HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: นายป้อ ที่ 21 ตุลาคม, 2009, 04:29:55 pm
-
ถ้าเราต้องการทราบกระแสของหม้อแปลงที่เราไม่รู้แหล่งที่มา จะมีวิธีวัดกระแสสูงสุดของแต่ละขดได้ยังไงครับ :D
-
:secret :secret
ขอ ลอก คำตอบ ด้วย :headphone :headphone
-
:cold นี่ไง
-
ถ้าเราต้องการทราบกระแสของหม้อแปลงที่เราไม่รู้แหล่งที่มา จะมีวิธีวัดกระแสสูงสุดของแต่ละขดได้ยังไงครับ :D
ก่อนอื่นต้องอิงอยู่บนพื้นฐานว่าหม้อแปลงถูกออกแบบมาถูกต้องแล้ว
จากนั้นต้องดูว่าหม้อแปลงลูกนั้นใช้แกนขนาดใดแล้วหาว่าพื้นที่หน้าตัดของแกนที่ใช้ทั้งหมดเป็นเท่าไรเพื่อที่จะนำไปคำนวณหาค่า VA ของหม้อแปลงลูกนี้ จาก A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
ถ้ามีหลายขดต้องดูว่าแต่ละขดใช้ลวดขนาดเบอร์อะไรเพื่อที่จะดูว่ากระแสที่จ่ายได้จะสักเท่าไรและต้องดูว่าพันแบบมี Center tap หรือเปล่าถ้ามีกระแสที่จ่ายได้จะเป็น 2 เท่าของลวดที่พันให้ชุดแรงดันนั้น แต่ถ้าพันแบบไม่มี Center tap กระแสที่จ่ายได้ก็จะเท่ากับที่ลวดทนได้
นี่เป็นการประเมินจากที่เห็นนะครับ ถ้าจะทดลองจริงคงต้องหาโหลดมาต่อแล้วดูกระแสที่จ่ายได้สูงสุดที่แรงดันตกอยู่ในค่าที่ไม่มากจนเกินไปจากแรงดันขณะที่ไม่มีโหลด
-
ถ้าเราต้องการทราบกระแสของหม้อแปลงที่เราไม่รู้แหล่งที่มา จะมีวิธีวัดกระแสสูงสุดของแต่ละขดได้ยังไงครับ :D
หาโหลดมาใส่ให้แรงดันตกลงมาเอาสัก 5% อ่านกระแสดูน่าจะพอใช้ได้ครับ
-
เยี่ยม เลยพี่ ผมก็ลืมหมด แล้วว่าคิดอย่าง ไร :clap
-
ถ้าเราต้องการทราบกระแสของหม้อแปลงที่เราไม่รู้แหล่งที่มา จะมีวิธีวัดกระแสสูงสุดของแต่ละขดได้ยังไงครับ :D
หาโหลดมาใส่ให้แรงดันตกลงมาเอาสัก 5% อ่านกระแสดูน่าจะพอใช้ได้ครับ
ตามหลักพี่เค้าเลยครับ เพราะหม้อแปลงที่เราสั่งมา Amp ที่ระบุไว้ก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายได้ถึงจริงๆหรือเปล่านะครับ อาจาร์ยเคยบอกว่า ถ้าเราใช้ Amp เต็มพิกัดทำให้หม้อแปลงกลับบ้านเก่าเร็วครับ <เหมือนชั้นวางของที่ระบุไว้ว่ารับน้ำหนักได้ 10kg ก็คงไม่มีใครกล้าเอาของหนัก 10 kg ไปวางหรอกครับ>
แถมกระแสยัง Drop ไปที่กับอุปกรณ์ในภาคเรียงจัดเรียงกระแสอีกครับ ปกติเราจึงต้องเพื่อค่า Safety Factor เอาไว้ครับ ประมาณ 1.5 เท่ากำลังสวยครับ
