HTG2.club

Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: thaisolar ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 02:41:25 pm

หัวข้อ: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: thaisolar ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 02:41:25 pm
เห็นหลายๆท่านชอบใช้ C Oil ต่อในวงจรแอมป์กันมาก และค่าก็ไม่สูงเท่าไรเช่น 10uf, 20uf, 40uf.....
ไม่ทราบว่าเอาไปต่อตรงส่วนไหนของวงจร แล้วให้ผลต่อเสียงอย่างไรบ้าง
แล้วถ้าวงจร EL34 SE ตามนี้ผมควรจะเอามาต่อตรงจุดไหนบ้าง และควรจะใช้ค่าประมาณเท่าไรดีครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Southern man ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 02:53:28 pm
C coupling ตรง0.1/400 กับ ตัวแรกภาคจ่ายไฟ มังครับ :D :D :D
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Mc ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 03:04:18 pm
ค่า 10-40 ใส่ตรงลูกศรชี้ครับ เสตจแรกของภาคจ่ายไฟ ค่าที่ใช้ต้องดู ดาต้าชีทหลอดประกอบว่า ใช้ C ตัวแรกได้ไม่เกินเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: thaisolar ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 03:09:07 pm
ค่า 10-40 ใส่ตรงลูกศรชี้ครับ เสตจแรกของภาคจ่ายไฟ ค่าที่ใช้ต้องดู ดาต้าชีทหลอดประกอบว่า ใช้ C ตัวแรกได้ไม่เกินเท่าไหร่

ครับ แล้วในวงจรระบุว่าใช้ค่า 100uf เราใส่ค่า 10-40 แทนได้เลย หรือว่าแค่ขนานเข้าไป แล้วผลมันดียังไงครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Emmy's Daddy ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 03:18:46 pm
ค่า 10-40 ใส่ตรงลูกศรชี้ครับ เสตจแรกของภาคจ่ายไฟ ค่าที่ใช้ต้องดู ดาต้าชีทหลอดประกอบว่า ใช้ C ตัวแรกได้ไม่เกินเท่าไหร่

ครับ แล้วในวงจรระบุว่าใช้ค่า 100uf เราใส่ค่า 10-40 แทนได้เลย หรือว่าแค่ขนานเข้าไป แล้วผลมันดียังไงครับ

ที่จริง ตามสเปค ของ GZ34 ไม่ควรใช้ C ตัวแรกเกิน 60U นะครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: นก ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 03:39:06 pm
ใช้กับ stage แรกของภาคจ่ายไฟครับ และ stage ที่ 2 ด้วยก็ได้
ถ้า GZ34 แนะนำให้ใช้ 40 ครับ ใส่แทน 100 ได้เลย ครับ
ไม่ควรใส่ค่ามากนัก เวลาเปิดไฟจะกระชาก (เพราะค่าVAR )และเสียงจะช้า อืดครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: thaisolar ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 04:20:38 pm
ใช้กับ stage แรกของภาคจ่ายไฟครับ และ stage ที่ 2 ด้วยก็ได้
ถ้า GZ34 แนะนำให้ใช้ 40 ครับ ใส่แทน 100 ได้เลย ครับ
ไม่ควรใส่ค่ามากนัก เวลาเปิดไฟจะกระชาก (เพราะค่าVAR )และเสียงจะช้า อืดครับ


