HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: Eak-tubeamp ที่ 18 กันยายน, 2008, 12:52:34 am
-
ช่วยอธิบายหน้าที่การทำงานของอุปกรณ์ทั้ง 2 อย่างนี้ให้หน่อย ละเอียดได้ยิ่งดี ยังไม่รู้เลย เห็นมันทุกวัน ขนาดเรียนจบไฟฟ้าด้วยนะ สงสารพ่อแม่ส่งให้เรียน ได้มาไม่เท่าไหร่ ช่วยสงเคราะห์หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
-
ผมไม่ได้เรียนไฟฟ้าด้วยสิ ตอบแบบง่าย ๆ ตามความเข้าใจ(ของผม) แล้วกัน
โช๊ค คือขดลวดที่อาจพันอยู่บนแกนเหล็ก แกนอากาศ แกรเฟอร์ไรท์ หรืออื่น ๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพแตกต่างกันไป โช๊คที่เราใช้กันมีลักษณะเหมือนหม้อแปลง เป็โช๊คที่พันบนแกนเหล็ก คุณสมบัติของโช๊ค คือไม่ยอมให้ความถี่สูง ๆ ผ่านได้ (ส่วนจะผ่านได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับค่าของโช๊ค) ดังนั้นเราจึงนำมาใช้กรองแรงดันไฟฟ้าเพื่อไม่ให้มีความถี่(โดยเฉพาะความถี่ของไฟบ้านที่เกิดจากวงจรเรคติไฟร์ไม่สามารถทำให้มันเรียบพอได้)
ส่วนบัลลาสต์ อ่านรายละเอียดในนี้เลยครับ http://www.thaiefficiencyproduct.com/05.html
บางครั้งเราเอาบัลลาสต์มาใช้แทนโช๊คได้ เพราะบัลลาสต์ก็มีคุณสมบัติเหมือนโช๊คคือ ใช้ขดลวดพันบนแกนเหล็ก ครับ
เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย คนพิมพ์เอง ก็งง ๆ 2f 2f 2f 2f 2f
-
แล้วบัลลาสต์มีค่า H ประมาณเท่าไหร่ครับ ในการนำมาใช้แทนโช๊ค
-
แล้วบัลลาสต์มีค่า H ประมาณเท่าไหร่ครับ ในการนำมาใช้แทนโช๊ค
ประมาณ 1-2 h. ครับ
-
แล้วบัลลาสต์มีค่า H ประมาณเท่าไหร่ครับ ในการนำมาใช้แทนโช๊ค
ถ้าจะเอามาใช้แนะนำหม้อแปลง 220/12 แบบแกนเหล็กที่ใช้กับหลอดฮาโลเจน 50W
ทรงเดียวกับ ballast ครับ เอา 2 ขด อนุกรมกันได้ประมาณ 5 H ทนกระแสได้พอควร 300-400 mA
ค่าตัวน่าจะร้อยกว่าบาทครับ หาได้ตามร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ผมเองก็ใช้อยู่เวลาต่อทดลองวงจรแบบกระสือ กระสือ ;D
ส่วนบัลลลาสต์ทั่วไปก็ตามที่พี่มุม บอกครับ 1-2H มันเอาฮัมไม่ค่อยอยู่ครับ
-
แล้วบัลลาสต์มีค่า H ประมาณเท่าไหร่ครับ ในการนำมาใช้แทนโช๊ค
ถ้าจะเอามาใช้แนะนำหม้อแปลง 220/12 แบบแกนเหล็กที่ใช้กับหลอดฮาโลเจน 50W
ทรงเดียวกับ ballast ครับ เอา 2 ขด อนุกรมกันได้ประมาณ 5 H ทนกระแสได้พอควร 300-400 mA
ค่าตัวน่าจะร้อยกว่าบาทครับ หาได้ตามร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ผมเองก็ใช้อยู่เวลาต่อทดลองวงจรแบบกระสือ กระสือ ;D
ส่วนบัลลลาสต์ทั่วไปก็ตามที่พี่มุม บอกครับ 1-2H มันเอาฮัมไม่ค่อยอยู่ครับ
ปัจจุบันผมใช้หม้อแปลงไฟ 220 โวลล์เป็น 110 โวลล์ จับขดลวดทั้ง 2 ชุดมาต่ออนุกรมกัน และกลับเหล็กเป็น E I ใหม่ จะได้ค่าช่วง 5-10 h. ครับ
-
แล้วบัลลาสต์มีค่า H ประมาณเท่าไหร่ครับ ในการนำมาใช้แทนโช๊ค
ถ้าจะเอามาใช้แนะนำหม้อแปลง 220/12 แบบแกนเหล็กที่ใช้กับหลอดฮาโลเจน 50W
ทรงเดียวกับ ballast ครับ เอา 2 ขด อนุกรมกันได้ประมาณ 5 H ทนกระแสได้พอควร 300-400 mA