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ผมคิดว่าต้องลองหา Load มาดึงกระแสดูครับ ว่า V Dropไปมากเท่าไร ยิ่งใช้ R ค่าน้อยๆ ยิ่งดึงกระแสได้มากครับ
จากสูตร V=IR
โดยกำหนดค่ากระแสะที่จะลองดึงดูครับ ส่วน V มาจากตัวหม้อแปลงอยู๋แล้ว เราก็จะหาค่า R ที่เหมาะสมได้ครับ
***ข้อควรระวังคือ*** R ควรใช้พวกกระเบื้องนะครับที่ทนวัตต์ได้สูงๆนะครับไม่งั้นละลายแน่นอนครับ :blowup <มือพองอีกด้วย>
ถ้าจะให้ดีอาจจะคำนวณวัตต์ของ R ที่จะนำมาใช้ดึงกระแสก่อนครับ เพื่อความปลอดภัย โดยใช้สูตร
P=IV
P=กำลังงาน<วัตต์> ของตัว R ที่ต้องทนได้ครับ
I คือค่ากระแสที่จะลองดึงครับ
Vมาจากหม้อแปลงอยู่แล้ว
โดยปกติถ้าดรอป 5% ถึง 10 % ถือว่ารับได้ครับ <จริงๆมากกว่านี้ก็อาจจะใช้งานได้นะครับ>เพราะเวลาเรานำไปเข้าภาค Rectifier มันจะมี L มี C ช่วยลดการกระเพื่อมอีกครับ
ถ้าจะให้ชัว O0 จริงๆต้องลองต่อเข้ากับวงจรที่จะใช้งานดูครับ แล้วนำ Scope จับวัดแรงดันในขณะทำงานดูว่ามีการกระเพื่อม<Ripple>ของไฟหรือเปล่าครับถ้าไม่มีเลยแสดงว่าจ่ายไฟได้เรียบนิ่งครับ :headphone :headphone :headphone
-
ถ้าเราต้องการทราบกระแสของหม้อแปลงที่เราไม่รู้แหล่งที่มา จะมีวิธีวัดกระแสสูงสุดของแต่ละขดได้ยังไงครับ :D
ก่อนอื่นต้องอิงอยู่บนพื้นฐานว่าหม้อแปลงถูกออกแบบมาถูกต้องแล้ว
จากนั้นต้องดูว่าหม้อแปลงลูกนั้นใช้แกนขนาดใดแล้วหาว่าพื้นที่หน้าตัดของแกนที่ใช้ทั้งหมดเป็นเท่าไรเพื่อที่จะนำไปคำนวณหาค่า VA ของหม้อแปลงลูกนี้ จาก A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
ถ้ามีหลายขดต้องดูว่าแต่ละขดใช้ลวดขนาดเบอร์อะไรเพื่อที่จะดูว่ากระแสที่จ่ายได้จะสักเท่าไรและต้องดูว่าพันแบบมี Center tap หรือเปล่าถ้ามีกระแสที่จ่ายได้จะเป็น 2 เท่าของลวดที่พันให้ชุดแรงดันนั้น แต่ถ้าพันแบบไม่มี Center tap กระแสที่จ่ายได้ก็จะเท่ากับที่ลวดทนได้
นี่เป็นการประเมินจากที่เห็นนะครับ ถ้าจะทดลองจริงคงต้องหาโหลดมาต่อแล้วดูกระแสที่จ่ายได้สูงสุดที่แรงดันตกอยู่ในค่าที่ไม่มากจนเกินไปจากแรงดันขณะที่ไม่มีโหลด
A = พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กใช่ไหมครับ ???
แล้ว VA ของหม้อแปลงมันเท่ากับกระแสกี่แอมป์อ่ะครับ เช่นหม้อแปลง 500VA มันจ่ายกระแสได้กี่แอมป์ หรือว่าต้องเอา VOLT ที่ output มาคำนวนตามกฎของโอหม์ครับ
-
A = พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กใช่ไหมครับ ???
