HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: pollock ที่ 19 กุมภาพันธ์, 2009, 12:02:11 am
-
อยากรู้ระหว่าง CD Rega Planet VS. Marantz CD17 ครับ
ไม่ทราบว่าทั้ง 2 ตัวนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้างครับ?
แล้วถ้าแนะนำ จะแนะนำตัวไหนครับ?
ขอบคุณครับ
-
พอดีกระทู้ตกลงไป เลยขอดึงขึ้นมารอฟังคำตอบครับ
ขอบคุณครับ
-
Rega Planet เนื้อเสียงและจังหวะมีความนุ่มนวล ออกไปในทางสุภาพราบรื่นและต่อเนื่อง ติดหวานเล็กน้อย ไม่จะแจ้งหรือเปิดพุ่ง เหมาะกับท่านที่ไม่ชอบเสียงจัด แผ่เสียงกว้างไกลจนคล้ายว่าจะเกินธรรมชาติ เหมาะสมกับแอมป์ที่ให้น้ำเสียงสดกระชับกระเฉง (เพราะมันอืดๆช้าๆ)
Marantz cd17 จะให้เนื้อเสียงที่อิ่มเอิบ มีมวล เสียงหนา โดดเด่นมากๆเรื่องความต่อเนื่อง และสามารถใช้กับสำหรับแหล่งโปรแกรมที่ด้อยคุณภาพพอสมควร
รุ่นที่ใหม่ขึ้นเช่น MKII และ MKIII จะให้เนื้อเสียงที่กระชับปราดเปรียวมากขึ้นตามความใหม่ของรุ่น ความเข้มข้นอิ่มหนาของเนื้อเสียงลดลง การแจกแจงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ชัดเจนขึ้น เสียงจะละเอียดประณีตมากขึ้น หัวโน้ตชัดคมเด็ดขาดมากขึ้น
คงไม่แนะนำตัวไหน เพราะดีทั้งคู่ ลองฟังดูเองครับ
แต่ถ้าเปรียนเทียบกับ CD16 หรือรุ่นที่สูงกว่า ผมเลือกตัวนี้ให้เลยครับ เพราะดีกว่าแน่นอน
-
แนะนำใช้ dvd ธรรมดา K] K] แล้วมา DIY DAC เล่นกันดีกว่า จูนให้ถูกหูถูกใจถูกตัง ได้ไม่ยากครับ :secret
-
เคยเล่นทั้ง planet2000 / cd17mkIII บอกไม่ได้ว่าชอบตัวไหนมากกว่ากัน ดีทั้งคู่ครับ แต่ planet2000 เบื่อแล้วภาค transport เค้าว่าเยี่ยม สามารถ อัพฯ dac ดีๆ ได้อีก
-
ขอบคุณมากครับ คิดไม่ออกว่าจะเอาตัวไหนดี เพราะไปทั้ง 2 ที่คงหมดเงินกับ Taxi ไม่พอที่จะซื้อเครื่องล่ะครับ
แล้วถ้า ผมกะว่าซื้อมาเผื่ออนาคตด้วย เช่นการปล่อยต่อด้วยละครับ?
ขอบคุณมากครับพี่
(อาจจะมีคำถามต่ออีกในอนาคตครับ)
อ้อ ผมใช้กับ Amp Nad C372 + NHT Super One ครับ
-
ปล่อยง่ายทั้งคู่ครับ ที่จำได้ผมเคยซื้อ cd17mkIII ใหม่แกะกล่องมาประมาณสามหมื่น ใช้ไปไม่ถึงปีมั้ง ขายเหลือ สองหมื่น หรือสองหมื่นหนึ่ง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ต่อจากนั้นมาอีกสองปี ราคาแทบไม่ตก เฮ้อ แต่ planet2000 ซื้อก้อราคาตกช้าเช่นกันครับ ไม่ต้องกังวล
-
CD Rega Planet หรือ CD Rega Planet 2000 ครับ ตรวจสอบให้ชัวร์นะครับ
เพราะมันคนละตัวกันนะครับ
และออกมาเวลาต่างกันราคามือ 2 ก็ต่างกันนะครับ
ได้ยินมาว่า CD Rega Planet อะไหล่มือ 2 หาไม่ได้แล้วนะครับ ส่วนใหญ่ขายเพราะไม่มีอะไหล่ครับราคาจึงตกมากกว่าครับ
-
CD Rega Planet ตัวสีดำครับ ไม่ใช่รุ่น 2000 น่ะครับ
จากอุปกรณ์ที่ผมมีอยู่ ใช้ CD ตัวไหนก็แมทส์กันใช่มั้ยครับ?
