HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: teerapong_ong ที่ 19 เมษายน, 2010, 01:14:31 pm
-
ถามพี่ๆ เพื่อนๆ ครับ ผมกำลังจะทำห้องสำหรับดูหนัง - ฟังเพลง โดยมีขนาดประมาณ 6.1x3.2 (วัดภายใน)
ตอนนี้กำลังจะก่ออิฐฉาบปูน เลยอยากออกแบบให้ผู้รับเหมาจัดการทำต่อเนื่องเลย ไม่อยากมาทำทีหลัง
เลยอยากสอบถามความคิดเห็นว่า ตามแบบนี้จะมีผลเก็บเสียงไม่ให้รบกวนห้องอื่นๆ ในบ้านได้ดีหรือเปล่าครับ
หรือมีคำแนะนำอย่างอื่น ด้วยก็ดีนะครับ
ปล. ผมอยากได้จอภาพขนาดใหญ่ๆ เลยกะว่าจะใส่จอสักขนาด 120" หรือ 115" ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้วจะเหลือที่
ด้านข้างน้อยมากเลยอยากถามว่าเราสามารถใช้ลำโพงแบบตั้งพื้น แต่ยกให้จอภาพสูงกว่าลำโพงจะได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณมากครับ
-
ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยนิยมวางจอสูงกว่าลำโพงตั้งพื้นกันครับ ยิ่งถ้าเป็นจอขนาด 115" - 120"
เพราะส่วนสูงของจอรวมกับลำโพงตั้งพื้นมันจะสูงมากครับ
ลำโพงตั้งพื้นสูงประมาณ 1 ม.
จอ 16:9 115" สูงประมาณ 175 cm. กว้างประมาณ 290 cm.
จอ 16:9 120" สูงประมาณ 180 cm. กว้างประมาณ 310 cm.
ไม่ทราบว่าผนังห้องพี่สูงกี่เมตรครับ
ถ้าฝ้าเพดานสูงเกิน 3 ม. ก็พอได้ครับ แต่ตอนดูจะเมื่อยคอหน่อยครับเพราะต้องแหงนหน้า
และปัญหาอีกอย่าง แสงจากจอจะสะท้อนกับฝ้าเพดานและผนัง
อาจต้องทาฝ้าและผนังเป็นสีดำด้านด้วยครับ เพื่อลดแสงสะท้อน
เพราะจอเต็มผนังเลยครับ
ลองคำนวนขนาดจอคร่าว ๆ ดูก่อนก็ได้ครับ
http://www.carada.com/HorizontalMasqueradecalculator.aspx
-
ขอบคุณครับ คุณ cinemania ผมลองเข้าไปดูตาม link แล้วครับ
สงสัยขนาดของจอภาพ คงไม่เกิน 100" เนื่องจากความสูงของห้องอยู่ที่ 2.8 เมตรครับ
ซึ่งเมื่อลดขนาดจอแล้วจะได้พื้นที่ด้านข้างเหลือข้างละ 50 ซม. ซึ่งคิดว่าน่าจะยังไม่พอ
สำหรับลำโพงตั้งพื้น
-
ห้องผมกว้าง 3.6 เมตร ใส่ 100 นิ้ว 16:9 ได้เลยครับ เหลือพื้นที่ด้านข้างให้ลำโพงตั้งพื้นวางได้ไม่บังจอ และยังเหลือพื้นที่ด้านข้างลำโพงถึงผนังอยู่อีกข้างละประมาณ 50 ซม. ครับ ดูแล้วไม่อึดอัดดี
ระยะนั่งดูประมาณ 4.2 เมตรครับ
-
ห้องค่อนข้างยาวดีทีเดียว ครับ แนะนำให้ตีปิดมุมห้องทั้ง 4 ด้าน เพื่อช่วยซับเสียงเบส โดยใส่ไม่โครไฟเบอร์เยอะหน่อย แต่หน้าแคบไปหน่อย ถ้าใส่จอกว้างมากๆ จะบังคับให้เราวางลำโพงห่างมาก ระวังเซ็ทเสียงยากนะครับ อาจต้องดูตรงนี้ให้ดี เช็คก่อนว่าลำโพงเราวางห่างได้มากแค่ไหนโดยเสียงไม่โหว่ บางทีต้องโทอินช่วย ผมคาดว่าห้องกว้าง 3.2 จอไม่น่าได้เกิน 92-95" นะครับ ลองวัดดูอีกที
ผนังไฟเบอร์ซีเมนต์คือพวกเฌอร่ารึป่าว? แนะนำยิปซั่มมากกว่าครับ (หนาซัก 12-15 mm.ชั้นเดียว หรือไม่ก็ 10 mm. สองชั้น)
