HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: โตงเตง ที่ 18 มกราคม, 2009, 08:36:08 pm
-
จะไปซื้อแผ่น PCB ในเน็ตแต่ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหนเรียกว่าอะไร เลยขอวงจรเค้าเอามาให้ช่วยดูหน่อยครับ
มันเป็น Parallel หรือ bridged แล้วมันเอามาทำแบบ balanced ได้หรือปล่าวครับ
แบบว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ช่วยดูทีคับ
-
เหมือนจะ parallel น่ะครับ
-
น่าจะเป็น Parallel ครับ
-
อยากทราบข้อดีของการ Parallel แบบนี้ครับ
-
อยากทราบข้อดีของการ Parallel แบบนี้ครับ
ในความคิดของผมนะครับ ไม่รู้ว่าจะใช่หรือป่าว
การขนานคือการเพิ่มกระแส ลดความต้านทานหรืออิมพีแดนซ์ เพิ่มกำลังวัตต์
ถ้าเป็นการขนานแอมป์ จะสามารถใช้ลำโพงที่มีค่าความต้านทานต่ำลงได้ แต่คิดว่าคงไม่มาก และกำลังขับจะสูงขึ้น แนงเสียงที่ได้อาจจะหนาขึ้นครับ
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ;D
-
วงจรต่อเป็นแบบ Invert แล้วเอามาขนานกัน 3 ตัว ข้อดีของการขนานสามารถขับลำโพงโอมห์ต่ำๆ ได้ดีครับ ได้กำลัง watt เต็มที่ที่ลำโพงโอมห์ต่ำๆ
-
parallel จ้า...เจ้านี่น่าจะเป็นชุต kit ที่ทำในจีน ได้กำลัง 150W./8Ohms.
สำคัญที่ตัว IC และ supply ต้องถึงนะครับ ไม่งั้นยิ่ง parallel เยอะยิ่งเละ ;D ;D ;D
-
parallel จ้า...เจ้านี่น่าจะเป็นชุต kit ที่ทำในจีน ได้กำลัง 150W./8Ohms.
สำคัญที่ตัว IC และ supply ต้องถึงนะครับ ไม่งั้นยิ่ง parallel เยอะยิ่งเละ ;D ;D ;D
ความเห็นส่วนตัวผม ผมว่า LM3886 ต่อขนานที่ลำโพง 8 โอห์มยังไงก็ไม่น่าได้ถึง 150W แต่ถ้า 4 โอห์มก็ไม่แน่น เพราะแรงดันไฟเลี้ยงเต็มที่ก็ไม่น่าเกิน +- 40V ขับโหลด 8 โอห์มยังไงเต็มที่ก็ไม่น่าได้เกิน 75W ยกเว้นเอามา bridged หรือ balanced ก็อาจจะได้ถึง 150W ที่ 8 โอห์ม
-
parallel จ้า...เจ้านี่น่าจะเป็นชุต kit ที่ทำในจีน ได้กำลัง 150W./8Ohms.
