HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: 6922 ที่ 24 พฤศจิกายน, 2009, 03:55:33 pm
-
:) ถ้าเราซื้อหลอด Used มาเราจะรู้ไหมครับว่าใช้ได้อีกกี่ชั่วโมงครับหรือมีเครื่องมืออื่นๆที่เอาทดสอบอะครับหรือว่าต้องต่อลองเสียงอย่างเดียวครับ N]
-
:secret คาดว่าไม่มีใครตอบได้ครับผม....บางหลอดเราคิดว่ามันจะอยู่ไม่นาน กลับไม่ไปซะที ฟังจนเบื่อเลย
-
มีเครื่องวัดครับ แต่ละหลอดก็จะมีค่า Min
-
:o มีเหรอครับ....แบบนี้ถ้าคนที่ขายหลอด used มีเครื่องนี้เวลาประกาศขายก็แจ้งอายุการใช้งานของหลอดแนบมาด้วยได้สิครับ แจ่มเลย O0
-
แม้ใช้เครื่องวัดก็ไม่สามารถ ชี้บ่งยืนยันได้ 100 % หรอกครับ บางครั้งหลอดที่รั่วน้อยๆ ไม่สามารถ ตรวจจับ gassy ได้ อย่างตอนผมวัด ณ. วันนี้ ได้ประมาณ 80% อาทิตย์ต่อมาเอามาเสียบเครื่อง ปรากฏ ว่า เพลทแดงแล้วก็เกิดแสงสีม่วง รั่วครับ เค้าจากเราไปเรียบร้อยแล้ว ดีที่สุดคือ ป้อนไฟเพลท และ จัด bias ตาม data sheet ก็จะสามารถรู้ได้คร่าวๆว่าสภาพหลอดเหลือ ประมาณ กี่ เปอร์เซนต์ ถ้า match ผมจะเลือกหลอด match กระแส มากกว่าผลวัดจากเครื่องครับ :)
-
:headphone ได้ความรู้อีกหน่อยนึง....ขอบคุณ คุณ Create ครับผม
-
แม้ใช้เครื่องวัดก็ไม่สามารถ ชี้บ่งยืนยันได้ 100 % หรอกครับ บางครั้งหลอดที่รั่วน้อยๆ ไม่สามารถ ตรวจจับ gassy ได้ อย่างตอนผมวัด ณ. วันนี้ ได้ประมาณ 80% อาทิตย์ต่อมาเอามาเสียบเครื่อง ปรากฏ ว่า เพลทแดงแล้วก็เกิดแสงสีม่วง รั่วครับ เค้าจากเราไปเรียบร้อยแล้ว ดีที่สุดคือ ป้อนไฟเพลท และ จัด bias ตาม data sheet ก็จะสามารถรู้ได้คร่าวๆว่าสภาพหลอดเหลือ ประมาณ กี่ เปอร์เซนต์ ถ้า match ผมจะเลือกหลอด match กระแส มากกว่าผลวัดจากเครื่องครับ :)
เพิ่งเคยได้ยินครับ ช่วยแชร์หน่อยสิครับว่าหลักการเป็นยังไง วัดแล้วต่างไปกี่% แล้วจะเหลืออายุอยู่กี่ชั่วโมง อย่างนี้หรือเปล่าครับ แล้วค่าการเทียบเป็นยังไง (เริ่มถามเยอะไปเรื่อยๆ)
-
ไม่ทราบได้ครับ อย่างที่ว่า บางหลอดเป็นคราบดำมาก แต่ยังใช้งานได้นาน บางหลอดดูใหม่ แต่ใช้ได้พักเดียว กลับบ้านเก่าซะแล้ว :P
-
:secret
ผม ก็ใช้วิธี เสียบไฟเข้าแล้ววัด ทั้ง เพลท และ คาโถด เลยครับ
โดยใช้ หลอด อีกหลอดมาเปรียบเทียบกัน :victory
ไม่มีเครื่องวัด กะเขาเหมือนกัน เคยแต่ได้ยิน เขาบอก มา อะครับว่า
เครื่องวัดได้แค่ ไส้หลอด มัน ดีหรือ ไม่ดีมากน้อยแค่ไหน บางทีวัดค่าปกติดี แต่เสียบ
แล้วไม่มีเสียงซะงั้น อะ :black_eye
-
แม้ใช้เครื่องวัดก็ไม่สามารถ ชี้บ่งยืนยันได้ 100 % หรอกครับ บางครั้งหลอดที่รั่วน้อยๆ ไม่สามารถ ตรวจจับ gassy ได้ อย่างตอนผมวัด ณ. วันนี้ ได้ประมาณ 80% อาทิตย์ต่อมาเอามาเสียบเครื่อง ปรากฏ ว่า เพลทแดงแล้วก็เกิดแสงสีม่วง รั่วครับ เค้าจากเราไปเรียบร้อยแล้ว ดีที่สุดคือ ป้อนไฟเพลท และ จัด bias ตาม data sheet ก็จะสามารถรู้ได้คร่าวๆว่าสภาพหลอดเหลือ ประมาณ กี่ เปอร์เซนต์ ถ้า match ผมจะเลือกหลอด match กระแส มากกว่าผลวัดจากเครื่องครับ :)
เพิ่งเคยได้ยินครับ ช่วยแชร์หน่อยสิครับว่าหลักการเป็นยังไง วัดแล้วต่างไปกี่% แล้วจะเหลืออายุอยู่กี่ชั่วโมง อย่างนี้หรือเปล่าครับ แล้วค่าการเทียบเป็นยังไง (เริ่มถามเยอะไปเรื่อยๆ)
ก็เหมือนกับการเอาหลอดนั่นมาใช้งานจริงนั่นแหละครับ ต่างกันกี่ % หรือ เหลืออายุกี่ชั่วโมง อันนี้ไม่ทราบ หากจะคิดเป็นเปอร์เซนต์ ผมขอยกตัวอย่างหลอด 2A3 ที่ทำอยู่ประจำนะครับ จาก Data sheet
Class Va Vg1 Ia Ra S Rk Zout Pout THD
A S/E 250 -45.0 60.0 800 5.2 750 2,500 3.5 5
