HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => มุม ห้อง (HT room) ของดการโษณาใดๆที่ห้องนี้ด้วยนะครับ => ข้อความที่เริ่มโดย: redbook ที่ 06 กันยายน, 2005, 04:19:14 pm
-
ได้เวลาส่งรูปใหม่มาให้ชมบ้าง รับปีใหม่
DAC Oritek Modded Zhaolu (OMZ) D-2.0A V4.1 (The Ultimate DAC on earth !!) ดูรูปใกล้ที่ #31, #43
AD-1852 DA-Chip เป็นรุ่น V4 (ex. CS-4398 DA-Chip)
BlackGate capacitor upgrade - power supply section
Oritek Discrete Output Stage
----------------------------------------
OMZ DAC D-2.5 DAC/HEADAMP/PREAMP remote control
OMZ DAC D-2.5 DAC/HEADAMP manual conrol
สายไฟโรงงาน scm 2003 หุ้มปลอกโลหะ หัวท้าย Wattgate 330i & 350i
Transport Phillips DVP 5965K Universal Upscaling DVD Player
for DAC
CD Revox B-225 ดูรูปใกล้ที่ #24 (เป็นอดีตไปแล้ว :'()
เจาะท้าย Acme
สายไฟ Van Den Hul Mainstream หัวท้าย US plugs (matched by ear tuning)
SACD Marantz SA-11S1 (เป็นอดีตไปแล้ว :'()
Preamp & Headphones Amp
Oritek Headphone Amp / Preamp 2008 มีรีโมทคอนโทรลและ Apls motorized volume ดูรูปที่ #43
(The MOST transparent preamp on earth !!)
ออกแบบมาสำหรับขับ AKG K701 ได้เสียงสบายๆด้วย
Poem 2005 หลอด 12B4, stepped volume TKD, แจ๊ก RCA WBT สำหรับซีดี
สายไฟ scm 2003 หัวท้าย Wattgate (เดิม Marinco กับ Shuter)
Power Poem 2 x 300w (bi-polar transister)
สายไฟ scm 2003 หัว Hubbell ท้าย Shuter
Speaker Scanspeak Revelator สองทางตู้แบบ transmission line (http://www.t-linespeakers.org/) (TLS) Poem ทำ
paper cone 18W8531G00 7" กับแหลมจาน D2904-7100 ดูรูปใกล้ที่ #15
(เดิมแหลมจาน D2905-9900 ในตู้ปิด)
Headphones
(JVC Victor DX-1000)
Ultrasone Pro 2500 (same sounds of K701 + Oritek Cable !!)
(AKG K701 recabled by Oritek Audio)
AKG K701 (stock cable)
Sennheiser HD800 w/ ApureSound V3 cable
Interconnect
cd-preamp Oritek X-2 USA (http://members.ispwest.com/orim/audio/OritekAudio/x2_main.html) the MOST transparent cables on earth ดูรูปใกล้ที่ #18
cd-preamp Lively cable หัวทอง & หัวเงิน
coax สำหรับ DAC เป็น Oritek X-1
cd-preamp เดิม Hitachi 6N RCA WBT 0600 กับ Sound Pipe UK
preamp-power Oritek X-2
preamp-power เดิม Hitachi 6N RCA CMC
Speaker cables
XLO Ultra 6
Kimber 4VS หัว Kimber Rodium
Hitachi 6N Banana WBT 0660
AC Line Filter
AV Zone IS-500 Plus Premium - isolation balance transformer
AV Zone PS1000
สำหรับ DAC/PRE และ transport only
เต้าผนัง Wattgate 381
สะพานไฟ
- สายอเมริกัน หัว hubbell ขาวดำรุ่นเก่า (มือสองจากฮ่องกง) ท้าย
- เต้า H&H บล๊อกไม้มะค่าขุด สายภายในอเมริกันเส้นเดี่ยวแข็ง
TV
Philips LCD 42PF9541 1366x768p Pixel Plus 2 HD
Phillips LCD 37PF7320A HD-Ready Pixel Plus เดิมไปแล้ว
Sony CRT 29" เดิม
HTPC & Computer Audio
HTPC:
Gigabyte GA-MA78GM-S2H chipset 780G / DVI / HDMI on-board
AMD Athlon X2 4400
Kingston 2 x 1GB 800 MHz DDR2
Western Digital CS (low-power) Series 500GB
Music server:
PC OSX 10.6 + Lynx AES16e Audio Interface
Metric Halo ULN-2 Firewire DAC
M-Audio Firewire Solo & Audiophile USB (to S/PDIF) -> OMZ DAC/PRE
Creative Live! 24-bit USB (worse than Audiophile USB)
Creative Audigy2 sound card for testing (worse than the USB units, better than on-board S/PDIF)
เสียงเป็นมีความเป็นดนตรีสูง เสียงเครื่องเล่นซีดีแบบอนาล็อกมาก นุ่มนวลแต่เร้าใจ เสียงหลอดหวาน แหลมละเอียดไกล เบสลึกเกินตัวจากตู้ TLS ฟังทุกวันคับ ถ้าผบ.ไม่ดู UBC ;D เห็นชุดโฮมเธียเตอร์เล็กไว้ดูดีวีดี แต่ไม่ได้ดูมานานแล้ว ตอนนี้ตั้งไว้เป็นเครื่องประดับ
รูปที่อัพเดตดูที่ #22 (http://www.htg2.net/index.php?topic=4855.msg91222#msg91222) ข้างล่างคับผม
-
สีสวยดีเวลามืดๆ
-
ด้านหลัง เห็นสาย 6N OFC-LC Hitachi สีขาว เปลียนสายสัญญาณเป็น Oritek X-2 สีดำแล้ว กับสายไฟก็เป็นท้าย Wattgate 330i แล้ว
-
สายไฟเครื่องเล่นซีดีเพิ่งเปลี่ยนหัวท้ายเป็น Wattgate 330i & 350i สีทองแดงสวยจริงๆคับ
เดิมสายปรีเป็น Acoustic Zen CL3 หัว hubbell ท้าย shuter
-
เสียงลำโพงขึ้นกับ driver ที่ใช้ ผมหมายตา scanspeak revelator ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เผอิญวันที่ไปโพเอ็ม เห็นเขาทำอยู่ชุดหนึ่งพอดี กำลังทำเน็ตเวิกตัดกลางแหลม เสียงถูกใจมั่กๆ ดอกนี้มีใช้หลายที่อย่างใน Proac แนวของเสียงเป็นพวกโคนกระดาษที่ให้รายละเอียดที่ดีมาก เสียงกลางเปิดหมด เสียงร้องลูกคอนี้ชัดมากๆ เสียงสายกีต้าร์เหมือนเล่นอยู่หน้าเราเลย หนังหน้ากลองออกมาชัด เบสลงได้ลึกจริงๆ (28 Hz) กับ driver 7 นิ้ว source มาอย่างไรออกไปอย่างนั้น รีดออกได้หมด เน้นสะอาด
สำหรับแหลมจาน 9900 นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าละเอียดและเนียนมากๆ โฟกัสนิ่ง กำลังสูง พริ้วได้ทุกรูปแบบ ทอดไกลและเวทีสูง พวกเสียงกิ๊งกับเปียโนเนียลืม driver อื่นไปได้เลยครับ (อันนี้ชม scan) ให้เวทีเสียงที่กว้างมาก ยิ่งดอกเดือยแหลมใหม่สามารถให้เสียงสูงจากเดิมได้อีก 2-3 ฟุต (จากที่ได้ลองฟัง) เหมาะกับชุดสามทาง
ส่วนปรีและเพาว์เวอร์ของโพเอ็มเน้นสะอาด ตั้งแต่อินตีเกรดของเขา อิ่ม มีน้ำหนักดี กังวาล เสียงทอดได้นาน เวทีลึก โทนเสียงไปทางกลางๆ โทนัลบาล๊านซ์กลมกลืน ได้ทั้งนุ่มนวลและหนักแน่น เล่นเพลงได้หลายแนว รุ่นที่ผมเลือกเป็นรุ่นใหญ่สุดน้ำหนักเสียงดีมากๆ ให้มิติเสียงที่ชัดเจนมาก (คงมาจาก SA-11S1 ด้วยครับ) รายละเอียดอะไรก็ตามที่ออกมาจากซีดีดังออกมาหมดเลย ยิ่งถ้าใช้สาย Hitachi 6N ก่อนนี้ไม่เคยได้ยินก็ได้ยินหมด ห้องในรูปเวลาเล่นแผ่นเอสเอดีๆเวทีเสียงกว้างออกไปข้างอีกราวกับวงทะลุกำแพงไปเลย
น้ำหนักปรีราว 16 kg เพาว์เวอร์ 27 kg คับ วางแล้วไม่อยากคิดย้ายอีก มีชุดสามทางที่ของลูกค้าโพเอ็มที่ผมโอกาสไปฟังมาที่บ้านที่ติดตั้ง ดอก scanspeak revelator สามทาง เพิ่มซับสิบนิ้ว ต้องไบแอมป์ เสียงเนี้ยยังติดหูอยู่เลยคับ
สนใจฟังไปลองได้ที่ร้าน www.poemaudio.com (รู้สึกว่าเว็ปเขาหาย เห็นเคยมีโลโก้โฆษณาที่ htg2 ด้วย ยังไงไปที่ร้านในซอยกันตนา โทร.01-627-8660) ปิยะนัสก็มีอินติเกรดของเขาครับ ผมเชียร์ของไทยดีๆทุกเจ้า ควรไปลองก่อนตัดสินใจน้าครับ (ผมทำตามที่พี่คนนึงแนะนำ ไม่ผิดหวังเลย) ถ้าอยากยกอะไรไปเทียบทางร้านเขายินดีเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ซื้อไม่ว่ากัน ;)
-
ใกล้จะ up สายใหม่ด้วยหัวท้าย Wattgate แล้ว รบกวนรายงานต่อด้วยนะครับ ;)
-
Marantz SA-11S1 สวยจริงๆ จะมีบุญได้ใช้ไหมเนี้ย :D
-
Marantz SA-11S1 สวยจริงๆ
ขนาดมีคนชม สงสัยฝีมือถ่ายรูปของผมเข้าขั้นแล้ว ไปรับจ้างได้ ไฟดาวน์ไลต์ในห้องเป็นหลอดเหลืองๆ ใช้กล้องดิจิตอลอีเดียดของแคนนอนกับขาตั้ง เปิดชัตเตอร์แบบถ่ายพระจันทร์ค้างสามวินาที ลองถ่ายกับเครื่องที่บ้านรูปน่าจะสวยเหมือนกันคับ :)
จะมีบุญได้ใช้ไหมเนี้ย� :D
บุญสะสมกันได้ หมั่นสร้างแล้วจะได้เอง ;)
-
ใกล้จะ up สายใหม่ด้วยหัวท้าย Wattgate แล้ว รบกวนรายงานต่อด้วยนะครับ ;)
เพิ่งได้สายใหม่ให้กับเครื่องเล่นซีดีมาคับ ทำ A/B test เทียบกับสายเดิม (ต่างกันแค่หัวท้าย Marinco และ Shuter) หัวท้าย Wattgate 330i & 350i ทำให้เนื้อหนังของดนตรีและเสียงร้องชัดเจนขึ้นมาก มีโฟกัสนิ่งมาก ชิ้นดนตรีแยกแยะมากขึ้นแต่คงความต่อเนื่อง ช่องไฟของดนตรีดีขึ้น สงัดมากจริงๆ เสียงชัดเหมือนดังขึ้นแต่ในช่วงดังๆก็ไม่ล้ำเกิน ยังคงโทนัลบาล๊านซ์ไว้ได้ดีมั่ก เบสลึกขึ้น คงจากที่สงัดขึ้น ขนาดของใหม่แกะกล่องเลยยังต่างกันขนาดนี้ เมื่อเบิร์นแล้วจะอีกขนาดไหน จบการายงานคับ
ทราบว่าถ้าใช้สายปรีด้วย Hovland จะไปอีกหลายขุม ไว้ตัดสินใจอัพแล้วจะมารายงานให้ทราบคับ เรื่องไฟฟ้าไม่จบไม่สิ้นกันเล้ย ;)
เคยเล่าเรื่องไฟฟ้าไว้ >> ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สายไฟและเต้าทำให้เสียงเป็นแบบหลอดได้แฮะ (http://www.htg2.net/index.php?topic=4430.0)
-
ไม่ทราบสายเบิร์นได้ที่หรือยังครับ มีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามีเวลา รบกวนรายงานต่อด้วยนะครับ ;)
-
ปรีหลอดกับลำโพงใหม่กำลังใกล้จะเสร็จคร๊าบ เสียงเนี๊ยดลใจจริงๆ ลำโพงสองทางแบบทรานสมิสชั่นไลน์เบสลึกแบบชุดสามทางหนาว ได้ทวีตเตอร์ร่น 7100 โดมตัวรองรุ่นเดือยจู๋แมว 7000 อันโด่งดังของสแกน เสียงละเอียดเด็ดและทอดไกลกว่า 9900 มาก ปรีหลอด 12B4 ที่ลงตัวเสียงร้อนหวาน แหลมละเอียดและไกลแบบไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าหลอดจะทำได้ถึงปานนี้ เบสลึกขึ้นอีก ได้ลำโพงช่วยเสียงกระจายทั่วห้อง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คราวนี้ตู้หนักเกินคนเดียวยกแล้วละคับ ไว้มีรูปจะมาอัพเดตให้ดูกัน ;)
กำลังจะลองสายสัญญาณและลำโพงใหม่จากนอกด้วย คงเสริมให้ไปได้อีกมาก ฝันครับฝัน ไม่รู้จิงป่าว แต่ที่อ่านรีวิวแล้วเชื่อว่าเด็ดแน่ ไว้มารายงานหลังปีใหม่ครับ
ได้มาแล้ว ดูกาทู้ข้างล่างคับ O0
-
SACD สวยจริงๆ แอม โพเอ็มผมเคยฟังมา2-3ครั้งยอมรับว่าน้ำเสียงเป็นกลางๆดีครับไม่ค่อยมีสีสัน
สายสัญญาณ กับ สายลำโพง ของฮิตตาชิราคาประมาณเท่าไร่หาซื้อที่ไหนครับ
เคยรู้มาว่าเป็นสานยี่ห้อแรกที่ทำ OFC ไม่ทราบว่าแนวเสียงเป็นอย่างไรครับ.. :)
-
หวัดดีครับคุณชายโจ้
ขอขอบคุณสำหรับคำชมและคำถาม สายสัญญาณกับสายลำโพงของฮิตาชิเป็นมือสองครับราคาแล้วแต่เจ้าของเก่าจะเรียนเท่าไหร่ ผมได้มาหลักหลายพันครับ เข้าใจว่าที่โชคชัยยังพอมีอยู่อีกเส้นสองเส้น หมื่นกว่าๆแนวเสียงกลางๆเด็ดมากเรื่องรายละเอียด เบสอาจจะน้อยไปสำหรับคนโลภเบสมาอย่างผม ตัวเลือกอื่นก็มีเยอะแต่ที่ให้รายละเอียดเท่าฮิตาชิราคาไม่ต่ากว่าหมื่นแน่ เข้าใจว่า Kimber ก็ใช้ได้ คงต้องเอาไป A/B กันครับ ไปเทียบที่โพเอ็มได้ เขามีฮิตาชิไว้เป็น reference
เรื่องสีสันนั้น ผมได้ปรีหลอดที่ว่ามีสีสันขึ้นครับ ใช่ครับพาวเวอร์เขาเป็นกลาง แต่กำลังต่อเนื่องดี ;D
-
หูๆๆๆๆๆๆๆ O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0 O0
-
ไม่ทราบปรีหลอด + ลำโพงใหม่ TL เบิร์นไปถึงไหนแล้วครับ อย่าลืมรายงานผลให้รับทราบด้วยนะครับ O0
หลอดที่ใช้ในปรีด้วยนะครับ :headphone
-
เอาดอกมิดเบสเดิมไปทำตู้สองทางใหม่แบบ transmission line เสียงเกินตัวหลายๆ เบสลึกแบบชุดสามทางไบแอมป์หนาว ลงดอกเสียงแหลมจานใหม่ 7100 ตัวรองท็อปของ scan เสียงละเอียดกว่าดอก 9900 เดิมมาก ตู้นี้ใช้แอมป์อะไรขับได้หมด อินติเกรด 75 watt ขับได้เสียงเกินตัวแอมป์ ยิ่งได้ปรีหลอดใหม่มาด้วยเสียงแจ๋วมาก O0 สีตู้เปลือกมังคุดสวยงาม ตู้เดิมเป็นสีดำหมด ดูแล้วเครียดไปหน่อย เรื่องตู้แบบ transmission line ไม่ค่อยเห็นเพราะทำให้เสียงดีได้ยาก ตอนนี้มีวิธีที่ทางคณิตศาสตร์มาช่วย www.quarter-wave.com (http://www.t-linespeakers.org/design/MJK-for-dummies/index.html) แต่ก็ยังต้องใช้หูจูนตอนทำครอสโอเวอร์เน็กเวิอกร์กับบุวัสดุซับเสียงคับ ผลที่ได้เกินคุ้ม :headphone
ได้ลองสายลำโพง Kimber 4VS เข้ากับหัว rodium ของเขา (ห้ามหัวอื่นยกเว้น WBT) เสียงดีเช่นกันครับ ตอนแรกไม่แน่ใจเพราะเห็นราคาเป็นรุ่นเล็กกับกลัวโรเดียมทำบาดหู หลังจากที่ได้ลองจะถอดสายไม่ออกเอาคับ โทนาลบาล้านซ์เยี่ยมเสียงเปิดหมด ไกลและลึก ยิ่งเบริน์ยิ่งดี ไปลองฟังนะครับเป็นสายนึงที่คุ้มค่าสุดๆ เสียงไม่ห่างสายฮิตาชิที่เป็น reference มาก แต่ราคาห่างกว่าแน่ๆ
เสียงดีวันดีขึ้น รอหลอด NOS RCA ย่างให้สุกเต็มที่ก่อนคับ :yahoo
-
ปรีหลอด 12B4 ของ Poem ให้รายละเอียดสูงมากๆๆ กินทรานซิสเตอร์ เสียงหวาน แหลมระยิบระยับ เบสลึก น้ำหนักเสียงดี ดีซายน์แบบ minimalist (ของน้อยชิ้นที่สุดแต่เกรดดีมากๆ) สายสัญญาณทองแดง 6N LC-OFC Hitachi เดินให้สั้นที่สุด โดยเอา TKD stepped volume (http://www.tkd-corp.com/02_products/p_04variable_a.html) กับ rotary selector (http://www.tkd-corp.com/02_products/p_05rotary_s.html) ไปไว้ด้านหลัง เหมือนในปรีแอมป์ไฮเอ็นด์ ของ TKD ต้องสั่งที่ญี่ปุ่นอย่างเดียว ไม่มีใครสต๊อกไว้ในนี้แล้ว น่าเสียดายจัง :'(
-
ได้สายจากร้านบน eBay.co.uk อังกฤษ รุ่น Sound Pipe เข้าใจว่าเป็นท่อทองแดงแข็ง เสียงแนวอุ่น กลางหวานอิ่ม เสียงกังวานแบบใสๆ แหลมเนียน ใครเน้นเสียงร้อง อยากให้โซลิดสเตจเป็นหลอด รับรองไม่ผิดหวังคับ O0 ราคาคุ้มมากๆ คนขายยินดีคืนเงินด้วย
-
สายที่ลงตัวคงเป็นอันนี้แน่นอน Oritek X-2 USA (http://members.ispwest.com/orim/audio/OritekAudio/slide7.html) คุณ Ori เพิ่งจะคิดค้นเสร็จปลายปี 2005 เขาทำเองได้จดสิทธิบัตรด้วย เขาเล่าให้ฟังนิดหน่อยว่าเป็นการเข้าหัวและการประกอบทางโครงสร้างค้นที่เขาค้นพบใหม่ ที่ทำให้ noise floor หายไป ไม่ใช่เรื่องเน้นใช้วัสดุราคาแพงมาอย่างที่หลายๆเจ้าทำกัน เป็นเรื่องของทฤษฎีด้านการรบกวนสัญญาณในสายที่เขาค้นพบใหม่
เขากล้าชนกับสายอย่าง Siltech Compass Lake G-5 $7,390 (คนใช้เปลี่ยนมาใช้ Oritek X-1 (http://www.10audio.com/oritek_X-1.htm) ของเขาแล้ว) หรืออย่าง Silversmith Palladium $5,000 ขั้นตอนการทำต้องใช้เวลานาน เน้นเอามาฟังว่าได้เสียงที่ถูกต้องทุกเส้น ราคาเป็นค่าแรงซะเยอะ ถ้าเขาอยู่เมืองไทยสายคงถูกลง :)
สายไม่ต้องมีเบิร์นอิน ฟังได้เลย! แนวเสียงแบบ รายละเอียดสูงมาก โทนาลบาล้านซ์ดีมากๆๆๆ O0 เท่ากันตลอดย่าน เรียกว่าอยากได้ยินเสียงอะไรก็ได้เลยไม่ต้องเพ่งพินิจ ทำให้เวทีเสียงกว้างมโหราน เวทีของแผ่นซีดีกลายเป็นจะเท่าเอสเอซีดีเลยคับ มิติตำแหน่งวงชัดเจนสุดๆ เสียงฉาบกระดิ่งสั่นจะได้ยินการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของเสียงที่กังวานทั้งหมดเลย เสียงกลางไม่อุ่นและหนาแบบสาย Siltech เงินรุ่นเก่าที่เคยฟัง แต่เป็นแบบอบอวนมากกว่า มืดสนิทจริงๆ ฟังได้นานโดยไม่บีบเค้นเลย ;)
เสียงที่ได้ยินเป็นธรรมชาติแบบดนตรีที่เราไปฟัง เสียงดนตรีที่ได้ยินอุปมาได้เหมือนกับพายเรือ ที่แม้ขณะหยุดพายเรือก็ยังแล่นด่อไป ดูทิวทัศน์ของทั้งสองฝั่งที่โอ่อ่า ผมถามคุณ Ori อย่างที่อุปมาข้างต้น เขาบอกว่าสายที่ดีๆไม่ต่างกันมาก แต่อันที่ดีกว่าจะต่างกันในลักษณะที่ให้ความเป็นดนตรีสูงกว่า ภาษาปะกิดเรียกว่า very musical สำหรับที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้จาก X-2 เป็นเพราะ noise floor ต่ำลงไปมากนั่นเอง
สายเพิ่งได้มา แต่ยิ่งฟังยิ่งพบว่าสายนี้มีดีที่ซ่อนไว้ เจอแต่ความดีของเสียงจากสายทุกวันคับ สายนี้น่าจะเป็นสายที่มีความ transparent ที่สุดในโลกอันหนึ่ง ไม่เจือปนอะไรลงไปในสัญญาณ ไม่รู้จะพรรณาได้อย่างไรให้เหมือนเสียง เป็นสายที่น่าลองมากๆครับ ใครได้ลองคงถอดไม่ออกแน่ๆ เสียดายต้องสั่งที่เมกาอย่างเดียว แต่ไม่ชอบคืนเงินได้ด้วย
ได้ไปลองเทียบกับสายอื่นๆมา พบว่าสายเดิมที่ว่าแน่ๆยังมีอู้ๆหรืออมๆอยู่ เมื่อฟังเปรียบเที่ยบกับ X-2 เส้นนี้จะรู้ว่าสายที่ไม่อู้ไม่อมเลยเป็นอย่างไร เบสที่เข้าใจว่าดังชัดดีกลายเป็นดังแบบอู้ๆ ที่ว่าเสียงมีมวลมีเนื้อ กลายเป็นความอู้ๆคับ เอาไปลองกับชุด Mc ไบแอมป์ ราคาหลักหลายล้าน เจ้าของชุดบอกว่าสายนี้ดีแฮะ ผมว่าเสียงอู้อันนี้เปรียบได้เป็นการเปิดเล่นเสียงออกมาจากท่อกระบอก โดยที่ X-2 เป็นท่อที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่มากๆ (ใหญ่กว่าสายอันอื่น)
เพิ่มเติม: เมื่อวานได้ฟังแผ่น SoReal เล่นเพลงที่คุ้นด้วยวงแจ็ส ประหลาดใจมาก ว่าเสียงต่างจากที่เคยฟังมามากๆ (นานแล้วไม่ได้เอามาเปิด) เหมื่อนกับฟังด้วยชุดเครื่องเสียงคนละชุดเลย เวทีและการแยกแยะดนตรีชัดเจนมาก รายละเอียดสูงมาก ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยออกมาหมด โดยเฉพาะเบสลึกระดับชุดไบแอมป์สามทาง เมือเปิดฟังไม่ดังมาก ได้ยินรายระเอียดของดับเบิลเบสที่สีออกมาหมดจด แต่ในองค์รวมสมดุลย์ดีมาก ไหลลื่น เนียนและมีไดนามิกส์ดีมากเช่นกัน รวมๆแล้วมีความเป็นดนตรีดีมาก ยังกับฟังวงมาเล่นหน้าเราจริงๆ ฟังได้เพลิดเพลินจนลืมเวลานอนเลยคับ :headphone
โดยรวมของอุปกรณ์ในชุดทั้งหมด ทำให้เสียงออกมาเป็นแนวนี้ได้ ให้เสียงดนตรีสมจริง รายละเอียดสูง แบบสนุกและผ่อนคลาย
-
เต้า H&H บล็อกไม้มะค่าขุด เน้นเสียงดนตรี กำลังเบิร์นคับ เอารูปมาให้ดู
-
เบิร์นสายไปถึงไหนแล้วครับ อย่าลืมมารายงานสาย Oritek ให้ฟังด้วยนะครับ O0
-
ผ่านมาลองเดือนกว่าแล้ว เสียงก็ดีวันดีคืนมาเรื่อยๆครับ O0 ได้ Oritek X-2 มาอีกเส้นด้วยเปลี่ยนแทนสายอินเตอร์คอนเน็กปรีกับพาว์เวอร์เดิม ครบทั้งหมดแล้ว เสียงเนี้ยเด็ดขาด ความเป็นดนตรีสูง นุ่มนวล หนักแน่น ลื่นไหล ความสงัด ละเอียดสุดยอด เปิดโล่งหมด ลงตัวมากๆ เลิกฟังแบบจับผิดแล้วฟังแบบพักผ่อน
ได้แผ่นใหม่ๆที่เป็นแจ๊สค่ายยุโรปที่ร้าน HITMAN เอามาขายไพเราะรื่นหูมาก ที่อาจจเป็นเรื่องคือชุดผมเริ่มเขาที่แล้ว มันเลยฟ้องแผ่นที่อัดมาไม่ค่อยดี อย่าง แผ่น SACD RCA Living Stereo ผมถอยมายกชุด เพิ่งทยอยเอามาฟัง ดนตรีที่เล่นระดับยอดเยี่ยม โน๊ต จังหวะจะโคน น้ำหนัก แต่ถ้าอัดมาดีกว่านี้จะสุดยอด แผ่นแสนคำนึงของร้านน้องเปิดฟังแล้ว งงเลยว่าน่าเพลงไทยน่าฟังมาก :headphone
ตอนนี้ได้รีซิสเตอร์ของ Dale มาแล้ว จะเอามาเปลี่ยนในภาคเอ๊าต์พุตแอมป์และเน็ตเวิร์คสำโพง เสียงจะหวาน ละเอียดขึ้นไปอีกแน่ๆคับ
-
มีของใหม่มาเล่นแล้วคับ ทีวีเก่าในบ้านทยอยเสียมาเลยยกทีวีโซนี่แสนรักไปให้อีกห้อง จำใจไปถอย LCD HD-Ready 37" ของ Phillips รุ่น 37PF3720A มา นิ้วสีนวลตาแบบ Sony BRAVIA มี HDMI ให้ด้วย เล่น DVD ธรรมดาดูละเอียดกว่า Sony อีก จริงอยากได้ รุ่น Pixel Plus2 37 นิ้ว แต่ยังไม่เข้าไทย กับหรูไปหน่อยมีมอเตอร์หมุนจอซ้ายขวาได้ด้วย สงสัยจาแพงแหง รุ่น 42 นิ้ว ราคาตั้ง 190,000 ภาพเด็ดกว่า BRAVIA รุ่น V40 รุ่นที่เอามาคุ้มค่ามาก
เอา xbox 360 มาต่อด้วย ดูตัวอย่าง HD Trailer แจ่มมาก ก็เป็นชัดแบบที่ตามร้านเขาให้เปิดคลิป demo ใช้ดู DVD ธรรมดาจาก xbox 360 ก็ดีเช่นกัน ถ้าเล่นด้วยเครื่องดีกว่านี้ภาพน่าจะเด็ดขึ้นได้อีก แต่แค่ xbox ก็รับได้แล้ว เคยเป็นห่วงเรื่องเอามาดูกะทีวีกลัวภาพจะแย่แบบจอพลาสม่าธรรมดา ภาพจาก UBC ด้วยเครื่องรับ digital ดีไม่ต่างจากทีวีโซนีหลอดเดิมมากนัก คงเพราะวงจร Pixel Plus ที่ช่วยให้ทีวี HD เอามาเล่นสัญญาณทีวีธรรมดาได้ดี ที่เยี่ยมคือ Super Zoom ของฟิลิปส์ที่แปลงภาพจาก UBC เป็น 16:9 คนดูไม่อ้วน ดูเป็นธรรมชาติดี เข้าใจว่าภาพจะกลายเป็น 15.5:9 หรื่อไงเนี่ย เสียดายเป็นแค่ Pixel Plus ถ้าได้เป็น Pixel Plus2 จะดีขึ้นอีก (แต่เห็นฝรั่งเขาว่ากันว่า Pixel Plus2 ทำให้ภาพที่ต้นฉบับเป็น film ดูเป็น video ไป) แค่นี้ดู UBC มันส์กว่าเดิมครับผม เนียนเยี่ยม
-
แล้วซีดีมาร้านซ์ไปไหนซะล่ะครับ เห็นเอาอะไรมาวางแทน ???
