HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: P.K. ที่ 12 มกราคม, 2010, 09:44:32 pm
-
บ้านผมเป็นบ้านเก่าไม่มีสายดิน ตอนนี้เพิ่งทำสายดินเพิ่มโดยตอกแท่งกราวด์แล้วกำลังจะเดินสาย วันนี้โทรไปคุยกับ call center ที่การไฟฟ้าเพื่อขอคำแนะนำ แต่ไม่มีช่างอยู่ก็เลยได้คุยกับ จนท หญิงผู้รับสายแทน เธอบอกว่าตามหลักการต้องต่อสายดินเข้าตู้ไฟเท่านั้น แล้วจึงเดินสายดินจากปลั๊กต่างๆ มาต่อที่ตู้ จึงจะได้ผลดี ผมก็งงว่าหลักการอะไร แต่คิดว่าเธอคงอบรมมาเพียงเท่านี้จึงไม่สามารถอธิบายอะไรเพิ่มเติมได้บอกให้ผมโทร ไปใหม่เพื่อคุยกับช่าง จึงเกิดคำถามว่า ผมตั้งใจจะต่อสายดินจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ (ตามจุดที่เครื่องนั้น ๆทำมาซึ่งมักอยู่หลังเครื่อง เช่น ตู้เย็น ) แล้วต่อตรงไปยังแท่งกราวด์ ตามที่ได้อ่านข้อมูลจากกระทู้ต่าง ๆ แบบนี้มันก็ผิดหลักของการไฟฟ้าหรือเปล่า
1. ต่อตรงแบบที่ผมคิดไว้กับต่อผ่านตู้ไฟมีความแตกต่างหรือไม่
2. ถ้าต่อเข้าตู้ไฟก่อน ผมก็ต้องเปลี่ยนสายไฟตามปลั๊กเป็นแบบสามเส้นใชไหม (แบบนี้งบบาน งานใหญ่แน่ ๆ)
3. ถ้าต่อตรงได้ ผมจะเอาสายดินจากจุดต่อต่าง ๆ ลอดขึ้นฝ้า แล้วรวมสายเป็นเส้นเดียว (ใช้เส้นใหญ่ขึ้น) เพื่อต่อไปยังแท่งกราวด์ แบบนี้ได้ไหม คงจะไม่ลากสาย 5 - 6 เส้น ไปยังแท่งกราวด์ เพราะไม่สะดวก
-
เธอบอกว่าตามหลักการต้องต่อสายดินเข้าตู้ไฟเท่านั้น แล้วจึงเดินสายดินจากปลั๊กต่างๆ มาต่อที่ตู้ จึงจะได้ผลดี
ถ้าตามหลักการ ใช่ที่เธอพูดจริง ๆ ครับ แต่ทางปฎิบัติ มันอาจจะ"บาน"กว่านี้ได้
ผมขออนุญาตแนะนำตอนที่ผมมีปัญหาคล้าย ๆ ของท่านและได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ทำแบบนี้ครับ
ต่อเฉพาะสายดินไปตามปลั๊กไฟจุดที่เราต้องการทำสายดิน เดินคู่กับสายไฟเลย แต่เดินแค่เส้นเดียวต่อจุดที่เราต้องการ แล้วลากสายดินทั้งหมดที่ต้องการไปรวมอยู่ที่จุด ๆ หนึ่ง ซึ่งจุดนี้ ใช้กล่อง Terminal Box เอาสายดินทั้งหมดเข้ากล่องนี้ จากนั้นก็ต่อสายจากกล่องนี้ไปเชื่อมกับแท่งกราวด์ที่เราทำไว้ การทำแบบนี้เราจะสายดินคล้าย ๆ แบบ STAR GROUND ครับ
มีเทคนิคเล็กน้อยคือ สายดินที่ต่อจากปลั๊กไฟเข้ากล่อง Terminal box นั้น อาจจะใช้สายใหญ่หน่อยก็จะดีขึ้น ส่วนสายที่ต่อจากกล่อง Terminal Box นั้นไปยังแท่งกราวด์ ให้ใช้สายใหญ่ ๆ กว่าสายดินที่เราเดินจากปลั๊กไฟ ถ้าแท่งกราวด์อยู่นอกบ้าน ควรใช้สายเฉพาะแบบใช้งานภายนอก ( NYY ) แท่งกราวด์ควรตอกให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้ จะให้ดีควรลึกประมาณ 1.8 เมตร