การบุวัสดุซับเสียงในผนังที่ถูกต้องต้องให้มันอยู่ติดกับตัวผนังยิปซั่มนะครับ ไม่ใช่ไปอยู่ติดผนังปูน เพราะต้องให้ตัวผนังยิปซั่มและไมโครไฟเบอร์เป็นตัวสลายคลื่นก่อน แล้วช่องว่างของอากาศที่อยู่ถัดมาจะเป็นตัวสลายคลื่นด่านสุดท้ายก่อนไปกระทบผนังปูน วิธีทำคือตัดไมโครไฟเบอร์ตามขนาดแล้วยัดเข้าไปในช่องของโครงคร่าว (โครงคร่าวแนะนำให้ตีถี่หน่อย 30x30 หรือ 40x40)
ก่ออิฐ ฉาบปูน อย่าลืมใส่น้ำยากันชื้นด้วยนะครับ
-
ห้องค่อนข้างยาวดีทีเดียว ครับ แนะนำให้ตีปิดมุมห้องทั้ง 4 ด้าน เพื่อช่วยซับเสียงเบส โดยใส่ไม่โครไฟเบอร์เยอะหน่อย แต่หน้าแคบไปหน่อย ถ้าใส่จอกว้างมากๆ จะบังคับให้เราวางลำโพงห่างมาก ระวังเซ็ทเสียงยากนะครับ อาจต้องดูตรงนี้ให้ดี เช็คก่อนว่าลำโพงเราวางห่างได้มากแค่ไหนโดยเสียงไม่โหว่ บางทีต้องโทอินช่วย ผมคาดว่าห้องกว้าง 3.2 จอไม่น่าได้เกิน 92-95" นะครับ ลองวัดดูอีกที
ผนังไฟเบอร์ซีเมนต์คือพวกเฌอร่ารึป่าว? แนะนำยิปซั่มมากกว่าครับ (หนาซัก 12-15 mm.ชั้นเดียว หรือไม่ก็ 10 mm. สองชั้น)
การบุวัสดุซับเสียงในผนังที่ถูกต้องต้องให้มันอยู่ติดกับตัวผนังยิปซั่มนะครับ ไม่ใช่ไปอยู่ติดผนังปูน เพราะต้องให้ตัวผนังยิปซั่มและไมโครไฟเบอร์เป็นตัวสลายคลื่นก่อน แล้วช่องว่างของอากาศที่อยู่ถัดมาจะเป็นตัวสลายคลื่นด่านสุดท้ายก่อนไปกระทบผนังปูน วิธีทำคือตัดไมโครไฟเบอร์ตามขนาดแล้วยัดเข้าไปในช่องของโครงคร่าว (โครงคร่าวแนะนำให้ตีถี่หน่อย 30x30 หรือ 40x40)
ก่ออิฐ ฉาบปูน อย่าลืมใส่น้ำยากันชื้นด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ คุณ chaiyos
เรื่องการวางลำโพงผมเองคิดอย่างที่คุณ chaiyos แนะนำแต่ใจอยากได้จอใหญ่ (โลภ อ่ะครับ)
กำลังคิดหาแนวทางว่าจะทำอย่างไร โดยมี 2 ทางคือ
1. ยอมให้จอภาพเล็กลง แล้วมีพื้นที่สำหรับวางลำโพง :(
2. ใส่จอให้ใหญ่ดังใจ แล้วตัดใจใช้ลำโพงเล็ก พวก AM :D
ส่วนเรื่อง ไฟเบอร์ซีเมนต์ มันจะคล้ายๆ กับแผ่นยิปซั่มครับ แต่มีความแข็งแรงกว่าครับ
-
ถ้าไม่เน้นฟังเพลงแบบ audiophile และอยากได้จอกว้างแนะนำให้ใช้จอชนิด acoustic transparent ไปเลยก็ได้ครับ
ดังในภาพเป็นเนื้อจอAT เมือนในโรงหนัง หาซื้อเนื้อมาทำจอเองก็ได้เมืองไทยมีขาย ราคาถูกกว่าซื้อสำเร็จรูปมากๆครับ
-
ดูหนังฟังเพลง ลองผนังแบบนี้ก็พอครับ
(http://sv6.ulbuzz.com:81/Ok97mERSkF) (http://www.ulbuzz.com/Ok97mERSkF)
-
หรือแบบนี้
(http://sv6.ulbuzz.com:81/sAAJfc39Jr) (http://www.ulbuzz.com/sAAJfc39Jr)
-
อ้างอิงจากหนังสือเล่มนี้ครับ บทที่ 3 เรื่อง How to Soundproof a Room
(http://sv6.ulbuzz.com:81/KdMLLrp4UK) (http://www.ulbuzz.com/KdMLLrp4UK)
-
ขอบคุณทุกท่านนะครับ
คุณ Dr.nop จอชนิด acoustic transparent คุณภาพของภาพที่ได้เมื่อเทีัยบกับ
จอ stewart ต่างกันมากหรือเปล่าครับ
เพราะคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีครับ สามารถใส่จอได้ใหญ่ ตามที่อยากได้ครับ :)
-
เท่าที่มีข้อมูลเป็นเนื้อจอของ dalite รุ่น hcav (high contrast audio vision) คงไม่เท่ากับ stewart แต่ใกล้เคียงครับ