สำคัญที่ตัว IC และ supply ต้องถึงนะครับ ไม่งั้นยิ่ง parallel เยอะยิ่งเละ ;D ;D ;D
ความเห็นส่วนตัวผม ผมว่า LM3886 ต่อขนานที่ลำโพง 8 โอห์มยังไงก็ไม่น่าได้ถึง 150W แต่ถ้า 4 โอห์มก็ไม่แน่น เพราะแรงดันไฟเลี้ยงเต็มที่ก็ไม่น่าเกิน +- 40V ขับโหลด 8 โอห์มยังไงเต็มที่ก็ไม่น่าได้เกิน 75W ยกเว้นเอามา bridged หรือ balanced ก็อาจจะได้ถึง 150W ที่ 8 โอห์ม
แล้วจาก PCB ตัวนี้สามารถนำมาต่อยอดเป็น bridged แล้วทำ balanced ไ้ด้หรือปล่าวคับ ถ้าได้ จะได้ลองสั่งมาทำเล่นดู
-
PCB ข้างต้น เอามาทำ balanced ไม่ได้ครับ balanced amp ต้องมี 2 input 2 วงจร 2 output แยกกันอิสระ แต่มีเกนเท่าๆกัน ใน pcb ในรูปมี input เดียว output เดียวครับ
ผมคิดว่าอุปกรณ์ก็ควรจะเหมือนกันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย ผมเพิ่งโพสต์ถามหาวงจรในเว็บออดิโอทีม เคยเห็นอ.อดิศักดิ์เข้าไปโพสต์อยู่ครั้งนึงครับ
PCB ของ อ.Lana Lenn หรือ PCB ของ GC ทั่วไปก็น่าจะเอามาทำ balanced ได้ครับ
ประเด็นน่าจะอยู่ที่ สัญญาณ balanced จาก cd หรือ pre-amp มากกว่า ถ้าไม่มี balanced เข้ามาก็ต้องมีวงจรกลับขั้วอีกวงจรนึง
โวลุ่มก็หายากครับ เรื่องคุณภาพโวลุ่มด้วย ผมว่า CEC ที่ทำแต่ balanced amp เลือกใช้วงจรพิเศษมาควบคุมแทน VR ก็เพราะเหตุนี้
-
PCB ข้างต้น เอามาทำ balanced ไม่ได้ครับ balanced amp ต้องมี 2 input 2 วงจร 2 output แยกกันอิสระ แต่มีเกนเท่าๆกัน ใน pcb ในรูปมี input เดียว output เดียวครับ
ผมคิดว่าอุปกรณ์ก็ควรจะเหมือนกันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย ผมเพิ่งโพสต์ถามหาวงจรในเว็บออดิโอทีม เคยเห็นอ.อดิศักดิ์เข้าไปโพสต์อยู่ครั้งนึงครับ
PCB ของ อ.Lana Lenn หรือ PCB ของ GC ทั่วไปก็น่าจะเอามาทำ balanced ได้ครับ
ประเด็นน่าจะอยู่ที่ สัญญาณ balanced จาก cd หรือ pre-amp มากกว่า ถ้าไม่มี balanced เข้ามาก็ต้องมีวงจรกลับขั้วอีกวงจรนึง
โวลุ่มก็หายากครับ เรื่องคุณภาพโวลุ่มด้วย ผมว่า CEC ที่ทำแต่ balanced amp เลือกใช้วงจรพิเศษมาควบคุมแทน VR ก็เพราะเหตุนี้
รูปวงจรนี้ที่เค้าให้มามันคือข้างเดียวอ่ะคับ ถ้า2 ชาแนลต้องใช้ 2 PCB อย่างนี้ทำได้ปล่าวคับ
-
balanced 2 ชาแนล ต้อง 4 pcb ครับ
-
