HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: KVA ที่ 27 กรกฎาคม, 2005, 05:40:34 pm
-
สงสัยมานานแล้ว เห็น OPT หลายๆยี่ห้อที่มีค่า R primary เท่ากัน แต่ค่า L ไม่เท่ากัน ตรงนี้จะมีผลทางไฟฟ้าและมีผลต่อเสียงในด้านใดบ้างครับ.. ???
-
??? นั่นหนะสิ ผมเองก็ใคร่รู้เช่นกัน ท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ
-
ผลที่ได้จะแตกต่างตรงค่า reactance (ค่าความต้านทานทางไฟสลับ) ซึ่งมาจากสูตร
X = 2 pi L F
pi = 3.14, L = inductance (henry), F = frequency (Hz)
ค่า X ควรจะมีค่าอย่างน้อย 4 เท่าของ Plate resistance (Rp) ไม่งั้น gain รวมของวงจรจะต
โดยสรุป ค่า reactance ยิ่งมากยิ่งดีครับ เพราะจะทำให้อัตราขยาย (gain) ของหลอดมีค่าใกล้เคียงกับค่า mu มากขึ้นเท่านั้น
-
;)
-
โดยสรุป ค่า reactance ยิ่งมากยิ่งดีครับ เพราะจะทำให้อัตราขยาย (gain) ของหลอดมีค่าใกล้เคียงกับค่า mu มากขึ้นเท่านั้น
ไม่ทราบ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า นะครับ อย่างนี้ถ้าเราสั่งหม้อแปลงก็สั่ง มาก watt แล้วใช้ค่า impedance สูงสุดของหลอดนั้นที่จะใช้ได้ จะทำให้ได้ Reactance สูงใช่ใหมครับ :D :D
-
� � � � � � � �;Dผมว่าปัญหานี้แหละ ที่ทำให้กระผมปวดหัวและกังวลใจกับผลการวัดค่า Henry ดิบๆ จาก Output Transformer แบบ SE ของไทยทุกเจ้าเลย เช่น 2.5K จับเอามาวัดด้วย RLC �Meter มักจะได้แค่ 3-7 Henry และ 5K จะอยู่ประมาณ 4-9 Henry เป็นต้น �
� � � � � � :) คงต้องถามคุณ LNAudio ว่าอย่างไหนถูก เพราะจากสูตรคำนวน ยิ่งคิดขนาดแค่ที่ความถี่ต่ำประมาณ 25-50 Hz ค่า Inductance ก็ควรจะหลายสิบ Henry เลย
นี่ยังแค่ OPT นะครับถ้าไปเจอ Spec ของ Inter Stage แค่เหลือบๆ เห็นค่า Primary Inductance เฉียดๆ ร้อย ยิ่งมึนเลยไม่รู้เค้าพันกันได้อย่างไร? ผมว่าต้อง Core ดีมากจริงๆ
� � � � � � � �ไม่ทราบ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า นะครับ อย่างนี้ถ้าเราสั่งหม้อแปลงก็สั่ง มาก watt แล้วใช้ค่า impedance สูงสุดของหลอดนั้นที่จะใช้ได้ จะทำให้ได้ Reactance สูงใช่ใหมครับ :D :D
� �
� � � � � � � �เออ....อันนี้น่าคิด ผมเคยลองเอา 2A3 มาต่อเล่นๆ กับ OPT ที่ค่า Zp มากกว่าจากการคำนวน คือ 5.0K/10K /12K พบว่าปริมาณเสียงต่ำดีขึ้น เด่นมากขึ้น แต่กลางแหลมหดหาย ไม่โปร่งใสเหมือน 2.5 K ;D ;D รู้ใช่ไหมเพราะอะไร????� � � �
-
ผมว่าปัญหานี้แหละ ที่ทำให้กระผมปวดหัวและกังวลใจกับผลการวัดค่า Henry ดิบๆ จาก Output Transformer แบบ SE ของไทยทุกเจ้าเลย เช่น 2.5K จับเอามาวัดด้วย RLC Meter มักจะได้แค่ 3-7 Henry และ 5K จะอยู่ประมาณ 4-9 Henry เป็นต้น
ที่วัดๆกันเป็นการวัดโดยไม่มี DC bias ครับ ถ้ามี DC bias ด้วย จะลดลงไปอีก หม้อแปลงที่คุณภาพดีหน่อยจะลดลงไปไม่มากครับ เครื่องมือที่วัดค่า inductance โดยมี DC bias ด้วยก็มีครับ แต่ราคาแพงมากๆๆ หลายพันเหรียญครับ
คงต้องถามคุณ LNAudio ว่าอย่างไหนถูก เพราะจากสูตรคำนวน ยิ่งคิดขนาดแค่ที่ความถี่ต่ำประมาณ 25-50 Hz ค่า Inductance ก็ควรจะหลายสิบ Henry เลย
เพราะฉนั้น ถึงต้องวัด frequency response ออกมาจริงๆครับ เพราะการวัด primary inductance มันบอกได้แค่ว่าเจ้าหม้อแปลงตัวนี้มันพอจะทำงานได้แค่ไหน แต่ frequency response จะเป็นตัวบอกเลยว่าทำงานได้จริงหรือเปล่า OPT ที่สามารถตอบสนองความถี่ต่ำได้ดีๆ จะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเสียงโดยรวมที่ดีครับ
Spec ของ Inter Stage แค่เหลือบๆ เห็นค่า Primary Inductance เฉียดๆ ร้อย
Interstage ถึงได้แพงไงครับ ;) เพราะมันพันยาก ยิ่งต้องให้รอบของ Primary กับ Secondary เท่ากันด้วย
เออ....อันนี้น่าคิด ผมเคยลองเอา 2A3 มาต่อเล่นๆ กับ OPT ที่ค่า Zp มากกว่าจากการคำนวน คือ 5.0K/10K /12K พบว่าปริมาณเสียงต่ำดีขึ้น เด่นมากขึ้น แต่กลางแหลมหดหาย ไม่โปร่งใสเหมือน 2.5 K รู้ใช่ไหมเพราะอะไร?