ตอนนี้ผมใช้ 5U4G แทนครับ เพราะ GZ34 ใส่ทีแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเปลี่ยน C ตัวที่สองเป็น sprague ค่าเท่าเดิม ปรากฏว่าในหลอดมีไฟกระโดดแสงวาบๆ น่ากลัวมาก
แล้วก็มีเสียงดังบรือๆๆๆ ออกลำโพง ต้องรีบดึงปลั๊กออก ลองเสียบดูใหม่ก็เห็นไฟกระโดดอยู่ในหลอดเหมือนเดิม
ก็เลยสันนิฐานว่ามันคงน้อยใจกลับบ้านเก่าไปแล้วพร้อมกับค่าตัวที่แสนแพงด้วย  :'(
ตอนนี้ก็เลยกลับมาใช้ 5U4G เหมือนเดิม สงสัยผมจะไม่ถูกกับของแพงแฮะ  :-\
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: YOD ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 05:14:42 pm
เห็นหลายๆท่านชอบใช้ C Oil ต่อในวงจรแอมป์กันมาก และค่าก็ไม่สูงเท่าไรเช่น 10uf, 20uf, 40uf.....
ไม่ทราบว่าเอาไปต่อตรงส่วนไหนของวงจร แล้วให้ผลต่อเสียงอย่างไรบ้าง
แล้วถ้าวงจร EL34 SE ตามนี้ผมควรจะเอามาต่อตรงจุดไหนบ้าง และควรจะใช้ค่าประมาณเท่าไรดีครับ
เมื่อผมทำวงจรนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณ7ปีมาแล้วได้มังจำไม่ได้ผมใช้ 5u4และใช้Cตัวแรกเท่ากับวงจรที่ระบุอยู่นาน จนมาอ่านDATAอย่างละเอียดอีกครั้งเลยเข้าใจและเปลี่ยนตามDATAหลอดระบุไว้แล้ว หลอดก็ยังไม่เสียครับ นับว่าเป็นความโชคดีไป และได้ทำอีกครั้งหนึ่งล่าสุดนี้ก็ใช้C Oil เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: ช็อต ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 05:24:02 pm
ตรงภาคจ่ายไฟใส่ทุกตัวก็ได้ครับ O0
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.so-nE ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 06:05:18 pm
เห็นหลายๆท่านชอบใช้ C Oil ต่อในวงจรแอมป์กันมาก และค่าก็ไม่สูงเท่าไรเช่น 10uf, 20uf, 40uf.....
ไม่ทราบว่าเอาไปต่อตรงส่วนไหนของวงจร แล้วให้ผลต่อเสียงอย่างไรบ้าง
แล้วถ้าวงจร EL34 SE ตามนี้ผมควรจะเอามาต่อตรงจุดไหนบ้าง และควรจะใช้ค่าประมาณเท่าไรดีครับ
เมื่อผมทำวงจรนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณ7ปีมาแล้วได้มังจำไม่ได้ผมใช้ 5u4และใช้Cตัวแรกเท่ากับวงจรที่ระบุอยู่นาน จนมาอ่านDATAอย่างละเอียดอีกครั้งเลยเข้าใจและเปลี่ยนตามDATAหลอดระบุไว้แล้ว หลอดก็ยังไม่เสียครับ นับว่าเป็นความโชคดีไป และได้ทำอีกครั้งหนึ่งล่าสุดนี้ก็ใช้C Oil เหมือนกัน
แต่ก็ยังได้แชมป์ ;D ;D
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: thaisolar ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 06:53:33 pm
เห็นหลายๆท่านชอบใช้ C Oil ต่อในวงจรแอมป์กันมาก และค่าก็ไม่สูงเท่าไรเช่น 10uf, 20uf, 40uf.....
ไม่ทราบว่าเอาไปต่อตรงส่วนไหนของวงจร แล้วให้ผลต่อเสียงอย่างไรบ้าง
แล้วถ้าวงจร EL34 SE ตามนี้ผมควรจะเอามาต่อตรงจุดไหนบ้าง และควรจะใช้ค่าประมาณเท่าไรดีครับ
เมื่อผมทำวงจรนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณ7ปีมาแล้วได้มังจำไม่ได้ผมใช้ 5u4และใช้Cตัวแรกเท่ากับวงจรที่ระบุอยู่นาน จนมาอ่านDATAอย่างละเอียดอีกครั้งเลยเข้าใจและเปลี่ยนตามDATAหลอดระบุไว้แล้ว หลอดก็ยังไม่เสียครับ นับว่าเป็นความโชคดีไป และได้ทำอีกครั้งหนึ่งล่าสุดนี้ก็ใช้C Oil เหมือนกัน
แต่ก็ยังได้แชมป์ ;D ;D

