอโทษอย่างมากเลยนะครับ ผมรู้เ่ท่าไม่ถึงการ์อานะครับบ :cry2 :cry2 :cry2 :cry2
ผมไม่ได้ตั่งใจจาทำให้เป็นเรื่องอาครับ แค่อยากทดลองออกแบบ amp บ้านบ้างอาครับบบบ
ขอบคุณอาครับ ที่เข้าใจคราบ
-
กำลางทำ PCB เหมือนกานแต่คงไม่สวยเท่าคุณ master อานะครับ
แต่เดี่ยวจาให้พี่ๆๆ ช่วย check หน่อยนาครับบ
เคยทำแต่ amp หูฟังอาครับบบ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
กรุณาแก้ไข หน่อยครับ ผมคือ masterAT ครับ ไม่ใช่ master อานะครับ
ต้องขอโทษอย่างมากเลยนะครับ ผมรู้เ่ท่าไม่ถึงการ์อานะครับบ :cry2 :cry2 :cry2 :cry2
ผมไม่ได้ตั่งใจจาทำให้เป็นเรื่องอาครับ แค่อยากทดลองออกแบบ amp บ้านบ้างอาครับบบบ
ขอบคุณอาครับ ที่เข้าใจคราบ
ผมก็เพียงแต่อยากให้ เรียกขานชื่อให้ถูกต้องแค่นั้นครับ เพราะ มีเพื่อนสมาชิกที่ขึ้นต้นด้วย master หลายคน
-
อาครับ
masterAT ครับบ
ขอโทษด้วยนาครับบอาาา
-
ขอบคุณคุณ ammchor ครับ ทราบว่ามีเจตนาที่ดี
อย่าลืมออกแบบแอมป์บ้าน มาอีกนะครับ เพื่อนๆ จะได้มีโครงงานดีๆ ทำกันครับ...
-
ขอบคุณคุณ ammchor ครับ ทราบว่ามีเจตนาที่ดี
อย่าลืมออกแบบแอมป์บ้าน มาอีกนะครับ เพื่อนๆ จะได้มีโครงงานดีๆ ทำกันครับ...
แน่นอนครับ คนมันคันอาครับ
เดี่ยวมี DAC ตัวเล็กๆๆ กับ RA-1 clone ออกมาอีกเสร็จแล้วจา post ทิ้งไว้นาครับบบบบบบ
-
แนวเสียงเป็นไงเมื่อเทียบกับ Aleph J, Aleph X ครับ
F5 จะกระชับฉับไวกว่า เสียงก็เลยเพรียวบางกว่าด้วย ข้อดีคือมันเอาลำโพงอยู่หมัดกว่า Aleph ครับ
วงจรง่าย ๆ แบบนี้ต้องการอุปกรณ์เกรดดี ๆ หน่อย โดยเฉเพาะ rectifier นี่ห้ามใช้ของธรรมดาเด็ดขาด
MUR นี่ถูกต้องแล้วครับ ผมใช้ MUR860 มันร้อนไปหน่อย หาที่ทนกระแสเยอะ ๆ ก็ดีครับ
d_d
-
อีกนิดครับ
ถ้าจะสั่งพันหม้อแปลงของ project นี้ต้องสั่งยังไงหรอครับ แล้ว จาเอาลูกเดียวสองข้าง หรือ ลูกลาข้างครับ
ขอบคุณครับ
-
F5 จะกระชับฉับไวกว่า เสียงก็เลยเพรียวบางกว่าด้วย ข้อดีคือมันเอาลำโพงอยู่หมัดกว่า Aleph ครับ
วงจรง่าย ๆ แบบนี้ต้องการอุปกรณ์เกรดดี ๆ หน่อย โดยเฉเพาะ retifier นี่ห้ามใช้ของธรรมดาเด็ดขาด
MUR นี่ถูกต้องแล้วครับ ผมใช้ MUR860 มันร้อนไปหน่อย หาที่ทนกระแสเยอะ ๆ ก็ดีครับ
d_d
ลองเบอร์นี้หรือยังครับ MUR3040PT ( 30A / 400V ) :victory แต่เป็นเบอร์คู่ 3ขา(TO3PN) เคยเห็นที่สหพิพัฒน์ บ้านหม้อ :secret
-
รีวิวเพิ่มเติมจากเว็บ 6moons ครับ
http://6moons.com/audioreviews/firstwatt7/f5_2.html (http://6moons.com/audioreviews/firstwatt7/f5_2.html)
รูปเยอะดี ได้ไอเดียการต่อเทอร์มิสเตอร์กับมอสเฟสด้วยครับ
-
Thermistor โยกขาให้ใกล้มอสเฟส
ส่วนมอสเฟสเป็นของ Fairchild ครับ Nelson บอกว่าเสียงดีกว่า IRF ที่โดน Vishay ซื้อกิจการไปแล้ว
-
ทยอยสะสมอุปกรณ์ครับ
ตัวเล็ก ๆ สีเขียวคือ Thermistor ส่วนสีเขียวตัวใหญ่กว่าด้านขวาค่า 5 A / 7 Ohm
ฮีทซิ้งติดพัดลมดีซีด้านหลัง เป็นมรดกตกทอดมาจาก Aleph-X
-
ได้ ฮีทซิ้ง ขนาดเท่านี้สบายเลยครับ
ภาคจ่ายไฟครับ
-
ผมว่าจะลองแบบใช้บริดจ์ไดโอดสองตัวครับ
-
PCB ต้นแบบ มาแล้วครับ
-
วันนี้ วันนัดพบแรงงานถีบ 2 ล้อ คงได้ฟังเสียงล่ะม้างงง....2f
-
เมื่อวานลงอุปกรณ์เสร็จแล้วครับ คืนนี้น่าจะได้ยินเสียงแล้วครับ :yahoo :yahoo d_d d_d
-
เมื่อวานลงอุปกรณ์เสร็จแล้วครับ คืนนี้น่าจะได้ยินเสียงแล้วครับ :yahoo :yahoo d_d d_d
เร็วดีจิงๆเลยครับพี่... O0 O0 O0
-
เมื่อวานลงอุปกรณ์เสร็จแล้วครับ คืนนี้น่าจะได้ยินเสียงแล้วครับ :yahoo :yahoo d_d d_d
มาติดขอบเวทีรอลุ้นครับ c) c) c)
-
รอลุ้นด้วยคนคร๊าบ ว่าเทียบกับ aleph J แล้วเป็นไงครับ MasterAt
ถ้าลองแล้วก็อย่าลืมบอกกันมั่งนะครับ
-
ได้ข่าววงใน ว่าเสียงดี แต่ดันดับไปข้างนึง
มีคนเตรียมจ่ายตังส์พร้อมจะทำโครงงานนี้แล้ว...2f
-
รายงานต่อนิดนึงครับ เมื่อวานนั่งทำทั้งคืน ฟังได้ข้างนึงแล้วครับ อีกข้าง trimpot ดันเสียปรับอะไรไม่ได้เลย K] จากเท่าที่ฟังเสียงดูเสียงดีครับ เสียงรู้สึกว่าจะออกเร็วกว่า Aleph J นิดหน่อย อาจเป็นเพราะว่าไม่มี C ในวงจร ค่า DC offset ต้องใจเย็นๆค่อยๆปรับครับ ผมใช้ multimeter 2 ตัวจิ้มไว้เลย ตอนแรกปรับซ้ายทีขวาที ตอนหลังใช้มือซ้ายและขวาปรับพร้อมกันไปเลย DC offset ปรับลงมาได้ 0V เลยครับ แต่ณ ตอนที่ได้ 0V นั้น ไฟตกคร่อม R11 กับ R12 ผมวัดได้ต่างกัน 4mv ผมไม่แน่ใจว่าระหว่าง DC offset กับไฟตกคร่อมอย่างไหนสำคัญกว่ากัน
เดี๋ยวบ่ายนี้จะวื่งไปซื้อ trimpot ใหม่คืนนี้น่าจะเสร็จหมดครับ แล้วจะมารายงานอีกทีครับ ;)
-
c) c) c) :clap :clap :clap
ยินดีด้วยครับ เบสกระชับกว่า Aleph-J มั๊ยครับ
-
ฟังข้างเดียวยังบอกอะไรไม่ได้มากครับ ขอให้เสร็จทั้ง 2 ข้างค่อยมารายงานครับ :)
-
เสร็จแล้วครับผม c) c) c)
เสียงถูกใจมากครับ เบสสะใจ กลางสูงเนียนใส ไม่เลวทีเดียวครับ ทำง่าย หาอุปกรณ์ไม่ยากและไม่แพง เยี่ยมครับ O0 O0 O0
เทียบกับ Aleph J ตัวนี้มี gain ต่ำกว่าครับ เสียงกระชับกว่า ฟังสบายๆครับ
ตอนนี้ผมต่อฟังกับลำโพง 3 ทางครับ เสียง O0
-
O0 O0 O0
ลองเปลี่ยน R5, 6, 7, 8 (feedback) เป็นแบบเมทัลออกไซด์สิครับหาได้ที่ณัฐพงศ์ เสียงน่าจะใส โปร่ง ขึ้นไปอีก
-
เอาวิธีการต่อ thermister ของผมมาให้ดูครับ (ลอกมาจาก Mr. Nelson Pass)
-
ใช้ JFET 2SK370, 2SJ108 หรือเบอร์แทนครับ แล้วหาได้ที่ไหนครับ
-
ใช้ 2sk170 กับ 2sj74 ครับ หาซื้อไม่ยากครับ ;)
-
Group buy :please :please :please
-
ไม่ต้องห่วงครับ ได้ทำกันแหงๆ ผมเองก็เอาตัวนี้แระ ใช้ฮีทซิงค์ไม่ใหญ่มาก.... 2f
-
ดู PCB ที่ลงอุปกรณ์แบบชัดๆนะครับ
-
มี DC offsetไหมครับ อยากลองทำบ้างจัง 0)] 0)]แต่ว่าแถวบ้านผมคงหาอุปกรณ์ไม่ได้ :cry2 :cry2 :please หวังว่าคุณmasterATจัดทำเป็นGroup buy นาคร๊าบ:please :bowdown d_d
-
เมื่อเทียบเสียงกับ Gain Clone มันต่างกันอย่างไรบ้างครับ
แล้วร้อนมากไหม
-
ท่าน MasterAT งดงามมากครับ
ทรานซิสเตอร์ ZTX กะ R 0.47R ได้มาจากแหล่งไหนครับ ช่วยชี้แนะด้วย
-
มี DC offsetไหมครับ อยากลองทำบ้างจัง 0)] 0)]แต่ว่าแถวบ้านผมคงหาอุปกรณ์ไม่ได้ :cry2 :cry2 :please หวังว่าคุณmasterATจัดทำเป็นGroup buy นาคร๊าบ:please :bowdown d_d
DC offset ปรับได้ครับ ของผมปรับได้ถึง 0.000V เลยครับ เสียงดีครับ เชียร์ให้ทำครับ c) c) c) :clap :clap :clap d_d d_d d_d
-
Dummy load test run.
วันนี้ ผมมีเวลาตอนบ่าย ประกอบเพิ่มเติม โดยทำชุดจ่ายไฟ ป้อนให้กับ F5 ลองทำงานโดยที่ยังไม่ได้ต่อลำโพง ต่อ แต่ Resistor 30W8ohms ไว้เพื่อทดสอบและปรับแต่งโดยเฉพาะ พอเสียบไฟ วัดไฟตกคร่อม R11,R12 ตกใจ ปาเข้าไป 1860mV พร้อมทั้งได้กลิ่นอวลๆใหม้ๆลอยมารีบชักปักแทบไม่ทัน ปรากฎว่า ใบอัสไว้มากไป ปรับ ทริมพอท ลองให้มีไฟเหลือตกคร่อมแค่ 635mV และค่อยปรับทั้งสองด้าน P1,P2 ให้ได้ค่าไกล้กับและ มี DC offset ออกมา น้อยที่สุด ประมาณ .001mV เป็นที่น่าพอใจ แล้วผมก็ทำทั้งสอง แชนแนล แล้วทิ้งไว้ 2 ชม.มาปรับใหม่อีกที ได้ค่าเปลี่ยนไปไม่มากนัก เปิดไว้อีก 4 ชม. ร้อนได้ใจพอสมควร กับขนาด ฮีทซิ้ง ขนาด 8x20 นิ้ว กลีบขนาด 1 1/2 นิ้ว พรุ่งนี้จะลองป้อนสัญญารเสียงแล้วรายงานต่อครับ
ท่าน MasterAT งดงามมากครับ
ทรานซิสเตอร์ ZTX กะ R 0.47R ได้มาจากแหล่งไหนครับ ช่วยชี้แนะด้วย
ผมพอมีอยู่บ้างครับ เหลือจาก งาน pearl ส่วน R สั่งเข้ามาครับ
สำหรับ 2SK170BL กับ 2SJ74BL ก็เตรียมหาไว้ให้แล้วเช่นกัน
-
เปิดไว้อีก 4 ชม. ร้อนได้ใจพอสมควร กับขนาด ฮีทซิ้ง ขนาด 8x20 นิ้ว กลีบขนาด 1 1/2 นิ้ว
:clap :clap :clap ได้ลองวัดอุณหภูมิที่ heatsink หรือยังครับ
-
ณ เวลานี้กำลังฟัง F5 อยู่ครับ
ต้องยอมรับว่าเพลงที่ผมฟังประจำตอนนี้ ผมชอบเสียงของแอมป์หลอดมากกว่า....
แต่กับแผ่นโจ๊ะมันส์ๆ อย่างแผ่น Dynamic Sound Power Test นี่ตั้งแต่ซื้อมา ไม่เคยฟังแล้วดีขนาดเอา F5 ขับเลย มันพรั่งพรู ไดนามิคมาตรึม สไตล์เสียงที่แอมป์หลอดทำไม่ได้
ทำให้ตัดสินใจได้ว่า ต้องทำ F5 แน่นอนครับ เพราะยังมีเพลงดีๆ อีกหลายอัลบั้มที่ผมไม่ได้ฟัง (เพราะแอมป์หลอดขับแล้วเสียงไม่ชอบเล้ย) การทำ F5 จะช่วยเปิดแนวในการฟังเพลงของผมให้กว้างขึ้นไปอีก (และได้อรรถรสในการฟังเต็มๆ กว่าตอนใช้แอมป์หลอดขับ) นี่กำลังคิดว่า Pink Floyd เอย Dire Straits เอย อีกหลายอัลบั้ม เมื่อใช้ F5 ขับจะเต็มๆ ขนาดไหน
ดูอาจานทองแกปรับ DC Offset แล้วสนุกดีครับ จับอุณหภูมิที่น๊อตยึดเฟทกับฮีทซิงค์ ได้ราวๆ 86 องศาครับ (เปิดราวๆ 3 ชม.)
-
ความหวานของเสียงร้องยังไงก็ต้องยกให้หลอดครับ แต่ถ้าฟังเพลงสมัยใหม่ เอามันส์ F5 ไม่เลวครับ ยืนยันอีกเสียง O0 O0 O0 Y] Y] Y] d_d d_d d_d
-
อิอิ รอจัด Kid อยู่เลยจ้า :secret
-
ฮีทซิ้ง ขนาด 8x20 นิ้ว กลีบขนาด 1 1/2 นิ้ว แผ่นละเท่าไหรครับ :o
-
ไปหาตามร้านขายของเก่าดีกว่า ผมเคยได้ขนาดราวๆ นี้ แค่ 300-400 เอง
-
จับอุณหภูมิที่น๊อตยึดเฟทกับฮีทซิงค์ ได้ราวๆ 86 องศาครับ (เปิดราวๆ 3 ชม.)
แล้วจับที่ heatsink ได้อุณหภูมิเท่าไหร่ครับ เอามือจับ heatsink ได้เกิน 5 วินาทีหรือไม่ครับ
ถ้าอุณหภูมิที่ Heatsink ขนาดนี้ (85 องศา) นี่ทำไข่ลวกได้เลยนะครับ ร้อนไปครับควรติดพัดลมช่วย
คือมันได้อยู่ครับร้อนๆแบบนี้ แต่ถ้าใช้ไปซักปี 2 ปี Mosfet อาจจะลาโลกได้ครับ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มันไม่แน่ไม่นอนครับ ถ้าอุณหภูมิสูงมากๆมันก็จะทนทานน้อยลงครับ
แทนที่จะได้เป็น 10 ปี อาจจะเหลือ ไม่กี่ปี หรือไม่กี่เดือนก็ได้ครับ
ทำให้ตัดสินใจได้ว่า ต้องทำ F5 แน่นอนครับ เพราะยังมีเพลงดีๆ อีกหลายอัลบั้มที่ผมไม่ได้ฟัง (เพราะแอมป์หลอดขับแล้วเสียงไม่ชอบเล้ย) การทำ F5 จะช่วยเปิดแนวในการฟังเพลงของผมให้กว้างขึ้นไปอีก (และได้อรรถรสในการฟังเต็มๆ กว่าตอนใช้แอมป์หลอดขับ) นี่กำลังคิดว่า Pink Floyd เอย Dire Straits เอย อีกหลายอัลบั้ม เมื่อใช้ F5 ขับจะเต็มๆ ขนาดไหน
แฮะๆๆ....แอมป์ Class A ที่ Nelson Pass ออกแบบนี่ เป็นแอมป์สามัญประจำบ้านผมครับ ขาดไม่ได้ครับ จำเป็นต้องมี ;D ;D ;D
-
ใน om ของ pass ทุกรุ่นมักระบุว่า 28 degrees C, above ambient
ขนาดของ F5 คาดว่า 19 x 7 x 19 (W x H x D)
Heatsink ของพี่ MasterAt ขนาดน่าจะใกล้เคียงกัน แต่ทำไมร้อนจัง
-
จับอุณหภูมิที่น๊อตยึดเฟทกับฮีทซิงค์ ได้ราวๆ 86 องศาครับ (เปิดราวๆ 3 ชม.)
รบกวนคุณไทเปลี่ยนจุดวัดอุณหภูมิเป็นที่ครีบฮีทซิ้งค์อีกครั้งได้มั๊ยครับ
-
อยากให้ลองวัดทั่วฮีทซิ้งค์ครับว่ามันร้อนเฉลี่ยเท่ากันหรือป่าวครับ หรือว่าร้อนกระจุกอยู่ที่ๆ ติดตั้ง mosfet เท่านั้น
-
:help พี่ๆคับพอจะมีวิธีที่ทำให้อุณหภูมิความร้อนของเครื่องลดลงบ้างไหมคับ เท่าที่อ่านบทความที่พวกพี่ๆเขีนยมา ผมรู้สึกว่าปัญหาเรื่องความร้อนมันช่างน่ากลัวเหลือเกินคับผมกลัวมอสเฟสเสียหายนะคับ แล้วถ้าเราติดพัดลมคอยดูดความร้อนละครับ (ติดบริเวณคีบระบายความร้อน) จะมีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนหรือไม่คับผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้นะคับ
-
อาจานทอง ท่านนำ F5 กลับไปอาบน้ำที่บ้านแล้วครับ เลยต้องยกให้ท่านจัดการวัดเองนะ
ตอนวัดอุณหภูมิ ก็วัดแค่ตรงจุดนั้นแระครับ แต่พอดีซีกที่อยู่ใกล้พัดลมหน่อย มันวัดได้ 76 องศาเองครับ อีกด้านห่างมาแค่คืบ ดันวัดได้ 86 แหนะ แสดงว่าพัดลมช่วยได้เยอะครับ แต่จะติดตั้งอย่างไรให้มันไม่มีเสียงรบกวนเวลาใช้งาน
ไม่ทราบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยสักเท่าไหร่ถึงเหมาะครับ
-
ผ่านไป หนึ่งวันหนึ่งคืน มีเวลาทดสอบหลายชั่วโมงพอจะได้ข้อสรุปบ้างในความคิดของผมดังนี้ครับ
ทางด้าน Hardware
ต้องให้ความสำคัญกับแผ่น ฮีทซิ้ง เป็นอันดับแรก หากตั้งอยู่ในที่อากาศถ่ายเทดีหรือห้องปรับอากาศ ก็ใช้ขนาด 8X10 นิ้ว กลีบยาวไม่น่าต่ำกว่า 1.5 นิ้วได้ครับ แต่ถ้าหาก หาชนิดที่กลีบยาว สามนิ้วได้ละก็น่าจะไปได้ทุกที่ครับ ความร้อนสะสม มากเอาการครับ ที่หัวน็อตยึด Mosfet ปาเข้าไป 86 C นี่ไม่ไช่น้อยครับ ทั่วแผ่น ฮีทซิ้ง เฉลี่ย 75 C คงต้องเพิ่มขนาดกลีบให้ยาวขึ้นครับ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ร้อนก็ยังมี R 11,R12 .47ohms ร้อนพอเอามือแตะๆได้ ก็น่าจะร้อนครับ เพราะกระแสใหลผ่าน ประมาณ 1.3A ตลอดเวลา ส่วนตัวอื่นๆ ร้อนจับได้ครับไม่น่าเป็นห่วง (ปรับให้ได้โวลท์ตกคร่อม R11,12 ที่ 590mV ตามที่ Mr pass recommend)
น้ำเสียง
แรกเริ่มได้ยินเสียงพร้อมกับคุณไทจากเพลงที่เคยฟังประจำแนว Vocal voice มีความรู้สึกว่าเสียงโปร่งๆ ใสๆ จึงลองฟังให้ดังขึ้นอีกนิด ฟังสบายๆ ถ้าจะหาเบสตูมตามเลยละก็คงต้องเอา Pre tone control มาช่วยครับ เพราะออกแนว Flat จริงๆ เรื่องพละกำลัง ผมยังไม่ได้วัด แต่ลองเร่งดู โดยฟังผ่าน Fostex FE206 ดังลั่นบ้านละครับไม่กล้าเร่งสุดเกรงใจเพื่อนบ้าน กลับมาลองเปลี่ยนมาฟังกับตู้ลำโพง Monitor audio เล็กๆความไวแค่ 87dB แบบสองทาง ขับได้สบายๆเลยให้รายละเอียดดีมาก ลองฟังกับเพลงบรรเลง ฟังได้สบายๆ สำหรับเพลงจังหวะเร้าใจ หรือมีเสียง effect ก็ได้อารมณ์ดีครับ โดยรวมออกแนว โปร่งๆจริงๆ ชัดๆ ไดนามิค เยอะ มันก้ำกึ่ง หลอดกับ โซลิด จากลายปริ้นที่ทำขึ้นมา ไม่มีเสียงฮัม หรือ ฮีท มาให้ได้ยิน ภาคจ่ายไฟผมใช้ บริดไดโอด แล้วผ่าน ซี สองตัว@ละ 10000uF/35V ผ่าน R .47ohmsX3 แล้ว ผ่านซี อีก 10000uF35V สองตัว ทั้งซีกบวกและลบครับ
-
ทั่วแผ่น ฮีทซิ้ง เฉลี่ย 75 C คงต้องเพิ่มขนาดกลีบให้ยาวขึ้นครับ
ผมว่าก็ยังสูงไปอยู่ดีครับ น่าจะลดลงให้เหลือซัก 55 - 60 องศา C ครับ
ง่ายและถูกที่สุดก็ติดพัดลมช่วยครับ
โดยรวมออกแนว โปร่งๆจริงๆ ชัดๆ ไดนามิค เยอะ มันก้ำกึ่ง หลอดกับ โซลิด
พร้อมรอทำนานแล้วครับ เมื่อไหร่จะ Group buy ล่ะครับพี่ MasterAT :clap :clap :clap
จากลายปริ้นที่ทำขึ้นมา ไม่มีเสียงฮัม หรือ ฮีท มาให้ได้ยิน
ไม่ทราบว่ายังพอปรับแผ่นปริ้นได้อีกหรือไม่ครับ คือตัว Mosfet IRFP240 และ IRFP9240 ทั้ง 2 ตัว
อยากให้ปรับไว้ตรงกึ่งกลางล่ะครับ รู้สึกว่ามันจะเยื้องๆมาข้างล่างนิดหน่อยนะครับ
แล้วเลื่อนตัว thermistor เข้ามาใกล้ๆอีกนิดจะได้ติดไว้ใกล้ๆ Mosfet ได้สะดวก
ไม่ทราบว่า พี่ MasterAT ใช้กาวอะไรยึดตัว thermistor ติดกับตัว Mosfet ครับ
-
ฮีทซิ้ง ขนาด 8x20 นิ้ว กลีบขนาด 1 1/2 นิ้ว แผ่นนึงใช้ทั้งสองข้างหรือใช้ต่อข้างครับ ???
-
ผมเคยใช้พัดลมดีซี 12 โวลท์ ป้อนไฟให้ประมาณ 7 โวลท์ ระบายความร้อนได้ดีมากครับ เสียงพัดลมไม่ดังด้วยครับ
ในภาพข้างล่าง ด้านซ้ายสุดเป็นพัดลมยึดกับตัวฮีทซิ้ง ความยาวประมาณ 10 นิ้วครับ ใช้ได้ทั้งสองแชนแนลครับ
-
น้ำเสียง
แรกเริ่มได้ยินเสียงพร้อมกับคุณไทจากเพลงที่เคยฟังประจำแนว Vocal voice มีความรู้สึกว่าเสียงโปร่งๆ ใสๆ จึงลองฟังให้ดังขึ้นอีกนิด ฟังสบายๆ ถ้าจะหาเบสตูมตามเลยละก็คงต้องเอา Pre tone control มาช่วยครับ เพราะออกแนว Flat จริงๆ เรื่องพละกำลัง ผมยังไม่ได้วัด แต่ลองเร่งดู โดยฟังผ่าน Fostex FE206 ดังลั่นบ้านละครับไม่กล้าเร่งสุดเกรงใจเพื่อนบ้าน กลับมาลองเปลี่ยนมาฟังกับตู้ลำโพง Monitor audio เล็กๆความไวแค่ 87dB แบบสองทาง ขับได้สบายๆเลยให้รายละเอียดดีมาก ลองฟังกับเพลงบรรเลง ฟังได้สบายๆ สำหรับเพลงจังหวะเร้าใจ หรือมีเสียง effect ก็ได้อารมณ์ดีครับ โดยรวมออกแนว โปร่งๆจริงๆ ชัดๆ ไดนามิค เยอะ มันก้ำกึ่ง หลอดกับ โซลิด จากลายปริ้นที่ทำขึ้นมา ไม่มีเสียงฮัม หรือ ฮีท มาให้ได้ยิน ภาคจ่ายไฟผมใช้ บริดไดโอด แล้วผ่าน ซี สองตัว@ละ 10000uF/35V ผ่าน R .47ohmsX3 แล้ว ผ่านซี อีก 10000uF35V สองตัว ทั้งซีกบวกและลบครับ
คุณ MasterAT ต่อF5 ผ่าน PRE (หลอด หรือ solid) หรือต่อตรงครับ
-
ลืมบอกไปครับ ผมใช้ปรีหลอด HA1 ครับ
ไม่ทราบว่า พี่ MasterAT ใช้กาวอะไรยึดตัว thermistor ติดกับตัว Mosfet ครับ
ยังปล่อยลอยอยู่เหนือ mosfet ครับ
ส่วนเรื่องแผ่นปริ้นปรับได้อีกนิดครับตามรูป
-
ส่วนเรื่องแผ่นปริ้นปรับได้อีกนิดครับตามรูป
งั้นขออีกนิดครับ ;D ;D ;D
เลื่อน TH1, TH2 ขึ้นไปด้านบนอีกนิด
ขยับ Q3 และ Q4 ขึ้นไปด้นบนอีกหน่อย
กึ่งกลางพอดีเลยครับ c)
ทีนี้วัดระยะ เจาะรู Heatsink ไว้รอแผ่นปริ้นได้เลย c)
-
คุณสุวรรณจะจัดทำ PCB เมื่อใด PM มาเตือนผมด้วยนะครับ....
