HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: ช้าง ที่ 17 เมษายน, 2009, 03:35:01 pm
-
ขออณุญาติพี่ๆครับ ว่า การ Burn-in, Run-in, ลำโพง นี่สำคัญมากไหม และ ควรทำอย่างไรครับ ?
อ่านหาข้อมูลมาเยอะมาก บางท่านก็บอกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเพราะวัดไม่ได้
แต่ลึกยังไหวังอยู่ครับว่า เสียงที่ออก สดๆของลำโพง PSB ที่ได้มาใหม่ๆ เมื่อเทียบกับ
Montana Center ที่ยืมคุณโก้อยุ๋ (http://www.htg2.net/index.php?topic=47209.0)
ในระบบเดียวกัน เสียงจะสามารถปรับปรุงได้มากกว่านี้ครับ :)
ลิงค์ต่างๆที่เจอครับ
ไฟล์เสียง สำหรับเบินอุปกรณ์เครื่องเสียง ลำโพง สาย ต่างๆ เป็นคลื่นความถี่ต่างๆครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=24425.0
Speaker Burn In Methods
http://www.hometheaterforum.com/htf/speakers-subwoofers/167154-speaker-burn-methods.html
The Mythical Burn-In Period
http://forum.ecoustics.com/bbs/messages/34579/127865.html
Speaker Break In: Fact or Fiction?
http://www.audioholics.com/education/loudspeaker-basics/speaker-break-in-fact-or-fiction
Burn-in Legend
http://bruce.coppola.name/audio/BurnInLegend.pdf
-
:secretผมว่าคุณก็ได้ประสบกับตัวเองแล้วว่าลำโพงใหม่ๆเสียงมักจะบางขาดทุ้ม
คำตอบมันก็อยู่ในความเห็นที่คุณบอกมาแล้ว ส่วนจะเบิร์นแบบไหนคุณก็ลองเลือก
เอาใช้ไปเรื่อยๆก็นานหน่อยประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ ชม. ใช้แผ่นหรือโปรแกรมช่วยเบิร์น
ก็เร็วขึ้น ๕ เท่าเหลือ ๒๐-๕๐ ชม. ถ้าใจเย็นๆเล่นไปเรื่อยๆดีก่วาครับ :headphone
-
ระวังหลงทางนะครับ 300-400ชม แล้วมาคุยกันใหม่
คนทั่วไปมักขายออก ก่อนที่จะBurnได้ที่ คนโชคดีคือคนซื้อต่อ
ทนเอาหน่อยครับ ของใหม่ก็ต้องเผาหัวหน่อยครับ
-
ส่วนใหญ่คนที่ได้ลำโพงมาใหม่ๆ มักจะประสบปัญหาไม่ต่างกัน คือ ฟังแล้วเสียงจะแห้งขาดน้ำหนัก เสียงด้วนๆ ถึงกับมีคนตั้งคำถามกับตัวเองว่า
"มันใช่ลำโพงยี่ห้อ....ที่เราใฝ่ฝัน ?" ที่เราอยากได้หรือเปล่า? ทำไมเสียงมันถึงเป็นแบบนี้ ?...(ว่ะ) K]http://เครียด !!!!
ยก วาง เลื่ยน เปลี่ยน...ที่ ก็แล้ว ก็ยังหาเรื่อง เพิ่มโน่น...เติมนี่...ทำงัย...เสียงมันก็ไม่ใช่อยู่ดีแหล่ะ :nono
แต่พอฟังไป...ฟังไป (หรืออาจปลอบใจตัวเอง)...เสียงเริ่มดีขึ้นแฮะ ((
พอฟังไปนานขึ้น...นานขึ้น เสียงที่ใช่...เริ่มมา
^-^ โธ่...ก็เราเปงคนซื้อมาเองนี่หว่า มิน่า...ทำมายมานเสียงดี...ยังงี้ ^-^
:clap 5555 :clap
-
ส่วนใหญ่คนที่ได้ลำโพงมาใหม่ๆ มักจะประสบปัญหาไม่ต่างกัน คือ ฟังแล้วเสียงจะแห้งขาดน้ำหนัก เสียงด้วนๆ ถึงกับมีคนตั้งคำถามกับตัวเองว่า
"มันใช่ลำโพงยี่ห้อ....ที่เราใฝ่ฝัน ?" ที่เราอยากได้หรือเปล่า? ทำไมเสียงมันถึงเป็นแบบนี้ ?...(ว่ะ) K]http://เครียด !!!!