ตอนนี้ทำเสร็จแล้ว "0" มั่ก ๆ ( รู้งี้ ตอนทำบ้านให้ทำทั้งบ้านเลยดีกว่า ตอนนั้นไม่น่าประหยัดเลย )
ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ
-
เธอพูดถูกครับ แต่เธอไม่ได้อธิบาย
หลักการที่เธอบอกคือหลักการทำงานของ Earth Leakage Circuit Breaker (ELCB) ซึ่งจะตัดการทำงานเมื่อเกิดกระแสรั่วลงดิน
ซึ่งถ้าจะทำให้ถูกหลักการก็ตามนี้ครับ
http://www.mea.or.th/apd/4/main.htm#404
วิธีติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้อง
1.จุดต่อลงดินของระบบไฟฟ้า (จุดต่อลงดินของเส้นศูนย์หรือนิวทรัล) ต้องอยู่ด้านไฟเข้าของเครื่องตัดวงจรตัวแรกของตู้เมนสวิตช์
2.ภายในอาคารหลังเดียวกันไม่ควรมีจุดต่อลงดินมากกว่า 1 จุด
3.สายดินและสายเส้นศูนย์สามารถต่อร่วมกันได้เพียงแห่งเดียวที่จุดต่อลงดินภายในตู้เมนสวิตช์ ห้ามต่อร่วมกันในที่อื่น ๆ อีก เช่น ในแผงสวิตช์ย่อยจะต้องมีขั้วสายดินแยกจากขั้วต่อสายศูนย์ และห้ามต่อถึงกันโดยมีฉนวนคั่นระหว่างขั้วต่อสายเส้นศูนย์กับตัวตู้ซึ่งต่อกับขั้วต่อสายดิน
4.ตู้เมนสวิตช์สำหรับห้องชุดของอาคารชุดและตู้แผงสวิตช์ประจำชั้นของอาคารชุดให้ถือว่าเป็นแผงสวิตช์ย่อย ห้ามต่อสายเส้นศูนย์และสายดินร่วมกัน
5.ไม่ควรต่อโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าลงดินโดยตรง แต่ถ้าได้ดำเนินการไปแล้วให้แก้ไขโดยมีการต่อลงดินที่
เมนสวิตย์อย่างถูกต้องแล้วเดินสายดินจากเมนสวิตช์มาต่อร่วมกับสายดินที่ใช้อยู่เดิม
6.ไม่ควรใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ชนิด 120/240 V กับระบบไฟ 220 V เพราะพิกัด IC จะลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง
7.การติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว จะเสริมการป้องกันให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เช่น กรณีที่มักจะมีน้ำท่วมขัง หรือกรณีสายดินขาด เป็นต้น และจุดต่อลงดินต้องอยู่ด้านไฟเข้าของเครื่องตัดไฟรั่วเสมอ
8.ถ้าตู้เมนสวิตช์ไม่มีขั้วต่อสายดินและขั้วต่อสายเส้นศูนย์แยกออกจากกัน เครื่องตัดไฟรั่วจะต่อใช้ได้เฉพาะวงจรย่อยเท่านั้น จะใช้ตัวเดียวป้องกันทั้งระบบไม่ได้
9.วงจรสายดินที่ถูกต้องในสภาวะปกติจะต้องไม่มีกระแสไฟฟ้าไหล