-
ไฟเบอร์ซีเมนต์ ลองเช็คค่า sound absorbtion coefficient เทียบกับยิปซั่มดูอีกทีนะครับ แข็งแรงกว่าก็จริง แต่ถ้าเนื้อมันแข็งกว่ายิปซั่ม ระวังเสียงกระด้างนะครับ เพราะชื่อมันบอกว่าเหมือนผสมปูนซีเมนต์ไปด้วย โดยเฉพาะห้องหน้าแคบ ถ้าผนังแข็งมาก reflection จะรุนแรงและมาเร็วกว่าหน้ากว้าง เลยไม่แน่ใจว่ามันจะเวิร์คกว่ายิปซั่ม
อย่างผนังห้องผมเองปูชั้นแรกด้วยยิปซั่ม 10mm. แล้วทับด้วย mdf 10mm. อีกชั้น ซึ่งทางคุณวิชัย deco ก็แนะนำผมว่าแบบ hybrid (ยิปซั่ม+mdf) อย่างนี้ผลลัพธ์โดยรวมดีกว่ายิปซั่มหรือ mdf ล้วนทั้งสองชั้น ซึ่งอันนี้แล้วแต่ไอเดียของแต่ละเจ้านะครับ เพราะอย่างคุณโก้ iav จะแนะนำยิปซั่มล้วนมากกว่า แต่ตอนนั้นผมเลือกแบบ hybrid เพราะอยากให้มันแข็งแรงด้วย เนื่องจากผมออกแบบผนัง พื้น เพดาน ทั้ง 6 ด้านให้ให้ตัวได้อยู่แล้ว
-
ขอบคุณครับ คุณ chaiyos
ได้ความรู้และข้อมูลอย่างดีเลยครับ
ตอนนี้ก็ศึกษา หาข้อมูลให้มากที่สุดครับ ก่อนเริ่มทำจริงครับ
-
อยากแนะนำอีกเรื่อง กรณีซีเรียสเรื่องห้องจริงๆ และต้องการหาข้อดีข้อด้อยของห้องอย่างจริงจังแบบ objective โดยการวัด room resonance หรือ room mode โดยต้องใช้เครื่องมือวัดและผู้วัดที่มีความรู้+ประสยการณ์ด้วยครับ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุดไม่เสียเงิน เสียเวลาซ้ำซ้อน โดยการวัดเพื่อดูคาแร็คเตอร์ของห้องในแง่มุมต่างๆ เช่น room response, room gain, waterfall/rise time/decay time, Reverb Time (RT) ต่างๆ เหล่านี้เพื่อดูว่าห้องเราตอบสนองแต่ละช่วงความถี่ได้ดีแค่ไหนมีปัญหาเรื่องความถี่โด่ง (peak) หรือ หาย (null) ที่จุดไหนบ้าง มีการโรลออฟที่ปลายบนปลายล่างที่เท่าไร เสียงแห้งไปหรือเสียงก้องไป ฯลฯ ซึ่งจำเป็นมากในการเซ็ทอัพลำโพงและการเลือกใช้อุปกรณ์อคุสติกแบบมีหลักการ พูดอย่างนี้อาจระคายเคืองเซียน/เทพหลายคนที่บอกว่ากรูก็ใช้หูกรูฟังเองได้ ไม่เห็นต้องใช้เครื่องเลย บางคนฟังเก่งและ"ฟังเป็น"จริงก็น่าจะทำได้ และก็จริงอีกว่าแม้เราจะใช้เครื่องวัดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายต้องมาจูนละเอียดด้วยหูอีกที แต่บังเอิญผมยังไม่เคยเจอเทพคนนั้นเลยครับและตัวเองก็ไม่มีหูเทพกับเขาด้วยก็เลยคิดว่าการวัดห้องเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราไปถูกทางได้ง่ายและตรงเป้ากว่า เพียงแต่มันไม่ได้ได้มาฟรีๆ น่ะสิครับ ต้องจ้างคนที่ทำเป็นมาทำให้ เหมือนการปรับภาพทีวีหรือโปรเจ็คเตอร์เพื่อให้ได้ ความถูกต้องของสีสัน, grayscale tracking, gamma curve แบบเดียวกันเลย เพียงแต่ในเรื่องเสียงลำโพงมี interaction โดยตรงกับห้อง ปรับแก้ค่าต่างๆในลำโพง/แอมป์/ซีดีไม่ได้ มันเลยยากกว่าการปรับภาพที่สามารถ calibrate ที่ตัว hardware โดยตรงได้เลย
ลองพิจารณาดูครับ
-