หุๆ นั่นน่ะสิ ได้แชมป์เพราะงี้เอง  ;D
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: ลำน้ำ ที่ 03 พฤศจิกายน, 2010, 07:12:55 pm
(http://www.mif.pg.gda.pl/homepages/frank/short/001/5/5U4.gif)

ผมคิดว่า

ค่าที่เค้าให้เป็น ค่า Max ครับ หมายถึง ทุกอย่าง max  เช่น ถ้าใช้ไฟถึง 450V-0-450V ใช้ C ได้สูงสุด 32uF
แต่ถ้าใช้ไฟไม่ถึง 450V-0-450V สามารถใช้ C ได้มากกว่า 32uF ครับ

แต่ผมไม่ทราบว่าเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่ผมใช้โปรแกรม sim ครับ สำหรับผม ผมถือว่า work มากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Aufklarung ที่ 04 พฤศจิกายน, 2010, 09:39:08 am
(http://www.mif.pg.gda.pl/homepages/frank/short/001/5/5U4.gif)

ผมคิดว่า

ค่าที่เค้าให้เป็น ค่า Max ครับ หมายถึง ทุกอย่าง max  เช่น ถ้าใช้ไฟถึง 450V-0-450V ใช้ C ได้สูงสุด 32uF
แต่ถ้าใช้ไฟไม่ถึง 450V-0-450V สามารถใช้ C ได้มากกว่า 32uF ครับ

แต่ผมไม่ทราบว่าเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่ผมใช้โปรแกรม sim ครับ สำหรับผม ผมถือว่า work มากๆ ครับ
ไม่ใช่ครับ ค่าสูงสุดตัวนี้ส่วนมากอธิบายกันว่ามีผลเป็นนัยสำคัญกับ ไฟกระชากเมื่อตอนเริ่มเปิดใหม่ๆ (surge current)
ที่ผ่านหลอด ถ้าค่ามากเกินไป จะเกิดการอาร์คข้ามชิ้นส่วนในตัวหลอด เสมือนว่าเกิดการช๊อตที่คาโถดลง ground ชั่วขณะ
ซึ่งระยะเวลานี้จะขึ้นกับความจุยิ่งมากก็ยิ่งนาน ซึ่งถ้าใช้ตามสเป็คจะไม่เกิดการอาร์คที่ว่าเลย (แต่ใช้น้อยเกินไปก็ริปเปิลสูง)
สำหรับตัวแรกนี้โดยมากจะแนะนำให้ใช้เท่าสเป็คหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ไว้เพิ่มที่ตัวหลัง (และใช้โช๊คที่ค่าสูงพอสมควร 2H++)
ซึ่งค่าแรงไฟที่ทำให้อาร์คได้นี้ ไม่จำเป็นว่าจะเป็นค่าสูงสุดก็อาร์คได้ครับ

เพื่อหลีกเลี่ยงอาการนี้ ฝรั่งหลายคนเปลี่ยนไปใช้วงจร choke input แทน คือเพิ่มไฟACแล้วไม่ใส่ C ตัวแรก (แรงไฟขาออกของ choke input
จะต่ำกว่าไฟขาเข้ามาก) หรือหลายท่านเอา R ค่าต่ำๆมาคั่นระหว่างคาโถด(ใส้หลอด) กับ C ตัวแรกเพื่อไม่ให้ไฟกระชากจากภาวะช๊อต
ชั่วคราวนี้มากเกินไปครับ

ส่วนที่ถามว่า C Oil ใช้ตำแหน่งใหน ก็ตำแหน่ง C ตัวแรกนี่ล่ะครับ ค่าที่ใช้และขนาดตัวมันเหมาะสม  :bye1

---- เพิ่มเติม ----
ลองอ่าน note ตอนท้ายดูครับ http://www.triodeel.com/ptnotes.htm
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: EaGLEViEW ที่ 04 พฤศจิกายน, 2010, 03:22:16 pm
เก็บความรู้คร๊าบๆๆๆ    ขอบคุณครับ  O0 O0
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: YOD ที่ 04 พฤศจิกายน, 2010, 11:44:27 pm
เอารูปมาให้ดูว่าใช้จริงๆนะ EL34SE อีกรูป13GF7 ใช้3ตัว  Y]
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: ลำน้ำ ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 01:13:50 am
แลกเปลียนกันนะครับ น้าอังกาลุง