ถ้าได้ตามนี้หรือใกล้เคียงอักษรสีแดง ผมถือว่า ใกล้เคียงหลอดใหม่ ที่ 100 % น้อยกว่าก็ คำนวณเทียบ เอา ครับ มีพี่ท่านนึงแนะนำมา ก็เลยใช้มาตลอด เพราะใช้เครื่องวัด บางครั้งก็ไม่สามารถตรวจเจอ แก๊สรั่วน้อยๆได้ จ่ายไฟตาม data ทิ้งไว้สัก 10 นาที ก็รู้ผลครับ ว่ารั่ว หรือ ไม่ :)
-
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านมากครับผมอยากซื้อหลอด Used ทีไรรู้สึกกล้าๆกลัวๆทุกที กลัวเจ่าหลอดที่รักจะจากไปเสียก่อนล่าสุดเมื่อวัน เสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมาลองต่อ se el34
เล่นได้ 5นาทีก้อพังไปดื้อๆ K] รู้สึกไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยครับ แต่ก้อยังหลงไหลเสียงของหลอดอยู่ดี ;D เลยอยากหาวิธีทดสอบหลอด Used ครับ
-
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านมากครับผมอยากซื้อหลอด Used ทีไรรู้สึกกล้าๆกลัวๆทุกที กลัวเจ่าหลอดที่รักจะจากไปเสียก่อนล่าสุดเมื่อวัน เสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมาลองต่อ se el34
เล่นได้ 5นาทีก้อพังไปดื้อๆ K] รู้สึกไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยครับ แต่ก้อยังหลงไหลเสียงของหลอดอยู่ดี ;D เลยอยากหาวิธีทดสอบหลอด Used ครับ
ผมเคยอ่านเจอว่าเขาห้ามถอดหลอดขณะที่มันยังไม่เย็นปกติออกจาก socket ด้วยครับ เพราะอาจจะทำให้หลอดรั่วน้อยๆและใช้ได้ไม่นานก็พังครับ
ผมว่าถ้าจะซื้อ used เอาแบบที่เขาทดลองใช้งานแล้วOk ดีกว่าครับ มิเช่นนั้นไม่คุ้มครับ เพราะถ้าเจอหลอดเสียเงินก็หายไปเลยล่ะครับ สุดท้ายแล้วเสียเงินเท่ากับซื้อหลอดใหม่เลยครับ
-
การซื้อหลอดใช้แล้วมาเราต้องยอมรับความจริงว่า ใช้แล้วอาจจะเป้น เช่น 90% 60% 30% 10% ก็แสดงว่า มันใช้แล้ว ในหลอดแพงๆบางเบอร์ ผู้ขายที่ดีจะให้ค่า M= Mu ค่ากำลังขยายของหลอดมาด้วยเทียบกับค่ามาตราฐานทำให้ เราสามารถประมาณอายุการใช้งานที่เหลืออยู่คร่าวๆได้ แต่ถ้าผู้ขายไม่ให้ค่า Mu มา แล้วหลอดราคาถูกๆ เตรียมตัวโยนหลอดทิ้งไว้เลย ถ้าถูกๆก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเอง ห้ามบ่น ไอ้ถูกมากๆดีมากๆ ผมว่าคำศัพท์นี้ได้ตายไปจากโลกมนุยษ์ยุคดิจิตัล แล้วครับ
แล้วอายุที่เหลือเช่น 40% ก็บอกไม่ได้ว่าใช้ได้นานเท่าไร เนื่องจากขึ้นกับการไบอัสของเรา คุณภาพในการผลิตของแต่ละโรงาน หรือวัสดุที่ใช้ในการผลิตหลอดปีนั้นๆโดยปกตินักเล่นมืออาชีพถ้าจำเป็นก็ซื้อค่ากำลังขยายทีไม่ตำกว่า 60% ตามมาตาฐานหลอดทั่วไป ถ้าเป็นหลอดราคาสูงผมไม่ซื้อที่ค่ากำลังขยายที่ตำกว่านี้ แต่อย่าตกใจ เมืองไทยเมืองศรีธนชัยเต็มเมืองผมไม่แปลกใจเลยที่นักเล่นหัวหมอบ้านเรามากมายจะระบายหลอดที่เกือบหมดอายุมาในราคา 50% ตลอดเวลา และก็จะมีคนไม่รู้จำนวนมากรีบแย่งกันซื้อไป แล้วตะโกนบอกพวกกันว่า ตูได้หลอดนั้นหลอดนี้มาราคาถูกแบบนี้
หลอดที่เมื่อใช้ไปนานเข้า กำลังขยายของทุกหลอดก็เริ่มลดลง ค่า Mu อ่านว่า Mew จะตำลงจนหมดอายุหลอดนั้นก็จะใช้ไม่ได้เมื่อใส่ในวงจรกระแสก็ไม่ไหล ค่าที่เราอ่านในเครืองวัดหลอดเป็นการวัดกระแสที่ตกคร่อมโหลดในเครื่องวัดหลอดเช่น TV-7 ทำให้ง่ายในการเปรียบเทียบแต่ละซึก หรือแต่ละหลอด ขอแก้ความเข้าใจผิดหน่อยว่า "เราจะรู้ว่าหลอดเสื่อมหรือไม่โดยวัดกำลังขยาย ไม่ใช่วัดกระแส " เพราะเมื่อกำลังขยายลดลง เสียงที่เราได้ยินก็ค่อยลงจนในที่สุดไม่มีเสียง
ถ้ารักจะเล่นกลัวเสียรู้ก็ซื้อหลอดใหม่เถิดครับ เล่น NOS ไม่ไหวก็เล่นหลอดจีน รัสเซีย ยุโรปตำวันออก ตามกำลังเงิน ถ้าทำถูกต้องตามหลักการมันก็ได้แค่นั้น โมไม่ออกหรอกครับ ยกเว้นอย่างเดียว