อยากแนะนำอีกเรื่อง กรณีซีเรียสเรื่องห้องจริงๆ และต้องการหาข้อดีข้อด้อยของห้องอย่างจริงจังแบบ objective โดยการวัด room resonance หรือ room mode โดยต้องใช้เครื่องมือวัดและผู้วัดที่มีความรู้+ประสยการณ์ด้วยครับ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุดไม่เสียเงิน เสียเวลาซ้ำซ้อน โดยการวัดเพื่อดูคาแร็คเตอร์ของห้องในแง่มุมต่างๆ เช่น room response, room gain, waterfall/rise time/decay time, Reverb Time (RT) ต่างๆ เหล่านี้เพื่อดูว่าห้องเราตอบสนองแต่ละช่วงความถี่ได้ดีแค่ไหนมีปัญหาเรื่องความถี่โด่ง (peak) หรือ หาย (null) ที่จุดไหนบ้าง มีการโรลออฟที่ปลายบนปลายล่างที่เท่าไร เสียงแห้งไปหรือเสียงก้องไป ฯลฯ ซึ่งจำเป็นมากในการเซ็ทอัพลำโพงและการเลือกใช้อุปกรณ์อคุสติกแบบมีหลักการ พูดอย่างนี้อาจระคายเคืองเซียน/เทพหลายคนที่บอกว่ากรูก็ใช้หูกรูฟังเองได้ ไม่เห็นต้องใช้เครื่องเลย บางคนฟังเก่งและ"ฟังเป็น"จริงก็น่าจะทำได้ และก็จริงอีกว่าแม้เราจะใช้เครื่องวัดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายต้องมาจูนละเอียดด้วยหูอีกที แต่บังเอิญผมยังไม่เคยเจอเทพคนนั้นเลยครับและตัวเองก็ไม่มีหูเทพกับเขาด้วยก็เลยคิดว่าการวัดห้องเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราไปถูกทางได้ง่ายและตรงเป้ากว่า เพียงแต่มันไม่ได้ได้มาฟรีๆ น่ะสิครับ ต้องจ้างคนที่ทำเป็นมาทำให้ เหมือนการปรับภาพทีวีหรือโปรเจ็คเตอร์เพื่อให้ได้ ความถูกต้องของสีสัน, grayscale tracking, gamma curve แบบเดียวกันเลย เพียงแต่ในเรื่องเสียงลำโพงมี interaction โดยตรงกับห้อง ปรับแก้ค่าต่างๆในลำโพง/แอมป์/ซีดีไม่ได้ มันเลยยากกว่าการปรับภาพที่สามารถ calibrate ที่ตัว hardware โดยตรงได้เลย
ลองพิจารณาดูครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ ดีๆ ครับผม :)
-
อยากแนะนำอีกเรื่อง กรณีซีเรียสเรื่องห้องจริงๆ และต้องการหาข้อดีข้อด้อยของห้องอย่างจริงจังแบบ objective โดยการวัด room resonance หรือ room mode โดยต้องใช้เครื่องมือวัดและผู้วัดที่มีความรู้+ประสยการณ์ด้วยครับ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุดไม่เสียเงิน เสียเวลาซ้ำซ้อน โดยการวัดเพื่อดูคาแร็คเตอร์ของห้องในแง่มุมต่างๆ เช่น room response, room gain, waterfall/rise time/decay time, Reverb Time (RT) ต่างๆ เหล่านี้เพื่อดูว่าห้องเราตอบสนองแต่ละช่วงความถี่ได้ดีแค่ไหนมีปัญหาเรื่องความถี่โด่ง (peak) หรือ หาย (null) ที่จุดไหนบ้าง มีการโรลออฟที่ปลายบนปลายล่างที่เท่าไร เสียงแห้งไปหรือเสียงก้องไป ฯลฯ ซึ่งจำเป็นมากในการเซ็ทอัพลำโพงและการเลือกใช้อุปกรณ์อคุสติกแบบมีหลักการ พูดอย่างนี้อาจระคายเคืองเซียน/เทพหลายคนที่บอกว่ากรูก็ใช้หูกรูฟังเองได้ ไม่เห็นต้องใช้เครื่องเลย บางคนฟังเก่งและ"ฟังเป็น"จริงก็น่าจะทำได้ และก็จริงอีกว่าแม้เราจะใช้เครื่องวัดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายต้องมาจูนละเอียดด้วยหูอีกที