balanced 2 ชาแนล ต้อง 4 pcb ครับ
หุหุหุ คิดหนักกำลังตัดสินใจเอาไงดีหว่า 4 PCB แต่ก็น่าลุ้น สมมุติว่าได้มา4แผ่นแล้ว เวลานำมา bridged แล้วมันเอามาทำแบบ balanced
ต้องมีอุปกรณ์อะไรเพิ่มอีกเยอะหรือปล่าว พอวาดให้ดูคร่าวๆได้มั๊ยครับ ถ้าไม่เกินความสามารถจะได้สั่งแผ่นมาลองเล่นเลย
-
ทำไมต้องจำกัดว่า "ต้องใช้ปริ้นท์เซอร์กิตบอร์ด" ด้วยหรือ ลองทางเลือกแบบง่ายๆ(แต่ต้องระมัดระวัง วางแผนให้ดี ตรวจสอบให้รอบคอบ)
ทำฮาร์ดไวร์ ในกระทู้เก่าๆ ก็มีแยะครับ
นอกจากเทคนิคที่หลายท่านกล่าวไว้ในกระทู้ต่างๆแล้ว ลองค่อยๆศึกษาดูครับ ไม่ต้องรีบร้อน
ส่วนคอนเส็ปฯย่อๆที่ผมใช้ประจำแบบส่วนตั๊วส่วนตัวคือ ต้องทำการให้วงจรทั้งหมดมันทำงานแบบ "เร็ว แรง นิ่ง"
แล้วก็ "ลดจุดอั้นทั้งกระแส และลดการอั้นคุณภาพการส่งผ่านสัญญาณเสียง" ที่ว่ามานี่ตั้งแต่ปลั๊กไปเอซี จรดสายลำโพงครับ
บ่อยครั้งใช้สายลำโพงต่อผ่านทะลุจากในวงจร คือฝั่งแอ็มป์ไม่ใช้ขั้วลำโพงเลยก็มีครับ ฝั่งขาเข้าหรือสายสัญญาณก็เช่นกัน
(แต่ทำแบบผม มันหลุดนอกกรอบไปแล้ว หลายท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับการวิเคราะห์วงจรทำพอหอมปากหอมคอก็พอครับ)
.....ที่ชิบทำฮาร์ดไวร์ทีละตัวๆ
.....ต้องการกำลังแยะ ต่อแบบบริดจ์ดีกว่าไหมครับคือใช้วงจรแยกสัญญาณเป็นสองเฟสใช้สำหรับการบริดจ์
.....Aleph P1.7 ,ชอบหลอดก็ Tube Differntial ampหรือจะเอาแบบง่ายๆใช้ไอซีก็มีให้เลือกสะดวกสุดก็ DRV134 .....ถ้าต้องการกำลังเพิ่มอีก จะขนานกันกี่คู่ก็ทำได้
.....บริดจ์คู่เดียว ที่ขาออกชนกันที่ขั้วลำโพงได้เลย
.....ถ้าขนานมากกว่า๑คู่ ใช้ตัวต้านทาน(เช่น๐.๑โอห์ม ๕วัตต์ ขึ้นไป) ต่อซีรี่ส์ที่เอ้าท์พุทก่อนรวมกันที่ขั้วลำโพง
ภาคจ่ายไฟ
ง่ายๆแบบลูกทุ่งๆ ไม่ต้องคิดมากคือ
....การเผื่อกระแสหม้อแปลง ชิบ๑ตัว เอาไปเลยแบบเหลือๆเช่นกระแส ๕แอ็มป์ P= I2R (5x5=25x4Ohms =100W) บริดจ์๒-๓คู่ก็เอาไป ๒๐แอ็มป์เป็นต้น(๑๐๐๐วีเอ สำหรับสเตอริโอ)
....เผื่อกระแสไดโอด เช่น ๘แอ็มป์ต่อชิบ MUR860 x4 ,หรือ ๑๖แอ็มป์ต่อชิบ MUR1620 / 1620R หรือ๓๒แอ็มป์ต่อคู่บริดจ์(งานนี้ผมชอบใช้MUR1620 รวบขาต่อเป็นบริดจ์)
....จะใช้ซีฟิลเตอร์ นอกจากยี่ห้อ และรุ่นแล้ว ดูสเป็คฯในดาต้าชีทของผู้ผลิตสักนิด...