ยก วาง เลื่ยน เปลี่ยน...ที่ ก็แล้ว ก็ยังหาเรื่อง เพิ่มโน่น...เติมนี่...ทำงัย...เสียงมันก็ไม่ใช่อยู่ดีแหล่ะ :nono
แต่พอฟังไป...ฟังไป (หรืออาจปลอบใจตัวเอง)...เสียงเริ่มดีขึ้นแฮะ ((
พอฟังไปนานขึ้น...นานขึ้น เสียงที่ใช่...เริ่มมา
^-^ โธ่...ก็เราเปงคนซื้อมาเองนี่หว่า มิน่า...ทำมายมานเสียงดี...ยังงี้ ^-^
:clap 5555 :clap
แบบนี้ออกแนวจิตวิทยาแบบปลอบใจตัวเอง
-
สวัสดดีครับ :)
ขออนุญาต ออกความเห็น ด้วยคนนะครับ
เห็นด้วยกับทุกท่านนะครับ โดยเฉพาะความเห็น คุณ yai-united และ คุณ M.lex ครับ
โดยเฉพาะลำโพงบางคู่ ต้องBurnน้านๆ :)
พวกเครื่องเสียง ปรีแอมป์-เพาเวอร์แอมป์ฯลฯ ก็คงต้องBurnเช่นกันครับ
ส่วนตัว ผมชอบการBurn ด้วยการเล่นไปตามปกติมากกว่าครับ
นอกจากBurn แล้ว ใครๆที่กำลังมองหาลำโพง ก็น่าเลือกขนาดลำโพง ให้เหมาะสมกับขนาดห้องด้วยก็ดีครับ
ขนาดไม่เหมาะสมกับห้องและขนาดของเครื่องขยาย/กำลังขยาย, ประสิทธิภาพก็ไม่ได้เต็มร้อยเช่นกันครับ
ขอบคุณครับ
Wirat R. d_d
-
ผมเพิ่งจะเปลี่ยน VOICE COIL ของ TWEETER ดอก MOREL MDT 33 ไป 1 คู่ สั่งมาจาก MADISOUND ใส่ใหม่ๆ เสียงแข็งเป๊ก ห้วน สั้น หยาบ
แต่พอใช้ไปสัก 20 ชั่วโมง ความนุ่มเนียนพริ้วหางเสียงไปไกลขึ้น ก็เริ่มส่อแววกำลังจะกลับมาเข้าที่ ผมคงต้องรอไปอีก โดยหวังว่า 100 ชั่วโมงคงจะกลับเข้าที่เดิม
นี่ขนาดเปลี่ยนแปลงแค่จุดเดียวในระบบนะครับ มีผลอย่างมากและเห็นๆเลย
ทำให้ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า เครื่องเสียงจำเป็นต้อง BURN ก่อนจึงจะได้เนื้อแท้ของมัน
-
สำคัญแบบที่ว่าการจะคบใครซักคน ต้องดูกันนานๆ ครับ ถ้าฟังวันละชั่งโมง ก็ 6 เดือนครับ ได้เจออะไรดีๆ แน่นอน
-
สำคัญมากครับ ต้องเบิร์นให้ถึง เสียงจึงจะออกมาดีเต็มที่ครับ.. :headphone
-
ขำๆ ครับ ให้มองลำโพงเหมือนเมียครับ ได้เมียมาใหม่ต้องค่อยๆใช้ ถ้าหากได้เมียมาใหม่แล้วเบิร์นเมียสัก 200 ครั้ง เมื่อพ้นเบิร์นไปแล้วเราจะได้เมียที่ทำให้เรามีความสุขสุดยอด แต่เราเริ่มจะเบื่อแล้ว (เหมือนลำโพงเมื่อพ้นเบิร์นแล้วจะได้เสียงสุดยอด ปลายแหลมเริ่มออก เบสกระชับ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ไปได้อีกสักสองปีเหลือเปล่า เพราะอาจจะเบื่อเสียก่อน หรืออาจมีกิเลสเพิ่ม เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง สิ่งใหม่ๆๆ)
แต่ถ้าได้เมียใหม่แล้วค่อยๆใช้งาน เราจะรู้ว่าเมียมีอะไรดีบ้าง แล้วจะอยู่กับเราไปอีกนาน เบื่อยาก
