HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: EaGLEViEW ที่ 20 ตุลาคม, 2009, 02:42:37 pm
-
ผมสงสัยในการคำนวณความถี่ต่ำ คัทออฟ ของวงจรที่เกินจาก C คับปลิ้ง ครับ จากที่ได้อ่านดูในหลายๆหัวข้อ จะใช้สูตร
F = 1/[2 x (pi) x R x C]
F คือความถี่ต่ำสุด ที่สามารถผ่านไปได้
Pi = 22/7
R = R grid ขอภาคต่อไป
C = ค่าของ C coupling.
ข้อสงสัยของผมคือ
R ที่เราใช้ในการคำนวณ เป็นเพียงแค่ R grid ของภาคต่อไปตัวเดียวหรอครับ ไม่รวม R ที่ต่อ ลง GND และ R ที่อยู่ที่ Output ของภาคก่อนหน้าเลยหรอครับ
เพราะผมเองก็ไม่เคยเรียน Frequency Response ของพวกหลอดสุญญากาศครับ เคยแต่เรียนของพวก Transistor ซึ่งการคิด Low Cut Response มันจะวุ่นวายกว่านี่มากครับ<ไม่รู้จะนำมาใช้ด้วยกันได้หรือเปล่า>
โดยก่อนที่เราจะใช้สูตรในเบื้องต้นจากตามด้านบนได้จะต้อง
เขียนวงจร AC Equivalent Circuit ก่อนครับ <โดยพิจารณาให้ขาที่ป้อนไฟ DC จับลงGND หมดเลย > แล้วพิจารณา C ทีละตัวไป ขณะที่ C ที่ส่งผลให้เกิด Lowcut ตัวอื่นๆ ในวงจรที่ยังไม่ได้พิจารณาให้จับ Short ทิ้ง จากนั้น จึงคำนวณ หาR ที่ตกคร่อม ตัว C ที่พิจารณาอยู๋ทั้งหมดครับว่ามีค่าเป็นเท่าไร <ซึ่งการพิจรณานี้ต้อง Transfer ค่า Impedance จากขาอื่นๆมาด้วยนะครับ โดยคิดอัตราขยายกระแสด้วย(ค่า เบต้า ในทรานซิสเตอร์) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นวงจร common อะไรอีก > จากนั้นเราจึงไปพิจารณาแบบเดียวกันนี้กับ C คับปลิ้งตัวอื่นๆในวงจรอีก และสุดท้าย เราจะนำ ความถี่ที่คำนวณได้จากตัว C ในวงจร แต่ละตัวที่พิจารณามาบวกรวมกัน ถึงจะเป็น Low Cut ของวงจรนั้นๆครับ
ผมอาจจะใช้ภาษา งงๆนะครับ ไม่ทราบว่าท่านที่แวะเข้ามาอ่านจะงงไปด้วยหรือเปล่า ต้องขอโทษด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
-
C กับ R Grid ต่อรวมกันเป็น High Pass Filter (-3dB) ค่าที่ได้บอกว่าตั้งแต่ความถี่เท่าไร ที่ขนาดความสูงครึ่งหนึ่งสามารถ ผ่านได้ และ สูงกว่า ความถี่นี้ ผ่านได้ตลอด (ความถี่เสียง )
-
C กับ R Grid ต่อรวมกันเป็น High Pass Filter (-3dB) ค่าที่ได้บอกว่าตั้งแต่ความถี่เท่าไร ที่ขนาดความสูงครึ่งหนึ่งสามารถ ผ่านได้ และ สูงกว่า ความถี่นี้ ผ่านได้ตลอด (ความถี่เสียง )
ขอบคุณครับ แต่ที่ผมสงสัยคือที่ผมเรียนมาในวิชานี้ การคำนวณ Frequency Response <Cut Low> ของ Transistor การหาค่า R จะไม่เพียงคืดแค่ R grid<R ที่ขา Base> เพียงตัวเดียวครับ แต่ค้องยุบ R จากจุดอื่นๆที่มองเขามาหา C ตัวที่พิจารณาด้วยนะครับ
ผมเลยไม่รู้ว่าจะยังวิธีเดียวกันได้ไหมกับหลอดสุญญากาศครับ
ขอบคุณครับ
-
จริงๆก็คือคิด impedance รวมหลัง c coupling ครับ แต่ grid to ground resistance ของภาคต่อไปมันน่าจะสูงเป็นระดับหลาย MOhm เมื่อเอาไปขนานกับ Rgrid ค่าเลยไม่ลดลงเยอะครับ สุดท้ายเลยใช้ Rgrid คำนวนแทนไปเลย ยิ่งใช้ Rgrid น้อย c coupling ก็ต้องยิ่งใหญ่ และแพง ก็เลือกเอาครับ
ที่เคยถามว่า c ค่าเยอะกว่ามีผลเสียอะไรมั้ย ตอบว่าใน c เองย่อมมีความเหนี่ยวนำในตัวครับ จะยิ่งมากขึ้นถ้าค่าเพิ่มขึ้น ;)
-
ขอบคุณครับ แต่ผมเคยเห็นบางวงจรก็ไม่ได้ใส่ R grid ไว้ มีเพียง C อย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างนี้จะคำนวณอย่างไรหรอครับ
[ขอบคุณครับ
-
ก็เปิด tube datasheet หาค่า maximum grid resistance + Rcathode เป็นค่า R ก็ได้ครับ แล้วถ้าจะใส่ Rgrid ก็ไม่ควรเกินค่า max grid resistance ครับ
หรืออีกวิธีนึงชัวร์ๆก็คำนวนว่าไฟตกคร่อมหลอด+Rcathode เท่าไหร่ตอนสัญญาณสวิงขึ้นสูงสุด ก็คำนวนเป็นความต้านทานออกมาได้ครับ Y]
พอคำนวนไปมาจะเห็นว่าใช้ค่า c เล็กมากกว่าค่าปกติที่เราๆใช้กัน แสดงว่าถ้าใช้ค่าใหญ่กว่านี้ก็ไม่ต้องกังวลมากครับ ;)
-
คิดเหมือน transistor ครับเพียงแต่ว่า พวก impedance เหล่านั้นมักมีค่าน้อย จนเราสามารถละได้ครับ
วงจรไม่มี R grid มีแต่ C อย่างเดียวนี่ ขอดูหน่อยครับ
-
ขอบคุณครับ แต่ผมเคยเห็นบางวงจรก็ไม่ได้ใส่ R grid ไว้ มีเพียง C อย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างนี้จะคำนวณอย่างไรหรอครับ
[ขอบคุณครับ
ผมเข้าใจผิดเองครับ ที่ผมหมายถึงไม่ใช้ R Grid ครับ แต่เป็น R grid stopper ครับซึ่งบางวงจรไม่มีครับ