-
เอ๊กคุณต.ต้น ไวจิงๆ :o กำลังขลุกขลักกับอัพเด็ดต่ออยู่ คำตอบอยู่ข้างล่างคับ
เพิ่งได้ของเก่าลายครามเครื่องเล่นซีดี Revox B-225 มา ไปถอยมาจาก eBay ส่งลงเรือมาจากนิวยอร์ค รอใจจรดจ่อตั้ง 2 เดือนแน่ะ แต่มาถึงแล้วอึ้งกะเสียงไปเลย อายุราว 15 ปี รูปร่างยังกับรถถัง แต่น้ำเสียงเนี๊ยเด็ดสุดยอด ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเครื่องเล่นซีดีที่เสียงว่าดีๆเป็นอนาล๊อกๆเป็นอย่างไร แต่เรื่องความละเอียดคงสู้เอสเอซีดีไม่ได้ ขึ้นกับว่าชอบฟังแนวไหน ตัวเองหลงไหลเร้ดบู๊คซีดีเสียงสมจริงเข้าแล้ว ตอนนี้เอามาฟัง กำลังเห่ออยู่ มีรูปมาให้ดูคับ K)
-
คุณเร้ดบุ๊คครับมีคนมาถามเรื่องทีวีครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=10689.0
-
เพิ่งได้ของเก่าลายครามเครื่องเล่นซีดี Revox มา อายุราว 15 ปี รูปร่างยังกับรถถัง แต่น้ำเสียงเนี๊ยเด็ดสุดยอด ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเครื่องเล่นซีดีที่เสียงว่าดีๆเป็นอนาล๊อกๆเป็นอย่างไร แต่เรื่องความละเอียดคงสู้เอสเอซีดีไม่ได้ ขึ้นกับว่าชอบฟังแนวไหน ตัวเองหลงไหลเร้ดบู๊คซีดีเสียงสมจริงเข้าแล้ว ตอนนี้เอามาฟัง กำลังเห่ออยู่ มีรูปมาให้ดูคับ K)
รีวิวให้ฟังหน่อยซิครับเจ้าเครื่องเล่นซีดี Revox มา อายุราว 15 ปี รูปร่างยังกับรถถัง นะ อยากฟังเสียงครับ เคยอ่านรีวิวของ GERAMANY ว่าเสียงดีอนาลอกหนักหนา ไม่รู้ว่าพอจะสูสีกับ CD ผู้น้อง 206 ได้รึเปล่าครับ อยากฟัง :'( :'( :'(
:secretแต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าคนแถวๆนี้กำลังจะได้เจ้า Revox มาฟังโอ๊ยชักอยากได้บ้างละครับ ของดีๆ ที่โลกลืม :headphone :headphone
-
จริงอายุอานามไปค้นดูใหม่ทำตั้งแต่ 1984 ก็ 20 ก่าปีเห็นจาได้ ชรามากแต่ยังแจ๋วเด็ด ที่หุ่นเป็นรถถังแล้วก็เจ้าทรานสปอร์ตเปิดออกมา มีเสียงยังกับประตูเปิดด้วย
เสียงหรือครับคุณ BAY เป็นอนาล็อกมากๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้จะใส่ไม้ยามกเท่าไหร่ดี O0 เรียกว่าใกล้เทิรน์มากคับ น้ำหนัก ไดนามิก และโทนาลบาล๊านซ์เสียงดีมาก (เมื่อเทียบเอาเครื่องมาเทียบกันจะทราบได้ชัดเจน) อย่างเสียงของเครื่องดนตรีโลหะเหล็กกังวานเป็นแบบจริงๆเลย รวมถึงเสียงอื่นๆด้วยครับ น่าฟังแบบฟังดนตรีดี เพื่อนที่เมืองนอกเขาแนะนำผมมา ไม่กล้าเทียบรุ่นเดี๋ยวคนจะตกใจกันหมด ใครได้ฟังอยากได้กันทุกคนเล้ย :D
ที่ทราบมาคือ DAC Chip ของแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน รุ่นที่ผมได้มาก็ต่างจากรุ่นหลังๆ เป็นชิบ TDA1540 ที่ Phillips ไม่ผลิตต่อหลังจากรุ่นแรกๆ เข้าใจว่าเสียงของต่างรุ่นก็ต่างกันคับ ที่ทราบมาเก่ากว่าเป็นแนวอนาล็อกเดิมๆมากกว่า
ได้มีโอกาสให้เพื่อนๆฟัง ได้คำวิจารณ์ว่าเป็นเสียงเฉพาะตัว ไม่เหมือนเครื่องไหน อาจเป็นเรื่องรสนิยมการฟังที่แต่ก่อนกับปัจจุบันต่างกัน อย่าง เพลงฮิบฮอบเน้นมันส์ พวกแผ่นเอสเอซีดีนี้ก็ละเอียดสะอาดสุดๆ เวทีกว้างไกล
ใครเอ่ยแถวนี้ที่จะได้ Revox มาอีกคนคับของทราบหน่อย จะได้ตั้งชมรมของแก่ เอ้ยเก่า กันหน่อยคับ
ปล. เพิ่งได้ของเล่นมาอีกอันจากฮ่องกง เดินไปเอาถึงถิ่นเลย เด็ดเช่นกัน ขอเล่นให้จุก่อน :wiggle แล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ
-
ได้ของดีมาใหม่คือ Zhaolu 2.0 DAC คับ เสียงนี้ดลใจสุดๆ น้ำหนักดีมาก เป็นอานาล็อกมากๆๆๆเช่นกัน ฟังเพลงเป็นเพลง (musical) ขนาดใช้ transport ด้วยเครื่องเล่น Samsung DVD ของแถม เลยตัดสินใจขาย Marantz SA-11S1 ไปแล้วคับ มีฝาหรั่งเขาแนะนำให้โมนู่นนี่แล้วเสียงจะดีขึ้นไปอีก หรืออย่างทำภาค output stage ให้เป็น discrete ไม่ใช้ opamps จะลองดูแล้วจะมาเล่าให้ฟัง
ตอนนี้เอา DAC ไปทิ้งไว้ที่ร้าน Poem ให้เขาเบิรน์ แล้วจะได้ให้โมให้ด้วย ใครอยากทราบเสียงไปฟังได้ที่ร้านนะครับ กะว่าจะไปถอย Soken DV-971 มาใช้เป็น transport กับดูหนังด้วย
เอาใส้ในมาให้ดูที่ http://www.htg2.net/index.php?topic=9492.0
-
เพิ่งได้ฤกษ์มาอัพรูป Zhaolu ให้ดูกันตอนลอง A/B กับ Marantz SA-11S1 ผมเอา Zhaolu ไปโมถอน DC-blocking cap ภาคอาลอกออกเอ๊าต์พุท เสียงดีขึ้นมากกกกก.... :secret
เพิ่งเห็นดีเอตัวใหม่ DA7.2 ออกมา เอ๊าต์พุทเป็นทรานซิสเตอร์คลาส A :-X
-
สวยมากๆครับ :clap
-
หลังจากได้มีความสุขกับเสียงอันไพเราะของเครื่องเล่นรุ่นลายคราม Revox B-225 ที่ได้มาจากอเมริกามาหลายเพลา ตอนนี้ก็ยกระดับขึ้นไปอีกด้วย Ori Modded Zhaolu ผมส่ง Zhaolu D-2.0 ตัวน้อยไปเมกาให้ Oritek Audio เขาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ด้วย Discrete Output Board รออยู่ราวๆสองเดือน ส่งไปทางกระเป๋าเดินทางญาติ เพิ่งได้กลับมาทาง EMS สะดวกมากเลยไปรับได้ที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไม่ต้องถ่อไปถึงหัวลำโพงออกของเอง น้ำหนัก 4 กิโล ค่าส่ง $67 กะค่าภาษี บินมา 5 วันเอง นอกเรื่องไปหน่อย
ใช้กะ transport เครื่องเล่นดีวีดีของ Phillips แถมมากะจอ LCD ที่อัพไปปีที่แล้ว เสียงเนี๊ยไม่ต้องพูดเลย ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง พอกลับมาบ้านเปิดฟัง พูดไม่ออกเลย :o เพิ่งเบริน์ได้ราวๆร้อยชั่วโมงแล้วก็ดีวันดีคืน จริงๆแล้วเสียงของ Revox ก็ดีถูกใจมากๆๆๆๆแล้ว แต่ Ori Zhaolu นี้ทำให้เรารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า แต่คิดว่า "ฟ้า" อันนี้ก็คงจะชั้นเกือบจะสุดแล้ว K) ใช้สายดิจิตอลด้วย Oritek X-1 และสายอินเตอร์คอนเน๊ค Oritek X-2 ระดับพระกาฬอันเดิมนั่นเอง น้ำเสียงที่ได้ยินบอกได้คำเดียวว่า เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม !! ภาษาปกิตก็ราวๆ Extreme Sonic Quality ก็ว่าได้ O0 O0 O0 O0
มีเจ้าเครื่องนี้ถึงได้รู้ว่า noise ในเส้นทางเดินเสียงโดยเฉพาะใน opamps มันช่างร้ายเหลือ มีหลายเครื่องที่เสียงคิดว่าดีแล้วแต่เมื่อเอามาเทียบกัน ถ้าใครได้ยินเสียงแบบเอา noise ออกให้หายไปจะรู้ว่าภาค digital ของ DAC เนี่ยทำได้ดีมากๆๆๆ อยู่แล้ว ทั้งเทคโนโลยีและการออกแบบมันก้าวหน้ามามากจริงๆ ขึ้นกับใคร implement ได้ดีกว่ากัน อย่าง Zhaolu เนี่ยทำได้ดีมาก มี voltage regulator แยกตั้ง 7-8 ตัวแบบหลักการในเครื่องไฮเอ็นด์ทั้งหาย ที่เหลือก็ต่อด้วยใครทำให้ noise หายไปได้ละก็...... สุดยอด
เสียงแบบบีบๆ (compressed) คมๆมีขอบ (edged) มันหายสนิทไม่มีคำว่าบาดหูเลย ทุกอย่างแยกแยะชัดเจนที่สุด หนักเบา คอนโทรลโน๊ตและเสียงได้แม่นระดับจับวางตั้งแต่ปลายต่ำถึงสูง เวทีและโทนนาลบาล๊านซ์ไม่ต้องพูดถึงมันมาด้วยกัน ทำให้เครื่องเสียงดิจิตอลเทียบกล้าเครื่องเทิร์นได้ ก็นี่แหละเครื่องเล่นระดับพระกาฬ "ultimate hi-end cd player" ...... ราคากับวงจรรุงรังไม่ใช่ตัวกำหนดเสมอไป อยู่ที่ "smart engineering" มากกว่า discrete board นี้ออกแบบโดยหล้ก minimalist "ใช้ให้น้อยที่สุด" และการคัดอุปกรณ์ที่แม๊ทช์กันในวงจรให้ได้มากที่สุด สงสัยหลักการมันดูง่ายๆแต่คงทำได้ไม่ง่ายมั้ง อีกอย่างขึ้นว่า เจ้าบอร์ดเล็กๆอันนี้มันร้อนมากๆๆสงสัยวงจรคลาสเอแหง ???
.....และแล้วเพลงจากเครื่องเสียงเรามันดีได้ขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย เพลงทุกเพลงเป็นเพลงที่น่าฟังมากๆ เพิ่งจะรู้จักคำปกิตว่า "Enjoy Music" แบบอินกะอดนอนฟังเพลงก็คราวนี้แหละ :headphone เจอเครื่องนี้ Accuphase, dCS, Mark, Esoteric, Krell ต้องคิดหนักเลยละคับ :cold สงสัยต้องแบ่งบัน Revox B-225 ให้เพื่อนพ้องที่สนใจซะแล้ว แต่ยังรักหลานเสียดายย่าอยู่ :D
มีรูปให้ดู ข้างในก็เป็น discrete output stage board เล็กๆอันนึง เอาสัญญาณจาก DAC มาปรับและขยายต่อเพื่อให้ gain ไปเข้าเครื่องเสียงของเราได้พอดี ในรูปจะเห็น transformer สำหรับเสริม PLL ควบคุมระดับของ jiiter ใน S/PDIF Re-clocking DAC ให้ลดลงไปเช่นกัน (มีเรื่อง Digital Audio Interfaces (http://www.tnt-audio.com/clinica/diginterf1_e.html), Jitter Suppression & PLL Design (http://members.chello.nl/~m.heijligers/DAChtml/PLL/PLL1.htm), และ PLL Tutorial (http://www.uoguelph.ca/~antoon/gadgets/pll/pll.html) ดูต่อได้) ^-^ ดูรูปต้นแบบของบอรด์ใน Zhaolu D-1.3 ที่นี่เลย (http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=11548.0;attach=31495;image)
ปล. ตอนนี้สั่ง AD-1852 DAC board มาลองดูด้วย เจ้า Zhaolu นี่ดีจริงๆ มีชิป DA ให้เปลี่ยนเล่นได้ แล้วแต่ความชอบเลยคับ O0
-
เครื่องเล่นดีวีดีของ Phillips DVP 5965K ทำ upscaling 1080i ได้กะมี HDMI ด้วย ดูหนังใช้ได้ เป็น transport ตอนนี้โอเคเลย
AD-1852 board ทางไปรษณีย์มาถึงเร็วเช่นกัน เอาเปลี่ยนแทน CS-4398 เดิมที่ซื้อมากะเครื่อง ตอนไปลองฟังที่ฮ่องกง CS chip ให้เสียงที่ดีกว่า แต่พอเปลียนเป็น Ori discrete board แล้วเสียงของ AD-1852 มันเป็นธรรมชาติกว่า airy และปลายแหลมมากกว่าด้วย เฮ้อมันมีหลายปัจจัยกว่าจะรู้ธาตุแท้ของ DA chip นะเนีย ทั้งสองบอร์ดก็ให้เสียงที่ดีมากๆทั้งคู่ ขึ้นกะว่าชอบอันไหนตอนนี้ของลอง AD ไปก่อนนะ ;)
มีอีกอย่างคือกลับไปใช้สายไฟ AC ของ Poem ที่ให้ dynamic และไม่นุ่มมากเท่า Van Den Hul Mainstream ที่ใช้กะ Revox อยู่ ได้อะไรมาอีกเยอะ แล้วเสียงก็นุ่มกว่าเดิมด้วย ได้บทเรียนว่า source นั้นสำคัญไฉน ? ถ้า source ดีก็เล่นของเสริมได้เต็มที่เลย ลุย :yahoo
-
อย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องไปขอฟังละครับ พี่น้อง d_d d_d d_d d_d O0 O0 O0 0)] 0)] 0)]
-
มากันอัพต่อ ....