จาก text ... ผมยังไม่เห็นว่า มีอะไรขัดแย้งจากสิ่งที่ผมตั้งสมมุติฐานไว้อะครับ ...
5U4 เค้าให้ใช้ตั้ง 100uF  (เท่าที่เราเชื่อ กันคือ 32uF) ซึ่งเหมือนจะเสริมความเชี่อของผมด้วยซ้ำไปครับ

ตัวอย่างที่ผมคิด คือ ผมคิดว่า หลอด 5R4 เราสามารถใช้ C oil ตัวแรก ได้สูงกว่า 4uF ถ้าเราใช้ไฟ AC แค่ 250V-0-250V แทนที่จะเป็น 900V-0-900V ครับ
(คือเรามักจะคิดว่า ต้องไม่เกิน 4uF ตลอด ไม่ว่าใช้ไฟเท่าไหร่ อะครับ ผมเห็นแย้งตรงจุดนี้ครับ)

ปล ... แต่ได้ความรู้เรื่องการใช้ Diode เพิ่มขึ้นครับ  แต่ยังคิดไม่ออกว่า ทำไมขนานแล้ว ไม่ได้กระแสเพิ่ม (น่าจะเพิ่ม)  ;D ;D ;D
------------------------------------------------------------------------------------------------
One of the most overlooked specs regarding tube amplifiers is the one about the maximum size of capacitor that may be hooked directly to the tube's filament or cathode. This spec has been pushed a lot by OEM's in recent years, resulting in a higher than normal instance of tube arc-over failure in these amplifiers, when the capacitors charge up initially, the maximum surge current rating is exceeded. A good rule of thumb is that capacitors no larger than 100 uF should be attached directly to a filament-cathode (5U4,etc), no larger than 50 uF to a heater- cathode (5AR4, etc). Large filter capacitors up to 500 uF (maybe more) can be used with a tube recitifier, provided enough impedance (usually a choke at least 2 henries) is between the tube and the capacitor is used. Thus a pi-filter can be made with a 50 to 100 uF cap, a choke, then another capacitor of much higher value after that.

If silicon rectifiers are used, the ratings should be at least double what the diode is likely to see. Silicon diodes can not be paralleled to increase current rating, but they can be wired in series to increase voltage rating. If run in series each diode shold be paralleled by a 470K resistor (any wattage will do) and a 1000 pf capacitor (same voltage rating as the diode).

-----------------------------------------------------------------------------------------------

สิ่งนึงของสเปคที่มักถูกมองข้ามมากที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับแอมป์หลอด คือ สิ่งที่เกี่ยวกับขนาดสูงสุด ของคาปาซิเตอร์ ที่อาจจะถูกต่อตรงไปยังใส้หลอดหรือแคโธด  สเปคนี้ถูกผลักดันอย่างมากโดย OEM's ในหลายปีที่เพิ่งผ่านมานี้   ส่งผลให้พังจากการ อาค สูงกว่าค่าปกติของหลอดในแอมป์เหล่านี้  เมื่อคาปาซิเตอร์เพิ่มประจุตอนเริ่มต้น  ค่ากระแสกระชากสูงสุดมากเกิน  กฎที่ดีอย่างนึงคือคาปาซิเซเตอร์ไม่มากกว่า 100uF ที่ควรจะต่อตรงไปยัง ใส้หลอด-แคโธด (5U4 เป็นต้น)  ไม่มากกว่า 50uF ไปยัง ใส้หลอด แคโธด (5AR4)    คาปาซิเตอร์ให้กรองกระแสขนาดใหญ่ สูงถึง 500uF (อาจจะมากกว่า) สามารถถูกใช้ได้กับหลอดเรียงกระแส และ ทำให้ อิมพีแดนซ์ (ต่ำ) พอ (ตามปกติ โช๊คอย่างน้อย 2 เฮนรี) อยู่ระหว่างหลอดและ คาปาซิเตอร์ ที่ถูกใช้  ดังนั้นสรุปว่า วงจร พายฟิลเตอร์ สามารถถูกสร้างด้วยแคป 50 ถึง 100 uF,มีโช๊ค, แล้วคาปาซิเตอร์อื่นๆ มีค่าสูงกว่าได้มากหลังจากนั้น