แต่บังเอิญผมยังไม่เคยเจอเทพคนนั้นเลยครับและตัวเองก็ไม่มีหูเทพกับเขาด้วยก็เลยคิดว่าการวัดห้องเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราไปถูกทางได้ง่ายและตรงเป้ากว่า เพียงแต่มันไม่ได้ได้มาฟรีๆ น่ะสิครับ ต้องจ้างคนที่ทำเป็นมาทำให้ เหมือนการปรับภาพทีวีหรือโปรเจ็คเตอร์เพื่อให้ได้ ความถูกต้องของสีสัน, grayscale tracking, gamma curve แบบเดียวกันเลย เพียงแต่ในเรื่องเสียงลำโพงมี interaction โดยตรงกับห้อง ปรับแก้ค่าต่างๆในลำโพง/แอมป์/ซีดีไม่ได้ มันเลยยากกว่าการปรับภาพที่สามารถ calibrate ที่ตัว hardware โดยตรงได้เลย
ลองพิจารณาดูครับ
อืม...มีครับ แต่ไม่เปิดตัวเองเลยซักคน เพราะคนที่รู้และเรียนมาทางด้านเสียงโดยตรงมีครับ
ผมเองอยู่ตรงนี้มาก็นาน รู้จักคนทำห้องมาก็มาก ล้วนแต่คิดเอาเองทั้งนั้นส่วนมาก ผู้ที่รู้จักที่เก่งจริงๆนะไม่เคยมาแสดงตัวเลย อันนี้เรื่องจริง!
คุณชัยยศพูดถูกทุกประการ ไม่มีผิดแม่แต่เรื่องเดียว บางคนคุยเรื่องเทคนิคเก่งมาก ทำออกมา อืม....พูดไม่ออกจริงๆครับพี่ชัยยศ
ทุกวันนี้ทำห้องกันต้องมีไม้ล่องกันเกือบทุกห้อง ขอถาม ไม่มีไม้ล่องได้เปล่า หรือถ้าไม่มีก็จะดูว่าไม่มืออาชีพหรือเปล่า หรือถูกว่า ว่าเล่นเครื่องเสียงไม่เป็น
ที่ทำห้องกันทุกวันนี้ ทำกันแต่เปลือก หมายความว่า ทำกันที่ด้านนอกคือภาพในห้อง ที่ถูกต้องที่สุดคือ
ภายในกำแพงหรือในผนัง แก่นครับแก่น ไม่ใช้เปลือก ชอบทำกันจังเปลือกนะ ห้องที่ที่ดีควรเก็บความความถี่ต่ำได้ดี
ค่าพวกนี้คนทำห้องรู้กันแค่ไหน room response, room gain, waterfall/rise time/decay time, Reverb Time (RT) ฯลฯ
Dimension ก็ชอบคิดเอาเอง 4*6เนี่ยยอดฮิดเจง เคยคำนวณหา Dimension ที่ถูกต้องกันบ้างไหม
ที่สำคัญ อย่าคิดเอาเอง "ผมคิดว่า" คำนี้ต้องเลิกพูด
ห้องที่ผมเจอส่วนใหญ่มีปัญหาที่ ความถี่ต่อไปนี้
25Hz ห้องกระพือเป็นเจ้าเข้า
30Hz-60Hz ย่านความถี่นี้เกี่ยวข้องกับ Dimension ห้องโดยตรง บางห้องมากบางห้องหาย ระวังให้มากตรงนี้
70Hz-90Hz เป็นอย่านความถี่ที่ทุกคนกลัว บวมเบลอไง
100Hz-150Hz เบลอและมั่วมาก
เอาแค่นี้ก่อน
-
ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละคุณเล็ก คนเก่งจริงมีแต่ไม่ค่อยออกมาบอกกัน ผมก็เลยไม่มีบุญได้เจอ บางทีเขาอาจไม่ค่อยอยากยุ่งหรือไม่ค่อยอยากให้ใครมายุ่ง ขอเล่นของฉันคนเดียวหรือในกลุ่มก๊วนสนิทๆกันเท่านั้นมากกว่า น่าเสียดายเหมือนกัน แต่ผมก็เข้าใจได้นะ การเล่นเครื่องเสียงมันมีรสนิยมส่วนตัวเยอะอยู่ ทำห้องให้ถูกต้องแค่ไหนไม่ได้แปลว่าจะถูกหูถูกใจเรา เราชอบไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะชอบตามเรา แถมทำห้องเสร็จแล้ว ห้องดีด้วย แต่ยังมีอีกตัวแปรนึงคือคุณภาพของซิสเต็มที่ใช้ในห้อง