ได้รับความกรุณาจากพี่หมอนักเล่นเครื่องเสียงท่านหนึ่งมี Accuphase DP-70 ให้เอา Ori Zhaolu ของกาผมไปลองที่บ้านท่านได้ จริงคุณหมอเองเขาก็มี Zhaolu เอาไว้ฟังในห้องนอน เสียงสู้ชุดในห้องฟังไม่ได้ แต่ได้ข่าวว่าเจ้า Ori Zhaolu AD-1852 ตัวน้อยที่ยกเครื่องอาล๊อกเอ๊าต์พุตมานั้นเสียงไม่เบา ก็คงอยากได้ยินเช่นกัน และมีคุณพี่ Dekwat ไปเป็นพยานอีกคน :D
ไปถึงแล้วตกใจเหมี๋ยนกัน เพราะดันมีเจ้าเทริน์ Micro Seiki RX-1500 อยู่ตัวนึง จำโทนอาร์มไม่ได้ (ติดไว้ก่อน) ตั้งบนขาตั้งสุดหรูบวกกะชุดโฟโน่ชั้นดี :cold เลยขอลองฟังมันทั้งหมดเลย เจ้าของท่านใจดีให้ลองกันเต็มที่ แอมป์เป็นหลอดลำโพงโคลน (ดูกระทู้คุณ Dekwat ข้างล่างนะครับ) สองทาง เริ่มด้วย Accuphase DP-70 เล่นเพลงร้องได้หวานซาบซึ้ง แต่เพลงมันส์ๆมันกลายเป็นสโลโมชั่น ต่อมาเสียงจาก Ori Zhaolu ออกแนวเป็นกลางชัดกระชับเล่นได้ทุกแนว ต่างกันมากและให้รายละเอียดที่มากกว่า เอาแผ่น King of Blue ของ Miles Davis ใส่ฟัง เป็นแจ๊สบลูที่สนุกสนานได้อารมณ์ ได้ยินเสียงรายละเอียดลิ้นแซกโซโฟนมันกระจ่างมากๆ กลองก็สปีดดีฉับไว เป็นอันว่าฟังสนุกมากๆ พี่เขาบอกว่าเสียง Ori Zhaolu คล้ายพวก Revox (ที่ผมเคยเอา Revox B-225 อันเดิมไปเทียบเสียงเหมือน DP-67 เลย)
ทีนี้ถึงตา Micro Seiki RX-1500 บ้าง ลุ้นตัวโก่งว่าจะเป็นเช่นไร พี่เจ้าของเค้าเปิดเครื่องและโฟโน่รอไว้พักใหญ่ บรรจงหยิบแผ่นมาวาง แล้วจรดโทนอาร์ม พอปล่อยเข็มลง เสียงอันเป็นแบบฉบับของเทริน์ก็ดังกังวาลไปทั่วห้อง :headphone ฟังได้เพลิดเพลิน ..... เมื่อฟังจนจบเพลงก็ได้ลองกลับมาฟังแทรกเดียวกันบนแผ่นซีดีด้วย Ori Zhaolu ..... เสียงที่ออกมาไม่ขายหน้าเลยแม้แต่น้อย :showoff ถ้าจะให้เป็นคะแนนก็ 8.5 กะ 9.5 แน่นอนลาคับ RX-1500 ต้องได้สูงกว่า แต่ไม่เต็ม 10 เพราะมันให้รายละเอียดและลึกได้ไม่เท่าที่ Ori Zhaolu เปล่งออกมา ที่ต่างกันมากก็เป็นเสียงกลางของเทิรน์ที่นุ่มนวลกว่า เปิดได้ดังกว่าโดยไม่รู้สึกล้าหู จริงๆ Ori Zhaolu ก็เปิดดังๆไม่ล้าหู แต่ถ้าเอามาเทียบกันจะๆแบบนี้ยังสู้เทริน์เขาไม่ได้ แต่ไม่ห่างกันมากนัก d_d
เวลาไปบ้านคนที่เขามีห้องฟัง มันน่าอิจฉาจริงๆ :-X ไปแล้วไม่อยากกลับเลย แต่วีซ่าหมดเด๋ยวจะได้เป็นยามเฝ้าประตูบ้านกลางดึก... มีรูปมาให้ดูกันซะหน่อย
-
เอารูปมาต่ออีกหน่อย แถมรูปใหญ่อันนึง ที่นี่ (http://img405.imageshack.us/img405/3218/orizhaolurx1500lzv4.jpg) คับ ^-^
-
มาช่วยอัพ เพราะถูกพาดพิง
เป็นโทนอาร์ม SME 309 ติดอาวุธหนัก Koetsu Rosewood ผ่านด้วย Klyne(ถ้าสำกดไม่ผิด) และ Phono หลอด Made In Thailand อีกอาร์มจำไม่ได้ ติดหัว Dynavector 17D รุ่นเก่าเหมือนกัน O0
ตู้ลำโพงทำตามแบบ Tannoy แต่ภายในมีค่ายกล ปรับเสียง Woofer 12" ติด Tweeter แยกตู้ของ ESS ที่จริงควรจะต้องวางตั้ง แต่ผบของเจ้าของห้อง สั่งการลงมาว่า นอนจะดูดีกว่า ก็เลยต้องเป็นไปตามสั่ง :'(
ในส่วนตัว ก็ได้ความเห็นไม่ต่างจากคุณ Redbook ละครับ ความหวานและบรรยากาศ Turn ยังเด่นกว่า แต่ความชัดของตัวโน๊ตยังเป็นรอง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าแผ่นนี้อัดระบบโมโน เลยแยกแยะรายละเอียดไม่เด่นเท่า
สรุปก็ยังให้ความเห็นเหมือนเดิมคือ งบประมาณซีดี ครึ่งแสน หา Zhaolu อย่างนี้ (อย่างนี้นะครับ) กับดีวีดี ของแถม ผมว่าน่าสนใจมากๆครับ ขอบคุณท่านเจ้าของห้องและคุณ Redbook นะครับ ที่ให้ผมได้มีโอกาศสัมผัสสุ่มเสียงที่น่าลุ่มหลง ในราคารับได้ d_d :yahoo :bye1
-
ได้มาแร้วคับ Oritek Modded Zhaolu (OMZ) D2.5A ตัวล่าสุด อันนี้เพื่อนกะผมอยากได้ เลยสั่งมารออยู่เดือนกว่า น้ำเสียงเหมือนตัว OMZ D2.0A แต่คงต้องเบริน์อีกซะ 100 ชั่วโมงขึ้น ให้ชิ้นส่วนมันทำงานได้เต็มสูบ เสียงจะได้ดีขึ้นไปจากตอนนี้อีก เอารูปมาโพสให้ดูกันหน่อย ตัวบนเป็น D2.5A คับ
ดูแล้น่าตกใจ :o ว่าเครื่องในมันมีน้อยนิด มีแค่ พาว์เวอร์ซัพพลาย, ภาคจ่ายไฟ, ภาค D/A และ ภาคอนาลอก (ที่ Ori เขาทำเอง) แค่นี้ละทำให้เสียงระดับพระกาฬได้เลย คนอะไรมันจะเก่งขนาดนี้ (ทั้งคนจีนและคนอเมริกัน) คิดดูได้ว่าต้นทุนมันไม่เห็นต้องราคาเป็นแสนเป็นล้านเลย ที่จะทำเครื่องเล่นซีดีหรือดีเอไฮเอ็นด์แท้ แต่ถ้าคนทำขอค่าสมองค่าวิจัยเป็นล้าน หรือว่าค่าโฆษณาก็ไม่แน่ :D
-
มีโอกาสได้เทียบกับ DAC citypluse แล้วยังครับ
ผมสนใจอยู่เหมือนกันครับ
-
มีโอกาสได้เทียบกับ DAC citypluse แล้วยังครับ ผมสนใจอยู่เหมือนกันครับ
ยังคับ แต่ของผมมันโมไปแล้ว หาตัวเทียบยากอย่างที่เล่าให้ฟัง ^-^
-
ได้ฤกษ์อัพเดทกันอีกที ด้วยความที่กิเลสพอกมาเรื่อยๆ ตอนแรกว่าจะไปเอา Philips 42PFL7422 ที่เป็น FullHD 1920x1080p มาแทนทีวีเดิม แต่ที่บู๊ทเขามี 42PF9541 1366x768p เปิดโชว์ไว้ สมัยก่อนได้มองผ่านๆเพราะราคาแสนกลางๆ ตอนนี้เขาลดลงมาเยอะครับ เลยได้โอกาสดูภาพเทียบกัน รุ่น series 9xxx เป็นรุ่น top-of-the-line ส่วน series 7xxx เป็น mid-end ของ Philips เขา วงจรและอุปกรณ์ภายในคนละเกรด ราคาขายต่างกัน
9541 ให้สีที่อิ่มกว่าและเป็นธรรมชาติกว่า 7422 ดูจัดแบบ Samsung และ Bravia รู้สึกว่ามันหลอกไปหน่อย 9541 ใช้วงจร Pixel Plus 2 HD ที่ดีกว่า Pixel Plus HD ใน 7422 ความลื่นไหลและระดับสีดีกว่ามาก ที่สำคัญเอามาดุ UBC เดิมใช้ 37PF4720 อยู่ ก็ดูดีกว่ายี่ห้ออื่นๆแล้ว ได้ให้น้องที่ PowerBuy เขาเปิดดีวีดีป้อน HDMI เข้า 7422 และป้อน composite video เข้า 9541 (ย้ำว่าแค่สัญญาณอนาล๊อกบนสายวิดีโอกระจอกๆเท่านั้น) ภาพที่ได้ 9541 กินขาดเลย !! ตอนนี้ดูอยู่ที่บ้าน แฮ๊ปปี้มากๆแค่ดูโฆษณาก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว โดยเฉพาะภาพโลหะอย่างปืน มันเงาแวววาว ดุจปืนจริงๆบนจอเลยครับ แต่ว่าเพื่อนๆบางท่านที่นี่มีความเห็นว่าภาพมันเป็นทางการ์ตูนไปจนเอียนคลื่นไส้ (ตัวเองไม่เป็นซักกะนิด) อันนี้ขึ้นกะความชอบส่วนบุคคล ภาพของ 9541 มันจะออกไปทางชัดเจนแบบตาเรานั่งดูเขาถ่ายทำในสตูดิโอ สมัยก่อนคงบอกได้ว่ามีสันแบบฟิลม์ภาพยนตร์ 35 มม มีความลึก 3 มิติมาก ที่ลองเทียบกันความ 3 มิติต้องใช้สเกลเล่อร์ภายในของทีวีเท่านั้น ซึ่งทำได้โดยป้อน สัญญาณต่ำกว่า 720p สเกลเล่อร์ในทีวีก็จะทำงาน
ก่อนจะตัดสินใจซื้อได้ไปดูเทียบกับ 42PFL9432 รุ่นล่าสุด FullHD Perfect Pixel Plus Clear LCD ที่สังเกตุได้คือว่าสีของ 9432 มันจัดกว่า ออกไปทางโทนของ 7422 ซึ่งคิดว่าเป็นจาก LCD panel ที่ต่างโรงงานต่างรุ่นกัน อันนี้เลือกไม่ได้เพราะ Philips คงต้องหาส่วนประกอบที่ให้ต้นทุนต่ำลงด้วย (เหมาจากโรงงานเดียวกันทั้งหมด) ที่สำคัญถ้าใช้สเกลเล่อร์ในทีวีเองความละเอียดก็ยังมีข้อบกพร่องให้เห็นเหมือนกับ 9541 เลยจะจ่ายแพงไปทำไม กว่าหนังต่างๆจะเป็น HD 720p/1080i หรือ 1080p คงอีกนานโข ข้อมูลต่างประเทศนั้น 720p ก็เป็น HD ที่สวยงามแล้ว FullHD เลยคิดว่ายังไม่จำเป็นในชั่วโมงนี้
ข้อดีของ 7422 ไม่ใช่ไม่มีนะคับ ความละเอียด 1920x1080 นั้นดีกว่าแน่นอน ยิ่งถ้าใครดูทีวีใกล้ๆ คงต้องเลือกความละเอียดที่มากกว่า แต่คงต้องยอมสละเรื่องอี่นๆที่กล่าวมา ความละเอียดมากๆจะมีประโยชน์เวลาดูภาพนิ่งอย่างจะเอาไปโชว์ภาพจากกล้องดิจิตอล FullHD ดีกว่าแน่นอน หรือว่าเวลาดูหนังที่มาเป็น FullHD ภาพภูเขาที่มีใบไม้อยู่ดาดดื่นนั้น ถ้าอยากดูใบไม้เหล่านั้นให้ชัดขึ้น หรือว่าต้องการเห็นขนตานางเอกขณะวิ่งไล่แกะบนเนินเขา คงต้องเลือก 1080p แน่นอนอีกเช่นกัน
เอารูปแจ่มมาลงไว้หน่อย ยังเห่ออยู่สติ๊กเกอร์ไม่ได้แกะ :D ปล. เครื่องเสียงหายไปชั่วคราว เอาไปโมไส้ซักเล็กน้อย
-
สำหรับ Ambient Light นั้นจริงๆตัวเองไม่ต้องการ Philips มีรุ่นที่เป็น FullHD กะ Pixel Plus 2 HD ขายแล้ว แต่โทรไปถามเซลล์เขาบอกว่าไม่รู้จะเอาเข้าไทยไห๊ม เลยไม่มีทางเลือก ตอนแรกเรามีอคติกะ Ambient Light แต่พอได้มาลองที่บ้านแล้ว ของเขาดีแหะ คือว่าสามารถปิดไฟทั้งห้องดูทีวีได้ ที่ห้องมีหน้าต่าง เลยใช้วิธีปิดผ้าม่านสี่ครีมๆหน่อย ตั้งห่างประมาณ 50 ซม. (คู่มือแนะนำไว้ไม่ควรเกิน 40 ซม.) จะเห็นแสงในภาพเป็นโทนสีตามฉากของหนังด้านซ้ายด้านขวาไม่เท่ากัน Ambient Light จะให้แสงสว่างที่ทำให้สบายสายตา แบบบรรยากาศในโรงหนัง เอาไว้ดูหนังดีใช้ได้ ดูข่าวมันไม่เข้ากันเลย เปิดไฟดีกว่า เวลากลางวันหรือเปิดไฟจะมองไม่เห็น Ambient Light คับ จบการรายงาน
-
ก่อนปีใหม่ส่งดีเอตัวโปรดกลับไปโมไส้ OMZ Revision V2 เป็น V4 ล่าสุด กลับมาตอนต้นปี ที่เดิมว่าดีมากอยู่แล้ว เจออันใหม่นี้เสียงดีขึ้นกว่าเดิมไปอีก ที่ชัดเจนคือไดนามิกส์กว้างกว่าเดิมมากๆ ฟังเพลงคลาสิกยิ่งเห็นชัด กลองดังสนั่น ไวโอลินดังชัดแต่ก็เบาจริงๆ เบสลึกมากและไวขึ้น รายละเอียดเสียงต่างๆได้ยินชัดเจนมากขึ้น สงัดมากขึ้น เวทีใหญ่และชัดเจนจริงๆ คงเป็นเพราะวงจรที่ได้แก้ไขให้มี noise floor ต่ำลงไปอีก ทำให้ทุกอย่างเปิดออกมาหมด อะไรที่บันทึกไว้บนแผ่นมันถูกแสดงออกมาหมดด้วย V4 นี้ O0 กำลังคิดว่าจะถอยเอาตัวดีเอของ Oritek ที่มีโฮดโฟนแอปม์และเป็นปรีแอมปืทรานซิสเตอร์ภายใน ได้ยินมากว่าตัวปรีนั้นไม่ธรรมดาคนทีใช้ NuForce P-9 กะ ModWright SWL 9.0 SE ก็จะเปลี่ยนมาใช้ตัวใหม่นี้แทน :secret เมื่อไหร่ได้มาจะมาเล่าให้ฟัง
มีวิทยุอีกอันที่ได้มา Tivoli Model One (http://www.tivoliaudio.com/home.php?cat=262) สีขาวจั๊ว สอยมาจาก eBay $80 เป็นวิทยุแบบโมโนที่เสียงดีมากๆๆๆๆๆ ใครได้ฟังแล้วจะรู้ว่าวิทยุโมโนเสียงออดิโอไฟล์เป็นเช่นไร Tivoli Model One เป็นวิทยุตั้งโต๊ะที่ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายมากๆ หมุนปุ่มหาคลื่นแบบในวิทยุโบราณ ซึ่งสะดวกกว่าการกดปุ่ม เขาออกแบบให้การหมุนปุ่มจูนคลื่นตรงกลางอันเล็ก 5 รอบ วงบอกตำแหน่งคลื่นด้านนอกจะหมุนตามเคลื่อนไป 1 รอบ (Ratio 5:1) เด็กหมุนได้คนแก่มือสั่นหมุนก็เจอคลื่นชัวร์
จุดเด่นของภาครับวิทยุคือ Henry Kloss Analog AM/FM Tuner ที่ใช้ GaAs MES-FET ในการรับคลื่น Model One สามารถรับคลื่นดีมาก แม่นยำและคลื่นรบกวนน้อยมากๆๆ พวกน๊อยส์จาก multipath noise และสัญญาณอ่อนมันหายไปเลย พวกคลื่น 92.25 รับได้ชัดเป๊ะ 95 ลูกทุ่ง FM ฟังเหมือนเปิดจากแผ่นเลย มีสายอากาศในตัวเครื่อง (เส้นสีน้าเงินในรูป FM และดำแดงขดเป็นมัดใหญ่อยู่ด้านหน้า AM) และต่อสายภายนอกได้ด้วย LED สีเหลืองที่หน้าเครื่องใช้บอกระดับความแรงของคลื่น แบบที่มีในเครื่องวิทยุไฮเอ็นด์ ทำให้ผู้ฟังจูนหาคลื่นได้ง่าย ของหรูจริงๆ
จุดเด่นด้านอคูสติกของ Model One คือดอกลำโพงฟลูเร้นจ์ 3" ในตู้เปิด (ported tube) ด้านใต้ของเครื่องวิทยุเจาะรู 1" ใส่ท่อดำๆตั้งไว้ ทำให้เสียงที่ออกมาฟังแล้วไม่เหมือนวิทยุตัวเล็กเลย ด้านหลังมีลายน์เอ้าต์สำหรับต่อเข้าชุดใหญ่ได้ และมีช่องต่อกะ iPod คือว่าใช้เป็นเครื่องขยายเสียงได้ ใครอยากได้แอมป์สำหรับ iPod ไปลองตัวนี้ก่อนตัดสินใจ เสียงเพลงเพราะไม่จำเป็นต้องเป็นสเตอริโอก็ได้
คุณลุง Henry Kloss (http://en.wikipedia.org/wiki/Henry_Kloss) เพิ่งเสียชีวิตไปในปี 2002 เขาเป็นวิศวกรเครื่องเสียงที่เลื่องชื่อ ออกแบบวิทยุขายมาตั้งแต่ก่อนเราเกิด เขาเป็นผู้ก่อตั้ง Acoustic Research Corporation (AR) นั่นเอง ย้ายมาอยู่กะ Tivoli หล้งเกษียณ มาทำวิทยุดั่งเดิมออกขายให้รุ่นอายุเราๆมีใช้กันอีก c)
-
OMZ DAC/Headphone Amp/Preamp ล่าสุดมาถึงแล้วคับลงเครื่องเมื่อคืน วันนี้ก็เลยแจ้นไปรับมาจากญาติที่ช่วยยัดเข้ากระเป๋ามาด้วย เครื่องมันไปนอนเล่นแถวๆ Palm Beach รัฐฟลอริด้ามาเป็นอาทิตย์ ยังไม่พ้นเบริน์อินขอเอามาฟังเลย อยากรู้มากๆ :-X เสียงก็อย่างที่คาด เด็ดอีกเช่นเคย ภาคอนาล็อกแบบ Discrete ทั้งหมด เสียงสะอาดมากๆๆๆๆๆ เทียบกะปรีหลอด Poem 12B4 ที่ใช้อยู่ได้เลย ดีกว่าที่ไม่ร้อนมือพองและมีรีโมทด้วย ไม่รู้คุณ Ori ทำรีโมทด้วย ALPS ติดมอเตอร์ได้ยังไงเสียงดีไม่แพ้วอล์ลุ่มราคาแพงที่ใช้อยู่ ดีใจเลยเราไม่ต้องเดินไปหรี่วอลลุ่มแล้ว กดด้วยปลายนิ้ว c) แถมยังเลือกอินพุทอีก 2 อันจากรีโมทได้อีก สมใจมากๆที่เจอปรีทรานซิสเตอร์ที่ให้เสียงสะอาดแบบเผาไส้หลอดฟิสิกส์ดิบๆดั้งเดิมไม่มีอะไรเจอปน หวานนุ่มนวลแต่ได้แรงกระแทกไม่อั้นแบบโซลิสเตจ คงจะเป็นวงจรคลาสเอเพราะตัวถังร้อนได้สะใจ ถ้าใครได้ลองฟังก็น่าจะพอเห็นภาพเสียงดนตรีที่เกือบจะไร้ข้อติ ที่ชัดเจนคือโทนาลบาลาสดีมากๆเท่ากันตลอดย่านและตลอดระดับวอลลุ่ม แล้วก็ทราสแพเร้นซ์มากๆๆๆๆจริงๆ แบบว่าให้จินตนาการเห็นว่าเครื่องเสียงในอุดมคติจะทำได้เช่นไรได้ไม่ยากแล้ว แต่ยังพบว่าเสียงกลางที่บีบๆยังมีอยู่บ้าง ตอนแรกที่ไปเบลมเจ้า 12B4 คงไม่ใช่แล้ว น่าจะเป็นที่อื่นใน chain ของระบบ ได้การบ้านไปหาต่อ
แต่แค่นี้ก็ไม่รู้จะทั้งรื่นหูกะเสียง สุขีกะรีโมท แฮ๊ปปี้กะค่าไฟไม่ต้องเผาหลอด ถ้าลืมปิดปรีก่อนออกจากบ้านก็ไม่กลัวร้อนผ่าว ดูรูปข้างล่างได้ ร้าน Poem เอาพาว์เวอร์แอมป์ MOSFET ใหม่มาให้ลอง ตัวเบ่อเริ่มในรูป เสียงหวาน พละกำลังดีเช่นกัน ขอไปฟังเพลงก่อนจะได้เบิรน์เร็วๆ ยิ่งเบริน์น่าจะเยี่ยมขึ้นไปอีกแน่ๆ
ตอนนี้ก็รอหูฟัง AKG K701 ส่งไป recable ที่ร้าน Oritek ที่ US ด้วย เสียงน่าจะกินขาดคับ อยู่จะได้มีความสุขโดยไม่กวน ผบ.ซักที ให้ท่านดูทีวี เราก็ฟังเพลงเราไป :headphone
-
หลังจากชุดลงตัวเกือบจะที่สุดแล้ว ยังขาดของเสริมไปอีกอย่าง เครื่องกรองไฟ แต่ก่อนไม่เคยมอง เคยเอาพวกฟิลเตอร์ในซ๊อกเกต IEC มาต่อ เสียงแห้งกะปลายแหลมตกไปมากเลย :giveup แต่ได้รับคำแนะนำมาให้หาชนิดที่มีหม้อแปลงภายใน (isolation balance transformer) เท่านั้น และให้ใช้แค่ซอร์ต (ซีดีหรือดีเอ) กะทรานซปอร์ตหรือปรีด้วย ห้ามใช้กะเพาเวอร์แอมป์ เลยไปหาของมาเทียบกัน ร้านเขายินดีให้มัดจำมาลองได้ ก็เอามาสามตัวในรูป เป็นของไทยทั้งหมดเลย
ข้อสรุปประการแรก เครื่องกรองไฟทั้งสามดีกว่าไม่ใช้ สงัดขึ้นมาก (น่าจะที่ฝรั่งเรียก dead silence) สังเกตุว่าช่องไฟมันชัดเจนขึ้น ทำให้ได้รีดรายละเอียดออกมาให้เราได้ยินอีกมากโข ไดนามิกส์กว้างขึ้นไปอีก เบากับดังห่างกันมากขึ้น เรียกว่าเบาแค่ไหนก็ได้ยิน ดังก็ดังมากขึ้น ฟังแผ่น Opus 3 หรือ Reference แผ่นทอง ของ FIM เหมือนไม่ใช่แผ่นที่เคยฟัง ใส่แผ่นอื่นๆเข้าไปก็เช่นกัน มันน่าฟังมากๆเสียงอิ่ม ถ้าปิดไฟก็จะนึกว่าเล่นจากเทิรน์เสียอีก เสียงกังวาลรอบตัวโน๊ต ทั้งหัวโน๊ตหางเสียงมันทอดชัดเจนมาก การแยกแยะละเอียดมากๆ เวทีกว้างลึกออกไปอีก ปลายแหลมไม่ตก เบสหนักลงไปอีก เสียงอะไรที่มันลอดเข้ามาในไมโครโฟนของที่อัดมันโผ่ลให้เราได้ยินหมด อย่างเต้นฟลามิโก้กระทืบเท้าเสียงไปสะท้อนกำแพงมาก็ได้ยิน อารมณ์การสีไวโอลินมันถ่ายทอดมาได้ชัดมาก สีเบาสีหนักกระแทกได้ลีลาทุกถ่วงที ซาบซึ้งในอรรถรสดนตรีคลาสสิกก็คราวนี้เอง ถ้าใครชอบเพลงร็อกละก็เห็นผลมันส์ขึ้นอีกเป็นกอง คิดว่าผลที่ได้ยินคงเป็นจากเจ้า OMZ DAC/PRE มันกำลังจะพ้นเบิร์นแล้ว ร่วมกะเปลี่ยนสายลำโพงเป็น XLO Ultra 6 ม่วงดำด้วยนั่นเอง สำหรับสายนี้คงเป็น reference ของชุดนนี้แล้วล่ะคับ O0
ข้อสรุปประการที่สอง แบบหม้อแปลงดีกว่าที่ใช้ choke หรือ coil มากๆ (ไม่ได้แปลว่าแบบ choke ไม่ดีนะคับ) แต่ต้องให้พ้นก่อนเบริน์นะคับ ตอนแรกฟังแบบหม้อแปลงแกะกล่องเรียกว่าจะโยนทิ้งเช่นเดิม :nonono เอาโหลดราว 120 วัตต์มาต่อทิ้งให้เบิร์นไว้ราวๆ 18 ชั่วโมงต่อเนื่อง เหลือเชื่อจริงๆกะเสียงที่ได้ หม้อแปลงกินขาดเลยคับ เครื่องที่ยืมมามีหม้อแปลงแบบ toroid และ EI หลังจากเทียบกันแล้วเลือกแบบ EI ของแบบนี้ต้องลองสถานเดียวว่าชอบแบบไหน แบบ toriod เสียงมันมนๆกว่าเล็กน้อยจากการเทียบกัน ถ้าไม่เทียบก็เรียกว่าดีมากๆเช่นกัน งานนี้ถอดเครื่องกรองไฟไม่ออกแล้วเรา เป็นจริงๆอย่างที่ปรมาจารย์กล่าวไว้ เรื่องไฟฟ้านี่มันมีผลกะเสียงจริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ข้อสรุปประการที่สาม จริงๆไม่ค่อยจะเกี่ยวกัน แต่ต้องขอรายงานหน่อย ไอ้เจ้าเสียงกลางบีบๆที่บ่นมานาน ได้รับคำตอบแร้วคับ มันมากะแผ่น เอาแผ่นที่มาสเตอริ่งมาดีๆมาเปิดฟัง มันไร้ข้อติจริงๆ ส่วนแผ่นที่มีเสียงบีบๆมันก็บีบทุกครั้งที่ใส่เขาไป แต่เจ้าเครื่องกรองแก้ความบีบไปได้มากเช่นกัน O0
แนะนำจริงๆของแต่งอันนี้ อีกอย่างคือปลั๊กไฟไม่ต้องใช้ของแพงก็ได้ แต่ต้องเสียบแน่นอย่างที่มีมากะเครื่องในรูปข้างล่าง ลงทุนกะเครื่องกรองนี้คุ้มกว่ามากๆ ส่วนเครื่องที่ถอยมาใช้ก็เป็นของมือสองที่เพื่อนๆประกาศขาย เก่าแต่เจ๋งใครเจอบอกได้คำเดียวว่าให้รีบจับจองนะคับ แต่กะว่าจะไปถอยตัวใหม่อีกตัวสำหรับอีกชุด สำหรับพวกที่ใช้หม้อแปลงไอโซเลชั่นต้องมีน้ำหนักเกือบสิบโลเป็นอย่างน้อยนะคับ
เสียงที่ฟังตอนนี้ "ตายตาหลับจะสนิท" แล้ว ฟังเพลงในแผ่นซีดีเป็นดนตรี้ดนตรี แบบว่ายกวงดนตรีมาตั้งในห้องเรา มันเกือบจะเหมือนเสียงในหอดนตรีเลย บอกได้คำเดียวว่าแฮ๊ปปี้มากๆๆๆๆๆๆๆ ฟังชุดเราไม่ต้องออกจากบ้านก็ได้นะ :balloon แต่เดี๋ยวผบ.ทบ.จะหาว่าบ้าแน่ๆยกเครื่องกรองเกริงอะไรก็ไม่รู้มาอีก
-
เกิดกิเลสเข้าสิงกู่ไม่กลับ ตอนแรกไม่อยากไปค้นแผ่นซีดีจะไปถอย Squeezebox V3 มาซะหน่อย เอามาทำเป็น music server แต่เมืองไทยไม่มีขาย เลยปัดฝุ่นเอาซาวน์การ์ดภายนอก M-Audio รุ่น Audiophile USB มาทดลองใช้ก่อน (แบบภายนอกมีน๊อยส์และ jitter น้อยกว่าแบบในเครื่องคับ) ปรากกฏว่าเสียงที่ออกมาดีไม่ด้อยไปกว่าใช้เครื่องเล่นดีวีดีตัวเดิมเป็นทรานสปอร์ตเลย O0 ประกอบกับความอยากได้ HTPC มานาน รอมานานหลายปีตั้งแต่ AMD ไปเทคโอเวอร์ ATI กลายเป็น AMD-ATI ในโร้ดแมพเขาจะทำ on-board ราคาถูกออกมาให้ เพิ่งเสร็จ Q1'08 นี้เอง ไม่ต้องซื้อการ์ดจอเลย !!! ใช้ชิปเว็ต AMD 780G on-board ภาพงามมากๆๆๆๆๆๆ โครงการ Squeezebox ก็เป็นหมันไปเรียบร้อย แล้วค่อยว่ากันอีกที ไส้ในเครื่องเคราและราคาก็มีดังนี้คับ
- GA-MA78GM-S2H 3,100 บาท
- AMD Athlon X2 4400 2,440 บาท
- Kingston DDR2 800 MHz 2 x 1GB แผงละ 760 บาท ( รวม 1,520 )
- Western 500GB / 7200RPM รุ่น CS ( ร่นประหยัดไฟ 40% ไม่ร้อนด้วย ) 3,400 บาท (ปรับราคาหลังสงกรานต์นี้เอง ทำไม่มันถูกได้ปานนี้ !!)