ถ้าตัวเรียงกระแสเป็นซิลิคอนถูกใช้ ค่าอย่างน้อยควรเป็น 2 เท่า what the diode is likely to see ???   ไดโอดซิลิคอนไม่สามารถขนานเพื่อเพิ่มกระแสได้ แต่มันสามารถต่ออนุกรมเพื่อเพิ่มโวลต์ได้ ถ้าใช้งานในแบบอนุกรมไดโอดแต่ละตัวควรขนาดด้วย ตัวต้านทาน 470K  (watt อะไรก็ได้) และ คาปาซิเตอร์ 1000pF (โวลต์เดียวกันกับไดโอด)
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.so-nE ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 01:37:10 am
ขอบคุณที่แปลให้ครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Aufklarung ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 02:32:57 am
อ้างถึง
One of the most overlooked specs regarding tube amplifiers is the one about the maximum size of capacitor that may be hooked
directly to the tube's filament or cathode. This spec has been pushed a lot by OEM's in recent years, resulting in a higher than normal
 instance of tube arc-over failure in these amplifiers, when the capacitors charge up initially, the maximum surge current rating is exceeded.

A good rule of thumb is that capacitors no larger than 100 uF should be attached directly to a filament-cathode (5U4,etc), no larger than 50 uF
to a heater- cathode (5AR4, etc). Large filter capacitors up to 500 uF (maybe more) can be used with a tube recitifier, provided enough impedance
(usually a choke at least 2 henries) is between the tube and the capacitor is used. Thus a pi-filter can be made with a 50 to 100 uF cap, a choke,
then another capacitor of much higher value after that.

ผมแปลความหมายอย่างนี้ครับ

สเปคตัวหนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามในเครื่องเสียงหลอดคือ ค่าสูงสุดของ C ที่ถูกต่อเข้าโดยตรงกับใส้หลอดหรือคาโถด ซึ่งค่าของC ตัวนี้
(This spec ใน quote)ได้ถูกเพิ่มขึ้นมากโดยผู้ผลิตในช่วงหลายปีมานี้ เป็นผลให้ เกิดการอาร์คข้ามชิ้นส่วนในหลอดทำมีการพังเสียหายมากกว่าอัตราปรกติใน
เครื่องขยายเสียงเหล่านั้น เมื่อ C ได้รับการประจุครั้งแรก (note เป็นตอนที่ C ยังไม่มีประจุ ** ผู้แปล) , กระแสกระชากสูงสุดจะเกินกว่าอัตราที่รับได้
(exceed ในquote)  สิ่งที่ควรทำ(rule of thumb กฏหัวแม่มือ)คือ เจ้าCตัวนั้นต้องไม่ใหญ่เกิน 100uF สำหรับต่อเข้ากับหลอดที่ใช้ใส้หลอดเป็นคาโถด(เช่น 5u4)
และไม่มากไปกว่า 50uF สำหรับชนิดที่ไม่ได้ใช้ใส้หลอดเป็นคาโถดโดยตรง(แต่ต่อกันภายใน เป็นหลอดอินไดเรค ** ผู้แปล) (เช่น 5AR4และอื่นๆ)
การจะใช้ C ค่ามากๆขึ้นไปถึง  500uF (หรือมากกว่า) สามารถใช้ได้ในแอมป์หลอด ถ้าเราสามารถทำให้วงจรมีอิมพิแดนซ์(มาก)เพียงพอ
(โดยมากจะใช้โช๊คไม่น้อยกว่า 2 Henry) ในระหว่างหลอดและCที่จะใช้ (ลักษณะของ choke input คือ คาโถดหลอด---->choke--->Cค่าสูงๆ)
หรือวงจรฟิลเตอร์แบบพายที่มี C ตัวแรก 50 หรือ 100uF ต่อไปที่โช๊ค และ C ตัวหลังที่มีค่าสูงกว่าเยอะๆ