ไม่เคยได้ฟังของดีๆว่าเสียงเป็นอย่างไรก็เลยเหมาเองว่าที่ได้ยินปัจจุบันมันดีมาก การฝึกหูของเราในการฟังดนตรีหลายๆชนิด ในห้องหลายๆแบบจะช่วยในการพัฒนาทักษะในการฟังของนักเล่นแต่ละคนได้อันนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการเป็นนัก Diyaudio ที่ดียิ่งๆขึ้นไปในอนาคตได้ครับ นี้เป็นความเห็นสวนตัวเพราะสิบกว่าปีนี้ทำเครื่องเสียงยังไม่ถึงยี่สิบเครืองเลยอย่าได้ยึดถือมากนักครับ
-
พี่ TC อธิบายละเอียดเลย ขอบคุณครับ ที่ให้ความรู้ :)
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
-
ค่าที่เราอ่านในเครืองวัดหลอดเป็นการวัดกระแสที่ตกคร่อมโหลดในเครื่องวัดหลอดเช่น TV-7 ทำให้ง่ายในการเปรียบเทียบแต่ละซึก หรือแต่ละหลอด
ค่าที่วัดได้จาก TV-7 เป็นค่า Gm ของหลอดเป็น % เทียบกับสเปก ไม่ใช่หรือครับ
-
:) ถ้าเราซื้อหลอด Used มาเราจะรู้ไหมครับว่าใช้ได้อีกกี่ชั่วโมงครับหรือมีเครื่องมืออื่นๆที่เอาทดสอบอะครับหรือว่าต้องต่อลองเสียงอย่างเดียวครับ N]
กี่ชั่วโมงนี่บอกไม่ได้ครับ เพราะขึ้นกับว่าเราจะใช้งานมันหนักแค่ไหนครับ ลองเสียงดูก็บอกไม่ได้ครับ เพราะคุณน่าจะไม่ทราบว่าตอนมันใหม่ๆ เสียงมันเป็นยังไงครับ
โดยสากลที่ยอมรับกัน จะใช้เครื่องมือทดสอบหลอดหรือ Tube Tester ให้ทราบว่าหลอดมี Spec เทียบกับหลอดใหม่เป็นกี่ % ครับ เครื่อง Tube Tester ที่ใช้กันแพร่หลายในเมืองไทยน่าจะเป็น TV-7 (A-D/U) ของกองทัพสหรัฐอเมริกาครับ ซึ่งจะบอกค่าเป็นดรรชนี แล้วให้เอาตัวเลขไปเทียบกับค่าในตาราง ถ้าวัดได้ต่ำกว่าค่าในตารางถือว่าหลอดนั้นหมดสภาพใช้งานครับ ส่วน Tube Tester อีกประเภทหนึ่งเป็นเครื่องวัดค่า Transconductance (ความสามารถในการนำกระแส) ซึ่งจะแสดงค่าเป็น umho (micro-mho) แล้วค่อยเอาไปเทียบกับค่า Transconductance ของหลอดใหม่ ก็จะทราบว่าหลอดถูกใช้งานไปแล้วเท่าไหร่
เท่าที่ผมทราบมา ค่าในตารางของเครื่องวัดรุ่น TV-7 จะเทียบที่ 60% ของค่า Transconductance ของหลอดใหม่ครับ หมายความว่ากองทัพเค้าตั้งเงื่อนไขไว้ว่าถ้าหลอดมีค่านำกระแสต่ำกว่า 60% ของหลอดใหม่ ต้องเปลี่ยนหลอดครับ ผมไม่แน่ใจตัวเลข 60% นี้เท่าไหร่นักและยังไม่เคยลองคำนวณค่ามาเทียบดู ถ้ามีใครทราบค่าที่ถูกต้องก็ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ แต่คิดว่าคงไม่ผิดจากนี้ซักเท่าไหร่ครับ :)
ผมจำได้ว่า US Military Std มีเอกสารอยู่ชุดหนึ่งที่อธิบายวิธีการคำนวณอายุการใช้งานหลอดครับ ผมได้มาเป็น Hard หรือ Soft Copy ก็จำไม่ได้แล้ว ไว้ถ้าหาเจอจะเอามาให้ดูกันนะครับ
การซื้อหลอดใช้แล้ว หรือ Used Tube ทุกครั้ง หรือแม้แต่หลอดใหม่แกะกล่องก็ตาม ควรให้ความสนใจกับผล Test เป็นหลักก่อนเรื่องอื่นๆ ครับ เพราะนี่คือเนื้อจริงๆ ที่คุณจ่ายตังค์ไปครับ หลอดใหม่ที่คุณแกะกล่องเป็นคนแรกอาจจะเป็นหลอดเสียแล้วก็ได้ หลอดที่ใช้งานมานาน 20 ปีต่อเนื่องกัน อาจจะวัดค่าได้มากกว่า 90% ก็ได้ เครื่องวัดเท่านั้นที่บอกเราได้ครับ ;)
-
การซื้อหลอดใช้แล้วมาเราต้องยอมรับความจริงว่า ใช้แล้วอาจจะเป้น เช่น 90% 60% 30% 10% ก็แสดงว่า มันใช้แล้ว ในหลอดแพงๆบางเบอร์ ผู้ขายที่ดีจะให้ค่า M= Mu ค่ากำลังขยายของหลอดมาด้วยเทียบกับค่ามาตราฐานทำให้ เราสามารถประมาณอายุการใช้งานที่เหลืออยู่คร่าวๆได้ แต่ถ้าผู้ขายไม่ให้ค่า Mu มา แล้วหลอดราคาถูกๆ เตรียมตัวโยนหลอดทิ้งไว้เลย ถ้าถูกๆก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเอง ห้ามบ่น ไอ้ถูกมากๆดีมากๆ ผมว่าคำศัพท์นี้ได้ตายไปจากโลกมนุยษ์ยุคดิจิตัล แล้วครับ