กลัวเรื่องมันเข้าชุดกันไม่ได้
-
โอ้ว เก่าทั้งคู่เลย no comment ดีกว่าอ่ะครับ แหะๆ
-
planet ตัวที่ transport อยู่ด้านข้างใช่ไหมครับ
เอา planet ครับ เผื่อ transport มาต่อ DAC ที่เราทำเองไง... ;)
แต่ถ้าเป็น planet ตัวที่ transport อยู่เอียงข้าง ราคาแรงไปหน่อยนะ ;)
-
แนบรูปมาด้วยครับ
ฝากพิจรณาด้วยครับ ผมดูไม่เป็นอ่ะครับ
ถ้ารุ่นนี้แพงไป คงซื้อ CD17 (ถ้ายังอยู่)
ขอบคุณครับ
-
ใช่ครับรุ่นนี้ครับ...ที่ผมชอบ Rega ก็ตรง transport ละครับ
แต่ทั้งสองตัวนี้อายุมากแล้วนะครับ...ตรวจสอบดีๆครับ
-
ขอบคุณครับพี่
ผมคิดว่าคงเลือก CD17 เนื่องจากมาคิดถึงเรื่องอะไหล่ด้วยน่ะครับ น่าจะหาได้ง่ายกว่าน่ะครับ กลัวแค่มีคนซื้อไปก่อนเท่านั้นเอง เพราะเงินยังไม่ถึงครับ
c)
-
ผมว่าไม่น่าเล่น เพราะหาอะไหล่ยาก โดยเฉพาะกลไก และหัวอ่าน บ้านหม้อเก็บหมดแล้ว อมรก็เก็บทิ้งแล้ว ไม่เกิน 3 ปี ฟอร์แมตฮาร์ดิสจะแทนที่โดยสมบูรณ์ แน่นอน(เครื่องพวกยุโรปทำออกมาขายแล้วอย่างอาร์แคม)
-
ซื้อ CD17 มาแล้วครับ
ความลื่นไหลของดนตรีดีมากๆเลย แต่รู้สึกเสียงจะแคบไปนิด (ตามความเคยชินของผม)
เมื่อก่อนเคยใช้ Technics เสียงกว้างมาก
ได้น้ำหนักและเนื้อเสียงดีครับ ฟังสบายมากเลยครับ
แต่ขอถามอีกนิดนึง คือเครื่องตัวนี้เห็นว่าใช้หัวอ่านของ Phillps ทีนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่ารุ่นไหน ท่านใดพอจะทราบบ้างมั้ยครับ?