ขอบคุณมากครับ
-
:clap :clap :clap c) c) c) :drunk :drunk :drunk d_d d_d d_d
-
F5 ตัวจริง จะขนาน R ค่า 2.4 โอมห์ กับ R ค่า 0.47 โอห์ม
เพื่อไบอัสกระแสจากเดิม 1.3 แอมป์ ไปเป็น 1.5 แอมป์ครับ
และตัวต้านทานก่อนเข้าขา gate จาก 47 โอห์ม เปลี่ยนเป็น 150 โอห์ม
กระแสเพิ่มขึ้น เสียงดีขึ้น ร้อนขึ้น
ตามรูปนี่แนบมาครับ
-
ส่วนเรื่องแผ่นปริ้นปรับได้อีกนิดครับตามรูป
งั้นขออีกนิดครับ ;D ;D ;D
เลื่อน TH1, TH2 ขึ้นไปด้านบนอีกนิด
ขยับ Q3 และ Q4 ขึ้นไปด้นบนอีกหน่อย
กึ่งกลางพอดีเลยครับ c)
ทีนี้วัดระยะ เจาะรู Heatsink ไว้รอแผ่นปริ้นได้เลย c)
เป็นแบบนี้นะครับ
F5 ตัวจริง จะขนาน R ค่า 2.4 โอมห์ กับ R ค่า 0.47 โอห์ม
เพื่อไบอัสกระแสจากเดิม 1.3 แอมป์ ไปเป็น 1.5 แอมป์ครับ
และตัวต้านทานก่อนเข้าขา gate จาก 47 โอห์ม เปลี่ยนเป็น 150 โอห์ม
กระแสเพิ่มขึ้น เสียงดีขึ้น ร้อนขึ้น
ตามรูปนี่แนบมาครับ
อันนี้ก็ขนานได้เลยครับสำหรับ 2.4 ohms ส่วน R gate ก็ใส่ลงแทน 47 ohms ได้เลย แต่เรื่องความร้อนนี่สิครับ ร้อนจริงๆ
-
ผมคำนวณ ถ้าเอา 2.4 กับ 0.47 ขนานกันจะได้ค่า 0.39 ก็ใช้ค่านี้แทน 0.47 ได้เลยใช่ไหมครับ แล้วทำไมเครื่อง F5 ถึงใช้วิธีขนานครับ
มันช่วยเรื่องความร้อนหรือไม่ครับ
-
ผมว่า น่าจะลองทำรายชื่อจองกันก่อนก็ดีนะครับ จะได้ทราบจำนวนยอดสั่งทำ ว่าแต่จะมีแค่ PCB หรืออื่นๆ ด้วยครับ
-
ผมว่า น่าจะลองทำรายชื่อจองกันก่อนก็ดีนะครับ จะได้ทราบจำนวนยอดสั่งทำ ว่าแต่จะมีแค่ PCB หรืออื่นๆ ด้วยครับ
เห็นด้วยครับ...ควรทราบจำนวนก่อน
ส่วนอุปกรณ์ที่หายากถ้าไม่เป็นการรบกวนน่าจะจัดด้วยนะครับ
-
ผมว่า น่าจะลองทำรายชื่อจองกันก่อนก็ดีนะครับ จะได้ทราบจำนวนยอดสั่งทำ ว่าแต่จะมีแค่ PCB หรืออื่นๆ ด้วยครับ
เห็นด้วยครับ...ควรทราบจำนวนก่อน
ส่วนอุปกรณ์ที่หายากถ้าไม่เป็นการรบกวนน่าจะจัดด้วยนะครับ
เห็นด้วยอีกคนครับ จัดครบเลยครับหม้อแปลงด้วย เอาแบบไม่ต้องไปหาเพิ่มครับ อยู่บ้านนอกลำบาก
-
ผมคำนวณ ถ้าเอา 2.4 กับ 0.47 ขนานกันจะได้ค่า 0.39 ก็ใช้ค่านี้แทน 0.47 ได้เลยใช่ไหมครับ แล้วทำไมเครื่อง F5 ถึงใช้วิธีขนานครับ
มันช่วยเรื่องความร้อนหรือไม่ครับ
ใส่ค่า .39 น่าจะได้ครับเพราะอัตราทนกระแสได้ครับ แต่การเอามาขนานกันความได้เปรียบคือทนวัตต์ได้มากขึ้นครับร้อนน้อยลง กระแสแบ่งกันไหลไปบนตัว รีซิสเตอร์ แต่เกะกะขึ้น 2f
เรื่องการกรุปบาย ผมจะตั้งกระทูใหม่นะครับ
-
เรื่องการกรุปบาย ผมจะตั้งกระทูใหม่นะครับ
หลายท่านรออยู่ครับ :clap :clap :clap
-
พี่ MasterAT ครับ
PCB Power Supply เพิ่มรูให้ใส่ C ได้หลายขนาดดีมั๊ยครับ
-
พี่ MasterAT ครับ
PCB Power Supply เพิ่มรูให้ใส่ C ได้หลายขนาดดีมั๊ยครับ
ผมเดินดูในท้องตลาด ระยะขาของ 15000uF/35Vแบบ สแนบอิน จะอยู่ที่ .4 นิ้ว เกือบทุกยี่ห้อครับ พอมีข้อมูลให้ผมบ้างมั้ยครับ ว่าระยะขาเท่าไรครับ
-
สเปคหม้อแปลงด้าน secondary ประมาณนี้ได้ไหมครับ
18VAC@10A X 2
-
สเปคหม้อแปลงด้าน secondary ประมาณนี้ได้ไหมครับ
18VAC@10A X 2
:o :o 10A 0)] เยอะจัง คงจะใหญ่มาก
-
สเปคหม้อแปลงด้าน secondary ประมาณนี้ได้ไหมครับ
18VAC@10A X 2
:o :o 10A 0)] เยอะจัง คงจะใหญ่มาก
เดาเอาน่ะครับ ไม่ทราบเหมือนกัน :black_eye
-
:o :o 10A 0)] เยอะจัง คงจะใหญ่มาก
ผมว่าเผื่อไว้ก็ดีนะครับ หม้อแปลงจ่ายกระแสพอไม่ต้องกลัวเสียงอั้น
ขนาด Filament 845 ผม Spec แค่ 3.25 Amp ผมใช้ 8 Amp เลย :whistling
-
จะมีปัญหาก็เรื่อง heatsink นี่แหละครับ รวมกัน groupbuy กล่องพร้อม heatsink เลยดีใหมครับ :D
ไม่รู้ร้านเขารับทำที่กี่กล่องครับ ทำออกมาสวยๆกันซักทีก็ดีครับ :victory
-
สำหรับหม้อแปลง ได้ราคากรุปบายมาแล้ว ที่ 1662 บาท เป็นขนาด 0-18V,0-18V 500VA +0-12V 1A ครับ จากราคาเต็มเกือบๆ 1900 บาท เผื่อสำรองไฟไว้ ให้พอเลยครับ
-
เปิดไว้อีก 4 ชม. ร้อนได้ใจพอสมควร กับขนาด ฮีทซิ้ง ขนาด 8x20 นิ้ว กลีบขนาด 1 1/2 นิ้ว
:clap :clap :clap ได้ลองวัดอุณหภูมิที่ heatsink หรือยังครับ
ฮีทซิ้ง ที่ผมจะนำมาใช้น่าจะมีขนาดประมาณ 5.5 X 15" กลีบขนาด 1.5 นิ้ว...สงสัยจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว :cry2
-
ฮีทซิ้ง ที่ผมจะนำมาใช้น่าจะมีขนาดประมาณ 5.5 X 15" กลีบขนาด 1.5 นิ้ว...สงสัยจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว :cry2
น่าจะพอใช้ได้นะครับ เพราะตอนนี้ผมก็ใช้ขนาดใกล้เคียงกันกับ F4 เอามือจับฮีทซิ้งค์ได้เกิน 5 วินาที
ส่วน F5 ลองปรับไบแอสลงเล็กน้อยคงพอช่วยได้ครับ Y]
-
ใช้ Heatsink ขนาดเท่าไรดีครับ :cold
-
ใช้ Heatsink ขนาดเท่าไรดีครับ :cold
8X10" คลีบยาว 3 " หรือใหญ่กว่าครับ
-
ฮีทซิ้ง ที่ผมจะนำมาใช้น่าจะมีขนาดประมาณ 5.5 X 15" กลีบขนาด 1.5 นิ้ว...สงสัยจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว :cry2
น่าจะพอใช้ได้นะครับ เพราะตอนนี้ผมก็ใช้ขนาดใกล้เคียงกันกับ F4 เอามือจับฮีทซิ้งค์ได้เกิน 5 วินาที
ส่วน F5 ลองปรับไบแอสลงเล็กน้อยคงพอช่วยได้ครับ Y]
ผมวัดผิดครับ....ไปวัดฮีทซิ้งมาใหม่แล้วครับ ขนาด 6.25" X 17" คลีบยาว 1.6" ต่อข้าง
-
ใช้ Heatsink ขนาดเท่าไรดีครับ :cold
8X10" คลีบยาว 3 " หรือใหญ่กว่าครับ
ขนาดต่อข้างใช่ไหมครับ
-
8X10" คลีบยาว 3 " หรือใหญ่กว่าครับ
ถ้า Group Buy ไปเลยหรือทำกล่องไปดวยเลย จะ Save กว่าใหมครับ d_d
-
DC offset ปรับได้ครับ ของผมปรับได้ถึง 0.000V เลยครับ เสียงดีครับ เชียร์ให้ทำครับ c) c) c) :clap :clap :clap d_d d_d d_d
ที่กังวลกันมันเป็นเรื่อง offset เวลาเครื่องร้อนกับเย็นน่ะครับ
อย่างเช่น เราปรับ offset ให้เป็น 0 เวลาเครื่องร้อนใช่มั๊ยครับ ทีนี้เวลาเราเปิดเครื่องใหม่ ๆ ตอนที่มันเย็นอยู่นี่ มันกระโดดไป
เยอะ อย่างของผมนี่ไปซะ 150mV ซึ่งผมว่ามีนมากไป และใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 นาทีกว่าจะกลับมาที่ 50mV ซึ่งพอรับได้ และพอครึ่งชั่วโมงมันก็จะเป็น 0
พี่เจอปัญหาอย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ ผมต้อง Match FET และเอามาวางใกล้ ๆ กันถึงจะแก้ปัญหาได้
:D
-
ผมเอา F5 มาทำเป็น power amp ของกีต้าร์ได้ไหม๊ครับ
พอดีมี pre อยู่แล้ว เล่นพวกเสียง overdrive กับ clean
ขอบคุณครับ
-
ผมเอา F5 มาทำเป็น power amp ของกีต้าร์ได้ไหม๊ครับ
พอดีมี pre อยู่แล้ว เล่นพวกเสียง overdrive กับ clean
ขอบคุณครับ
ไม่น่าจะเหมาะครับ เพราะกำลังขับของ F5 แค่ 25 watt เองครับ
อีกอย่างพาวเวอร์แอมพ์คลาสเอ มันร้อนมาก แล้วก็แนวเสียงอาจจะไม่เข้ากับดิสทอร์ชั่นของกีต้าร์ครับ (ไม่ดุพอว่างั้น)
-
ขับของ F5 แค่ 25 watt เองครับ
รบกวนสอบถามครับ F5 = 25watt :o แล้ว ZEN V.9 นี่กี่ watt :)..........และแนวเสียงแตกต่างกันไหมครับ :secret
ขอบคุณครับ..................
-
ขับของ F5 แค่ 25 watt เองครับ
รบกวนสอบถามครับ F5 = 25watt :o แล้ว ZEN V.9 นี่กี่ watt :)..........และแนวเสียงแตกต่างกันไหมครับ :secret
ขอบคุณครับ..................
ลองค้นในบทความ Zen 9 ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด มันจะคลิปที่ประมาณ 20 watt ครับ
แนวเสียงของ Zen 9 ซึ่งเป็น SE น่าจะใกล้เคียงกับ Aleph-J กลาง แหลม น่าจะเนียนกว่า F5 แต่เบสคงเป็นรองครับ
ต้องรบกวนเพื่อนสมาชิกที่ทำ Zen 9 ช่วยกันให้ความเห็นเพิ่มเติม
-
ตัวอย่าง ซิ้ง ครับ
บน ขนาด 15 x 30 x 4 ซม
ล่าง ขนาด 19 x 38 x 3.6 ซม
-
คุณmasterAT เคยฟัง F5 กับลำโพงสองทาง และ Fostx FE206 ช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าF5 เหมาะกับลำโพงอะไรมากกว่ากัน
ขอบคูณครับ
-
ฮีทซิงค์ ถ้าเราพ่นสีสเปรย์เพื่อความวยงาม จะมีผลต่อการระบายความร้อน หรือสีลอกเวลาเจอความร้อนมากๆ ไหมครับ...
-
fet & transister ต้องเช็ค math pair หรือไม่ ครับ และที่คุณmaster ATทำgroupbuyมีการเช็คหรือยังครับ :secret
-
fet & transister ต้องเช็ค math pair หรือไม่ ครับ
ไม่จำเป็นครับ แต่ถ้าอยากจะทำ ก็ไม่เสียหายครับ
ไหนๆ ก็ไม่มีตัวเก็บประจุ ในทางเดินสัญญานเลย
ก็เน้น ตัวต้านทาน ในทางเดินสัญญานครับ มีไม่กี่ตัว ใช้แบบดีๆไปเลย ยี่ห้อก็ตามชอบล่ะครับ
อีกตัวที่มีผลต่อเสียงคือ ตัวต้านทาน ที่ใช้ป้อนกลับ ในวงจรคือตัว 100 โอห์ม / 3 วัตต์
ทั้ง 4 ตัวครับ ที่ต้องเน้นหน่อย
-
ต้องมีชุดป้องกันลำโพงหรือไม่ครับ กลัวลำโพง :blowup
-
ตัวป้องกันลำโพง มีดีกว่าไม่มีอยู่แล้ว สนับสนุนให้ใช้ครับ
แต่จากประสบการณ์กับวงจรของ เนลสัน พาส ต้องยอมรับว่าไม่เคยเจอปัญหาไฟดีซีชนิดที่ทำให้ลำโพงพังครับ
-
ต้องมีชุดป้องกันลำโพงหรือไม่ครับ กลัวลำโพง
ไม่ต้องก็ได้ครับ ถ้าคิดว่าระบายความร้อนดีพอ
ประสบการณ์ตรงจาก Zen4 ที่ไบอัสกระแสที่ 2.8 แอมป์ (Mosfet ตัวเดียวรับกระแส 2.8 แอมป์)
ความร้อนสะสมที่ตัว mosfet มากเกินไป ทำให้ไม่ทนครับ
แต่ตัว F5 Mosfet กินกระแสตัวละ 1.3 -1.5 แอมป์ เลยไม่น่าจะเป็นไรครับ
ขอแค่ระบายความร้อนดีๆหน่อยครับ ใช้ Heatsink แผ่นใหญ่ๆหน่อย หรือไม่ก็ติดพัดลมช่วยครับ
วิธีทดสอบความร้อนง่ายๆ ถ้าเปิดทิ้งไว้ซัก ครึ่ง - หนึ่งชั่วโมงแล้วจับ Heatsink ได้เกิน 5-10 วินาที ก็ผ่านครับ
และจากที่เคยเจอกับ Aleph นะครับ คือตัวต้านทาน 0.47 โอห์ม ที่ต่อกับ mosfet ไหม้ เพราะ R 221 โอห์มที่ต่อกับขา Gate หลุด
ผมต่อแบบ ฮาร์ดวาย ทำให้ Mosfet ไหม้ตามไปด้วย
ภาคจ่ายไฟที่ใช้ แบบ CRC นี้มีข้อดีอีกอย่างครับ คือพอ Mosfet ขาดหรือช็อต R ภาคจ่ายไฟจะไหม้จนขาดก่อน เพราะกระแสเกินที่ R จะทนได้
ทำให้ตัดภาคจ่ายไฟ ออกจากวงจร ก่อนจะมีไฟตรงเข้าลำโพงจน ลำโพงขาดครับ
(แต่ก็ไม่แน่นะครับ เพราะภาคจ่ายไฟขนาด R 4 ตัวทำให้ทนวัตต์มากหน่อยอาจมีไฟตรงหลุดออกไปบ้าง ก่อน R ขาดก็ได้ครับ เพราะที่ผมใช้นั้นไม่ได้ขนาน R ครับ
ใช้แบบ 5 วัตต์ตัวเดียวครับ)
แอมป์ Solid ควรจะมีป้องกันลำโพงครับ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
Aleph ตัวที่ผมฟังทุกวันนี้ ไม่มีทั้งฟิวส์ ทั้ง สวิส เปิดปิด และ กันลำโพงครับ เสียบปลั๊กฟังเลยครับ เลิกใช้ก็ถอดปลั๊ก
ใช้มาจะ 4 ปีแล้วมั้งครับ
หรือจะให้แน่ใจเปิดไว้ทั้งวันดูก็ได้ครับ ต่อลำโพงถูกๆตัวละไม่กี่บาทไว้
ถ้าผ่าน ค่อยลองเอาไปต่อกับลำโพงที่ใช้ประจำครับ
-
ต้องมีชุดป้องกันลำโพงหรือไม่ครับ กลัวลำโพง
ไม่ต้องก็ได้ครับ ถ้าคิดว่าระบายความร้อนดีพอ
ประสบการณ์ตรงจาก Zen4 ที่ไบอัสกระแสที่ 2.8 แอมป์ (Mosfet ตัวเดียวรับกระแส 2.8 แอมป์)
ความร้อนสะสมที่ตัว mosfet มากเกินไป ทำให้ไม่ทนครับ
แต่ตัว F5 Mosfet กินกระแสตัวละ 1.3 -1.5 แอมป์ เลยไม่น่าจะเป็นไรครับ
ขอแค่ระบายความร้อนดีๆหน่อยครับ ใช้ Heatsink แผ่นใหญ่ๆหน่อย หรือไม่ก็ติดพัดลมช่วยครับ
วิธีทดสอบความร้อนง่ายๆ ถ้าเปิดทิ้งไว้ซัก ครึ่ง - หนึ่งชั่วโมงแล้วจับ Heatsink ได้เกิน 5-10 วินาที ก็ผ่านครับ
และจากที่เคยเจอกับ Aleph นะครับ คือตัวต้านทาน 0.47 โอห์ม ที่ต่อกับ mosfet ไหม้ เพราะ R 221 โอห์มที่ต่อกับขา Gate หลุด
ผมต่อแบบ ฮาร์ดวาย ทำให้ Mosfet ไหม้ตามไปด้วย
ภาคจ่ายไฟที่ใช้ แบบ CRC นี้มีข้อดีอีกอย่างครับ คือพอ Mosfet ขาดหรือช็อต R ภาคจ่ายไฟจะไหม้จนขาดก่อน เพราะกระแสเกินที่ R จะทนได้
ทำให้ตัดภาคจ่ายไฟ ออกจากวงจร ก่อนจะมีไฟตรงเข้าลำโพงจน ลำโพงขาดครับ
(แต่ก็ไม่แน่นะครับ เพราะภาคจ่ายไฟขนาด R 4 ตัวทำให้ทนวัตต์มากหน่อยอาจมีไฟตรงหลุดออกไปบ้าง ก่อน R ขาดก็ได้ครับ เพราะที่ผมใช้นั้นไม่ได้ขนาน R ครับ
ใช้แบบ 5 วัตต์ตัวเดียวครับ)
แอมป์ Solid ควรจะมีป้องกันลำโพงครับ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
Aleph ตัวที่ผมฟังทุกวันนี้ ไม่มีทั้งฟิวส์ ทั้ง สวิส เปิดปิด และ กันลำโพงครับ เสียบปลั๊กฟังเลยครับ เลิกใช้ก็ถอดปลั๊ก
ใช้มาจะ 4 ปีแล้วมั้งครับ
หรือจะให้แน่ใจเปิดไว้ทั้งวันดูก็ได้ครับ ต่อลำโพงถูกๆตัวละไม่กี่บาทไว้
ถ้าผ่าน ค่อยลองเอาไปต่อกับลำโพงที่ใช้ประจำครับ
ขอบคุณมากครับ :)
-
ขอถามเรื่องภาคจ่ายไฟ F5 หน่อยครับ
ถ้าผมเอา Switching power supply ของคอมพิวเตอร์ขนาด 12V 10A 4ตัวเอามาทำไฟ DC +- 24V 10A มาจ่ายให้ F5ได้ไหมครับ
:help :help
-
คุณmasterAT เคยฟัง F5 กับลำโพงสองทาง และ Fostx FE206 ช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าF5 เหมาะกับลำโพงอะไรมากกว่ากัน
ขอบคูณครับ
ผมก็ยังฟัง F5 ไม่มากเลย พอจะจับทางได้นิดหน่อยเองครับ หากฟังเพลงไม่ดังมากนัก ดนตรีน้อยชิ้น บรรเลง นิวเอจ FE206 ฟังสบายดีครับ แต่พอมาฟังเพลงที่มีจังหวะเร้าใจขึ้น ตูมตามมากๆ ผมฟังกับ สองทางดีครับ และเชื่อว่าสามทางก็น่าจะดีครับ
fet & transister ต้องเช็ค math pair หรือไม่ ครับ และที่คุณmaster ATทำgroupbuyมีการเช็คหรือยังครับ :secret
ไม่ได้แมทนะครับ แต่ Fet ที่ผมสั่งมาจากอเมริกาทั้งหมดครับ
สำหรับป้องกันลำโพงผมพันไฟหม้อแปลง เผื่อไว้ให้แล้วครับ คือชุด 0-12V ครับ ซึ่งถ้ามีก็ปลอดภัยดีแบบกันไว้ก่อนครับ หรือไม่มี ก็เสี่ยงหน่อยครับ แต่โอกาสที่ไฟจะหลุดไปคงยากหากระบายความร้อนดีๆ แต่ มันก็ไม่แน่ครับ :cry2
-
แนวเสียงของ F5 เทียบกับวงจร ALEPH เป็นอย่างไรบ้างครับ
-
แนวเสียงของ F5 เทียบกับวงจร ALEPH เป็นอย่างไรบ้างครับ
ผมประเมินจาก F4 ญาติสนิทที่สุดของ F5
คะแนนเต็ม 5 (F5, Aleph)
โฟกัส (4, 3.5)
เวทีเสียง (5, 3)
กลาง (4.5, 5)
แหลม (5, 5)
เบส (5, 3)
-
ถามหน่อย ว่าทำไมเครื่องจริง ถึงมี R 2.4 คร่อม R0.47 อยู่แค่ฝั่งเดียว
http://6moons.com/audioreviews/firstwatt7/f5_2.html
-
ถามหน่อย ว่าทำไมเครื่องจริง ถึงมี R 2.4 คร่อม R0.47 อยู่แค่ฝั่งเดียว
http://6moons.com/audioreviews/firstwatt7/f5_2.html
เนสสันอธิบายไว้ที่นี่ครับ
http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?postid=1527957#post1527957 (http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?postid=1527957#post1527957)
ปรับจูนค่าความเพี้ยนให้ต่ำที่สุดกว่า 0.005% ที่ 1 watt ครับ
-
แบบว่าใจร้อนอะครับ เลยลองต่อบนแผ่นอเนกประสงค์ไปก่อน
ใช้ socket IC หกขากับ J74, K170
1. ปรับ P1, P2 ที่ 0 ohm ตามที่เนลสันแนะนำ
2. พอป้อนไฟแล้ว J74, K170 เริ่มอุ่น ๆ แต่อุปกรณ์ตัวอื่นเย็นสนิท N]
3. IRFP240, 9240 เงียบสงบ N] วัด Vgs ได้แค่ 10 mV :cry2
4. ค่อย ๆ ปรับเพิ่มค่า P1, P2 ทีละนิด วัด Vgs ที่ IRFP9240, 240 อีกทีจนได้ประมาณ 3.7V (เหมือนจะดี)
แต่ไม่ทันได้วัด offset ก็ได้กลิ่นไหม้ครับ
5. รีบดึงปลั๊กออก ลองเอามือจับหาจุดร้อน IRFP9240, 240, 0.47R เริ่มอุ่น แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ R13, 14 ค่า 47R เริ่มเปลี่ยนสี
6. ปรับ P1, P2 ที่ 0 ohm อีกครั้ง พอป้อนไฟอีกรอบ R13, 14 ค่า 47R ก็ไหม้เกรียมครับ (ดูในรูปข้างล่างใกล้ ๆ กับทรานซิสเตอร์)
7. วัดค่า P1, P2 ปรากฎว่าคราวนี้ P2 กลับบ้านเก่าไปอีก K]
8. ลองไล่วงจรดูก็ไม่น่าผิด สงสัยปัญหาน่าจะเกิดจากวงจรออสซิลเลทหรือเปล่าไม่แน่ใจ
สรุปไม่มีเวลาพอครับ ก็คงต้องพึ่งพาแผ่นปริ้นกรุ๊ปบายดีกว่า เฮ้อ
-
ผมอ่านที่ฝรั่งเขาแนะนำมานะครับ อันดับแรกไม่ต้องต่อมอสเฟ็ตเพาเวอร์แอมป์ก่อนครับ หลังจากนั้นวัดแรงดันไฟตกคร่อมตัวต้านทานปรับค่าได้ของทั้งซีกบวก และ ลบ ให้ได้ตามที่กำหนดไว้ในวงจร ในส่วนนี้สามารถวัดค่าได้เลยไม่จำเป็นต้องต่อเอาต์พุต จะต้องอุ่นๆ ทั้งสองตัวเพราะอัตราขยายเป็นคลาสส์เอ หลังจากนั้นใช้มิเตอร์เข็มตั้งย่ายวัดดีซี 10 โวลต์ วัดที่ขาเดรนของซีกลบต้องไม่มีการขยับของเข็ม และ ย้ายมาวัดขาเดรนที่ซีกบวกเข็มจะตีเต็มสเกลทันที หลังจากนั้นก็ต่อเพาเวอร์มอสเฟ็ตตามปกติ
การที่ตัวต้านทาน 47 โอห์มไหม้นั้น เนื่องมาจากสเหตุที่ ztx ต่อผิดขา เกิดการไบอัสตรงในทันที การออสซิลเลแทบจะไม่มีในวงจรเคอเร้นท์ฟี้ดแบ็คครับ เพราะวงจรแบบนี้บางเจ้ายังออกแบบให้เป็นนอนน ฟี้ดแบ็คเลยครับ
ผมเองก็กำลังจะทำเหมือนกัน แต่ติดที่ค่าฮี้ทซิ้งค์นี่แหละ เห็นรูปของคุณ masterat กับ rubydac ตามลิ้งค์แล้วร้อนๆ หนาวๆ http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,15.msg11456.html#msg11456
-
ก่อนเสียบไฟ ให้ตรวจสอบก่อนว่า trimpot ตั้งอยู่ที่ค่าต่ำสุดก่อนนะครับ
-
ผมอ่านที่ฝรั่งเขาแนะนำมานะครับ อันดับแรกไม่ต้องต่อมอสเฟ็ตเพาเวอร์แอมป์ก่อนครับ หลังจากนั้นวัดแรงดันไฟตกคร่อมตัวต้านทานปรับค่าได้ของทั้งซีกบวก และ ลบ ให้ได้ตามที่กำหนดไว้ในวงจร ในส่วนนี้สามารถวัดค่าได้เลยไม่จำเป็นต้องต่อเอาต์พุต จะต้องอุ่นๆ ทั้งสองตัวเพราะอัตราขยายเป็นคลาสส์เอ หลังจากนั้นใช้มิเตอร์เข็มตั้งย่ายวัดดีซี 10 โวลต์ วัดที่ขาเดรนของซีกลบต้องไม่มีการขยับของเข็ม และ ย้ายมาวัดขาเดรนที่ซีกบวกเข็มจะตีเต็มสเกลทันที หลังจากนั้นก็ต่อเพาเวอร์มอสเฟ็ตตามปกติ
การที่ตัวต้านทาน 47 โอห์มไหม้นั้น เนื่องมาจากสเหตุที่ ztx ต่อผิดขา เกิดการไบอัสตรงในทันที การออสซิลเลแทบจะไม่มีในวงจรเคอเร้นท์ฟี้ดแบ็คครับ เพราะวงจรแบบนี้บางเจ้ายังออกแบบให้เป็นนอนน ฟี้ดแบ็คเลยครับ
ผมเองก็กำลังจะทำเหมือนกัน แต่ติดที่ค่าฮี้ทซิ้งค์นี่แหละ เห็นรูปของคุณ masterat กับ rubydac ตามลิ้งค์แล้วร้อนๆ หนาวๆ http://www.thaidiyaudio.net/index.php/topic,15.msg11456.html#msg11456
ก่อนเสียบไฟ ให้ตรวจสอบก่อนว่า trimpot ตั้งอยู่ที่ค่าต่ำสุดก่อนนะครับ
ขอบคุณมากครับ สงสัยต้องหาเวลาลองเช็ควงจรใหม่อีกรอบ
ผมว่าดูขาทรานซิสเตอร์ดีแล้วนะครับ ??? มันเป็นเบอร์ BC550B, BC560B (CBE)
-
การออสซิลเลแทบจะไม่มีในวงจรเคอเร้นท์ฟี้ดแบ็คครับ เพราะวงจรแบบนี้บางเจ้ายังออกแบบให้เป็นนอนน ฟี้ดแบ็คเลยครับ
มายืนยันให้อีก 1 เสียงครับ :victory
-
ZV9 ครับ
-
ซิ้งสูง 6 ลึก 11 นิ้ว
-
updated owner/service manual
http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf (http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf) c)
-
updated owner/service manual
http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf (http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf) c)
ยังไม่แก้ค่า R ที่ขา Gate ของ Power MOSFET อีกแฮะ 47 โอห์มมันจะพอป้องกัน Parasitic Oscillate ได้ไง
มันต้อง 100-300 โอห์ม นะ
:secret
-
updated owner/service manual
http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf (http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf) c)
ยังไม่แก้ค่า R ที่ขา Gate ของ Power MOSFET อีกแฮะ 47 โอห์มมันจะพอป้องกัน Parasitic Oscillate ได้ไง
มันต้อง 100-300 โอห์ม นะ
:secret
ค่าที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหรครับ ผมจำได้ว่าถ้าเป็นพวก Aleph จะใช้ค่า 220
พออธิบายหน่อยได้ไหมครับว่า Parasitic Oscillate เป็นการ Oscillate แบบไหนครับ
-
Parasitic Oscillate จะ Oscillate บนยอดคลื่นครับ
ค่าที่เหมาะสมก็ 100-300 โอห์มแหละครับ เท่าไรก็ได้ ที่เค้าเลือก 220 โอห์มเพราะมันอยู่กลาง ๆ ไง :secret
-
อ่านอันนี้ก็ได้ครับ เขียนได้เข้าใจไม่ยาก
http://ee.eng.usf.edu/gradcourses/wireless-seminar/sp05/abrahams-1-26-05-pres.pdf
O0
-
updated owner/service manual
http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf (http://www.firstwatt.com/downloads/F5-om_sm-080527.pdf) c)
ยังไม่แก้ค่า R ที่ขา Gate ของ Power MOSFET อีกแฮะ 47 โอห์มมันจะพอป้องกัน Parasitic Oscillate ได้ไง
มันต้อง 100-300 โอห์ม นะ
:secret
เหมือนป๋าแกจะจงใจนะครับให้ F5 เป็นปรีที่เสียงเร็ว ผมเคยเล่นกับ grid stopper ของหลอดพวก high transconductance เหมือนกัน เอาค่าน้อยๆใส่ เสียงก็จะเปลี่ยนไป อย่างหลอดพวก 6C33 นี่ เอา grid stopper 100K ใส่ เสียงเปลี่ยนทันทีครับ แต่คีย์หลักอยู่ที่การจัดวางอุปกรณ์ครับ ไม่ให้มัน oscillate ผมถึงแย้งเรื่องการวาง gate stopper ของ pcb ไงครับ ว่าให้มันใกล้กับขา gate ให้มากที่สุด ดูที่นี่ก็ได้ครับ ป๋าแกบอกเอาไว้
http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?s=&threadid=121228&perpage=25&highlight=&pagenumber=5
-
เหมือนป๋าแกจะจงใจนะครับให้ F5 เป็นปรีที่เสียงเร็ว ผมเคยเล่นกับ grid stopper ของหลอดพวก high transconductance เหมือนกัน เอาค่าน้อยๆใส่ เสียงก็จะเปลี่ยนไป อย่างหลอดพวก 6C33 นี่ เอา grid stopper 100K ใส่ เสียงเปลี่ยนทันทีครับ แต่คีย์หลักอยู่ที่การจัดวางอุปกรณ์ครับ ไม่ให้มัน oscillate ผมถึงแย้งเรื่องการวาง gate stopper ของ pcb ไงครับ ว่าให้มันใกล้กับขา gate ให้มากที่สุด ดูที่นี่ก็ได้ครับ ป๋าแกบอกเอาไว้
http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?s=&threadid=121228&perpage=25&highlight=&pagenumber=5
ครับพี่ เคยได้ยินพี่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเหมือนกัน
ผมว่าป๋าเค้ามี lab วัด วัดแล้วไม่ oscillate ก็เลยใช้ค่าน้อย ๆ ได้
แต่ถ้าเป็นพวกเรานี่ ไม่ค่อยเอาเครื่องมาเข้า lab วัดหลังทำเสร็จกัน เอาชัวร์ ๆ ก็ดีนะครับ
ไม่อยากเผา tweeter ทิ้งง่ะ :cold
-
`ผมก็ไม่กล้าใส่ 47 โอมห์เหมือนกันครับ ผมกะจะใส่ที่ 1K แล้วลองขนานไปเรื่อยๆ กับ tweeter `50บาทของผม
-
ร้องเพลงแล้วครับ c) c) c)
ขอบคุณท่าน MasterAT อีกครั้งสำหรับกรุ๊ปบาย
Mosfet ยังคงใช้เบอร์ IRFP240, 9240 ที่เหลือมาจาก F4 ครับ
-Heat Sink ขนาดแผ่นละ 5 x 9 x 2.5 นิ้ว ใช้พัดลม 12 V DC ช่วยระบายความร้อน จ่ายไฟให้ 5 V เงียบดี