10.ถ้าเดินสายไฟในท่อโลหะ จะต้องเดินสายดินในท่อโลหะนั้นด้วย
11.ดวงโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์ติดตั้งที่เป็นโลหะควรต่อลงดิน มิฉะนั้นต้องอยู่เกินระยะที่บุคคลทั่วไปสัมผัสไม่ถึง (สูง 2.40 เมตร หรือห่าง 1.50 เมตร ในแนวราบ)
12.ขนาดและชนิดของอุปกรณ์ระบบสายดิน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฎการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
-
สรุปง่ายๆ
จากปลั๊กผนังที่คุณใช้มีกี่จุด ก็แล้วแต่ให้เดินสายกราวด์มาเข้าที่ Terminal แล้วเดินสายกราวด์เส้นเดียวจาก Termianl คิดว่าน่าจะใช้สายเบอร์ 6 เส้นแข็งแกนเดี่ยวไปที่แท่งกราวด์ แล้วแท่งกราวด์ควรจะต้องยาวอย่างน้อย 1.80 เมตรครับ
วิธีการที่ว่านี้ ใช้กับบ้านที่ไม่ได้ทำกราวด์ตั้งแต่แรกครับ ผมว่าน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดครับ
-
สรุปว่าแบบที่ผมจะทำคงเป็นเหมือนที่คุณ ijew2002 ว่าไว้ละครับ แล้วพวกเบรคเกอร์หรือเซฟตี้คัดที่มีอยู่เดิมในตู้นี่ผมต้องทำอะไรกับมันหรือเปล่า
-
อย่างอื่น น่าจะเก็บไว้เหมือนเดิม อาจจะไม่ต้องยุ่ง ยกเว้น SAFE T CUT ไม่แน่ใจว่า มันจะตัดหรือไม่ เพราะกระแสที่วัด L N ม้ันไม่เท่ากัน กรณีที่มีกระแสไหลลงกราวด์
-
ตอนเลือกซื้อ Saft-t-c ต้องคุยกับช่างต่อให้ดีนะครับ
ผมพลาดมาแล้ว คือคิดว่ามันดี มีกันดูด (จริงๆตัวกันดูด มีหลายยี่ห้อ ผมใช้ของ German) พอมาต่อจริงมันเด้งตลอด
หาสาเหตุกัน 2 วัน สรุปคนต่อไฟ 3 เฟส ชั้น 1 Load Balance แล้วมีึัปัญหา ต้องลื้อฝ้า ผมเลยเปลี่ยนเป็นแบบธรรมดา ไม่มีกันดูด เพราะไม่อยากลื้อ เฟอร์ลงหมดแล้ว
อีกอย่าง ไฟประเภท เปิดล่างติดบน (สวิท2ทาง) ใช้กับ STC ไ่ม่ได้ครับ เด้งตลอด (ช่างบอก แต่ไม่เคยลองเอง)
ลองดูครับ ขอให้ได้ระบบที่ดี+ถูกใจ+สบายกระเป๋าครับ
:headphone
-
สรุปว่าแบบที่ผมจะทำคงเป็นเหมือนที่คุณ ijew2002 ว่าไว้ละครับ แล้วพวกเบรคเกอร์หรือเซฟตี้คัดที่มีอยู่เดิมในตู้นี่ผมต้องทำอะไรกับมันหรือเปล่า
ถ้าคุณไม่ได้เดินสายไฟใหม่จากตู้ แค่ว่าเดินกราวน์จากปลั๊กเฉพาะในห้องนั้น ก็ไม่ต้องไททำไรกับเบรคเกอร์หรือเซฟทีคัด ครับ
ผมขอออกตัวว่า ผมไม่ได้เป็นช่างไฟและไม่ได้เรียนเรื่องไฟฟ้าใดๆทั้งสิ้น แต่วิธีการที่บอกข้างต้นเป็นวิธีการที่ "ช่างไฟ" บอกมาครับ แล้วเพื่อนผมตอนนี้ก็เดินสายไฟใหม่