ค่าตัวน่าจะร้อยกว่าบาทครับ หาได้ตามร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ผมเองก็ใช้อยู่เวลาต่อทดลองวงจรแบบกระสือ กระสือ ;D
ส่วนบัลลลาสต์ทั่วไปก็ตามที่พี่มุม บอกครับ 1-2H มันเอาฮัมไม่ค่อยอยู่ครับ
ปัจจุบันผมใช้หม้อแปลงไฟ 220 โวลล์เป็น 110 โวลล์ จับขดลวดทั้ง 2 ชุดมาต่ออนุกรมกัน และกลับเหล็กเป็น E I ใหม่ จะได้ค่าช่วง 5-10 h. ครับ
O0 O0 O0
ขอรบกวนขยายความหน่อยครับ :secret รูปด้วยก็ดีครับ จะได้นำไปใช้บ้างครับ ขอบคุณมากๆครับ d_d
-
;D ;D
เวลาต่อ ต้องจับขั้วสายให้ขดเซคั่นดารี่ และ ไพรมารี่ ไปทางเดียวกันด้วยนะครับ ไม่งั้น ค่า L ที่ได้จะลดลง ถ้ามี เครื่องวัด L ลองต่อแล้ววัด จะต้องได้ค่าเพิ่มขึ้นครับ
-
แล้วบัลลาสต์มีค่า H ประมาณเท่าไหร่ครับ ในการนำมาใช้แทนโช๊ค
ถ้าจะเอามาใช้แนะนำหม้อแปลง 220/12 แบบแกนเหล็กที่ใช้กับหลอดฮาโลเจน 50W
ทรงเดียวกับ ballast ครับ เอา 2 ขด อนุกรมกันได้ประมาณ 5 H ทนกระแสได้พอควร 300-400 mA
ค่าตัวน่าจะร้อยกว่าบาทครับ หาได้ตามร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ผมเองก็ใช้อยู่เวลาต่อทดลองวงจรแบบกระสือ กระสือ ;D
ส่วนบัลลลาสต์ทั่วไปก็ตามที่พี่มุม บอกครับ 1-2H มันเอาฮัมไม่ค่อยอยู่ครับ
ปัจจุบันผมใช้หม้อแปลงไฟ 220 โวลล์เป็น 110 โวลล์ จับขดลวดทั้ง 2 ชุดมาต่ออนุกรมกัน และกลับเหล็กเป็น E I ใหม่ จะได้ค่าช่วง 5-10 h. ครับ
O0 O0 O0
ขอรบกวนขยายความหน่อยครับ :secret รูปด้วยก็ดีครับ จะได้นำไปใช้บ้างครับ ขอบคุณมากๆครับ d_d
หม้อแปลงไฟที่เราใช้ ๆ กันอยู่จะใส่เหล็กแบบสลับกันครับ คือ เหล็ก E และ I จะสลับกันไปสลับกันมา ลองลื้อหม้อแปลงไฟที่เสียดูครับ แต่โช๊คเราใส่แบบเหล็กแบบเหล็ก "ปึก" ครับ คือเหล็กส่วน E จะอยู่เฉพาะ E ส่วนเหล็กตัว I ก็จะอยู่เฉพาะส่วน I ครับ เหตุที่ต้องกลับเหล็กใหม่ก็เนื่องจากตัวโช๊คต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับไฟ DC จึงมีโอกาสอิ่มตัวได้ หากเราใส่เหล็กแบบหม้อแปลงไฟ วิธีแก้ปัญหานี้ก็คือต้องใส่เหล็กแบบ "ปึก" ครับ
วิธีต่อขดลวด เราก็เอาขดลวดเส้นนอกสุดของไฟ 220 โวลล์ มาต่อที่ขดลวดเส้นในสุดของไฟ 110 โวลล์ เพื่อให้เฟทไฟตรงกัน ถ้ามีมิเตอร์วัดค่าเหนี่ยวนำได้ เราก็จะได้ค่าเหนี่ยวนำของขดลวดเพิ่มขึ้นครับ แต่ถ้าเราต่อผิดเฟท ค่าเหนี่ยวนำจะหักร่างกันและมีเหลือค่าเหนี่ยวนำของขดลวดครับ :)
-
ขอบคุณมากคร๊าบบบ นานๆ พี่ๆ จะปล่อยเทคนิดเด็ดๆ มาที ต่อไปนี้คงหาโช๊คราคาไม่แพงมาเล่นได้แล้ว
-
ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง จะหาข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติมอีกครั้งครับ ขอบคุณทุกท่านเลยครับ
-
ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง จะหาข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติมอีกครั้งครับ ขอบคุณทุกท่านเลยครับ
ต้องยังงี้ซิครับ ถึงจะไปสู่ความเป็นเลิศทางงาน Diy O0
-
อย่างงี้ซะครับ หาโช๊คติดใต้แท่นได้ง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ
O0 O0
-