อีกสัก 2-3 เดือนไว้เก็บเงินได้แล้วจะได้ไปซื้อมาสำรองไว้นะครับ ตอนนี้ไม่มีอาการใดๆ
กลัวในอนาคตมีปัญหาแล้วหาอะไหล่ไม่ได้
ขอบคุณครับ
:)
-
หัวของ Rega ก็หาไม่ยากครับ Rega ใช้หัวของ Sony
-
ผมว่าเล่นตัวเดิมแล้วลงทุนกับDACดีกว่าครับ อนาคตไม่ไกลนี้ฟอร์แมตฮาร์ดิสน่าจะมาครับอย่างที่คุณAMP150ว่า
-
ผมว่าเล่นตัวเดิมแล้วลงทุนกับDACดีกว่าครับ อนาคตไม่ไกลนี้ฟอร์แมตฮาร์ดิสน่าจะมาครับอย่างที่คุณAMP150ว่า
หัวหน้าที่ทำงานเก่าผมก็บอกว่าให้ผมลองใช้ DAC ดู
แต่ผมก็อย่างลองดูว่าเสียงเครื่องตัวนี้เป็นยังไงน่ะครับ อยากได้ด้วยล่ะ เหอๆ 0)]
แต่ปัญหาคือ ต้องรีบหาทางหาเงินมาหมุนแล้วครับ ไม่งั้นเดือนนี้ซวยแน่เลย
ขอบคุณคร๊าบ
O0
-
คุณ pollock ใช้ชุดเครื่องเสียงอะไรอยู่ครับ และได้ CD17 มาแล้ว แม็ทช์กับชุดที่ใช้อยู่หรือเปล่าครับ
-
ราคานี้เป็นรอง CD-ROM + DAC แน่นอนครับ ฟันธง
-
คุณ pollock ใช้ชุดเครื่องเสียงอะไรอยู่ครับ และได้ CD17 มาแล้ว แม็ทช์กับชุดที่ใช้อยู่หรือเปล่าครับ
ผมใช้ NAD C542+NAD C372+NHT Super One อยู่น่ะครับ
CD17 ตัวนี้ก็เอามาใช้คู่หรือแทนกับ NAD C542 ครับ
เสียงที่ได้ก็คิดว่าแมทส์กันนะครับ แต่ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปบ้างทั้งในเรื่องมิติและแนวเสียงน่ะครับ ได้ความไหลลื่น ฟังสบายมา แต่รู้สึกขาดๆอะไรไปบางอย่างน่ะครับ
ส่วน DAC ตรงนี้ผมว่าอาจจะอีกปีหนึ่ง ขอเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวสักหน่อยน่ะครับ ตอนนี้ผลาญเงินไปเยอะเหลือเกินครับ
ขอบคุณครับ
-
ผมว่าเล่นตัวเดิมแล้วลงทุนกับDACดีกว่าครับ อนาคตไม่ไกลนี้ฟอร์แมตฮาร์ดิสน่าจะมาครับอย่างที่คุณAMP150ว่า
เห็นด้วยกับอาจารย์วิมครับ ไฟร์ดอทเวปจากห้องอัดกำลังจะออกมาขายในเมืองไทยภายในปีนี้ การเล่นเพลงจากฮาร์ทดิสซ์ คือการใช้ PC บวกชาวด์การ์ดดีๆ หรือ DAC ดีๆ กำลังจะมาครับ DVD Player อาจจะยังคงอยู่ได้เฉพาะที่รองรับ 24/176.4 ได้ เเละเเผ่น DVD ยังสามารถเอาเพลงจากเเผ่น CD ไส่ลงไปได้ถึง 2 เเผ่น CD ต่อ DVD 1 เเผ่นครับ (ที่ 24/176.4)
-
ผมว่าอย่าเพิ่งไปตื่นเต้นกับเทคโนโลยีแบบใหม่เลยครับ บางทีมันอาจจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นตอนที่เปลี่ยนจาก CD Audio มาเป็น DVD Audio หรือเปลี่ยนจาก 2 CH มาเป็น 5.1 , 6.1 หรือ 7.1 ก็ได้ครับ และท้ายสุดก็กลับมาใช้เทคโนโลยีเก่าที่ใช้ CD และ ลำโพง 2 CH เหมือนเดิม เพราะราคาที่เทียบกับคุณภาพของเทคโนโลยีแบบนี้มีความคุ้มค่ามากที่สุดครับ
-