จากตู้ไปยังห้องโฮมฯ แล้วใช้วิธีลงกราวน์แบบที่ว่า (ซี่งก็มาจากช่างไฟคนเดียวกันนี้แหละที่บอกวิธี) เพื่อนผมบอกว่าตอนนี้ แฮปปี้สุดๆๆ เรย
-
บ้านผมเป็นบ้านเก่าไม่มีสายดิน ตอนนี้เพิ่งทำสายดินเพิ่มโดยตอกแท่งกราวด์แล้วกำลังจะเดินสาย วันนี้โทรไปคุยกับ call center ที่การไฟฟ้าเพื่อขอคำแนะนำ แต่ไม่มีช่างอยู่ก็เลยได้คุยกับ จนท หญิงผู้รับสายแทน เธอบอกว่าตามหลักการต้องต่อสายดินเข้าตู้ไฟเท่านั้น แล้วจึงเดินสายดินจากปลั๊กต่างๆ มาต่อที่ตู้ จึงจะได้ผลดี ผมก็งงว่าหลักการอะไร แต่คิดว่าเธอคงอบรมมาเพียงเท่านี้จึงไม่สามารถอธิบายอะไรเพิ่มเติมได้บอกให้ผมโทร ไปใหม่เพื่อคุยกับช่าง จึงเกิดคำถามว่า ผมตั้งใจจะต่อสายดินจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ (ตามจุดที่เครื่องนั้น ๆทำมาซึ่งมักอยู่หลังเครื่อง เช่น ตู้เย็น ) แล้วต่อตรงไปยังแท่งกราวด์ ตามที่ได้อ่านข้อมูลจากกระทู้ต่าง ๆ แบบนี้มันก็ผิดหลักของการไฟฟ้าหรือเปล่า
1. ต่อตรงแบบที่ผมคิดไว้กับต่อผ่านตู้ไฟมีความแตกต่างหรือไม่
ใช้งานทั่วไปต่างกันไม่มาก แต่ถ้าต่อผ่านตู้จะสามารถติดตั่งอุปกรณ์ป้องกันพวกที่เป็น earth leak ได้
2. ถ้าต่อเข้าตู้ไฟก่อน ผมก็ต้องเปลี่ยนสายไฟตามปลั๊กเป็นแบบสามเส้นใชไหม (แบบนี้งบบาน งานใหญ่แน่ ๆ)
ประมาณนั้นครับ
3. ถ้าต่อตรงได้ ผมจะเอาสายดินจากจุดต่อต่าง ๆ ลอดขึ้นฝ้า แล้วรวมสายเป็นเส้นเดียว (ใช้เส้นใหญ่ขึ้น) เพื่อต่อไปยังแท่งกราวด์ แบบนี้ได้ไหม คงจะไม่ลากสาย 5 - 6 เส้น ไปยังแท่งกราวด์ เพราะไม่สะดวก
ปรกติต้องทำอย่างนี้อยู่แล้วครับ
สิ่งที่พนักงานการไฟฟ้าบอกถูกต้องถ้าทำใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าทำเพิ่มไม่ต้องเข้าตู้หรอกครับ เดินตามจุดที่ใช้ก็พอครับ
-
วันนี้โทร ไปการไฟฟ้าอีกที (ให้หายข้องใจ) ได้รับคำตอบมาว่า ถ้าต่อตรง เวลามีไฟรั่วเบรคเกอร์จะไม่ตัดและจะเสียค่าไฟฟรี ๆ (ในส่วนที่รั่ว) ถ้าต่อผ่านตู้ตามที่การไฟฟ้าแนะนำเบรคเกอร์จึงจะทำงานเมื่อมีไฟรั่ว (หมายถึงไฟรั่วแบบจริงจังดูดเราตายได้ ไม่ใช่ไฟรั่วแบบคอม แล้วดูดนิด ๆ) จริงตามนี้หรือเปล่าครับ
ปล.เพิ่งคุยกับน้องคนนึงเขาทำงานด้านไฟฟ้าบอกว่า จริง ๆ ต่อตรง ถ้ามีไฟรั่วแรง ๆ เบรคเกอร์ก็ตัดเหมือนกัน เลยชักสับสน แต่ยังไงก็ต้องต่อตรงก่อนละครับ
-
แบบว่าผม เป็นนักศึกษาครับ อยู่หอ ก็อยากได้ สายดินกับเค้ามั่ง ก็เลยทำแบบ ลูกทุ่งๆ คือ
ปักแท่ง ground rod ลงไปในกระถางต้นใม้ครับ ผลที่ได้