แล้วอายุที่เหลือเช่น 40% ก็บอกไม่ได้ว่าใช้ได้นานเท่าไร เนื่องจากขึ้นกับการไบอัสของเรา คุณภาพในการผลิตของแต่ละโรงาน หรือวัสดุที่ใช้ในการผลิตหลอดปีนั้นๆโดยปกตินักเล่นมืออาชีพถ้าจำเป็นก็ซื้อค่ากำลังขยายทีไม่ตำกว่า 60% ตามมาตาฐานหลอดทั่วไป ถ้าเป็นหลอดราคาสูงผมไม่ซื้อที่ค่ากำลังขยายที่ตำกว่านี้ แต่อย่าตกใจ เมืองไทยเมืองศรีธนชัยเต็มเมืองผมไม่แปลกใจเลยที่นักเล่นหัวหมอบ้านเรามากมายจะระบายหลอดที่เกือบหมดอายุมาในราคา 50% ตลอดเวลา และก็จะมีคนไม่รู้จำนวนมากรีบแย่งกันซื้อไป แล้วตะโกนบอกพวกกันว่า ตูได้หลอดนั้นหลอดนี้มาราคาถูกแบบนี้
หลอดที่เมื่อใช้ไปนานเข้า กำลังขยายของทุกหลอดก็เริ่มลดลง ค่า Mu อ่านว่า Mew จะตำลงจนหมดอายุหลอดนั้นก็จะใช้ไม่ได้เมื่อใส่ในวงจรกระแสก็ไม่ไหล ค่าที่เราอ่านในเครืองวัดหลอดเป็นการวัดกระแสที่ตกคร่อมโหลดในเครื่องวัดหลอดเช่น TV-7 ทำให้ง่ายในการเปรียบเทียบแต่ละซึก หรือแต่ละหลอด ขอแก้ความเข้าใจผิดหน่อยว่า "เราจะรู้ว่าหลอดเสื่อมหรือไม่โดยวัดกำลังขยาย ไม่ใช่วัดกระแส " เพราะเมื่อกำลังขยายลดลง เสียงที่เราได้ยินก็ค่อยลงจนในที่สุดไม่มีเสียง
เครื่องไม่ได้วัดค่า mu (mew) ครับ แต่วัดค่า Transconductance (Gm) ครับ และค่า mu (amplification factor) เป็นค่าที่เกือบคงที่ตลอดอายุการใช้งานของหลอดครับ ไม่ได้ลดลงเมื่อใช้งานหลอดครับ การเสื่อมสภาพของหลอด แท้จริงแล้วเป็นการเสื่อมถอยของการปล่อย Electron ของ Cathode ครับ คือเมื่อ Cathode มีการปล่อย Electron ก็จะค่อยๆ สูญเสียสารเคลือบผิว Cathode ที่ช่วยในการปล่อย Electron ไปทีละน้อยครับ ทำให้ความสามารถในการปล่อย Electron ลดลงเรื่อยๆ ครับ เมื่อค่ากระแสเพลทลดลงเรื่อยๆ จุดทำงานก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย และสุดท้ายก็จะ Off จากที่ออกแบบไว้ ก็ต้องมีการเปลี่ยนหลอดใหม่ครับ :)
-
แม้ใช้เครื่องวัดก็ไม่สามารถ ชี้บ่งยืนยันได้ 100 % หรอกครับ บางครั้งหลอดที่รั่วน้อยๆ ไม่สามารถ ตรวจจับ gassy ได้ อย่างตอนผมวัด ณ. วันนี้ ได้ประมาณ 80% อาทิตย์ต่อมาเอามาเสียบเครื่อง ปรากฏ ว่า เพลทแดงแล้วก็เกิดแสงสีม่วง รั่วครับ เค้าจากเราไปเรียบร้อยแล้ว ดีที่สุดคือ ป้อนไฟเพลท และ จัด bias ตาม data sheet ก็จะสามารถรู้ได้คร่าวๆว่าสภาพหลอดเหลือ ประมาณ กี่ เปอร์เซนต์ ถ้า match ผมจะเลือกหลอด match กระแส มากกว่าผลวัดจากเครื่องครับ :)
กรณีของคุณ Create ข้อสันนิษฐานไม่น่าจะถูกต้องครับ ปกติเครื่องวัดอย่าง TV-7 ก็ Bias หลอดตาม Spec ใช้งานปกติของหลอดนั้นๆ อยู่แล้วครับ ซึ่งแทบจะไม่ต่างจากวิธีที่คุณ Create ใช้ครับ และหลอดเองก็ผลิตมาหลาย 10 ปีแล้ว ถ้าวันนี้วัดแล้วไม่ Gassy แล้วอีก 7 วัน Gassy ก็น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่าง 7 วันนี้ ไม่ใช่ว่าผ่าน 7 วันแล้ว Gassy แล้วเครื่องจะตรวจไม่เจอนะครับ แต่น่าจะเป็นเพราะ 7 วันที่แล้วมันยังไม่เป็นต่างหากครับ ;D
จริงๆ แล้ว Tube Tester ทุกตัวก็วัดค่ากระแสเพลทนี่แหล่ะครับ เพียงแต่แสดงผลต่างรูปแบบกันเท่านั้นครับ TV-7 แสดงเป็นค่าดรรชนี, Hickok และ Eico แสดงค่า Gm ตรงๆ ส่วนของคุณ Create ก็เป็นค่ากระแสเพลท :)
-
:) ถ้าเราซื้อหลอด Used มาเราจะรู้ไหมครับว่าใช้ได้อีกกี่ชั่วโมงครับหรือมีเครื่องมืออื่นๆที่เอาทดสอบอะครับหรือว่าต้องต่อลองเสียงอย่างเดียวครับ N]
ไม่ว่าจะหลอด USED หรือ NOS คงบอกไม่ได้ว่าจะใช้ได้กี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ผมคิดว่าส่วนใหญ่หลอดจะถูกเปลี่ยนก่อนหมดอายุ หรือเครื่องถูกเปลี่ยนมือก่อนหลอดหมดอายุครับ
-
;D ;D ;D ชอบๆ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ หรือไม่ก็แตกก่อนจะหมดอายุ ไม่ต้องไปห่วงมันมาก ตอนที่มันมีอายุไข ใช้มันให้คุ้มค่า คุ้มราคาเป็นพอ O0 O0