ใช่ครับ
VA ของหม้อแปลงมันเท่ากับกระแสกี่แอมป์อ่ะครับ เช่นหม้อแปลง 500VA มันจ่ายกระแสได้กี่แอมป์ หรือว่าต้องเอา VOLT ที่ output มาคำนวนตามกฎของโอหม์ครับ
VA ก็คือ ค่าโวลต์คูณกับแอมป์ครับ เช่น ถ้ามีขด 220V จ่ายกระแสไฟได้ 2 A. ก็จะมีค่า VA = 220 x 2 = 440VA ครับ
หม้อแปลงที่มีไฟออกหลายขดค่า VA รวมของหม้อแปลงก็ได้มาจากการนำ VA ด้านไฟฟออกของแต่ละขดมารวมกันครับ
วิธีการที่ผมดูจากขนาดแกนของหม้อแปลงและขนาดของลวดที่ใช้พันเป็นวิธีการคร่าวๆ ที่พอจะประเมินขีดความสามารถของหม้อแปลงได้โดยที่ไม่ต้องทดสอบครับ :)
ถ้าหม้อแปลงแม้จะใช้แกนขนาดใหญ่แต่ถ้าใช้ลวดเบอร์เบอร์เล็กเกินไปไม่สมกับขนาดแกน ขีดความสามารรถในการจ่ายกระแสก็จะขึ้นจำกัดแค่ขนาดกระแสตามลวดที่ใช้ครับ ถ้าขืนใช้มากกว่านี้โดยยึดตามขนาดของแกนผลที่เกิดคือความร้อนที่มากอาจเป็นอันตรายต่อลวดและยังส่งผลต่อแรงดันตก (voltage drop) ด้วยครับ
ความร้อนเป็นศัตรูที่ร้ายการต่ออายุการใช้งานของฉนวนไฟฟ้าครับ อุปกรณ์ไฟฟ้าถ้าฉนวนไม่ดีมันก็จะใช้การไม่ได้แล้วครับ :)
-
d_d d_d
-
ขอบคุณคุณ prasan คุณ EaGLEViEW คุณ X dekdek ครับ c) c) c)
-
c) c)
ตอบกัน ยืด ยาว เลย เด็ก ประวัติเสีย การตลาด มึน ตึ้บ :black_eye :black_eye
ไว้จะ อ่านทวน อีก ขอบคุณ มากครับ :drive1
-
O0 O0 O0:clap :clap :clapเค้าตอบกันไปหมดแล้วครับ เล่นมุขนี้ละกันเหมือนข้างบนครับ 2f 2f 2f 2f 2f
-
ได้เสริมความรู้อีกแยอะ :drunk :drunk
-
ถามคุณ PRASANต่อนิดหนึ่ง ในกรณีหม้อแปลงลูกเดียวกัน ถ้าความถี่ของไฟเอซีเป็น60ไซเคิลแทนที่จะเป็น50ไซเคิล กระและแรงดันจะมีการเปลื่ยนแปลงไหมครับ :)
-
ในกรณีหม้อแปลงลูกเดียวกัน ถ้าความถี่ของไฟเอซีเป็น60ไซเคิลแทนที่จะเป็น50ไซเคิล กระและแรงดันจะมีการเปลื่ยนแปลงไหมครับ :)
ความถี่กับแรงดันมีผลต่อหม้อแปลงครับ ถ้าหม้อแปลงออกแบบมาที่แรงดัน สมมติว่าเป็นระบบไฟ 220V ที่ความถี่ 50Hz สามารถใช้กับไฟ 220V 60Hz ได้แต่ถ้าเดิมออกแบบมากับระบบไฟ 220V ที่ความถี่ 60Hz ถ้านำมาใช้กับไฟ 220v 50Hz จะทำให้ค่าความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นมีค่าสูงอาจจะถึงกับอิ่มตัวหรือไม่อื่มตัวขึ้นอยู่กับว่าออกแบบไว้ตอนแรกกำหนดค่าเส้นแรงแมเหล็กไว้สูงแค่ไหน และผลอีกอย่างคือทำให้เกิดการสูญเสียในแกนเหล็ก (core loss) มีค่ามากขึ้นครับ
การใช้งานในกรณีหลังก็ใช้งานได้ที่แรงดันและกระแสเท่าเดิมแต่จะมีปัญหาก็เรื่องความร้อนที่เพิ่มขึ้นมาครับ
-
ขอบคุณครับ พี่ประสาน กำลังคิดคำนวณพัน หม้อแปลงไฟ ขนาดแกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
วันก่อนได้โทรสอบถามอาจารย์เอกบ้างแล้ว ได้คำแนะนำมาเยอะพอสมควรมีปัญหาอะไร รบกวนพี่ช่วยแนะนำด้วย d_d
-