ผมกำลังทดลองใช้อยู่ครับ ลองฟังไฟล์ APE จากคอม ผ่าน DAC เทียบกับ ซีดีผ่าน DAC ด้วยเพลงเดียวกัน เสียงที่เล่นจากคอม ไม่ด้อยกว่า ซีดีเลยครับ ความถี่ต่ำ ๆ จะดีมากกว่าซีดี แบคกราวด์เงียบกว่าด้วยครับถ้าไม่นับ DAC ลงทุนแค่ ไม่กี่พันครับ (แตคอมและตัวคอนเวิร์ส USB เป็น SP dif ่ของผมได้รับบริจากมาครับ ... คนตกงานบริจากให้ผม ;D ;D ;D ;D)
ส่วนเครื่องเล่นซีดี แบรนด์เนม ผมเลิกเล่นไปนานแล้ว ราคา 20000-40000 เท่าที่ลองฟังมา เกือบ 10 ยี่ห้อ ผมชอบ ซีดี+DAC มากกว่าครับ ลงทุนก็ถูกกว่าด้วย 2f 2f 2f 2f 2f
-
ผมว่าอย่าเพิ่งไปตื่นเต้นกับเทคโนโลยีแบบใหม่เลยครับ บางทีมันอาจจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นตอนที่เปลี่ยนจาก CD Audio มาเป็น DVD Audio หรือเปลี่ยนจาก 2 CH มาเป็น 5.1 , 6.1 หรือ 7.1 ก็ได้ครับ และท้ายสุดก็กลับมาใช้เทคโนโลยีเก่าที่ใช้ CD และ ลำโพง 2 CH เหมือนเดิม เพราะราคาที่เทียบกับคุณภาพของเทคโนโลยีแบบนี้มีความคุ้มค่ามากที่สุดครับ
ดีครับออกมาเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายๆ ความคิด ความเเตกต่างทางความคิดนี้ ขออย่าให้เป็นความเเตกเเยกกันนะครับ ทุกคนล้วนมีเหตุผลรองรับความคิดของตนเอง เพื่อให้เพื่อนในนี้ ที่ยังไม่เข้าใจ ได้เลือกตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง จากหลายๆ ความคิดเห็นของพวกเราในนี้ ผมขอเเสดงเหตุผล ที่รองรับความคิดเห็นของผมดังนี้ครับ
1. CD Format ใช้เวลามานานสมควรเเก่เวลาที่จะเปลี่ยน มีความเหมาะสมทางด้านเทคโนโลยี่ที่พร้อมมากขึ้นกว่ายุคเก่า ที่การเก็บข้อมูลเข้าไว้ในเเผ่นเพลงได้ไม่มากเท่าปัจจุบันนี้ หรือเเม้เเต่ H/D ก็มีราคาถูกลงเป็นอย่างมาก
2. ด้วยความจุของเเผ่นที่ยังไม่พร้อม Sampling Rate ที่สูงกว่านี้ได้ จึงทำได้เเค่สองเท่าของเสียงที่เราได้ยิน จริงๆ เเล้ว Sampling Rate เเค่นี้มันก็ยังไม่พอเพียง มีทฤษฏีที่เขียนไว้ก็ยังบอกว่า อย่างน้อย Sampling Rate ต้องสองเท่าขึ้นไป ยิ่งมากก็ยิ่งดี (ก็ดูชุดอัดเสียง จากห้องอัดยังใช้ Sampling Rate กันสูงๆ ก็น่าจะยืนยันเรื่องนี้ได้) เเต่เมื่อมันยังติดอยู่ที่ความสามารถในการเก็บข้อมูลของเเผ่น CD เเต่่ตอนนี้มีความพร้อมกว่าช่วงที่ SACD หรือ DVD Audio ออกมาขายกัน ความจุระดับเเผ่น Blue Ray คือปัจจุบันครับ