......ค่าความสามารถในการจ่ายกระแสริปเปิ้ล(รุ่นใหม่ๆบอกที่ ความถี่๑๐๐กิโลเฮิร์ทซ์ ซึ่งก็มาจากความถี่ของคลื่นสี่เหลี่ยม50kHzหลังผ่านวงจรเรียงกระแส)
.......ใช้ความถี่ต่ำลงพันเท่า(ไฟบ้านเราริปเปิ้ลคือ ๑๐๐เฮิร์ทซ์ ความหนาแน่นของคลื่นเมื่อคิดเป็นพื้นที่ต่อคาบเวลาเจือจางลง หรือถ้าคิดเป็นหน่วยพลังงานจูล ก็จะลดลง) แถมเป็นไซน์เวฟอีกต่างหาก
ต้องคูณด้วยค่าสัมประสิทธิ์ด้วย บางยี่ห้อบอกว่าคูณด้วย 0.7 บ้าง ค่าอื่นบ้าง (จะเป็นเท่าไหร่ต้องดูที่ดาต้าชีทครับ 0.x)
.........นั่นคือความสามารถของซี ในการสูบฉีดกระแสให้วงจร หรือการต่อแบบตรงที่ขาชิบ ก็คือสำหรับสูบฉีดให้แต่ละชิบ
..........เท่าที่ลองมาผมไม่ได้ติดใจกับค่าสิ่งที่กล่าวขานกันว่าต้องค่า " ๑๐๐๐ไมโครฟารัด" เพราะเรื่องเสียง ผลลัพท์ที่ได้ "สูตรใครสูตรมัน" น่าจะตรงประเด็นกว่า
...........ไม่ว่าจะเป็น หม้อแปลง ไดโอด ซี การเลือกใช้ชนิดวัตถุดิบ เทคนิคการผลิต (ยี่ห้อ รุ่น แบบ/ซีรี่ส์) แต่ละท่านล้วนใช้ของไม่เหมือนกัน
จากประสบการณ์บางครั้ง ไดโอด หรือซีที่ถอดๆ จากบอร์ดสวิทชิ่ง(ที่ยังใหม่ๆ ไม่ผ่านการใช้งาน) ก็ให้ผลดีกว่าซีที่สั่งซื้อจากเว็ปฯต่างปท.บางยี่ห้อ บางรุ่นก็มี
ข้อจำกัดเรื่อง การเลือกใช้ชนิดวัตถุดิบ เทคนิคการผลิตอุปกรณ์ (ยี่ห้อ รุ่น แบบ/ซีรี่ส์) แต่ละท่านล้วนใช้ของไม่เหมือนกันนั้น
.........อันนี้เราสามารถศึกษาได้จากเน็ทฯ และดาต้าชีทของผู้ผลิตชิ้นส่วนครับ
ขอให้มีความสุขกับดนตรีทุกท่านครับ
-
ทำไมต้องจำกัดว่า "ต้องใช้ปริ้นท์เซอร์กิตบอร์ด" ด้วยหรือ ลองทางเลือกแบบง่ายๆ(แต่ต้องระมัดระวัง วางแผนให้ดี ตรวจสอบให้รอบคอบ)
ทำฮาร์ดไวร์ ในกระทู้เก่าๆ ก็มีแยะครับ
นอกจากเทคนิคที่หลายท่านกล่าวไว้ในกระทู้ต่างๆแล้ว ลองค่อยๆศึกษาดูครับ ไม่ต้องรีบร้อน
ส่วนคอนเส็ปฯย่อๆที่ผมใช้ประจำแบบส่วนตั๊วส่วนตัวคือ ต้องทำการให้วงจรทั้งหมดมันทำงานแบบ "เร็ว แรง นิ่ง"
แล้วก็ "ลดจุดอั้นทั้งกระแส และลดการอั้นคุณภาพการส่งผ่านสัญญาณเสียง" ที่ว่ามานี่ตั้งแต่ปลั๊กไปเอซี จรดสายลำโพงครับ
บ่อยครั้งใช้สายลำโพงต่อผ่านทะลุจากในวงจร คือฝั่งแอ็มป์ไม่ใช้ขั้วลำโพงเลยก็มีครับ ฝั่งขาเข้าหรือสายสัญญาณก็เช่นกัน
(แต่ทำแบบผม มันหลุดนอกกรอบไปแล้ว หลายท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับการวิเคราะห์วงจรทำพอหอมปากหอมคอก็พอครับ)