-ปรับไบแอสให้ได้ไฟ 0.6V คร่อม R11-12 (0.47R) ไม่มีปัญหาครับ
-ปรับ VR 5K ที่ 0 ohm ก่อนอื่น แล้วค่อย ๆ ปรับเพิ่มค่าที่ละนิดสลับกัน
-มีทิปนิดหน่อยสำหรับเพื่อน ๆ ทีจะใช้พัดลมช่วยระบายความร้อน ผมเจอปัญหาปรับ offset ให้ได้ 0 V ค่อนข้างยาก (เข้าใจว่าพัดลมมันทำให้ความร้อนถึงจุดอิ่มตัวช้า)
แนะนำว่าให้ใช้พัดลม DC และปรับความเร็วพัดลมให้ไม่แรงมากเกินไป หลังจากวัดไฟคร่อม R11-12 ได้สัก 0.5V ให้รอวอร์มอัพผ่านไปประมาณ 15 นาทีแล้วค่อย ๆ ปรับ VR สลับกันจนได้ 0.6V และ offset ใกล้ 0V มากที่สุดครับ
-
รายงานผลการรับฟัง O0 O0 O0 O0
ใส มาก ๆ
ชัด รายละเอียดดีมาก
เบสลึกดี มิดเบสอาจด้อยไปบ้าง
ไดนามิคเยี่ยม แต่ยังเป็นรอง Aleph-x อยู่พอควร
โดยรวมน่าพอใจเป็นอย่างมากครับ
-
หลังจากเบิร์นอินไปแล้วสิบชั่วโมง เสียงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น Y] ผมพอจับบุคคลิกของ F5 เพิ่มเติมได้ดังนี้ครับ
-วอร์มอัพเร็วกว่าวงจรของเนลสันก่อน ๆ นี้ เปิดสัก 30 นาทีก็เข้าที่ ความเพี้ยนน้อยมาก
-แหลมปลายพริ้วไหว สะอาดดีมาก, กลางโฟกัสนิ่งดี แต่ไม่กังวานเหมือน Aleph, F4
-สด เร็ว เทียงตรงแม่นยำกว่า Aleph (Aleph จะผ่อนคลายกว่า)
-ไม่หวานครับ เสียงมันไปทางโซลิดเสตทมากกว่า
-เวทีเสียงแคบกว่า F4 เล็กน้อย
สำหรับท่านที่ชอบแนวเสียงหวานของหลอด คงต้องหาปรีหลอดมาช่วยขับ F5 น่าจะลงตัวทีเดียว
ผมรอลุ้นปรี Astra ให้แผ่นปริ้นคลอดไว ๆ จะได้เอามาลองกับ F5 ครับ
-
เก็บข้อมูลไว้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ
-
สำหรับท่านที่ชอบแนวเสียงหวานของหลอด คงต้องหาปรีหลอดมาช่วยขับ F5 น่าจะลงตัวทีเดียว
ผมรอลุ้นปรี Astra ให้แผ่นปริ้นคลอดไว ๆ จะได้เอามาลองกับ F5 ครับ
อ้อ ผมกำลังหาปรีหลอดพอดี จะเอามาใช้กับ F5 แระ พอดีออกแบบกล่อง F5 แล้วตอนบนมานยังมีที่เหลือๆ ใส่ปรีหลอด คงสวยครับ... :victory
-
ถ้า0ff set ทำได้ 200-300mV จะทำให้เกิดอะไรบ้างครับ แต่ที่ทำออกมาก็ฟังได้ครับ
-
ถ้า0ff set ทำได้ 200-300mV จะทำให้เกิดอะไรบ้างครับ แต่ที่ทำออกมาก็ฟังได้ครับ
ถ้าจะให้ดี ควรปรับให้ได้อยู่ในช่วง ไม่เกิน 100mV จะดีกว่าครับ
0ff set 200 - 300mV ไม่ถึงกับทำให้ลำโพงขาดครับ แต่ก็จะมีเสียงรบกวนครับ
ลองสังเกตุดีๆ แต่ก็ฟังได้ครับ ถ้ามันไม่มากเกินไปกว่านี้
-
นั่งทำ F5 เกือบๆ เสร็จแระ ได้ซัก 60% เอารูปการเดินสายมาลงไว้หน่อยเผื่อมีใคร งงๆ แบบผม ;D :D
-
นั่งทำ F5 เกือบๆ เสร็จแระ ได้ซัก 60% เอารูปการเดินสายมาลงไว้หน่อยเผื่อมีใคร งงๆ แบบผม ;D :D
นั่งรอชมของพี่ไทอยู่ เห็นโครงเค้าๆต้องสวยแน่นอน ยกนิ้วให้ก่อนเลย O0 O0 O0 O0 O0
-
นั่งทำ F5 เกือบๆ เสร็จแระ ได้ซัก 60% เอารูปการเดินสายมาลงไว้หน่อยเผื่อมีใคร งงๆ แบบผม ;D :D
ใข่ครับผมเองก็ยังงง ช่วงนี้เหมือกัน เมื่อวาน Denon power apm ตัว delay ไม่ทำงานแล้ว
เลยได้จังหวะเร่ง F5 และขอถามว่า
1. การต่อ Bride Diote ที่แสดงในภาพต่อถูกต้องหรือไม่ครับ
2. การใช้ตัว R ในภาคขยาย ซึ่งผมจะใช้ของ Kiwame ให้คุณภาพเสียงที่
แตกต่างกับ R metal มากน้อยหรือไม่สำหรับวงจร Solidsate ประการสำคัญ
คุ้มกับเงินที่ลงไปหรือไม่ครับ
3. ช่วยแนะวิธีการติด Transister ที่ติดกับ heat sink ว่ามีขั้นต้อนอะไร
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยครับ
ต้องขอโทษที่ถามละเอียดมากเนื่องจากทำ solid เป็นครั้งแรกครับสำหรับงานนี้
ขอบคุณอีกครั้งครับ
-
นั่งทำ F5 เกือบๆ เสร็จแระ ได้ซัก 60% เอารูปการเดินสายมาลงไว้หน่อยเผื่อมีใคร งงๆ แบบผม ;D :D
ใข่ครับผมเองก็ยังงง ช่วงนี้เหมือกัน เมื่อวาน Denon power apm ตัว delay ไม่ทำงานแล้ว
เลยได้จังหวะเร่ง F5 และขอถามว่า
1. การต่อ Bride Diote ที่แสดงในภาพต่อถูกต้องหรือไม่ครับ
2. การใช้ตัว R ในภาคขยาย ซึ่งผมจะใช้ของ Kiwame ให้คุณภาพเสียงที่
แตกต่างกับ R metal มากน้อยหรือไม่สำหรับวงจร Solidsate ประการสำคัญ
คุ้มกับเงินที่ลงไปหรือไม่ครับ
3. ช่วยแนะวิธีการติด Transister ที่ติดกับ heat sink ว่ามีขั้นต้อนอะไร
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยครับ
ต้องขอโทษที่ถามละเอียดมากเนื่องจากทำ solid เป็นครั้งแรกครับสำหรับงานนี้
ขอบคุณอีกครั้งครับ
ช่วยลบภาพให้ด้วยลงผิด ที่ถูกต้องอันนี้ครับ
-
นั่งทำ F5 เกือบๆ เสร็จแระ ได้ซัก 60% เอารูปการเดินสายมาลงไว้หน่อยเผื่อมีใคร งงๆ แบบผม ;D :D
ใข่ครับผมเองก็ยังงง ช่วงนี้เหมือกัน เมื่อวาน Denon power apm ตัว delay ไม่ทำงานแล้ว
เลยได้จังหวะเร่ง F5 และขอถามว่า
1. การต่อ Bride Diote ที่แสดงในภาพต่อถูกต้องหรือไม่ครับ
2. การใช้ตัว R ในภาคขยาย ซึ่งผมจะใช้ของ Kiwame ให้คุณภาพเสียงที่
แตกต่างกับ R metal มากน้อยหรือไม่สำหรับวงจร Solidsate ประการสำคัญ
คุ้มกับเงินที่ลงไปหรือไม่ครับ
3. ช่วยแนะวิธีการติด Transister ที่ติดกับ heat sink ว่ามีขั้นต้อนอะไร
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยครับ
ต้องขอโทษที่ถามละเอียดมากเนื่องจากทำ solid เป็นครั้งแรกครับสำหรับงานนี้
ขอบคุณอีกครั้งครับ
ช่วยลบภาพให้ด้วยลงผิด ที่ถูกต้องอันนี้ครับ
ผมว่า R feedback จะมีผลมากทีเดียว Kiwame 100R, 2 watt ราคาตัว 45 บาท คุ้มครับ
ตอนนี้ผมกำลังสะสม R Kiwame + R Dale 1/2 watt ตัวละ 30 - 40 บาท สำหรับ F5 ตัวที่สองแล้ว
การติดพาวเวอร์มอสเฟสกับซิ้งค์ไม่ยากครับ แนะนำให้ใช้แผ่นไมก้ายาง silicon pad รอง แล้วก็ขันน๊อตกับแหวนให้แน่น
วัดความต้านทานทุกขาของมอสเฟสเทียบกับฮีตซิ้งค์ ไม่ให้ช็อตลงฮีตซิ้งเป็นใช้ได้
-
F5 ตัวจริง จะขนาน R ค่า 2.4 โอมห์ กับ R ค่า 0.47 โอห์ม
เพื่อไบอัสกระแสจากเดิม 1.3 แอมป์ ไปเป็น 1.5 แอมป์ครับ
และตัวต้านทานก่อนเข้าขา gate จาก 47 โอห์ม เปลี่ยนเป็น 150 โอห์ม
กระแสเพิ่มขึ้น เสียงดีขึ้น ร้อนขึ้น
ตามรูปนี่แนบมาครับ
สวัสดีครับ คุณ วศิน ผมสงสัยตำแหน่งที่จะใช้ค่า R ข้างต้น อยากขอย้ำให้แน่นอนว่า
เป็นไปตามนี้ใช่หรือเปล่าครับ ขอบคุณมาก
-
สวัสดีครับ คุณ วศิน ผมสงสัยตำแหน่งที่จะใช้ค่า R ข้างต้น อยากขอย้ำให้แน่นอนว่า
เป็นไปตามนี้ใช่หรือเปล่าครับ ขอบคุณมาก
ใช่แล้วครับ
-
ช่วยดูการต่อ Bridge เข้ากับ ภาค power supply ถูกต้องหรือไม่ครับ
(เป็นภาพวาดด้านบนครับ) อีกอย่าง เท่าที่ทราบต้องมีแผ่นระบายความร้อน
ด้วย ผมคิดว่าจะต่อไปในภาพ และหาแผ่นระบายความร้อนประมาณ ฝ่ามือจะ
ได้ไหมครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
-
ช่วยดูการต่อ Bridge เข้ากับ ภาค power supply ถูกต้องหรือไม่ครับ
(เป็นภาพวาดด้านบนครับ)
ในรูปวาดต่อถูกต้องแล้วครับ
เท่าที่ทราบต้องมีแผ่นระบายความร้อน
ด้วย ผมคิดว่าจะต่อไปในภาพ และหาแผ่นระบายความร้อนประมาณ ฝ่ามือจะ
ได้ไหมครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
ได้ครับ
-
:help หวัดดีครับพี่ wisin พี่ zenhifi และพี่ๆท่านอื่นๆช่วยตอบคำถามผมหน่อยคับคือว่า
1 การติด มอสเฟส ที่ติดกับ heat sink นะคับเวลาเราเปิดใช้เจ้า f5 ไปนานๆ ซึ่งมีความร้อนสะสมมากๆ ที่เดียวบริเวณตัวมอสเฟส กับ heat sink นะคับผมอยากทราบว่าตะกั่วที่เราใช้ในกาเชื่อมนะคับที่ขาของเฟสแต่ละตัวมันจะละลายไหมคับคือว่าความร้อนสะลมที่พวกพี่ๆว่ากันนะมันจะมีผลที่ทำให้ตะกั่วบริเวณนี้ถึงขั้นละลายไหมคับพี่
2 พี่ zenhifi ผมอยากทราบว่าเราควรปรับไฟให้พัดลมเพื่อระบายความร้อนประมาณ 9 โวลต์ ได้ไหมหรือว่าควรใช้ 5 โวลต์คับและถ้าเป็น 9 โวลต์ ละคับพี่ในการปรับค่าดีซีออ๊ฟแซทจะยากกว่าไหมคับพี่
-
:help หวัดดีครับพี่ wisin พี่ zenhifi และพี่ๆท่านอื่นๆช่วยตอบคำถามผมหน่อยคับคือว่า
1 การติด มอสเฟส ที่ติดกับ heat sink นะคับเวลาเราเปิดใช้เจ้า f5 ไปนานๆ ซึ่งมีความร้อนสะสมมากๆ ที่เดียวบริเวณตัวมอสเฟส กับ heat sink นะคับผมอยากทราบว่าตะกั่วที่เราใช้ในกาเชื่อมนะคับที่ขาของเฟสแต่ละตัวมันจะละลายไหมคับคือว่าความร้อนสะลมที่พวกพี่ๆว่ากันนะมันจะมีผลที่ทำให้ตะกั่วบริเวณนี้ถึงขั้นละลายไหมคับพี่
2 พี่ zenhifi ผมอยากทราบว่าเราควรปรับไฟให้พัดลมเพื่อระบายความร้อนประมาณ 9 โวลต์ ได้ไหมหรือว่าควรใช้ 5 โวลต์คับและถ้าเป็น 9 โวลต์ ละคับพี่ในการปรับค่าดีซีออ๊ฟแซทจะยากกว่าไหมคับพี่
1. ไม่น่าละลายครับ อุณหภูมิที่เฟสคงไม่เกิน 70-80 C ตะกั่วน่าจะละลายที่สูงกว่า 200 C ?
2. จ่ายไฟให้พัดลม 9V ได้ครับแต่เสียงมันจะดังจนน่ารำคาญสิครับ
-แนะนำให้เริ่มที่ volt ต่ำ ๆ ก่อน
-รอให้ความร้อนมันอิ่มตัวสัก 15 นาที
-แล้วค่อยปรับ P1-P2 สลับกันแบบละเอียด
-ถ้าเอานิ้วแตะ sink ได้ไม่เกิน 5 วินาที ให้ปรับไฟจ่ายให้พัดลมเพิ่มขึ้นทีละนิดครับ
-ความร้อนสะสมขึ้นอยู่กับขนาดของ sink ด้วยครับ ถ้าจะใช้ร่วมกับพัดลม แนะนำขนาด 5x9x2.5 (ต่อข้าง) ที่ผมใช้อยู่เป็นอย่างน้อย
-
heatsink ติดครีบในแนวตั้งจะระบายความร้อนได้ดีที่สุดครับ และถ้ามีพัดลมเป่าจากด้านล่างด้วยจะช่วยได้เยอะเลย ;)
-
เมือวานไปหาซื่ออูปกรณ์มาเกือบครบแล้วแต่ยังขาดพวก ตัว R ครับ
ตอนแรกว่าจะใช้ของ Kawame ทุกตัวดูงบแล้วไม่เบา เลย และจำเป็น
หรือไม่ครับ ถ้าให้เลือกบางจุดที่สำคัญๆ เราควรจะใช้จุดใดบ้างครับ
ส่วน Bride Diote ผมเข้าใจว่าเป็นแบบพวก MUR แต่คนขายบอกว่า
Bride เป็นแบบในภาพ เลยอยากขอความมั่นใจว่าผมใช้แบบในภาพได้หรือไม่
เกือบลืมขออีกคำถามว่า ค่า R 100 r /3 W ในภาพ จ่ายไฟนั้น ผมใช้ 102 r
จะได้หรือไม่ครับ ขอบคุณมากครับ
-
Bridge rectifier ในภาพถ่ายถูกต้องครับ
มันจะเสมือนมีไดโอดอยู่ข้างใน 4 ตัวต่อเป็นวงจรบริดจ์ไว้แล้ว
ใช้ได้/ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอัตราการทนแรงดันและกระแสของมันครับ
102R ใช้ได้ครับ ลองนึกถึง 100R 5% ค่าจริงมันจะเป็นเท่าไร
ถ้าอยากมั่นใจก็ซื้อเผื่อแล้ววัดคัดค่าก่อนเอาไปใช้ก็ได้ครับ
-
Bridge rectifier ในภาพถ่ายถูกต้องครับ
มันจะเสมือนมีไดโอดอยู่ข้างใน 4 ตัวต่อเป็นวงจรบริดจ์ไว้แล้ว
ใช้ได้/ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอัตราการทนแรงดันและกระแสของมันครับ
102R ใช้ได้ครับ ลองนึกถึง 100R 5% ค่าจริงมันจะเป็นเท่าไร
ถ้าอยากมั่นใจก็ซื้อเผื่อแล้ววัดคัดค่าก่อนเอาไปใช้ก็ได้ครับ
ขอบคุณครับ
-
Dummy load test run.
วันนี้ ผมมีเวลาตอนบ่าย ประกอบเพิ่มเติม โดยทำชุดจ่ายไฟ ป้อนให้กับ F5 ลองทำงานโดยที่ยังไม่ได้ต่อลำโพง ต่อ แต่ Resistor 30W8ohms ไว้เพื่อทดสอบและปรับแต่งโดยเฉพาะ พอเสียบไฟ วัดไฟตกคร่อม R11,R12 ตกใจ ปาเข้าไป 1860mV พร้อมทั้งได้กลิ่นอวลๆใหม้ๆลอยมารีบชักปักแทบไม่ทัน ปรากฎว่า ใบอัสไว้มากไป ปรับ ทริมพอท ลองให้มีไฟเหลือตกคร่อมแค่ 635mV และค่อยปรับทั้งสองด้าน P1,P2 ให้ได้ค่าไกล้กับและ มี DC offset ออกมา น้อยที่สุด ประมาณ .001mV เป็นที่น่าพอใจ แล้วผมก็ทำทั้งสอง แชนแนล แล้วทิ้งไว้ 2 ชม.มาปรับใหม่อีกที ได้ค่าเปลี่ยนไปไม่มากนัก เปิดไว้อีก 4 ชม. ร้อนได้ใจพอสมควร กับขนาด ฮีทซิ้ง ขนาด 8x20 นิ้ว กลีบขนาด 1 1/2 นิ้ว พรุ่งนี้จะลองป้อนสัญญารเสียงแล้วรายงานต่อครับ
ท่าน MasterAT งดงามมากครับ
ทรานซิสเตอร์ ZTX กะ R 0.47R ได้มาจากแหล่งไหนครับ ช่วยชี้แนะด้วย
เห็นแล้วเกิดความสงสัยอีกแล้วครับ การวาง TH 2 หัวสีฟ้าในภาพเห็นวางหัวไว้ติดหรือ
ใกล้มากๆ อย่างนั้นมีความจำเป็นหรือไม่เพราะอะไร ถ้าไม่จำเป็นก็จะได้ตัดขาให้สั้นๆ ครับ ขอบคุณมาก
ผมพอมีอยู่บ้างครับ เหลือจาก งาน pearl ส่วน R สั่งเข้ามาครับ
สำหรับ 2SK170BL กับ 2SJ74BL ก็เตรียมหาไว้ให้แล้วเช่นกัน
-
วางอย่างนั้นเพื่อให้มันรับความร้อนจาก mosfet ครับ
ไม่ควรตัดขาให้สั้นครับ
-
วางอย่างนั้นเพื่อให้มันรับความร้อนจาก mosfet ครับ
ไม่ควรตัดขาให้สั้นครับ
ขอบคุณมากครับ คุณ สันติ เหลืออีก 1 ที่หายังไม่ได้คือ r ครับ ลองเช็ค kiwame แล้ว
ของไม่ครบ เลยอยากจะเปลียนเป็น dale พอแนะนำได้ไหมครับ ถ้ามีช่วย PM ด้วยครับ ไหนๆ แล้ว ลงของดีไปเลย
จะได้ไม่คาใจ ขอบคุณอีกครั้ง
-
วางอย่างนั้นเพื่อให้มันรับความร้อนจาก mosfet ครับ
ไม่ควรตัดขาให้สั้นครับ
ขอบคุณมากครับ คุณ สันติ เหลืออีก 1 ที่หายังไม่ได้คือ r ครับ ลองเช็ค kiwame แล้ว
ของไม่ครบ เลยอยากจะเปลียนเป็น dale พอแนะนำได้ไหมครับ ถ้ามีช่วย PM ด้วยครับ ไหนๆ แล้ว ลงของดีไปเลย
จะได้ไม่คาใจ ขอบคุณอีกครั้ง
Dale วัตต์สูงแบบ metal film หายากสิครับ ผมเจอแต่แบบ wire wound
Kiwame น่าสนกว่าครับ ถ้าหา 100R/2W (R5, 6, 7, 8) ไม่ได้ ลองหาค่า 51R/4W แทน 100R 2 ตัวที่ต่อขนานกันอยู่ได้ครับ
R5-8 เป็นตัว current feedback ซึ่งเป็นทางผ่านสัญญาณโดยตรง คิดถูกแล้วครับที่ใช้ของดี ๆ ไปเลย
-
ในบทความของ F5 บอกว่า R 100 / 3W นั้นใช้แบบถูกๆครับไม่เน้น
-
Nelson ใช้ R 100R 3W ของ Panasonic ผมดูใน digikey น่าจะเป็นแบบ Metal Oxide Film ราคาตัวละ 0.5 USD ประมาณ 17 บาท
ต้องบอกว่าเป็นของดีราคาถูกจริง ๆ ครับ
Nelson ยังใช้ R Panasonic ใน production line ด้วย
-
รูปครับ ยก TR ออกมานอกบอร์ด เนื่องจากพื้นที่จำกัดครับ สังเกตู TH ตัวเขียวเล็กๆก็ย้ายออกมาด้วย
-
:)
-
ใช้กับปรี DOZ ตัวนี้ครับ
-
ลงกล่องเล็กๆ เทียบกับ F5 แล้วเหมือนมดกับช้าง :showoff เปิดกับ ลำโพง 30บาท เสียงดังเกินพอครับ เกนสูงดี 6 หรือ 10 Volt นี่แหละจำไม่ค่อยได้แล้ว :P
-
F5 เคสดูดี มีชาติตระกูลเจงๆ ครับ.... O0
-
เสียงเป็นไงบ้างครับ
-
เมือคืนทำกล่องลงของในภาพครับ
ส่วน R ยังไม่ครบ ขาด 150 R กับ 100K
คิดว่าจะเอา พวก corbon composive ลงแทนได้หรือ
ไม่ครับ
-
My F5 .... ยังไม่เสร็จครับ ต้องตบแต่งอีกหน่อย
-
ด้านหลัง ต้องเพิ่มอีกนิด
-
สวยมากเลยครับพี่ O0 O0 O0 O0
-
Wow :o
สวยมากๆ O0
-
ว้าว สวยสุดๆ :clap :clap :clap O0 O0 O0 d_d d_d d_d
-
เมือคืนทำกล่องลงของในภาพครับ
ส่วน R ยังไม่ครบ ขาด 150 R กับ 100K
คิดว่าจะเอา พวก corbon composive ลงแทนได้หรือ
ไม่ครับ
สวยงามมากเลยครับ O0 O0 O0 O0
แฟนพันธุ์แท้ DIY C
ของผมยังดองอยู่เลยครับ ยังหาซิงค์ลงไม่ได้
-
:o :o :o
อลังการ งานสร้าง
O0 O0 O0
-
งาม ๆ ทั้งนั้นเลย O0
-
ขอรายงานความคืบหน้าครับ ตอนนี้เหลือเพียง R 150 R กับ 10K 2 Wat ของ kiwame ขาดไม่มีของเลย
ค่านี้มีแต่ 5 watt ตัวใหญ่ คงจะต้องกัดฟันใช้แทนไปก่อน คิดว่า ภายในอาทิตย์หน้านี้คงใช้ได้ มีปัญหาบางประการ
อยากให้ช่วยครับ
1.การเดินสาย Ground ผมไม่ต้องลงตัวถังได้หรือไม่ RCA และ ขั้วลำโพงผมจะไม่ให้สัมผัสกับตัวถังเลย
2. การใช้ silicone กันความร้อน ผมจะทาลงไปที่ heat sink แล้วลงแผ่น mica แล้ว ตัว TR (mosfet) ลงไป แล้วก็ขันหมุดย้ำลงไป
3. สาย out put ผมจะใช้สายสัญญาณลำโพงต่อจากแผ่น PCB ไปที่ขั้วของลำโพง จะให้ผลดีกว่าการใช้สาย out put ทั่วๆไปอย่างไหน
ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าครับ
นอกจากนี้ผมต้องระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ครับ
งานนี้ผมใช้ขั้วลำโพงที่ดีที่สุดในโลกเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
-
R เขียวๆ นี่ไปซื้อแถวไหนครับ
อยากได้บ้างจัง 0)] 0)]
-
R เขียวๆ นี่ไปซื้อแถวไหนครับ
อยากได้บ้างจัง 0)] 0)]
ลองเข้าไปที่ sacthailand.com ครับ
-
การติด P1, P2 คุณ MasterAT บอกว่าให้ติดให้เหมือนกัน คือ หัวขึ้นทั้งคู่ หรือ ลงทั้งคู่ก็ได้ครับ ที่สกรีนใน PCB เขาทำมาผิดครับ
ส่วนจะปรับทวนเข็ม หรือตามเข็มนาฬิกา ลองหาอ่านในกระทู้นี้แระครับ แกบอกไว้ ไม่รู้อยู่หน้าไหนแล้ว.... :headphone
-
ขอรายงานความคืบหน้าครับ ตอนนี้เหลือเพียง R 150 R กับ 10K 2 Wat ของ kiwame ขาดไม่มีของเลย
ค่านี้มีแต่ 5 watt ตัวใหญ่ คงจะต้องกัดฟันใช้แทนไปก่อน คิดว่า ภายในอาทิตย์หน้านี้คงใช้ได้ มีปัญหาบางประการ
อยากให้ช่วยครับ
1.การเดินสาย Ground ผมไม่ต้องลงตัวถังได้หรือไม่ RCA และ ขั้วลำโพงผมจะไม่ให้สัมผัสกับตัวถังเลย
2. การใช้ silicone กันความร้อน ผมจะทาลงไปที่ heat sink แล้วลงแผ่น mica แล้ว ตัว TR (mosfet) ลงไป แล้วก็ขันหมุดย้ำลงไป
3. สาย out put ผมจะใช้สายสัญญาณลำโพงต่อจากแผ่น PCB ไปที่ขั้วของลำโพง จะให้ผลดีกว่าการใช้สาย out put ทั่วๆไปอย่างไหน
ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าครับ
1.การเดินสาย Ground ผมไม่ต้องลงตัวถังได้หรือไม่ RCA และ ขั้วลำโพงผมจะไม่ให้สัมผัสกับตัวถังเลย
แนะนำให้ต่อลงตัวถังผ่าน thermistor ครับ
2. การใช้ silicone กันความร้อน ผมจะทาลงไปที่ heat sink แล้วลงแผ่น mica แล้ว ตัว TR (mosfet) ลงไป แล้วก็ขันหมุดย้ำลงไป
ผมแนะนำให้ทาที่แผ่น mica ทั้งสองด้านเลย เพราะได้ไม่เลอะเทอะ
3. สาย out put ผมจะใช้สายสัญญาณลำโพงต่อจากแผ่น PCB ไปที่ขั้วของลำโพง จะให้ผลดีกว่าการใช้สาย out put ทั่วๆไปอย่างไหน
ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าครับ
ใช้สายลำโพงดี ๆ ไปเลยครับ ดูจากอุปกรณ์ที่ใช้แล้วจะได้ไม่น้อยหน้าไงครับ ถ้าใช้สายธรรมดาเดี๋ยวโดน R Kiwame ข่มนะครับ Y]
-
การติด P1, P2 คุณ MasterAT บอกว่าให้ติดให้เหมือนกัน คือ หัวขึ้นทั้งคู่ หรือ ลงทั้งคู่ก็ได้ครับ ที่สกรีนใน PCB เขาทำมาผิดครับ
ส่วนจะปรับทวนเข็ม หรือตามเข็มนาฬิกา ลองหาอ่านในกระทู้นี้แระครับ แกบอกไว้ ไม่รู้อยู่หน้าไหนแล้ว.... :headphone
ผมหันหัวของ P1, P2 ขึ้นทั้งคู่
-หมุนตามเข็มจนสุดจะเป็นค่า 0 ohm = bias ต่ำสุด อย่าลืมวัดด้วยมิเตอร์ด้วยนะครับ
-ค่อย ๆ หมุนทวนเข็มสลับกันทั้ง P1, P2 จนได้ไฟ 0.6V คร่อม R11, R12
-ปรับละเอียดจนได้ offset ต่ำสุดครับ
-
ผมเพิ่งสมัครสมาชิกครับ อ่านกระทู้ทำ F5 มานานแล้ว อยากทำบ้างครับ แต่ไม่ทัน group buy ครับ เลยไปเดินซื้อคู่ jfet ที่บ้านหม้อเบอร์ 2sk170,2sj74 หายังไงก็ไม่มีร้านไหนขาย ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี :cry2 ผมไม่มีพื้นฐานด้านอิเลคโทรนิกส์ อาศัยว่าเคยต่อวงจรเล่นตามหนังสือโครงงานต่าง ๆ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ได้เข้ามาอ่านใน webboard HTG โดยบังเอิญ เพราะ search google หัวข้อ mr. nelson pass เนื่องจากต่อแอมป์ตามในหนังสือโครงงานอิเลคฯ ในหนังสือมีการอ้างถึงท่านนี้ เลยมาพบกระทู้ของคุณ wasin คุณ zenhifi คุณ masterATและท่านอื่นๆ ในwebนี้ แล้วก็ลองต่อ Zen v4 ไปได้ข้างหนึ่ง ต่อ bride of zen ได้ 1 ตัว พอให้มีเสียงออก เพราะไม่ได้ไปเน้นเรื่องเกรดอุปกรณ์ที่ใช้ ถ้ามีเวลาก็คงต้องลองโมดู พล่ามมาซะยาว เพราะเป็นสมาชิกใหม่ ไม่เคยโพสเลย เข้าเรื่องดีกว่า สำหรับ F5 ท่านใดพอจะแบ่ง jfet 2sk170,2sj74 เบอร์ละคู่พอทำ f5 2 ข้างได้บ้างครับ :bowdown มีหรือไม่มีก็ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
ผมเพิ่งสมัครสมาชิกครับ อ่านกระทู้ทำ F5 มานานแล้ว อยากทำบ้างครับ แต่ไม่ทัน group buy ครับ เลยไปเดินซื้อคู่ jfet ที่บ้านหม้อเบอร์ 2sk170,2sj74 หายังไงก็ไม่มีร้านไหนขาย ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี :cry2 ผมไม่มีพื้นฐานด้านอิเลคโทรนิกส์ อาศัยว่าเคยต่อวงจรเล่นตามหนังสือโครงงานต่าง ๆ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ได้เข้ามาอ่านใน webboard HTG โดยบังเอิญ เพราะ search google หัวข้อ mr. nelson pass เนื่องจากต่อแอมป์ตามในหนังสือโครงงานอิเลคฯ ในหนังสือมีการอ้างถึงท่านนี้ เลยมาพบกระทู้ของคุณ wasin คุณ zenhifi คุณ masterATและท่านอื่นๆ ในwebนี้ แล้วก็ลองต่อ Zen v4 ไปได้ข้างหนึ่ง ต่อ bride of zen ได้ 1 ตัว พอให้มีเสียงออก เพราะไม่ได้ไปเน้นเรื่องเกรดอุปกรณ์ที่ใช้ ถ้ามีเวลาก็คงต้องลองโมดู พล่ามมาซะยาว เพราะเป็นสมาชิกใหม่ ไม่เคยโพสเลย เข้าเรื่องดีกว่า สำหรับ F5 ท่านใดพอจะแบ่ง jfet 2sk170,2sj74 เบอร์ละคู่พอทำ f5 2 ข้างได้บ้างครับ :bowdown มีหรือไม่มีก็ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
ลองสอบถามคุณ Master AT ดูนะครับ น่าจะยังมีเหลือครับ
-
งานนี้ผมใช้ขั้วลำโพงที่ดีที่สุดในโลกเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
WBT Nextgen ?
R ที่เหลือใช้ Vishey Dale RN55 ก็ได้ครับ
-
ผมเพิ่งสมัครสมาชิกครับ อ่านกระทู้ทำ F5 มานานแล้ว อยากทำบ้างครับ แต่ไม่ทัน group buy ครับ เลยไปเดินซื้อคู่ jfet ที่บ้านหม้อเบอร์ 2sk170,2sj74 หายังไงก็ไม่มีร้านไหนขาย ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี :cry2 ผมไม่มีพื้นฐานด้านอิเลคโทรนิกส์ อาศัยว่าเคยต่อวงจรเล่นตามหนังสือโครงงานต่าง ๆ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ได้เข้ามาอ่านใน webboard HTG โดยบังเอิญ เพราะ search google หัวข้อ mr. nelson pass เนื่องจากต่อแอมป์ตามในหนังสือโครงงานอิเลคฯ ในหนังสือมีการอ้างถึงท่านนี้ เลยมาพบกระทู้ของคุณ wasin คุณ zenhifi คุณ masterATและท่านอื่นๆ ในwebนี้ แล้วก็ลองต่อ Zen v4 ไปได้ข้างหนึ่ง ต่อ bride of zen ได้ 1 ตัว พอให้มีเสียงออก เพราะไม่ได้ไปเน้นเรื่องเกรดอุปกรณ์ที่ใช้ ถ้ามีเวลาก็คงต้องลองโมดู พล่ามมาซะยาว เพราะเป็นสมาชิกใหม่ ไม่เคยโพสเลย เข้าเรื่องดีกว่า สำหรับ F5 ท่านใดพอจะแบ่ง jfet 2sk170,2sj74 เบอร์ละคู่พอทำ f5 2 ข้างได้บ้างครับ :bowdown มีหรือไม่มีก็ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
ลองเข้ามาทำดูครับ ผมก็อาศัยท่านผู้รู้ใน web นี้ มีน้ำใจช่วยพาเข้าฝั่งทุกโครงการเลยครับ
-
งานนี้ผมใช้ขั้วลำโพงที่ดีที่สุดในโลกเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
WBT Nextgen ?