:) ถ้าเราซื้อหลอด Used มาเราจะรู้ไหมครับว่าใช้ได้อีกกี่ชั่วโมงครับหรือมีเครื่องมืออื่นๆที่เอาทดสอบอะครับหรือว่าต้องต่อลองเสียงอย่างเดียวครับ N]
ไม่ว่าจะหลอด USED หรือ NOS คงบอกไม่ได้ว่าจะใช้ได้กี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ผมคิดว่าส่วนใหญ่หลอดจะถูกเปลี่ยนก่อนหมดอายุ หรือเครื่องถูกเปลี่ยนมือก่อนหลอดหมดอายุครับ
-
ผมไม่แน่ใจ ว่าเครื่องวัด กับวงจรทดสอบ มีการทำงานต่างกันหรือไม่ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีเครื่องวัด วงจรทดสอบ** ก็น่าเชื่อถือครับ
และผมเชื่อว่า มันน่าจะต่างกัน เครื่องวัดส่วนมากน่า(เดา) จะใช้กระแสในการวัดที่น้อยกว่า แล้วใช้ค่าเทียบเคียงเอา
จึงน่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ หลอดที่ผ่าน จากเครื่องวัด แล้ว เมื่อใช้งานจริง อาจได้ผลไม่สอดคล้องกับผลวัด หรือไม่ก็พังไปเลยตอนใช้งาน
ผู้ขายหลอดที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องวัดครับ ควรมีความรับผิดชอบมากกว่า
หลอด NOS ผู้ขายมักถือโอกาส ไม่วัด ตรวจสอบ อะไรเลยก็มี ใส้หลอดขาด ก็ไม่รู้ครับ
ในขณะที่หลอด USED ผู้ขายต้องระวัง ในการขาย มีการทดสอบ ก็เป็นได้ .... แต่บางคน หลอด guide หักยังไม่บอกกันเลย ตาดีได้ตาร้ายเสีย
(พอดีผมมีหลอด USED ขายได้ มากกว่า NOS ครับ เลยเขียนอย่างนี้) 2f 2f 2f
วงจรทดสอบ** คือป้อนแรงดันไฟ ตามค่าเช่นตัวอย่าง หากได้ >>กระแส<< ตามที่แสดงไว้ แสดงว่า หลอดนั้น มีค่าเป็น New ถ้าไม่ถึง ก็ตามอัตราส่วน
(http://www.mif.pg.gda.pl/homepages/frank/short/001/e/EL34.gif)
ผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะผมด้วยครับ
-
โดยสากลที่ยอมรับกัน จะใช้เครื่องมือทดสอบหลอดหรือ Tube Tester ให้ทราบว่าหลอดมี Spec เทียบกับหลอดใหม่เป็นกี่ % ครับ เครื่อง Tube Tester ที่ใช้กันแพร่หลายในเมืองไทยน่าจะเป็น TV-7 (A-D/U) ของกองทัพสหรัฐอเมริกาครับ ซึ่งจะบอกค่าเป็นดรรชนี แล้วให้เอาตัวเลขไปเทียบกับค่าในตาราง ถ้าวัดได้ต่ำกว่าค่าในตารางถือว่าหลอดนั้นหมดสภาพใช้งานครับ ส่วน Tube Tester อีกประเภทหนึ่งเป็นเครื่องวัดค่า Transconductance (ความสามารถในการนำกระแส) ซึ่งจะแสดงค่าเป็น umho (micro-mho) แล้วค่อยเอาไปเทียบกับค่า Transconductance ของหลอดใหม่ ก็จะทราบว่าหลอดถูกใช้งานไปแล้วเท่าไหร่
ขออนุญาตตัดมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องนะครับ ผมมี I-177 (ตัวแรกก่อน I-177B) อยู่ ค่า Gm ที่บอกมาในตารางไม่เท่ากับค่า min ใน TV-7 แน่ๆเพราะวัดเทียบกับ TV-7 ที่มี และดูจาก
หลอดที่วัดมาจากเมืองนอกเทียบกันแล้ว อยากทราบว่าค่าในตาราง (Gm) เป็นค่า new เหมือนที่ มร.Tube บอกไว้หรือเปล่าครับ เพราะมีปัญหามากเวลาขายหลอดเก่าออกไป
เพราะผู้ซื้อไม่เชื่อถือแถมบางท่านบอกว่าผมไปมั่วค่า min หรือเปล่าเสียอีกครับ :bye1
ปล. ผมชอบ I-177 มากกว่า TV-7 เสียอีกครับ แต่เสียตรงที่ว่าไม่มีข้อมูลของหลอดใหม่ๆมากเท่า :bye1
-
(พอดีผมมีหลอด USED ขายได้ มากกว่า NOS ครับ เลยเขียนอย่างนี้) :clap :clap :clap 2f 2f 2f
-
:headphone ถ้าเป็นเช่นนี้....เบอร์ไหนมีหลอดใหม่ให้เล่น...ก็หันไปซื้อหลอดใหม่ๆเพื่อลดความเสี่ยงกันเถอะ..เย้....เย้.... :victory
-
แม้ใช้เครื่องวัดก็ไม่สามารถ ชี้บ่งยืนยันได้ 100 % หรอกครับ บางครั้งหลอดที่รั่วน้อยๆ ไม่สามารถ ตรวจจับ gassy ได้ อย่างตอนผมวัด ณ. วันนี้ ได้ประมาณ 80% อาทิตย์ต่อมาเอามาเสียบเครื่อง ปรากฏ ว่า เพลทแดงแล้วก็เกิดแสงสีม่วง รั่วครับ เค้าจากเราไปเรียบร้อยแล้ว ดีที่สุดคือ ป้อนไฟเพลท และ จัด bias ตาม data sheet ก็จะสามารถรู้ได้คร่าวๆว่าสภาพหลอดเหลือ ประมาณ กี่ เปอร์เซนต์ ถ้า match ผมจะเลือกหลอด match กระแส มากกว่าผลวัดจากเครื่องครับ :)