- Case 3-400 Watt 750 บาท (เห็นร้านลดราคาอยู่)
- ส่วน DVD-Drive ใช้เป็น external ของเก่าหลายปีแล้ว ย้ายไปใช้กะเครื่องต่างๆนาๆ นานๆใช้ที รอหาไดร์ฟ bluray ไม่แพงอยู่ (สอยมาแว้ว Pioneer สุดเงียบ รุ่น DVR-115 (http://forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=47417) O0)
เบ็ดเสร็จราคารวมก็ 11,210 บาท
- ถ้าเอา X2 4200 ถูกไปอีก 200 บาท ( ในคู่มือแนะนำ 4200 ขั้นต่ำสำหรับเล่น Bluray นะครับ แต่ AMD แนะนำ Phenom นู่นเลย (( )
- DDR2 FBS 667MHz 2 x 512GB แค่ 720 บาทเอง !!
- Harddisk 250GB เริ่มต้นก็ไม่แพงไม่ถึง 2,000
- ถ้าเลือกเป็น GA-MA74GM-S2H ถูกไปอีก 500 บาท ก็น่าจะใช้ดูหนัง HiDef ได้แล้ว ( คงต้องหาเพื่อนทดลองกันดู )
- เปลี่ยน PSU ที่ใช้พัดลม 12 cm ให้เงียบสนิทจะดีกว่า
ภาพที่ได้ดู HiDef หนแรกที่บ้านตัวเอง และยิ่งใช้กะ LCD Philips 42PF9541 1366x768p ที่ได้มาหลายเดือนก่อน ภาพบอกได้คำเดียว ว่าสุดยอดมากๆๆๆ เลิกดูดีวีดีธรรมดาแน่ ตอนนี้หาหนังมาได้ 1TB แล้ว ได้ความอนุเคราะห์จากเพื่อนๆและเวปบิตคับ
เลิกเล่น AMD มานาน กล้บมาเลือกคราวนี้ ไม่ผิดหวังเลยครับ เขาแน่มากๆ O0 อุณหภูมิ CPU idle แค่ 36 องศาเอง ชิปเซ็ตร้อนกว่า CPU นิดหน่อย 40 องศา ตอนเล่นหนัง CPU utilization ราวๆ 15% เอง เสียงพัดลมเงี่ยบฉี่ กินไฟเห็นว่าราวๆ 75 watt เอง :o แค่นี้ก็เหลือแล้ว ดูสารคดีถ่าย HD มาแฮ๊ปปี้มากๆ เอารูปเครื่องให้ดูกันหน่อยคับ
ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆแฟน HTPC พันธุ์แท้แถวนี้และเจ้าของเวปแสนดีของพวกเรา c) ที่มีข้อมูลดีๆมาให้กลายเป็นสาวก HTPC ไปอีกคนเรียบร้อย ตอนแรกว่าจะไปเอา HD Media Box แต่เห็นเจ้า AMD 780G แล้วตัดใจ HD Media Box ไปเลย แต่ใจก็ชอบฟังเพลงมากว่า งานนี้ไม่ต้องไปหยิบแผ่นแล้วเรา ไว้มาเล่าเรื่องเสียงที่หลัง
ได้ทดสอบเล่นหนัง 1080P DTS x264 .MKV vmr9 renderless + directx 9 + Texture 3D + Bicubic a -1 PS2.0 + vmr9 mixer mode ด้วย Media Player Classic Home Cinema พบว่า CPU ขึ้นไปราวๆ 70-80% แต่พอเปลี่ยนตัวถอดรหัสเป็น CoreAVC ลดลงเป็น 50% ภาพที่ได้ลื่นไหลไม่สะดุด งดงามมากๆๆๆ O0 บอกไว้ก่อนนะว่า mpc-hc นี่มันเซ็ตไม่หมู ต้องเรียนรู้ซักพัก แต่พอเรียบร้อยก็จบ ได้ลองลง DotNet 3.5 เพื่อลองฟีเจอร์ EVR กะจะใช้ฮาร์ดแวร์ช่วยซะหน่อย แต่มันเหมือนว่า DXVA2 มันไม่ขึ้น สงสัยไฟล์ mkv ที่เล่นไม่ได้ทำมาให้ใช้ EVR (ก็ต้องกลับไปใช้ CPU แทนเช่นเดิม) สุดท้ายได้ลอง Vista พบว่า CPU ก็กินเท่าๆเดิม ภาพก็สวยเช่นเดิม สรุปว่าถ้าใครใช้ XP แล้วเล่น vmr9 renderless (ถึงจะเห็นซับไตเติ้ลด้วย) ได้ก็พอแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มสะสมหนัง 720p ก็สวยพอแล้ว กินที่น้อยกว่าด้วยคับ
อัพหน่อย ใช้ DXVA2 ได้แล้ว c) โดยต้องใช้ codec ในตัวของ mpc เอง และหนังต้อง encode มาให้ใช้ฮาร์ดแวร์ในการช่วยเล่น CPU ติดดินแค่ 6% เอง ! อ่านเรื่องเต็ม >> ได้ที่นี่ (http://forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=39038)
-
พี่ชายที่แสนดีหอบมาให้ มาถึงแล้วหูฟังระดับพระกาฬ AKG K701 เปลี่ยน recabling สายจาก Oritek Audio เสียงเป็นดนตรีธรรมชาติมากๆ แต่ว่าต้องใช้ OMZ DAC / HEADAMP ขับนะ (K701 นั้นกินวัตต์มากๆ headamp เด็กๆอย่าได้ริ คือว่าจะผลักดันความสง่ามากในตัวเขาไม่ออก) :secret คนส่วนใหญ่เขาจะจับคู่ K701 ชนกะ HD650 ของ Sennheiser เป็นที่รู้กันว่าสิ่งที่ K701 สู้ HD650 ไม่ได้คือเรื่องของเบสแบบ deep deep แต่นั่นคือใช้สายเดิมที่มากะหูฟัง (stock cables)
K701 ด้วยสายของ Oritek เขา เสียงที่ฟัง เบสกระจาย O0 ลึกมากๆ ไม่แพ้ HD650 เลย แต่แนวเสียงเน้นรักษาความเป็นดนตรีทั้งวง โทนาลบาล๊าซน์ที่สมดุลย์ที่สุด เวทีกว้าง พริ้วลื่น ละเอียดใส ตามสไตล์ K701 ของเขา แล้วยังให้เสียงที่น่าฟังและรายละเอียดสูงตามที่ OMZ DAC รีดออกมาหมดจากแผ่น สายที่โมมาก็ช่วยให้มี extension ทั้งปลายสูงปลายต่ำไปสุด เสียงที่เทียบกะที่ออกจากชุดทางลำโพง ไปในแนวเดียวกัน เรียกว่า transparent เช่นเดียวกะดอกของ scanspeak นั่นเอง ของ HD650 เขาจะเน้นเสียงกลางอุ่นๆและเบสดังๆแต่ขาดรายละเอียด รายละเอียดเบสของ K701 โมแล้วตัวนี้ดีมากๆได้ยินหมดทุกขุมขน นี่ทราบมาว่าถ้าเป็น K701 กะสายเดิมๆ ก็อาจถึงกะเสียงไม่ได้เรื่อง ถ้าเอามาเทียบกะใช้สายขาวๆอันนี้ เอาไว้รอ K701 อีกตัวมาเทียบก่อน
สั่งทำสายของ K701 ไปยาวเหมือนกัน ราว 5 เมตร เพราะจะได้ต่อมาจาก OMZ DAC / HEADAMP / PREAMP ในชุดใหญ่ได้ ก็แค่ลากสายมาถึงที่นั่งของเรา แต่แอมป์หูฟังต้องมีกำลังขับที่แรงเพียงพอ OMZ HEADAMP ในรูปเป็นตัวใหม่ ตัวที่ 3 ตัวนี้วงจรปรีชั้นยอดแบบเดียวกัน แต่ไม่มีรีโมทเหมือนตัวเดิม เลยต้องเดินไปปรับวอลลุ่ม >:( แต่ถ้าเล่นเพลง lossless จากเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะปรับในโปรแกรม Windows Media Player ได้ ก็สะดวกพอสมควร แต่สุดท้ายอาจจะแยกชุดฟังไปเลย หูฟังก็เอาไว้ทำงานไปด้วย ฟังไปด้วย แต่จะลำบากมา "ขดงู" 5 เมตรตัวนึง :D แต่ว่าถ้าแยกชุดจริง ก็ต้องจัดระบบบบไฟ ปลั๊ก Wattgate เครื่องกรอง isolation balance transformer มาให้ OMZ DAC / HEADAMP ด้วย สงสัยจะบานปลาย แต่อาจเลี่ยงไม่ได้เพราะหูมัน "เสีย" ไปแร้ว K]
หูฟังเปิดเบริน์ได้จะ 200 ชั่วโมงแล้ว เสียงก็ดีวันดีคืน เอารูปมาให้ดูกันหน่อย ตอนนี้ฟังเพลงตอนกลางคืนไม่โดนคนทำตาเขียวใส่แร้ว แถมท่านจะดูหนัง เราก็เปิดเพลงฟังของเราได้ ไม่ตีกัน ไชโย :yahoo
-
ได้มาแล้วอีกตัว K701 แบบเดิมๆซีเรียลนัมเบอร์ห่างกันราวหมื่นนึง ขายดีจริงๆ AKG เอามาเทียบเสียงกันซะหน่อย เปิดฟังแผ่น McIntosh Reference เสียง K701 สายเดิมๆนั้นกลายเป็นเหมือนใช้ดอกลำโพงตัวเล็กว่าสัก 1/2 นึงมาเปิดให้ฟัง เสียงห่างกันราวกะฟ้ากะดิน จริงๆโทนเสียงเป็นในแนวเดียวกัน แต่ตัว recable ได้ความสมบูรณ์ทุกอย่าง O0 เบสดังกว่ามากๆ ไดนามิกส์สูงและรายละเอียดเหมือนฟังจากชุดใหญ่ดอก scanspeak ไม่มีผิด ดูในรูปจะเห็นว่าสายที่มามันนิ่มข้างในเป็นเส้นเล็กมากๆ ส่วนสายของ Oritek แข็งหุ้มด้วย teflon ขาวมันอย่างดี น่าจะเป็นเกรดที่ทหารอเมริกันใช้แน่ๆ เป็นจริงอย่างที่ Oritek บอกมาว่าสายเดิมๆถึงกะฟังไม่ได้เรื่อง :yucky
หลังจากพ้น 200 ชั่วโมงเสียงจาก K701 ตัวพระกาฬ เกินความคาดหวังมาก เสียงเพลงคลาสิกจากแผ่น McIntosh Reference ดังกระหึ่มราวกะเปิดด้วยลำโพงชุดใหญ่ เพียงแต่ว่าเสียงมันลอยอยู่ในหัวเราเลย เสียงกลองใบโตก็โตสมจริง เสียงพวกเครื่องเป่าเครื่องเสียงมันจับใจ...จะขาดได้เลย ได้อารมณ์อีกแบบ ฟังได้อรรถรสของดนตรีมากเช่นกัน สงสัยจะกลายเป็นสาวก head-fi ไปอีกคน น่าจะดีนักแลเอาไว้ฟังตอนดึกๆ
มีข่าวร้ายสำหรับคนเล่นซาวด์ออนบอร์ดมาบอก ได้ฟังเสียงเทียบกันพบว่า สัญญาณเอ้าพุทจาก optical S/PDIF ที่อยู่ on-board นั้น มีน๊อยส์มากกว่า ที่ใช้ผ่านซาว์ดการ์ดภายนอก Audiophile USB ไม่ใช่เรื่องเสียงซ่านะครับ แต่น๊อยส์ทำให้เสียงห้วน แบนๆ ไม่สุด เวทีแคบ ไม่ละเอียด ฟังแล้วเครียด ยิ่งฟังผ่าน AKG K701 เสียงต่างกันมากๆๆๆ สาเหตุหลักๆคงเป็นจาก jitter ที่มีอยู่ในเมนบอร์ดนั่นเอง บางคนอาจคิดว่าสัญญาณดิจิตอลยิ่งเป็น optical ด้วย จะแย่ได้ยังไง
แล้วก็เพิ่งไปถอย Creative Audigy2 มือสอง มาลองเทียบ S/PDIF output ซะหน่อย อยากรู้ว่าจะเทียบกะชิป Realtek ออนบอร์ด ผลปรากฏว่า ดีกว่า optical S/PDIF ออนบอร์ด แต่ก็ยังแพ้ coax S/PDIF ของ M-Audio Audiophile USB ห่างเหมือนกัน โดยเฉพาะไดนามิกส์ ความสะอาด และปลายสุดล่างบน
สรุปว่าใครจะเล่น HTPC หรือใช้คอมเป็นทรานสปอร์ตให้เสียงแจ่มๆ คงต้องซื้อการ์ดเสียงแบบภายนอก USB หรือ SqueezeBox มาเพิ่มไม่มีทางเลี่ยงเด็ดขาดคับ ลองเล่นแล้วจะรู้เสียงมันขาดลอยจริงๆ Y]
-
มาแล้ว Creative Live! 24-bit USB คับ ตัวนี้ไม่มีไฟเลี้ยงจากภายนอก ใช้ไฟจาก USB โดยตรง มีทั้ง coax และ optical S/PDIF เสียงที่ฟังทั้งสองช่องนี้ใกล้เคียงกัน แต่ optical จะได้ความสดมากกว่าหน่อย จับถอดเข้าออกลองกันสาระพัดแบบ ทุกช่องทาง S/PDIF ที่มีรวมทั้งเครื่องเล่นดีวีดี Phillips ตัวเดิม ฟังหลายแผ่น ได้ผลดีตามลำดับดังนี้คับ
1. M-Audio Audiophile USB (coax only) เสียงไพเราะที่สุด O0 เรียกว่าสมบูรณ์ครบถ้วนกระบวนความของออดิโอไฟล์จริงๆ เป็นดนตรี๊ดนตรี มีความสุขกะการฟังมากๆ ผบ. (นักเปียโน) ไม่บ่นเลย
2. เครื่องเล่นดีวีดี Phillips DVP 5965K (coax only) เสียงรับได้ ดีกว่าวิธีข้างล่าง เสียงผ่อนคลายกว่า
3. Creative Live! 24-bit USB (optical และ coax) เสียงด้อยลง ห้วนกว่า เวทีแคบลง ไดนามิกส์แคบ โดยเฉพาะไดนามิกคอนทราสด้อยลงมาก ความดังโดยรวมลดลงด้วยต้องเร่งวอลลุ่ม โทนนาลบาส๊านซ์ไม่เสมอ โดยเฉพาะ แหลมต่ำของเครื่องเหล็กตีพุ่งมาก แสบโสตแบบ SpiderMan 3 (เอามาเปิดดูหนัง) ผบ.สั่งให้ปิดได้มั๊ย มันแสบหู !
4. Creative Audigy2 PCI (coax 3.5mm jack only) มีน๊อยส์มากกว่าหน่อย แต่ไดนามิกส์มากกว่า Live! USB และดีกว่า on-board
5. On-board opitcal S/PDIF (Realtek Chip) มีน๊อสย์มากที่สุด ที่เล่าไปข้างบนแล้ว เสียงออกแบน แต่สัญญาณแรงกว่า Live USB! เยอะ ทำให้รู้สึกชัดเจนกว่า Live! USB
เหตุที่ Audiophile USB ให้สัญญาณ S/PDIF ที่ดีมากๆคงเป็นจากวงจรและเกรดของอุปกรณ์ภายใน (ราคาแพงกว่า) ทำมาสำหรับพวกโปรออดิโอ ซอฟต์แวร์ไดร์เวอร์ดีกว่า และ ใช้ไฟฟ้าจากอแด็ปเตอร์ภายนอกมาเลี้ยงด้วย ถ้าใครต้องการเล่นเพลงจากคอมพิวเตอร์ให้ได้เท่าที่จะดีสุด คงต้องเลือกตัวนี้แน่นอน :secret สำหรับคอมพิวเตอร์คงใช้สเปคต่ำๆตัวเก่าไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้เลย รูปข้างล่างก็ "คู่พระคู่นาง" ที่ห้องและสหายที่เอามากัดกัน ...
เพิ่มเติม แต่หลังจากมาเล่นหูฟัง ค้นพบว่าเครื่องดีวีดีดีที่สุด (http://www.htg2.net/index.php?topic=4855.msg478903#msg478903) :secret
-
ด้วยความที่ "โรคหูฟัง" กำเริบก็เลยไปรื้อโกดัง เอา xbox360 มาเล่นขับรถซะหน่อย ยิ่งมีเกมส์อย่าง Grid 2008 (http://game.sanook.com/gameupdate/snews_07807.php) มายั่ว 0)]
(http://game.sanook.com/story_picture/m/07807_005.jpg)(http://game.sanook.com/story_picture/m/07807_010.jpg)
เวอร์ชั่นปีหน้าก็ เอาทั้ง Dirt และ Grid มารวมกันเป็น Fuel (http://www.gametrailers.com/player/38527.html) อีกหน่อยไม่ต้องถ่ายหนังแอ๊กชั่นแล้ว ใช้นั่งดูเกมส์แจ่มๆพวกนี้ ให้คอมหรือคนอื่นเล่นออน์ไลน์ให้เราดูแบบ 1080p ฝันกำลังจะเป็นจริงแร้ว แต่คอมกะการ์ดจอต้องแรงหน่อย c)
นั่งหาข้อมูลเรื่องหูฟังสำหรับเล่นเกมส์ เพราะจะเอาเจ้า K701 มาใช้มันก็เรื่องมากไปหน่อย น่าจะเป็นแบบใช้ง่ายๆ ไม่กินแอมป์มากนัก ได้แบบพกพาได้ก็ดี เสียบปุ๊บติดปั๊บเบสกระหึ่ม ลืมบอกไปว่าหากใครมีทีวีที่ต่อหูฟังได้ให้หาหูฟังแจ่มๆมาลองดู (เล็งๆ Ultrasone HFI-580 อยู่) แค่ดูหนังจาก True Vision ธรรมดาๆ เสียงได้อรรถรสคนละเรื่องกับที่ออกทางลำโพงเลย O0 O0 O0 แถมไม่ต้องเปิดดังอีกต่างหาก ทีวีใหม่พวกนี้มี virtual surround ด้วย เสียงเนี่ยเป็น 3 มิติเลย ได้ไปลอง 580 แค่ดูหนังบนจอโน๊ตบุ๊ค เล่นด้วย PowerDVD กระหึ่มเลยเชียวละ ยิ่งได้บวกกะตัวข้างล่ะก็ ไดโนเสาร์เดินมันกระเทือนจริงๆนะ :secret
หาข้อมูลไปๆมา ดั้นไปเจอเจ้า Buttkicker Gamer (http://www.taf.in.th/forum/index.php?topic=7254.0) ที่ไว้ทำ silent bass ก็เลยหาโอกาสไปลอง แล้วมันก็ขอติดรถกลับบ้านด้วยกัน กะว่าจะเอามาติดกะเก้าอี้แสนรักที่ใช้อยู่ แต่ลองแล้วได้ผลข้างเคียงคือมันกลายเป็นลำโพง Martin Logan (http://www.martinlogan.com/) ไปเลย :D อีกอย่างก็กลัว aeron ของเรามันจะร่อนไปจริงๆ แม้จะมีประกัน 12 ปีมาให้ เดี๋ยวหลังที่เจ็บมันจะกลับเยือนมาอีก :cry2 ความมันส์และอารมณ์ฟังคลาสิกด้วย iPod ยังสู้เก้าอี้โลโซตอนลองที่ร้านไม่ได้เลย เลยไปจิ๊กเก้าอี้จิ๊กโก๋ที่บ้านมาใช้แทน รับได้คับรับได้ ที่เหลือก็ต้องไปหาแผ่นยางมาทำเป็น isolator ไม่ให้เสียงสั่นลงพื้นไม้ดังไปรบกวนทั่น แค่เอาอะไรประหลาดๆกลับบ้าน ยังโดนตาเขียวใส่ไปแล้ว :black_eye
แต่เรื่องหูฟังสำหรับดูหนังเนี่ย .... น่าจะเป็นอีกโลกนึงเลยนะคับ O0
-
Buttkicker ดูน่าใช้ มันทำงานยังไงอ่ะ ???
-
Buttkicker ดูน่าใช้ มันทำงานยังไงอ่ะ ???