เรื่องไม้ร่องนี่ก็จริงครับ เป็นอิมเมจอย่างหนึ่งที่ถูกปลูกฝังกันมานานพอควร คงเพราะคนริเริ่มในบ้านเราหลายๆเจ้า สร้างชื่อจากไม้ร่องพวกนี้ เลยทำให้เชื่อต่อๆกันมาว่ามันคือ solution ครอบจักรวาล ทำให้คนส่วนมากมองว่าต้องมีไม้ร่องถึงจะดูโปรฯ แต่ผมว่าสมัยนี้น่าจะมีนักเล่นที่มีประสบการณ์และมีวุฒิภาวะที่ไม่มองแค่เปลือกมากกว่าก่อนแล้วมั้ง? เมื่อก่อนจะ subjective กันเยอะแต่อนาคตแนวทางแบบ objective ก็คงมาในที่สุด เหมือนการปรับภาพสมัยนี้มีการพัฒนาไปมาก แต่ที่สุดแล้วไม้ร่องก็มีดีในตัวมันเอง เหมือนอุปกรณ์อคุสติคอื่นๆที่ต่างก็มีประโยชน์ใช้สอยของตัวมันเอง อยู่ที่การนำมาเลือกใช้ให้ถูกจุดมากกว่า
ประเด็นเรื่องหลักการทำห้องและความหมายของค่าการวัดต่างๆ ผมว่าเจ้าของห้องส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้กันหรอก แต่ไม่แปลกนะเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย และส่วนใหญ่ต้องอ่านหนังสือฝรั่ง ศัพท์เทคนิคเพียบ ขนาดภาษาอังกฤษผมนับว่าแข็งแรงอ่านไปหลายรอบก็ยังมึนตึ้บ ประเด็นมันอยู่ที่ว่าถ้าคนที่อยากทำห้องฟังไม่ขวนขวายหาความรู้เองบ้างก็อย่าหวังว่าจะทำได้ดีหรือจะไม่หลงทาง ผมว่ายังดีที่บ้านเรายังพอมีคนรับจ้างทำห้องที่มีความรู้ประสบการณ์และจรรยาบรรณอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่มีเลย ดังนั้นหากคนที่พอมีความรู้อย่างเพื่อนๆพี่ๆ หลายๆคนหรือแม้กระทั่งคุณเล็กเองช่วยกันแบ่งปันประสบการณ์ด้วยก็คงดีไม่น้อย
เรื่อง dimension สัดส่วนห้องจริงครับที่คนส่วนใหญ่ "คิดว่า" 4 x 6 คือขนาดมาตรฐาน เมื่อก่อนผมก็ยังเคยเชื่อตามเขาแบบนี้เลย อิอิ เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าถ้าอยากได้ห้องที่ดี สัดส่วนที่ถูกต้องต้องมาก่อนเลย เพราะหลักการทำห้องที่ครบถ้วนตามผมเข้าใจมี 3 ส่วนหลักๆ และเรียงตาม step ในการทำห้องด้วย คือ
1) หาสัดส่วนห้องที่เป็นกลางที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน แล้วสร้างห้องตามขนาดนั้น เพื่อให้ห้องเป็นตัวสร้างปัญหา room resonance ให้น้อยความถี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะที่ช่วงความถี่ต่ำที่มักเป็นปัญหาอย่างที่คุณเล็กพูดเลย
2) สร้างห้องให้มีโครงสร้างของห้องที่แข็งแรงแต่ให้ตัวได้เพื่อลดความรุนแรงของคลื่นความถี่ต่างๆโดยเฉพาะความถี่ต่ำอีกเช่นกัน
3) ใช้อุปกรณ์ปรับอคุสติคเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการก้องสะท้อนโดยละเอียดเป็นขั้นสุดท้าย ซึ่งถ้าขั้นตอนแรกสัดส่วนห้องดีแล้ว ปัญหาที่จะต้องแก้ก็จะน้อย และการจูนด้วยหูเป็นครั้งสุดท้ายก็จะง่ายขึ้นเยอะ
แต่ปัญหาคือจะมีซักกี่คนที่มีบ้านหรือพื้นที่ในบ้านที่สามารถสร้างห้องใหม่ได้ตามใจปรารถนา
ผมมองรวมๆ ว่าการสร้างห้องฟังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนส่วนใหญ่ และในชีวิตนึงมักทำได้อย่างมากก็ห้องสองห้อง แทบไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย (คิดไปคิดมา เหมือนการมีเมียแฮะ อิอิ) แต่หากใครรักในการเล่นเครื่องเสียงแบบจริงจังถึงแก่นอย่างแท้จริง และไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง การเข้ามาเรียนรู้เรื่องนี้จะเป็นการเปิดหูเปิดตาอย่างมาก ผมเชื่ออย่างนั้นนะ