กรณีของคุณ Create ข้อสันนิษฐานไม่น่าจะถูกต้องครับ ปกติเครื่องวัดอย่าง TV-7 ก็ Bias หลอดตาม Spec ใช้งานปกติของหลอดนั้นๆ อยู่แล้วครับ ซึ่งแทบจะไม่ต่างจากวิธีที่คุณ Create ใช้ครับ และหลอดเองก็ผลิตมาหลาย 10 ปีแล้ว ถ้าวันนี้วัดแล้วไม่ Gassy แล้วอีก 7 วัน Gassy ก็น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่าง 7 วันนี้ ไม่ใช่ว่าผ่าน 7 วันแล้ว Gassy แล้วเครื่องจะตรวจไม่เจอนะครับ แต่น่าจะเป็นเพราะ 7 วันที่แล้วมันยังไม่เป็นต่างหากครับ ;D
จริงๆ แล้ว Tube Tester ทุกตัวก็วัดค่ากระแสเพลทนี่แหล่ะครับ เพียงแต่แสดงผลต่างรูปแบบกันเท่านั้นครับ TV-7 แสดงเป็นค่าดรรชนี, Hickok และ Eico แสดงค่า Gm ตรงๆ ส่วนของคุณ Create ก็เป็นค่ากระแสเพลท :)
ขอบคุณครับ กรณีที่หลอดรั่ว แต่ไม่มาก เวลาเราเช็ค (TV7) leak เข็มจะขึ้นปกติแต่ขึ้นช้า หรือ ขึ้นน้อย ส่วนค่าวัดปกติ ทำให้เราไม่รู้ว่ารั่วน่ะครับ ผมหมายถึงตรงนี้ครับ ส่วนถ้าเราเอาไปเสียบเครื่องจริงถ้ามี หรือ ทำขึ้้นมาเหมือนกับที่ผมโพส แล้วทิ้งไว้ เราจะทราบว่าหลอด leak หรือ ไม่ครับ อาจจะเป็นเพราะ หลอดร้อน มีการขยายตัวของหลอด หรือ เพราะมันมี load หรือเปล่าครับ ผมมีหลอดประเภทนี้พอสมควร คือวัดไม่ leak แต่ถ้าเสียบเครื่องแล้ว ใช้ไม่ได้เนี่ยเยอะเลยครับ โดยเฉพาะ หลอดเบอร์ 45 อยากรู้จริงๆ เหมือนกันครับ ว่าทำมัย สงสัยมานานแล้ว :)
-
เยื่ยมเลยครับ :clap :clap
:) ถ้าเราซื้อหลอด Used มาเราจะรู้ไหมครับว่าใช้ได้อีกกี่ชั่วโมงครับหรือมีเครื่องมืออื่นๆที่เอาทดสอบอะครับหรือว่าต้องต่อลองเสียงอย่างเดียวครับ N]
กี่ชั่วโมงนี่บอกไม่ได้ครับ เพราะขึ้นกับว่าเราจะใช้งานมันหนักแค่ไหนครับ ลองเสียงดูก็บอกไม่ได้ครับ เพราะคุณน่าจะไม่ทราบว่าตอนมันใหม่ๆ เสียงมันเป็นยังไงครับ
โดยสากลที่ยอมรับกัน จะใช้เครื่องมือทดสอบหลอดหรือ Tube Tester ให้ทราบว่าหลอดมี Spec เทียบกับหลอดใหม่เป็นกี่ % ครับ เครื่อง Tube Tester ที่ใช้กันแพร่หลายในเมืองไทยน่าจะเป็น TV-7 (A-D/U) ของกองทัพสหรัฐอเมริกาครับ ซึ่งจะบอกค่าเป็นดรรชนี แล้วให้เอาตัวเลขไปเทียบกับค่าในตาราง ถ้าวัดได้ต่ำกว่าค่าในตารางถือว่าหลอดนั้นหมดสภาพใช้งานครับ ส่วน Tube Tester อีกประเภทหนึ่งเป็นเครื่องวัดค่า Transconductance (ความสามารถในการนำกระแส) ซึ่งจะแสดงค่าเป็น umho (micro-mho) แล้วค่อยเอาไปเทียบกับค่า Transconductance ของหลอดใหม่ ก็จะทราบว่าหลอดถูกใช้งานไปแล้วเท่าไหร่
เท่าที่ผมทราบมา ค่าในตารางของเครื่องวัดรุ่น TV-7 จะเทียบที่ 60% ของค่า Transconductance ของหลอดใหม่ครับ หมายความว่ากองทัพเค้าตั้งเงื่อนไขไว้ว่าถ้าหลอดมีค่านำกระแสต่ำกว่า 60% ของหลอดใหม่ ต้องเปลี่ยนหลอดครับ ผมไม่แน่ใจตัวเลข 60% นี้เท่าไหร่นักและยังไม่เคยลองคำนวณค่ามาเทียบดู ถ้ามีใครทราบค่าที่ถูกต้องก็ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ แต่คิดว่าคงไม่ผิดจากนี้ซักเท่าไหร่ครับ :)
ผมจำได้ว่า US Military Std มีเอกสารอยู่ชุดหนึ่งที่อธิบายวิธีการคำนวณอายุการใช้งานหลอดครับ ผมได้มาเป็น Hard หรือ Soft Copy ก็จำไม่ได้แล้ว ไว้ถ้าหาเจอจะเอามาให้ดูกันนะครับ
การซื้อหลอดใช้แล้ว หรือ Used Tube ทุกครั้ง หรือแม้แต่หลอดใหม่แกะกล่องก็ตาม ควรให้ความสนใจกับผล Test เป็นหลักก่อนเรื่องอื่นๆ ครับ เพราะนี่คือเนื้อจริงๆ ที่คุณจ่ายตังค์ไปครับ หลอดใหม่ที่คุณแกะกล่องเป็นคนแรกอาจจะเป็นหลอดเสียแล้วก็ได้ หลอดที่ใช้งานมานาน 20 ปีต่อเนื่องกัน อาจจะวัดค่าได้มากกว่า 90% ก็ได้ เครื่องวัดเท่านั้นที่บอกเราได้ครับ ;)
