HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: 6922 ที่ 21 มกราคม, 2009, 02:27:35 pm
-
:headphoneทำไม CD เสียงดีกว่า MP3 ครับ แล้วถ้าเราใช้ DAC แปลงจาก MP3 เสียงจะสู้ CD ได้ไหมครับ :headphone
-
ในความคิดของผมถ้าต้นน้ำไม่ดีก็ทำให้ดีอยากคับ
-
แน่อยู่แล้วครับ ข้อมูล CD บันทึกกันตรงๆ แต่ mp3 เพื่อลดขนาดข้อมูล ตัดปลายแหลมกับทุ้มลึกไป(มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับการเลือก)
ลดความหนาแน่นของข้อมูลลง ลดมากรายละเอียดก็ยิ่งหาย เสียงบางลง
-
:headphone แล้วถ้าเราใช้ DAC แปลงจาก MP3 เสียงจะสู้ CD ได้ไหมครับ :headphone
ถ้า CD ไป DAC ใช้เครื่องเดียวกับ MP3ไป DAC ยังไงก็สู้กันไม่ได้ครับ แต่ถ้าแปลงดีๆ เสียงใกล้ๆกันมาก เป็นไปได้ครับ
แต่ถ้า เล่น CD กับเครื่องเล่น DVDไม่ใช้ DAC ส่วน MP3 ใช้ DAC ด้วย อันนี้ ถ้าDAC ดีมากๆ อาจจะชนะCD กับเครื่องเล่น DVDได้
-
:headphone แล้วถ้าเราใช้ DAC แปลงจาก MP3 เสียงจะสู้ CD ได้ไหมครับ :headphone
ถ้า CD ไป DAC ใช้เครื่องเดียวกับ MP3ไป DAC ยังไงก็สู้กันไม่ได้ครับ แต่ถ้าแปลงดีๆ เสียงใกล้ๆกันมาก เป็นไปได้ครับ
แต่ถ้า เล่น CD กับเครื่องเล่น DVDไม่ใช้ DAC ส่วน MP3 ใช้ DAC ด้วย อันนี้ ถ้าDAC ดีมากๆ อาจจะชนะCD กับเครื่องเล่น DVDได้
ขึ้นอยุ่กับความละเอียดของไฟล์ MP3 ด้วยล่ะครับ ถ้าจะให้ 128K/44KHz ไปชนะ CD Audio ผมว่าไม่มีทางครับ
ว่าแต่ึคุยกันเรื่อง Player หรือไฟล์เนี่ยครับ ผมงง K]
-
เพาระว่า MP3 เป็นข้อมูลที่ถูกบีบอัดมาเพื่อลดข้อมูลให้เหลือน้อยลงครับ
-
ผมอ่านมาครับ....
การตอบสนองความถี่ ด้าน MP3 จะโดนตัดเหลือแค่ 16khz เท่านั้นเองครับ
ด้านเสียงต่ำรู้สึกจะตัดเหลือประมาณ 40hz กราฟจะเป็นกระดองเต่าเลย ขณะที่ซีดี
ยังเป็นเส้นตรงอยู่
-
:headphone แล้วถ้าเราใช้ DAC แปลงจาก MP3 เสียงจะสู้ CD ได้ไหมครับ :headphone
ถ้า CD ไป DAC ใช้เครื่องเดียวกับ MP3ไป DAC ยังไงก็สู้กันไม่ได้ครับ แต่ถ้าแปลงดีๆ เสียงใกล้ๆกันมาก เป็นไปได้ครับ
แต่ถ้า เล่น CD กับเครื่องเล่น DVDไม่ใช้ DAC ส่วน MP3 ใช้ DAC ด้วย อันนี้ ถ้าDAC ดีมากๆ อาจจะชนะCD กับเครื่องเล่น DVDได้
ขึ้นอยุ่กับความละเอียดของไฟล์ MP3 ด้วยล่ะครับ ถ้าจะให้ 128K/44KHz ไปชนะ CD Audio ผมว่าไม่มีทางครับ
ว่าแต่ึคุยกันเรื่อง Player หรือไฟล์เนี่ยครับ ผมงง K]
ทั้ง Player และ ไฟล์เครับพี่ MrHelix
อยากถามพี่ๆอีกข้อ 1ครับ แล้ว turntable เสียงจะต่างจาก CD มากไหมครับไม่เคยฟังจริงๆ K]
-
มี 2 ส่วนคับ