.....ที่ชิบทำฮาร์ดไวร์ทีละตัวๆ
.....ต้องการกำลังแยะ ต่อแบบบริดจ์ดีกว่าไหมครับคือใช้วงจรแยกสัญญาณเป็นสองเฟสใช้สำหรับการบริดจ์
.....Aleph P1.7 ,ชอบหลอดก็ Tube Differntial ampหรือจะเอาแบบง่ายๆใช้ไอซีก็มีให้เลือกสะดวกสุดก็ DRV134 .....ถ้าต้องการกำลังเพิ่มอีก จะขนานกันกี่คู่ก็ทำได้
.....บริดจ์คู่เดียว ที่ขาออกชนกันที่ขั้วลำโพงได้เลย
.....ถ้าขนานมากกว่า๑คู่ ใช้ตัวต้านทาน(เช่น๐.๑โอห์ม ๕วัตต์ ขึ้นไป) ต่อซีรี่ส์ที่เอ้าท์พุทก่อนรวมกันที่ขั้วลำโพง
ภาคจ่ายไฟ
ง่ายๆแบบลูกทุ่งๆ ไม่ต้องคิดมากคือ
....การเผื่อกระแสหม้อแปลง ชิบ๑ตัว เอาไปเลยแบบเหลือๆเช่นกระแส ๕แอ็มป์ P= I2R (5x5=25x4Ohms =100W) บริดจ์๒-๓คู่ก็เอาไป ๒๐แอ็มป์เป็นต้น(๑๐๐๐วีเอ สำหรับสเตอริโอ)
....เผื่อกระแสไดโอด เช่น ๘แอ็มป์ต่อชิบ MUR860 x4 ,หรือ ๑๖แอ็มป์ต่อชิบ MUR1620 / 1620R หรือ๓๒แอ็มป์ต่อคู่บริดจ์(งานนี้ผมชอบใช้MUR1620 รวบขาต่อเป็นบริดจ์)
....จะใช้ซีฟิลเตอร์ นอกจากยี่ห้อ และรุ่นแล้ว ดูสเป็คฯในดาต้าชีทของผู้ผลิตสักนิด...
......ค่าความสามารถในการจ่ายกระแสริปเปิ้ล(รุ่นใหม่ๆบอกที่ ความถี่๑๐๐กิโลเฮิร์ทซ์ ซึ่งก็มาจากความถี่ของคลื่นสี่เหลี่ยม50kHzหลังผ่านวงจรเรียงกระแส)
.......ใช้ความถี่ต่ำลงพันเท่า(ไฟบ้านเราริปเปิ้ลคือ ๑๐๐เฮิร์ทซ์ ความหนาแน่นของคลื่นเมื่อคิดเป็นพื้นที่ต่อคาบเวลาเจือจางลง หรือถ้าคิดเป็นหน่วยพลังงานจูล ก็จะลดลง) แถมเป็นไซน์เวฟอีกต่างหาก
ต้องคูณด้วยค่าสัมประสิทธิ์ด้วย บางยี่ห้อบอกว่าคูณด้วย 0.7 บ้าง ค่าอื่นบ้าง (จะเป็นเท่าไหร่ต้องดูที่ดาต้าชีทครับ 0.x)
.........นั่นคือความสามารถของซี ในการสูบฉีดกระแสให้วงจร หรือการต่อแบบตรงที่ขาชิบ ก็คือสำหรับสูบฉีดให้แต่ละชิบ
..........เท่าที่ลองมาผมไม่ได้ติดใจกับค่าสิ่งที่กล่าวขานกันว่าต้องค่า " ๑๐๐๐ไมโครฟารัด" เพราะเรื่องเสียง ผลลัพท์ที่ได้ "สูตรใครสูตรมัน" น่าจะตรงประเด็นกว่า
...........ไม่ว่าจะเป็น หม้อแปลง ไดโอด ซี การเลือกใช้ชนิดวัตถุดิบ เทคนิคการผลิต (ยี่ห้อ รุ่น แบบ/ซีรี่ส์) แต่ละท่านล้วนใช้ของไม่เหมือนกัน
จากประสบการณ์บางครั้ง ไดโอด หรือซีที่ถอดๆ จากบอร์ดสวิทชิ่ง(ที่ยังใหม่ๆ ไม่ผ่านการใช้งาน) ก็ให้ผลดีกว่าซีที่สั่งซื้อจากเว็ปฯต่างปท.บางยี่ห้อ บางรุ่นก็มี