R ที่เหลือใช้ Vishey Dale RN55 ก็ได้ครับ
ขอบคุณมากครับ dale ราคาประมาณ 40 บาท ถ้าใช้ Kiwame 5 watt ตัวละ 95 บาท 8 ตัว
ก็เพิ่มอีก 440 บาท ฮึดอีกนิดครับ ให้มันรู้ไปเลยว่า ผลเป็นอย่างไรถ้าใช้แบบเต็มๆ แบบนี้ ทำเสร็จแล้วกถ้ามีสถานจะลอง
แชร์ฟังด้วยก็ได้ดรับ สำหรับแฟน F5 ที่กำลังจะลงมือทำ เอามาลองดูกับที่ใช้ R แบบ Dale และ / หรือ royal ว่าต่างกันมากน้อยขนาดไหน ถ้า
ต่างกันไม่มาก ก็ไม่ต้องใช้ Kiwame ใช้แค่ royal ก็พอแล้ว ดีไหมครับ สำหรับแฟน F5
-
งานนี้ผมใช้ขั้วลำโพงที่ดีที่สุดในโลกเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
WBT Nextgen ?
ไม่ใช่ครับ ผมอยากต่อให้เสร็จก่อนครับขออุบไว้ก่อน
-
การติด P1, P2 คุณ MasterAT บอกว่าให้ติดให้เหมือนกัน คือ หัวขึ้นทั้งคู่ หรือ ลงทั้งคู่ก็ได้ครับ ที่สกรีนใน PCB เขาทำมาผิดครับ
ส่วนจะปรับทวนเข็ม หรือตามเข็มนาฬิกา ลองหาอ่านในกระทู้นี้แระครับ แกบอกไว้ ไม่รู้อยู่หน้าไหนแล้ว.... :headphone
ผมหันหัวของ P1, P2 ขึ้นทั้งคู่
-หมุนตามเข็มจนสุดจะเป็นค่า 0 ohm = bias ต่ำสุด อย่าลืมวัดด้วยมิเตอร์ด้วยนะครับ
-ค่อย ๆ หมุนทวนเข็มสลับกันทั้ง P1, P2 จนได้ไฟ 0.6V คร่อม R11, R12
-ปรับละเอียดจนได้ offset ต่ำสุดครับ
ถ้าหันขึ้นทั้งคู่แล้ว สำหรับ P1,2 ผมใช้ขาใดวัด setup เพื่อให้ค่า ศูนย์ครับ ( P1= ขาบน ขากล่าง และขาล่าง),( P2= ขาบน ขากล่าง และขาล่าง)
รบกวนด้วยครับ ไม่อยากเสี่องลองผิดลองถูกครับ กลัวอุปกรณ์หายากเสียหาย ครับ
-
วัดคล่อมขาบน-ล่างครับ
ยังไงซะขากลางมันก็รวบเข้าขาใดขาหนึ่งอยู่แล้วครับ
-
วัดคล่อมขาบน-ล่างครับ
ยังไงซะขากลางมันก็รวบเข้าขาใดขาหนึ่งอยู่แล้วครับ
แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณมาก
-
ขอรายงานความคืบหน้าครับ ตอนนี้เหลือเพียง R 150 R กับ 10K 2 Wat ของ kiwame ขาดไม่มีของเลย
ค่านี้มีแต่ 5 watt ตัวใหญ่ คงจะต้องกัดฟันใช้แทนไปก่อน คิดว่า ภายในอาทิตย์หน้านี้คงใช้ได้ มีปัญหาบางประการ
อยากให้ช่วยครับ
1.การเดินสาย Ground ผมไม่ต้องลงตัวถังได้หรือไม่ RCA และ ขั้วลำโพงผมจะไม่ให้สัมผัสกับตัวถังเลย
2. การใช้ silicone กันความร้อน ผมจะทาลงไปที่ heat sink แล้วลงแผ่น mica แล้ว ตัว TR (mosfet) ลงไป แล้วก็ขันหมุดย้ำลงไป
3. สาย out put ผมจะใช้สายสัญญาณลำโพงต่อจากแผ่น PCB ไปที่ขั้วของลำโพง จะให้ผลดีกว่าการใช้สาย out put ทั่วๆไปอย่างไหน
ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าครับ
1.การเดินสาย Ground ผมไม่ต้องลงตัวถังได้หรือไม่ RCA และ ขั้วลำโพงผมจะไม่ให้สัมผัสกับตัวถังเลย
แนะนำให้ต่อลงตัวถังผ่าน thermistor ครับ
2. การใช้ silicone กันความร้อน ผมจะทาลงไปที่ heat sink แล้วลงแผ่น mica แล้ว ตัว TR (mosfet) ลงไป แล้วก็ขันหมุดย้ำลงไป
ผมแนะนำให้ทาที่แผ่น mica ทั้งสองด้านเลย เพราะได้ไม่เลอะเทอะ
3. สาย out put ผมจะใช้สายสัญญาณลำโพงต่อจากแผ่น PCB ไปที่ขั้วของลำโพง จะให้ผลดีกว่าการใช้สาย out put ทั่วๆไปอย่างไหน
ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าครับ
ใช้สายลำโพงดี ๆ ไปเลยครับ ดูจากอุปกรณ์ที่ใช้แล้วจะได้ไม่น้อยหน้าไงครับ ถ้าใช้สายธรรมดาเดี๋ยวโดน R Kiwame ข่มนะครับ Y]
ผมรบกวนขยายความการลง ground โดยผ่าน themistor ให้หน่อยครับ ผมไปดูแล้วยัง งง ๆ ว่าเกียวข้องอย่างไร ยังนึกภาพไม่ออกเลยครับ
ขอบคุณครับ
-
Thermistor ช่วยป้องกัน ground loop ครับ
-
Thermistor ช่วยป้องกัน ground loop ครับ
เคยเห็นแล้วแต่นึกไม่ออกตอนั้น ผมขอย้ำให้แน่อีกครั้งว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่
คือ TH 1 ตัวนี้ไม่เกียวกันใน PCB ซึ่งเป็นภาคขยายสํญญานนะครับ คือเป็นตัวใหม่
ที่ต่อลง Ground ในภาค power sup และ เราต้องใช้ค่าเท่าไรครับ ใกล้เสร็จแล้วมีความมั่นใจ 99%แล้ว
ครับ งานนี้เหนื่อยในการ ทำ ตัวถัง ทั้งเจาะ ทั้ง ต๊าบเกลียว เล่นเอาปวดหลังไปเลย
รบกวนเวลาด้วยครับ ขอบคุณมาก
-
Thermistor ช่วยป้องกัน ground loop ครับ
เคยเห็นแล้วแต่นึกไม่ออกตอนั้น ผมขอย้ำให้แน่อีกครั้งว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่
คือ TH 1 ตัวนี้ไม่เกียวกันใน PCB ซึ่งเป็นภาคขยายสํญญานนะครับ คือเป็นตัวใหม่
ที่ต่อลง Ground ในภาค power sup และ เราต้องใช้ค่าเท่าไรครับ ใกล้เสร็จแล้วมีความมั่นใจ 99%แล้ว
ครับ งานนี้เหนื่อยในการ ทำ ตัวถัง ทั้งเจาะ ทั้ง ต๊าบเกลียว เล่นเอาปวดหลังไปเลย
รบกวนเวลาด้วยครับ ขอบคุณมาก
ถูกต้องครับ TH1 เป็นคนละตัวกับในภาคขยาย
TH1 ใช้ค่าเดียวกับตัวที่ต่อก่อนเข้าขด 220v ครับ (ผมใช้ค่า 5A, 7 Ohm ยี่ห้อ SCK)
-
:help สอบถามหน่อยครับ NTC 5A 10 Ohm ต่ออนุกรมกับกับขด Pri. เส้นใดเส้นหนึ่งถูกต้องไหมครับ
-
:help สอบถามหน่อยครับ NTC 5A 10 Ohm ต่ออนุกรมกับกับขด Pri. เส้นใดเส้นหนึ่งถูกต้องไหมครับ
ถูกต้องครับ แต่ถ้าจะให้ถูกต้องตามตำราก็อนุกรมกับ Line (เช่นเดียวกับ Fuse)
ข้อดีคือจะได้จำได้ว่าเส้นไหนมีไฟไงครับ จะได้ระวังก่อนโดน :evil2
-
อยากทราบว่า ถ้าผมจะแยกไฟออกเป็น 2 ชุดซ้ายขวา
ผมสามารถใช้ diode 200v 15 A bridge แทนได้หรือเปล่าครับ :help
แล้วตามวงจรภาพจ่ายไฟด้านบน ผมสามารถตัด C1,C3,C6,C8 ได้หรือเปล่าครับ :wiggle
-
อยากทราบว่า ถ้าผมจะแยกไฟออกเป็น 2 ชุดซ้ายขวา
ผมสามารถใช้ diode 200v 15 A bridge แทนได้หรือเปล่าครับ :help
แล้วตามวงจรภาพจ่ายไฟด้านบน ผมสามารถตัด C1,C3,C6,C8 ได้หรือเปล่าครับ :wiggle
อย่าเสียงดีกว่าครับ ที่ต้องใช้ bridge 35A เพราะเวลาใช้งานต่อเนื่องมันจะร้อน ถ้าใช้ diode ตัวเดี่ยว ๆ มันคงร้อนจนทนไม่ไหวสิครับ
ตัว bridge จะต้องยึดกับ heat sink หรือแท่นด้วย
ใช้ C ให้ครบดีกว่าครับมันจะช่วยเรื่องการลด ripple และช่วยสำรองกระแสได้ดีกว่า
-
Thermistor ช่วยป้องกัน ground loop ครับ
เคยเห็นแล้วแต่นึกไม่ออกตอนั้น ผมขอย้ำให้แน่อีกครั้งว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่
คือ TH 1 ตัวนี้ไม่เกียวกันใน PCB ซึ่งเป็นภาคขยายสํญญานนะครับ คือเป็นตัวใหม่
ที่ต่อลง Ground ในภาค power sup และ เราต้องใช้ค่าเท่าไรครับ ใกล้เสร็จแล้วมีความมั่นใจ 99%แล้ว
ครับ งานนี้เหนื่อยในการ ทำ ตัวถัง ทั้งเจาะ ทั้ง ต๊าบเกลียว เล่นเอาปวดหลังไปเลย
รบกวนเวลาด้วยครับ ขอบคุณมาก
ถูกต้องครับ TH1 เป็นคนละตัวกับในภาคขยาย
TH1 ใช้ค่าเดียวกับตัวที่ต่อก่อนเข้าขด 220v ครับ (ผมใช้ค่า 5A, 7 Ohm ยี่ห้อ SCK)
ไปหามาแล้วครับ ตัวใหญ๋สีเขียว 10 ohm 8 watt ส่วนตัวสีดำ 8 amp คนขายก็ไม่รู้ว่า กี่ amp
อยากทราบว่าจะใช้อันไหนดีกว่ากันครับ ขอบคุณ ตอนนี้งานที่คิดว่าง่ายกลับยากคือ ต๊าบเกลียว ก้านเจาะหักไป 2 ด้ามแล้ว
คาไว้เลย heat sink แข็งกว่าที่คาดไว้ครับ มันไม่นิ่มเหมือน heat sink ทั่วๆไป
-
ถูกต้องครับ TH1 เป็นคนละตัวกับในภาคขยาย
TH1 ใช้ค่าเดียวกับตัวที่ต่อก่อนเข้าขด 220v ครับ (ผมใช้ค่า 5A, 7 Ohm ยี่ห้อ SCK)
ไปหามาแล้วครับ ตัวใหญ๋สีเขียว 10 ohm 8 watt ส่วนตัวสีดำ 8 amp คนขายก็ไม่รู้ว่า กี่ amp
อยากทราบว่าจะใช้อันไหนดีกว่ากันครับ ขอบคุณ ตอนนี้งานที่คิดว่าง่ายกลับยากคือ ต๊าบเกลียว ก้านเจาะหักไป 2 ด้ามแล้ว
คาไว้เลย heat sink แข็งกว่าที่คาดไว้ครับ มันไม่นิ่มเหมือน heat sink ทั่วๆไป
[/quote]
ถ้าต่อกันกระแสกระชาก ดูเหมือนตัวซ้ายมือจะปลอดภัยกว่านะครับ
-
ถูกต้องครับ TH1 เป็นคนละตัวกับในภาคขยาย
TH1 ใช้ค่าเดียวกับตัวที่ต่อก่อนเข้าขด 220v ครับ (ผมใช้ค่า 5A, 7 Ohm ยี่ห้อ SCK)
ไปหามาแล้วครับ ตัวใหญ๋สีเขียว 10 ohm 8 watt ส่วนตัวสีดำ 8 amp คนขายก็ไม่รู้ว่า กี่ amp
อยากทราบว่าจะใช้อันไหนดีกว่ากันครับ ขอบคุณ ตอนนี้งานที่คิดว่าง่ายกลับยากคือ ต๊าบเกลียว ก้านเจาะหักไป 2 ด้ามแล้ว
คาไว้เลย heat sink แข็งกว่าที่คาดไว้ครับ มันไม่นิ่มเหมือน heat sink ทั่วๆไป
ถ้าต่อกันกระแสกระชาก ดูเหมือนตัวซ้ายมือจะปลอดภัยกว่านะครับ
[/quote] ส่วนอีกตัวที่จะใช้ต่อกันกราด์ลูป ใช้ตัวสีดำได้หรือไม่ครับ ช่วงนี้ต้องรบกวนมากหน่อยครับ :bowdown
-
ถูกต้องครับ TH1 เป็นคนละตัวกับในภาคขยาย
TH1 ใช้ค่าเดียวกับตัวที่ต่อก่อนเข้าขด 220v ครับ (ผมใช้ค่า 5A, 7 Ohm ยี่ห้อ SCK)
ไปหามาแล้วครับ ตัวใหญ๋สีเขียว 10 ohm 8 watt ส่วนตัวสีดำ 8 amp คนขายก็ไม่รู้ว่า กี่ amp
อยากทราบว่าจะใช้อันไหนดีกว่ากันครับ ขอบคุณ ตอนนี้งานที่คิดว่าง่ายกลับยากคือ ต๊าบเกลียว ก้านเจาะหักไป 2 ด้ามแล้ว
คาไว้เลย heat sink แข็งกว่าที่คาดไว้ครับ มันไม่นิ่มเหมือน heat sink ทั่วๆไป
ถ้าต่อกันกระแสกระชาก ดูเหมือนตัวซ้ายมือจะปลอดภัยกว่านะครับ
ส่วนอีกตัวที่จะใช้ต่อกันกราด์ลูป ใช้ตัวสีดำได้หรือไม่ครับ ช่วงนี้ต้องรบกวนมากหน่อยครับ :bowdown
ลองวัดความต้านทานดูครับ ถ้าไม่เกิน 10 ohm ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
แต่ถ้าจะให้ดีลองหา spec เจ้าตัวดำว่ามันยอมให้กระแสไหลผ่านได้เท่าไรกันแน่ครับ
-
ถูกต้องครับ TH1 เป็นคนละตัวกับในภาคขยาย
TH1 ใช้ค่าเดียวกับตัวที่ต่อก่อนเข้าขด 220v ครับ (ผมใช้ค่า 5A, 7 Ohm ยี่ห้อ SCK)
ไปหามาแล้วครับ ตัวใหญ๋สีเขียว 10 ohm 8 watt ส่วนตัวสีดำ 8 amp คนขายก็ไม่รู้ว่า กี่ amp
อยากทราบว่าจะใช้อันไหนดีกว่ากันครับ ขอบคุณ ตอนนี้งานที่คิดว่าง่ายกลับยากคือ ต๊าบเกลียว ก้านเจาะหักไป 2 ด้ามแล้ว
คาไว้เลย heat sink แข็งกว่าที่คาดไว้ครับ มันไม่นิ่มเหมือน heat sink ทั่วๆไป
ถ้าต่อกันกระแสกระชาก ดูเหมือนตัวซ้ายมือจะปลอดภัยกว่านะครับ
ส่วนอีกตัวที่จะใช้ต่อกันกราด์ลูป ใช้ตัวสีดำได้หรือไม่ครับ ช่วงนี้ต้องรบกวนมากหน่อยครับ :bowdown
ลองวัดความต้านทานดูครับ ถ้าไม่เกิน 10 ohm ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
แต่ถ้าจะให้ดีลองหา spec เจ้าตัวดำว่ามันยอมให้กระแสไหลผ่านได้เท่าไรกันแน่ครับ
ทำการบ้านมาแล้วครับ ผมได้ mail ไปถามแล้วได้คำตอบตามนี้
Thank you for your inquiry.
The meaning of the markings is as follows:
"8" = SL08 Series (8mm internal disc)
0416 = 2004/16th Week - Manufacture Date
You will have to test to get resistance and current values.
Sincerely,
Ray Brasga
Ametherm, Inc.
ลองเขาดู data sheet ที่นี้ http://www.ametherm.com/Data%20Sheets/SL08%207R002.pdf
ซึ่ง NTC ตัวสีดำนี้ผมวัดได้ ประมาณ 8 ohm และดูขนาดเทียบกับData sheet คิดว่า เป็น 2 amp ถ้าอย่างนั้นผม
สามารถนำไปใช้ในส่วนที่ลง ground ได้หรือไม่ครับ ถ้าไม่ได้อย่างไรช่วยบอกร้านขายตัว NTC ให้ด้วยได้ไหม
งานนี้เหลือในส่วนนี้เท่านั้น ทุกอย่างทำได้หมดแล้วเหลืองานประกอบกับเชื่อมสายเท่านั้น ขอบคุณมากครับ
-
2 Amp น่าจะ OK ครับ
ผมเคยลองจับ Thermistor ที่ต่อลง ground ของ F5 มันแทบจะไม่มีความร้อนครับ
-
ผมลองเปลี่ยน R feedback จาก 100R แบบกระเบื้อง Royal 5% 3W เป็นแบบ Metal film 1% Resista 2W
เสียงนิ่งดีครับ offset ลดลงเร็วมาก ๆ จากเดิมเกือบนาทีกว่าจะถึง 1-2 mV ตอนนี้แค่ไม่กี่วินาที 8)
แรก ๆ เสียงมันจะจัดจ้านขึ้นพอควร พอเบิร์นไปสัก 4 ชั่วโมงก็เข้าที่มากขึ้น
ตอนนี้กำลังทำอีกตัวใช้ R Dale ผสมกับ Kiwame 100R/2W อยู่ครับ หวังไว้ว่าบุคลลิกเสียงคงเปลี่ยนไปอีกเป็นแนวนุ่มนวลขึ้น
-
R 100 ohm / 3W X 4 ตัว ใช้ 120-150 โอม แทนพอได้ไหมครับ และจะมีผลอย่างไรครับ
-
R 100 ohm / 3W X 4 ตัว ใช้ 120-150 โอม แทนพอได้ไหมครับ และจะมีผลอย่างไรครับ
สมมุติว่าใช้ได้นะครับ อัตราขยายโดยรวมของวงจรจะต้องสูงขึ้น อาจจะส่งผลถึงความเพี้ยนที่เพิ่มขึ้น
ผมว่าถ้าจะให้ดีถ้าหา 100 ohm ไม่ได้ ก็เอา R หลายๆ ตัวมาขนานกันแล้วให้ผลรวมของ R5 + R7, R6 + R8 ให้ได้ 50 ohm ทนวัตต์ไม่ต่ำกว่า 6W ดีกว่าครับ
-
ใกล้แล้วครับ ต่อเชื่อมอุปกรณ์หมดแล้ว จะลองไฟ power ดู ยังไม่แน่ใจ เพื่อความมั้นใจเพื่อพลาด
ช่วยผมด้วย ว่ามีอะไร ผิดไปหรือไม่ครับ และที่เห็นเป็นสายสีนำตาล เป็น +25 0 -25
ครับ ส่วน กระปุกปลักไฟ AC นั้น body เป็นโลหะ ผมไม่ได้ทำฉนวนไว้ คือ ลงเป็น groud เลย
และได้ลองวัดที่ปลักไฟเข้า AC แล้ว เวลาเปิด สวิท ทีความต้านทาน รวม 14 ohm เมือปิดความต้านทานไม่มีครับ
-
F5 ของผมได้ฟังเสียงแล้วครับ วันนี้.... d_d
ปรับออฟเซ็ทข้างซ้ายได้ .005 ส่วนด้านขวาได้ .002 ครับ แต่ฮีทซิงค์ร้อนมากจับได้ราวๆ 5-7 วิ เอง.... :'( สงสัยต้องติดพัดลมช่วยซ่ะแล้ว... :P
เรื่องเสียง ยังไม่มีเวลาจับผิด แต่คุณ MasterAT แกว่า F5 ของผมเบสลงได้ลึกมากครับ เดี๋ยวมีเวลาจะมา Fine tune อีกที ครับ... :headphone
-
F5 ของผมได้ฟังเสียงแล้วครับ วันนี้.... d_d
ปรับออฟเซ็ทข้างซ้ายได้ .005 ส่วนด้านขวาได้ .002 ครับ แต่ฮีทซิงค์ร้อนมากจับได้ราวๆ 5-7 วิ เอง.... :'( สงสัยต้องติดพัดลมช่วยซ่ะแล้ว... :P
เรื่องเสียง ยังไม่มีเวลาจับผิด แต่คุณ MasterAT แกว่า F5 ของผมเบสลงได้ลึกมากครับ เดี๋ยวมีเวลาจะมา Fine tune อีกที ครับ... :headphone
c) c) c) c)ยินดีด้วยครับ c) c) c) c)
-
F5 ของผมได้ฟังเสียงแล้วครับ วันนี้.... d_d
ปรับออฟเซ็ทข้างซ้ายได้ .005 ส่วนด้านขวาได้ .002 ครับ แต่ฮีทซิงค์ร้อนมากจับได้ราวๆ 5-7 วิ เอง.... :'( สงสัยต้องติดพัดลมช่วยซ่ะแล้ว... :P
เรื่องเสียง ยังไม่มีเวลาจับผิด แต่คุณ MasterAT แกว่า F5 ของผมเบสลงได้ลึกมากครับ เดี๋ยวมีเวลาจะมา Fine tune อีกที ครับ... :headphone
ปรับได้น้อยมาก สุดยอดเลย
มีสูตรไม๊ครับ :help
-
F5 ของผมได้ฟังเสียงแล้วครับ วันนี้.... d_d
ปรับออฟเซ็ทข้างซ้ายได้ .005 ส่วนด้านขวาได้ .002 ครับ แต่ฮีทซิงค์ร้อนมากจับได้ราวๆ 5-7 วิ เอง.... :'( สงสัยต้องติดพัดลมช่วยซ่ะแล้ว... :P
เรื่องเสียง ยังไม่มีเวลาจับผิด แต่คุณ MasterAT แกว่า F5 ของผมเบสลงได้ลึกมากครับ เดี๋ยวมีเวลาจะมา Fine tune อีกที ครับ... :headphone
ผมว่าฮีทซิงค์จับได้ 5-7 วินาที ไม่ร้อนหรอกครับ
ผมเคยวัดได้อุณหภูมิประมาณ 60 กว่าองศา จับวินาทีเดียวก็ไม่ไหวแล้วครับ :akuma
-
ปรับได้น้อยมาก สุดยอดเลย
มีสูตรไม๊ครับ :help
มีสูตรครับ สำคัญมาก... ให้ MasterAT ปรับสิครับ อิ อิ .... :clap
ผมว่าฮีทซิงค์จับได้ 5-7 วินาที ไม่ร้อนหรอกครับ
ผมเคยวัดได้อุณหภูมิประมาณ 60 กว่าองศา จับวินาทีเดียวก็ไม่ไหวแล้วครับ :akuma
วัดที่ฮีทซิงค์ห่างจากเฟท 5 มม. วัดได้ 61 กับ 58 องศาครับ แต่ถ้าวัดที่ตัวเฟทเลย ล่อไป เกือบร้อยแหนะ ..... ร้อนเจงๆ :cold เอ้ย ... :akuma
-
F5 ของผมได้ฟังเสียงแล้วครับ วันนี้....
ปรับออฟเซ็ทข้างซ้ายได้ .005 ส่วนด้านขวาได้ .002 ครับ แต่ฮีทซิงค์ร้อนมากจับได้ราวๆ 5-7 วิ เอง.... สงสัยต้องติดพัดลมช่วยซ่ะแล้ว...
เรื่องเสียง ยังไม่มีเวลาจับผิด แต่คุณ MasterAT แกว่า F5 ของผมเบสลงได้ลึกมากครับ เดี๋ยวมีเวลาจะมา Fine tune อีกที ครับ...