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับว่า พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลงนี่ เขาวัดกันอย่างไรครับ มีรูปประกอบคำอธิบายด้วยก็จะดีครับ :help ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ;)
-
กำลังคิดคำนวณพัน หม้อแปลงไฟ ขนาดแกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
รบกวนพี่ช่วยแนะนำด้วย d_d
ต้องการทราบอะไรครับ :)
-
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับว่า พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลงนี่ เขาวัดกันอย่างไรครับ มีรูปประกอบคำอธิบายด้วยก็จะดีครับ :help ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ;)
พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลง บางที่เห็นในเว็ปหรือในตำราเค้าเขียนว่า CSA (cross sectional area) ดูจากภาพข้างล่างครับ ค่า CSA = 1.5" x 2" x SF , SF = Stacking factor
สาเหตุที่มีค่า SF เข้ามาคูณด้วยเนื่องจากแกนเหล็กที่เราเอามาทำหม้อแปลงเป็นเหล็กแผ่นเคลือบด้วยฉนวน (laminated silicon steel sheet) ซึ่งฉนวนพวกนี้ไม่ใช่พื้นที่ที่จะให้ประโยชน์ในการเป็นทางเดินของเส้นแรงแม่เหล็กแต่มีประโยชน์ในการลดค่าการสูญเสียในแกนเหล็กครับ
ตัวเลข SF ที่เคยเห็นก็มีตั้งแต่ 0.9-0.98
-
ถามคุณ prasan ต่อหน่อยครับ
A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
สูตรนี้ ใช้กับแกน EI ทุกเกรดหรือเปล่าครับ ไม่ว่าจะเป็น เหล็ก M, RG, S, หรือ H ต่าง ๆ ครับ
-
กำ ลังคิดคำ นวณพัน หม้อ แปลง ไฟ ขนาด แกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
รบกวนพี่ช่วย แนะ นำ ด้วย d_d
ต้องการทราบอะ ไรครับ :)
จากพท แกน เหล็ก ผมคำ นวณ VA ได้ 304.66 ผม ใช้ แค่ 250VA พอ ได้มั้ยครับ
-
A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
สูตรนี้ ใช้กับแกน EI ทุกเกรดหรือเปล่าครับ ไม่ว่าจะเป็น เหล็ก M, RG, S, หรือ H ต่าง ๆ ครับ
ผมไปดูใน RDH4th ตรงที่กล่าวถึงการใช้สูตรนี้และกล่าวเกี่ยวกับแกนที่ใช้ทำหม้อแปลงโดยทั่วไปซึ่งมีสเป็กน่าจะใกล้เคียงกับ S14 ซึ่งถ้าจะนำสูตรนี้ไปใช้กับเหล็กที่ดีกว่า ดีกว่าในแง่ที่มีค่าความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กที่สูงกว่าก็จะใช้สูตรนี้ได้ด้วย
ท่านใดเจอที่มาของสูตรนี้ผมรบกวนขอข้อมูลด้วยนะครับ ผมเจอที่คล้ายกันในเน็ตแต่ก็อยากได้รายละเอียดครับ
กำ ลังคิดคำ นวณพัน หม้อ แปลง ไฟ ขนาด แกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
รบกวนพี่ช่วย แนะ นำ ด้วย d_d
ต้องการทราบอะ ไรครับ :)
จากพท แกน เหล็ก ผมคำ นวณ VA ได้ 304.66 ผม ใช้ แค่ 250VA พอ ได้มั้ยครับ
ได้ครับ :) แต่อย่าลืมลองคำนวณความหนาลวดและกระดาษให้ดีนะครับอย่าให้ล้นแกน
-
A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
สูตรนี้ ใช้กับ แกน EI ทุก เกรดหรือ เปล่าครับ ไม่ว่าจะ เป็น เหล็ก M, RG, S, หรือ H ต่าง ๆ ครับ