3. การที่ SACD หรือ DVD Audio ไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุหนึ่งหลายๆ คนบอกว่าเสียงมันบางเกินไปนั้น (ความเห็นส่วนตัว) ผมคิดว่าการออกเเบบเเอมป์เเละลำโพงรุ่นใหม่ๆ ได้รองรับ CD Format มากกว่า (คือให้เนื้อเสียงกำลังพอดีกับความชอบของราเมื่อเล่นกับเเผ่น CD) เป็นเรื่องจริงที่ว่าการอัปเเซมปลิ่ง มันจะทำให้มีรายละเอียดสูงขึ้น เเละมีผลต่อเสียงที่จะออกมา บาง นั้นเป็นเรื่องจริง เเต่เมื่อผมได้ทดลองใช้กับชุดที่เป็นของโบราณหน่อย (Krell รุ่น KSA กับลำโพง FOCUS Audio รุ่นเก่าที่ยังมีเสียงหนาๆ อยู่ ไม่โปร่งบางเหมือนรุ่นใหม่) ในความชอบส่วนตัวผมคิดว่าเนื้อเสียงออกมาพอดี เเละทำให้ของโบราณของผมกลายเป็นเสียงจากเครื่องเสียงรุ่นใหม่ไปเลยละครับ เเต่ต่อไปข้างหน้า วิศวกรที่ออกเเบบเครื่องเสียงก็อาจมีการทำเเอมป์ให้เนื้อเสียงเหมาะสมกับฟอร์เเมทนี้มากขึ้นนะครับ (จริงๆ เเล้วเเค่การเปลี่ยน คอปปลิ่งเเคบคู่เดียวก็ได้ความหนาของเสียงขึ้นมาได้เเล้ว)
4. การ Down Sampling จะทำให้เกิดความศูนย์เสียบรรยากาศของสิ่งที่ควรจะได้ยินจากการบันทึกเสียงไปเป็นอย่างมาก หากไฟร์เพลงจากห้องอัดออกมาขายในเมืองไทยกันปีนี้ เเบบสะดวกซื้อเเละราคาสมเหตุผล CD Player ที่เราซื้อไว้ จะขายออกลำบากนะครับ ผมขอเตือน
5. วันนี้ผมมีเวลาน้อยรีบๆ เขียนขอเเค่นี้ก่อนละกัน เเละอยากจะบอกว่า โลกของเครื่องเสียงไม่เคยหยุดนิ่งครับ มีสิ่งที่จะให้เราเสียตังค์กันได้เรื่อยๆ ละครับ ใครฉลาดซื้อขาย ก็ขาดทุนน้อยหน่อย
-
อืม....ม เหตุผลที่พี่ PINIJ ให้มาก็น่าคิด มีความเป็นไปได้สูง แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจในการขายเพลงของพ่อค้าเพลงมากเท่าไรนัก กลัวว่าจะมีการป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ให้สามารถ Copy เพลงได้ เพื่อที่จะได้ตั้งราคาสูงเกินจริง ก็เท่ากับว่าเราโดยเอาเปรียบมากขึ้นรึเปล่า อันนี้เป็นข้อที่ผมกลัวครับ
-
มองย้อนกลับไปก็มีเทคโนโลยีที่ตายสนิทแล้วมากมายนะครับ
เทปคาสเซ็ต, เทป..วนไม่รู้จบ (ผมเกิดไม่ทัน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร), วีดีโอเทป VHS, เบต้าแม็ก, เลเซ่อร์ดิส, ...
วีซีดี กำลังจะไป, ซีดีก็คงไม่ช้าไม่นาน
ผมเชื่อว่า ถึงวันที่ระบบเสียงดิจิตัลเก็บข้อมูลได้ละเอียดไกล้เคียงจำนวนจริงเมื่อไร
เครื่องเล่นแผ่นเสียงก็อาจจะไปด้วย
-
มองย้อนกลับไปก็มีเทคโนโลยีที่ตายสนิทแล้วมากมายนะครับ
เทปคาสเซ็ต, เทป..วนไม่รู้จบ (ผมเกิดไม่ทัน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร)
เทปรีลครับ.... :drunk :drunk
-
มองย้อนกลับไปก็มีเทคโนโลยีที่ตายสนิทแล้วมากมายนะครับ
เทปคาสเซ็ต, เทป..วนไม่รู้จบ (ผมเกิดไม่ทัน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร)
เทปรีลครับ.... :drunk :drunk
อันนี้เป็นเทป 8 แทรคครับ เป็นกล่องแบบคาสเซ็ท แต่ใหญ่และหนากว่าคาสเซ็ท เล่นวนได้คลอด