O0 แหล่ม ครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาฟังเลยช่วงนี้ N] ว่าจะลองเทียบกับ F3 เสียหน่อย
-
วิธืการปรับ offset และกระแสในเวลาเดียวกันเลยครับ ผมทำแบบนี้ครับ
ก่อนอื่นต้องหา มิเตอร์ มาใช้งานอย่างน้อย ซักสองตัว หากมีตัวเดียวก็ต้องย้ายจุดวัดไปมาบ่อยหน่อยครับ
(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=30458.0;attach=66803;image)
ขันตอนแรกหลังประกอบ บอร์ด F5 เสร็จก่อนต่อสายไฟและยึด Heatzink เราต้องเช็คก่อนว่า trimpot ทั้งสองตัวต้องตั้งไว้ที่ค่าตำสุดก่อน คือไกล้ 0 โอหม์ มิเช่นนั้นแล้ว อาจต้องเสีย FET และ RESISTER ไปนะครับ สำหรับวิธีเช็คก็ให้ ตั้งมิเตอร์ สำหรับวัดค่าความต้านทาน ย่าน ซัก 2K วัดคร่อม ทริมพอท ในขนะที่อยู่ในวงจรหลังประกอบเสร็จก่อนยึดกับ Heatzink แล้วหมุนตัวทริมพอท ให้ได้ค่าต่ำไกล้ๆ 0 โอหม์ ทั้งสองตัว แล้วจำไว้ว่าหมุนไปทางไหนด้วยนะครับ แล้วจึง นำ บอร์ดไปต่อสายไฟและยึด Heatzink ให้เรียบร้อย น้อตที่ยึด Fet กับ Heatzink ควรจะหาแหวนมารองรองเพื่อที่จะได้มีแรงกด ตัว FET กับ Heatzink ได้มากขึ้นนะครับ ทาซิลิโคนบางๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนอีกทางนึงด้วยครับ
ครานี้มาถึงตอนสำคัญ คือป้อนไฟละครับ หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนป้อนไฟ ให้เอามิเตอร์ตัวแรกตั้งย่านวัดดีซีโวลท์ ที่ 2V สายแดง+ จับที่สาย+ ของ OUT ลำโพง สายดำ จับ ขั้วลบ มิเตอร์อีกตัว ตั้งย่านการวัด ดีซี ไว้ที่ 2 โวลท์ จับคร่อมที่ R11 หรือ R12 หากใครมีมิเตอร์สามตัวก็ดีเลยครับ จับคร่อม R11 กับ R12 แยกกันเลยครับ หากไม่มีก็สลับกันวัดไปมา
แล้วก็ ป้อนไฟเข้าครับ หากทุกอย่างปกติ ไม่มีควันขึ้น ;D ก็เริ่มปรับ ทริมพอท โดยหมุนทวนทิศทางที่เราปรับให้ได้ 0 โวลท์ตอนแรก ทั้งสองตัวช้าๆ จนเริ่ม วัดไฟตกคร่อม R11 และ R 12 ได้ และค่อยๆเพิ่มไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ควรหยุดดูความร้อนจะเริ่มเกิดขึ้นที่ตัว FET มากขึ้นเรื่อยๆ ปรับจนถึงค่าที่ต้องการ การปรับไฟตกคร่อมทั้ง R 11และ R12 จะเป็นการ ปรับให้ Fet นำกระแส ซึ่งเราต้องการกระแสเท่าไร คำนวนได้จาก I=E/R (ที่ผมใช้จะใช้ที่ .620V =.620/.47=1.319A) ในขณะที่ปรับ ให้ดู V offset ไปด้วย หากสูง ให้ลองปรับลดทริมพอท ตัวใดตัวนึงลง แล้วดูว่า V offset ลงด้วยหรือไม่ ถ้าลงให้ไปปรับทริมพอทอีกตัวขึ้น ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ จนได้ค่า offset ต่ำๆ และ ได้ ไฟตกคร่อม ที่ R 11,R12 ตามที่ต้องการ การปรับทริมพ็อท ตัวใดตัวนึง จะมีผล กระทบกับ ไฟตกคร่อม บน R ทั้งสองตัว และ Offset ด้วยครับ
TH1 และ TH2 อย่าเอาไปยึดติดกับตัว Fet นะครับ ความร้อนบนตัว Fet จะทำให้ เทอมิสเตอร์ลดค่าลง และทำให้ Fet นำกระแสน้อยลงจนเราไม่สามารถปรับกระแสให้ได้ตามที่ต้องการได้ครับให้ลอยไว้ไกล้ๆก็พอครับ
(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=30458.0;attach=66455;image)
-
วิธืการปรับ offset และกระแสในเวลาเดียวกันเลยครับ ผมทำแบบนี้ครับ
ก่อนอื่นต้องหา มิเตอร์ มาใช้งานอย่างน้อย ซักสองตัว หากมีตัวเดียวก็ต้องย้ายจุดวัดไปมาบ่อยหน่อยครับ
TH1 และ TH2 อย่าเอาไปยึดติดกับตัว Fet นะครับ ความร้อนบนตัว Fet จะทำให้ เทอมิสเตอร์ลดค่าลง
เกือบไปแล้ว ผมว่าจะเอาไปติดเลย แล้วยังจะใส่ ซิลิโคน อีกดด้วย ;D
-
ปรับได้น้อยมาก สุดยอดเลย
มีสูตรไม๊ครับ :help
มีสูตรครับ สำคัญมาก... ให้ MasterAT ปรับสิครับ อิ อิ .... :clap
ผมว่าฮีทซิงค์จับได้ 5-7 วินาที ไม่ร้อนหรอกครับ
ผมเคยวัดได้อุณหภูมิประมาณ 60 กว่าองศา จับวินาทีเดียวก็ไม่ไหวแล้วครับ :akuma
วัดที่ฮีทซิงค์ห่างจากเฟท 5 มม. วัดได้ 61 กับ 58 องศาครับ แต่ถ้าวัดที่ตัวเฟทเลย ล่อไป เกือบร้อยแหนะ ..... ร้อนเจงๆ :cold เอ้ย ... :akuma
ปกติพวก semiconductor จะมีอายุการใช้งานนานขึ้นถ้าไม่ให้มันมีความร้อนสะสมบนตัวเกิน 55C นะครับ ถ้าเป็นไปได้เพิ่มขนาด heatsink หรือเอาพัดลมเล็กๆเป่าจะช่วยได้มากเลยครับ
-
ขอบคุณครับ สอบถามหน่อยครับ
คือหลังจากเอาพัดลมบ้าน เป่าที่ฮีทซิงค์ห่างๆ 2-3 เมตร...ผมวัดที่ส่วนที่เป็นโลหะของเฟท (เหนือรูใส่น๊อต) ได้ 85 องศา ถ้าวัดที่ตัวเฟทส่วนที่เป็นตัวของมันสีดำๆ วัดได้ 75-78 องศา วัดที่ฮีทซิงค์ภายนอกได้ 48-50 องศา จับฮีทซิงค์ได้สบายๆ แล้วครับ ไม่ทราบว่าระดับนี้ พอได้ไหม หรือว่าควรลดลงอีก
ตอนนี้ว่าจะเอาพัดลมคอม 5 นิ้ว มาติดด้านในกล่องสักตัว (ดูดลมเย็นเข้า หรือเป่าลมร้อนออกดีครับ) และไม่ใช้พัดลมบ้านที่พัดภายนอกด้วยครับ จะไหวไหม
-
ใช้พัดลมเป่าซิ้งค์ด้านที่มีพื้นที่ผิวมากๆ(ด้านนอก)ดีกว่าครับคุณไท
ส่วนด้านในเจาะรูด้านล่างและด้านบนให้ตรงหรือใกล้เคียงตำแหน่ง mosfet
ก็น่าจะพอครับ
ดูเหมือนความร้อนกระจายไม่ทั่วซิ้งค์ด้วยใช่มั๊ยครับ
-
ดูเหมือนว่าการถ่ายเทความร้อนยังไม่ดีพอครับ ซิลิโคนที่ทาอาจจะยังไม่ทั่วถึง ปกติตัว body ที่เป็นพลาสติกจะมีอุณหภูมิไม่ต่างกับ heatsink มากนัก ประมาณ 5C ถ้าผมจำไม่ผิดครับ heastsink ควรวางครีบตั้งเพื่อให้ความร้อนออกไปเร็วที่สุด แต่ถ้าวางนอน ให้เอาพัดลมเป่าตามแนวนอนของครีบครับ
-
ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวต้องหาทางระบายความร้อนกันต่อไปครับ... :baby
-
เมื่อกี้นี้ลองปรับค่า TH 1,2 บังเอิญขาคีบจับเกิดขยับไปอย่างไรไม่ทราบ
R1 เกิดวาปมีควันขึ้นครับ แต่ได้ลองแกะมาวัดดู ก็ยังได้ 10 ohm และได้
ใส่กลับอย่างเดิม ที่นี้ลองมาปรับใหม่ หมุน TH ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็จะได้
ค่าขึ้นมาทั้งสองข้างเท่ากันเลย (ผมใช้มีเตอร์ สองตัวจับที่ R11,12 ) อย่างนี้
เกิดอะไรขึ้น fet เสียหรือไม่ครับ หรือมีตัวอื่นที่ต้องหามาเปลี่ยนครับ ช่วยด้วยครับ
หมายเหตุ
ก่อนปรับ ลองวัด V ที่ out put ทางซ้าย (ข้างที่มีปัญหาอยู่) ได้ 5.5 mV
ส่วนอีกข้างวัดได้ 1.1 mV อย่างนี้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ใช่ไหมครับ
-
ปรับทริมพอต ได้ V ตกคร่อม ที่ R 11 และ R 12 เท่าไรครับ และ Fet ร้อนทั้งสองตัวมั้ยครับ
-
ปรับทริมพอต ได้ V ตกคร่อม ที่ R 11 และ R 12 เท่าไรครับ และ Fet ร้อนทั้งสองตัวมั้ยครับ
เมื่อคืนพอวัดได้ไม่เท่ากันก็หยุด ไม่กล้าทำต่อกลัวเสียหายมากว่านี้ เดียวเช้านี้จะลองทำต่อได้ผล
ครับ โดยจะลองปรับอีกข้างด้วย
-
ปรับทริมพอต ได้ V ตกคร่อม ที่ R 11 และ R 12 เท่าไรครับ และ Fet ร้อนทั้งสองตัวมั้ยครับ
เมื่อคืนพอวัดได้ไม่เท่ากันก็หยุด ไม่กล้าทำต่อกลัวเสียหายมากว่านี้ เดียวเช้านี้จะลองทำต่อได้ผล
ครับ โดยจะลองปรับอีกข้างด้วย
ลืมบอก ก่อนเลิกหมุนตัวเดียวเห็นได้ค่าปรมาณ 0.4....v ขึ้นทั้งสองข้างเท่ากันตลอดที่หมุนเลยถอด R1 มาวัดดูได้ 10 ohm
-
แบบนี้น่าจะผ่านนะครับ ลองป้อนไฟแช่ดูซักพักครับ ตรวจดูการระบายความร้อน ขันน็อต ยึดเฟทติดซิ้งให้แน่นๆ แล้วค่อยปรับ ทริมพ็อตใหม่ครับ ตามวิธีที่ผมเขียนไว้เลยครับ
-
ถ้ามันใหม้แล้ว เปลี่ยน R 10 ohm ใหม่ไปเลยครับ เพราะค่ามันอาจจะเพี้ยนตอนที่มีไฟเข้า แต่ถอดมาวัดได้ไม่เป็นไรก็มีครับ R ราคาแค่บาทเดียว
ผมเอารูปมาฝาก ทดลองทำเล่นๆดู ดูว่าจะทำ F5 ราคาถูกได้ไหม ใช้ heatsink ของ คอม สองอัน อันใหญ่ 220 อันเล็ก 50 บาท ดรอป ไฟพัดลมด้วย thermistor เหลือไฟไปเลี้ยงพัดลมตัวละประมาณ 9V เสียงพัดลมถ้าไม่ไปพังใกล้ๆขนาด 3-4 นื้ว ไม่ได้ยิน ความร้อนจับได้นานเลย โดยที่มือไม่พอง ว่าจะเปลี่ยนเป็น heatsink อันใหญ่ สองอันต่อข้างเลย และลดไฟพัดลมอีกให้เหลือแค่ 6V น่าจะเงียบสงัด
น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากเสียเงินซื้อ heatsink ราคาหลายพันนะครับ
-
ผมก็ว่าจะหาพัดลมคอมฯ สัก 5 นิ้วมาใช้ครับ แต่ตอนนี้ใช้ฮีทซิงค์ (พับเองจากแผ่นอลูฯ 2x40 ซม.) มาติดเพิ่มที่ตัวเฟท ทำทั้ง 4 ตัว ความร้อนลดลงไปพอควรครับ คาดว่าเอาพัดลมคอมมาใช้อีกตัว คงไม่ร้อนมากแล้ว... :victory
-
แบบนี้น่าจะผ่านนะครับ ลองป้อนไฟแช่ดูซักพักครับ ตรวจดูการระบายความร้อน ขันน็อต ยึดเฟทติดซิ้งให้แน่นๆ แล้วค่อยปรับ ทริมพ็อตใหม่ครับ ตามวิธีที่ผมเขียนไว้เลยครับ
ผมได้เปลี่ยน R 10 ohm ตัวใหม่แล้ว ตามที่คุณวิทยาได้แนะนำ ตอนนี้ได้ลอง จูน อีกข้างก่อน ( ข้าง R ไม่ได้ใหม้) ปรับตัวแรกของ TP ได้ประมาณ .3V ก็ไปปรับ TP อีกตัว ค่า V ก็ได้เพิ่ม
ขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้างปรับทั้งสองจนได้ 0.610 แล้วก็ไป ปรับ อีกชุด คือ ชุดที่ ตัว R ไหม้ ครั้งแรกที่ตัวเลข โชว์ 130 mV ก็แปลก ๆ ( เนื่องจากเคยปรับคาไว้ที่ 0.4V แล้ว)
และเห็นมีสํญลักณ์ที่เป็นไฟลบด้วย ส่วน R อีกด้านเป็นไฟบวก ลองหมุนไปเลือยๆ เช่นกัน หมุน TP ตัวหนึ่งค่าก็ขึนไปพร้อมๆ กัน ปรับจนได้ 0.610 V เมื่อได้ค่านี้ประมาณ 30 วินาที
ฟิวส์ก็ขาด ลองเปลี่ยนอีก ก็ขาดอีก ฟิวส์ที่ใช้เป็นขนาด 2 A ครับ ซึ่งในวงจรเห็นใช้แค่ 1.25 A เท่านั้น จึงได้หยุดก่อน ผมสงสัยว่า ฟิวส์ที่ใช้น้อยไปหรือไม่ครับ และได้ลองวัดความ
ที่หมุดย้ำของ Fet ได้ประมาณ 32 C ส่วนที่ตัว sink อุ่น แต่ตัวที่ R ไม่ไหม้อุ่นมากกว่า ช่วยดูด้วยครับผมจะทำอย่างไรต่อไป ดีครับ ขอบคุณมาก
หมายเหตุ ผมใช้ thersmister 9 ohm 8 amp หลังจากผ่าน ฟิวส์ และ ลงกราวด์ด้วยครับ โดยใช้ค่าได้กล่าวมาแล้ว
-
พรุ่งนี้คงได้ยก F5 ไปลองฟังกันที่ มีทติ้งรวมพลคนตะวันออก ครับ.... :headphone
-
ของผมใช้ฟิวส์ 3A ครับ ก็ยังขาดบ้าง กินไป 3-4 ตัวแล้ว
ความร้อนได้น้อยจังครับ ของผมหลังจากเอาฮีทซิงค์พับเองไปติดที่เฟทเพิ่ม วัดที่หัวน๊อตตอนนี้ได้ 56 ครับ แต่เย็นลงมากกว่าเดิม :whistling
-
ของผมหน้าตาแบบนนี้
-
ส่วนด้านหลังที่เคยบอกไว้ว่าดีที่สุดในโลก คือต่อตรงกับ สาย output
-
กล่องคุณ DIY C โอ่โถงโล่งสบายจริงๆ ครับ ฮีทซิงค์ใหญ่กว่าผมจมเลย มิน่า เย็นเชียว.... ของผมแออัด กระทัดรัด ดีที่ว่าจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ หลบกันพอดิบพอดี แต่ Service ยากหน่อย :drive1
เห็นใช้ R ระดับไฮโซ..แบบนี้ อยากเทียบเสียงเจงๆ 0)]
-
ของผมใช้ฟิวส์ 3A ครับ ก็ยังขาดบ้าง กินไป 3-4 ตัวแล้ว
ความร้อนได้น้อยจังครับ ของผมหลังจากเอาฮีทซิงค์พับเองไปติดที่เฟทเพิ่ม วัดที่หัวน๊อตตอนนี้ได้ 56 ครับ แต่เย็นลงมากกว่าเดิม :whistling
ถ้า 3A ยังขาด ทำไมไม่เปลียนเป็น 4 - 5 amp ไปเลยครับ อยากทราบจริงๆ ไม่อยากคิดเอง ลองเอง เดียวนี้ของแฟงด้วย บางที่ค่ารถยังแพงกว่าค่าของอีก
-
เอารูปผู้ทรงคุณวุฒิ ดูแลการทดสอบมาให้ชม... ;D
-
ถ้า 3A ยังขาด ทำไมไม่เปลียนเป็น 4 - 5 amp ไปเลยครับ อยากทราบจริงๆ ไม่อยากคิดเอง ลองเอง เดียวนี้ของแฟงด้วย บางที่ค่ารถยังแพงกว่าค่าของอีก
อ้อ.. พอดีผมซื้อมา 1 กล่อง 10 ตัวครับ และที่จริงมันก็ยังใช้ได้ แค่ขาดง่ายไปนิดเดียวครับ รอขาดหมด อาจหา 4A มาใส่.... :P
...แอบจำเขามาเล่า คือหม้อแปลงกรุ๊ฟบายชุดนี้มัน 500VA เห็นเขาคำนวนหาค่าฟิวส์ โดยเอา 500 หารด้วย 220 = 2.272 A น่าจะเกิน 2A นะครับ ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ป่าว... :(
-
กล่องคุณ DIY C โอ่โถงโล่งสบายจริงๆ ครับ ฮีทซิงค์ใหญ่กว่าผมจมเลย มิน่า เย็นเชียว.... ของผมแออัด กระทัดรัด ดีที่ว่าจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ หลบกันพอดิบพอดี แต่ Service ยากหน่อย :drive1
เห็นใช้ R ระดับไฮโซ..แบบนี้ อยากเทียบเสียงเจงๆ 0)]
ถ้ามีโอกาศยินดีครับ หาความแตกต่างๆ เพิ่มพูนความรู้ ไม่ต้องลงทุนทดลองมาก
-
ถ้าไม่ปัญหาอะไรคืนนี้จะลองป้อนสัญญานเข้า แต่อยากทราบว่า ค่า V ที input และ out put ก่อนป้อนสัญญาน ควรจะอยู่ระหว่างใดที่เป็นค่าปกคิครับขอบคุณมาก
-
ถ้าไม่ปัญหาอะไรคืนนี้จะลองป้อนสัญญานเข้า แต่อยากทราบว่า ค่า V ที input และ out put ก่อนป้อนสัญญาน ควรจะอยู่ระหว่างใดที่เป็นค่าปกคิครับขอบคุณมาก
ค่า V ที่ input ไม่มีครับ ส่วน DC Offset ควรจะต่ำๆครับ .001-0.2 V ครับ
-
ถ้า 3A ยังขาด ทำไมไม่เปลียนเป็น 4 - 5 amp ไปเลยครับ อยากทราบจริงๆ ไม่อยากคิดเอง ลองเอง เดียวนี้ของแฟงด้วย บางที่ค่ารถยังแพงกว่าค่าของอีก
อ้อ.. พอดีผมซื้อมา 1 กล่อง 10 ตัวครับ และที่จริงมันก็ยังใช้ได้ แค่ขาดง่ายไปนิดเดียวครับ รอขาดหมด อาจหา 4A มาใส่.... :P
...แอบจำเขามาเล่า คือหม้อแปลงกรุ๊ฟบายชุดนี้มัน 500VA เห็นเขาคำนวนหาค่าฟิวส์ โดยเอา 500 หารด้วย 220 = 2.272 A น่าจะเกิน 2A นะครับ ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ป่าว... :(
เวลาเปิดตอนแรก จะกระชากกระแส มากกว่า VA ของ หม้อแปลงครับ ต้องเผื่อครับ ประมาณ สองเท่า ของ VA หากใช้ แบบขาดช้า ประมาณ 1.4 เท่าครับ
-
รับทราบแล้วครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
-
ผมตั้งไบอัสที่ 1.3A ได้ offeset ที่ 2-3 mV ครับ อยากกดต่ำกว่านี้ แต่ขี้เกียจแล้ว
-
ถ้า 3A ยังขาด ทำไมไม่เปลียนเป็น 4 - 5 amp ไปเลยครับ อยากทราบจริงๆ ไม่อยากคิดเอง ลองเอง เดียวนี้ของแฟงด้วย บางที่ค่ารถยังแพงกว่าค่าของอีก
อ้อ.. พอดีผมซื้อมา 1 กล่อง 10 ตัวครับ และที่จริงมันก็ยังใช้ได้ แค่ขาดง่ายไปนิดเดียวครับ รอขาดหมด อาจหา 4A มาใส่.... :P
...แอบจำเขามาเล่า คือหม้อแปลงกรุ๊ฟบายชุดนี้มัน 500VA เห็นเขาคำนวนหาค่าฟิวส์ โดยเอา 500 หารด้วย 220 = 2.272 A น่าจะเกิน 2A นะครับ ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ป่าว... :(
ใช้ fuse แบบขาดช้าหรือเปล่าครับ
ผมใช้ Bussman แบบขาดช้า 1.5A เคยขาดไปตัวเดียวครับ
-
แถวบ้านไม่มีแบบขาดช้าครับ เดี๋ยวไปไถชาวบ้านไกลๆ สักตัวครับ ;D
1.5A พอเหรอครับ ผมกะว่าเอาแบบขาดช้า 3A ครับ :headphone
-
แถวบ้านไม่มีแบบขาดช้าครับ เดี๋ยวไปไถชาวบ้านไกลๆ สักตัวครับ ;D
1.5A พอเหรอครับ ผมกะว่าเอาแบบขาดช้า 3A ครับ :headphone
ตาม service manual เนลสันใช้ 1.25A ครับ
ผมซื้อมาจาก west tech มาสองค่าคือ 1.25A, 1.5A ลองใช้ทั้งสองค่าไม่มีปัญหาครับ
1.25A x 220V = 275 watt
1.5A x 220V = 330 watt
เผื่อไว้ระดับหนึ่งแล้วครับถ้ามี Thermistor ไม่ต้องกลัวมันขาด แบบว่าปลอดภัยไว้ก่อน
-
วันนี้ยก F5 ไปมีทติ้งภาคตะวันออกมาครับ ได้เสียงตอบรับดีทีเดียว มีสมาชิกสนใจเยอะ ไวๆ นี้อาจมี F5 เกิดขึ้นอีกหลายเครื่องครับ :victory
-
:clap :clap :clap ทุกวันนี้ผมก็ฟังแต่ F5 นี่แหละครับ ยอมรับว่าเสียงดีมากๆครับ และที่สำคัญเงียบมากๆครับ Absolutely No Hum d_d d_d d_d :drunk :drunk :drunk :clap :clap :clap
-
เสียงเนียนมากครับ วันนี้คุณไท ยกมาให้ฟังถึงที่เลย ขอบคุณมากครับ O0 O0 O0
-
เห็นหลายท่านบอกว่าเสียงดีเลยอยากทดลองทำบ้าง ไม่ทราบท่านใดพอมี PCB เหลืออยู่แบ่งขายให้ผมบ้างครับ :help :help :help :help
-
เอารูปผู้ทรงคุณวุฒิ ดูแลการทดสอบมาให้ชม... ;D
ป๊าด........นึกว่า mark levinson
-
หมายถึง heat zinc นะครับ แซว...
-
หมายถึง heat zinc นะครับ แซว...
:headphone.... ฮีทซิงค์ เล็กมากครับ ไปจกมาจากแถวตลาดนัดจตุรจักร 2 .... แผ่นละ 250-300 เองครับ (2ปีก่อน)
ทีแรกมันลดความร้อนไม่ค่อยพอ จำได้ว่าวัดที่ตัวเฟทล่อไป 85 องศา ตอนหลังผมเอาแผ่นอลูมีเนียม 2X40 ซม. มาพับทบไปมา แล้วเอาไปติดที่ตัวเฟทเพิ่มอีกตัวและแผ่น ... ลองวัดที่เฟทใหม่ เหลือราวๆ 58-60 องศาครับ เมื่อวานเพื่อนสมาชิกภาคตะวันออกลองเอามือจับฮีทซิงค์ เขาว่าร้อนไม่มากเท่าไหร่ ...เลยสบายใจว่าเฟทคงไม่ลาโลกไปก่อนวัยอันควร... ;D
-
มีใครเคยลองเทียบ Output Mosfet ระหว่าง IR กับ Fairchild หรือยังครับ
ผมใช้ของ IR (IRFP240, 9240) เสียงก็ดีตามสไตล์ IR
-
ของผมใช้ Fairchild ครับ แต่ไม่เคยฟัง IR เลยเทียบไม่ถูก... เอ้า ท่าน MasterAT เห็นว่าไงบ้างครับ น่าจะเคยได้ยินทั้ง 2 ยี่ห้อมาแล้วนา :)
อะ อ้าว... ท่าน MasterAT แกแอบกระซิบมาไกลๆ.. กรูจำเสียงไม่ได้เว้ย....แป่วววว...เอวัง 2f
-
:clap :clap :clap F5 ผมร้องเพลงได้แล้วครับ จริงอย่างที่รำลือ ลองฟังประมาณ 2-3 ชม จุดเด่นที่เสียงกลางครับ ผมว่าเสียงกว้างดี ฟังนานๆ สบาย (ผมฟังสำโพง 3 ทาง )
แต่เสียงเบสไม่หนักแน่นแต่เป็นตัวชัดดี (อาจเป็นตัวตนของสาย Kimber) จะลองสักพักจะลองสายของ monster ซึ่งเป็นสายทองแดงเส้นละเอียด ผมว่าเรียกเสียงเบสได้พอสมควร
สำหรับความร้อนเปิดแบบไม่มีแอร็ วัดที่ หมุด 73 C วัดที่ heat sink โดยเฉลี่ย 40-45 C ครับ ผมตั้ง V ที่ R1,2 ประมาณ 0.610 V ได้ค่า V offset 0.001 V (โดยก่อนตั้งจะ
run ไว้ 2 ชม) ส่วนฟิวส์ หาได้ 3A มาใช้ ขาดไป 3 ตัวแล้ว
และต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับที่ให้คำแนะนำจนสำเร็จ :bowdown
-
ที่วัดได้
-
ถ้า 3A ยังขาด ทำไมไม่เปลียนเป็น 4 - 5 amp ไปเลยครับ อยากทราบจริงๆ ไม่อยากคิดเอง ลองเอง เดียวนี้ของแฟงด้วย บางที่ค่ารถยังแพงกว่าค่าของอีก
อ้อ.. พอดีผมซื้อมา 1 กล่อง 10 ตัวครับ และที่จริงมันก็ยังใช้ได้ แค่ขาดง่ายไปนิดเดียวครับ รอขาดหมด อาจหา 4A มาใส่.... :P
...แอบจำเขามาเล่า คือหม้อแปลงกรุ๊ฟบายชุดนี้มัน 500VA เห็นเขาคำนวนหาค่าฟิวส์ โดยเอา 500 หารด้วย 220 = 2.272 A น่าจะเกิน 2A นะครับ ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ป่าว... :(
ใช้ fuse แบบขาดช้าหรือเปล่าครับ
ผมใช้ Bossman แบบขาดช้า 1.5A เคยขาดไปตัวเดียวครับ
ซื้อจากที่ไหนครับ
-
ขอ update ระบบล่าสุดของผมครับ งานต่อไปรอ F 5 buffer ครับ
-
ใช้ fuse แบบขาดช้าหรือเปล่าครับ
ผมใช้ Bussman แบบขาดช้า 1.5A เคยขาดไปตัวเดียวครับ
ซื้อจากที่ไหนครับ
West Tech ลาดพร้าว http://www.westech.co.th/
แนะนำให้ใช้แบบตัวยาว ราคาถ้าจำไม่ผิดตัวละ 20-30 บาท
ซื้อตุนไว้อย่างน้อยหนึ่งโหลก็จะดีครับ
-
ยินดีด้วยครับ c) c) c)
-
สำหรับความร้อนเปิดแบบไม่มีแอร็ วัดที่ หมุด 73 C วัดที่ heat sink โดยเฉลี่ย 40-45 C ครับ
เมื่อกี้ลองวัดดูมั่ง หลังจากเปิดทิ้งไว้ 5 ชม. ไม่เปิดแอร์ อากาศถ่ายเทได้สะดวก
วัดที่หัวน๊อตย้ำเฟท 69 C ...วัดที่ กลางตัวเฟท 70 C (มีอลูมิเนียมกั้นหนา 1 มม.)
วัดที่ฮีทซิงค์ภายนอกตัวถัง ตรงกับตำแหน่งที่เฟทติดตั้ง 57 C และวัดที่ฮีทซิงค์โดยเฉลี่ย 48-54 C ครับ
-
:clap :clap :clap F5 ผมร้องเพลงได้แล้วครับ จริงอย่างที่รำลือ ลองฟังประมาณ 2-3 ชม จุดเด่นที่เสียงกลางครับ ผมว่าเสียงกว้างดี ฟังนานๆ สบาย (ผมฟังสำโพง 3 ทาง )
แต่เสียงเบสไม่หนักแน่นแต่เป็นตัวชัดดี (อาจเป็นตัวตนของสาย Kimber) จะลองสักพักจะลองสายของ monster ซึ่งเป็นสายทองแดงเส้นละเอียด ผมว่าเรียกเสียงเบสได้พอสมควร
สำหรับความร้อนเปิดแบบไม่มีแอร็ วัดที่ หมุด 73 C วัดที่ heat sink โดยเฉลี่ย 40-45 C ครับ ผมตั้ง V ที่ R1,2 ประมาณ 0.610 V ได้ค่า V offset 0.001 V (โดยก่อนตั้งจะ
run ไว้ 2 ชม) ส่วนฟิวส์ หาได้ 3A มาใช้ ขาดไป 3 ตัวแล้ว
และต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับที่ให้คำแนะนำจนสำเร็จ :bowdown
เดี๋ยวเบสก็ตามมาครับ ความถี่ต่ำเดินทางช้าครับ 2f
-
เปิดโชว์ไส้ในสักหน่อย เกรงจะผิดทำเนียมปฎิบัติ... ;D
รุงรังดีแท้ แต่สับหลีกกันได้ลงตัวดีครับ ห้องเครื่องแค่ 6 x 8 นิ้ว สูง 9 นิ้ว ครับ... :whistling
โปรดสังเกตุ ฮีทซิงค์พับเองที่เอามาติดตรงตัวเฟท ช่วยระบายความร้อนได้หลายองศา... :headphone
-
เปิดโชว์ไส้ในสักหน่อย เกรงจะผิดทำเนียมปฎิบัติ... ;D
รุงรังดีแท้ แต่สับหลีกกันได้ลงตัวดีครับ ห้องเครื่องแค่ 6 x 8 นิ้ว สูง 9 นิ้ว ครับ... :whistling
โปรดสังเกตุ ฮีทซิงค์พับเองที่เอามาติดตรงตัวเฟท ช่วยระบายความร้อนได้หลายองศา... :headphone
:D :o :clap สุดยอดครับ
-
ฮีทซิงค์ รุ่นนี้เยี่ยม O0 เห็นสมาชิกบ้านบนเนินบอกว่าเสียงดีด้วย
-
ฮีทซิงค์ รุ่นนี้เยี่ยม O0 เห็นสมาชิกบ้านบนเนินบอกว่าเสียงดีด้วย
รอยหยักของฮีทซิ้งค์ จะช่วยให้การแผ่ของมวลเสียงสูงกระจายตัวไปในอากาศได้ดีขึ้น ช่วยให้รายละเอียดหยุมหยิมดีขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ความร้อนที่แผ่จากซิ้งค์จะช่วยให้เบสเป็นรูปเป็นร่างแบบสามมิติ สมจริงสมจังอย่างน่าอัศจรรย์
เสียงนักร้องจะเนียนขึ้น มีติดจีบปากจีบคอฟังแล้วเคลิ้ม
อ่านเล่น ๆ ครับอย่าซีเรียส c)
-
O0 O0 O0
-
ฮีทซิงค์ รุ่นนี้เยี่ยม O0 เห็นสมาชิกบ้านบนเนินบอกว่าเสียงดีด้วย
รอยหยักของฮีทซิ้งค์ จะช่วยให้การแผ่ของมวลเสียงสูงกระจายตัวไปในอากาศได้ดีขึ้น ช่วยให้รายละเอียดหยุมหยิมดีขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ความร้อนที่แผ่จากซิ้งค์จะช่วยให้เบสเป็นรูปเป็นร่างแบบสามมิติ สมจริงสมจังอย่างน่าอัศจรรย์
เสียงนักร้องจะเนียนขึ้น มีติดจีบปากจีบคอฟังแล้วเคลิ้ม
อ่านเล่น ๆ ครับอย่าซีเรียส c)
อ่านรอยหยักของฮีทซิ้งค์เกือบซีเรียสเลยนิ ;D ;D ;D O0 O0 O0
-
ฮีทซิงค์ รุ่นนี้เยี่ยม O0 เห็นสมาชิกบ้านบนเนินบอกว่าเสียงดีด้วย
รอยหยักของฮีทซิ้งค์ จะช่วยให้การแผ่ของมวลเสียงสูงกระจายตัวไปในอากาศได้ดีขึ้น ช่วยให้รายละเอียดหยุมหยิมดีขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ความร้อนที่แผ่จากซิ้งค์จะช่วยให้เบสเป็นรูปเป็นร่างแบบสามมิติ สมจริงสมจังอย่างน่าอัศจรรย์
เสียงนักร้องจะเนียนขึ้น มีติดจีบปากจีบคอฟังแล้วเคลิ้ม
อ่านเล่น ๆ ครับอย่าซีเรียส c)
คารมคมคายจริงๆ
-
ฮีทซิงค์ รุ่นนี้เยี่ยม O0 เห็นสมาชิกบ้านบนเนินบอกว่าเสียงดีด้วย
รอยหยักของฮีทซิ้งค์ จะช่วยให้การแผ่ของมวลเสียงสูงกระจายตัวไปในอากาศได้ดีขึ้น ช่วยให้รายละเอียดหยุมหยิมดีขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ความร้อนที่แผ่จากซิ้งค์จะช่วยให้เบสเป็นรูปเป็นร่างแบบสามมิติ สมจริงสมจังอย่างน่าอัศจรรย์
เสียงนักร้องจะเนียนขึ้น มีติดจีบปากจีบคอฟังแล้วเคลิ้ม
อ่านเล่น ๆ ครับอย่าซีเรียส c)
อ่านแล้ว.....เห็นภาพเลยครับ ;D ;D ;D
-
ฮีทซิงค์ รุ่นนี้เยี่ยม O0 เห็นสมาชิกบ้านบนเนินบอกว่าเสียงดีด้วย
รอยหยักของฮีทซิ้งค์ จะช่วยให้การแผ่ของมวลเสียงสูงกระจายตัวไปในอากาศได้ดีขึ้น ช่วยให้รายละเอียดหยุมหยิมดีขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ความร้อนที่แผ่จากซิ้งค์จะช่วยให้เบสเป็นรูปเป็นร่างแบบสามมิติ สมจริงสมจังอย่างน่าอัศจรรย์
เสียงนักร้องจะเนียนขึ้น มีติดจีบปากจีบคอฟังแล้วเคลิ้ม
อ่านเล่น ๆ ครับอย่าซีเรียส c)
ได้ยินคำบรรยายแล้วอยากไปลองทำดูบ้าง Y]
-
เรื่องของความร้อน ผมว่าอะไรที่มากไปหรือน้อยไปก็จะไม่ดี คุ้นว่าเคยมีแต่หาไม่พบ
สำหรับ Fed 19n20c และ 12P20 ค่ามาตราฐานจะวัดที่จุดใดและได้ค่าความร้อนเท่าไร
เมื่อเช้านั่งฟังในห้องแค่ ครึ่งชม สัมผัส รังสีความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วห้อง (ไม่เปิดแอร์)
-
แหะ แหะ ผมแค่อยากระบายความร้อนแค่น้านนนนน.... :cry2
แต่ถ้าได้อย่างที่บรรยาย ผมว่าจะพับฮีทซิงค์ขาย จดลิขสิทธิ์ซ่ะเลย .... :clap 2f
-
:)
บอกแล้วไงว่าอย่าซีเรียส อ่านเล่น ๆ นะครับ
ที่จริงผมเขียนล้อเลียนจากสำนวนที่เห็นกันตามรีวิว (กึ่งการค้า) ที่เห็นตามสื่อทั่วไป
เทคนิคต่าง ๆ ที่เพื่อนสมาชิกเข้ามาช่วยกันแบ่งปัน มีประโยชน์มากครับ
เรานำมาดัดแปลง ทำเองได้จริง ไม่แพงด้วย
จะเอาแบบไหนก็ทำเองได้ แหลมระยิยระยับ เสียงร้องจีบปากจีบคอ เบสทะลุโลก
นี่คือสีสันของ DIY ไม่ใช่ต้องการเบส ก็ไปซื้อสายไฟไฮเอ็นด์ ราคา 30,000
ต้องการเสียงร้องหวาน ก็ไปซื้อสายสัญญาณ ราคา 10,000
ต้องการเวทีเสียงกว้าง ก็ต้องไปหาเครื่องเล่น CD ราคา 5 - 60,000
Nelson Pass เป็นคนเดียวในบรรดาผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ ที่ผมเห็นว่าใจกว้างและช่วยเหลือนักเล่น DIY มาโดยตลอด
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่บนโลกครับที่แจกวงจร ไม่หวงวิชา น่านับถือจริง ๆ
หลายทานที่ได้อ่านกระทู้ใน diyaudio.com จะเห็นว่าแกไม่หวงวิชาจริง ๆ
-
ขอ update ระบบล่าสุดของผมครับ งานต่อไปรอ F 5 buffer ครับ
ตัวกล่องสีทองใต้อะกิโด เป็น Acc.......... เป่า :o :o :o
-
วันนี้ยก F5 ไปมีทติ้งภาคตะวันออกมาครับ ได้เสียงตอบรับดีทีเดียว มีสมาชิกสนใจเยอะ ไวๆ นี้อาจมี F5 เกิดขึ้นอีกหลายเครื่องครับ :victory
มายืนยันครับว่าเสียงดีครับ แต่ต้อง Pre HA-1 ด้วยนะครับ mactch กันสุดยอด O0
-
ขอ update ระบบล่าสุดของผมครับ งานต่อไปรอ F 5 buffer ครับ
ตัวกล่องสีทองใต้อะกิโด เป็น Acc.......... เป่า :o :o :o
ใช่ครับ เป็น D/C convertor รุ่น DC 81L ส่วนตัวที่เป็นหัวอ่านตอนนี้ใม่ได้
-
:)
บอกแล้วไงว่าอย่าซีเรียส อ่านเล่น ๆ นะครับ
ที่จริงผมเขียนล้อเลียนจากสำนวนที่เห็นกันตามรีวิว (กึ่งการค้า) ที่เห็นตามสื่อทั่วไป
เทคนิคต่าง ๆ ที่เพื่อนสมาชิกเข้ามาช่วยกันแบ่งปัน มีประโยชน์มากครับ
เรานำมาดัดแปลง ทำเองได้จริง ไม่แพงด้วย
จะเอาแบบไหนก็ทำเองได้ แหลมระยิยระยับ เสียงร้องจีบปากจีบคอ เบสทะลุโลก
นี่คือสีสันของ DIY ไม่ใช่ต้องการเบส ก็ไปซื้อสายไฟไฮเอ็นด์ ราคา 30,000
ต้องการเสียงร้องหวาน ก็ไปซื้อสายสัญญาณ ราคา 10,000
ต้องการเวทีเสียงกว้าง ก็ต้องไปหาเครื่องเล่น CD ราคา 5 - 60,000
Nelson Pass เป็นคนเดียวในบรรดาผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ ที่ผมเห็นว่าใจกว้างและช่วยเหลือนักเล่น DIY มาโดยตลอด
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่บนโลกครับที่แจกวงจร ไม่หวงวิชา น่านับถือจริง ๆ
หลายทานที่ได้อ่านกระทู้ใน diyaudio.com จะเห็นว่าแกไม่หวงวิชาจริง ๆ
ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าแกได้อะไรหรือเปล่า เห็น manual ของแกแล้ว ขอแสดงความนับถืออีกคน
แต่ใน web เราก็มีหลายท่านที่น่านับถือเช่นกันครับ ที่แจกวงจรและ ไม่หวงวิชา แถมยังช่วยหาของมาให้ด้วย
-
มีเรื่องตลกเรื่องนึงของ Passlabs ครับ
Pass ถูกบริษัท Passlabs เตือนเรื่องการใช้ชื่อ Aleph ในการเอาภาพ DIY Aleph series ของพวก diyer ขึ้นโชว์ gallary ใน passdiy.com ซึ่งในทีสุด Pass ต้องเองรูปพวกนั้นออก แต่ใส่กลับเขาไปตอนหลังอยู่ใน misc amp คนก็งงๆว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ ทั้งๆที่ Aleph เป็นผลงานของ Pass
เจ้าตัวบอกว่า Passlabs ไม่ใช่ของเขาครับ ตัวเขาเป็น Engineer/Designer การทำการตลาดของ Passlabs เป็นเรื่องของบริษัท ซึ่งเขาไม่อยากไปยุ่ง ดูว่า Pass จะมีความสุขกับการ DIY และการแบ่งความรู้ให้กับผู้อื่น
-
ดันกระทู้หน่อย... :showoff
ใครทำเสร็จแล้ว หรือมีทริคดีๆ แบ่งปันบ้างนะครับ เห็นกรุ๊ฟบายไปหลายคน แต่ผลงานเงียบเหงาเจงๆ ... โซลิดดองมากไม่นอส นะครับ ;D
-
ไม่ทราำพว่าจาหา R KOA ตัวเขียวๆๆ ได้ที่ใหนหรอครับ
ยิ่งอยู่ต่างจังหวัดด้วยครับ
ใครมีเหลือแบ่งหน่อยได้ป่าวครับ
เดี่ยวโอนเงินไปให้ครับบ
-
ไม่ทราำพว่าจาหา R KOA ตัวเขียวๆๆ ได้ที่ใหนหรอครับ
ยิ่งอยู่ต่างจังหวัดด้วยครับ
ใครมีเหลือแบ่งหน่อยได้ป่าวครับ
เดี่ยวโอนเงินไปให้ครับบ
คาดว่าไม่ใช่ KOA ครับ เป็น Kiwame หละครับ
สั่งซื้อและส่งทาง EMS ได้ที่
www.sacthailand.com
www.hifihut.net
ลองสอบถามทั้งสองแหล่งก่อนตัดสินใจ
-
ดันกระทู้หน่อย... :showoff
ใครทำเสร็จแล้ว หรือมีทริคดีๆ แบ่งปันบ้างนะครับ เห็นกรุ๊ฟบายไปหลายคน แต่ผลงานเงียบเหงาเจงๆ ... โซลิดดองมากไม่นอส นะครับ ;D
ผมว่าหลายท่านคงติดเรื่อง heatsink นะครับ คือ ดีด้วยถูกด้วย และ เห็นเรื่องความร้อนแล้วต้องคิดหนัก
เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา จูนไว้ที่ 0.625V offset + - 0.003 ฟงไป 2 ชม วัดความร้อนที่หมุนยึด ได้ 75 C วัดที่ปีกบนสุดตรงกลาง
heatsink ได้ 46 C เลย คราวแรกอยากปรับไปที่ 0.650 V เห็นความร้อนแล้ว ต้องหยุดไว้ก่อน อ้อ ความร้อนวัดที่หัวหมุดไม่เท่า
กันครับ ข้างหนึ่งได้ 75 C ส่วนอีกได้ 81C อย่างนี้ แต่ ที่ heat sink ได้เท่ากัน อย่างผิดปกติหรือไม่ครับ
เห็นมีบางท่านว่า ถ้าเพิม C ที่ power sup ให้มากกว่านี้ ความถี่ต่ำจะเพิมขึ้น อีก เป็นไปได้หรือเปล่า
ครับ อยากลองต่อไปอีก
-
เห็นมีบางท่านว่า ถ้าเพิม C ที่ power sup ให้มากกว่านี้ ความถี่ต่ำจะเพิมขึ้น อีก เป็นไปได้หรือเปล่า
ครับ อยากลองต่อไปอีก
ผมลองแล้วครับ กลางต่ำดีขึ้นครับ แต่ตอนเปิดสวิช ฟิวส์ชอบขาด ต้องหาแบบขาดช้ามาใส่
-
ตอนนี้ฟิวส์ 3A 12ตัว เหลือแค่ 3 ตัวเอง... :whistling
-
เห็นมีบางท่านว่า ถ้าเพิม C ที่ power sup ให้มากกว่านี้ ความถี่ต่ำจะเพิมขึ้น อีก เป็นไปได้หรือเปล่า
ครับ อยากลองต่อไปอีก
ผมลองแล้วครับ กลางต่ำดีขึ้นครับ แต่ตอนเปิดสวิช ฟิวส์ชอบขาด ต้องหาแบบขาดช้ามาใส่
ได้ที่บุกต่อเลย ขนาด C ที่ใช้ขนาดเท่าไรดี ข้างละกีตัวครับ และต่อขนาดจากของเดิมใช่หรือเปล่า
ตอนแรกว่าจะใช้งบนี้ชื้อ RCA kimber ถ้าเป็นแบบนี้เอามาลงที่ C ที่กว่าครับ ช่วยแนะนำด้วยขอบคุณ ครัรบ
-
ตอนนี้ฟิวส์ 3A 12ตัว เหลือแค่ 3 ตัวเอง... :whistling
ของผม 3 A ไป 5 ตัวแล้ว แต่ซื่อมาเก็บไว้อีก 10 ตัวแล้ว ตัวละ 3 บาท ยังไม่มีเวลาไปหาแบบ ขาดช้าครับ
ข้อสังเกตุว่า ถ้าปิดเครื่องไม่นานแล้วมาเปิดใหม่ ก็จะขาดระหว่างนี้
แต่ถ้าปิดไว้ ข้ามวันแล้วจะไม่เป็นอะไร ครับ
-
ถ้าฟิว 3A ขาดง่าย ทำไม่ไม่เพิ่มเป็น 4-5A ไปละครับ ???