1. MP3 ส่วนใหญ่เป็นการบีบอัดขนาดไฟล์ให้เล็กลง เพื่อประหยัดเนื้อที่เก็บ โดยการเข้ารหัสเฉพาะเสียงที่หูของมนุษย์จะได้ยินเท่านั้น เวลาเล่นกลับรูปคลื่นเสียงที่ถอดรหัสจึงไม่เหมือนคลื่นต้นฉบับ ไฟล์ wav ในแผ่นซีดี
แต่ปัจจุบันสามารถเลือกให้บีบอัดแบบ lossless ที่จะกลับมาเป็นคลื่นเสียงต้นฉบับเดิมได้ ซึ่งมีฟอร์แมตอื่น เช่น flac, ape, wma, ogg ทำได้มาก่อน
2. เสียงจะดีไม่ดีขึ้นกับวงจรภายในและเกรดอุปกรณ์ด้วย เครื่องเล่น MP3 ราคาถูก ก็จะมีข้อด้อยในเรื่องพวกนี้ ต้องหา DAC ดีๆมาต่อเล่นไฟล์ MP3 ดูแทน
แต่อยากให้ไปลองฟัง iPhone ดูคับ เสียงดีมากเลยละ O0
-
:headphone แล้วถ้าเราใช้ DAC แปลงจาก MP3 เสียงจะสู้ CD ได้ไหมครับ :headphone
ถ้า CD ไป DAC ใช้เครื่องเดียวกับ MP3ไป DAC ยังไงก็สู้กันไม่ได้ครับ แต่ถ้าแปลงดีๆ เสียงใกล้ๆกันมาก เป็นไปได้ครับ
แต่ถ้า เล่น CD กับเครื่องเล่น DVDไม่ใช้ DAC ส่วน MP3 ใช้ DAC ด้วย อันนี้ ถ้าDAC ดีมากๆ อาจจะชนะCD กับเครื่องเล่น DVDได้
ขึ้นอยุ่กับความละเอียดของไฟล์ MP3 ด้วยล่ะครับ ถ้าจะให้ 128K/44KHz ไปชนะ CD Audio ผมว่าไม่มีทางครับ
ว่าแต่ึคุยกันเรื่อง Player หรือไฟล์เนี่ยครับ ผมงง K]
สนับสนุนคุณ MrHelix อีกคนครับ ว่า MP3 จะให้ละเอียดแค่ไหนก็สู้ ต้นฉบับไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเป้น lossless FLAC, Apple Lossless Audio Codec, ALAC หรือ Wav AIFF ก็มีทางเป็นไปได้ครับที่จะเหนือกว่า
-
แล้วถ้าได้เป็นไฟล์ MP3 มาจากอินเตอร์เน็ต แล้วมาเขียนลงแผ่นซีดี สุ้มเสียงจะเหมือน MP3 หรือป่าว หรือโปรแกรมที่เราใช้เขียนแผ่นอย่าง Nero จะถอดรหัสได้เหมือนต้นฉบับ K] K]
-
แล้วถ้าได้เป็นไฟล์ MP3 มาจากอินเตอร์เน็ต แล้วมาเขียนลงแผ่นซีดี สุ้มเสียงจะเหมือน MP3 หรือป่าว หรือโปรแกรมที่เราใช้เขียนแผ่นอย่าง Nero จะถอดรหัสได้เหมือนต้นฉบับ K] K]
อาจจะดีขึ้นเล็กน้อย เพราะ nero จะเติมข้อมูลให้ได้ขนาดมาตรฐาน CD ซึ่งเป็นการ up sampling ให้ข้อมูลเยอะขึ้น
แต่ยังไงตัวข้อมูลที่ใช้ก็ถูกตัดทอนไปตอนที่ทำเป็น MP3 แล้ว ดีขึ้นยังไงก็ไม่เท่า CD
-
เข้ามาอ่าน :whistling :whistling
-
2. เสียงจะดีไม่ดีขึ้นกับวงจรภายในและเกรดอุปกรณ์ด้วย เครื่องเล่น MP3 ราคาถูก ก็จะมีข้อด้อยในเรื่องพวกนี้ ต้องหา DAC ดีๆมาต่อเล่นไฟล์ MP3 ดูแทน
แต่อยากให้ไปลองฟัง iPhone ดูคับ เสียงดีมากเลยละ O0
มายืนยันครับว่าเจอกับตัวเหมือนกัน ผมเคยลอง MP3 แบบ noname เทียบกับเจ้าตัวใช้ประจำของ creative เสียงต่างกันมากๆ เลย(เสียบลองเข้าแอมป์น่ะครับ)