-
:clap จากที่ได้อ่านกระทู้จากหลายๆท่าน ทำให้คิดว่าแม้จะเป็นหลอดใหม่ไม่เคยใช้งาน ก็มีโอกาสเสียได้ ถ้าจะลดความเสี่ยงลงก่อนตัดสินใจซื้อ ก็น่าจะผ่านการทดสอบจริงจากเครื่อง หรืออย่างน้อยก็เครื่องวัดหลอดจะเป็น TV7 หรือเครื่องวัดหลอดอื่นๆก็ตาม แม้เป็นหลอดเก่าที่เคยถูกใช้งานแล้วก็ตาม ควรมีค่าการวัดกำกับมาด้วย จะได้เปรียบเทียบกับค่า MIN ประกอบการตัดสินใจในการควักเงินออกจากกระเป๋าว่าราคาที่ได้มาเหมาะสมกับประสิทธิภาพที่ยังเหลืออยู่ในหลอดหรือไม่.... :bye1
-
:) ผมว่าเจ่าเครื่อง TV7 คงจะราคาสูงน่าดู ;D ถ้าราคาไม่สูงมากอย่างมิเตอร์ Sanwa คงจะดีจะได้มีติดไม้ติดมือกันครับผมว่ามีความจำเป็นมากสำหรับคนเล่นหลอด :headphone
-
มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ กระทู้นี้ดีจริงๆ O0 O0
-
:clap จากที่ได้อ่านกระทู้จากหลายๆท่าน ทำให้คิดว่าแม้จะเป็นหลอดใหม่ไม่เคยใช้งาน ก็มีโอกาสเสียได้ ถ้าจะลดความเสี่ยงลงก่อนตัดสินใจซื้อ ก็น่าจะผ่านการทดสอบจริงจากเครื่อง หรืออย่างน้อยก็เครื่องวัดหลอดจะเป็น TV7 หรือเครื่องวัดหลอดอื่นๆก็ตาม แม้เป็นหลอดเก่าที่เคยถูกใช้งานแล้วก็ตาม ควรมีค่าการวัดกำกับมาด้วย จะได้เปรียบเทียบกับค่า MIN ประกอบการตัดสินใจในการควักเงินออกจากกระเป๋าว่าราคาที่ได้มาเหมาะสมกับประสิทธิภาพที่ยังเหลืออยู่ในหลอดหรือไม่.... :bye1
หากมีค่าการวัดมานำเสนอ มันช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่มี ก็ต้องทำใจครับ สำหรับผมทำใจตรงจุดนี้ได้ ไม่ค่อยซีเรียส ชอบก้อซื้อเลย :headphone
-
:) ผมว่าเจ่าเครื่อง TV7 คงจะราคาสูงน่าดู ;D ถ้าราคาไม่สูงมากอย่างมิเตอร์ Sanwa คงจะดีจะได้มีติดไม้ติดมือกันครับผมว่ามีความจำเป็นมากสำหรับคนเล่นหลอด :headphone
ถามว่าแพงใหม ก็หมื่นกลางๆถึงสองหมื่นกว่าสำหรับเครื่องที่สภาพดีๆครับ ถ้าไม่ใช่คนที่มีหลอดเยอะๆหรือขายหลอดอาจจะไม่คุ้ม
ที่สำคัญเครื่องมือพวกนี้เก่าต้องมีการปรับตั้ง (Calibrate) ถึงจะอ่านค่าได้ตรงนะครับ
สำหรับท่านที่จะหามาเล่นจริงๆ ขอให้มองหาแต่ TV-7D/U อย่าไปเอา TV-7A,7B หรือ 7C มานะครับ ปรับแต่งยากกว่าและเก่ากว่า
(ผมมี TV-7C/U ซึ่งวงจรเหมือนๆกันกับ TV7-A/U)
แต่จริงๆแล้ว ผมว่าทำเครื่องเช็คเองจะดีกว่า เคยมีเพื่อนสมาชิกของเราทำไว้ จริงอยู่ความสามารถต่างๆอาจจะสู้พวกเครื่องเช็คดีๆไม่ได้
แต่ก็ใช้ได้ดีพอสมควร แต่ถ้าไม่ได้มีหลอดให้เช็คเยอะๆ ก็ต่อวงจรทดสอบดูได้ตามที่เพื่อนสมาชิกบอกไว้ได้ครับ
link เครื่องเช็คหลอดที่เพื่อนสมาชิกทำไว้ครับ http://www.htg2.net/index.php?topic=23669.0 :bye1
-
ขอบคุณครับ กรณีที่หลอดรั่ว แต่ไม่มาก เวลาเราเช็ค (TV7) leak เข็มจะขึ้นปกติแต่ขึ้นช้า หรือ ขึ้นน้อย ส่วนค่าวัดปกติ ทำให้เราไม่รู้ว่ารั่วน่ะครับ ผมหมายถึงตรงนี้ครับ ส่วนถ้าเราเอาไปเสียบเครื่องจริงถ้ามี หรือ ทำขึ้้นมาเหมือนกับที่ผมโพส แล้วทิ้งไว้ เราจะทราบว่าหลอด leak หรือ ไม่ครับ อาจจะเป็นเพราะ หลอดร้อน มีการขยายตัวของหลอด หรือ เพราะมันมี load หรือเปล่าครับ ผมมีหลอดประเภทนี้พอสมควร คือวัดไม่ leak แต่ถ้าเสียบเครื่องแล้ว ใช้ไม่ได้เนี่ยเยอะเลยครับ โดยเฉพาะ หลอดเบอร์ 45 อยากรู้จริงๆ เหมือนกันครับ ว่าทำมัย สงสัยมานานแล้ว :)
ก็เป็นได้หลายสาเหตุครับ อย่างหนึ่งที่ผมคิดได้คือ ไส้หลอดอาจจะยังร้อนไม่พอ หรือระยะเวลาการ Test น้อยเกินไป Gas ในหลอดยังไม่ทันแตกตัวเป็น Ion ก็ทดสอบเสร็จซะก่อนครับ พอเอาหลอดไปใช้จริง ไส้หลอดร้อนนานพอและ Gas Ionize แล้ว ก็เลยให้ผลที่แตกต่างกันครับ อันที่จริงแล้ว Condition ในการทดสอบหลอดด้วย Tube Tester แทบไม่ต่างกับการต่อวงจรเลยครับ