แล้วจริงๆเครื่องมันกินกระแสเยอะขนาดนั้นเลยหรือ :D
-
อืม.. ผมลองต่อ F5 แล้วมีปัญหาดังนี้ ครับ :help
1. วัด dc volt ที่ R11,12 ได้เพียง 0.1 V เท่านั้นครับ ปรับทริม อย่างไรก็ไม่ขึ้น
2. ลองปรับค่า dc offset ให้ได้ไกล้เคียง 0.001mv ให้มากที่สุด ปรากฎว่า เสียงแตกพร่า ครับ
3. ลองปรับทริมฝั่ง ลบ ถ้าเป็น 0R เสียงจะเบามาก(ฟังไม่ออกว่า แตกหรือเปล่า) แต่พอปรับขึ้นมาสักระดับนึง ก็จะดังและแตกพร่า ครับ
มันเกิดจากอะไรครับ :help :help :help
อ้อ ผมเปลี่ยน R 47 โอม เป็น 150 แล้วนะครับ แล้วลองปรับ v input ให้ได้ 4.2 v ก็เสียงแตกอยู่ดี :cry2
แต่มีอย่างนึงที่ไปตรงกับวงจร คือ R 0.47 ครับ ผมลองแกะออกมาวัดได้ 0.9 ทุกตัวที่ซื้อมาเลยครับ 10 ตัว royal K]
ลองต่อ ขนานกัน 2 ตัว 3 ตัว เสียงก็แตกอยู่ดี (แต่ ต่อ 2 ตัว วัดได้ 0.6 และต่อ 3 ตัว วัดได้ 0.5 ครับ N] )
งงสุดๆ แล้ว heat sink ไม่ร้อนครับ fet ก็ไมร้อนด้วย แต่ถ้าไม่ติด sink ละก็ร้อนงับ :cold
-
เหมือนกับ power mosfet ยังไม่ on ครับ ไบแอสเลยไม่ขยับ
รบกวนวัดไฟคร่อม R3 R4 ได้เท่าไรครับ
-
ผมลองวัด R3,4 ได้ 1-6V ครับ ปรับได้จาก ทริมพอต
ตอนนี้ ณ เบื้องต้น ผมแก้ปัญหาเสียงแตกได้แล้ว
ผลปรากฎว่า jfet เสียไปตัวครับ K] sk170 เปลี่ยนใหม่เสียงไม่แตกแล้ว
สามารถปรับ R11 ได้ 0-0.6 V ได้แล้ว c)
แต่ซีกลบ ไม่ทำงาน (( คาดว่าน่าจะมี อุปกรณ์บางตัวเสีย ทดลองเปลี่ยน sj74 ไป 2 ตัว และเบอร์แทน j176,j177 ก็ไม่มีเสียง :cry2
ปรับทริมพอตอย่างไร ก็วัด V ที่ R12 ไม่ได้ แต่ V ที่ R 4 ก็ขึ้นลงตามการปรับ
ตอนลองซีกลบ นี้ผม ถอด sk170 ออกนะครับ
แล้วก็ลองต่อ ทั้งซีกบวกลบ เสียงดังมาจากซีกบวกเท่านั้น วัด R12 ไม่ได้ :cry2
offset กระโดดไปที่ 1.5 V ปรับทริมพอต ด้านลบ ลดลงมาได้แค่ 1.2V
ตอนนี้เพ่งเล็งไปที่ BC550 ว่าเสียหรือเปล่า
ว่าจะเปลี่ยน แต่โดน ผบทบ. ประกาศเคอฟิวเสียก่อน ไว้เย็นนี้ว่าจะลองเปลี่ยนดู
-
ผมลองวัด R3,4 ได้ 1-6V ครับ ปรับได้จาก ทริมพอต
ตอนนี้ ณ เบื้องต้น ผมแก้ปัญหาเสียงแตกได้แล้ว
ผลปรากฎว่า jfet เสียไปตัวครับ K] sk170 เปลี่ยนใหม่เสียงไม่แตกแล้ว
สามารถปรับ R11 ได้ 0-0.6 V ได้แล้ว c)
แต่ซีกลบ ไม่ทำงาน (( คาดว่าน่าจะมี อุปกรณ์บางตัวเสีย ทดลองเปลี่ยน sj74 ไป 2 ตัว และเบอร์แทน j176,j177 ก็ไม่มีเสียง :cry2
ปรับทริมพอตอย่างไร ก็วัด V ที่ R12 ไม่ได้ แต่ V ที่ R 4 ก็ขึ้นลงตามการปรับ
ตอนลองซีกลบ นี้ผม ถอด sk170 ออกนะครับ
แล้วก็ลองต่อ ทั้งซีกบวกลบ เสียงดังมาจากซีกบวกเท่านั้น วัด R12 ไม่ได้ :cry2
offset กระโดดไปที่ 1.5 V ปรับทริมพอต ด้านลบ ลดลงมาได้แค่ 1.2V
ตอนนี้เพ่งเล็งไปที่ BC550 ว่าเสียหรือเปล่า
ว่าจะเปลี่ยน แต่โดน ผบทบ. ประกาศเคอฟิวเสียก่อน ไว้เย็นนี้ว่าจะลองเปลี่ยนดู
เอาใจช่วยครับใกล้แล้ว เอ.... รูปโฉม เขา/เธอ เป็นอย่างไร..............
-
ง่า ตอนนี้ยังเป็นกระสืออยู่งับ
ที่สำคัญ ตอนนี้ผมว่า ผมหาสาเหตุเจอแล้วมั้งครับ c) นั่นก็คือ....
ลายวงจรผิดคร้าาบบบบ K] เป็นเพราะผมดัดแปลงลายวงจรจากของคุณ MasterAT
ซึ่งผมเข้าใจว่า ซ้ายขวา มันเหมือนกัน ทำให้ไฟที่เข้าขา IRFP240 ผิดทาง :'(
ผมใช้ photoshop ออกแบบอ่ะครับ เพราะผมมีข้อจำกัดของขนาด heatsink ซึ่งต้องติด power fet ให้อยู่ด้านเดียวกัน
อยากจะลงรูปวงจรให้ดู แต่ทำมะเป็นอ่ะ K] K] K]
-
F5 ผมตอนนี้เกิดปัญหาอีกแล้วเมื่อเช้าตั้งใจจะฟัง พอเปิด ก็เกิดเสียงดัง ปุ๊บ สังเกตุเห็นไฟ spark ที่ กล่อง AC input
(ในภาพจะอย่างด้านล่างสุด เป็นกล่องและเห็น Thersimiter สีเขียวๆ) อย่างที่คิดไว้ฟิวส์ขาดอีก ลองเปลียนใหม่ ก็เป็น
แบบเดียวกันถึง สามครั้ง ทั้งๆที่กอ่นหน้านี้ก็ฟังได้ปกติ ต่อจากนั้น ผมได้ ลองวัดโดยเอามิเตอร์ ไปวัดที่ ปลัก สามขา แล้ว
ลองปิดเปิดสวิทซ์ดู ก็ปกติ เวลาปิด ก็ไม่เกิดความต้านทาน เวลาเปิดก็มีความต้านทานเกิดขึ้น อย่างนี้ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นครับ
ผมควรใช้ฟิวส์ ขนาด 4-5 แอมป์ ได้หรือไม่ในสถานการณ์เช่นนี้ อยากลองดูแต่ขอคำแนะนำก่อนดีกว่า หรือต้องอย่างไรต่อไปดีครับ
ขอบคุณมาก
-
ได้ที่บุกต่อเลย ขนาด C ที่ใช้ขนาดเท่าไรดี ข้างละกีตัวครับ และต่อขนาดจากของเดิมใช่หรือเปล่า
ตอนแรกว่าจะใช้งบนี้ชื้อ RCA kimber ถ้าเป็นแบบนี้เอามาลงที่ C ที่กว่าครับ ช่วยแนะนำด้วยขอบคุณ ครัรบ
เพิ่มซี 15000uF ไปอีก คู่ครับ ที่ภาคหลังสุดของบอร์ดภาคจ่ายไฟ โดยใส่ซีกลบตัวนึงซีกบวกตัวนึง ต่อสายไฟเส้นโตๆหน่อยครับ
ที่เห็นไฟแลบ น่าจะมาจาก ฟิวส์ตอนขาดกระมังครับ ลองหาฟิวชนิดขาดช้า 3A มาใส่ หากไม่มี 4A ก็ใส่ได้ครับ
-
ได้ที่บุกต่อเลย ขนาด C ที่ใช้ขนาดเท่าไรดี ข้างละกีตัวครับ และต่อขนาดจากของเดิมใช่หรือเปล่า
ตอนแรกว่าจะใช้งบนี้ชื้อ RCA kimber ถ้าเป็นแบบนี้เอามาลงที่ C ที่กว่าครับ ช่วยแนะนำด้วยขอบคุณ ครัรบ
เพิ่มซี 15000uF ไปอีก คู่ครับ ที่ภาคหลังสุดของบอร์ดภาคจ่ายไฟ โดยใส่ซีกลบตัวนึงซีกบวกตัวนึง ต่อสายไฟเส้นโตๆหน่อยครับ
ที่เห็นไฟแลบ น่าจะมาจาก ฟิวส์ตอนขาดกระมังครับ ลองหาฟิวชนิดขาดช้า 3A มาใส่ หากไม่มี 4A ก็ใส่ได้ครับ
ขอบคุณครับ คุณ Master AT ฟิวส์ที่ใช้อยู่เป็น 3A ครับแต่ ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกๆครั้ง ที่เห็นประกายไฟมาจากกระบอกฟิวส์
แต่ครั้งนี้ออกมาจากกล่องที่เห็นเป็นสีฟ้าๆ ส่วนกล่องฟิวส์จะอยู่ถัดไปทางซ้ายของกล่องสีฟ้าซึงเป็นเต้าเสียบไฟ ครับ
-
กล่อง ฟ้าๆที่ว่า คืออะไรครับ มองไม่เห็นเลยครับ หรือเป็น filter box ทั้วๆไป ที่มีวงจร LCR Fulter อยู่ อาจจะมีอุปกรณ์กลุ่ม C เสียก็ได้นะครับ
-
กล่อง ฟ้าๆที่ว่า คืออะไรครับ มองไม่เห็นเลยครับ หรือเป็น filter box ทั้วๆไป ที่มีวงจร LCR Fulter อยู่ อาจจะมีอุปกรณ์กลุ่ม C เสียก็ได้นะครับ
ใช่แล้วครับ เป็น เต้าไฟฟ้า 3 ขาซึ่งเป็น fillter box ด้วย ผมมีสำรองอยู่ 1 ตัว จะลองเปลี่ยนดูครับ
-
รบกวนถามเกี่ยว c ภาคจ่ายไฟครับ ว่าถ้าผมมีค่า 10,000uF/80V อยู่
หลายตัวเลยครับสามารถใช้แทนได้เลยหรือเปล่าครับ หรือว่าต้อง Modified
อะไรเพื่มเติมหรือเปล่าครับ
:)
-
กล่อง ฟ้าๆที่ว่า คืออะไรครับ มองไม่เห็นเลยครับ หรือเป็น filter box ทั้วๆไป ที่มีวงจร LCR Fulter อยู่ อาจจะมีอุปกรณ์กลุ่ม C เสียก็ได้นะครับ
ใช่แล้วครับ เป็น เต้าไฟฟ้า 3 ขาซึ่งเป็น fillter box ด้วย ผมมีสำรองอยู่ 1 ตัว จะลองเปลี่ยนดูครับ
power amp กระแสสูงๆ ผมว่าเอาไปผ่าน filter เสียงอาจไม่ดีนะครับ N]
-
รบกวนถามเกี่ยว c ภาคจ่ายไฟครับ ว่าถ้าผมมีค่า 10,000uF/80V อยู่
หลายตัวเลยครับสามารถใช้แทนได้เลยหรือเปล่าครับ หรือว่าต้อง Modified
อะไรเพื่มเติมหรือเปล่าครับ
:)
ใช้ได้ครับ
-
คุณ DIY C ครับ R-KIWAME ที่ใช้อยู่ 2 size มีขนาดกี่วัตต์บ้างครับ
-
คุณ DIY C ครับ R-KIWAME ที่ใช้อยู่ 2 size มีขนาดกี่วัตต์บ้างครับ
มี่อยู่ 2 size , 2 watt ( @ 45 ฿) , 5 watt ( @ 90 ฿ )
เข้าไปหาข้อมูลได้ที่ www.sacthailand.com ครับ
-
ผมถอดดูแล้ว fillter ทนไฟได้ 3A พอดีเลยถอดออกและต่อไฟ AC โดยไม่ใช้ fillter ผล fuse 3A ก็ขาด
คราวนี้ไปหา fuse 4A ก็ขาดอีก อย่างนี้น่าเป็นห่วงแล้วผมผิดปกติอย่างมาก เลยไปวัดที่ fed ตรงส่วนที่
เป็นโละหเหนือ ฉนวนไมก้า ปรากฏว่าไฟรั่ว ลงกราวด์ และมีเสียง spark ออกจากลำโพงด้วยครับ ซึ่งเมื่อ
ก่อนวัดที่จุดนี้ไม่ลงกราวด์เลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยครับ
-
ผมถอดดูแล้ว fillter ทนไฟได้ 3A พอดีเลยถอดออกและต่อไฟ AC โดยไม่ใช้ fillter ผล fuse 3A ก็ขาด
คราวนี้ไปหา fuse 4A ก็ขาดอีก อย่างนี้น่าเป็นห่วงแล้วผมผิดปกติอย่างมาก เลยไปวัดที่ fed ตรงส่วนที่
เป็นโละหเหนือ ฉนวนไมก้า ปรากฏว่าไฟรั่ว ลงกราวด์ และมีเสียง spark ออกจากลำโพงด้วยครับ ซึ่งเมื่อ
ก่อนวัดที่จุดนี้ไม่ลงกราวด์เลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยครับ
ลองตรวจสอบดู ฉนวน ไมก้าที่รอง Fet เสียหาย ทำให้ด้านที่เป็นโลหะของ Fet ต่องลงกราวน์ หรือเปล่าครับ
-
มีลายปริ้นไหม่คับ สำหรับ F5
-
ผมเกลียด F5 เกลียดมาก :angry
ผมทำเป็น monoblock แต่ใช้หม้อแปลงตัวเดียว แยกหม้อแปลงออกมาเป็นตัวถังต่างหาก เพราะ หม้อแปลงเป็นอุปกรณ์ที่แพงที่สุดในแอมป์นี้แล้วครับ ผมสังเกตุว่า F1 - F5 เนลสันใช้หม้อแปลงตัวเดียวกันหมดเลย ผมเลยทำแยกออกมา คราวหน้าจะทำตัวอื่นๆ ก็เอาหม้อแปลงตัวเดิมนี่แหละ ไม่ต้องซื้อ ใหม่ ไม่เปลื่องตัว
ผมใช้heatsink คอม แบบที่มีพัดลม สองตัวมาต่อกัน ไฟเข้าพัดลม ผมก็จับมันต่อ series กัน แล้วลดไฟเข้าพัดลมเหลือเกือบๆ 12V ผมใช้ ไฟจาก +24V ที่มีนั่นแหละครับ เอามาผ่าน termister กับ R จนได้ราวๆ 11-12V เท่านี้ก็เสียงเงียบมากๆ ราคาค่า heatsink ราวๆ 400 บาทต่อข้าง ประหยัดไปเยอะเลย
-
ตัวถังหม้อแปลง มีแค่ไฟAC เข้า หม้อแปลง ผ่าน bridge diode ออกมาเป็น DC ผมใช้ขั้ว speaker con ในการต่อ ระหว่างตัวถัง โดยเป็น +24V, 0V, -24V และ return ground
-
หน้าตาเหมือน UPS ของ Silicon เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนู้นเลย ;D
-
หน้าตา ตัวถังแอมป์ mono block เจาะรูระบายความร้อนให้พัดลมดูดอากาศเข้าได้ ไม่ว่าจะจับที่ตัวถังแอมป์ หรือเปิดฝาออกมาจับที่ heatsink ก็ร้อนแบบจับได้มือไม่พอง ถ้าผมรู้ว่าพัดลมมันช่วยได้ขนาดนี้ ผมใช้มานานแล้ว K] อีกจุดที่เวลาเลือกซื้อคือ ดูว่าพัดลมที่ซื้อมา ลูกปืนชำรุดหรือเปล่า ผมมีตัวนึงซื้อมา ลูกปืนชำรุด มันวิ่งแล้วสั่นๆ และมีเสียง ต้องเปลี่ยนตัวใหม่ก็เสียงหายไป
ตอนนี้เสียง แอร์ผมยังดังกว่าเลย ถ้าไม่เอาหูไปใกล้แอมป์ขนาด 1-2 นิ้ว จะไม่ได้ยินเสียงพัดลม
-
ผมเกลียด F5 เกลียดมาก :angry
ทำไมถึงเกลียดล่ะคร้าบบ? :)
อยากมีโอกาสไปฟังบ้างจัง
-
หน้าตาเหมือน UPS ของ Silicon เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนู้นเลย ;D
ทำbody amp ให้ผมทีสิ อยากทำแอมป์แต่ขี้เกียจทำตัวถัง นะ นะ :clap
ว่าแต่ว่า ผมเกลียดเสียง F5 มากมากเลย ฟังไปฟังมาแล้ว ทำเอาท้อ ไม่ค่อยอยากทำแอมป์หลอดเท่าไหร่เลย แถมมันดันเงียบแบบโคตรๆอีกต่างหาก ผมว่าผมจะทำ F1 เอาไปขับ เบส 15" แล้วเล่น bi amp กันไป
-
หน้าตา ตัวถังแอมป์ mono block เจาะรูระบายความร้อนให้พัดลมดูดอากาศเข้าได้ ไม่ว่าจะจับที่ตัวถังแอมป์ หรือเปิดฝาออกมาจับที่ heatsink ก็ร้อนแบบจับได้มือไม่พอง ถ้าผมรู้ว่าพัดลมมันช่วยได้ขนาดนี้ ผมใช้มานานแล้ว K] อีกจุดที่เวลาเลือกซื้อคือ ดูว่าพัดลมที่ซื้อมา ลูกปืนชำรุดหรือเปล่า ผมมีตัวนึงซื้อมา ลูกปืนชำรุด มันวิ่งแล้วสั่นๆ และมีเสียง ต้องเปลี่ยนตัวใหม่ก็เสียงหายไป
ตอนนี้เสียง แอร์ผมยังดังกว่าเลย ถ้าไม่เอาหูไปใกล้แอมป์ขนาด 1-2 นิ้ว จะไม่ได้ยินเสียงพัดลม
ใส่พัดลมดูดตัวหนึ่ง และเป่าออกตัวนึงทางด้านตรงข้าม รับรองเย็นฉ่ำเลยจ้า
ทำbody amp ให้ผมทีสิ อยากทำแอมป์แต่ขี้เกียจทำตัวถัง นะ นะ
โถ ของผมเองยังต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเลยครับ ตัวล่าสุดที่ทำนี่ต้องวางแผนอย่างดี เพื่อให้กินเวลาน้อยที่สุด ไอ้ประเภทแบบค่อยๆทำแบบเมื่อก่อนนี่ม่ายไหวแล้วละครับ
-
ใส่พัดลมดูดตัวหนึ่ง และเป่าออกตัวนึงทางด้านตรงข้าม รับรองเย็นฉ่ำเลยจ้า
ไอเดียนี้ก็ดีนะ แค่สลับขั้วพัดลมเท่านั้น มาทำ F1 กันไหมครับ เอาไว้ขับเบส OB
-
ทำbody amp ให้ผมทีสิ อยากทำแอมป์แต่ขี้เกียจทำตัวถัง นะ นะ :clap
ผมมีตัวถัง มีอุปกรณ์ครบ แต่ไม่มีเวลาทำนี่ซี่ทำไงดี :cry2
ผมรื้อกระสือไปนานแล้วแต่ตัวนี้ group buy PCB มานี่ยังไม่คืบหน้าเลย :P
-
F1 นี่ก็อยากได้ครับ แต่ตอนนี้มีแอมป์เต็มบ้านแล้ว คงต้องผ่านก่อน
buffer pre ก็เสร็จแล้ว ว่าจะลองต่อ bi-amp เทียมๆกับเจ้า Basszilla ดู ผมใช้ power amp ที่มี gain มากกว่านิดหน่อยเป็นตัว drive bass จะได้ปรับเอาลงได้ เดี๋ยว burn เจ้า cathode follower amp ให้ได้ที่ก่อนแล้วค่อยลอง ^-^
-
"mono block เจาะรูระบายความร้อนให้พัดลมดูดอากาศเข้าได้"
น่าสนใจครับ.... ของผมยังไม่ได้ติดพัดลมสักที คนที่ฝากไปซื้อแกดันลืมเป็นอัลไซเมอร์ตลอด :yucky
อ้อ.. ถามนิดเถอะครับ ไม่ทราบว่าจำเป็นต้องใช้วงจรป้องกันลำโพงป่าวครับ ผมกัว Coral จะไส้ไหม้ซ่ะก่อนน่ะครับ.... :help
-
ผมว่ามีก็ดีนะครับ เดี๋ยวนี้เป็นโรคบ้าจี้เวลาต่อลำโพงกับอะไรตรงๆแล้วกลัว :cold
-
"mono block เจาะรูระบายความร้อนให้พัดลมดูดอากาศเข้าได้"
น่าสนใจครับ.... ของผมยังไม่ได้ติดพัดลมสักที คนที่ฝากไปซื้อแกดันลืมเป็นอัลไซเมอร์ตลอด :yucky
อ้อ.. ถามนิดเถอะครับ ไม่ทราบว่าจำเป็นต้องใช้วงจรป้องกันลำโพงป่าวครับ ผมกัว Coral จะไส้ไหม้ซ่ะก่อนน่ะครับ.... :help
ผมคิดว่าไม่น่านะครับ F5 เป็นถึงขั้นแอมป์ commercial แล้ว ตอนผมลอง ผมลองต่อ R gate 50 ohm เข้าไป แล้วใช้ไปเป็นอาทิตย์ มันยังไม่เป็นไรเลยครับ พอจะปิดเครื่อง ผมถึงเปลี่ยนเป็น 150ohm
-
วงจรป้องกันลำโพง มันจะไปลดทอนคุณภาพเสียงที่ออกมาไหมครับ
ผมไปอ่านเจอว่า บางคนเขาแค่ใช้ฟิวส์ขนาดพอเหมาะกับดอกลำโพง แค่ตัวเดียว ขั้นเอาไว้ (อย่างดอก 25W 16โอห์ม ใช้ฟิวส์ขนาด .5A เองครับ) แบบนี้จะพอไหวป่าวครับ... :headphone
-
ท่านใดมีปัญหาเรื่องฮิทซิ่ง อยากได้ขนาดใหญ่ ผมมีอยู่ 1 คู่ เป็นของญี่ปุ่น น้ำหนักประมาณข้างละ ร่วม 5-6 กก. สภาพสวย ซื้อมาจนแล้วจนรอดป่านนี้ยังไม่มีเวลาลงมือทำเลยครับ ท่านใดต้องการก็ PM มาคุยก็แล้วกันครับ
-
ท่านใดมีปัญหาเรื่องฮิทซิ่ง อยากได้ขนาดใหญ่ ผมมีอยู่ 1 คู่ เป็นของญี่ปุ่น น้ำหนักประมาณข้างละ ร่วม 5-6 กก. สภาพสวย ซื้อมาจนแล้วจนรอดป่านนี้ยังไม่มีเวลาลงมือทำเลยครับ ท่านใดต้องการก็ PM มาคุยก็แล้วกันครับ
สนใจครับ มีรูปให้ดูไหมครับ
-
ท่านใดมีปัญหาเรื่องฮิทซิ่ง อยากได้ขนาดใหญ่ ผมมีอยู่ 1 คู่ เป็นของญี่ปุ่น น้ำหนักประมาณข้างละ ร่วม 5-6 กก. สภาพสวย ซื้อมาจนแล้วจนรอดป่านนี้ยังไม่มีเวลาลงมือทำเลยครับ ท่านใดต้องการก็ PM มาคุยก็แล้วกันครับ
สนใจครับ มีรูปให้ดูไหมครับ
ตอนเย็นจะโพสถ์รูปให้ชมครับ
-
:)
-
:)
-
:)
-
:)
-
ท่านใดมีปัญหาเรื่องฮิทซิ่ง อยากได้ขนาดใหญ่ ผมมีอยู่ 1 คู่ เป็นของญี่ปุ่น น้ำหนักประมาณข้างละ ร่วม 5-6 กก. สภาพสวย ซื้อมาจนแล้วจนรอดป่านนี้ยังไม่มีเวลาลงมือทำเลยครับ ท่านใดต้องการก็ PM มาคุยก็แล้วกันครับ
สนใจครับ มีรูปให้ดูไหมครับ
ตอนเย็นจะโพสถ์รูปให้ชมครับ
อยากได้ sink ที่เป็นแผ่นใหญ่ๆ ปิดข้างๆ กล่องเลยครับ
-
น่าสนใจ คุณ silicon ถ้าไม่เอา ...ผมขอ pm ไปถามรายละเอียดนะครับ :headphone
-
ขนาด กว้าง 5 นิ้ว สูง 7 นิ้ว ยาว 13 นิ้ว
-
:)
-
ผมถอดดูแล้ว fillter ทนไฟได้ 3A พอดีเลยถอดออกและต่อไฟ AC โดยไม่ใช้ fillter ผล fuse 3A ก็ขาด
คราวนี้ไปหา fuse 4A ก็ขาดอีก อย่างนี้น่าเป็นห่วงแล้วผมผิดปกติอย่างมาก เลยไปวัดที่ fed ตรงส่วนที่
เป็นโละหเหนือ ฉนวนไมก้า ปรากฏว่าไฟรั่ว ลงกราวด์ และมีเสียง spark ออกจากลำโพงด้วยครับ ซึ่งเมื่อ
ก่อนวัดที่จุดนี้ไม่ลงกราวด์เลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยครับ
ลองตรวจสอบดู ฉนวน ไมก้าที่รอง Fet เสียหาย ทำให้ด้านที่เป็นโลหะของ Fet ต่องลงกราวน์ หรือเปล่าครับ
ไม่ได้ฟังแฟนใหม่รองเพลงมาหลายวันแล้วครับ เช้านี้ลองตรวจสอบฉนวนกันความร้อนปกติครับ
ครั้งที่แล้วบอกว่าไฟรั่วจาก fet ลงกราวด์ คือตอนนั้นต่อเข้ากับลำโพงอยู่ครับ เลยลงกราวด์ทุกตัวเลยแต่
พอถอดลำโพงออก ก็ไม่ลงกราวด์ และลองใช้ฟิวส์ 3A ต่ออีกที่ฟิวส์ก็ขาด ครับเมือก่อนก็เคยฟังได้ ไม่ทราบ
ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ และถ้าลองใช้ฟิวส์ 4 , 5 ,10 A จะเป็นอันตรายหรือไม่ครับ ขอบคุณอีกครั้ง
-
ฮีทซิงค์ของพี่มุมฯ ผมขอผ่านก่อนนะครับ หมู่นี้เสียเงินค่ายาเยอะเหมือนกัน จะซื้อเก็บไว้ ก็ยังไม่มีโปรเจคเร่งด่วนครับ... :-X
-
ผมถอดดูแล้ว fillter ทนไฟได้ 3A พอดีเลยถอดออกและต่อไฟ AC โดยไม่ใช้ fillter ผล fuse 3A ก็ขาด
คราวนี้ไปหา fuse 4A ก็ขาดอีก อย่างนี้น่าเป็นห่วงแล้วผมผิดปกติอย่างมาก เลยไปวัดที่ fed ตรงส่วนที่
เป็นโละหเหนือ ฉนวนไมก้า ปรากฏว่าไฟรั่ว ลงกราวด์ และมีเสียง spark ออกจากลำโพงด้วยครับ ซึ่งเมื่อ
ก่อนวัดที่จุดนี้ไม่ลงกราวด์เลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยครับ
ลองตรวจสอบดู ฉนวน ไมก้าที่รอง Fet เสียหาย ทำให้ด้านที่เป็นโลหะของ Fet ต่องลงกราวน์ หรือเปล่าครับ
ไม่ได้ฟังแฟนใหม่รองเพลงมาหลายวันแล้วครับ เช้านี้ลองตรวจสอบฉนวนกันความร้อนปกติครับ
ครั้งที่แล้วบอกว่าไฟรั่วจาก fet ลงกราวด์ คือตอนนั้นต่อเข้ากับลำโพงอยู่ครับ เลยลงกราวด์ทุกตัวเลยแต่
พอถอดลำโพงออก ก็ไม่ลงกราวด์ และลองใช้ฟิวส์ 3A ต่ออีกที่ฟิวส์ก็ขาด ครับเมือก่อนก็เคยฟังได้ ไม่ทราบ
ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ และถ้าลองใช้ฟิวส์ 4 , 5 ,10 A จะเป็นอันตรายหรือไม่ครับ ขอบคุณอีกครั้ง
ครานี้คงเรื่องใหญ่แล้ว ลองทำการตรวจสอบเบื้องต้นดังนี้ก่อนนะครับ