แต่ตอนนี้ขี้เกียจชาร์จแบตฯ บ่อยๆ พอแบตฯ หมดก็เสียบฟังจากโทรศัพท์ i-mobile เสียงไม่เลวเหมือนกัน :secret
สำหรับผม MP3 128K ถ้าเครื่องเล่นดีๆ ผมก็สุขแล้วครับ :headphone
ผมลองต่อเข้าแอมป์เทียบเสียงกับ CD จากเครื่องเล่นถูกๆ ยี่ห้อนึง(ไม่บอกยี่ห้อละกัน) จากช่อง line out เสียง MP3 ผมดีกว่า CD ซะอีกครับ อิอิอิ d_d
ว่าแต่อ่านๆ ดูก็ชักสนใจ DAC DIY จาก digital out เหมือนกันแล้วล่ะครับ.... เดี๋ยวรอให้เลิกสูบหลอดก่อนจะไปลอง DAC ต่อครับ(งบน้อยอ่ะ :D)
-
เคยฟัง mp3 320kb/s เที่ยบกับ cd เสียงยังคนละเรื่องครับ แต่ถ้าฟังเอามันส์ เอาถูกเข้าว่า ยังไงก้อ mp3 ครับ :headphone
-
ผมว่าอุปกรณ์ยิ่งดีก็ยิ่งฟ้องคุณภาพ MP 3 นะครับ
แต่ถ้าคิดฟังแค่เพลินๆก็โอเค เพราะบางเพลงมันหาได้แต่ MP3
-
....
เพื่อนๆท่านอื่น อธิบายมาแล้ว มองภาพให้เข้าใจง่ายๆแบบนี้ครับ
คลื่นเสียงที่เอาไปแปลงไฟล์เป็น MP3 จะถูกตัดบางส่วน ก็คิดดูแล้วกันว่าอะไรหายไปบ้าง เพื่อให้มีขนาดเล็กลงดังภาพครับ.....( แบบง่ายๆนะ) :yahoo
-
....
เพื่อนๆท่านอื่น อธิบายมาแล้ว มองภาพให้เข้าใจง่ายๆแบบนี้ครับ
คลื่นเสียงที่เอาไปแปลงไฟล์เป็น MP3 จะถูกตัดบางส่วน ก็คิดดูแล้วกันว่าอะไรหายไปบ้าง เพื่อให้มีขนาดเล็กลงดังภาพครับ.....( แบบง่ายๆนะ) :yahoo
มันตัดยอดแบบนี้เลยเหรอครับ ผมว่าไม่ใช่ค้าบ :black_eye
-
มันตัดยอดแบบนี้เลยเหรอครับ ผมว่าไม่ใช่ค้าบ :black_eye
ผมก็แจ้งแล้วว่า ให้มองภาพ แบบง่ายๆ เท่านั้น ส่วนการทำงานจริงๆนั้น ก็ว่ากันไปครับ
;D
ลดขนาดข้อมูล ตัดปลายแหลมกับทุ้มลึกไป(มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับการเลือก)
ลดความหนาแน่นของข้อมูลลง ลดมากรายละเอียดก็ยิ่งหาย เสียงบางลง
ผมอ่านมาครับ....
การตอบสนองความถี่ ด้าน MP3 จะโดนตัดเหลือแค่ 16khz เท่านั้นเองครับ
ด้านเสียงต่ำรู้สึกจะตัดเหลือประมาณ 40hz กราฟจะเป็นกระดองเต่าเลย ขณะที่ซีดี
ยังเป็นเส้นตรงอยู่
มี 2 ส่วนคับ
1. MP3 ส่วนใหญ่เป็นการบีบอัดขนาดไฟล์ให้เล็กลง เพื่อประหยัดเนื้อที่เก็บ โดยการเข้ารหัสเฉพาะเสียงที่หูของมนุษย์จะได้ยินเท่านั้น เวลาเล่นกลับรูปคลื่นเสียงที่ถอดรหัสจึงไม่เหมือนคลื่นต้นฉบับ ไฟล์ wav ในแผ่นซีดี
-
ผมว่าเป็นแบบนี้ครับ