ผู้ผลิตเขาบอกว่ามันเข้าจังหวะกะดนตรีได้ 100% มันก็เป็นแค่ซับวูฟเฟอร์ตัวนึงคับ ;D ต้องใช้แอมป์สำหรับซับวูฟเฟอร์มาขับ เพราะต้องปรับเกนและคัตออฟได้ ให้เหมาะกะเก้าอี้ เพลงที่เราฟังหรือเกมส์เล่น
แต่ว่าเขาออกแบบมาให้มันสั่นได้รุนแรง แรงสั่นก็จะสั่นมาที่เก้าอี้หรือพื้นที่เรายืน ไปลองที่ร้านดูก่อน ผมไปลองแล้วเวิรค์ใช้ได้เลยคับ เปิดเบาๆก็พอ เวลาเซลโล่สีโน๊ตต่ำๆหรือดับเบิ้ลเบสเดิน มันได้อารมณ์มากๆเลย ถ้าใครชอบกลอง ก็จะมันส์มากๆ แบบลำโพงมอนิเตอร์ดรัมเมอร์มาอยู่ตรงหน้า หนังแอ๊กชั่นดูด้วยโน๊ตบุ๊ค ปิดไฟ ก็ไม่แพ้ห้องฟังที่อัดซับกระจาย แต่อันนี้ดีต่อหูด้วย แต่ว่าให้ผบ.ลองบอกว่าไม่ได้เรื่อง มันสั่นๆอะไรก็ม่ายรู้ :secret
ลองดูกระทู้นี้เพิ่มได้ http://forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=56558 เขามีตัวใหญ่สำหรับโซฟาด้วย ต้องสั่งบายออเดอร์
-
วันนี้ได้มีโอกาสไปลองหูฟังของ Audio Technica AD2000 ฟังด้วย iPod Nano G3 เร่ง 1/2 ก็ดังดี เร่งสุดดังขึ้นหมด แบบแก้วหูอาจหลุดหากฟังนานๆ แต่ว่าเสียงมันตีกันไปหมด หนักออกไปทางเสียงกลาง เสียงเบสมันปนไปด้วย คงเป็นเพราะกำลัง opamps ใน iPod มันได้แค่นั้น แต่โดยรวมถือได้ว่าขับได้ง่ายมาก ไม่ต้องพกแอมป์ไปด้วยแบบหูฟังตัวอื่นๆ
AD2000 เป็นหูฟังตัวนึงที่น่าฟังมากๆ laid back มากๆ เสียงกลางชวนฟัง เบสชัดมีเนื้อแต่กระชับ แหลมนุ่มนวลแต่ได้ประกาย ที่เด็ดมากๆคือเรื่องเวทีเสียง แบบว่าไม่เคยฟังหูฟังเกรดระดับนี้มาก่อน ได้ขน OMZ DAC/HEADAMP ไปลองด้วยฟังแล้วก็อ้าปาก 0)] เสียงที่ออกมานั้นมันเหลือเชื่อ เพลงที่อัดมาดีๆเสียงมันลอยอยู่กลางอากาศ แบบเสียงหลุดตู้ลำโพง หูฟังไร้ตัวตน เสียงมันมาจากไหนก็ไม่รู้ กิเลสงอกเลยคับ ต้องแท้งกิ้วเจ้าของ AD2000 แสนใจดีเอามาให้ลอง มันยอดมากถ้าได้ยินเสียงแล้วละก็ กลับไปฟังขับด้วย iPod ไม่ไหว ต้องรอให้หูมันลืมๆไปก่อน K]
แต่ว่ามีอีกตัวที่เสียงแนวเดียวกันเลย ได้ลองเช่นกันตัวนั้นก็คือ Ultrasone Pro 2500 ใครชอบเบสละก็ ตัวนี้เลยนะ ถ้าแอมป์ขับได้พอละก็ เสียงยังกะเปิดซับ 12 นิ้วแบบผู้ดีๆเลย ลึกกว่า AD2000 มากๆ เอามาดูหนังแจ่มแน่นอน แต่ฟังเพลงก็ O0 มีแต่เรื่องเวทีมันเป็นน้อง AD2000 พอควร งานนี้รักพี่เสียดายน้องแน่ ได้ฟังหูทั้งสองตัวนี้แล้วทำให้รู้ว่า K701 ของเราสายมันยาวไป N] เบสต่ำสุดมันดังมากไป เวทีก็แคบกว่า เด๋วหาทางไปตัดออกซะหน่อย แต่เจ้า AD2000 มันหนีบหัวได้เอาเรื่องเลย โอ๊ย
หูฟังดีๆมันไม่เลวเลยละคับ
อีกไม่กี่วันต่อมาก็ถอย Ultrasone Pro 2500 มาครอง ตอนแรกจะรอ Pro 900 ที่กำลังจะออก แต่ที่ไหนๆก็ริวิวไว้ว่าเสียงดีมาก O0 เลยเลิกรอ
-
คุณ Redbook ครับ ผมเองเป็นลูกค้า Poem อยู่เหมือนคุณเลยใช้ทั้งลำโพง แอมป์และปรีหลอดของเค้าครับ ทีนี้อยากทราบว่า Headphone AKG-701 ไปโมสาย Oritek ได้ที่ไหนเพราะใช้อยู่เหมือนกันและสนใจครับ หากอัพสาย 5 ม. ราคาเท่าไรครับ อ้อผมใช้ Headphone-Amp หลอด ของ Poem ที่ทำเลียนแบบ EAR หรือไงเนียะ ถ้าจำไม่ผิดครับ ขอบคุณครับ
-
c) c) c) c) c)
-
หลังจากได้หัดฟังหูฟังมาโขนึง :headphone ชักจะติดใจแหะ คือว่าฟังได้ฟังดี ฟังกลางคืนไม่มีใครทำตาเขียวใส่ด้วย ฟังมันทุกวันเลย ดีอีกอย่างคือว่าความชัดเจนความละเอียดมาก โดยเฉพาะเมื่อ Ultrasone Pro 2500 คู่ใจ เปิดเบิร์นไว้เกิน 1,500 ชม.แล้ว เสียงดีขึ้นมากๆๆๆ กลางลื่นนุ่มนวล แหลมเปิดสุด เบสกระชับไม่ล้น O0 เป็นหูฟังที่ transparent มากๆ โทนาลบาล๊านซ์เยี่ยม น้ำเสียงเช่นเดียวกะ AKG K701 ทั้งคู่เป็นหูฟังแบบเปิด (open-back) เสียงทั้งลอดเข้าและลอดออก ห้องฟังควรเงียบหน่อย และไม่มีคนเกลียดเสียงลอดอยู่ใกล้ๆ :secret
แล้วด้วยความอยากกำเริบ เห็นของดีถูกๆเป็นไม่ได้ 0)] เลยไปสอย M-Audio Firewire Solo มือสอง จาก eBay มาตัวนึง $70 เอง มีซานต้าใจบุญขนกลับมาให้ก่อนปีใหม่ ทราบมาว่าซาวด์การ์ด firewire นี่โปรเขาใช้กันทั้งนั้น ต้องดีที่สุดแล้วละ เพิ่งจะหาโอกาสเอามา "กัด" กะ M-Audio Audiophile USB ตัวที่ใช้อยู่ จัดเอา OMZ DAC/HEADAMP/PREAMP 2 ตัวที่มีต่อ ปล่อยสัญญาณ s/pdif ผ่านสายดิจิตอล X-1 สองเส้นที่มี เปิดเพลงดีกันที่ริปแบบ lossless ไว้ ใช้คอมสองตัว PC กะ Notebook ฟังด้วยหูฟัง Ultrasone Pro 2500 แค่ย้ายแจ๊คจากตัวบนไปตัวล่าง สลับไปสลับมา
หลังจากลองฟังเปรียบเทียบอยู่ราวชั่วโมงพบว่า เสียงที่ได้ใกล้เคียงกันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าจะมีความต่างกันก็แบบจิ๊ดเดียวจริงๆ คงต้องเป็นหูทองคำ 99% ถึงจะฟังออก :secret หรือถ้าฟังในชุดใหญ่คงต้องเป็นอะไรที่อ่อนไหวมากๆๆ จึงจะเห็นความต่าง
ก็เป็นอันว่าถ้าใครจะเลือก Firewire หรือ USB จะได้มีต้องกังวลมากอีกต่อไป แต่คงต้องเป็นรุ่นใหญ่เกรดดีหน่อย ไม่ใช่รุ่นเล็กอย่าง Creative Live! USB ที่เคยริวิวไว้ นี่เหลือแต่ RME Fireface 400 ที่อยากหามาเทียบกันอีกตัว เขาว่าเป็นจอมยุทธตัวจริง แต่ค่าตัวมันสูงไปหน่อยหากจะเอามาทำเป็นแค่ usb-2-s/pdif converter
ด้วยความอยากรู้ที่มี เลยเอาหู Ultrasone Pro 2500 กะ AKG K701 เปลี่ยนสาย Oritek มาเทียบกันดู ผลที่ได้พบว่า เสียงที่ได้ใกล้เคียงกันมากๆๆ เช่นกัน flat และ transparent ถ่ายทอดดนตรีชัดเจน ฟังได้สนุก แหลมเป็นแหลม กลางไม่ย้วนหยาดเย้ม กลองเป็นกลอง อัดมาไงเสียงเป็นจริงอย่างงั้น ที่จะต่างมากหน่อยก็เรื่องความโปร่งของเสียง (airy) ขนาดเวที ที่เป็นจุดเด่นของ K701 เขา เป็นอันว่า Ultrasone Pro 2500 ได้ใจไปเต็ม 100 เนื่องจากราคาถูกกว่าและไม่ต้องส่งไปทำสายที่เมกา ไปลองดูกันได้ไม่น่าจะผิดหวัง แต่ K701 ชนะเรื่องความสบายหัว สบายหู
แต่ว่าดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ก็เป็นเพราะหัดมาฟังหูฟังนี่แหละ ที่เคยฟังเสียงเพลงด้วยคอมพิวเตอร์เป็นทรานสอปอร์ตเทียบกะเล่นจากแผ่นซีดีมาด้วยชุดลำโพงเดิมๆ ว่าไม่ต่างกัน พอได้หูฟังมาก็เอามาทดสอบเทียบกันอีกที ผลหรือคับ เสียงที่ออกจากคอมพิวเตอร์มัน สู้เล่นแผ่นด้วยเครื่องเล่นดีวีดีไม่ได้ สัญญาณดิจิตอลจากเครื่องเล่นดีวีดีฟิลิปส์มัน ชัดเจน ละเอียด ได้ความสงัด คอนทรานส ดีกว่า เมื่อฟังด้วยหูฟังจะได้ยิน ความกังวาลของโน๊ต และ ambience ที่แผ่วเบามากๆๆๆๆๆๆๆๆ ความชัดเจนของปลายแหลมและเบส แต่ฟังจากการเล่นแผ่น และ lossless ผ่านคอมพิวเตอร์มันจางไปเยอะเหมือนกัน เรียกว่าไปไม่สุด K] งานเข้าเลย น่าจะเป็นเรื่องน๊อยส์ที่ต่างกัน คงต้องไปค้นหาวิธีแก้ไขกันแล้วละ หวังว่าจะหาเจอ
-
USB กับ FireWire ไม่มีผลกับเสียงหรอกครับ มันเป็นแค่ protocol ในการติดต่อ
แต่ FireWire จะดีกว่าตรงไม่ใช้ CPU มากเท่า USB ตอนส่งข้อมูล
ส่วนเรื่องใช้คอมเป็น Transport
แล้วแหลมไปไม่สุด เบสลงไม่ลึก นี่ผมเคยเจอเหมือนกันครับ
เปลี่ยน Power Supply แล้วหายครับ
ลองหา PSU ที่เป็น Active PFC มาเปลี่ยนดูครับ พวกนี้จะจ่ายไฟเพิ่มขึ้น หากเครื่องต้องการกำลังไฟมากขึ้น (มากได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับขนาด PSU)
พวก Passive PFC หากเครื่องใช้ไฟเยอะๆ กำลังที่จ่ายไปตามอุปกรณ์จะตกลง
อาการน่าจะเหมือนกับพวกเครื่องเล่น DVD ที่หม้อแปลงเล็กไป
แล้วพอเปลี่ยนแล้วเสียงมีน้ำหนักขึ้น เบสลงได้ลึกขึ้น แหลมไปได้ไกลขึ้นแหละครับ
ยิ่งถ้าเป็นพวก Low Noise แล้วสายไฟมี EMI Shield จะกัน Noise ได้เยอะ เสียงจะชัดเชน และ Sound Stage จะกว้างขึ้นด้วยครับ
ผมใช้ Tagan TG580-U38 อยู่ เพราะถูกดี ไม่กี่พัน
ถ้ามีงบมากกว่านี้ อาจจะไปมองรุ่นดีกว่านี้ก็ได้ครับ
-
ขอบคุณคุณ Freedom มากคับ
มีเรื่องมาเล่าต่อ คือว่าได้รับความกรุณาอย่างมากจากนักเล่นหูฟังตากกล้องผู้ใจดีให้ไปลอง Sennheiser HD650 สาย Equinox (http://stefanaudioart.com/SennheiserHeadphoneCables.html) อยากรู้มากว่าเสียงเป็นยังไง ชุดก็มีดังนี้
- Benchmark DAC1 (http://www.benchmarkmedia.com/) ตัวจริง ตัวเล็กจริงๆ เกิดมาเพิ่งเคยได้ฟังกะหูตัวเอง
- แอมป์หูฟัง DarkVoice (http://www.darkvoice.com.cn/product.html) เคยเห็นแต่ในรูป คนเขาชมกันมาก ตัวนี้โมจนคราบเดิมไม่เหลือ เปลี่ยนครบสูตร หลอด Ulyanov 6C19, Mullard M8100 สายเงิน แจ๊ค WBT 0)]
- Poppulse (http://www.discoveryhifi.com/poppulse_digital.html) usb-2-spdif interface จิ๋วแต่แจ๋ว
- สายดิจิตอล Supra กะสายสัญญาณ SilverLace
เล่นด้วยคอมตัวดำทะมึนเข้าชุดอย่างลงตัว พอเปิดเพลงแรกเสียงร้องหวาน ดนตรีครบเครื่อง เบสมาหมด เรียกว่าไม่เบาเลยชุดนี้ O0 ที่เขาว่า HD650 มัน dark ฟังแล้วไม่เห็นมันจะด๊ากเลย ไพเราะดีฟังสนุก มีน้ำหนัก เบสดีแหลมสุด กลางก็ไม่ผอมแห้ง แต่ก็ยังพอมีลักษณะ "อับๆ" แบบฟังเพลงในห้องปิดอยู่นิดหน่อย มีโอกาสขอท่านเจ้าของเอาสายเดิมๆ (stock cable) มาลอง เท่านั้นละคับ เข้าใจเลยว่าด๊ากเป็นไง เหมือนเปิดเพลงในห้องจริงๆ ถ้าใครชอบเสน่ห์ก็ถือว่าไม่เลว มีลักษณะเฉพาะมากๆ แต่เปลี่ยนสายเป็น Equinox แล้วนี่เรียกว่ากลายเป็นคนละโลกเลย O0
เอาละมาถึงเรื่องลองของซะหน่อย พกของเล่นไปเพียบด้วยเหมือนกัน เพลงแรกที่ฟังนั้นจริงๆ มันอู้ๆยังไงไม่รู้ ไม่เหมือนชุดของตัวเอง จุดแรกที่สงสัยคือสาย coax สายยาวตั้งเมตรนึง แล้วก็ไม่ใช่ Oritek X-1 ด้วย :showoff จึงได้ลองเปลี่ยนดู เท่านั้นละคับ ใครเชื่อว่าข้อมูล 010010011 เหมือนกัน เสียงก็ต้องเหมือนกันดิ พอยื่นให้ลองฟัง เจ้าของท่านก็อึ้งไป 2 อึดใจ Y] ใช่แล้วคับ ความโปร่งความสะอาด ความเป็นดนตรีมาจากไหนไม่รู้ แบบนี้ค่อยพอจะไปวัดไปวากะเขาได้หน่อย ก็เคยบอกแล้วมันเป็นเรื่องคาบเวลาที่วิ่งได้ต่างกันในสาย จบชุดแรกก็เริ่มชุดถัดมา เอาสายพระกาฬ Oritek X-2 ต่อลงไปคู่เดียวเท่านั้นละ อะไรที่มันอั้น ที่มันซ่อนไว้ ก็ไหลพรั่งพรูออกมาหมดจรด หมอกควันหายไปสิ้น ทำได้แค่นี้ก็ไม่เบาเลยละ O0
และแล้วก็งัดเอาหูฟัง Ultrasone Pro 2500 ขอลองต่อกะ DarkVoice แทน เสียงที่เปล่งออกมา ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย มันละหม้ายคล้ายคลึงกันมาก HD650 สาย Equinox ให้ความสละสลวยและอรรถรสในการฟังดีกว่า จะแพ้ก็แค่เบสที่ลึกและกระชับกว่าของ Pro 2500 อาจจะต้องเบิร์นไปอีกระยะนึง แต่ราคาของเจ้า Ultrasone อาจจะทำให้กลายเป็นตัวเลือกความคุ้มค่าจริงๆ แต่ที่ฟังดู HD650 ตัวนี้น่าฟังมากเลย O0 เอ่มีหูอะไรอีกตัวสีน้ำตาลวางอยู่นะ :o Audio-Technica W5000 สาย Apuresound V3 นั่นเอง ก็เลยของมาลองฟังด้วย คล้ายคลึงกันกะสองตัวแรก แต่หากเป็นเพลงร้อง กินขาดไปเลย ได้ความหวาน นุ่มนวล บรรยากาศชวนหลุ่มหลง ตัวนี้โมมาแล้ว ปัญหาเรื่องเบสน้อยก็บรรเทาไปเยอะ มีเรื่องแหลมกะรายละเอียดที่อาจเป็นรองเขา รวมแล้วแต่น่าฟังมากเช่นกัน O0
คราวนี้มาถึงตา DAC1 v.s. OMZ DAC ที่หอบหิ้วไปด้วย ด้วยความอยากรู้มากว่ามันจะต่างกันแค่ไหน ก็ได้ลองสลับ DAC ดู มวยคู่นี้น๊อคยกแรกเลย TKO :black_eye มันเป็นคนละคลาสกันเลย ไม่ได้หมายความว่า DAC1 เป็น DAC ที่ไม่ดี แต่ OMZ ก็ยังเป็น 1 ในยุทธจักรเช่นเดิม "The DAC of Choice." period . :victory
พอเริ่มคุ้นเคยก็ของย้ายมาฟังแอมป์ของ OMZ DAC/Headamp ที่มีในเครื่อง โดยไม่ต้องเปลืองสาย interconnect และแล้วเจ้าของท่านก็อึ้งไปอีก 2 อึดใจ ลงความเห็นว่า เสียงที่ออกมันไม่แตกต่างจาก DarkVoice ตัวแจ่มนั้นเลย คงจะเห็นโหงวเฮ้ง OMZ มันค่อนข้างจะบ้านนอก ไม่ไฮโซเท่า จึงแนะนำให้ค่อยลองฟังแบบพินิจพิเคราะห์ดู ก็สังเกตุความแตกต่างระหว่างแอปม์สองตัวนี้ได้ ความละเอียดของ OMZ DAC/Headamp ชัดเจนกว่า ปลายบนล่างไปไกลกว่า ไดนามิกส์คอนทราสดีกว่า (revealing นั่นเอง) เพียงแต่เสียงร้องมันอาจจะไม่อ้อนเท่าเจ้า DarkVoice งานนี้รักพี่เสียดายน้องละ :cry2 เคยทราบมาว่าคนเขาขาย W5000 ทิ้งกันหลายคนเพราะหาแอมป์ขับได้ยากมากๆ แต่มาเจอ OMZ นี้เอาอยู่หมัด แถมหน่อย เคยได้ไปต่อฟังกะ W2002 ก็อยู่หมัดเช่นกัน ไม่ต้องง้อแอมป์คู่บุญ HA2002 เขาเลย
จากนั้นก็ได้เอาหูฟังทั้งหมดที่มีมาผลัดเปลี่ยนลองกันดู ได้ AKG K701 สาย Oritek ไปด้วย เสียงที่ได้คล้ายคลึงกันมาก เรียกว่าหยิบตัวไหนก็ฟังได้ดีเลย O0 แต่เจ้า AKG K701 สาย stock เดิมๆ นี่อย่าได้งัดออกมาเชี่ยว :nonono เข็นยากว่าเพื่อนๆหลายเท่า คงต้องไปหาแอมป์คู่บุญตัวอื่นแบบว่ากำลังช้างสาร เพราะสายมันอั้นไว้จริงๆ
เอารูปมาอวดหน่อย ชุดสวยที่ว่า กะกองหูฟังใช้แล้ว
-
เอารูปมาให้ดูอีก งามพอดู ทั้งกองหู ทั้งกองสาย
-
จริงๆตอนแรกที่กวดสายตาไปภายในห้องกว้าง ก็ตาลุกวาวมีให้น่าลองเพียบเลยละ มีเครื่องสีเทาๆสองตัวช้อนกัน มีตัวหนังสือเขียนว่า The Apache (Preamp/Headamp) (http://www.raysamuelsaudio.com/products/apache) ท่านผู้ใจบุญมากองไว้ ก็เลยแอบเอามาลองซะเลย :quiet ต่อสายพระกาฬ X-2 เข้ากะ OMZ DAC ให้เรียบร้อย เปิดฟังดู แม่เจ้า เสียงที่ได้จากแอมป์ Apache ตัวนี้ มีความเป็นดนตรีสูง น๊อยส์ต่ำมาก น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง สมค่าตัวจริงๆ O0 ด้วยความอยากรู้ เลยขอวัดรอยเท้าลองเทียบกะ Headamp ใน OMZ ของเรา ก่อนจะฟังก็อึ้งไปอีก 2 อึดใจ ว่ามันจะเป็นไงนะ หมู่หรือจ่า พอฟังดูแล้ว เสียงใกล้เคียงกันมากๆๆๆๆๆ c) แต่ไม่ได้มีโอกาสฟังจนนานจุใจ ต้องรีบลาออกมาซะก่อน
เจ้า RSA Apache มันฉายแววเด็ดๆออกมาให้ได้ยินพอสมควรเลย OMZ มีสิทธิเป็นรองเลยละงานนี้ มวยคู่นี้สูสีกันมากจริงๆ ถ้าจะให้เป็นแต้มก็ 9.8 กะ 9.5 จาก 10 พอไหว ที่สงสัยมีอย่างหนึ่งคือเสียงจาก Apache นั้นผ่านสายสัญญาณ Oritek X-2 เอ่มันเลยทำให้แซงไปหรือเปล่า เคยลองแค่เอาสายนี้ต่อฟังจากเครื่องเล่นดีวีดีเล่นเอาอึ้งไปเช่นกัน ไว้ขอไปเทียบกันจะๆอีกที คงต้องไป :bowdown ในความมีน้ำใจของท่านเจ้าของให้ได้มีโอกาสฟังเป็นบุญหู
แต่หากใครอยากได้ชุดหูระดับเทพๆก็จัดให้ได้เลยคับ OMZ DAC, Apache Headamp, HD650 สาย Equinox, สายดิจิตอล X-1 และสายสัญญาณ X-2 ไม่ผิดหว้งแน่นอน จะบอกให้ O0 สำหรับ DAC1 นั้นหากมีแอมป์หูฟังแล้ว ห้ามกลับไปฟังช่องแอมป์ของ DAC1 แอบมาเตือนไว้ก่อน :secret
ตบท้ายด้วยความงงที่บังเกิดไม่นานมานี้ ความอยากรู้ว่าใช้เครื่องเล่นดีวีดีเป็นทรานสปอร์ตผลจะเป็นไงอีกน้อ เจ้าของชุดท่านทำการไร้ท์ไฟล์ lossless ในคอมมาลงในแผ่นซีดี แล้วไปหิ้วเครื่องเล่นดีวีดีของไพโอเนียร์ฝุ่นเกาะ ที่ไม่เคยคิดจะเอามาฟังเพลงเล้ย (ไม่เคยเหลียวจิงๆ) มาเสียบสายดิจิตอลต่อเข้า OMZ DAC ดู ผลปรากฎว่า อึ้งกิมกี่ไปอีก 2 อึดใจ อีกคน ..... ทำไมมันฟังดีกว่าใช้คอมจิงๆ :cry2
ขอบพระคุณในความเอื้อเฟื้อของท่านเจ้าของ ... ที่ช่วยให้กิเลสงอกงามเป็นต้นแร้ว :headphone
-
ไปเยี่ยม "คลังแสง" มา :cold
"ท่านนายพล" ได้เอื้อเฟื้อยอมเปิดเผยพิกัดฐานที่ตั้งให้เข้าคาระเยี่ยมชมยุทธโปกรณ์ที่ทยอยจัดหาตาม "วันงบประมาณ" ปีงบประมาณมันใช้ไม่ได้กะคลังแสงนี้ เชยไป ชิ้นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าประจำการก็ Grace m902 (http://www.gracedesign.com/products/902/m902.htm) โมแบบไส้ใน จนไม่แน่ใจจะเรียกว่า Grace ได้อีกต่อไป มีคนบอกว่าเหลือแต่หน้ากากเป็นของเดิม :D ทั่นได้กรุณาให้ลองหูฟัง DX1000 ด้วย ใจดีมากเลย
- Grace m902 ทำ ultra-modification ลง SuperClock3, เปลี่ยนภาคเอ๊าพุตหลังเป็น discrete ขับสัญญาณแบบ full balance (ด้วยชิปเทพจาก Audio-Gd (http://www.audio-gd.com/enweb/pro/diy/OPA.htm) ที่ใช้อยู่ใน Burson Audio (http://www.bursonaudio.com)), ลงชิป buffer และ filter ภาคดิจิตอลรุ่นพรีเมี่ยมอย่าง opa627bp กะ ad797an, คาปาซิเตอร์เกรดออดิโอไฟล์ยกแผง, ที่เหลือจำไม่ได้ เยอะจริงๆ
- JVC Victor DX1000 stockๆ ของดั้งเดิม มิได้โมใดๆทั้งสิ้น
- Transport ด้วย Linn Genki ที่โมเต็มสูบเช่นกัน
- สายสัญญาณ กะสายไฟ ไฮโซเป็นฟ่อนเลย ทั้ง Nordost Valhalla, Purist, หัว WBT เท่านั้น, ฯลฯ อีกตรึม จำไม่หมด
- กรองไฟ Pure Sine 1000 เต้าต้นทาง Wattgate 381 สูตรเจ้าสำนักโม
เกิดมาไม่เคยได้ฟัง DX1000 ทั่นนายพลเอามาต่อกะ Grace เล่นแผ่น reference ด้วยซีดี Linn ให้ลองฟัง พอเอาหูครอบหัวก็รู้สึกถึงความสบายและ ambience ที่น่าพิศสมัยอย่างมาก เสียงที่ได้ฟังอยู่ในแถวหน้าสุดของหูฟังเลยก็ว่าได้ ดีกว่าที่เคยฟังมาทั้งหมด ถ่ายทอดความเป็นได้ดนตรีสูง สุดทั้งปลายบนปลายล่าง โทนาลบาล้านซ์เยี่ยม transparent มากจริงๆ ละเอียดมากๆๆๆๆ เวทีกว้างเหลือเกิน เสียงเล็กเสียงน้อยไม่ตกหล่น น้ำเสียงไม่อิ่มหนักแน่น แต่หนักสมจริงแบบฟังดนตรีสด เบสนั้นดูเหมือนน้อยไปนิด (นิสเดียวเท่านั้น) หากเสพ Ultrasone Pro 2500 มาเป็นนิสัย เรียกว่าเบสก็ดังฟังชัดฟังสนุก แต่ได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่ามาก PRaT ได้เยี่ยม เอามาฟังแผ่น Drum Sex O0 เลยละคับ โดยรวมแล้ว ฟังทั้งสนุก และ ละเมียดละไม ในเวลาเดียวกัน เรียกว่าเข้าขั้นชั้นเทพ DX1000 เป็นหูฟังที่ฟังสนุกมากอย่างที่เขาร่ำลือกัน
บุคลิกของชุดที่ฟังนี้ โดยส่วนตัวแล้ว มันออกสไตล์เสียงของ SACD (DSD) ที่มีลักษณะเฉพาะตัว คล้ายแผ่น SA ที่เล่นด้วย Marantz SA-11SA ที่เคยฟังอยู่เกือบปี มีเสียงละเอียดๆ ออกมาด้วย คิดว่าน่าเป็นผลจากการ upsampling ของชิป DAC ใน Grace m902 และน๊อยส์ฟลอร์ที่ต่ำ ติดใจมากเลย เจ้า DX1000 นี่ ของดีที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน ชอบมากกว่า HD650 เปลี่ยนสายอีก :secret ไม่รู้จะลำเอียงหรือป่าว ด้วยความอยากรู้ก็หอบอาวุธไปขอฟังด้วย OMZ DAC/HEADAMP ตัวเดิมๆของเรา ต่อ DX1000 เข้าไป เสียงที่ได้ออกมาน่าประทับใจไม่แพ้กัน แต่มีความต่างกันให้สัมผัสได้ตามรสนิยมส่วนบุคคล
โดยความรู้สึกส่วนตัว (ย้ำส่วนตัวเท่านั้น) เสน่ห์ของ OMZ คือความเป็นอนาล็อกเนิบนิดๆ อย่างหนังกลองกระเพื่อมทำให้เราเคลิบเคลิ้มหลงไหล เสน่ห์ของ Grace ตัวนี้ออกไปแนวละเอียดซู่ซ่า ชวนไหลไหลแบบ hi-resolution สปีดว่องไว ความสว่างไสวชัดเจนทุกเมล็ดเสียง แต่ไม่ใช่แบบ bright นะคับ โปรดอย่าสับสน เสียงดีทั้งคู่แต่คนละแนวกัน คงเป็นจาก DAC Chip คนละเบอร์เป็นหลัก นี่ถ้าเอา Grace เดิมมาแข่งรัศมี คงจะเป็นคนละคลาส โดนน็อคได้ง่ายแบบ DAC1 เดิมๆที่เคยลองมาแล้ว แต่ Grace รุ่นมหากาฬอันนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดาเลย !! คงจะสร้างตำนานไปนานแสนนาน ใครได้มาฟังต้องหลงไหลอย่างแน่นอน ยิ่งหากชอบแนวเสียงแบบนี้ละก็ หาที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ O0 ว่าแล้วก็งัดเอา Ultrasone Pro 2500 ขอจิ้มฟังดูหน่อยนึง เสียงที่ออกมาก็ไม่ผิดคาดเช่นกัน แต่ห้ามไปเทียบกะหูถ้วยไม้ตัวนั้นนะ มันคนละคลาสตั้งแต่โหวงเฮ้งแล้ว K]
แต่หากถูกบังคับให้เลือกเพียง 1 เดียวเท่านั้น ก็ยังจะเลือก OMZ ก่อน ด้วยความสามารถในการถ่ายทอดดนตรีที่ very musical และ revealing เหมาะสำหรับการฟังที่ผ่อนคลาย เพื่อลิ้มอรรถรสของดนตรี ..... แต่ทว่า หากได้ Grace ตัวนี้มาครอง ไม่ต้องยับยั้งชั่งใจเลยละคับ ยึดไม่คืนแน่นอน เยี่ยมมากๆสำหรับฟังดนตรีแบบ analytical ที่ไม่เป็นรองใครง่ายๆ
เมื่อเข้ามาถึงขุมกำลังเป็นธรรมดาที่จะมีความลับระดับ classified แพลมออกมา ท่านนายพลนอกจากมีรสนิยมในอาวุธชั้นเลิศแล้ว ยังเคร่งครัดในระเบียบวินัย เกินกว่าเสนาธิการใดๆที่ผ่านสนามรบมา ฟังเพลงด้วยความดังที่หากเป็นเรือดำน้ำ โซน่าของข้าศึกไม่มีทางตรวจจับได้แน่นอน :secret มิน่าเล่าซิสเต็มขอท่านจึงระดับ Red October เรียกพี่ ต้องรีดรายละเอียดออกมาให้โสตสัมผัสรับรู้ได้ในความดังอันสุดโหด ... ตอนแรกที่ฟัง เครียดไปเล็กน้อยเหมือนโดนสอบ พอขอเร่งวอลลุ่มได้เท่านั้นแหละ :headphone แต่ท่านปรารภว่า "ต้องรักษาหูนะ จะได้ฟังเพลงได้ไปอีกนานๆ" ai ai sir !