ข้อจำกัดเรื่อง การเลือกใช้ชนิดวัตถุดิบ เทคนิคการผลิตอุปกรณ์ (ยี่ห้อ รุ่น แบบ/ซีรี่ส์) แต่ละท่านล้วนใช้ของไม่เหมือนกันนั้น
.........อันนี้เราสามารถศึกษาได้จากเน็ทฯ และดาต้าชีทของผู้ผลิตชิ้นส่วนครับ
ขอให้มีความสุขกับดนตรีทุกท่านครับ
เห็นชอบครับ O0
-
ประมาณนี้ครับ ไม่รวมภาคจ่ายไฟนะครับ
-
มาอัปเดทโปรเจค
ตอนนี้ผมได้แผ่น PCB ตัวดังรูปมา 2 แผ่น จะเอามาต่อแบบบาลานซ์ได้มั๊ยครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เรื่องนี้อ่านแล้วก็งง งงแล้วก็มึนๆ
ดูตามเว็บนี้ http://www.shine7.com/audio/bpa300.htm เค้าต้องมีตัวแปลงจากอันบาลานซ์เป็น บาลานซ์ งั้นถ้าผมมีสันญาณอินบาลานซ์มาอยู่แล้วก็ไม่ต้องใช้ตัวแปลงและก็ใช้แค่ PCB 2 แผ่นนี้ทำได้เลยใช่ปล่าวครับ (เข้าใจถูกมะเนี่ยผม)
-
คุณโตงเตงมีของเล่นเยอะจัง
"ถ้าผมมีสันญาณอินบาลานซ์มาอยู่แล้วก็ไม่ต้องใช้ตัวแปลงและก็ใช้แค่ PCB 2 แผ่นนี้ทำได้เลยใช่ปล่าวครับ (เข้าใจถูกมะเนี่ยผม)"
เข้าถูกต้องแล้วครับ บาลานมี 3 เส้น + g -
เอา +g เข้า PCB แผ่นแรก
เอา - g เข้า PCB แผ่นที่2
-
คุณโตงเตงมีของเล่นเยอะจัง
"ถ้าผมมีสันญาณอินบาลานซ์มาอยู่แล้วก็ไม่ต้องใช้ตัวแปลงและก็ใช้แค่ PCB 2 แผ่นนี้ทำได้เลยใช่ปล่าวครับ (เข้าใจถูกมะเนี่ยผม)"
เข้าถูกต้องแล้วครับ บาลานมี 3 เส้น + g -
เอา +g เข้า PCB แผ่นแรก
เอา - g เข้า PCB แผ่นที่2
มีไม่เยอะหรอกคับ แบบว่าอยากได้นั่นได้นี่ พอเอามาเสดทำไม่เป็นก็เอามาขายต่อ สรุปที่ผ่านๆมาเนี๊ย ผมยังไม่ได้ัฟังเสียงมันซักกะตัว 55555555
ตกลงนี่ก็ต้องใช้ 4 แผ่นแบบคำแนะนำข้างบนๆใช่มั๊ยครับถึงจะเป็น บาลานซ์
-
4 แผ่นครับ
-
มาเพิ่มเติมอีกนิดครับ
ผลของการขนาน แอมป์ ที่นอกเหนือจากการได้กำลังการอัดฉีดกระแสมากขึ้น คื่อเรื่อง Dampling factor ที่เพิ่มขึ้นด้วยครับ (ความสามารถในการหยุดยั้งอาการสั่นครางของดอกลำโพง ห้ามคิดลึกนะครับ 555)
อีกแนวทางการเล่น ic amp แบบ balance ลองแวะเข้าไปดูใน diyaudio ดิ XGC
http://www.diyaudio.com/forums/showthread.php?s=&threadid=36398&perpage=25&highlight=&pagenumber=1
-
อ่าาแจ่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ c) c)
-
ให้ผมทำตัวเดียวให้เวิร์คก่อนเถอะ จะขนานให้ร้อนเลย :yahoo
-
jeff rowland ;D ;D