เป็นธรรมชาติของมันครับ Primary รอบเยอะขึ้น ได้ inductance เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ frequency response ด้านความถี่ต่ำดีขึ้น แต่พอรอบมากขึ้น ก็ทำให้ capacitance มากขึ้นด้วย พอมันมากขึ้น ก็ทำให้ความถี่สูงตกลง
-
;) แล้วอย่าง 6C33 ซิงเกิ้ลเอนด์เนี่ย วงจรระบุใช้หม้อแปลงอิมพิแดนซ์ แค่ 600 โอห์ม ทำอย่างไรจึงจะให้เสียงเบสลงถึง 20 Hz ครับ
-
6C33 มี Rp ประมาณ 150 ohm เพราะฉนั้นค่า primay inductance ที่ 20 Hz ควรจะประมาณ 600 ohm หรือมากกว่า
แทนค่าจากสูตร X = 2pi F L ได้ L = 4.7H
เพราะฉนั้น OPT ควรจะมีค่า primary inductance ประมาณ 4.7H หรือมากกว่าครับ
-
ขอบคุณครับ สำหรับ 6C33 ต่อไปครับ......
Primary รอบเยอะขึ้น ได้ inductance เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ frequency response ด้านความถี่ต่ำดีขึ้น แต่พอรอบมากขึ้น ก็ทำให้ capacitance มากขึ้นด้วย พอมันมากขึ้น ก็ทำให้ความถี่สูงตกลง
คุณภาพของแกนจึงส่งผลตอนนี้ ใช่ไหมครับ เพราะแกนคุณภาพดีทำให้ไม่ต้องพันจำนวนรอบมาก ก็ได้ henry เท่ากัน จึงส่งให้ความถี่สูงไปได้สุด ๆ
ถามต่อครับจากตัวอย่างในคู่มือหลอด EL34 มีความต้านทานเพลต 15000 โอห์ม แต่เมื่อเอามาทำวง Single End แบบ Pentode (ในคู่มืออีกนั่นแหละ) กลับใช้อิมพิแดนซ์หม้อแปลงเอาต์พุต แค่ 2000 โอห์ม อันนี้เค้าคิดอย่างไร จะให้ผลทางเสียงอย่างไรและในวงจรที่จำหน่ายในท้องตลาด ใช้ต่ำขนาดนี้เหรอครับ เรียนถามต่อ
-
ที่วัดๆกันเป็นการวัดโดยไม่มี DC bias ครับ ถ้ามี DC bias ด้วย จะลดลงไปอีก หม้อแปลงที่คุณภาพดีหน่อยจะลดลงไปไม่มากครับ เครื่องมือที่วัดค่า inductance โดยมี DC bias ด้วยก็มีครับ แต่ราคาแพงมากๆๆ หลายพันเหรียญครับ
เพราะฉนั้น ถึงต้องวัด frequency response ออกมาจริงๆครับ เพราะการวัด primary inductance มันบอกได้แค่ว่าเจ้าหม้อแปลงตัวนี้มันพอจะทำงานได้แค่ไหน แต่ frequency response จะเป็นตัวบอกเลยว่าทำงานได้จริงหรือเปล่า OPT ที่สามารถตอบสนองความถี่ต่ำได้ดีๆ จะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเสียงโดยรวมที่ดีครับ
� ถ้าอย่างนั้น LCR meter ที่มีขายทั่วๆไปก็หมดสิทธิ์ใช่มั๊ยครับ เมื่อวานเพิ่งถามมา วัดได้ 1000 henry ตัวละตั้งหลายพัน ดีนะที่ยังไม่ซื้อ แล้วเราจะมีวิธีอื่นๆอีกหรือ ปล่าวครับ
-
แล้วเราจะมีวิธีอื่นๆอีกหรือ ปล่าวครับ
ลองดูที่นี่ครับ http://members.aol.com/sbench101/#Inductance
-
ถามต่อครับจากตัวอย่างในคู่มือหลอด EL34 มีความต้านทานเพลต 15000 โอห์ม แต่เมื่อเอามาทำวง Single End แบบ Pentode (ในคู่มืออีกนั่นแหละ) กลับใช้อิมพิแดนซ์หม้อแปลงเอาต์พุต แค่ 2000 โอห์ม อันนี้เค้าคิดอย่างไร จะให้ผลทางเสียงอย่างไรและในวงจรที่จำหน่ายในท้องตลาด ใช้ต่ำขนาดนี้เหรอครับ เรียนถามต่อ
ก็จะได้ output impedance สูงครับ เอาไปฟังกับลำโพงทั่วๆไปนี่ bass จะอืดๆหน่อย ถ้าค่า primary inductance ต่ำด้วย ก็ roll off แต่บางครั้งสองอย่างนี้มันก็เสริมกัน ซึ่งเบสที่ได้ยินจาก no-feedback SE หลวมๆก็มาจากเหตุผลนี้ละคัรบ วิธีชดเชยก็ใช้ negative feedback เพื่อลด output impedance ครับ
แต่พวกลำโพง fullrange ที่มี X-max ต่ำๆจะชอบ เพราะมันเสริมกันได้ดี