ก่อนจะถอนกำลังกลับ ทั่นก็งัดอาวุธทั้งหนักทั้งเบาออกมาอีก นับไม่ถ้วนกันเลย ได้ฟังหูละแป๊ปเดียวเอง แต่เสียงที่ได้ยินเรียกว่าอยู่ในระดับแถวหน้า ทุกหูเปลี่ยนสายหมด ค่าสายน่าจะราคาเท่าหูเลย สาย Equinox, Apuresound นี่เปลี่ยนแล้วมันเยี่ยมจริงๆ :headphone แต่ที่ชอบมากอีกอันคือหู Beyerdynamic DT880 หูนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย (หลังโมสายแล้ว) จับเอา K701 โมสายกะ Ultrasone Pro 2500 มาอยู่ด้วยกัน ครองใจได้เช่นกัน O0
แต่ห้ามถามเรื่องงบกระทรวงทั่นนะ ... งบลับสุดยอด นี่ก็ขึ้นปีงบประมาณใหม่แล้ว :secret ไว้ท่านมีอาวุธใหม่มาจะแวะไปเติมเสบียงแถวนั้น
-
นี่มาถึงไฮไล้ต์กันหน่อย
ตอนเข้าไปในกองบัญชาการทีแรกก็สงสัย เอ่ในห้องไม่เห็นมีลำโพงตู้เลย ทำไมมีแอมป์ตัวใหญ่ดำทะมึนตั้งไว้ด้วย แล้วที่กองอยู่ข้างๆ เกิดมาไม่เคยเห็นหูอะไรประหลาดเช่นนี้ มันคือ AKG K1000 นั่นเอง ดูไม่เข้าท่าเลย แต่เขาเรียกว่า Ear Speakers ไม่ได้เรียก headphones นะ :nono ท่านนายพลใจดีมากอีกเช่นกัน (คงจะสงสาร เกิดมาต้องไม่เคยฟังแน่นอน) จัดการอุ่นแอมป์คู่บุญ First Watt F1 MKII (http://www.firstwatt.com/) ของเขาไว้ให้เราได้ลองฟัง มันแอมป์สำหรับเจ้าหูฟัง K1000 นั่นเอง อ๋อ :o K1000 ตัวนี้ก็โมสายเป็น Apuresound v3
ระหว่างที่ลองสรรพอาวุธกันยกใหญ่ สลับสายไปมา มือไปโดนเจ้า F1 เข้า ชักแทบไม่ทัน ร้อนยังกะเตารีด เตารีดคับ พิมพ์ไม่ผิด เกิดมาก็ไม่เคยเจอกะตัวจริงๆ แอมป์เตารีด class A พวกนี้ ท่านนายพลเห็นเราชักมือหนี ก็เอ่ยว่า "น่าจะร้อนได้ที่แล้ว" ;D ราวๆ 1/2 ชั่วโมงเห็นจะได้
ไหนขอลองแผ่นออดิโอไฟล์ Love Sax Songs ที่ช่วงนี้ฟังประจำ พอกดปุ่มเพลย์ Linn ป้อนให้ Grace m902 เท่านั้นละคับ อึ้งกิมกี่ไปเลย ดีนะปากไม่อ้า บอกได้คำเดียวว่า สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เกิดมาไม่คิดว่าหูฟังจะทำเสียงได้เหลือเชื่อขนาดนี้ อะไรอะไรมันดีไปหมด กลับไปฟัง DX1000 ที่ว่าสุดยอดเช่นกัน จืดไปเลย คิดว่าอันนี้เป็นชุด reference ของหูฟังที่จะหาได้ในโลกใบนี้อันนึง หยิบแผ่นของ Brent Lewis, Drum sex ใส่เข้าไป ตอนแรกมีอคติ หูฟังมันโปร่งๆ เวลาเล่นเสียงมันดังมากลอดออกมาเยอะ ดูถูกในใจไปว่าเบสห่วยแหงๆ ผลหรึ หน้าแหก :black_eye เบสสมบูรณ์มากๆๆๆๆ เป็นแบบชุดลำโพงบ้านเลยละ เปิดดังก็ไม่หนวกหู ยิ่งฟังยิ่งมันส์ ยิ่งเอาเพลงเปียโนมาเล่น น่าจะหาชุดไหนกินเขาไม่ได้ง่ายๆ มันนิ่ง กังวาล ไร้ข้อติ เป็นอภิมหาเทพของแท้ สมบารมีท่านนายพล ยศจอมพลน่าจะถูกต้องกว่า
.... ทหาร ... วันทยาวุธ .... เรียบอาวุธ .... :bowdown
ข่าวลับรั่วมาอีกอันนึง เสบียงสนับสนุบอาวุธหนักชุดนี้ อาจสูงถึง 8 พันต่อเดือนได้ สงสัยจะปิดแอร์นอนด้วยเพื่อประหยัดงบ :secret ใครสนใจวางงบเผื่อไว้ด้วย
ไม่เคยคิดเลยว่า หูฟังมันจะได้ขนาดนี้ .... แต่คราวนี้กิเลสไม่ค่อยงอกแหะ ปลื้มใจอย่างเดียว ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะได้ฟังของแบบนี้ ขอบพระคุณท่านเจ้าของในความกรุณาอย่างมากอีกครั้งขอรับ
ปล. ท่านจอมพลก็ช่วยคอนเฟริม์ว่าใช้ซีดีเพลย์เย่อร์เป็นทรานสปอรท์ให้เสียงดีกว่าใช้คอม !! แต่มันยังพอมีที่เทียบกันได้ RME 400 โมไส้ใน ที่กำลังเดินทางมาเข้าประจำการ
-
สวัสดีครับ มารออ่านครับ รูปที่เอามาลงไว้ น่าสนใจจริงๆ
รบกวนถาม ตกลงเสียงของ OMZ dac ต่างกับ DAC1 อย่างไรบ้างครับ
ส่วนการใช้ DVD เป็น transport แนะนำลองใช้ cdrom ดูครับ เสียงดีกว่า dvd อีก แต่ใช้ยากหน่อยครับ (คุณ redbook น่าจะเคยลองแล้วมั้งครับ)
-
รบกวนถาม ตกลงเสียงของ OMZ dac ต่างกับ DAC1 อย่างไรบ้างครับ ส่วนการใช้ DVD เป็น transport แนะนำลองใช้ cdrom ดูครับ เสียงดีกว่า dvd อีก แต่ใช้ยากหน่อยครับ (คุณ redbook น่าจะเคยลองแล้วมั้งครับ)
สิ่งที่ OMZ ต่างจาก dac ตัวอื่นๆคือเรื่อง noise floor ที่ต่ำมากๆจาก Oritek Discrete Output Stage (วงจรเป็น zero-feedback ออกแบบขึ้นมาเฉพาะ) จึงทำให้ความชัดเจนของเสียงไม่โดนปกปิดไป resolution, dynamic, dynamic contrast, เวที ดีขึ้นมาก tonal balance มีความกลมกลืนทุกย่านความถี่ อะไรที่ไม่เคยได้ยินก็ออกมาหมด และ มึความเป็นดนตรีสูงมากๆ หากจะลองจิตนาการดู DAC1 เทียบได้กะ lossy MP3 ขณะที่ OMZ เป็น CD ต้นฉบับ เรื่องสำเนียงของเสียงก็ต่างกันเพราะชิป DAC คนละเบอร์ แต่ที่สำคัญแอมป์หูฟังใน DAC1 ถ้าเลือกได้ห้ามใช้นะคับ :secret
ไว้มีโอกาสจะลองเอาไดรฟ์ซีดีรอมมาลองซะหน่อย
เอารูปไส้ใน JVC DX-1000 มาให้ดูหน่อย ทำไงเสียงมันถึงได้เริดปานนั้น นี่ DX-700 รุ่นน้องกำลังจะออกเดือนนี้ ราคาถูกว่า แต่เขาก็ว่าเสียงไม่หนีกัน :o
-
และแล้วก็อดใจไม่ไหว ไปรับ JVC DX1000 กำพร้าเพิ่งคลอดจากญี่ปุ่นได้ไม่กี่อาทิตย์ พ่อเลี้ยงไม่ไหว เลยรับมาอุปการะแทน
เบริน์มาแล้วราว 100+ ชม. ต่อฟังกะ OMZ DAC/HEADAMP เสียงที่ออกมายังมีขุ่นๆอยู่ แหลมและเบสยังไปไม่สุด เบริน์ต่อด้วย HTPC ทิ้งไว้อีก 4 วัน น่าจะเกิน 200 ชม. คราวนี้ฟังแล้วครบทนกระบวนความ O0 เป็นหูฟังจากที่ให้ความเป็นดนตรีสมจริงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ tonal balance และ transparency ให้ไป 99.9% เผื่อไว้หน่อย ไม่มีอะไรโดดเด่นล้ำหน้าให้สังเกตุได้ คำว่าเสียงกร้านไม่มีอีกต่อไป เสียงจะโหนแค่ไหนก็ยังน่าฟังจับใจ แต่สำหรับเบสนี่แรงจริงๆ ใครชอบความแรงเบสของ Ultrasone มาลองตัวนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนเลย เขาออกแบบมาให้สวมหูฟังได้ทั้งวัน ระดับความดังที่เปิดน้อยกว่าตัวอื่นๆ เพราะว่ามันสามารถถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงออกมาอย่างครบที่สุด เสียงเล็กเสียงน้อยหมดเกลี้ยง คอนทราสละเอียดชัดเชน เวทีเสียงมันกว้างสุดลูกหูลูกตา หลับตาฟังนี่นึกว่านั่งอยู่กลางวงของจริง
หยิบแผ่นไหนมาเปิดฟังก็อึ้งไปตลอดว่าเสียงมันได้ขนาดนี้เลยเหรอ เล่นได้ทุกแนว vocal, jazz, classic, pop, rock, ไทยเดิม ฟัง Jazz in the Pawnshop ได้อินมากๆ ตอนนี้หายสงสัยแล้วที่บางคนโละชุดบ้านทิ้งมาลงหูฟังกัน ชุดหูฟังดีๆนี่มันแทนชุดบ้านได้เลยจริงๆ เข้าใจเลยว่าทำไมบางคนไม่ยอมออกมาบ้านไปไหน อารมณ์ดนตรีจากเสียงที่ได้ยินมัน "super involving" ไม่เคยคิดว่าชุดหูฟังที่เรามีมันจะทำได้ขนาดนี้
คู่พระ OMZ กะคู่นาง DX1000 นี่เรียกว่า "More Than A Perfect Math" ได้เลย เสียงดนตรีที่ OMZ "ปั้น" มาอย่างสมบูรณ์ ถูกถ่ายทอดออกได้หมดจรดลงตัวน่ารื่นรมณ์ด้วย DX1000 เจ้านี่เป็นหูฟังพระกาฬของแท้ O0 ยิ่งฟังยิ่งหลงไหลในเสน่ห์ ติดหัวถอดไม่ออกเลยละ ที่สำคัญฟังเพลงได้สนุกมากๆ นี่เรียกว่าเดินทางมาจะปลายสุดเส้นทางหูฟังแล้วสิเรา d_d เสียงที่ได้ดีไม่แพ้ที่ไปได้ฟังจากบ้านคนอื่นที่ได้เล่าให้ฟัง
..... เอ่อ ช่วงนี้รีบกลับมาบ้านผิดสังเกตุ เอาหูถ้วยไม้ สายหุ้มเชือกดำ มาครอบหูอย่างเดียวเลย นอนดึกมาหลายคืนแล้ว ข้อดีมากๆอีกข้อของหูฟังปิดสนิท คือว่าเพลงจีนไม่ลอดไปทำลายโสตประสาทใครบางคน นี่ถ้าผบ.บ้านไหนอยากเอาใจพ่อบ้าน จัดไว้เลยนะชุดนี้ ทั่นไม่หนีเที่ยวแน่นอนจะบอกให้ :secret หรือใครเล็งๆไว้ถอยได้เลยไม่ผิดหวังว่าเสียดายกะตังค์ที่ลงไป ใครจะเอาชุดหูนี้มาแทนชุดบ้านไม่ต้องรีรอเลยละคับผม ยิงนัดเดียวจบ ..... อะไรมาและก็ไม่ยอม :nonono
ต้องขอขอบพระคุณ "ท่านนายพล" ที่ทำให้ฝันเราเป็นจริง ถ้าไม่ได้ลองฟังคงจะไม่กล้ารับมาเลี้ยงมาหรอก ดูหูมันไฮโซ้ไฮโซกลัวขุนไม่ขึ้น
ปล. ได้ไปยุแยงมิตรสหายว่า เฮ้ยมาฟังหูฟังเถอะไม่เลวนะ ... เจ้าของ Mark Levinson มันค้อนให้ .... ได้ข่าวมาว่า OMZ เขาลดกำลังการผลิตลง อาจจะหามาครอบครองกันไม่ง่ายเท่าไหร่ นี่ก็เล็งบางตัวไว้จะเอามาลองกะ DX1000 ดูว่าพอไปวัดไปวาได้กะเค้ามั๊ย :secret
เอารูปคู่มาให้ดูกันหน่อย
-
เขียนได้เยี่ยมมาก เคยมีนิตยสารมาทาบทามมั่งป่ะเนี้ย :clap
-
เขียนได้เยี่ยมมาก เคยมีนิตยสารมาทาบทามมั่งป่ะเนี้ย :clap
เจ้าของนิตยสารชื่อตู่คับ ;D
-
ชุด Grace ของคุณ window x จาก Taf หรือป่าวครับเนี่ย
-
อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลยครับ O0
-
สุดยอดจริงๆครับ O0 :clap :clap :clap
-
ผ่านมาเดือนกว่าๆ มีของมาเล่นเพียบบบบบบบบบบบบบบ....................... c) เล่าเรียงลำดับไปตามนี้เลย
ปีนี้สงสัยดวงพอจะเริ่มดีขึ้นมั่ง หลังจากที่ผ่านมาทำงานไม่เข้าตาเจ้านาย ได้ไปเจอท่านนักเล่นผู้ใจดี เพิ่งรู้จักกันครั้งแรกในชีวิต เจ้าของคำคม " Pay It Forward" ที่ได้รับถ่ายทอดมาจาก ท่านอาเสี่ยนักเล่นชุดหูฟังเทพที่แสนใจดีของเมืองไทย O0 ให้ความกรุณาส่งหูฟังเทพที่ในชีวิตปราถนาจะได้ "ยล" เสียงซักครั้งมาให้ถึงที่ มีสารถีใจดีขับมาส่ง เรียกว่า "Hand Delivery" เลย พอได้มาไม่กล้าวางทิ้งไว้ สั่งลูกน้องเฝ้าห้ามคลาดสายตานะเฟ้ย >:(
มันคือ ATH L3000 หูตัวนี้มีในไทยด้วยละ 4 ตัวหรือไง จาก 500 ตัวทั่วโลก เป็น Limited Edition หรูสุด Made in Japan แต่ส่งไปหุ้มหนังที่อังกฤษในขั้นสุดท้าย สนนราคาก็น่าจะดาวน์รถยนต์ได้คันนึงเลย :cold บรรจุมาในกล่องสีน้ำเงินมีผ้าแพรสีดำรองไม่ใช้ช้ำ สายสีดำหุ้มเชือกเช่นเดียวกะ DX1000 แต่สายเขาแบนๆ ข้อดีมากอันแรกคือสวมใส่สบายมากๆๆ หนัง earpad นิ่มยังกะต...เด็ก ที่เราว่ากัน
มาถึงเสียงมั่ง เอามาฟังกะ OMZ ตัวโปรดเช่นเคย เสียงที่ออกมาช่างจะใสสะอาดหมดจรด ตอนแรกกลัวว่าจะได้ยินเบสที่ล้น เพราะเขามีชื่อเรื่องเบสที่ดีที่สุดของหูฟังที่จะหาได้ตั้งแต่มีขายให้ซื้อกันมากันเลย แต่ผิดคาด เบสน่าฟังมากๆ ทุกเมล็ดเสียงพรั่งพรูออกมาหมด มันเงียบสงัด ใสสว่าง ฟังเพลงไหนก็ไม่เหมือนเดิม เพราะเสียงที่ถ่ายทอดออกมามันช่างน่าพิศวงอย่างยิ่ง หากเทียบกะ DX1000 ที่มีอยู่ ก็กลายเป็น MP3 เทียบกะ Lossless ได้เลย ทำให้รู้ว่า DX1000 ที่เราเคยว่าดีมากๆ มันมีเสียงก้องๆปนมาด้วยละ หูตัวนี้ไม่กินวัตต์สามารถต่อตรงขับด้วยอะไรก็ได้ จะ iPod มือถือ คอมพิวเตอร์ เสียงออกมานี่ขั้นเทพเรียกน้องได้เลย
L3000 นี่เป็นหูฟังในดวงใจตัวจริงไปแล้วละคับ เสียงอาจจะไม่ได้ flat เท่ากะ K1000 แต่ฟังแล้วไม่อยากถอดออกจากหูเราเล้ย ข้อดีที่มีของ OMZ ทั้งหมด ความเป็นดนตรีที่มีมาก ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยเจ้า L3000 อย่างหาที่ติมิได้จริงๆ O0 O0 O0
เสียดายคืนเจ้าของไปแร้ว :'( แต่ก็เป็นบุญของเราแล้วชาตินี้ ต้องคาราวะอย่างสุดซึ้ง :bowdown
-
ระหว่างที่ง่วนอยู่กะ L3000 แทบไม่ได้หลับนอน เอาแต่ฟัง เพราะนับวันถอยหลังคืนทั่นเจ้าของ
มีเหตุให้บุญหล่นทับอีก สงสัยงานเริ่มเข้าตาเทวดา c) DAC สำหรับต่อกะคอมพิวเตอร์ที่เป็นตัวที่ดีที่สุดในโลกอันหนึ่งก็ว่าได้ MSRP $4,950 ได้ "อวตาร" ลงมาอยู่ในความครอบครองระยะสั้น แม้ว่าจะแค่ 2 วัน แต่เป็นสองวันที่ยาวนานที่สุดเลย
DAC เทพที่ว่าคือ Weiss Minerva (http://www.weiss-highend.ch/minerva/index.html) นั่นเอง :secret เคยแต่อ่านเจอบนเน็ต คุณ Chris เขาริวิวซะหยาดเยิ้ม ใครได้อ่านละก็ถ้าไม่ตายด้านไม่อยากได้ก็ไม่รู้จะว่าไงแร้ว ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าวันนึงในชีวิต จะได้มีโอกาสฟังกะหูของตัวเอง โดยเฉพาะกะชุดที่บ้านของตัวเอง นี่ต้องคำนับท่านอาเสี่ยผู้ใจดี หมืนครั้ง คำนับ 1 คำนับ 2 ..... :bowdown
จบการประกาศเกียรติคุณ มาเขาเรื่องกันหน่อย Minerva ตัวนี้ตัวไม่ใหญ่ น้ำหนักก็ไม่มาก หน้าตารับได้ แต่เขาว่าสวยกว่า DAC2 ทีใช้ในสตูดิโอมากแล้ว มีปุ่มด้านหน้า 3 อัน สามารถรับอินพุตได้จาก Firewire, S/PDIF และ AES ในกล่องที่ให้มามีแผ่นไดร์เว่อร์สำหรับลงในคอมมาด้วยแผ่นนึง แล้วก็มีแผ่นเพลงแบบ HRx แถมมากะเครื่องให้ด้วยอีกแผ่น การติดตั้งก็ต้องลงไดร์เวอร์ด้วย ทำเอาคอมแฮงค์ได้เหมือนกัน สงสัยของจะแรงจริงๆ เนื่องจาก Miverva เป็นแค่ DAC จึงต่อผ่าน OMZ DAC/HEADAMP/PREAMP V4.1 ผ่านสาย X-2 เข้าแอมป์
เสียงหรือคับ สั้นๆคำเดียว "ละเอียดเหมือนเปลี่ยนจากดู DVD มาดูหนัง Hi-Def 1920 x 1080" O0 ได้ความละเอียดชัดเจนทุกเมล็ดเสียง หรือ หากมีละอองเสียง ก็ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย "กระเด็นมาเปียกหน้า เอามือลูบแล้วรู้สึกเปียกได้เลย" แนว analytical เขาเป็นที่สุดของ DAC ที่เคยฟังมาในชีวิต มีไดนามิกส์คอนทราสสูงมาก เสียงดนตรีทุกอย่างรับรู้ได้อย่างชัดเจนเหลือจะพรรณา แต่มีความรู้สึกบางอย่างที่เราเองอาจจะไม่ชิน คือว่ารู้สึกว่า "มันแรง" ไปหน่อย ฟังนานๆอาจะจะล้าได้ ต้องไปฟิตร่างกายและหูมาใหม่ หากร่างกายปรับได้แล้ว Minerva นี่ชั้นเทพหาตัวเปรียบได้ยากมากๆ โดยเฉพาะต่อจากคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง O0
เป็นโอกาสที่ได้ลองเพลงที่บันทึกมาแบบ HRx 176.4 kHz 24-bit ที่ต้องเล่นด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้น บอกได้คำเดียวว่าเป็น The Next Wave ของวงการเพลงแน่นอนคับ มันสมบูรณ์ครบถ้วนจริงๆ แต่ว่าอัลบั้มนึงมันขนาด 3-4 GB เลยนะ