สมมุติว่าเพลงที่เราจะฟังจริงๆเป็นคลื่นเสียงตามรูปล่างสีน้ำเงินครับ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นรูปสวยงามสมมาตรอย่างนี้น๊ะครับ มันจะซับซ้อนกว่ามาก และรูปสี่เหลียมเล็กๆบนเส้นคลื่นเสียงคือจุดที่จะเลือกเก็บเป็นข้อมูลครับ จากรูปล่างทั้งหมด เราเลือกเก็บเป็นข้อมูล 21 จุด (อาจเก็บได้ 30 เพลงใน 1 CD เพราะต้องเก็บข้อมูลต่อเพลงมากกว่า) กับรูปบนที่เราเลือกเก็บแค่ 7 จุด (อาจเก็บได้ 100 เพลงใน 1 CD เพราะเก็บข้อมูลต่อเพลงน้อยกว่า) ถ้าเป็นเพลงจากแผ่น CD อาจจะเลือกเก็บข้อมูลเป็น 1000 จุดบนเส้นคลื่นเสียงนี้ครับ (อาจเก็บได้แค่ 12 เพลงใน 1CD) ข้อมูลจะเป็นแบบดิจิตอลครับ
ทีนี้พอเอามาฟังเป็นเพลงก็จะต้องแปลงข้อมูลที่เก็บเนี่ยออกมาเป็นคลื่นเสียงครับ ข้อมูลขนาด 1000 จุดก็จะให้คลื่นเสียงที่ใกล้เคียงต้นฉบับมากกว่า ในขณะที่ข้อมูลที่เลือกเก็บ 21 จุดก็ใกล้เคียงแต่ไม่เท่ากับ 1000 จุด แต่ถ้ามาดูข้อมูลที่เก็บแค่ 7 จุด พอแปลงมาแล้ว เนื่องจากความละเอียดของข้อมูลมันน้อยมาก จึงแปลงได้เป็นคลื่นเสียงสีน้ำเงินรูปบน ซึ่งจะเห็นว่ามันเพี้ยนไปจากต้นฉบับมากครับ
ทีนี้การเก็บข้อมูลแบบmp3 ที่มีความละเอียดไม่มากเช่น 128Kbps ซึ่งเป็นแบบที่เพลง mp3 ที่ขายในบ้านเราแผ่นนึงมี 100 เพลงก็จะให้เสียงที่ไม่ละเอียดครับ เช่นเสียงฉิ่งฉาบบางตอนก็เสียงดีบางตอนก็เสียงไม่ดีครับ ขอยืนยันนั่งยันและก็นอนยัเลยครับ แต่ถ้าตามweb torrent ฝรั่งเขาจะใช้แบบ 320Kbps มันก็จะละเอียดขึ้นมากๆเกือบจะเทียบเท่า CD ได้เลยครับ แต่มันก็ยังไม่เท่าCD อยู่ดีครับ
-
อยากจะบอกว่า ต้นเหตุหลักก็อย่างที่คุญ redbook บอกนั่นแหละครับ (ลองไปหาศึกษากันดู) ตรงเป๊ะ ถ้าจำไมผิด sony เป็นต้นความคิดตอนนั้นถูกต่อต้านจากค่าผลิตเพลงเป็นอย่างมาก ส่วนอื่น ๆ ก็เป็นปลายเหตุทั้งนั้นครับ ก็รอ PM3 Pro ครับเขาว่ารับรอง O0
-
ผมว่าต้องไล่ไปถึง การเข้ารหัส การถอดรหัส กันเลยละครับ เอาทั้ง PCM Delta กันเลย อุอุ ไม่รู้ว่ามีรูปแบบอื่นอีกรึเปล่า
เอาเป็นว่าเราอุดหนุนของแท้กันดีกว่าครับศิลปินที่เราชอบจะได้มีกำลังใจ
ผมใช้ Ipod แล้วก็ซื้อ I KEY ไป ดาวน์โหลดที่ i Studio เอาครับ เสียงก็ พอได้อยู่ครับ
ปล.ทำไมค่ายเพลงสตริงเดี๋ยวนี้ชอบอัดเสียงมาแย่ๆ เพลงเดียวกันฟังจากไฟล์ที่เล่นสด เสียงดีกว่าห้องอัดก็มี K]
-
ให้มองภาพ แบบง่ายๆ เท่านั้น ส่วนการทำงานจริงๆนั้น ก็ว่ากันไปครับ
เอาง่ายๆมาให้ดูและฟังอีกอันนึง :D
แผ่นสมัยใหม่อัดเสียงมาดังๆต่างจากเดิมอย่างไร - มาลองฟังกัน
มันเป็นปัญหาของ over compression ครับ
"ทำไมคนทำแผ่นต้องปรับเสียงมาให้ในแผ่น เพราะคนฟังสามารถปรับความดังตามต้องการได้เอง"
ไปฟังกันที่นี่
http://youtube.com/watch?v=3Gmex_4hreQ
เขาเรียกว่า Loudness War !!
http://en.wikipedia.org/wiki/Loudness_war
อย่างนี้เรียก ซาวน์เอ็นจิเนียร์หูตะกั่วได้ไห๊ม ?