1 ปลดไฟ ฝั่ง DC +24-24 ออกจาก บอร์ด F5 ทั้งสอง แล้วลองป้อนไฟดูครับ ว่าฟิวส์ขาดหรือเปล่า อันนี้เพื่อเช็คว่า ภาคจ่ายไฟเราปกติ หากยังขาด ก็ต้องตรวจดู Diode กับ Electro Capacitor
2 หากข้อหนึ่งปกติ เราก็มาตรวจบอร์ด F5 กัน สิ่งแรกเลย คือลองวัดความต้านทาน ระหว่าง ขั้วไฟ B+ กับ เทียบกราวน์ วัดโดย ทำสองครั้งคือกลับขั้วสายมิเตอร์ด้วย และก็ทำกับ ขั้วไฟ B- กับ เทียบกราวน์ ด้วยเหมือนกัน ให้สังเกตุว่าหากได้ค่าความตานทานต่ำมากๆทั้งไม่ว่ากรณีกลับขั้ววัดด้วยแล้วละก็ Fet อาจจะเสียแล้วก็เป็นได้ ลองวัดเทียบกันทั้งสองข้างดูครับ
-
ผมถอดดูแล้ว fillter ทนไฟได้ 3A พอดีเลยถอดออกและต่อไฟ AC โดยไม่ใช้ fillter ผล fuse 3A ก็ขาด
คราวนี้ไปหา fuse 4A ก็ขาดอีก อย่างนี้น่าเป็นห่วงแล้วผมผิดปกติอย่างมาก เลยไปวัดที่ fed ตรงส่วนที่
เป็นโละหเหนือ ฉนวนไมก้า ปรากฏว่าไฟรั่ว ลงกราวด์ และมีเสียง spark ออกจากลำโพงด้วยครับ ซึ่งเมื่อ
ก่อนวัดที่จุดนี้ไม่ลงกราวด์เลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยครับ
ลองตรวจสอบดู ฉนวน ไมก้าที่รอง Fet เสียหาย ทำให้ด้านที่เป็นโลหะของ Fet ต่องลงกราวน์ หรือเปล่าครับ
ไม่ได้ฟังแฟนใหม่รองเพลงมาหลายวันแล้วครับ เช้านี้ลองตรวจสอบฉนวนกันความร้อนปกติครับ
ครั้งที่แล้วบอกว่าไฟรั่วจาก fet ลงกราวด์ คือตอนนั้นต่อเข้ากับลำโพงอยู่ครับ เลยลงกราวด์ทุกตัวเลยแต่
พอถอดลำโพงออก ก็ไม่ลงกราวด์ และลองใช้ฟิวส์ 3A ต่ออีกที่ฟิวส์ก็ขาด ครับเมือก่อนก็เคยฟังได้ ไม่ทราบ
ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ และถ้าลองใช้ฟิวส์ 4 , 5 ,10 A จะเป็นอันตรายหรือไม่ครับ ขอบคุณอีกครั้ง
ครานี้คงเรื่องใหญ่แล้ว ลองทำการตรวจสอบเบื้องต้นดังนี้ก่อนนะครับ
1 ปลดไฟ ฝั่ง DC +24-24 ออกจาก บอร์ด F5 ทั้งสอง แล้วลองป้อนไฟดูครับ ว่าฟิวส์ขาดหรือเปล่า อันนี้เพื่อเช็คว่า ภาคจ่ายไฟเราปกติ หากยังขาด ก็ต้องตรวจดู Diode กับ Electro Capacitor
2 หากข้อหนึ่งปกติ เราก็มาตรวจบอร์ด F5 กัน สิ่งแรกเลย คือลองวัดความต้านทาน ระหว่าง ขั้วไฟ B+ กับ เทียบกราวน์ วัดโดย ทำสองครั้งคือกลับขั้วสายมิเตอร์ด้วย และก็ทำกับ ขั้วไฟ B- กับ เทียบกราวน์ ด้วยเหมือนกัน ให้สังเกตุว่าหากได้ค่าความตานทานต่ำมากๆทั้งไม่ว่ากรณีกลับขั้ววัดด้วยแล้วละก็ Fet อาจจะเสียแล้วก็เป็นได้ ลองวัดเทียบกันทั้งสองข้างดูครับ
ชอบคุณครับ
-
ผมถอดดูแล้ว fillter ทนไฟได้ 3A พอดีเลยถอดออกและต่อไฟ AC โดยไม่ใช้ fillter ผล fuse 3A ก็ขาด
คราวนี้ไปหา fuse 4A ก็ขาดอีก อย่างนี้น่าเป็นห่วงแล้วผมผิดปกติอย่างมาก เลยไปวัดที่ fed ตรงส่วนที่
เป็นโละหเหนือ ฉนวนไมก้า ปรากฏว่าไฟรั่ว ลงกราวด์ และมีเสียง spark ออกจากลำโพงด้วยครับ ซึ่งเมื่อ
ก่อนวัดที่จุดนี้ไม่ลงกราวด์เลยครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยครับ
ลองตรวจสอบดู ฉนวน ไมก้าที่รอง Fet เสียหาย ทำให้ด้านที่เป็นโลหะของ Fet ต่องลงกราวน์ หรือเปล่าครับ
ไม่ได้ฟังแฟนใหม่รองเพลงมาหลายวันแล้วครับ เช้านี้ลองตรวจสอบฉนวนกันความร้อนปกติครับ
ครั้งที่แล้วบอกว่าไฟรั่วจาก fet ลงกราวด์ คือตอนนั้นต่อเข้ากับลำโพงอยู่ครับ เลยลงกราวด์ทุกตัวเลยแต่
พอถอดลำโพงออก ก็ไม่ลงกราวด์ และลองใช้ฟิวส์ 3A ต่ออีกที่ฟิวส์ก็ขาด ครับเมือก่อนก็เคยฟังได้ ไม่ทราบ
ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ และถ้าลองใช้ฟิวส์ 4 , 5 ,10 A จะเป็นอันตรายหรือไม่ครับ ขอบคุณอีกครั้ง
ครานี้คงเรื่องใหญ่แล้ว ลองทำการตรวจสอบเบื้องต้นดังนี้ก่อนนะครับ
1 ปลดไฟ ฝั่ง DC +24-24 ออกจาก บอร์ด F5 ทั้งสอง แล้วลองป้อนไฟดูครับ ว่าฟิวส์ขาดหรือเปล่า อันนี้เพื่อเช็คว่า ภาคจ่ายไฟเราปกติ หากยังขาด ก็ต้องตรวจดู Diode กับ Electro Capacitor
2 หากข้อหนึ่งปกติ เราก็มาตรวจบอร์ด F5 กัน สิ่งแรกเลย คือลองวัดความต้านทาน ระหว่าง ขั้วไฟ B+ กับ เทียบกราวน์ วัดโดย ทำสองครั้งคือกลับขั้วสายมิเตอร์ด้วย และก็ทำกับ ขั้วไฟ B- กับ เทียบกราวน์ ด้วยเหมือนกัน ให้สังเกตุว่าหากได้ค่าความตานทานต่ำมากๆทั้งไม่ว่ากรณีกลับขั้ววัดด้วยแล้วละก็ Fet อาจจะเสียแล้วก็เป็นได้ ลองวัดเทียบกันทั้งสองข้างดูครับ
ชอบคุณครับ
ผมได้ลองถอดแพงวงจรของ F5 ออกแล้วเพลือแต่ไดโอด แล้วลองเปิดไฟเช้า ฟิวส์ก็ชาด เลยถอดไดโอดออกมาวัด ในส่วนของ AC ปรากฏว่ามีไฟผ่านได้แต่อีกอัน
ไฟผ่านไม่ได้ ผมคิดว่า มีปัญหาที่ ไดโอดมากว่า คราวนี้ผมจะใช้ ไดโอด แบบไหนดีครับ ของเดิม 200V 50A ควรใช้แบบเดิม หรือไม่ แต่ 200V 50 A น่าจะทนได้แต่ทำไม
ไฟที่ใช้ ประมาณ 30V 3A ทำไม่เสียง่ายๆ อย่างนี้ หรือมีอะไรที่ต้องระวังมากกว่านี้ในการทำ ถ้าได้คำตอบวันนี้ก็จะไปหาของมา วันนี้หยุดพอดีครับ ไม่สบายเจ็บคอมากๆๆๆ
แต่พอมีแรงไปหาของครับ
-
แหมดีใจด้วยครับ เจอตัวเสียแล้ว แต่แปลกใจทำมัยพังง่ายจัง ผมก็ยังแนะนำ ไดโอดแบบเดิมครับ มันน่าจะทนได้ครับ เพียงแต่เลือกยี่ห้อหน่อยละกันครับ
-
แหมดีใจด้วยครับ เจอตัวเสียแล้ว แต่แปลกใจทำมัยพังง่ายจัง ผมก็ยังแนะนำ ไดโอดแบบเดิมครับ มันน่าจะทนได้ครับ เพียงแต่เลือกยี่ห้อหน่อยละกันครับ
ได้ตัว บริดไดโอดมาใหม่แล้ว เลยลื้อเดินสายใหม่ คิดว่าใช้ได้แล้วลองเปิดดู 15 นาที ความร้อนมาเลย วัดค่า V offset
ได้ แต่ยังไม่ได้ต่อลำโพงครับ ขอบคุณ อีกครั้ง คุณ Master AT
-
ดีใจด้วยครับ ตามอ่านเอาใจช่วยซ่ะหลายวัน แต่ไม่มีปัญญาช่วยตอบอะไรหรอกครับ d_d
-
ดีใจด้วยครับ ตามอ่านเอาใจช่วยซ่ะหลายวัน แต่ไม่มีปัญญาช่วยตอบอะไรหรอกครับ d_d
เข้าใจครับ
-
คุณ DIY C ได้ต่อ thermistor ก่อนเข้าหม้อแปลงหรือเปล่าครับ มันจะช่วยกำหนดกระแสไม่ให้เกินมากไป ช่วยได้เยอะในการใช้หม้อแปลงใหญ่ๆ ที่มักจะทำให้ไฟกระชาก แล้วฟิวส์ขาด
-
คุณ DIY C ได้ต่อ thermistor ก่อนเข้าหม้อแปลงหรือเปล่าครับ มันจะช่วยกำหนดกระแสไม่ให้เกินมากไป ช่วยได้เยอะในการใช้หม้อแปลงใหญ่ๆ ที่มักจะทำให้ไฟกระชาก แล้วฟิวส์ขาด
มีครับ ผมใช้ประมาณ 8 ohm 5 amp ผมใช้ ขนาดนี้ ก่อนลง กราวด์ ที่แท่นด้วยครับ
หลังจากที่ได้แก้ไข bridge ใช้ฟิวส์ 3 A มาถึงปัจจุบันก็ไม่เคยขาดเลยครับฟังก่อนไปทำงานทุกเช้า
ตอนนี้ อยากลอง Buffer ครับ ผมติดเอาเองว่า F5 นี้ เป็น แบบ flat เราจะเรียกว่า amp-monitor ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
ขอขอบคุณที่ได้ช่วยแนะนำมาครับ
-
จริงๆแล้ว มาพิจารณาให้ดี การใส่ฟิวส์ขนาดตั้ง 3A น่าจะเพียงพอแล้วครับ ในการเปิดเครื่องครั้งแรก ไฟกระแสตรงที่วิ่งเข้าประจุใน C electrolite ก็ไม่น่ามากจนทำให้ฟิวส์ขาด ดังนั้นดูจาก ตัวแปรที่สำคัญคือ Bridge Diode ที่ต่อจะต้องเลือกดีหน่อย จากประสพการณ์ของผมเอง พบว่า Bridge Diode บางยี่ห้อ จ่ายกระแสไม่ได้ตาม Spec ที่บอก และมีอาการ รั่วอ่อนๆด้วยครับ
-
จริงๆแล้ว มาพิจารณาให้ดี การใส่ฟิวส์ขนาดตั้ง 3A น่าจะเพียงพอแล้วครับ ในการเปิดเครื่องครั้งแรก ไฟกระแสตรงที่วิ่งเข้าประจุใน C electrolite ก็ไม่น่ามากจนทำให้ฟิวส์ขาด ดังนั้นดูจาก ตัวแปรที่สำคัญคือ Bridge Diode ที่ต่อจะต้องเลือกดีหน่อย จากประสพการณ์ของผมเอง พบว่า Bridge Diode บางยี่ห้อ จ่ายกระแสไม่ได้ตาม Spec ที่บอก และมีอาการ รั่วอ่อนๆด้วยครับ
ใช่เลยครับ ของผมก็เห็นได้ชัด ทำครั้งแรก ใช้ 3A สักพัก ก็ขาด ต่อมาขาดถาวรเลย จากคำแนะนำของ คุณ Mater AT ก็พบว่า ตัว Bridge Dioate รั่ว 1 ตัว
เลยเปลี่ยนทั้งชุด ตอนนี้ใช้ได้ดีเลย
ตอนนี้ F5 ผมใช้กับลำโพง motor 3 ทาง เสียงออก double flat เลย ครับ ตอนระอยู่ระหว่าง tune ให้ได้ดังใจ
แก้ไขที่ pre aki-do จาก hovland เป็น C oil เสียงกลางฟังนุ่มขึ้นกว่าเดิมมากๆ แต่ความโปร่งกว้างลดไปนิดหน่อย
ส่วนสายสัญญาน RCA ลองใช้ของ monster ช่วยเพิ่มหนักเสียงให้กับ ลำโพง monitor คู่นี้ได้ หลายคนบ่นว่าลำโพง
moninor เล่นยาก ฟังแล้วเสียงแห้งมาก แต่ได้ปรับให้เข้าที่แล้ว ได้รายละอียดครบเลยครับ
-
ตัว C ที่เห็นเป็นโลหานั้นครับ ถ้าอีกอาจจะขยับเป็น jensen ได้
และยังรอ Buffer อยู่ด้วยครับ ปีนี้คงมีงานทั้งปีเลย
-
สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ แอบอ่านอยู่นานแล้วครับ ตอนนี้ผมต่อ lm3875 ฟังอยู่นะครับ
แต่เห็นตัวนี้แล้วอยากได้ ไม่ทราบว่าหาบอร์ดพร้อมลงอุปกรณ์ได้ที่ไหนครับ ราคาด้วยครับ
ขอบคุณครับ
-
สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ แอบอ่านอยู่นานแล้วครับ ตอนนี้ผมต่อ lm3875 ฟังอยู่นะครับ
แต่เห็นตัวนี้แล้วอยากได้ ไม่ทราบว่าหาบอร์ดพร้อมลงอุปกรณ์ได้ที่ไหนครับ ราคาด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ยินดีต้อนรับ สมาชิกใหม่หัวใจ F5
-
F5 ของคุณเขียวหวานเสร็จรึยังครับ...เดี๋ยวจัดมินิฯ ถ้าไปได้ จะขอฟังบ้างนะครับ d_d
pre aki-do เสียงเป็นไงบ้างครับคุณ DIY C ผมมี PCB แต่ยังไม่ได้ทำเลย มัวหลง HA-1 อยู่.... :headphone
คุณ DAMRID ครับ F5 ทำไม่ยาก (ถ้าหา PCB ไม่ได้ อาจลองต่อบนบอร์ด PCB อเนกประสงค์ได้ครับ) จะยากตรงหาฮีทซิงค์ขนาดเบิ้มๆ และยากตอนปรับกระแสที่ R ปรับค่าได้ (ตัวสีฟ้าๆ) ที่ต้องระมัดระวังมากๆ ครับ :black_eye
-
ครับ อาจจะยากหากจะทำเอง ผมก็เลยอยากได้ที่ทำเสร็จแล้ว ทดสอบแล้ว เพราะผมทำแอมป์ซิกเกิลเอ็นของเนลสันพาส 10วัตต์ (เก่ามากแล้ว) ยังไม่ผ่านเลยครับ ดองมาสองปีแล้ว เฟตพังเป็นสิบแล้ว
-
โห...จะเอาขนาดต่อแล้ว ทดสอบผ่านแล้ว ผมว่าคนทำ ยังหลงเสียงอยู่เลย คงปล่อยยากครับ... แต่อะไรในโลกล้วนไม่แน่นอน สู้ต่อไป ทาเคชิ.... O0
-
ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะครับ
-
โห...จะเอาขนาดต่อแล้ว ทดสอบผ่านแล้ว ผมว่าคนทำ ยังหลงเสียงอยู่เลย คงปล่อยยากครับ... แต่อะไรในโลกล้วนไม่แน่นอน สู้ต่อไป ทาเคชิ.... O0
สู้ ๆ ครับ ทำเองกับของสำเร็จรูปมันน่าถูมิใจต่างกันนะครับ
-
มีคนยุให้ถ่ายรูปมาลง ผมเองก็ชอบให้ยุ เลยเอามาลงซ่ะหน่อย... ;D
เขาว่า ทำแล้วไม่อวด จะเก็บไว้ทำไม ผมเองก็ทำมาใช้กับ F5 พอดี เพราะเต้าเสียบอันเก่ามันเต็มแล้ว :headphone
-
มีคนยุให้ถ่ายรูปมาลง ผมเองก็ชอบให้ยุ เลยเอามาลงซ่ะหน่อย... ;D
เขาว่า ทำแล้วไม่อวด จะเก็บไว้ทำไม ผมเองก็ทำมาใช้กับ F5 พอดี เพราะเต้าเสียบอันเก่ามันเต็มแล้ว :headphone
สวยมากๆเลยครับ
-
มีคนยุให้ถ่ายรูปมาลง ผมเองก็ชอบให้ยุ เลยเอามาลงซ่ะหน่อย... ;D
เขาว่า ทำแล้วไม่อวด จะเก็บไว้ทำไม ผมเองก็ทำมาใช้กับ F5 พอดี เพราะเต้าเสียบอันเก่ามันเต็มแล้ว :headphone
จอง 1 ตัวครับ 0)] 0)]
-
F5 ตัวอื่นๆ ไปถึงไหนแล้วครับ ใครดองไว้ ไม่คิดจะทำ เอาออกขายก็ดีนะ มีคนอยากได้อยู่ครับ :whistling
-
F5 ของคุณเขียวหวานเสร็จรึยังครับ...เดี๋ยวจัดมินิฯ ถ้าไปได้ จะขอฟังบ้างนะครับ d_d
pre aki-do เสียงเป็นไงบ้างครับคุณ DIY C ผมมี PCB แต่ยังไม่ได้ทำเลย มัวหลง HA-1 อยู่.... :headphone
คุณ DAMRID ครับ F5 ทำไม่ยาก (ถ้าหา PCB ไม่ได้ อาจลองต่อบนบอร์ด PCB อเนกประสงค์ได้ครับ) จะยากตรงหาฮีทซิงค์ขนาดเบิ้มๆ และยากตอนปรับกระแสที่ R ปรับค่าได้ (ตัวสีฟ้าๆ) ที่ต้องระมัดระวังมากๆ ครับ :black_eye
akido เสียงโปร่งใสครับ( out put = 12AT, input 12AU7) ถ้าสังเกตุดูก็คล้ายกับ F5 คือในส่วนภาคเสียงมีตัว C น้อยมาก
เสียงที่ได้หนักแน่นดี เมื่อใช้กับ F5 โดยเฉพาะเสียงกรองที่ตีอัด ตึบ...ตึบ... และยิ่งชัดมากเมื่อเป็นลำโพงสองทาง ถ้าวางตำแหน่งให้ถูกต้อง
ซึ่งมีผลมาก (เมือก่อนวางไว้บนลำโพงลองดูภาพก่อนหน้านี้ครับ) ฟังไปฟังมาชักติดใจสำหรับสองทางฟังแล้วได้มิติมากกว่าพวกตู้ 3 ทางใหญ่อย่างที่เห็นครับ
-
Yamaha NS-10 รึเปล่าครับ ระดับสตูดิโอ-มอร์นิเตอริ่ง เชียว :victory
เคยเอา F5 จับคู่กับ HA-1 หรือเคยฟังไหมครับ อยากทราบความแตกต่าง :headphone
-
Yamaha NS-10 รึเปล่าครับ ระดับสตูดิโอ-มอร์นิเตอริ่ง เชียว :victory
เคยเอา F5 จับคู่กับ HA-1 หรือเคยฟังไหมครับ อยากทราบความแตกต่าง :headphone
ใชแล้วครับ ส่วน HA-1 ยังไม่เคยมีโอกาศเลยครับ
-
F5 ของคุณเขียวหวานเสร็จรึยังครับ...เดี๋ยวจัดมินิฯ ถ้าไปได้ จะขอฟังบ้างนะครับ d_d
pre aki-do เสียงเป็นไงบ้างครับคุณ DIY C ผมมี PCB แต่ยังไม่ได้ทำเลย มัวหลง HA-1 อยู่.... :headphone
คุณ DAMRID ครับ F5 ทำไม่ยาก (ถ้าหา PCB ไม่ได้ อาจลองต่อบนบอร์ด PCB อเนกประสงค์ได้ครับ) จะยากตรงหาฮีทซิงค์ขนาดเบิ้มๆ และยากตอนปรับกระแสที่ R ปรับค่าได้ (ตัวสีฟ้าๆ) ที่ต้องระมัดระวังมากๆ ครับ :black_eye
akido เสียงโปร่งใสครับ( out put = 12AT, input 12AU7) ถ้าสังเกตุดูก็คล้ายกับ F5 คือในส่วนภาคเสียงมีตัว C น้อยมาก
เสียงที่ได้หนักแน่นดี เมื่อใช้กับ F5 โดยเฉพาะเสียงกรองที่ตีอัด ตึบ...ตึบ... และยิ่งชัดมากเมื่อเป็นลำโพงสองทาง ถ้าวางตำแหน่งให้ถูกต้อง
ซึ่งมีผลมาก (เมือก่อนวางไว้บนลำโพงลองดูภาพก่อนหน้านี้ครับ) ฟังไปฟังมาชักติดใจสำหรับสองทางฟังแล้วได้มิติมากกว่าพวกตู้ 3 ทางใหญ่อย่างที่เห็นครับ
ขอถามว่า ถ้า 2 ทาง ดีกว่า 3ทาง แล้ว ทางเดียว (fullrange) จะมีมิติมากกว่าไหมครับ ในชุดของ F5 ผมกำลังหา ลำโพง ดอกเดียว สำหรับ F5 อยู่ ขอบคุณครับ
-
F5 ของคุณเขียวหวานเสร็จรึยังครับ...เดี๋ยวจัดมินิฯ ถ้าไปได้ จะขอฟังบ้างนะครับ d_d
pre aki-do เสียงเป็นไงบ้างครับคุณ DIY C ผมมี PCB แต่ยังไม่ได้ทำเลย มัวหลง HA-1 อยู่.... :headphone
คุณ DAMRID ครับ F5 ทำไม่ยาก (ถ้าหา PCB ไม่ได้ อาจลองต่อบนบอร์ด PCB อเนกประสงค์ได้ครับ) จะยากตรงหาฮีทซิงค์ขนาดเบิ้มๆ และยากตอนปรับกระแสที่ R ปรับค่าได้ (ตัวสีฟ้าๆ) ที่ต้องระมัดระวังมากๆ ครับ :black_eye
akido เสียงโปร่งใสครับ( out put = 12AT, input 12AU7) ถ้าสังเกตุดูก็คล้ายกับ F5 คือในส่วนภาคเสียงมีตัว C น้อยมาก
เสียงที่ได้หนักแน่นดี เมื่อใช้กับ F5 โดยเฉพาะเสียงกรองที่ตีอัด ตึบ...ตึบ... และยิ่งชัดมากเมื่อเป็นลำโพงสองทาง ถ้าวางตำแหน่งให้ถูกต้อง
ซึ่งมีผลมาก (เมือก่อนวางไว้บนลำโพงลองดูภาพก่อนหน้านี้ครับ) ฟังไปฟังมาชักติดใจสำหรับสองทางฟังแล้วได้มิติมากกว่าพวกตู้ 3 ทางใหญ่อย่างที่เห็นครับ
ขอถามว่า ถ้า 2 ทาง ดีกว่า 3ทาง แล้ว ทางเดียว (fullrange) จะมีมิติมากกว่าไหมครับ ในชุดของ F5 ผมกำลังหา ลำโพง ดอกเดียว สำหรับ F5 อยู่ ขอบคุณครับ
ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็น ทางเดียวจะทำเป็น back load horn ซึ่งผมก็ได้ทำมาแล้ว เป็นรุ่น fostex FF 165 K และจะทำตัวดู้ใหม่อีก
แต่เมือวานได้อ่านความเห็นของ คุณดาวเหนือ (กลับหา link แล้วไม่พบ)พอสรุปได้ว่าตู้แบบนี้เสียงเบสลงไม่ลึก จับมิติยาก ซึ่งผมก็เห็นด้วย
ประกอบกับได้ฟังลำโพงแบบสองทางแล้วชอบมากกว่า (ผมชอบฟังเพลงแบบบบรเลงแบบตีกลองแล้วเสียงออกแน่นๆ) จากความเห็นของคุณดาวเหนือและที่ได้ฟังแบบสองทาง ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับไม่ทำแล้ว
แบบ back load แต่จะทำแบบตู้เหลี่ยมแบบของ Yamaha ซึ่งเป็นแบบที่ fostex ได้ recommend ให้สำหรับรุ่นผมครับ รอฟังความเห็นจากท่านอื่นๆ ดูด้วยครับ
-
ผมว่าน่าจะจริงนะครับ เรื่องมิติ และเบสโฟกัส... ตู้ 2 ทางน่าจะดีกว่า Fullrange
ส่วนเรื่องเบสลงลึกๆ นี่ ผมเคยใช้กับ FE206E ก็ลงลึกดีครับ แต่โฟกัสอาจไม่ดีเท่า
ปัจจุบันผมใช้ตู้ Jensen Bass Ultra Reflex 12" ใส่ดอก Coral 10CX-50 (ดอก 2 ทางที่มีดอกทวีตเตอร์อยู่ตรงกลางดอกมิด-วูฟเฟอร์) ได้เสียงที่หวานเนียน แหลมใสกระจ่างแต่ไม่คม กลางที่พอเหมาะ และเบสอิ่มเป็นลูก มิติดีครับ
-
ผมว่าน่าจะจริงนะครับ เรื่องมิติ และเบสโฟกัส... ตู้ 2 ทางน่าจะดีกว่า Fullrange
ส่วนเรื่องเบสลงลึกๆ นี่ ผมเคยใช้กับ FE206E ก็ลงลึกดีครับ แต่โฟกัสอาจไม่ดีเท่า
ปัจจุบันผมใช้ตู้ Jensen Bass Ultra Reflex 12" ใส่ดอก Coral 10CX-50 (ดอก 2 ทางที่มีดอกทวีตเตอร์อยู่ตรงกลางดอกมิด-วูฟเฟอร์) ได้เสียงที่หวานเนียน แหลมใสกระจ่างแต่ไม่คม กลางที่พอเหมาะ และเบสอิ่มเป็นลูก มิติดีครับ
เอ หรือจะเปลี่ยนใจดี ทำเป็นแบบในภาพดี โดยตู้แรกที่ทำไว้( back load) ขนาดใหญ่กว่า
ที่เห็นในภาพ ลำโพงที่เห็นได้ลื้อออกมาจากตู้เดิม รอหาตู้ใหม่ครับ ไม่ชอบเสียงแบบแน่นๆ มากกว่า
โปร่งๆ ลอย ถ้าเสียงกลองตองตีแล้วอัด ตึบ ๆๆๆๆๆ เลย
-
ผมว่าน่าจะจริงนะครับ เรื่องมิติ และเบสโฟกัส... ตู้ 2 ทางน่าจะดีกว่า Fullrange
ส่วนเรื่องเบสลงลึกๆ นี่ ผมเคยใช้กับ FE206E ก็ลงลึกดีครับ แต่โฟกัสอาจไม่ดีเท่า
ปัจจุบันผมใช้ตู้ Jensen Bass Ultra Reflex 12" ใส่ดอก Coral 10CX-50 (ดอก 2 ทางที่มีดอกทวีตเตอร์อยู่ตรงกลางดอกมิด-วูฟเฟอร์) ได้เสียงที่หวานเนียน แหลมใสกระจ่างแต่ไม่คม กลางที่พอเหมาะ และเบสอิ่มเป็นลูก มิติดีครับ
เอ หรือจะเปลี่ยนใจดี ทำเป็นแบบในภาพดี โดยตู้แรกที่ทำไว้( back load) ขนาดใหญ่กว่า
ที่เห็นในภาพ ลำโพงที่เห็นได้ลื้อออกมาจากตู้เดิม รอหาตู้ใหม่ครับ ไม่ชอบเสียงแบบแน่นๆ มากกว่า
โปร่งๆ ลอย ถ้าเสียงกลองตองตีแล้วอัด ตึบ ๆๆๆๆๆ เลย
ไม่ชอบเสียงแบบแน่นๆ มากกว่า
โปร่งๆ ลอย ถ้าเสียงกลองตองตีแล้วอัด ตึบ ๆๆๆๆๆ เลย
ขอแก้คำว่าไม่ชอบ เป็นชอบครับ
-
เล่นคู่กับ active subwoofer อาจะเป็นทางเลือกหนึ่งนะครับ ปรับง่ายกว่าด้วย
-