ป.ล. ไม่เคยเล่น แต่เคยเห็นครับ
-
เทปแปดแทร็คน่าจะถูกครับ
ส่วนเทปรีล บางทีเรียกว่า เทปโอเพ่นรีล อันนี้ผมเคยฟังตอน ป.1
มีแต่เพลงงิ้ว ฟังไม่รู้เรื่อง N]
-
4. การ Down Sampling จะทำให้เกิดความศูนย์เสียบรรยากาศของสิ่งที่ควรจะได้ยินจากการบันทึกเสียงไปเป็นอย่างมาก
ผมเข้าใจครับ เนื่องจากคลื่นความถี่ที่สูญเสียไปด้วย ทำให้การรับรู้ความอวบอิ่มของน้ำเสียงและอื่นๆสูญหายไปบ้าง (เพราะบันทึกลงดิจิตอล ไม่ใช่อนาล็อก)
ทีนี้ การจะหันมาเล่นไฟล์ต้นแบบดังกล่าว ต้องมาดูกันอีกทีอ่ะครับ ว่าเพลงที่ผมฟังๆอยู่ มันมีผลิตออกมามั้ย หลายๆเพลงเป็นเพลงที่ไม่ค่อยมีคนนิยมฟัง และผมก็ฟังเพลงที่ไม่ได้มีในท้องตลาดด้วยครับ หากเพลงที่ผมฟังไม่ถูกนำมาผลิตในรูปแบบ format ดังกล่าว ก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องซื้อฮาร์ดดิสมาเพิ่ม เพื่อเล่นเพลงที่ต้องการนะครับ
เอ่อ เพลงที่ผมฟังมีมากมาย ทั้ง The Alan Parsons, Pink Floyd และที่หายากสุดๆ คือเพลง Anime ยุค 80 ของญี่ปุ่น ที่กลายเป็นของหายากสุดๆไปแล้วอ่ะครับ
-
4. การ Down Sampling จะทำให้เกิดความศูนย์เสียบรรยากาศของสิ่งที่ควรจะได้ยินจากการบันทึกเสียงไปเป็นอย่างมาก
ผมเข้าใจครับ เนื่องจากคลื่นความถี่ที่สูญเสียไปด้วย ทำให้การรับรู้ความอวบอิ่มของน้ำเสียงและอื่นๆสูญหายไปบ้าง (เพราะบันทึกลงดิจิตอล ไม่ใช่อนาล็อก)
ทีนี้ การจะหันมาเล่นไฟล์ต้นแบบดังกล่าว ต้องมาดูกันอีกทีอ่ะครับ ว่าเพลงที่ผมฟังๆอยู่ มันมีผลิตออกมามั้ย หลายๆเพลงเป็นเพลงที่ไม่ค่อยมีคนนิยมฟัง และผมก็ฟังเพลงที่ไม่ได้มีในท้องตลาดด้วยครับ หากเพลงที่ผมฟังไม่ถูกนำมาผลิตในรูปแบบ format ดังกล่าว ก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องซื้อฮาร์ดดิสมาเพิ่ม เพื่อเล่นเพลงที่ต้องการนะครับ
เอ่อ เพลงที่ผมฟังมีมากมาย ทั้ง The Alan Parsons, Pink Floyd และที่หายากสุดๆ คือเพลง Anime ยุค 80 ของญี่ปุ่น ที่กลายเป็นของหายากสุดๆไปแล้วอ่ะครับ
อยากได้เพลง Anime ยุค 80 ของญี่ปุ่น ครับ ไม่ทราบไปหาได้ที่ไหน
-
มาว่ากันต่อจากกระทู้ของผม
ในโลกใบนี้ไม่มีอะไร? ที่อยู่ค้ำฟ้าได้ เเม้เเต่โลกก็ยังมีวันเเตกดับได้เช่นกัน ผมเคยคุยเรื่องอัปเเซมปลิ่งไว้น่าจะเกินสองปีมาเเล้ว ตอนนั้นเสียงไม่เห็นด้วยเยอะมาก เเต่ตอนนี้กลายเป็นกระทู้ยอดฮิดในหลายๆ เวป เคยมีคนบอกว่าการอัปเเซมปลิ่งเเล้วจะได้ขยะออกมา ก็เป็นส่วนที่ถูกต้อง เเละไม่ถูกต้อง เคยมีน้องในนี้ลองอัปเพลงไทยที่เค้าชอบเเล้วพบว่าเเย่กว่าไม่อับครับ เเต่พอสืบๆ ไปเเล้วพบว่าเป็นเเผ่นชุดเเรกที่นักร้องคนๆ นี้ออกเเผ่นมา (ไม่ใช่ค่ายเพลง) มิกเสียงยังไม่ค่อยเป็นครับ เเต่อาละบั้มหลังๆ อัปเเล้วก็ได้เสียงที่ดีขึ้นเช่นกันละครับ