ผมก็ว่า เครื่องเสียงมัน เสียงสะอาดขึ้นนะ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ;D ;D ;D ;D ;D ;D
-
วันนี้โทร ไปการไฟฟ้าอีกที (ให้หายข้องใจ) ได้รับคำตอบมาว่า ถ้าต่อตรง เวลามีไฟรั่วเบรคเกอร์จะไม่ตัดและจะเสียค่าไฟฟรี ๆ (ในส่วนที่รั่ว) ถ้าต่อผ่านตู้ตามที่การไฟฟ้าแนะนำเบรคเกอร์จึงจะทำงานเมื่อมีไฟรั่ว (หมายถึงไฟรั่วแบบจริงจังดูดเราตายได้ ไม่ใช่ไฟรั่วแบบคอม แล้วดูดนิด ๆ) จริงตามนี้หรือเปล่าครับ
ปล.เพิ่งคุยกับน้องคนนึงเขาทำงานด้านไฟฟ้าบอกว่า จริง ๆ ต่อตรง ถ้ามีไฟรั่วแรง ๆ เบรคเกอร์ก็ตัดเหมือนกัน เลยชักสับสน แต่ยังไงก็ต้องต่อตรงก่อนละครับ
ตัดครับ เพราะ safty-cut มัน check กระแส return L-N อยู่แล้วครับ ไปรั่วลงไหนก็ตัดครับ
และ breaker ปกติ มันก็ check กระแสไหลผ่านอยู่แล้ว เกินก็ตัดครับ
การต่อ ground เข้าตู้มีข้อดีคือ ลดปัญหา live neutral (สาย N มีไฟ) ครับ แต่ถ้าจะต่อ ground ไปอุปกรณ์อื่นๆ ต้องเข้ามา jump กันที่ bar ในตู้นี้ครับ ปลอดภัย ตรวจสอบง่าย และ ไม่ยุ่งยาก
แต่ถ้าจะต่อ ground แยก ก็ขอให้มีลงดินแค่ที่ห้องดูหนัง และ ปัก ground ลงลึกๆ ไม่ใช่ปักมันทุกห้องนะครับ เดี๋ยวจะเจอปัญหา ground loop
-
อ่านแล้วยัง งงๆอยู่ครับ ใครช่วยเขียนวงจรให้ดูได้ป่าวครับ
-
เห็นด้วยครับเขียนแผนผังวงจรแบบเข้าใจง่าย ๆ (สำหรับคนรู้น้อย)ให้ดูหน่อยจะดีมากครับ (วงจรแบบต่อผ่านตู้นะครับ)
-
ลองดูบทความนี้ครับ จากการไฟฟ้านครหลวง มีข้อมูลและรูปการต่อกราวด์ที่ถูกต้องตามที่การไฟฟ้าต้องการ ค่อนข้างละเอียดครับ
www.clef-audio.com/download/correct_grounding.pdf (http://www.clef-audio.com/download/correct_grounding.pdf)
แต่จะไปปรับปรุงอะไรก็ตาม เพื่อให้ดีกว่าสำหรับชุดเครื่องเสียง/home theater ก็ควรจะต้องมีพื้นฐานมาจากข้อมูลนี้ครับ
-
ถามเพิ่มครับ ....
หากผมทำตู้ไฟแยกแล้วในห้องฟัง ผมอยากเดินสายมาจากเสาไฟฟ้าต่างหากเลย ต้องไปแจ้งการไฟฟ้าหรือเปล่าครับ หรือว่าต้องแจ้งแล้วให้ทางการไฟฟ้าเขามาเดินให้ครับ :)
-
ถามเพิ่มครับ ....
หากผมทำตู้ไฟแยกแล้วในห้องฟัง ผมอยากเดินสายมาจากเสาไฟฟ้าต่างหากเลย ต้องไปแจ้งการไฟฟ้าหรือเปล่าครับ หรือว่าต้องแจ้งแล้วให้ทางการไฟฟ้าเขามาเดินให้ครับ :)
ถ้าเดินจากเสาเลยต้องแจ้งครับ แล้วเค้าจะมาเดินจากเสาเข้าหม้อไฟใหม่ให้
ส่วนทางเราต้องเตรียมสาย Main เพื่อเเตรียมการต่อจากหม้อ->เข้าบ้านเราเองครับ
:showoff