-
ดีจังครับกระทู้นี้
อยากให้คนที่มีความรู้+ประสบการณ์ ในการทำห้องมาช่วยกันแชร์ความรู้
ให้กับคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำห้อง เชื่อว่าทุกคนที่กำลังจะเริ่มก็คงต้องการข้อมูลอย่างมาก
เช่น สัดส่วนห้อง ความสูง วัสดุ ระบบไฟ ฯลฯ
ยิ่งเขียนเป็นบทความเลยได้ยิ่งดีเลย เพราะเชื่อว่าคนที่กำลังเริ่มต้นใหม่มีเพิ่มขึ้นทุกๆวัน
มีคำถามซ้ำๆกันอยู่ตลอดเวลา น่าจะมีประโยชน์มากนะครับ
-
ดีจังครับกระทู้นี้
อยากให้คนที่มีความรู้+ประสบการณ์ ในการทำห้องมาช่วยกันแชร์ความรู้
ให้กับคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำห้อง เชื่อว่าทุกคนที่กำลังจะเริ่มก็คงต้องการข้อมูลอย่างมาก
เช่น สัดส่วนห้อง ความสูง วัสดุ ระบบไฟ ฯลฯ
ยิ่งเขียนเป็นบทความเลยได้ยิ่งดีเลย เพราะเชื่อว่าคนที่กำลังเริ่มต้นใหม่มีเพิ่มขึ้นทุกๆวัน
มีคำถามซ้ำๆกันอยู่ตลอดเวลา น่าจะมีประโยชน์มากนะครับ
บทความคงอยากนะ
พี่ชัยยศพูดถูกอีกและ แย่จังหมดเรื่องพูดเลยเรา
จากการไปตามบ้านคนเล่นเครื่องเสียงมานับพันห้อง
ปัญหามีอยู่สองเรื่องหลักที่เจอคือ
1.Dimension ห้องผิด ร้อยละ99.99ผิดครับ
2.โครงสร้างของผนังห้อง มันแถบไม่เก็บเสียงต่ำเอาเสียเลยพับผ่าซิ
ผนังห้องเนี่ยผิดเกือบทั้งนั้น เก็บย่านความถี่ต่ำได้ไม่ดี แต่ยังช่วยสร้างคลื่นเสียงใหม่ซะงั้น หรือไม่ก็ซับกันเสียจนเกินงาม หรืออีกอย่างก็สะท้อนเสียจนฟังเสียงจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย เจ๋งจริงๆ
ฉนั้นควรให้ความสำคัญภายในผนังก่อนเด้อพี่น้อง นอกผนังแล้วแต่ท่านครับ
-
คุณเล็กอย่าเอาแต่บ่นสิ ว่าส่วนใหญ่คิดผิดทำผิด ลองแนะนำเพื่อนๆกันหน่อยสิ ว่าถ้าอยากเริ่มต้นให้ถูกทางควรทำยังไง ช่วยๆ กันหน่อย
เอ้า..ผมลองดูก่อนก็ได้...
1. dimension ห้อง มีหลายสูตรมาก ทั้งซับซ้อนมาก/น้อย แนะนำตัวไหนดีอ่ะ? ผมว่าของ robert harley ก็ใช้ได้ ผมมีตารางคำนวณ room resonance ของ Russ Herschelman เป็น excel file ใครอยากได้จะ pm ไปให้ เฮียคนนี้แกเป็น home theater designer/consultant ระดับเทพคนนึงของเมกา แต่ผมต้องกลับไปหาคู่มือที่เป็นคำอธิบายก่อน จำได้ไม่หมด เดี๋ยวได้สูตรไปงงตายห่า อิอิ ตอนผมทำห้องก็ได้ใช้สูตรของแกประกอบกับสูตรที่แนะนำไว้ใน master handbook of acoustic ของ F Averest ที่เป็นระดับคัมภีร์เล่มนึงของวงการ (แต่อ่านยากชิปเป้งเลย) แต่สุดท้ายต้องพึ่งสูตรของ RPG เป็นหลักเพราะซับซ้อนไปอีกนิดตรงที่เขาใช้สเป็คของลำโพงที่เราจะใช้ในห้องมาเป็นตัวแปรในการคาดการณ์ผลด้วย แต่ขนาดห้องที่ได้จากที่ RPG แนะก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับสูตรอื่นๆที่กล่าวมาพอสมควร ถือเป็นการยืนยันว่าของแบบนี้มันมีการศึกษาชำแหละกันมามากแล้ว ไม่หนีกันเท่าไร
อีก 2 ข้อแนะนำหน่อยดิ...