กรณีแบบนี้สามารถเกิดกับหลอดใหญ่ๆ ได้ครับ เพราะ Gas ในหลอดจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงไปกองอยู่ด้านที่ติดกับพื้นครับ ต้อง Heat ไส้หลอดให้ร้อนทั่วถึงก่อน และ Apply ไฟสูงราว 30-60 วินาที เพื่อให้มั่นใจว่ามีเวลาพอให้ Gas ในหลอด Ionize ครับ :)
-
ขออนุญาตตัดมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องนะครับ ผมมี I-177 (ตัวแรกก่อน I-177B) อยู่ ค่า Gm ที่บอกมาในตารางไม่เท่ากับค่า min ใน TV-7 แน่ๆเพราะวัดเทียบกับ TV-7 ที่มี และดูจาก
หลอดที่วัดมาจากเมืองนอกเทียบกันแล้ว อยากทราบว่าค่าในตาราง (Gm) เป็นค่า new เหมือนที่ มร.Tube บอกไว้หรือเปล่าครับ เพราะมีปัญหามากเวลาขายหลอดเก่าออกไป
เพราะผู้ซื้อไม่เชื่อถือแถมบางท่านบอกว่าผมไปมั่วค่า min หรือเปล่าเสียอีกครับ :bye1
ปล. ผมชอบ I-177 มากกว่า TV-7 เสียอีกครับ แต่เสียตรงที่ว่าไม่มีข้อมูลของหลอดใหม่ๆมากเท่า :bye1
ใช่ครับ I-177 กับ TV-7D/U มีจุดประสงค์การใช้งานต่างกันครับ I-177 จะบอกค่า Gm ของหลอดเลย ส่วน TV-7D/U ใช้บอกว่าต้องเปลี่ยนหลอดรึยัง ซึ่งมาจากการตั้งสมมุติฐานว่าค่า Gm เหลือกี่ % ของหลอดใหม่ แล้วให้เปลี่ยนหลอดครับ ทหารซึ่งไม่มีความรู้เรื่อง Electronic จะใช้งานได้สะดวกกว่ามานั่งวิเคราะห์ค่า Gm ครับ พูดง่ายๆ คือ I-177 บอกว่าหลอดอายุเท่าไหร่ ส่วน TV-7 บอกว่าหลอดนี้ตายรึยัง ใกล้เคียงแต่ก็เป็นคนละความหมายกันครับ ;)
-
ขอบคุณ มร.Tube ครับ Y]
-
ถ้าหลอดหัวหงอกแล้วจะถือว่าหลอดนั้นใช้งานไม่ได้เลยต้องทิ้งเท่านั้นใช่ไหมครับ
-
ถ้าหลอดหัวหงอกแล้วจะถือว่าหลอดนั้นใช้งานไม่ได้เลยต้องทิ้งเท่านั้นใช่ไหมครับ
ใช่ครับ หลอดหัวหงอกเพราะอากาศเข้าไปในหลอดครับ เบื้องต้นหลอดจะทำงานผิดปกติก่อน หลังจากนั้น Cathode หรือไส้หลอดจะเสียหายจาก Oxygen และ H2O ครับ
-
เคยอ่านฝรั่งเขียนไว้ว่า The AVO VCM 163 is the best valve tester....ไม่ทราบว่ามันเป็นยังไงบ้างครับ
-
โดยสากลที่ยอมรับกัน จะใช้เครื่องมือทดสอบหลอดหรือ Tube Tester ให้ทราบว่าหลอดมี Spec เทียบกับหลอดใหม่เป็นกี่ % ครับ เครื่อง Tube Tester ที่ใช้กันแพร่หลายในเมืองไทยน่าจะเป็น TV-7 (A-D/U) ของกองทัพสหรัฐอเมริกาครับ ซึ่งจะบอกค่าเป็นดรรชนี แล้วให้เอาตัวเลขไปเทียบกับค่าในตาราง ถ้าวัดได้ต่ำกว่าค่าในตารางถือว่าหลอดนั้นหมดสภาพใช้งานครับ ส่วน Tube Tester อีกประเภทหนึ่งเป็นเครื่องวัดค่า Transconductance (ความสามารถในการนำกระแส) ซึ่งจะแสดงค่าเป็น umho (micro-mho) แล้วค่อยเอาไปเทียบกับค่า Transconductance ของหลอดใหม่ ก็จะทราบว่าหลอดถูกใช้งานไปแล้วเท่าไหร่
ขออนุญาตตัดมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องนะครับ ผมมี I-177 (ตัวแรกก่อน I-177B) อยู่ ค่า Gm ที่บอกมาในตารางไม่เท่ากับค่า min ใน TV-7 แน่ๆเพราะวัดเทียบกับ TV-7 ที่มี และดูจาก
หลอดที่วัดมาจากเมืองนอกเทียบกันแล้ว อยากทราบว่าค่าในตาราง (Gm) เป็นค่า new เหมือนที่ มร.Tube บอกไว้หรือเปล่าครับ เพราะมีปัญหามากเวลาขายหลอดเก่าออกไป
เพราะผู้ซื้อไม่เชื่อถือแถมบางท่านบอกว่าผมไปมั่วค่า min หรือเปล่าเสียอีกครับ :bye1
ปล. ผมชอบ I-177 มากกว่า TV-7 เสียอีกครับ แต่เสียตรงที่ว่าไม่มีข้อมูลของหลอดใหม่ๆมากเท่า :bye1
เพื่อนร่วมอุดมการณ์ I-177 ครับ มีเหมือนกัน แต่ยังมะได้ซ่อม K] K]
-
ได้ความรู้อีกแล้ว :)
-
เคยอ่านฝรั่งเขียนไว้ว่า The AVO VCM 163 is the best valve tester....ไม่ทราบว่ามันเป็นยังไงบ้างครับ
เห็นรูปแล้ว 0)] 0)] 0)]