;D ;D
เวลาต่อ ต้องจับขั้วสายให้ขดเซคั่นดารี่ และ ไพรมารี่ ไปทางเดียวกันด้วยนะครับ ไม่งั้น ค่า L ที่ได้จะลดลง ถ้ามี เครื่องวัด L ลองต่อแล้ววัด จะต้องได้ค่าเพิ่มขึ้นครับ
จากรูปที่ อ.แม็ค อธิบายมา ผมเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนะครับ คุณอาจจะเขียนสัญลักษณ์ H1 H2 ทางแรงดันไฟสูง และแทนขั้ว L1 L2 ทางด้านแรงต่ำ เสร็จแล้วลองต่อตามรูปดู แล้ววัดแรงดันทางด้านแรงต่ำดูโดยวัดที่ขั่ว H2 L2 ตรงนี้ต้องระวังไฟดูดด้วนะครับ อย่าให้มือโดน ส่วนที่เป็นโลหะเพราะจะโดนไฟดูดนะครับ ถ้าแรงดันที่อ่านได้ 229V ก้อแสดงว่าต่อ อนุกรมถูกต้อง แต่ถ้าอ่านได้ 211V แสดงว่า ทิศทางสนามแม่เหล็กหักล้างกัน ให้คุณสลับจุดที่ต่ออนุกรมขั่วหม้อแปลงใหม่เป็น H1 กับ L2 ก็จะใช้งานได้ครับ อาจจะคุ้นๆอยู่นะครับ เพราะจะเป็นวิธีหาขั่วของหม้อแปลง จะอยู่ในวิชา เครื่องกล2 ตอนปวช. :)
-
;D ;D
เวลาต่อ ต้องจับขั้วสายให้ขดเซคั่นดารี่ และ ไพรมารี่ ไปทางเดียวกันด้วยนะครับ ไม่งั้น ค่า L ที่ได้จะลดลง ถ้ามี เครื่องวัด L ลองต่อแล้ววัด จะต้องได้ค่าเพิ่มขึ้นครับ
จากรูปที่ อ.แม็ค อธิบายมา ผมเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนะครับ คุณอาจจะเขียนสัญลักษณ์ H1 H2 ทางแรงดันไฟสูง และแทนขั้ว L1 L2 ทางด้านแรงต่ำ เสร็จแล้วลองต่อตามรูปดู แล้ววัดแรงดันทางด้านแรงต่ดูโดยวัดที่ขั่ว H2 L2 ตรงนี้ต้องระวังไฟดูดด้วนะครับ อย่าให้มือโดน ส่วนที่เป็นโลหะเพราะจะโดนไฟดูดนะครับ ถ้าแรงดันที่อ่านได้ 229V ก้อแสดงว่าต่อ อนุกรมถูกต้อง แต่ถ้าอ่านได้ 211V แสดงว่า ทิศทางสนามแม่เหล็กหักล้างกัน ให้คุณสลับจุดที่ต่ออนุกรมขั่วหม้อแปลงใหม่เป็น H1 กับ L2 ก็จะใช้งานได้ครับ อาจจะคุ้นๆอยู่นะครับ เพราะจะอยู่ในวิชา เครื่องกล2 ตอนปวช. :)
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิชาหม้อแปลงไฟฟ้าแล้วครับ O0 O0 O0ความรู้ดีๆทั้งนั้นเลย
-
แจ่มครับ นี่แหล่ะห้องเรียนของผม c) c) c) c) c) :bye1 :bye1
-
ยืนยันคำตอบเรื่องหน้าที่บาลาสต์.....ถูกต้องครับ คือ สร้างแรงดันให้สูงที่จะเอาไปจุดใส้ ้หลอดและควมคุมปริมาณกระแสไฟฟ้า ขณะที่หลอดเริ่มทำงานและขณะทำงานให้เหมาะสม เสริมนิดนึงครับ บาลาสต์แกนเหล็กที่เราใช้อยู่ในทุกวันนี้ คุณภาพค่อนข้างต่ำครับ อัตราการสูญเสียสูง ค่าประกอบกำลังต่ำ 0.42-0.55 O0 O0 O0
-
ยืนยันคำตอบเรื่องหน้าที่บาลาสต์.....ถูกต้องครับ คือ สร้างแรงดันให้สูงที่จะเอาไปจุดใส้ ้หลอดและควมคุมปริมาณกระแสไฟฟ้า ขณะที่หลอดเริ่มทำงานและขณะทำงานให้เหมาะสม เสริมนิดนึงครับ บาลาสต์แกนเหล็กที่เราใช้อยู่ในทุกวันนี้ คุณภาพค่อนข้างต่ำครับ อัตราการสูญเสียสูง ค่าประกอบกำลังต่ำ 0.42-0.55 O0 O0 O0
ต้องใช้แบบ low loss ครับ ซึ่งจะต่างกันที่ขนาดแกนและเหล็กที่ทำแกน เรื่องลวดผมไม่รู้
ส่วนเรื่อง pf ต่ำ ผมว่าน่าจะปกติ เนื่องจากมันเป็น ตัวเหนี่ยวนำครับ แต่ก็แก้ได้ โดยทั่วไปใช้ C ค่าเหมาะสมต่อคร่อม line - neutral ครับ
อันนี้ว่ากันในวงจรหลอด ฟลูออเรสเซนต์นาครับ :)