มาแล้ว active woofer ดองไว้นนานแล้ว
ตอนแรกต่อตรงจาก pre เข้า RCA input ใช้ไม่ได้เลย
แต่ต่อจาก ช่อง speaker :thumb
-
ความรู้ทั้งนั้นเลย รอ F5 รอบสองครับ จะทำตาม
-
รอบสองเห็นกำลังร่วมกรุ๊ฟบายอยู่ครับ...แต่สิงห์ดองรุ่นหนึ่ง ผลงานยังออกมาน้อยจัง... สู้ๆ กันหน่อย เดี๋ยวรุ่นสองแซงเด้อ.... :headphone
-
เอาของเก่ามาใส่ขวดใหม่แล้ว ขอ update ครับ
เมื่อใช้กับ fostex คู่ที่เห็นนั้น จะเห็นคุณ สมบัติที่เด่นมากๆ
ของ f5 เมื่อได้ลองกับเพลงพวกclassic วงใหญ่ มีความชัดเจน
ในรายละเอียดมาก มีมิติ ชัดเจน ส่วน passive woofer ผมไม่ได้ใช้
แล้วครับ เสียงมันหลอกๆ ถ้าหาจุดนั่งให้ดี เหมือนอยู่ในเวทีจริงเลยละครับ
หมายเหตุ สำหรับเรื่องความถี่ต่ำ หรือเสียง bass พอได้ฟังจากแผ่น
ที่เป็นวง simphony จาก f5 แล้ว มันก็สะท้อนเสียงตามความเป็นจริง
อย่างพวก violin กับ viola หรือ chello
-
ถ้าใช้ NS10 ก็ควรจะมี Sub แหละครับ
ย่านต่ำมันหายเกลี้ยงเลย
-
F5 ตัวจริง จะขนาน R ค่า 2.4 โอมห์ กับ R ค่า 0.47 โอห์ม
เพื่อไบอัสกระแสจากเดิม 1.3 แอมป์ ไปเป็น 1.5 แอมป์ครับ
และตัวต้านทานก่อนเข้าขา gate จาก 47 โอห์ม เปลี่ยนเป็น 150 โอห์ม
กระแสเพิ่มขึ้น เสียงดีขึ้น ร้อนขึ้น
ตามรูปนี่แนบมาครับ
หลังจากฟัง F5 มาสักพัก อยากจะ up grade ตามตัวอย่าง ซึงผมใช้สูตร V=IR
โดยจะใช้ R เพียงตัวเดียว ค่า 2.7 ohm/5 watt (เป็นของ Kiwame) และ จะได้
ค่า V ตกคร่อม 4.05V โดยปรับค่านี้ และที่ gate ผมก็จะใช้ค่า 150 ohm / 2 watt
มีความเป็นไปได้หรือไม่ครับ และถ้าไม่ได้ผมจะทำอย่างไรดี ( kiwame มีค่าที่ใกล้เคียงกับ 2.4 คือ 2.2 , 2.7 , และ 3.3 )
ท่านผู้รู้ช่วยด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
-
ขออนุญาตแชร์นิดนึงครับผม(ผมก็กำลังหาค่าแทนแนวนี้เช่นกันครับ)
ขนาน R ค่า 2.4 โอมห์ กับ R ค่า 0.47 โอห์ม ค่าความต้านทานรวมที่ได้คือ 0.393 Ohms
แต่ตัว 0.47 โอห์ม ก็จะร้อนกว่า
อาจใช้(ยี่ห้ออื่น) 0.39 Ohms 5 w ตัวเดียวน่าจะทนได้ แต่ก็ยังร้อนพอควร (มีขายตรงค่าเลย)
หรือ เอาแบบใกล้เคียงก็ 2.2 โอมห์ 2w ขนานกัน 5 ตัว =0.44 Ohms (อันนี้เปลืองแต่ค่าไม่ได้ลดลงซักเท่าไหร่เลย)
หรือ0.82(ยี่ห้ออื่น) Ohms 5 w ขนานกัน 2 ตัว =0.41 Ohms
ทีนี้การทนกำลังกลายเป็น ๑๐วัตต์ ความร้อนก็น่าจะลดลงด้วยครับ
ตัวต้านทานที่ขาเกท ไม่น่าจะนำกระแสมากมายอะไร
ครึ่งวัตต์ ก็น่าจะเหลือเฟือครับ (ของผมที่กำลังจะทำเล็งๆ ไรเค่นไว้ในเส้นทางเดินสัญญาณครับ)
คิดไปคิดมา วงจรนี้จุดที่ปวดหัวกลายเป็นการหาค่าตัวต้านทานไปซะงั้น เฮ่ๆๆ
-
ขออนุญาตแชร์นิดนึงครับผม(ผมก็กำลังหาค่าแทนแนวนี้เช่นกันครับ)
ขนาน R ค่า 2.4 โอมห์ กับ R ค่า 0.47 โอห์ม ค่าความต้านทานรวมที่ได้คือ 0.393 Ohms
แต่ตัว 0.47 โอห์ม ก็จะร้อนกว่า
อาจใช้(ยี่ห้ออื่น) 0.39 Ohms 5 w ตัวเดียวน่าจะทนได้ แต่ก็ยังร้อนพอควร (มีขายตรงค่าเลย)
หรือ เอาแบบใกล้เคียงก็ 2.2 โอมห์ 2w ขนานกัน 5 ตัว =0.44 Ohms (อันนี้เปลืองแต่ค่าไม่ได้ลดลงซักเท่าไหร่เลย)
หรือ0.82(ยี่ห้ออื่น) Ohms 5 w ขนานกัน 2 ตัว =0.41 Ohms
ทีนี้การทนกำลังกลายเป็น ๑๐วัตต์ ความร้อนก็น่าจะลดลงด้วยครับ
ตัวต้านทานที่ขาเกท ไม่น่าจะนำกระแสมากมายอะไร
ครึ่งวัตต์ ก็น่าจะเหลือเฟือครับ (ของผมที่กำลังจะทำเล็งๆ ไรเค่นไว้ในเส้นทางเดินสัญญาณครับ)
คิดไปคิดมา วงจรนี้จุดที่ปวดหัวกลายเป็นการหาค่าตัวต้านทานไปซะงั้น เฮ่ๆๆ
ขอบคุณมากครับ ผมดูของ Munduff ที่ลงใน web เรา มีค่า 2.7 ohm /4 watt พอดี
ไม่ต้องไปงัดแงะมากลองคำนวนคร่าว ๆ เมื่อใช้ขนานกับ .47 ohm ที่ 0.6V ได้กระแส 1.5 amp พอดีเลยครับ
-
ได้ของมาครบแล้ว แต่มาทบทวนอีกที่
ว่า ผมต้องคร่อม R 2.7 ohm ที่ R14 และ เปลี่ยน R14 , 47 ohm
เป็น 150 ohm เท่านั้น ใช่ไหมครับ ซึ่งเป็นในส่วน IRF P240 ( 19N20C)
ส่วนของ IRF P 9240 ( 12P20) ซึ่งมี R11 และ R 13 ยังคงไว้เหมือนเดิม
ใช่ไหมครับ
-
วงจรมันสมมาตรกันครับ คุณ DIY C ทำอะไรซีกไฟลบก็ต้องทำอย่างนั้นกับซีกไฟบวกให้เหมือนกันด้วยครับ
-
วงจรมันสมมาตรกันครับ คุณ DIY C ทำอะไรซีกไฟลบก็ต้องทำอย่างนั้นกับซีกไฟบวกให้เหมือนกันด้วยครับ
ขอบคุณครับ กำลังรื้ออยู่พอดีเลยครับ
-
วงจรมันสมมาตรกันครับ คุณ DIY C ทำอะไรซีกไฟลบก็ต้องทำอย่างนั้นกับซีกไฟบวกให้เหมือนกันด้วยครับ
ผมทำเสร็จ
โดยการต่อทั้งหมด 4 จุดเลยแต่ยังไม่จ่ายไฟ
แต่ไปสังเกตุใน ภาพ ที่แนบมาในวงกลมสีแดงจะ เห็นมีการต่อขนานแต่ 2 จุดเท่านนั้น
จะเห็นด้านที่ใกล้ตัวมี R สองตัว ส่วนที่ไกลออกไป มี R เพียง ตัวเดียว
เท่านั้น จะเอาแบบไหนดีครับ
-
ลืมแนบภาพมา
-
ถามมั่งครับผม
K170 J74 นี่มันมีสามเกรด
GR2.6 -6.5mA
BL6.0 -12.0mA
V 10-20 mA
เห็นใช้กันแต่ตัวกลาง
แล้วที่ทนกระแสสูงอย่าง V (กระแสมาก น่าจะขับโหลดได้ดี หรือเปล่า?)
หรือกระแสน้อยอย่าง GR (กระแสน้อยไป) ใช้ได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ
-
เมื่อทำเสร็จแล้วก็อดคำตอบไม่ได้ เอาอย่างที่ คุณ Santi ว่า ไว้
ลองดู ผมได้ set v offset โดยให้ไฟตกคร่อม ประมาณ 0.620V- 0.650 V
วัดที่ out put ได้ 0.005V- 0.012V ซึ่งทั้งสองค่าวิ่งขึ้นลงระหว่างนี้
ครับ โดยได้ทิ่งประมาณ 1 ชมครึ่ง ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนที่ค่า R ดังกล่าว
โดยได้เปิดพัดลมเ่ป่าที่เครื่องตลอดเวลา ต่อจากได้เข้าระบบ โดย
ใช้กับลำโพงสามทาง เสียงดีขึ้น สมกับที่ได้รำ่ลือมาเลย และยังสงสัย
ต่อเหมือกับคุณ คุ้มเหมือนกันว่า จะเพิ่มกระแสได้ถึงที่สุดเท่าไร ?????
-
คุณคุ้ม
Pass เคยตอบว่าใช้เบอร์ที่มีอยู่ในมือครับ
คุณ DIY C
ถ้าจะลอง ลองกับลำโพงถูกๆให้มั่นใจก่อนนะครับ
-
คุณ DIY C
ถ้าจะลอง ลองกับลำโพงถูกๆให้มั่นใจก่อนนะครับ
ขอบคุณมากครับ
-
ถามมั่งครับผม
K170 J74 นี่มันมีสามเกรด
GR2.6 -6.5mA
BL6.0 -12.0mA
V 10-20 mA
เห็นใช้กันแต่ตัวกลาง
แล้วที่ทนกระแสสูงอย่าง V (กระแสมาก น่าจะขับโหลดได้ดี หรือเปล่า?)
หรือกระแสน้อยอย่าง GR (กระแสน้อยไป) ใช้ได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ
ค่าพวกนี้ไม่ใช่การทนกระแสหรอกครับ แต่เป็น Transfer Characteristic จะเทียบเคียงกับอัตราการขยายก็ได้ครับ
เค้าคิดจาก ถ้าเราป้อน Gate ที่ 0V แล้วจะมีกระแสไหลผ่าน Drain - Source เท่าไร
อย่าง GR ก็จะคัดที่ 2.6 ถึง 6.5 mA ประมาณนี้ ที่จริงวงจรนี้เราปรับเองได้ จะใช้ grade ไหนก็ได้ครับ
:secret
-
Yfs =22mS(typical)
(VDS=-10V,VGS=0,IDSS=-3mA)
IDSS Classification
GR=-2.6 to -6.5 mA
BL = -6 to -12 mA
V = -10 to -20 mA
Drain Current I DSS min -2.6 max -20 mA
ลองอ่านดาต้าชีทอีกรอบ เข้าใจขึ้นอีกแยะ ขอบคุณครับ คุณกบนอกกะลา
ทีนี้ถ้าจะข้ามกลุ่มใช้ GR & V มาร่วมกันนี่แสดงว่า มันไม่แม็ทช์ทางอัตราขยายเอาซะเลย คงไม่เหมาะแน่ใช่ไหมครับ
-
Yfs =22mS(typical)
(VDS=-10V,VGS=0,IDSS=-3mA)
IDSS Classification
GR=-2.6 to -6.5 mA
BL = -6 to -12 mA
V = -10 to -20 mA
Drain Current I DSS min -2.6 max -20 mA
ลองอ่านดาต้าชีทอีกรอบ เข้าใจขึ้นอีกแยะ ขอบคุณครับ คุณกบนอกกะลา
ทีนี้ถ้าจะข้ามกลุ่มใช้ GR & V มาร่วมกันนี่แสดงว่า มันไม่แม็ทช์ทางอัตราขยายเอาซะเลย คงไม่เหมาะแน่ใช่ไหมครับ
นอกจากห้ามข้ามกลุ่มแล้วควรจะคัดให้มัน match กันด้วยซ้ำครับ
ถึงวงจรจะปรับช่วยได้ แต่มันก็ยังฟังออกนะครับ ของผมนี่เครื่องเดิมแต่เปลี่ยนตัวที่ match แล้วใส่ไปนี่เสียงหยาบ ๆ หายไปเลย
d_d
-
ขอถามเพิ่มเติมครับ ไปเจอวงจรแบบนี้มา จึงลองเอามาเขียนใหม่ ลองกำหนดความต้านทานค่าใหม่บางจุด
วงจรนี้ สามารถไบอัสทรานซิสเตอร์เอ้าท์พุท เป็นคลาสเอได้ไหมครับ
-
ทำได้ครับ แต่มีหลายสิ่งที่สมควรระลึกก็คือ ทรานซิสเตอร์คลาสส์เอ ถ้าคำนวณพื้นที่ในการระบายความร้อนไม่เป็น มันก็จะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนพัง ไม่เช่นนั้นก็ต้องเพิ่มวงจรคุมกระแสเข้ามา ซึ่งนั่นก็จะเป็นปัญหาว่า มันจะคอยดักกระแสไหลผ่านอยู่เรื่อยๆ อยู่ดี เสียงจึงไม่นิ่ง ลองเป็นมอสเฟ็ตง่ายกง่ายครับ ยังพอมีทาง
-
ผมเลยอาศัยฟังวันละ 1-2 อัลบั้ม ไม่เปลืองค่าไฟ ไม่ร้อนเกินไป เสียงก็ยังโอ อยู่..... :whistling
-
ทำได้ครับ แต่มีหลายสิ่งที่สมควรระลึกก็คือ ทรานซิสเตอร์คลาสส์เอ ถ้าคำนวณพื้นที่ในการระบายความร้อนไม่เป็น มันก็จะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนพัง ไม่เช่นนั้นก็ต้องเพิ่มวงจรคุมกระแสเข้ามา ซึ่งนั่นก็จะเป็นปัญหาว่า มันจะคอยดักกระแสไหลผ่านอยู่เรื่อยๆ อยู่ดี เสียงจึงไม่นิ่ง ลองเป็นมอสเฟ็ตง่ายกง่ายครับ ยังพอมีทาง
หมายความว่า ถ้าเผื่อฮีทซิ้งค์ไว้มากๆ แบบเหลือพอ (เช่นใช้ซิงค์ครีบสูงนิ้วกว่าๆ กว้างหกนิ้ว ยาวซักศอกนึง แช่ในน้ำซะครึ่งท่อน)
ไม่ให้มันร้อนมาก ก็จะทำงานนิ่งขึ้นใช่หรือไม่ครับ
ผมไม่สันทัดจริงๆครับ กับแอ็มป์คลาสเอ จึงถามแบบไม่รู้(โง่ๆซื่อๆแบบนี้)
ขอบคุณครับ
-
เท่าที่ผมเคยลองแช่น้ำดู ก็ดีนะครับ ช่วยได้เยอะเลย แต่ที่น่าจะดูดีกว่านั้นลองดูวงจรของ ชอน ฮิรากา น่าจะใกล้เคียงนะ เพราะเขาไม่คุมกระแสเหมือนกัน แต่ยังทำงานได้ดี
-
พัดลม DC ครับ :victory
เงียบ และช่วยระบายความร้อนได้ดีจริง ๆ
-
ผมใช้พัดลมตั้งแบบตั้งพื้นตัวใหญ่ พัดที่ตัว และ ก็หมุนไปที่เตรืองด้วย
ความร้อนไม่ขึ่นเลยครับ ไม่ต้องเป็นกังวลด้วยว่า ถ้าพัดลมเสียแล้วไม่รู้
........กลัวลำโพงจ้ง ครับ O0
-
:clap ครบปีแล้ว d_d
-
ทุกวันนี้ผมยังใช้ F5 + HA-1 อยู่เลยครับ ได้แนวเสียงที่ตรงใจแล้ว :headphone
แต่อีกไม่นานคงมีปรี ตัวอื่นมาแทนที่.... :whistling
-
มีคนสนใจเยอะเหมือนกัน น่าจะGB กันใหม่อีกซักรอบนะ
-
ต้องขอขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ และทุก ๆ ท่านที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ แอมป์ตัวนี้แบบเต็ม ๆ เครื่องของผมก็ได้ความรู้จากกระทู้นี้ล่ะครับจึงได้สร้างสำเร็จ และมี F5 ไว้ในครอบครอง ขอบคุณอีกครั้งครับ c) c) :drunk :drunk
http://wathienddiy.blogspot.com/2010/03/f5-amp.html
-
ขอเรียนถามเชยๆกุ่ยๆหน่อยครับ
K170 J74 เฟทอินพุทนั้นใช้เบอร์อะไรแทนได้บ้างครับ
-
อยากไว้ไว้ซักตัว ครับ
ท่านไหน เบื่อแล้ว บอกหน่อย ครับ จะรับมาดูแล
-
รายงานตัวเข้าชมรม f5 ด้วยคนครับ
-
เก็บชิ้นส่วนตามหน้าเว็บจากเพื่อนสมาชิกมาเรื่อย โพสต์ขอซื้อบ้าง ก็ได้มา ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่แบ่งปันมาทำให้มันร้องเพลงได้วันนี้ Heatzinc เอามาจากเครื่อง PA 255 watts X 2 กลัวมันจะร้อนตามคำร่ำลือ เอาซิ้งค์เล็ก ๆ อัดด้านในอีกอัน เปิดมา 3 ชั่วโมง ร้อนพอจับได้
-
รีวิวเสียงนิดหนึ่ง เป็นธรรมเนียมครับ...รอฟัง :) :) c) c)
-
ตอนนี้ต่อตรงกับ cd onkyo อยู่ พรุ่งนี้จะเอา pre tas astra มาต่อ เรื่องเสียงบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน ผมฟังมาน้อย แต่ก็เพราะกว่าเอา avr ฟังเพลงเยอะเหมือนกัน มันไม่เกรี้ยวกราด เสียงเบสเป็นตัวเป็นตน เบสเป็นเบส ถ้าเอาเอา avr ฟังเบสมันจะออกกระเดื้องไปซะมากกว่า burn ซักสิบยี่สิบชั่วโมงน่าจะดีขึ้น วันก่อนตอนปรับกระแสเอา jfet พังไปทีหนึ่งแล้ว น่าจะเกิดจาก trimpot มันเสีย หมุนยังไงก็ไม่ขยับ ถอดมาวัดขากลางไม่ขึ้นซะแล้ว ตอนนี้เอาขับ MS 902 Avant อยู่ ไปดึงเอามาจากเซอร์ราวด์ คงต้องมองหาลำโพงฟังเพลงจริง ๆ มาให้มันแล้ว ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่ช่วยแนะนำและแบ่งปันอุปกรณ์มาทำครับ
-
ผมตั้งกระแสที่ 650 ma ได้ offset ประมาณ .045 volts แถวนี้ๆ ครับ แต่ตอนเปิดใหม่ ๆ นี่มากกว่านี้หน่อย แล้วมันจะค่อย ๆ ลงมา ตอนฟังก็ระวังอยู่ยังไม่ได้ใส่ ป้องกันลำโพง ฟิวส์ก็ไม่ได้ใส่ สวิทซ์ก็ไม่ใส่ พอบางเพลงแผ่นมันดังแคร๊ก ๆ ก็สะดุ้งเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร
รบกวนช่วยแนะนำกันหน่อยครับ ถ้าทำลงกล่องจริง ๆ เราควรเอาด้านหม้อแปลงหรือเอาด้านแผง power supply มาข้างหน้าดีครับ
-
พรุ่งนี้มีงานรออยู่ ถ้าว่างจะลองเอา b1 กับ pre tas astra มาลองต่อดูว่าตัวไหนเป็นยังไง
-
สวัสดีครับผมพึ่งได้รับเป็นสมาชิกใหม่วันนี้ ดีใจและขอคุณมาสเตอร์เวปครับ ขอบคุณครับ
เข้าเรื่องเลยดีกว่า อิอิ อดไม่ไหวแย้วววววว.... ก่อนหน้านี้ได้เข้ามาลองอ่านหัวข้อนี้ได้สักเกือบอาทิตย์แล้วเห็น D.I.Y นี้แล้วอยากทำมากๆ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อปริ้นสำเร็จรูปที่ไหน พี่ๆช่วยแนะนำให้หน่อยครับ ถ้าได้แบบนี้แจ๋วเลยชอบสวยดีครับ :) :) ;)
-
สวัสดีครับผมพึ่งได้รับเป็นสมาชิกใหม่วันนี้ ดีใจและขอคุณมาสเตอร์เวปครับ ขอบคุณครับ
เข้าเรื่องเลยดีกว่า อิอิ อดไม่ไหวแย้วววววว.... ก่อนหน้านี้ได้เข้ามาลองอ่านหัวข้อนี้ได้สักเกือบอาทิตย์แล้วเห็น D.I.Y นี้แล้วอยากทำมากๆ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อปริ้นสำเร็จรูปที่ไหน พี่ๆช่วยแนะนำให้หน่อยครับ ถ้าได้แบบนี้แจ๋วเลยชอบสวยดีครับ :) :) ;)
ผมก็เหมือนกันเลยครับตอนอ่านกระทู้ใหม่ ๆ อยากทำมาก ๆ แผ่นปริ๊นก็หาไม่ได้ต้อง ใช้ความสามารถเฉพาะตัวโดยการก๊อปปี้เอารูป นั่นล่ะครับแล้ว แปะสติ๊กเกอร์ ใช้มีดคัทเตอร์ตัดเอา...ไป ๆ มา ๆ สิ่งที่ยากที่สุดในการทำ F 5 ก็คือการหา jfet คู่นั้นล่ะครับ รองลงมาก็คือการปรับกระแสครับ เอาเป็นว่าอยากจะช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เอาเป็นว่าลองเข้าไปอ่านในบล็อกของผมละกัน ลงวิธีการทำเอาไว้ค่อนข้างละเอียดสำหรับมือใหม่อย่างผมและหลายท่านที่สนใจครับ ผมแบ่งเป็นตอนนะครับ 4 - 5 ตอนจบ อิอิ
http://wathienddiy.blogspot.com/2010/03/diy-audio-f5-amp.html
-
โครงการนี้หนักที่ ซิ๊งระบายความร้อน+หม้อแปลง :secret แผ่นปริ๊นเอาแบบไปที่ร้านรับทำก็ได้ครับ
-
ตาม PM ครับ
มีทางออกให้ครับ
:yahoo :yahoo :yahoo
-
ขอบคุณครับผม :D :D ว่าแต่เคยมีพี่ท่านใดลองขนานมอสเฟสภาคเอาท์พุทบ้างไหมครับ และถ้าจะขนานจะต้องต่อวงจรแบบไหนหรอครับ ชักอยากลองเร็วแล้วจิมันจะ :blowup ไหมนิ เหะๆๆ
-
ขออนุญาตสอบถามครับ มีท่านใดเคยใช้ Switching กับ F5 ไหมครับ?
-
ขออนุญาตสอบถามครับ มีท่านใดเคยใช้ Switching กับ F5 ไหมครับ?
ก่อนหน้าเคยมีคนหลายคนถามเหมือนกันซึ่งก็ได้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป หลัก ๆ ประมาณว่า Switching มันจ่ายกระแสแบบเฉียบพลันสู้หม้อแปลงเร็กติฟายฟิลเตอร์ไม่ได้ประมาณนั้น แต่ยังไงผมก็ว่าน่าลองนะครับเพราะต้นทุนต่ำกว่ามาก... :) :)
-
เรื่องความร้อนนี่ ผมลองแล้วพัดลมที่ได้ผลชงัดที่สุด ตอนแรงลองพัดลมบ้านนี่แหละ ก้มเป่าลงไปเลย จากเดิมที่ร้อนขนาดวูบวาบใส่หน้า กลายเป็นเย็นยังกับไม่ได้เปิดเครื่องเลย ดังนั้น ถ้าเป็นซิงค์ท่อนี่น่าจะเจ๋งนะเครื่อง PA นี่ร้อนกว่านี้อีก เขายังใช้ได้ทั้งคืน เอาใหม่ ผมลองเอาพัดลม PSU คอมพิวเตอร์มาแปะติดฮีทซิ้งค์ด้านนอก ทั้งสองข้าง ข้างละตัว เย็นแบบสบาย ๆ เลยครับ อุ่นนิดหน่อยเอง ผมว่าจะเอาวิธีนี้แหละติดถาวรเลย มันจะได้อายุยืนหน่อย
มีอีกอย่าง ตอนหัวค่ำนี่ไม่รุ้เป็นไง เทอร์ลอยมันดังบี่ๆๆๆ เบา ๆ แล้วมันก็บี่ ๆๆๆ ออกลำโพงด้วยนะ สักพักก็หายไป แก้ไม่ได้ ไม่รู้สาเหตุ
-
แบบว่าใจร้อนอะครับ เลยลองต่อบนแผ่นอเนกประสงค์ไปก่อน
ใช้ socket IC หกขากับ J74, K170
1. ปรับ P1, P2 ที่ 0 ohm ตามที่เนลสันแนะนำ
2. พอป้อนไฟแล้ว J74, K170 เริ่มอุ่น ๆ แต่อุปกรณ์ตัวอื่นเย็นสนิท N]
3. IRFP240, 9240 เงียบสงบ N] วัด Vgs ได้แค่ 10 mV :cry2
4. ค่อย ๆ ปรับเพิ่มค่า P1, P2 ทีละนิด วัด Vgs ที่ IRFP9240, 240 อีกทีจนได้ประมาณ 3.7V (เหมือนจะดี)
แต่ไม่ทันได้วัด offset ก็ได้กลิ่นไหม้ครับ
5. รีบดึงปลั๊กออก ลองเอามือจับหาจุดร้อน IRFP9240, 240, 0.47R เริ่มอุ่น แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ R13, 14 ค่า 47R เริ่มเปลี่ยนสี
6. ปรับ P1, P2 ที่ 0 ohm อีกครั้ง พอป้อนไฟอีกรอบ R13, 14 ค่า 47R ก็ไหม้เกรียมครับ (ดูในรูปข้างล่างใกล้ ๆ กับทรานซิสเตอร์)
7. วัดค่า P1, P2 ปรากฎว่าคราวนี้ P2 กลับบ้านเก่าไปอีก K]
8. ลองไล่วงจรดูก็ไม่น่าผิด สงสัยปัญหาน่าจะเกิดจากวงจรออสซิลเลทหรือเปล่าไม่แน่ใจ
สรุปไม่มีเวลาพอครับ ก็คงต้องพึ่งพาแผ่นปริ้นกรุ๊ปบายดีกว่า เฮ้อ
ขอคำปรึกษาครับ
ของมีคมr13 47r ไหม้เหมือนกัน ไฟ40กว่าvolt ที่r11 .47r
ส่วนR14 ปรกติ r12. ไฟ.5volt
เช็คZtx550 ก็วางหันหน้าถูกตำแหน่งตามลายpcb
กรณีนี้เกิดจากอะไรได้บ้างครับ
อีกบอร์ดก็เกิดกรณีเดียวกันตำแหน่งเดียวกันเลย
หรือว่าผมต้องหันztx550 กลับด้านครับ
-
กำลังซื้อซิ้งค์ :)โปรเจ็คนี้ต้ัังแต่ปี2008จนเด๋ียวนี้2013ผมยังไม่ได้ทำเลย :cry2
-
f5 นี่มันกี่วัตต์ ครับ
-
f5 นี่มันกี่วัตต์ ครับ
25watt class A ครับ
-
กำลังซื้อซิ้งค์ :)โปรเจ็คนี้ต้ัังแต่ปี2008จนเด๋ียวนี้2013ผมยังไม่ได้ทำเลย :cry2
:o
-
กำลังซื้อซิ้งค์ :)โปรเจ็คนี้ต้ัังแต่ปี2008จนเด๋ียวนี้2013ผมยังไม่ได้ทำเลย :cry2
:o
----------------
ขออีก 2 ปีจะเริ่ม project f5 ;D