ลองอ่านค่าดูดีๆครับ เขายกตัวอย่างว่า ใช้ไม่ควรเกิน 100uF สำหรับหลอดไดเรคฮีตเช่น5u4 และ 50uF สำหรับอินไดเรคฮีตเช่น 5AR4 ซึ่งในที่นี้เขาไม่ได้บอกว่าละเมิด
สเป็คตามแรงไฟได้อย่างที่คุณบอกเขาแค่ยกตัวอย่างว่าหลักการเลือกใช้ C ของเขาแบบง่ายๆเท่านั้น ซึ่งถ้าใช้หลักที่คุณบอกทำไมเขาไม่ให้ 5AR4 ซึ่งจริงๆแล้วใช้ C
ได้ 60uF ไปใช้แค่ไม่ควรเกิน 50uF ล่ะ ทำไมไม่ใช้ 100uFไปเลยซึ่ง น่าจะใช้ได้นะและไม่มีตรงใหนที่บอกว่า ไฟต่ำๆใช้ C เกินได้นะครับ ซึ่งเหตุผลของค่า C
ก็มีตามวรรคแรกๆแล้วเรื่องของกระแสกระชากและอัตราที่หลอดทนได้เมื่อประจุ C ตัวแรกตอนที่ C ยังไม่มีประจุ (เสมือนลัดวงจร)
ส่วนสำคัญที่ผมพยายามจะบอกคือยิ่ง C มากยิ่งต้องใช้เวลาในการประจุนานซึ่งช่วงเวลาที่นานขึ้นนี้สามารถเผาหลอดได้สบายๆโดยไม่เกี่ยวว่าไฟสูงหรือต่ำครับ
ซึ่งหลอดเมื่ออาร์คแล้วก็มักจะเสียหายไปเลย (ยกเว้นกรณีอาร์คที่ฐานหลอดที่พอจะซ่อมได้)

ปล. หลอดบางหลอดอาจจะทน C ที่มากกว่าสเป็คมากๆได้ครับแต่ผมเชื่อว่าอายุของมันจะสั้นลงอย่างแน่นนอน ส่วนถ้าอยากใช้ C ค่ามากๆก็มีคำแนะนำตอนท้ายแล้วครับ
ว่าให้ใช้ choke input หรือไม่ก็pi filter ที่มี C ตัวหลังค่ามากๆ ส่วนเรื่องไดโอดไม่มีความเห็นครับ

--- EDIT---
แก้ไขใช้ chorme โพสแล้ว preview ไม่ได้เลยจัดย่อหน้าใหม่
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: gai ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 07:33:13 am
ความเข้าใจของผมเกี่ยวกับบทความนี้  น่าจะกล่าวถึง OEM ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องเสียงไร้สังกัด มักจะใส่ C ตัวแรกมีค่ามาก แล้วทำให้เกิดการเสียหายกับหลอด เนื่องจากการ arc-over  เหตุผลก็เป็นดังที่คุณ Aufklarung อธิบาย
ส่วนคำว่า Rule of thumb มันแปลว่า การประมาณการคร่าวๆ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์การคำนวนอะไร และไม่ถุกต้องเสมอไปด้วย  ประโยคนั้น มันน่าจะหมายถึงว่า ประมาณการคร่าวๆ ที่ดีคือ การใช้ C ไม่เกิน 100 uF สำหรับหลอด 5U4.........