ดูรูปวัดรอยเท้ากันหน่อย
-
มีของเล่นของอีกชิ้น เป็น DAC ที่ได้รับความนิยมมากเช่นกันในต่างประเทศ ในไทยมีใช้อยู่ไม่กี่คน ท่านเจ้าของผู้ใจบุญก็ได้สละให้มาฟังเป็นบุญหูของเราอีกเช่นกัน
bel canto DAC.3 (http://www.belcantodesign.com/prod_eOneDAC3.html) คับ เป็น DAC ไฮเอ็นด์สำหรับผู้ที่เล่นเพลงผ่านคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ภายนอกงดงามมาก มีรีโมทสำหรับเปิดปิด ปรับเสียง สามารถเลือกอินพุท SPDIF1 SPDIF2 AES รับ USB ได้ และ ในตัวเป็นปรีแอมป์ด้วย หน้าจอมีระดับความดังเสียงบอกเป็นตัวเลข แต่หากเลือกเป็น fixed output ก็จะปรับความดังไม่ได้
พอต่อเข้ากะชุดเสร็จ ก็เล่นซีดีแผ่นโปรด เล่นผ่านสายพระกาฬ X-2 เสียงที่ออกมามีความแตกต่างจาก OMZ อย่างชัดเจน โทนเสียงเหมือนจะ flat กว่า ทำให้รู้สึกว่า OMZ มีเสียงกลางและแหลมที่โด่งออกมา ทำให้ฟัง DAC.3 แล้วรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า แต่หากได้ไปฟังวงดนตรีจริงเล่น ความชัดเจน ความแยงหูของเครื่องดนตรีโดยเฉพาะคลื่นเสียงแหลม หรืออย่างโน๊ตเปียโน มันก็พุ่งเข้าโสตประสาทกระตุ้นอารมณ์คนฟังรุนแรงได้เช่นกัน เบสนี่แพ้ OMZ เยอะเหมือนกัน :secret
ในความต่างของโทนเสียงนี้ ก็ได้รับรู้ถึงความขุ่นในเสียงที่ไม่ใสสะอาดเท่า OMZ (ซึ่งเชื่อได้ว่าสาย X-2 ทำเปิดเผยความแตกต่างกันนี้ออกมาได้ชัดเจน) อาจจะเปรียบเหมือนกับการนั่งฟังดนตรีในแถวหลังที่ความชัดเจนไม่เท่าแถวหน้า มันไพเราะกันคนละแบบได้เช่นกัน เวลาไหนเลือกนั่งหน้า เวลาไหนชอบนั่งหลัง ... นี่ถ้าเป็นเข้าฟังเล็คเช่อร์อาจารย์ หนีไปนั่งหลังกันหมด แต่อย่าหลับก็แล้วกัน ;D
ถ้าหากจะเลือก DAC.3 มาใช้ก็ไม่ผิดหวังเช่นกันคับ ที่พบอีกประการหนึ่งคือว่าเครื่องกรองไฟฟ้าสามารถชดเชยความละเอียดให้เพิ่มขึ้นได้ เช่น Pure Sine 1000 ที่เจ้าของทั่นให้มาลองเล่นอีกตัวนึง แต่ DAC.3 ชนะขาดเรื่องความสะดวกที่ต่อจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้โดยตรง นี่เป็นจุดเด่นมากของเขา O0 ไม่รู้จะบรรยายอะไรอีก ขอไปฟังต่อก่อนจะถึงวันต้องคืนแล้ว แค่นี้ก็แล้วกัน
ท้ายนี้ "เจ้าประคู้น ขอให้ท่านเจ้าของทุกท่าน มีแต่ความเจริญรุ่งเรื่อง มีเครื่องใหม่ๆเข้าประจำการ ไปเรื่อยๆไม่มีจบสิ้น โอมเพี้ยง"
ดูกันหน่อย DAC สีดำ นี่มันช่างทะมึนงามแต๊ๆเจ้า :o
-
บุญหล่นทับอีกเช่นกัน มีของเล่นอีกสองชิ้น c)
คือว่าได้มีโอกาสเอา active AC line conditioner (Pure Sine 1000) ที่เป็น AC Re-Gernerator มาลองในชุดบ้านของตัวเอง เล่นด้วย OMZ DAC/PRE ฟังเทียบกับ passive isolation balance transformer (AV Zone) ที่ใช้อยู่ ตอนแรกที่ต่อ PS1000 เข้าไป ได้ความละเอียดพรั่งพรูออกมาแบบรับไม่ทัน ละเอียดสุดๆ every single detail เลยครับ ผิดกับตัว AV Zone สองเครื่องที่ใช้ Power Stream 1000 กับ IS-500 Plus รายละเอียดมันหายไปแลกกับความสงัดที่ได้มา
เมื่อคืนนั่งทำงานไปเปิดเพลงฟังไปใช้ Pure Sine 1000 อยู่ ใส่แผ่น Here's To Ben ของ Jacintha เปิดไปเรื่อยๆ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เอ่ ทำไมเสียงเธอเหมือนเป็นหวัด แบนๆ คล้ายกะฟังในวิทยุ AM พอจบแผ่นก็เอาคลาสิก Demo ของ McIntosh เพลงโปรดก็เพลงแรก The Firebird Suite ของ Stravinsky ฟังก็ไพเราะดี แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก นั่งทำงานไปเรื่อยๆ พอเล่นไปเพลงที่จำได้ว่าเสียงมันมีแบนๆนิดหน่อย กลายเป็นว่ามันแบนกว่าเดิมแฮะ
เช้านี้เลยมานั่งลองใหม่ จริงๆจังๆ มั่วมั่งไม่มั่วมั่ง จับความได้ประมาณนี้ครับ
Pure Sine 1000 เด่นมากๆเรื่องรายละเอียด ทำให้เครื่องเสียงเป็นอีกเครื่องไปได้เลย สงัดและละเอียดระยิบระยับแบบนั่งดูดาวบนท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆปกคลุม (กะคนรัก) แต่ทว่าเปิดดังไม่ได้ เพราะมันจะดังขึ้นมาหมด เดาว่ารายละเอียดที่ได้ยินนั้นคือมันดังขึ้น พอเร่งวอลลุ่มมันก็ดังขึ้นมาด้วยกันหมด ทำให้ช่วงความดังอยู่ระดับ 2-3 โมง เปิดมากกว่านั้นมันจะดังไป เป็นภาษาเครื่องเสียงก็น่าจะหมายถึง dynamic range และ dynamic contrast มันแคบลง (ดูรูปประกอบวงกลม 3 วง กระทู้ข้างล่าง)
AV Zone ด้อยกว่าในเรื่องรายละเอียด เหมือนนั่งฟังดนตรีแถวหลังๆ แต่จะสามารถเร่งวอลลุ่มไปเท่าไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดที่กล่าวไปครับ แล้วน้ำเสียงโดยรวมที่ได้ยินว่าแบนๆ มันหายไป ที่สังเกตุได้ชัดเจนคือเสียงกลอง มันมี impact มากกว่า กระจายไปทั่วเวทีเลย คาดว่าเป็นการถ่ายทอด dynamic range ที่น่าจะใกล้กับการตีกลองจริง เสียงเบาสุดไปดังสุดมันห่างกันมาก แต่ว่าหนังกลองมัน สายกีต้าร์ ไวโอลิน กระเพื่อมไม่ละเอียดเท่าใน PS1000 แต่เสียงผสานกันได้ดีแบบธรรมชาติ หากถอด balanced transformer ออกก็ฟังเหมือนจะได้รายละเอียดมากขึ้น แต่ไม่ได้ความสงัด dynamic range แคบลง dynamic contrast ก็น้อยลงตามไปด้วย
โดยรวมๆ หากจะเปรียบการฟัง AV Zone นี่ให้ลักษณะเป็น musical แต่ Pure Sine 1000 นี่ให้ความเป็น analytical ชอบแบบไหนเลือกกันได้เลย ดีกันคนละอย่าง หากจะเลือกหาเครื่องกรองไฟไว้ใช้ แนะนำว่าถ้าเอามาลองในชุดของตัวเองได้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด ไม่งั้นก็มีหลายๆอัน แบบกรุหูฟังของใครหลายคน ^-^
ของเล่นอีกชิ้น ก็ได้ยืมสายสัญญาณ Nordost Valhalla ผู้ใจบุญ มาฟังดูหน่อย เสียงที่ออกมามีบุคคลิกในแนว เร็ว สด ชัดเจน ปลายแหลมละเอียดดี สำหรับขาฟังร็อคน่าจะชอบเป็นพิเศษ แต่เทียบกับสาย X-2 ที่ใช้อยู่ มีความแตกต่างกันพอสมควร สาย X-2 ก็ยังมี noise floor ที่ต่ำกว่าสังเกตุได้ไม่ยาก ได้ความเป็นดนตรีมากกว่า ตามแบบฉบับ very musical นั่นเอง เท่าที่สอบถามไปหลักการของสาย Valhalla จะคล้ายกับสาย X-1 ที่ใช้เรื่อง geometry ของสายเป็นหลัก หากจะเทียบคงจะสูสีกับ X-1 เพราะเป็นเทคโนโลยีคล้ายกัน แต่สำหรับ X-2 แล้วเป็นคนละอย่างเลย
ใครที่ให้สายเส้นนี้ไปฟัง ติดกับทุกราย เหลือเพียงแค่ว่าเขาอยากจะไปหาสายมียี่ห้อราคา $$$$ มาเทียบก่อนตัดสินใจซื้อ ได้ข่าวมาว่า Oritek Audio จะปรับราคาสาย X-2 ไปเป็นระดับเทพของแท้ เกินพันไปเยอะเลย หลายคนคงจะน้ำตาร่วง ..... เพราะซื้อไม่ทันในราคาเก่า :cry2 ของเค้าดีจริงๆนะ คงจะได้เห็นรีวิวออกมากันด้วย แว่วๆมาว่าจะรีแบรนใหม่ด้วยล่ะ :secret ราคามาแว้ว ...... $900 เป็น $2,900 จ๊าก :cry2
-
วิทยุตัวเล็ก น่ารักดีครับ
-
หูฟังน่าลองมากๆครับ Y]
-
ต่อประเด็นมาจากเครื่องกรองไฟข้างบน Y]
ขอมาเติมเรื่องแนวทฤษฎีๆหน่อย :showoff คือว่าที่ผ่านมามีโอกาสเอาข้าวของชาวบ้านมาฟังเทียบกันหลายตัว มีโอกาสได้กลับไปคิดถึงทฤษฎีที่ผู้รู้ท่านเคยแนะนำไว้หลายปีก่อน หลักๆคือเวลาเราเปรียบเทียบอุปกรณ์ โดยการฟัง หรือ มีอุปกรณ์ใหม่มาลอง แนะนำให้สังเกตุลักษณะ 3 ประการหลัก ดังนี้
1. Total Balance (TB) สมดุลของเสียง การตอบสนองความถี่ย่านต่ำสุดไปจนสูงสุด หรือ ความดังของเสียงเครื่องดนตรีต่างๆทุ้ม กลาง แหลม
2. Dynamic Range (DR) ความกว้างของเสียง ดังสุดจนดังเบาสุด ว่าแคบหรือกว้างเพียงใด
3. Dynamic Contrast (DC) ความคมชัดรายละเอียดของเสียง ความแตกต่างของ (โน๊ต) เสียงทั้งหมดที่ได้ยิน และ ความสงัด
หากวาดเป็นวงกลม 3 วง ตามทฤษฎีเซ็ตที่เคยเรียนกันมาตอนเด็กๆ ส่วนพื้นที่ทับกัน (ระบายสีลงไปตรงกลาง) จะเป็นที่ของเสียงที่ดีที่สุดของเสียง ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี หมายความว่าทั้ง 3 องค์ประกอบมีมากและมีความเท่าเทียมกัน
สมดุลของเสียง ควรจะ flat หากเขียนเป็นกราฟก็จะเป็นเส้นตรงแนบราบ ไม่มีจุดใดสูงขึ้นหรือต่ำลงไป การมีเบสมาไป ต่ำไป กลางและสูงดังไป ก็เสีย tonal balance ไปนั่นเอง
การสังเกตุ: ฟังหลายๆแผ่น หลายเพลง สังเกตุสมดุลเสียงของดนตรี ดังเท่าๆกัน (ดังตามที่แต่ละชิ้นควรจะดัง) ไม่มีชิ้นใดดังมากหรือน้อยไป เช่น เสียงทรัมเป็ด ไม่ดังล้นออกมา แล้วก็ต้องเช็คสมดุลเสียงที่ความดังต่างกันด้วย บางครั้งเมื่อเร่งวอลลุ่มขึ้นเพราะต้องการฟังเสียงกีต้าร์เบาๆ แต่เสียงเครื่องดนตรีอื่นดังขึ้นล้ำหน้าไปเยอะได้ ในถ้าตรงกันข้ามเมื่อหรี่เสียงกลองลงเสียงอื่นดันหายไปจนไม่ได้ยินได้เช่นกัน
ความกว้างของเสียง ยิ่งกว้างยิ่งดี เพราะเครื่องดนตรีในชีวิตจริงมีความกว้างทีสุด กลองดังสนั่นลั่นโรง ขลุ่ยแผวเบาพอให้ได้ยิน หากกลองไม่ดัง หรือขลุ่ยดังไป ก็จะเสียอรรถรสของผู้แต่งเพลงไปได้ เพลงคลาสสิกส่วนใหญ่มีการ "เล่น" ความดังความค่อยของโน๊ตตลอดเพลง ช่วงที่ดังควรดัง (หูแตก) พอดังแล้วก็จะกระจายตัว เสียงเบาลงทอดเสียงไปจนสิ้นเสียง ช่วงที่เบาควรเบา (ไม่พินิจก็ไม่ได้ยินได้) หากเสียงทุกอย่างมีระดับความดังออกมาหมด ก็มีความผิดเพี้ยนไปนั่นเอง คำว่า forward เป็นลักษณะที่มีความดังล้ำหน้าขึ่นมา ทำให้ความเป็นเวทีแคบคง
การสังเกตุ: ให้ลองปรับวอลลุ่ม ต่ำสุด ไป สูงสุด สังเกตว่า ความกว้าง (เสียงดังสุดไปเบาสุด) มีระยะเท่าใด โดยใช้ระยะหมุนวอลลุ่มเป็นตัวเปรียบเทียบได้ ระยะหมุนได้กว้างก็จะดีกว่าระยะแคบ ไม่ต้องค่อยหรี่เสียงตอนดัง หรือ เร่งวอลลุ่มตอนเบา
ความคมชัดรายละเอียดของเสียง อันนี้คือรายละเอียดต่างๆที่เราได้ยิน ความแยกแยะของโน๊ตเสียงต่างๆที่เล่นพร้อมกัน ควรจะละเอียด ยิ่งละเอียดยิ่งดี
การสังเกตุ: เล่นท่อนเพลงที่มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น ฟังความละเอียดที่ได้ยิน เสียงตีกันกลบกันหรือไม่ โน๊ตนึงดัง อีกโน๊ตเบา หรือ หลายๆโน๊ตเบา แต่ก็ยังได้ยินอยู่ ให้สังเกตุเสียงที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ambience ของห้อง เสียงร้องที่สะท้อนผนังห้องกลับมาเข้าในไมค์โครโฟน ความเอื้อน (ถอดยาวหรือสั้น) ของ ambience ที่ว่า และสังเกตุท่อนที่เล่นเบาๆ ปลายเสียงก่อนที่เสียงจะหายไป ความกังวาลของโน๊ตเปียโน สายกีต้าร์ เป็นต้น เรื่องความคมชัดนี้ยังมีเรื่อง น๊อยส์ ลักษณะเสียงบีบ และความเร็วของโน๊ต ให้เราได้สังเกตุฟังด้วย แต่พึงสังวรณ์ไว้ด้วยว่าการได้ยินรายละเอียดที่ชัดเจนทั้งหมดอาจมีความเพี้ยนในด้านความกว้างของเสียงได้ (เสียงต่างๆมีระดับความดังเกินความจริง) ความละเอียดนี่เองที่ช่วยให้เราแยกแยกลักษณะของวงได้ดีขึ้น
แต่เสียง ambience นี่ หากได้ยินแล้วอาจขนลุกได้เลยละ :o มันมีมาในแผ่นด้วยนะ ตอนหลังๆหัดฟังพวก ambience เยอะเลย แม้ว่า TB กะ DR ไม่ดีนัก หรือมีน๊อยส์อยู่ แต่มันทำให้เรามีความสุขในการฟังเป็นอะไรที่อินได้มากๆ :headphone บางชุดอาจพบว่าความดังในระดับเสียงนึงจะมีสมดุลของ TB DR และ DC ที่ดีที่สุด แต่หากเปิดดังหรือเบากว่านั้นจะเสียสมดุลนั้นไป หรือว่าเล่นเพลงนี้ต้องเปิดดังที่ 10 โมง อีกเพลงนึงต้องบ่ายโมง ... ไม่ใช่เวลานะ แต่เป็นหน้าปัดวอลลุ่มเสียง
เคยเจอว่าสายไฟที่เพื่อนเขาชอบนักชอบหนา พอเสียบลองดู โห้รายละเอียดมาตรึม แต่บังคับว่าห้ามปรับวอลลุ่มดังเกิน 9 โมง เพราะทุกอย่างมันจะดังจนล้นไปหมด ตีกล่องลั่นสนั่นหูแตก N] "ของเล่น" ชิ้นไหนดีละเนี่ย มันได้อย่างเสียอย่างซะเรื่อยเลย
เวลาไปทดสอบฟังหลักการนี้น่าจะมีประโยชน์ เอาไปใช้สำหรับค้นหาอุปกรณ์ในฝันได้ บ่อยครั้งที่การเปลี่ยนสายไฟเพียงเส้นเดียวก็ช่วยแก้ปัญหาความไม่สุมดุลได้ เพียงแต่ว่าเส้นนั้นมันอยู่ที่ไหนนะ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยเถอะ :please รูปข้างล่างขอยืมมาจากเวป audio-team สำนักต้นตำหรับ
-
อ่านเพลินเลยครับ แถมได้ความรู้เยอะมาก
-
ฟังคุณเรดบุ๊คแล้วเริ่มเกิดกิเลส
รบกวนถามครับว่า ราคา OMZ DAC/Headphone Amp/Preamp นี่ราคาเท่าไหร่ครับ ใช่ $1499 ที่คุณori ตั้งไว้หรือเปล่า
และเมื่อเปรียบเทียบกับ darkvoice โดยยืนหูฟังคือตัว ultrasone 2500 จะมีลักษณะที่ต่างกันเยอะมั้ยครับ เพราะ DV กับ OMZ DAC/Headphone Amp/Preamp ราคาต่างกันพอควร
ปล. มายืนยันว่า 2500 นี่เยี่ยมสมคำที่คุณเรดบุ๊คบอกครับ ซื้อเพราะอ่านตามคำแนะนำครับ ขอบคุณครับ :headphone
-
จากการที่ไปยุแยงคนธรรมดาจนทั้งหูและกระเป๋ารั่ว หันมาฟังต่อผ่านแอมป์ ตัวเองเลยได้อานิสงส์ไปจิ๊ก Raging Moose มาลองฟัง แล้วก็ค้นพบว่า มี iPod (จิ๋วๆ) หูฟังดีๆ (ไม่ต้องแพงมาก) และ portable amplifier ดีๆ (ราคารุ่นหัดซื้อ) นี่เสียงน้องๆออดิโอไฟล์เลย เรียกว่าฟังเพลงมีความสุขไม่แพ้ชุดบ้าน (เน้นฟังเพลงที่เราชอบเพื่อความบันเทิงส่วนตัว) คิดว่าคนฟังเครื่องเสียงบ้านหลายคนน่าจะรับได้ ไดนามิกส์ดี คอนทราสชัด แฟลท มิติดี โทนเสียงดี (great tone) ได้รายละเอียด งบก็สมเหตุสมผลดี สรุปสั้นๆว่าติดจาย !!
- portable amplifier: Raging Moose จาก HotAudio.com ราวๆ $150 (บน eBay มี sale ด้วย) หาถ่านชาร์ต SPV 9V 280 mAh 250 บาทมาลง แท่นชาร์ต 40 mAh ราคา 180 บาทจากร้านอมร
- full-size: Ultrasone Pro 2500 จาก Music2Home.com แถวบางกะปิ ใช้มาแล้ว 1500+ ชม.