ผม ไปดู ใน RDH4th ตรงที่กล่าวถึงการ ใช้สูตรนี้ และ กล่าว เกี่ยวกับ แกนที่ ใช้ทำ หม้อ แปลง โดยทั่ว ไปซึ่งมีส เป็กน่าจะ ใกล้ เคียงกับ S14 ซึ่งถ้าจะ นำ สูตรนี้ ไป ใช้กับ เหล็กที่ดีกว่า ดีกว่า ใน แง่ที่มีค่าความหนา แน่นของ เส้น แรง แม่ เหล็กที่สูงกว่าก็จะ ใช้สูตรนี้ ได้ด้วย
ท่าน ใด เจอที่มาของสูตรนี้ผมรบกวนขอข้อมูลด้วยนะ ครับ ผม เจอที่คล้ายกัน ใน เน็ต แต่ก็อยาก ได้รายละ เอียดครับ
กำ ลังคิดคำ นวณพัน หม้อ แปลง ไฟ ขนาด แกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
รบกวนพี่ช่วย แนะ นำ ด้วย d_d
ต้องการทราบอะ ไรครับ :)
จากพทแกนเหล็ก ผมคำนวณ VA ได้ 304.66 ผมใช้แค่ 250VA พอ ได้มั้ยครับ
ได้ครับ :) แต่อย่าลืมลองคำ นวณความหนาลวด และ กระ ดาษ ให้ดีนะ ครับอย่า ให้ล้น แกน
ผมลองคำ นวณหาขนาดลวด ด้าน ไพรมารี่ ลวด #22 ดูมัน ใหญ่ กับแกน 32*60 ส่วนกระแสด้านไพรมารี่ = 1.09A ผมเอาค่าที่ได้ไปเปิดตารางลวดได้เบอร์ 22 ตามที่บอกมาข้างต้น ผมใช้วิธีนี้ถูกต้องมั้ยครับ
-
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับว่า พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลงนี่ เขาวัดกันอย่างไรครับ มีรูปประกอบคำอธิบายด้วยก็จะดีครับ :help ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ;)
พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลง บางที่เห็นในเว็ปหรือในตำราเค้าเขียนว่า CSA (cross sectional area) ดูจากภาพข้างล่างครับ ค่า CSA = 1.5" x 2" x SF , SF = Stacking factor
สาเหตุที่มีค่า SF เข้ามาคูณด้วยเนื่องจากแกนเหล็กที่เราเอามาทำหม้อแปลงเป็นเหล็กแผ่นเคลือบด้วยฉนวน (laminated silicon steel sheet) ซึ่งฉนวนพวกนี้ไม่ใช่พื้นที่ที่จะให้ประโยชน์ในการเป็นทางเดินของเส้นแรงแม่เหล็กแต่มีประโยชน์ในการลดค่าการสูญเสียในแกนเหล็กครับ
ตัวเลข SF ที่เคยเห็นก็มีตั้งแต่ 0.9-0.98
เห็นภาพได้อย่างชัดเจนเลยครับ O0 ขอบคุณมากครับ ;)
-
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับว่า พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลงนี่ เขาวัดกันอย่างไรครับ มีรูปประกอบคำอธิบายด้วยก็จะดีครับ :help ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ;)
พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลง บางที่เห็นในเว็ปหรือในตำราเค้าเขียนว่า CSA (cross sectional area) ดูจากภาพข้างล่างครับ ค่า CSA = 1.5" x 2" x SF , SF = Stacking factor
สาเหตุที่มีค่า SF เข้ามาคูณด้วยเนื่องจากแกนเหล็กที่เราเอามาทำหม้อแปลงเป็นเหล็กแผ่นเคลือบด้วยฉนวน (laminated silicon steel sheet) ซึ่งฉนวนพวกนี้ไม่ใช่พื้นที่ที่จะให้ประโยชน์ในการเป็นทางเดินของเส้นแรงแม่เหล็กแต่มีประโยชน์ในการลดค่าการสูญเสียในแกนเหล็กครับ
ตัวเลข SF ที่เคยเห็นก็มีตั้งแต่ 0.9-0.98