ในส่วนของการใช้ diode เค้าไม่แนะนำให้ขนานกัน ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นเพราะถ้าจะขนานกัน ต้องได้ diode ที่ matching การนำกระแส 100%  มิฉะนั้น มันจะพังได้ง่าย เพราะกระแสอาจจะไหลผ่านตัวหนึ่งมากกว่าอีกตัวหนึ่งจนเกินกระแสสูงสุดของตัว ทำให้ตัวมันไหม้ แล้วกระแสทั้งหมดก็จะไปไหลผ่านตัวที่เหลือ ทำให้อีกตัวไหม้ตามอย่างรวดเร็วครับ  เค้าแนะนำให้ต่ออนุกรม แต่ให้ใช้ R คร่อม น่าจะเป็นเพราะ ความสามารถในการทนแรงดันของ diode น่าจะมีการเผื่อไว้ค่อนข้างมาก หรือเมื่อกระแสไหลผ่านเท่ากัน แรงดันตกคร่อมอาจจะต่างกันน้อย ไม่ทำให้ diode เสียหายได้ง่าย ต่อ R ไว้คุมแรงดัน ก็คงจะปลอดภัยเพียงพอครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: EaGLEViEW ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 08:00:13 am
   คุ้นๆเหมือนกันครับ ว่าเคยเรียนอยู่ในวิชา Noise Reduction ครับ  เหมือนว่าการเกิด Breakdown แบบนี้เค้าจะเรียกว่า Arc Discharge ซึ่งที่เกิดขึ้นที่แรงดันต่ำแต่กระแสสูงและยังสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสูญญากาศ

  :secret :secret :secret :secret :secret :secret :secret :secret

   การเกิดประกายไฟนั้น เราจะเรียกว่าการเกิดการ BreakDown ครับ โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ

1. Gas Discharge เกิดจากการแตกตัวของอากาศครับ มักเกิดขึ้นในกรณีที่ แรงดันสูงๆ โดยกระแสไม่จำเป็นต้องมีค่ามากครับ  ในสภาพสูญญากาศจะไม่มีโอกาศเกิดการ Breakdown แบบนี้ครับ

2. Arc Discharge เกิดจากการเคลื่อนที่ของ electron ในสนามเหนี่ยวนำ จึงเกิดขึ้นได้แม้ในสูญญากาศ เพราะไม่ต้องอาศัยการแตกตัวของอากาศดังเช่นกรณีแรกครับ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในหลอดครับผมจึงคิดว่าค่าของแรงดันไฟสูงแทบจะไม่มีผลต่อการเลือกใช้ C เลยครับ  อาจมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเราใช้กับไฟต่ำๆจริงครับเช่นอาจจะไม่ถึง 50-60 Volt ซึ่งน้อยมากที่เราจะใช้งานในช่วงนี้ครับ


 :headphone :headphone :headphone
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: gai ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 08:26:37 am
อ่านดูแล้ว แรงดันไม่น่ามีผลต่อความเสียหายในกรณีนี้ (arc-over)
แต่เกิดความสงสัยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากเวลาที่นานในการประจุ C  แล้วค่าไหนที่ใช้กำหนดเวลาในการประจุ C  ใช่กระแสหรือปล่าวครับ  ถ้าเป็นกระแสค่าของ C ควรจะแปรตามกระแสที่ออกแบบหรือไม่ครับ
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: ลำน้ำ ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 08:54:58 am
สนุกดีครับ ได้แลกเปลี่ยน เหมือนเป็นนักวิชาการ กับ ภาษาศาสตร์ ขึ้นมาทันทีเลยครับ

"Rule of thumb มันแปลว่า การประมาณการคร่าวๆ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์การคำนวนอะไร"

ผมก็นึกไปถึงเรื่องทิศทางสนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก อะไรไปนั้น เลยคิดว่าเกี่ยวอะไรกันฟ้า