การอัปเเซมปลิ่งถ้าไม่ดีจริง dCS ที่อับเเซมปลิ่งได้ ราคา 1.2 ล้านบาท (เมื่อสี่ห้าปีที่เเล้ว) ทำออกขายไม่ได้ครับ ขนาดอับเเบบใช้วิธีอินเทอร์โปเลทยังขายได้ เเล้วไฟร์เพลงจากต้นฉบับจากห้องอัดของ Linn ที่ขายเครื่องเล่นเเค่ 7 เเสน (ปัจจุบันสดๆ ร้อนๆ) เสียงออกมาเหมือนการเล่นจริงมากกว่า dCS ก็ยิ่งทำให้ DAC เกิดขึ้นกันเกริ่อในตอนนี้ เพื่อลองรับฟอร์เเมทใหม่ๆ พวกนี้ เเละมีหลายยี่ห้อที่เล่นกันหนักกว่านี้ขึ้นไปอก คืออับกันถึง 32 bit 7 ร้อยกว่าเคเฮิทเปอร์เซ็คกันเเล้วละครับ เพราะตอนนี้ห้องอัดเสียงเค้าก็ใช้ 32 bit กันทั้งนั้นเเล้วละครับ ปัญหาในการเลือกซื้อของก็คือ ที่เท่าไรถึงจะพอ? ใครมีเงินก็ซื้อดักไว้ได้ ชาวอนาถาก็ตามเก็บของเก่าเเค่ 24/192 ก็พอเเล้วละครับ CD Format 16/44.1 ได้เวลาปิดฉากเเล้วละครับ หรือใครจะเห็นว่า CD Player ราคาตรงนี้สุดคุ้มก็สุดเเล้วเเต่ครับ เพราะเรื่องนี้ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ถ้าคุณคิดว่าถึงเวลาเก็บของถูกครับ จากของที่คิดว่าตัวเองเอื้อมไม่ถึง มันอาจจะโน้มตัวเข้ามาหาเราได้เหมือนกันละครับ เจ้า dCS ราคาล้านสอง อาจลงมาให้เล่นในราคาเเสนสองมันก็น่าสน!!! ถ้าสามรถเเปลงตัว DAC ของเขาให้เข้ากับ PC ได้ (ไม่น่ายากครับ การต่อผ่าน IEEE กับ PC เเต่สาย Cock ของเค้าจะเอาเข้าไปจั๊มที่ตรงไหน? ของ PC นี่ซิหายากหน่อย เเต่หัวการโมฯ เรื่องนี้คนไทยเราเก่ง คงทำได้ครับ) ถ้าเจอเเดคตัวนี้ราคาถูกๆ จับไว้ได้เลยครับ
งานนี้มีเพียง CD Player ตัวเดียวที่จะไม่มีประโยชน์สำหรับฟอร์เเมทใหม่นี้เลย DVD Player ก็ยังสามารถก็อปไฟร์เพลงเอามาเล่นกับมันได้ เเต่ถ้าเราใช้เเผ่น CD (ความจุ CD เเค่ 700Mb, DVD 4.7Gb เเต่ใช้จริงได้เเค่ 4.5Gb ใส่เพลงได้สองอารบั้มครับ) ก็ทำได้เช่นกัน เเต่เล่นได้เเผ่นละเพลงครับ (เพลงคลาสสิกยังไม่จบมูวเมนต์เลยด้วยซ้ำ)
เเละคุณภาพเเผ่น CD ปัจจุบันก็เเย่ลงกว่าเก่าเยอะเมื่อเทียบกับ DVD เเต่ก็คงสู้ Blue Ray ไม่ได้
เเต่ที่สำคัญ กระเเสมันมาเเล้วครับ เเละเป็นเเบบอย่างเเรงซะด้วยละครับ นักเล่นปัจจุบันได้อ่านข้อมูลได้สะดวกกว่าก่อนหน้านี้ ตามเทคโนฯ สมัยใหม่กันทันซะเป็นส่วนใหญ่เเล้วครับ
ไม่ต้องเชื่อผมลองกลับไปคิดดูเอาเอง ผมขอทำนายไว้เเบบนี้ละครับ
-
แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจในการขายเพลงของพ่อค้าเพลงมากเท่าไรนัก กลัวว่าจะมีการป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ให้สามารถ Copy เพลงได้ เพื่อที่จะได้ตั้งราคาสูงเกินจริง ก็เท่ากับว่าเราโดยเอาเปรียบมากขึ้นรึเปล่า อันนี้เป็นข้อที่ผมกลัวครับ
ที่ปรึกษาที่โทรมาคุยกับผมเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เหมือนพวก EMI (เเต่ไม่ใช่นะ! เค้ายังไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ เเต่เป็นชื่อเก่ายักษ์ใหญ่ระดับต้นๆ) เค้าไม่มีความคิดตามที่คุณว่ามาเเม้เเต่นิดเดียวครับ เขาบอกผมว่า ได้ผลประโยชน์เท่าไร? ก็เเค่นั้นครับ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย นี่คือคำตอบที่ผมก็เคยข้องใจเหมือนคุณ)
วีซีดี กำลังจะไป, ซีดีก็คงไม่ช้าไม่นาน
วีซีดี ....เออ! ผมลืมมันไปจากหัวผมเลย มันไปเเล้วจริงๆ จากสมองผมนะครับ
ผมเชื่อว่า ถึงวันที่ระบบเสียงดิจิตัลเก็บข้อมูลได้ละเอียดไกล้เคียงจำนวนจริงเมื่อไร
เครื่องเล่นแผ่นเสียงก็อาจจะไปด้วย
เอ่อ เพลงที่ผมฟังมีมากมาย ทั้ง The Alan Parsons, Pink Floyd และที่หายากสุดๆ คือเพลง Anime ยุค 80 ของญี่ปุ่น ที่กลายเป็นของหายากสุดๆไปแล้วอ่ะครับ
ขอตอบสองข้อข้องใจพร้อมๆ กัน เพราะมันเกี่ยวพันกันครับ
ผมไม่กลัว LP ไปครับ เพราะมันไม่เกี่ยวกับเพลงที่ผมฟัง คือผมฟังเพลงที่ทำตั้งเเต่ 1900 ถึง 1960 เท่านั้น (สมัยนั้นยังไม่มีคอมป์ฯ) เเละคนเล่นหลังจากปีนั้นเเล้วก็เล่นกันไม่ได้เรื่อง ดังนั้น LP สุดยอดสำหรับผมตลอดกาล
เเต่สำหรับคุณ Pollock อาจโชคดี ถ้า.....ผลงานที่คุณอยากได้นั้น มันอยู่ในช่วงที่ห้องอัดเพลงเก็บต้นฉบับไว้ในฟอร์เเมท 24/48 หรือมากกว่านี้ มันก็จะมีออกมาขายในราคาที่ถูกกว่าที่คุณหาอยู่ในขณะนี้ เเละคุณก็จะได้เสียงที่สุดยอดเหมือนเล่นจริงกว่าเเผ่นที่คุณกำลังหาอยู่ซะอีกละครับ เเล้วเวลานั้น พวกนักเก็งกำไรจากเเผ่น ซีดีเพลงเก่าๆ หายากๆ ก็จะถึงเวลาเศร้ากันละครับ (ส่วนหนึ่งของพวกที่ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้ตรงนี้เกิด ก็คือคนพวกนี้ละครับ ที่พวกเขาจะเสียผลประโยชน์)
เเต่เเผ่น LP เก่าๆ ก่อน 1960 หลายพันเเผ่นที่ผมสะสมไว้ เอามาอัดเล่นใหม่ให้ดี ก็ต้องปลุกผีของคนยุคนั้นขึ้นมาเล่นให้ ถึงจะได้อรรถรสกันละครับ วิธีอื่นไม่มีทางทำได้เหมือนครับ
-
อยากได้เพลง Anime ยุค 80 ของญี่ปุ่น ครับ ไม่ทราบไปหาได้ที่ไหน
พอดีผมหาโลหดมาจาก Bit ส่วนหนึ่งเป็นไฟล์ Flac แล้วก็นำมาจับลงซีดีน่ะครับ
อีกส่วนหนึ่งผมโชคดีมาก ที่รู้จักคนในเว็บๆหนึ่ง แล้วเขาก็มีเพลงที่ผมอยากได้พอดีน่ะครับ ก็พวก Orangr road, Urusei yatsura (ลามู) อะไรประมาณนี้