ในอีกทางหนึ่งถ้าได้เมียใหม่ของเราแต่เก่าของคนอื่น อันนี้สามารถให้ความสุขเราได้เลย เบื่อแล้วเราก็หาใหม่ (เหมือนลำโพงเก่า จะเสียงดี แต่เราจะไม่ค่อยชอบ จะต้องหาใหม่เลยๆๆๆ)
:whistling :whistling :whistling :whistling
ค่อยๆ ฟังไปครับ จะได้รู้ว่าเสียงมันค่อยๆเปลี่ยนอย่างไร ลำโพงตัวที่เราใช้มันเด่นหรือดีด้านไหน ว่าเวลาใช้ไปนานๆ จะไปซื้อลำโพงตัวใหม่จะได้รู้ความต้องการของเรา อันการเบิร์นลำโพงโดยใช้ทั้ง software and hardware อะไรต่างๆช่วยมันก็ดีอยู่ครับ มันทำให้เราได้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น แต่สำหรับผมมันเปลืองไฟครับถ้าเราไม่ได้นั่งฟังเพลงที่เราชอบ บางที่อาจถึงเข้าขั้นจิตกิเลส หาอะไรมาเปลี่ยนไปเรื่อยเพื่อให้ได้ในเสียงที่ต้องการ บางที่รวมทั้งเซ็ตบวกลำโพงยังไม่พ้นเบิร์น อาจจะขายทิ้งไปแล้ว
การเบิร์นลำโพงดีครับ ทำให้วัสดุต่างๆที่ใช้ในการลำโพงมันอ่อน มันนุ่ม ขึ้นพร้อมใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
-
ขำๆ ครับ ให้มองลำโพงเหมือนเมียครับ ได้เมียมาใหม่ต้องค่อยๆใช้ ถ้าหากได้เมียมาใหม่แล้วเบิร์นเมียสัก 200 ครั้ง เมื่อพ้นเบิร์นไปแล้วเราจะได้เมียที่ทำให้เรามีความสุขสุดยอด แต่เราเริ่มจะเบื่อแล้ว (เหมือนลำโพงเมื่อพ้นเบิร์นแล้วจะได้เสียงสุดยอด ปลายแหลมเริ่มออก เบสกระชับ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ไปได้อีกสักสองปีเหลือเปล่า เพราะอาจจะเบื่อเสียก่อน หรืออาจมีกิเลสเพิ่ม เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง สิ่งใหม่ๆๆ)
แต่ถ้าได้เมียใหม่แล้วค่อยใช้งาน เราจะรู้ว่าเมียแล้วจะอยู่กับเราไปอีกนาน เบื่อยาก
ในอีกทางหนึ่งถ้าได้เมียใหม่ของเราแต่เก่าของคนอื่น อันนี้สามารถให้ความสุขเราได้เลย เบื่อแล้วเราก็หาใหม่ (เหมือนลำโพงเก่า จะเสียงดี แต่เราจะไม่ค่อยชอบ จะต้องหาใหม่เลยๆๆๆ)
:whistling :whistling :whistling :whistling
ค่อยๆ ฟังไปครับ จะได้รู้ว่าเสียงมันค่อยๆเปลี่ยนอย่างไร ลำโพงตัวที่เราใช้มันเด่นหรือดีด้านไหน ว่าเวลาใช้ไปนานๆ จะไปซื้อลำโพงตัวใหม่จะได้รู้ความต้องการของเรา อันการเบิร์นลำโพงโดยใช้ทั้ง software and hardware อะไรต่างช่วยมันก็ดีอยู่ครับ มันทำให้เราได้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น แต่สำหรับผมมันเปลื่องไฟครับถ้าเราไม่ได้นั่งฟังเพลงที่เราชอบ บางที่อาจถึงเข้าขั้นจิตกิเลส หาอะไรมาเปลี่ยนไปเรื่อยเพื่อให้ได้ในเสียงที่ต้องการ บางที่รวมทั้งเซ็ตบวกลำโพงยังไม่พ้นเบิร์น อาจจะขายทิ้งไปแล้ว
การเบิร์นลำโพงดีครับ ทำให้วัสดุต่างๆที่ใช้ในการลำโพงมันอ่อน มันนุ่ม ขึ้นพร้อมใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