-------------------------------------------------------------
เยี่ยมเลยครับ น้าอังกาลุง
V
V
V
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Aufklarung ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 10:06:32 am
---SNIP---
ในส่วนของการใช้ diode เค้าไม่แนะนำให้ขนานกัน ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นเพราะถ้าจะขนานกัน ต้องได้ diode ที่ matching การนำกระแส 100%  มิฉะนั้น มันจะพังได้ง่าย เพราะกระแสอาจจะไหลผ่านตัวหนึ่งมากกว่าอีกตัวหนึ่งจนเกินกระแสสูงสุดของตัว ทำให้ตัวมันไหม้ แล้วกระแสทั้งหมดก็จะไปไหลผ่านตัวที่เหลือ ทำให้อีกตัวไหม้ตามอย่างรวดเร็วครับ  เค้าแนะนำให้ต่ออนุกรม แต่ให้ใช้ R คร่อม น่าจะเป็นเพราะ ความสามารถในการทนแรงดันของ diode น่าจะมีการเผื่อไว้ค่อนข้างมาก หรือเมื่อกระแสไหลผ่านเท่ากัน แรงดันตกคร่อมอาจจะต่างกันน้อย ไม่ทำให้ diode เสียหายได้ง่าย ต่อ R ไว้คุมแรงดัน ก็คงจะปลอดภัยเพียงพอครับ
เสริมครับ

หลักการเดียวกับคอนแทครีเลย์กรณีที่มีหลายคอนแทคแล้วมีคนถามว่าเอามาขนานเพื่อเพิ่มเรตกระแสได้ใหม
คำตอบคือไม่ได้ครับ เพราะหน้าคอนแทคที่ดูเหมือนดูดลงไปพร้อมๆกันมันไม่ได้พร้อมกันจริงๆสิครับ อาจจะ
ต่างกันเป็นเวลาน้อยๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คอนแทคที่ไปติดเป็นตัวแรกๆละลายเนื่องจากกระแสเกินได้แล้ว
และพอคอนแทคดีดกลับไอ้อันที่จากเป็นตัวสุดท้ายก็มีสิทธิละลายได้อีก ไดโอดก็เหมือนๆกันคือ คุณสมบัติที่แตกต่าง
กันของไดโอดแต่ละตัวจะทำให้มันนำกระแสต่างกัน ทีนีั้พอเอามาขนานตัวที่ดันนำกระแสดีกว่าก็รับโหลดมากกว่า
ซึ่งถ้าบังเอิญรับโหลดเกินที่กำหนดก็เจ้งครับ พอตัวแรกเจ้งตัวที่สองก็ตามๆกันไป

ปล.เรื่องรีเลย์จำมาจากวารสารเซมิฯฉบับนึงคอลัมน์ตอบจดหมายครับ

-- เพิ่มเติม --
แต่มีประเด็นที่น่าสนใจทดลองเกี่ยวกับเรื่องการขนานไดโอดนี้คือ ถ้าเราเอา R ค่าน้อยๆมาอนุกรมเข้ากับไดโอดทั้งสอง(คือมี R 1 ตัวต่อไดโอด 1 ตัว)
จะแก้ปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่แตกต่างนี้ได้ใหม :-\
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Aufklarung ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 10:15:44 am
อ่ะ google ช่วยได้ ลองไปอ่านดูกันครับเรื่องการขนานไดโอด http://www3.telus.net/chemelec/Projects/Diodes-in-Parallel.htm  :bye1
หัวข้อ: Re: เค้าใช้ C Oil กันยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: EaGLEViEW ที่ 05 พฤศจิกายน, 2010, 10:44:01 am
อ่านดูแล้ว แรงดันไม่น่ามีผลต่อความเสียหายในกรณีนี้ (arc-over)
แต่เกิดความสงสัยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากเวลาที่นานในการประจุ C  แล้วค่าไหนที่ใช้กำหนดเวลาในการประจุ C  ใช่กระแสหรือปล่าวครับ  ถ้าเป็นกระแสค่าของ C ควรจะแปรตามกระแสที่ออกแบบหรือไม่ครับ

ถ้านานอย่างเดียวแต่กระแสไม่มากเช่นถูก limit ไว้ด้วย R ก็ไม่เปนไรครับ  แต่ที่เราพูดกันนั้นคือในอุดมคติตอน Charge C จะเหมือนคล้ายๆกับการ Shot Circuit วงจรครับกระแสจะไหลมหาศาลและค่อยๆลดลงจนกว่า C จะเต็มครับ

ค่าเวลา time constant = R x C ครับ