2. โครงสร้างห้องที่เก็บเสียงต่ำดีๆ ทำไงท่าน?
3. การทำภายในผนัง แปลว่าไร? หมายถึงด้านในห้องที่เราอยู่ หรือภายในตัวผนัง (เช่นโครงคร่าว การบุวัสดุซับเสียง)?
-
คุณเล็กอย่าเอาแต่บ่นสิ ว่าส่วนใหญ่คิดผิดทำผิด ลองแนะนำเพื่อนๆกันหน่อยสิ ว่าถ้าอยากเริ่มต้นให้ถูกทางควรทำยังไง ช่วยๆ กันหน่อย
เอ้า..ผมลองดูก่อนก็ได้...
1. dimension ห้อง มีหลายสูตรมาก ทั้งซับซ้อนมาก/น้อย แนะนำตัวไหนดีอ่ะ? ผมว่าของ robert harley ก็ใช้ได้ ผมมีตารางคำนวณ room resonance ของ Russ Herschelman เป็น excel file ใครอยากได้จะ pm ไปให้ เฮียคนนี้แกเป็น home theater designer/consultant ระดับเทพคนนึงของเมกา แต่ผมต้องกลับไปหาคู่มือที่เป็นคำอธิบายก่อน จำได้ไม่หมด เดี๋ยวได้สูตรไปงงตายห่า อิอิ ตอนผมทำห้องก็ได้ใช้สูตรของแกประกอบกับสูตรที่แนะนำไว้ใน master handbook of acoustic ของ F Averest ที่เป็นระดับคัมภีร์เล่มนึงของวงการ (แต่อ่านยากชิปเป้งเลย) แต่สุดท้ายต้องพึ่งสูตรของ RPG เป็นหลักเพราะซับซ้อนไปอีกนิดตรงที่เขาใช้สเป็คของลำโพงที่เราจะใช้ในห้องมาเป็นตัวแปรในการคาดการณ์ผลด้วย แต่ขนาดห้องที่ได้จากที่ RPG แนะก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับสูตรอื่นๆที่กล่าวมาพอสมควร ถือเป็นการยืนยันว่าของแบบนี้มันมีการศึกษาชำแหละกันมามากแล้ว ไม่หนีกันเท่าไร
อีก 2 ข้อแนะนำหน่อยดิ...
2. โครงสร้างห้องที่เก็บเสียงต่ำดีๆ ทำไงท่าน?
3. การทำภายในผนัง แปลว่าไร? หมายถึงด้านในห้องที่เราอยู่ หรือภายในตัวผนัง (เช่นโครงคร่าว การบุวัสดุซับเสียง)?
บวกอีกหนึ่ง ASC
ผนังห้องที่ว่าเก็บความถี่ต่ำ(20Hz-150Hz) เรียกว่า IsoWall ว่างจากงาน จะมาเล่าให้ฟังครับ
สำหรับข้อ2และข้อ3
เอาลิ้งค์มาให้ดูและอ่านกันก่อนครับ SCG ที่ทำห้องShow ในงานแสดงเครื่องเสียงที่ผ่านมีวัสดุบางส่วนที่ใช้ในระบบ IsoWall ครับ
http://www.asc-soundproof.com/iso-diagrams.htm
http://www.asc-soundproof.com/isodamp-fast-facts.pdf
-
ผมเคยศึกษาวิธีการของ ASC และคิดจะทำตามแล้ว เพราะเป็นวิธีการที่เข้าท่ามากทีสุดวิธีนึงแต่ ซับซ้อนมาก แต่ต้องมาจอดสนิทเลยเพราะวัสดุบางอย่างหาไม่ได้ในบ้านเราคือ Resilient Channel ที่เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ผนังให้ตัวได้นี่แหละ หาซื้อไม่ได้เลย ไม่รู้ตอนนี้มีขายรึยัง
ทำห้องเต็มสูตร ASC คงเหมาะกับนักเล่นใจถึงเงินถึง สำหรับคนที่มีงบย่อหย่อนลงมาคงต้องลองสูตร Wall Damp Economy หรือ Wall Damp for Existing Wall ที่ดูจากภาพแล้วน่าจะลงทุนไม่สูงนัก น่าสนใจดี
-
คุณ chaiyos กับ คุณ M.lex คุยกันเยอะๆ นะครับ O0
ผมได้ความรู้ และแนวทางในการหาข้อมูลเพิ่มเิติมเป็นอย่างดีเลยครับ :clap
-
ผมลอง วาดรูปการจัดวาง จอภาพ และ การวางลำโพงตั้งพื้นดู ซึ่งลักษณะดังกล่าว
ไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้หรือเปล่าครับ เพราะจะแก้ปัญหาลำโพงบังจอภาพครับ