สุดยอดเปรียบเทียบเลยครับ เห็นภาพเลย ทีเด็ดมากครับ ยืนยันอีกคนครับเห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ ฮิฮิฮิ :clap c) O0
-
ขำๆ ครับ ให้มองลำโพงเหมือนเมียครับ ได้เมียมาใหม่ต้องค่อยๆใช้ ถ้าหากได้เมียมาใหม่แล้วเบิร์นเมียสัก 200 ครั้ง เมื่อพ้นเบิร์นไปแล้วเราจะได้เมียที่ทำให้เรามีความสุขสุดยอด แต่เราเริ่มจะเบื่อแล้ว (เหมือนลำโพงเมื่อพ้นเบิร์นแล้วจะได้เสียงสุดยอด ปลายแหลมเริ่มออก เบสกระชับ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ไปได้อีกสักสองปีเหลือเปล่า เพราะอาจจะเบื่อเสียก่อน หรืออาจมีกิเลสเพิ่ม เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง สิ่งใหม่ๆๆ)
แต่ถ้าได้เมียใหม่แล้วค่อยใช้งาน เราจะรู้ว่าเมียแล้วจะอยู่กับเราไปอีกนาน เบื่อยาก
ในอีกทางหนึ่งถ้าได้เมียใหม่ของเราแต่เก่าของคนอื่น อันนี้สามารถให้ความสุขเราได้เลย เบื่อแล้วเราก็หาใหม่ (เหมือนลำโพงเก่า จะเสียงดี แต่เราจะไม่ค่อยชอบ จะต้องหาใหม่เลยๆๆๆ)
:whistling :whistling :whistling :whistling
ค่อยๆ ฟังไปครับ จะได้รู้ว่าเสียงมันค่อยๆเปลี่ยนอย่างไร ลำโพงตัวที่เราใช้มันเด่นหรือดีด้านไหน ว่าเวลาใช้ไปนานๆ จะไปซื้อลำโพงตัวใหม่จะได้รู้ความต้องการของเรา อันการเบิร์นลำโพงโดยใช้ทั้ง software and hardware อะไรต่างช่วยมันก็ดีอยู่ครับ มันทำให้เราได้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น แต่สำหรับผมมันเปลื่องไฟครับถ้าเราไม่ได้นั่งฟังเพลงที่เราชอบ บางที่อาจถึงเข้าขั้นจิตกิเลส หาอะไรมาเปลี่ยนไปเรื่อยเพื่อให้ได้ในเสียงที่ต้องการ บางที่รวมทั้งเซ็ตบวกลำโพงยังไม่พ้นเบิร์น อาจจะขายทิ้งไปแล้ว
การเบิร์นลำโพงดีครับ ทำให้วัสดุต่างๆที่ใช้ในการลำโพงมันอ่อน มันนุ่ม ขึ้นพร้อมใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมว่า ลำโพงใหม่ เสียงแข็ง ไม่อ่อนพลิ้วหวาน แต่ลำโพงที่เบิร์นแล้วเสียงจะพลิ้วหวาน แต่เมียใหม่ได้มาเสียงจะหวาน พูดจาน่ารักไพเราะ พอเบริ์นไปนานๆ เสียงจะเริ่มแข็ง โดยเฉพาะเสียงสั่งการ ขัดหูฟังแล้วขนหัวลุก มันกลับกันนี่ครับ 2f 2f 2f 2f 2f 2f 2f 2f 2f
-
ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมว่า ลำโพงใหม่ เสียงแข็ง ไม่อ่อนพลิ้วหวาน แต่ลำโพงที่เบิร์นแล้วเสียงจะพลิ้วหวาน แต่เมียใหม่ได้มาเสียงจะหวาน พูดจาน่ารักไพเราะ พอเบริ์นไปนานๆ เสียงจะเริ่มแข็ง โดยเฉพาะเสียงสั่งการ ขัดหูฟังแล้วขนหัวลุก มันกลับกันนี่ครับ
[/quote]
อันนี้สงสัยจะจริงครับ ...