สงสัยมานาน แต่ไม่เคยถามใคร ไอ้เรื่อง stacking factor ผมยังไปนึกเอาว่า เค้าคงเผื่อที่เราเรียงเหล็ก E กับ I ไม่แนบสนิบชิดกันซะอีก :black_eye
ขอบคุณพี่ Prasan มากครับ ส่วนค่านี้ส่วนตัวผมใส่ 0.9 ครับ
-
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับว่า พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลงนี่ เขาวัดกันอย่างไรครับ มีรูปประกอบคำอธิบายด้วยก็จะดีครับ :help ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ;)
พื้นที่หน้าตัดของแกนเหล็กหม้อแปลง บางที่เห็นในเว็ปหรือในตำราเค้าเขียนว่า CSA (cross sectional area) ดูจากภาพข้างล่างครับ ค่า CSA = 1.5" x 2" x SF , SF = Stacking factor
สาเหตุที่มีค่า SF เข้ามาคูณด้วยเนื่องจากแกนเหล็กที่เราเอามาทำหม้อแปลงเป็นเหล็กแผ่นเคลือบด้วยฉนวน (laminated silicon steel sheet) ซึ่งฉนวนพวกนี้ไม่ใช่พื้นที่ที่จะให้ประโยชน์ในการเป็นทางเดินของเส้นแรงแม่เหล็กแต่มีประโยชน์ในการลดค่าการสูญเสียในแกนเหล็กครับ
ตัวเลข SF ที่เคยเห็นก็มีตั้งแต่ 0.9-0.98
สงสัยมานาน แต่ไม่เคยถามใคร ไอ้เรื่อง stacking factor ผมยังไปนึกเอาว่า เค้าคงเผื่อที่เราเรียงเหล็ก E กับ I ไม่แนบสนิบชิดกันซะอีก :black_eye
ขอบคุณพี่ Prasan มากครับ ส่วนค่านี้ส่วนตัวผมใส่ 0.9 ครับ
จริงๆ แล้วมันก้รวมทั้งหมดแหละครับทั้งช่องว่างระหว่างแผ่นอาจเกิดจากการคดงอของแผ่นก็ได้ ความหนาของฉนวนที่เคลือบแผ่น สรุปง่ายๆ คือหักส่วนหนึ่งออกไปเนื่องจากมันไม่ใช่แกนเหล็กจากพื้นที่แกนทั้งหมดครับ :)
-
A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
สูตรนี้ ใช้กับ แกน EI ทุก เกรดหรือ เปล่าครับ ไม่ว่าจะ เป็น เหล็ก M, RG, S, หรือ H ต่าง ๆ ครับ
ผม ไปดู ใน RDH4th ตรงที่กล่าวถึงการ ใช้สูตรนี้ และ กล่าว เกี่ยวกับ แกนที่ ใช้ทำ หม้อ แปลง โดยทั่ว ไปซึ่งมีส เป็กน่าจะ ใกล้ เคียงกับ S14 ซึ่งถ้าจะ นำ สูตรนี้ ไป ใช้กับ เหล็กที่ดีกว่า ดีกว่า ใน แง่ที่มีค่าความหนา แน่นของ เส้น แรง แม่ เหล็กที่สูงกว่าก็จะ ใช้สูตรนี้ ได้ด้วย
ท่าน ใด เจอที่มาของสูตรนี้ผมรบกวนขอข้อมูลด้วยนะ ครับ ผม เจอที่คล้ายกัน ใน เน็ต แต่ก็อยาก ได้รายละ เอียดครับ
กำ ลังคิดคำ นวณพัน หม้อ แปลง ไฟ ขนาด แกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
รบกวนพี่ช่วย แนะ นำ ด้วย d_d
ต้องการทราบอะ ไรครับ :)
จากพทแกนเหล็ก ผมคำนวณ VA ได้ 304.66 ผมใช้แค่ 250VA พอ ได้มั้ยครับ
ได้ครับ :) แต่อย่าลืมลองคำ นวณความหนาลวด และ กระ ดาษ ให้ดีนะ ครับอย่า ให้ล้น แกน
ผมลองคำ นวณหาขนาดลวด ด้าน ไพรมารี่ ลวด #22 ดูมัน ใหญ่ กับแกน 32*60 ส่วนกระแสด้านไพรมารี่ = 1.09A ผมเอาค่าที่ได้ไปเปิดตารางลวดได้เบอร์ 22 ตามที่บอกมาข้างต้น ผมใช้วิธีนี้ถูกต้องมั้ยครับ
ผมลองคำนวณดูได้ประมาณนี้ครับ 3.2x6x0.9=17.28 ตร.ซม.