- source: iPod Nano Gen3 4GB ได้มาเพราะทำงานดี
- cable: Blue Cable สูตร DIY เอง หัว Neutrik สาย Mogami Quad เอามาตีเกลียวรวมไม่ถึง 400 บาท และสาย dock เงินร้านมั่นคง (จุดบักกรีข้างในหลุดไปสองทีเพราะสายเงินมันแข็งมาก ต้องเอากลับไปซ่อม)
Pro2500 เป็นหูฟังเยอรมัน studio monitor ที่อเนกประสงค์ให้เสียงได้ครบเครื่อง เบสออกได้ดี เสียงเปียโนใสมาก แต่ต้องเบิร์นอินนานหน่อย เกิน 500 ชั่วโมงเสียงกลางจึงจะเปิดฟังไพเราะ เกินพันชั่วโมงน่าจะเปิดสุด (มีหูฟัง JVC DX1000 อีกตัว แต่สำหรับชุดนี้ฟัง Pro2500 ดีกว่าเยอะ)
ชุดหูฟังผ่านแอมป์เด่นที่ความละเอียดเพราะหูฟังอยู่ใกล้กับหูเรามากกว่าลำโพง เสียง ambience ที่อัดมาในแผ่นได้ยินชัดมาก อย่างเสียงร้องที่สะท้อนห้องอัดมาเข้าไมค์ บางเพลงฟังแล้วได้อินมากๆเลย ลองฟังแผ่น Jheena Lokwick ดู ได้ยินได้ง่ายมากกว่าชุดบ้าน หากเป็นชุดบ้านคงต้องลงทุนเยอะกว่ามากไม่นับห้องฟังอีก
ชุดนี้พอจะพกพาไปเที่ยวกับเราได้ แต่ก่อนฟัง iPod ไม่ได้เลย เรียกว่าทนฟังค่าเวลา หลังจากรู้จัก Raging Moose ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปตรงกันข้าม แอมป์ดีๆที่ใช้ไฟดีซีจากถ่านไฟฉายนี่ไม่เลวเลย ขนาด mp3 128k หรือ 192k ก็ฟังได้ดี แผ่นเพลงคลาสิกลูกน้องไว้เปิดให้ลูกฟัง ฟังชุดใหญ่แล้วฟ้องมาก ยังฟังได้ดีเลย แต่ 320k แจ่มกว่า ยังสัยว่า iPod + แอมป์มันเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ
ชุดหูฟังผ่านแอมป์เด่นที่ความละเอียดเพราะหูฟังอยู่ใกล้กับหูเรามากกว่าลำโพง เสียง ambience ที่อัดมาในแผ่นได้ยินชัดมาก อย่างเสียงร้องที่สะท้อนห้องอัดมาเข้าไมค์ บางเพลงฟังแล้วได้อินมากๆเลย ลองฟังแผ่น Jheena Lokwick ดู ได้ยินได้ง่ายมากกว่าชุดบ้าน หากเป็นชุดบ้านคงต้องลงทุนเยอะกว่ามากไม่นับห้องฟังอีก
ชุดนี้พอจะพกพาไปเที่ยวกับเราได้ แต่ก่อนฟัง iPod ไม่ได้เลย เรียกว่าทนฟังค่าเวลา หลังจากรู้จัก Raging Moose ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปตรงกันข้าม แอมป์ดีๆที่ใช้ไฟดีซีจากถ่านไฟฉายนี่ไม่เลวเลย ขนาด mp3 128k หรือ 192k ก็ฟังได้ดี แผ่นเพลงคลาสิกลูกน้องไว้เปิดให้ลูกฟัง ฟังชุดใหญ่แล้วฟ้องมาก ยังฟังได้ดีเลย แต่ 320k แจ่มกว่า ยังสัยว่า iPod + แอมป์มันเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ
หลังจากที่พยายามลองฟังเพลงด้วย iPod Nano 4GB ที่สุดมันก็ "ตัน" เพราะเนื้อที่ไม่พอ ทำให้ลองเพลงที่ฟังจนคุ้นได้ไม่ครบ โดยเฉพาะออดิโอไฟล์จีน URCD สุดโปรด เลยไปนั่งเฝ้าบอร์ดของใช้แล้วเจอ Classic 120GB คลอดมาไม่นานผ่านตาไปแวบนึง .... เสร็จตรู ทีนี้เลยมีเพลงให้ลองได้สะดวกหน่อย iPod Nano และ Classic ทั้งสอง เสียงต่อผ่านแอมป์ใกล้เคียงกันมาก
เจ้าของ Raging Moose ดั้นด้นไปหา RSA Mustang P-51 มาจนได้ ใหม่กิ๊ก เดินไปซื้อตรงจากโรงงานใต้ถุนบ้านตา Ray เอง ที่ Skoski ไม่ลดซักแดง $375 เอามาฟังกะ Westone 3 ที่เพิ่งถอยมาราวเดือนกว่า ตอนแรกที่ได้ไปลองฟัง Westone 3 เรียกว่า "ยี้" เลย แต่ที่ลองหลังสุดเสียงเปลี่ยนไปเยอะ เรียกว่ารับได้แล้ว ขุ่นน้อยลง กลางยังเด่นอยู่ แต่ไม่ล้นเกินไป แหลมก็ดีขึ้น เบสที่แน่นอยู่แล้วก็กระฉับกระเฉง เบิร์นอินช่วยได้มากๆ
เมื่อติดใจ Raging Moose ของคนอื่นก็อยากมีกะเขามั่ง ไปดูเวป HotAudio มีรุ่นถูกกว่าด้วยละ ชื่อ Thunderblot ใช้ชิปขยายเสียงตัวเดียวกันเลย แต่วอลลุ่มเป็นอนาล็อก และได้รับคำแนะนำว่าเสียงดีกว่า Ranging Moose เลยสั่งมาสองตัวเลย 8 วันถึง โดนช่วยชาติไปหน่อย 10%+VAT
เลยมีโอกาสเอาทั้ง 3 แอมป์มาเรียงกันฟัง เบิร์นได้ราวๆ 40 ชม.ขึ้นไป ยกเว้น Raging Moose น่าจะเป็นสองร้อยแล้ว
- Raging Moose: ไดนามิกส์ดี คอนทราสชัด แฟลท มิติดี โทนเสียงดี ได้รายละเอียด ดีกว่าต่อตรงมากๆที่เล่าไปแล้ว แนวเสียง "สดชัด" ข้อไม่ดีมีประการเดียว วอลลุ่มมันดังที่ 1/2 นึงตอนเปิด ตกใจหรือหูอาจแตกได้หากต้นทางปล่อยมาแรง สวิตท์ปิดเปิดเป็นคันโยก วอลลุ่มเป็น encoder กดจะเป็นปรับ balance เสียงซึ่งไม่ได้ใช้เลย เผลอไปโดน ทำไมเสียงมันเอียงๆหว่า
- Thunderbolt: ดีกว่า Raging Moose โดยเฉพาะ ไดนามิกส์และรายละเอียดมากกว่า และ ความเป็นดนตรีสูงกว่า จะเรียกกว่าบาดหูน้อยกว่าก็ได้ ถ่านก้อนเดียวกันเปิดสุดได้ดังกว่า Raging Moose เสียงของ Thunderbolt ทั้งสองตัวขับ K701 ได้สบายๆ ถ่านชาร์ทเต็มฟังได้ราว 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง เสียงเริ่มพร่า iPod Classic อึดกว่ามาก สวิตท์ปิดเปิดอยู่กับวอลลุ่ม ใช้หมุนเอา
- Mustang: ตัวจิ๋วมาก แต่เสียงไม่จิ๋วเลย ดีที่สุดในทั้ง 3 ตัวนี้ ให้เสียงกลางที่เด่นล้ำและเบสแรงกว่าด้วย ทำให้ฟังแล้วรู้สึกดังกว่า ที่สำคัญ รายละเอียดที่ดีกว่าเป็นจุดเด่นที่ไม่มีทางข้ามไป คอนทราสสูง ได้ separation ของโน๊ตที่ชัดมาก เวทีเสียงกว้าง ปลายแหลมไกลกว่าและเป็นประกาย สองตัวบนปลายแหลมกลายเป็นทู่ๆ ส่วนเสียงอื่นกลายเป็นห้วนไป เรียกว่าเป็น high resolution portable amp ตัวจริง ตอนแรกคิดว่า Westone 3 จะ "อุ่น" เกินไปเมือฟังกะเม็ดแตง แต่ไม่มาก แหลมก็มี จุดเด่นด้านอื่นที่ถูกปล่อยออกมาผสมรวมกันแล้ว ทำให้เสียงออกมาดีมากน่าฟัง สำหรับ P51+W3 แนวเสียงใช้คำว่า "หนักแน่นน่าฟัง" "มีมวลเนื้อเสียง" น่าจะพอได้ อีกคำก็ "ฟังมันส์" (ดีกว่า Thunderbolt เยอะ) ลืมบอกไปว่าตั้งเกนที่ medium มีข้อสังเกตุประการหนึ่งคือ Mustang มันดูจะขี้ฟ้องกว่า ฟังพวก 128k เสียงบีบมันชัดขึ้น ต่างจาก Thunderbolt ที่ compromise จุดนี้ได้ดีกว่า เสียงเป็นโปร่งๆไม่บีบน่าฟังกว่า
คาดว่า Raging Moose ซึ่งใช้ digital volume control ทำให้ต้องใช้กำลังไฟไปเลี้ยงวงจรของชิป volume และ Alps encoder ด้วย เสียงจึงด้อยกว่า Thunderbolt มีข้อที่พบอีกประการ หากไปฟังบนรถเมล์จะมีคลื่นมือถือแทรกให้ได้ยินได้
สำหรับสายต่อแนะนำว่าใช้สายทองแดงดีๆกับ Thunderbolt บาดหูน้อยกว่าสายเงิน ยิ่งถ้าเพลงเก่ามีฮีสเยอะ สายเงินบาดหูจัดได้ อีกอย่างที่ลองมานะครับ เอา Thunderbolt ต่อกับซาวด์ on-board หลังคอมพิวเตอร์ ฟังหูฟังแล้วเป็นคนละเรื่องเลย นรกชั้นล่างเป็นสวรรค์ชั้นกลาง
สรุปว่า ถ้างบไม่อั้น Mustang โลด เสียงแหล่มมากๆ คอนเฟริม์ แต่ถ้าหาแอมป์ตัวที่สองที่น่าฟังกว่าต่อตรง ก็ Thunderblot ไม่ผิดหวังแน่นอน ฟันธง หรือจะเป็นตัวแรกกับงบที่คุ้มค่าที่สุดในชั่วโมงนี้ ได้มาตอนลดราคาด้วยละ ^-^ แต่ทว่าถ้าจะเน้นที่ฟัง mp3 แบบอัดแน่ไว้ในเครื่อง บวกลบครับ Thunderbolt น่าจะตอบโจทย์นี้ได้ดีกว่า ไม่ลองไม่รู้นะ
รูปคับ
-
ต้องยกให้เรื่องหูฟังเลยครับ
วันหลังมีอะไรจะได้ถามถูกคน :clap
-
O0 เห็นด้วยเลยครับ ขอยกให้เป็นเซียนหูฟังโดยเฉพาะเลยครับ ดีมากๆ จะได้มีเซียนช่วยตอบคำถามเป็นวิทยาทานให้น้องคนอื่นๆ มาเพิ่มอีก 1 ท่านครับ d_d
-
อยู่ดีๆก็มีงานเข้า "ช่วยเอาหูฟังไปลองหน่อยครับ" พอรู้ชื่อเท่านั้นแหละ Ultrasone Edition 9 ก็ปฏิเสธไม่ออกเลย เพราะว่าอยากได้ฟังเป็นบุญหูมานานแล้ว เฉกเช่น L3000 ผู้ใจบุญเคยให้มายลเสียง เช่นเดิมหูฟังพระกาฬถูกนำส่งแบบ hand delivery คราวนี้อยู่ในกล่องแข็งสีดำเหมือนที่พวกโปรออดิโอเขาใช้กัน แต่กล่องมันแบนแฮะ เท่ห์มากเลย หูฟังแวววาวเงาวาบดุจเครื่องประดับ
Ed9 หลังผ่านเบิร์นอินที่มีประสิทธิภาพ
เสียงเปิดมาก โดยเฉพาะเบสและเสียงกลาง กล้าพูดได้ว่าเป็นเบสที่มีคุณภาพสูงมากๆ ทั้งรายละเอียดและความลึก สปีด จุดเด่นของ Ed9 คือ สปีดเร็ว หัวโน๊ตชัด เก็บตัวเร็ว ความสงัดและความชัดเจนเป็นจุดที่สัมผัสได้ตั้งแต่แรกของหูฟังตัวนี้ ตั้งแต่ปลายแหลมจนถึงปลายล่าง ปัญหาเรื่อง ambience ที่หยาบทุเลาไปมาก ได้ยินรายละเอียดเสียงได้อย่างชัดเจนมาก หากจะเทียบก็ดีกว่า DX1000 แต่เป็นรอง L3000 คืออยู่ระหว่างกลาง เป็นแนวคมชัด แล้วก็เรื่องเสียงที่ใกล้หูก็ห่างออกไป เวทีเสียงกว้างขึ้นนั่นเอง แต่ยังแพ้เวทีของ DX1000 อยู่ L3000 รวมเอาข้อดีของทั้ง Ed9 และ DX1000 เข้าด้วยกัน (analytical + musical)
เมื่อลองฟังแบบต่อตรงกับ iPod Classic และผ่านแอมป์ เสียงที่ได้ดีกว่า Pro2500 มาก ฟังสนุกจริง โดยเฉพาะเพลงมันส์ ได้รายละเอียด เบสไม่ล้นกระชับ แต่ก็ยังขี้ฟ้องมากกว่าหากใช้บิตเรทต่ำหรือเพลงที่อัดมาไม่ดี ถ้าเน้นฟัง mp3 บิตเรทต่ำๆ Pro2500 ทำได้ดีกว่า
ถ้าจะให้คะแนนแบบที่มีคนเทียบกะ Ed7 ตัวเองให้ซัก Pro2500 80% ของ Ed9 ได้ ส่วน DX1000 นั้นยังได้เปรียบเรื่องเวทีที่กว้างกว่ามาก แนวเสียงของ Ed9 เป็นทาง analytical แยกชิ้นได้ดีมากๆ หากเปรียบเป็นรสชาดก็ครบเครื่องและจี๊จ๊าด ส่วน DX1000 เป็น musical ที่ผสมผสานดนตรี ให้สัมผัสถึง "ใยเสียง" ที่ไม่ขาดออกจากกัน เรียกว่ากินอร่อยโอ่อ่า จะเลือกหูไหนขึ้นกับความชอบส่วนบุคคลและเพลงที่ฟัง ทั้ง Ed9 และ DX1000 คนรักเบสไม่ขอหย่าแน่นอน สิ่งที่ทั้ง 3 หูดีเหมือนกันคือ เปิดฟังเบาๆก็ได้ยินครบ เบสไม่หาย หลายหูที่เบสไม่ออกต้องเปิดดังจึงออก แต่เสียงย่านอื่นมันดังมาก ฟังแบบนี้ระยะยาวหูพังแน่นอน
อ่านรีวิวกิ๊กก๊อกตัวเต็มได้ที่ >> [Review] Ultrasone Edition 9, Ultrasone Pro 2500 และ JVC DX1000 (http://www.taf.in.th/forum/index.php?topic=11883.0)
-
เอาเนื้อที่มาเล่าถึง "Oritek Audio ชื่อนี้ที่ไม่ธรรมดา" (http://www.taf.in.th/forum/index.php?topic=12082.0) คือว่ามีโอกาสได้ให้เพื่อนๆนักเล่นเอาของ Oritek ไปลอง ติดใจกันไปหลายคน นักเล่นผู้แสนใจดี c) ได้กรุณาเขียนรีวิวเล็กๆไว้ให้อ่านกัน
ผลที่ได้จากการทดสอบครับที่เรียกว่าไม่ธรรดา สาย X2 คือสายที่ Transparent ที่สุดที่ผมเคยฟังมาครับ มันทำตัวเหมือนสายล่องหน ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่เติมอะไรลงไปในดนตรีเลยครับ เหลือทิ้งไว้เพียงดนตรีล้วนๆแบบสุยอดจริงๆครับ เรียกว่าผมเอาไปอัดกับ Cardas Golden reference, Cardas แพ้กระจุยเลยครับ เพราะถึงแม้ Cardas จะดีแต่ก็มีเนื้อมากอยู่ครับ ส่วน Pre V4.1 ผมยังไม่ได้ลองครับ ไว้ถ้าลองแล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ
แต่กับราคาของ X2 ที่ขึ้นไปเป็น 2500$ แล้ว ผมคงไม่มีเงินซื้อ นี่ก็ว่าจะหาเรื่องไม่คืนเจ้าของอยู่เนี่ยครับ...... อิอิ
คุณ Redbook ครับ ผมลอง Oritek Preamp แล้วครับ ต้องบอกว่าเป็นปรีที่ Transparent จริงๆครับ ยิ่งได้ใช้กับ X2 + X1 ก็ให้ความรู้สึกที่กลมกล่อม พอดี และไม่มี Color เลยครับ ผมเอาเทียบกับ Pre Mark Levinson No.38S พบว่าเสียงใกล้เคียงกัน แต่ Mark จะบางและ Bright กว่าอยู่สักหน่อยครับ
แอมป์หูฟังของ Oritek ไม่ธรรมดาทีเดียวครับ ให้เสียงที่มีรายละเอียดดีสุดๆแถมไดนามิก พละกำลังกระฉับกระเฉงดีครับ ฟังสนุกทีเดียวแต่ถ้าเทียบกับ TTVJ Millett 307A (เทพเรียกเหล่ากง (http://www.taf.in.th/forum/index.php?topic=11913.0)) แล้วยังให้ลักษณะที่ต่างกันอยู่ครับ บอกตามตรงว่าผมยังชอบ 307A มากกว่าครับ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ผมคงประกาศขาย 307A เป็นแน่แท้
ขอบคุณมากๆครับที่ให้ผมมีโอกาสได้ลองของดีๆ แบบนี้ครับ สุดยอดจริงๆครับ
5555 ขอบคุณมากๆอีกครั้งครับที่ให้ผมได้มีโอกาสได้ลองของดีที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆครับ ส่วนตัวผมอดทึ่งคุณ Ori เค้าไม่ได้ครับที่แกสามารถนำ DAC ของจีนแบบธรรมดาๆ มาพัฒนาจนเรียกว่าท้าชนกับยี่ห้อไฮเอนด์ได้สบายๆ อย่างที่บอกครับ ถ้ามีโอกาสผมเองก็อยากหา DAC ของ Oritek มาใช้สักตัวครับ ด้วยราคาที่ไม่สูงจนเกินไปแต่เรื่องเสียงดีเหลือเชื่อจริงๆครับ
ส่วนสาย Ori X-2... ถ้ามันถูกกว่านี้สักหน่อยผมคงหามาใช้เป็นแน่... แต่ถ้าคุณมีเงินพอจะซื้อได้ และอยากได้ยินเสียงของสายในอุดมคติก็น่าหามาลองครับ
หลังจากลองทั้ง ปรี+สาย X2 ของ Oritek Audio ผมบอกได้คำเดียวครับ "ปรีในอุดมคติคือเหมือนไม่มีปรี สายในอุดมคติคือเหมือนไม่มีสาย" และ Oritek Audio นี่แหละครับที่ผมเรียกว่าเข้าใก้ลอุดมคติที่สุด
King Of Transparency !!!
คนไทยได้รู้จักผลิตภัณฑ์ของ Oritek Audio กันแล้ว รอตั้ง 5 ปีเลยนะเนี่ย >:( น่าจะดีอย่างที่เพื่อนเล่าไว้ O0 ลองแล้วจะรู้เองคับ
ตัวเองชื่นชอบ Oritek Audio's Philosophy ที่ว่า "Less Is More" ซึ่งหมายถึง Minimalist Approach of Audio Engineering ! น๊อยส์มันเลยไม่มีที่อยู่ จริงๆหากเรามองเห็นไฟฟ้าที่ไหลได้ eddy current ของสัญญาณไฟฟ้ามันน้อยลงไป ทำให้การเกิด harmonics ต่างๆก็น้อยไปด้วยละคับ ลืมไปมีอีกเรื่องนึงคือสัญญาณ single-ended (RCA) นี่เสียงไม่ด้อยไปกว่า balanced นะ พิสูจน์ได้ด้วย OMZ ตัวนี้
.... อยากให้คนรักฟังเพลงได้เป็นเจ้าของชุดดีๆได้โดยไม่ต้องลำบากมากเกินไป เหมือนที่ตัวเองประสพมา แต่ว่าราคามันขึ้นไปแล้วนะสิ :cry2 แต่ถ้าใครซีเรียสเรื่องฟังเพลงละก็ แนะนำให้หามาใช้แล้วจะไม่ผิดหวังเลย (ราคาก็ยังถูกกว่ายี่ห้ออื่นที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า :shutup) บอกได้คำเดียวว่า "ลองกะหูก็รู้เอง" ว่า "ปรีในอุดมคติคือเหมือนไม่มีปรี สายในอุดมคติคือเหมือนไม่มีสาย" มันเป็นเช่นไร ^-^
ไม่รู้จะลงรูปอะไร เอารูปสาย $954 X-2 ที่เป็น shield ไปก็แล้วกัน มีกล่องค่อยดูมีราคาหน่อย ของเรานั้นมาในถุงใส่แซนวิช
-
ด้วยความบังเอิญเป็นที่สุด มีนักเล่นเครื่องหลอดแสนใจดีผ่านมาในวงโคจร c) ยื่นโอกาสมาให้ ต้องรีบคว้าอีกเช่นเดิมคับ ไม่คว้าเดี๋ยวอด :'( หูฟังตัวท๊อปของ Denon รุ่น D7000
แต่ไม่รู้เป็นอะไร ได้หูฟังมาลองทีไร "เสียงห่วยแตก" เกือบจะทุกทีไป เสียงแรกที่ยินออกจาก iPod Classic "เอ่ ไงเสียงกลางมันบีบมากเลย" ต่อผ่านแอมป์ Thunderbolt ยิ่งบีบเข้าไปใหญ่ N] เอากลับมาฟังด้วย OMZ DAC/HEADAMP เสียงก็ยังมีบีบอยู่ เทียบกะ DX1000 ไม่ได้เลย แต่เสียงแหลมและเบสทำได้ดี ปลายแหลมนี่ดีกว่า Ultrasone Pro2500 อย่างมากๆ เสียงสแน กระดิ่ง พริ้วกรุ๊งกริ๊งได้อารมณ์ กลองก็เป็นลูกกระชับให้รายละเอียด ไม่มีคำว่าเบสล้ำหน้าสำหรับหูตัวนี้
ด้วยประสบการณ์ "เบิร์นหูฟังเป็นพันชั่วโมง" ก็ไม่รีรอ จับ D7000 พันธนาการแล้วจับกรอกเสียง Jennifer Warnes พร้อมเครืองโหมโรง นอนสต๊อป 4 วัน 4 คืน เอากลับมาฟังใหม่ เมื่อวาน โห้เบริน์อินช่วยให้เสียงมันเปลี่ยนเป็นหลังมือไปเลย O0 ดีขึ้นทุกย่าน แต่เสียงกลางยังมีบีบอยู่ เพราะหูเรามันจำเสียงตอนแรกได้ แต่ถ้าให้คนใหม่มาฟังจะบอกว่าเสียงดีเลยละ หูนี้
แล้วก็ไปแวะกลับไปเยี่ยม "คลังแสง" มาอีกรอบ มีกระสุนดินดำจากจีนเข้าประจำคลัง Audio GD Compass DAC/HEADAMP ที่เป็นกระแสใน head-fi ตั้งแต่ต้นปี ค่าตัวพิเศษราว $320 ทำให้ฝันของคนอยากมีแอมป์หูฟังเป็นจริงได้ไม่ยาก เสียงโปร่ง ฟังสบาย แฟลตดี เรียกว่าคุ้มค่ามากๆ ยิ่งมี usb ให้ด้วย O0
โทนเสียงแนวเดียวกันกับ OMZ DAC เพราะใช้ชิปดีเอ multibit dela-sigma AD1852 เหมือนกัน แต่ภาคเอ๊าต์พุตด้วย discrete opamp ของ Audio-GD แต่ว่าเทียบกันแล้ว ยังห่างอยู่เหมือนกัน ไม่สะอาดเท่าของ Oritek Discrete Output Stage และ Headamp ของเขา ตัวนี้หนึ่งในยุทธจักรนะน้อง ....
หน้าตาเป็นอย่างงี้
-
ขอบคุณ พี่หนังสือปกแดง มากครับ ที่ให้โอกาสลองหูฟัง เห็ดดี HD800 มันแจ่มแจ๋วมาก
ยิ่งเข้ากันกับแหล่งสัญญาณอานาล็อกเอ้าท์จากเจ้ามิวสิคฮาโล่
เดี๋ยวต้องมีการบ้าน พัฒนา แด็คฯ ปรี แอ็มป์หูฟัง ของเราต่ออีกเพียบเลย
แต่เจ้าเห็ดดี คงไม่ได้แอ้มกะตังค์เราแน่ ...เพราะชอบไมโครเซลลูโลส มากกว่าครับครับผม
-
คุณ Redbook สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่เป็นเจ้าแห่งหูฟังตัวจริงเลยครับ เยี่ยมมากเลยครับ :clap
-
พอช่วงนี้ลุงมาใช้หูฟังมากขึ้น เลยนึกถึงกระทู้นี้
ให้ความรู้เรื่องหูฟังดีจังเลย Y]
แถมตามไปอ่านต่อใน Taf อีก นึกไม่ถึงว่าคนไทยใช้หูฟังกันไม่น้อยเลย แถมซื้อกันแรงๆเหมือนกัน :headphone
-
ไม่ได้มาอัพที่นี่ซะนาน ไปเล่นที่ทาฟซะเยอะ ไว้มาอัพให้คับผม c)
-
ไม่ได้มาอัพที่นี่ซะนาน ไปเล่นที่ทาฟซะเยอะ ไว้มาอัพให้คับผม c)
ลุงก็ตามไปอ่านที่นู่นเยอะเหมือนกัน
ตอนนี้ชักบ้าหุฟังมั่งแระ ;D
-
เยี่ยม จิง ๆ เรื่อง หูฟัง และอีกหลาย ๆ เรื่อง ว่าง ๆ ขอลองฟังบ้างน่ะคับ
-
ต้องมาบอกว่าตามไปเวป taf แระ
มีอะไรให้เปิดหุเปิดตาอีกเยอะเลย :headphone
-
ไม่ได้อัพมานานมวาก :headphone เกิดเหตุ Phillips 42PF9541 (http://www.htg2.net/index.php?topic=4855.msg284739#msg284739) 41" 768p Pixel Plus 2 แสนรัก อายุ 5 ปี 9 เดือน เริ่มมีอาการเสีย เครื่องดับ ไฟ ambient light กระพริบเอง กดรีโมทไม่ตอบสนอง ส่งไปซ่อมเสียไป 3,850 บาท ค่า processor board (2,500 บาท) กลับมาอาการยังมี เลยไปถอยทีวีใหม่มาซะเบย แอบดูกระทู้ groupbuy 64F8500 อยู่เหมือนกัน 0)] สถานที่จำกัดเกิน 55" ลงไม่ได้ แวะไปเซ็นทรับบางนาบังเอิญ Samsung ลดให้พิเศษ 2 วัน เอาไปเลย 5,000 เงินสดๆ :secret เลยตัดสินใจด๋อยมา LEDTV UA50F64000 50" (May 2013) FullHD SmartTV 1ms ราคาจาก 43,500 เหลือ 38,500 ได้ลดอีก FirstChoice 8% (ผ่อน 0% 10 เดือน) + 4% งวดสุดท้าย เหลือสุทธิ 35,2xx O0
เอามาดู TrueVision HD คมบาดตาเลือดกระเด็น :cold แต่โทนสีเป็น studio ไปทุกเรื่อง ชัดเกิน คนที่บ้านชอบมาก
(http://image.free.in.th/v/2013/il/130814110932.jpg)
ที่สำคัญ ซับไทยตัวใหญ่ขึ้นเป็นกอง K) แต่ลำโพงห่วยได้โล่ห์ เสียงกระป๋องมวากๆ (( แพ้ 42PF9541 ราคา 66K กระจุย
เลยไปเอาลำโพงคอม Creative T10 มือสอง 800 บาทมาต่อเป็น external กลายเป็นเสียงดีไปเบยตอนนี้ O0
แต่เปลี่ยน adapter เป็นหม้อแปลง 12v ไม่ใช้ switching ที่แถมมา เสียง dynamic range ดีกว่ามาก
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/130814111017.jpg)
แต่ภาพที่ render ออกมา จะแยกส่วนจุดโฟกัสกับที่เบลอๆให้เห็นได้อย่างมากเหลือเกิน ชัดกะมัว ราวฟ้ากะดิน :cold
ตัวอย่าง ป้ายจราจรในซีนข้างล่าง มัวซะ เป็นทุกซีนที่มีชัดตื้นและชัดลึก แต่เริ่มชินแระ render ผิวคนได้รายละเอียดดี หน้าไม่มันเลี่ยนแบบ series 61000
(http://image.free.in.th/v/2013/io/130814111227.jpg)
เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ :yahoo