หา VA = (A/1.1)^2 = (17.28/1.1)^2 = 246.776 W
Ipri = VA/Epri = 246.776/220 =1.122 A------->ลวดเบอร์ 22
-
:giveup ต้องศึกษากันยกใหญ่เลยครับพี่น้อง
-
A = sqrt(VA) / 5.58 , A: ตร.นิ้ว
สูตรนี้ ใช้กับ แกน EI ทุก เกรดหรือ เปล่าครับ ไม่ว่าจะ เป็น เหล็ก M, RG, S, หรือ H ต่าง ๆ ครับ
ผม ไปดู ใน RDH4th ตรงที่กล่าวถึงการ ใช้สูตรนี้ และ กล่าว เกี่ยวกับ แกนที่ ใช้ทำ หม้อ แปลง โดยทั่ว ไปซึ่งมีส เป็กน่าจะ ใกล้ เคียงกับ S14 ซึ่งถ้าจะ นำ สูตรนี้ ไป ใช้กับ เหล็กที่ดีกว่า ดีกว่า ใน แง่ที่มีค่าความหนา แน่นของ เส้น แรง แม่ เหล็กที่สูงกว่าก็จะ ใช้สูตรนี้ ได้ด้วย
ท่าน ใด เจอที่มาของสูตรนี้ผมรบกวนขอข้อมูลด้วยนะ ครับ ผม เจอที่คล้ายกัน ใน เน็ต แต่ก็อยาก ได้รายละ เอียดครับ
กำลังคิดคำนวณพัน หม้อ แปลงไฟ ขนาดแกน 32*60 พท = 19.20 cm^2
รบกวนพี่ช่วยแนะนำด้วย d_d
ต้องการทราบอะ ไรครับ :)
จากพท แกน เหล็ก ผมคำ นวณ VA ได้ 304.66 ผม ใช้ แค่ 250VA พอ ได้มั้ยครับ
ได้ครับ :) แต่อย่าลืมลองคำ นวณความหนาลวด และ กระ ดาษ ให้ดีนะ ครับอย่า ให้ล้น แกน
ผมลองคำ นวณหาขนาดลวด ด้าน ไพรมารี่ ลวด #22 ดูมัน ใหญ่ กับ แกน 32*60 ส่วนกระ แสด้าน ไพรมารี่ = 1.09A ผม เอาค่าที่ ได้ ไป เปิดตารางลวด ได้ เบอร์ 22 ตามที่บอกมาข้างต้น ผม ใช้วิธีนี้ถูกต้องมั้ยครับ
ผมลองคำนวณดู ได้ประมาณนี้ครับ 3.2x6x0.9=17.28 ตร.ซม.
หา VA = (A/1.1)^2 = (17.28/1.1)^2 = 246.776 W
Ipri = VA/Epri = 246.776/220 =1.122 A------->ลวด เบอร์ 22
ผมลืมคำนวณอย่างที่อาจารย์บอก สรุปแล้ว ลวด #22 ตรงที่คิดไว้ :clap